บท 14
พระยะโฮวาจัดเตรียม “ค่าไถ่ให้คนมากมาย”
1, 2. คัมภีร์ไบเบิลบอกยังไงเกี่ยวกับสภาพที่เราเจอ และอะไรคือวิธีเดียวที่จะช่วยเราให้พ้นจากสภาพนั้น?
“สิ่งที่พระเจ้าสร้างทั้งหมดเจ็บปวดคร่ำครวญกันมาจนถึงตอนนี้” (โรม 8:22) ด้วยคำพูดนี้อัครสาวกเปาโลอธิบายสภาพที่น่าสงสารที่เราเจอ เราอาจคิดว่าความทุกข์ บาป และความตายไม่มีวันหมดไป แต่พระยะโฮวาไม่มีขีดจำกัดเหมือนมนุษย์ พระองค์ทำได้ทุกอย่าง (กันดารวิถี 23:19) พระเจ้าแห่งความยุติธรรมได้จัดเตรียมวิธีเพื่อช่วยเรา ซึ่งก็คือค่าไถ่
2 ค่าไถ่เป็นของขวัญที่มีค่าที่สุดที่พระยะโฮวาให้กับมนุษย์ ค่าไถ่ช่วยเราให้พ้นจากบาปและความตาย (เอเฟซัส 1:7) ค่าไถ่ทำให้เรามีความหวังที่จะมีชีวิตตลอดไปได้ ไม่ว่าจะในสวรรค์หรือบนโลกที่เป็นอุทยาน (ลูกา 23:43; ยอห์น 3:16; 1 เปโตร 1:4) แต่ค่าไถ่คืออะไร? ค่าไถ่สอนเราให้เรารู้อะไรเกี่ยวกับความยุติธรรมที่ยอดเยี่ยมของพระยะโฮวา?
ทำไมถึงต้องมีค่าไถ่?
3. (ก) ทำไมถึงต้องมีค่าไถ่? (ข) ทำไมพระยะโฮวาถึงไม่ให้ลูกหลานที่ไม่สมบูรณ์แบบของอาดัมมีชีวิตอยู่ตลอดไป?
3 เราต้องมีค่าไถ่เพราะอาดัมทำบาป โดยการไม่เชื่อฟังพระเจ้า อาดัมทำให้ลูกหลานของเขาต้องเจ็บป่วย ต้องเจอกับความทุกข์และความตาย (ปฐมกาล 2:17; โรม 8:20) พระเจ้าต้องจัดการกับเรื่องที่เกิดขึ้น เพราะถ้าพระองค์ให้ลูกหลานที่ไม่สมบูรณ์แบบของอาดัมมีชีวิตอยู่ตลอดไป ก็เท่ากับพระองค์ไม่ได้ทำตามกฎหมายของพระองค์เองที่ว่า “ค่าจ้างที่บาปจ่ายคือความตาย” (โรม 6:23) และถ้าพระยะโฮวาละเลยมาตรฐานความยุติธรรมของพระองค์ก็คงจะมีความวุ่นวายเกิดขึ้น เพราะทั้งทูตสวรรค์และมนุษย์อาจรู้สึกว่าไม่จำเป็นต้องเชื่อฟังกฎหมายของพระเจ้า
4, 5. (ก) ซาตานใส่ร้ายพระเจ้ายังไง และทำไมพระยะโฮวาต้องจัดการกับข้อกล่าวหาเหล่านั้น? (ข) ซาตานกล่าวหาผู้รับใช้ที่ภักดีของพระยะโฮวายังไง?
4 เราได้เห็นในบท 12 ว่าการกบฏในสวนเอเดนทำให้เกิดคำถามที่สำคัญมาก ซาตานทำให้พระเจ้าเสียชื่อเสียง มันกล่าวหาพระยะโฮวาว่าพูดโกหก ใช้อำนาจอย่างผิด ๆ และทำให้ผู้ที่พระองค์สร้างไม่มีอิสระ (ปฐมกาล 3:1-5) โดยการทำให้อาดัมกับเอวาไม่เชื่อฟังพระเจ้า ซาตานยังทำให้เกิดข้อสงสัยว่าพระยะโฮวาไม่สามารถทำให้คำสัญญาต่าง ๆ ของพระองค์เกิดขึ้นจริงและทำให้คนดีได้อยู่บนโลกตลอดไป (ปฐมกาล 1:28; อิสยาห์ 55:10, 11) ถ้าพระยะโฮวาไม่ได้ทำให้เห็นว่าซาตานโกหก ทูตสวรรค์มากมายและมนุษย์จะสงสัยว่าพระองค์เป็นผู้ปกครองที่ดีที่สุดจริง ๆ ไหม
5 ซาตานยังใส่ร้ายผู้รับใช้ที่ภักดีของพระยะโฮวาด้วย มันกล่าวหาว่าพวกเขารับใช้พระเจ้าเพราะเห็นแก่ตัว และถ้าเจอความลำบากพวกเขาก็จะไม่ซื่อสัตย์ต่อพระองค์ (โยบ 1:9-11) เรื่องนี้สำคัญมากกว่าสภาพที่ยากลำบากของมนุษย์ ดังนั้น พระยะโฮวาตัดสินใจที่จะจัดการกับข้อกล่าวหาที่ซาตานใส่ร้ายพระองค์ แล้วพระเจ้าจะทำอย่างนั้นและช่วยมนุษย์ให้รอดได้ยังไง?
ค่าไถ่ต้องมีค่าเท่ากัน
6. คัมภีร์ไบเบิลใช้คำอะไรบ้างเพื่ออธิบายวิธีที่พระเจ้าช่วยมนุษย์ให้รอด?
6 พระยะโฮวาจัดการกับข้อกล่าวหาในแบบที่ยุติธรรมและแสดงความเมตตา วิธีของพระองค์ไม่ซับซ้อนและฉลาด ซึ่งไม่มีมนุษย์คนไหนจะคิดออกได้ มีการพูดถึงวิธีนั้นว่าเป็นค่าไถ่ การให้อภัยความผิด และการคืนดี (สดุดี 49:8; ดาเนียล 9:24; กาลาเทีย 3:13; โคโลสี 1:20; ฮีบรู 2:17) คำพูดของพระเยซูอธิบายเรื่องนี้ได้ดีที่สุด ท่านบอกว่า “‘ลูกมนุษย์’ ไม่ได้มาให้คนอื่นรับใช้ แต่มารับใช้คนอื่น และสละชีวิตเป็นค่าไถ่ [คำกรีก ลูตรอน] ให้คนมากมาย”—มัทธิว 20:28
7, 8. (ก) ในคัมภีร์ไบเบิลคำว่า “ค่าไถ่” มีความหมายว่าอะไร? (ข) เรารู้ได้ยังไงว่าค่าไถ่ต้องมีค่าเท่ากัน?
7 ค่าไถ่คืออะไร? คำภาษากรีกที่ใช้ในข้อนี้มาจากคำกริยาที่หมายความว่า “ปล่อย ปลดปล่อย” มีการใช้คำนี้เพื่ออธิบายเกี่ยวกับเงินที่จ่ายไปเพื่อปล่อยตัวเชลยสงคราม ดังนั้น อาจอธิบายค่าไถ่ได้ว่าเป็นสิ่งที่จ่ายไปเพื่อซื้ออะไรบางอย่างคืนมา ในพระคัมภีร์ภาคภาษาฮีบรู คำที่แปลว่า “ค่าไถ่” (โกเฟอร์) มาจากคำกริยาที่หมายถึง “ปิดคลุม” ตัวอย่างเช่น พระเจ้าสั่งโนอาห์ว่าเขาต้อง “ทา” [ปิดคลุม] (รูปคำเดียวกัน) น้ำมันดินทั้งด้านในและด้านนอกเรือ (ปฐมกาล 6:14) เรื่องนี้ช่วยเราให้เข้าใจว่าค่าไถ่ยังหมายถึงการปิดคลุมบาปด้วย—สดุดี 85:2, เชิงอรรถ
8 พจนานุกรมเทววิทยาของคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่ (ภาษาอังกฤษ) พูดถึงคำนี้ (โกเฟอร์) ว่า “หมายถึงของที่มีค่าเท่ากันเสมอ” หรือตรงกัน ดังนั้น เพื่อจะไถ่หรือปิดคลุมบาป ก็ต้องจ่ายด้วยราคาที่เท่ากันหรือชดใช้ค่าเสียหายที่เกิดจากบาปนั้นอย่างครบถ้วน ดังนั้น กฎหมายของพระเจ้าที่ให้กับชาวอิสราเอลจึงบอกว่า “ชีวิตจะต้องแทนด้วยชีวิต ตาแทนตา ฟันแทนฟัน มือแทนมือ เท้าแทนเท้า”—เฉลยธรรมบัญญัติ 19:21
9. ทำไมคนที่มีความเชื่อถึงได้ถวายเครื่องบูชาที่เป็นสัตว์ และพระยะโฮวามองเครื่องบูชาเหล่านั้นยังไง?
9 ตั้งแต่สมัยของอาเบล ผู้รับใช้ของพระเจ้าได้ถวายเครื่องบูชาที่เป็นสัตว์ให้พระองค์ โดยทำอย่างนั้น พวกเขายอมรับว่าเป็นคนบาปและต้องได้รับการให้อภัย และเชื่อว่าพระเจ้าจะช่วยพวกเขาให้พ้นจากบาปได้โดยทาง “ลูกหลาน” ตามคำสัญญาของพระองค์ (ปฐมกาล 3:15; 4:1-4; เลวีนิติ 17:11; ฮีบรู 11:4) พระยะโฮวาพอใจเครื่องบูชาเหล่านั้นและมองว่าพวกเขาเป็นผู้รับใช้ของพระองค์ แต่เครื่องบูชาที่เป็นสัตว์ที่ดีที่สุดก็ยังไม่สามารถปิดคลุมบาปของมนุษย์ได้จริง ๆ เพราะสัตว์มีค่าน้อยกว่ามนุษย์ (สดุดี 8:4-8) คัมภีร์ไบเบิลบอกว่า “เลือดวัวตัวผู้และเลือดแพะขจัดบาปไม่ได้” (ฮีบรู 10:1-4) เครื่องบูชาเหล่านั้นเป็นแค่ภาพแสดงถึงหรือสัญลักษณ์ของเครื่องบูชาไถ่ที่แท้จริงที่จะมาภายหลัง
“ค่าไถ่ที่มีค่าเท่าเทียมกัน”
10. (ก) ค่าไถ่ของพระเยซูต้องมีค่าเท่าเทียมกับใคร และเพราะอะไร? (ข) ทำไมค่าไถ่ของมนุษย์คนเดียวถึงเพียงพอแล้ว?
10 อัครสาวกเปาโลบอกว่า “ทุกคนตายเพราะอาดัม” (1 โครินธ์ 15:22) ดังนั้น คนที่สละชีวิตเป็นค่าไถ่ต้องเป็นมนุษย์สมบูรณ์แบบเหมือนอาดัม (โรม 5:14) เพื่อจะทำตามความยุติธรรมของพระยะโฮวา ก็ต้องมีคนที่สมบูรณ์แบบซึ่งไม่ได้รับบาปและความตายจากอาดัมถึงจะเป็น “ค่าไถ่ที่มีค่าเท่าเทียมกันสำหรับทุกคน” ได้ (1 ทิโมธี 2:6) ไม่จำเป็นที่มนุษย์หลายล้านคนต้องสละชีวิตของตัวเองเป็นค่าไถ่ อัครสาวกเปาโลได้อธิบายว่า “บาปเข้ามาในโลกเพราะคนคนเดียว [อาดัม] และความตายเกิดขึ้นเพราะบาปนั้น” (โรม 5:12) เนื่องจาก “ความตายเกิดขึ้นเพราะมนุษย์คนหนึ่ง” พระเจ้าจึงได้จัดเตรียมค่าไถ่เพื่อช่วยมนุษย์ “เพราะมนุษย์คนหนึ่ง” เหมือนกัน (1 โครินธ์ 15:21) พระยะโฮวาทำแบบนั้นยังไง?
“ค่าไถ่ที่มีค่าเท่าเทียมกันสำหรับทุกคน”
11. (ก) ผู้ไถ่จะต้อง “มาตายแทนทุกคน” ยังไง? (ข) ทำไมอาดัมกับเอวาจะไม่ได้รับประโยชน์จากค่าไถ่? (ดูเชิงอรรถ)
11 พระยะโฮวาจัดเตรียมให้มีมนุษย์สมบูรณ์แบบคนหนึ่งที่พร้อมจะสละชีวิตของตัวเองเป็นค่าไถ่ โรม 6:23 บอกว่า “ค่าจ้างที่บาปจ่ายคือความตาย” ในการสละชีวิตของตัวเองเป็นค่าไถ่ ผู้ไถ่จะต้อง “มาตายแทนทุกคน” และเขาต้องชดใช้ค่าจ้างบาปของอาดัม (ฮีบรู 2:9; 2 โครินธ์ 5:21; 1 เปโตร 2:24) นี่จะเป็นประโยชน์มากจริง ๆ ค่าไถ่จะทำให้ลูกหลานของอาดัมที่เชื่อฟังพระเจ้าพ้นจากความตาย โดยวิธีนี้บาปและความตายจะไม่มีอำนาจเหนือพวกเขาอีกต่อไปa—โรม 5:16
12. ขอยกตัวอย่างว่าการใช้หนี้ของคนเดียวอาจเป็นประโยชน์กับหลายคนได้ยังไง
12 ตัวอย่างเช่น ขอให้นึกภาพว่าคุณอยู่ในเมืองหนึ่งซึ่งคนส่วนใหญ่รวมถึงคุณด้วยทำงานให้กับบริษัทใหญ่ที่หนึ่ง พวกคุณได้เงินเดือนที่ดีและมีชีวิตที่สะดวกสบาย แต่อยู่มาวันหนึ่งบริษัทก็ปิดกิจการเพราะผู้จัดการโกงเงินและทำให้บริษัทล้มละลาย นี่ทำให้คุณกับคนอื่น ๆ ตกงานและไม่มีเงินสำหรับค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ในครอบครัว และเจ้าหนี้ของบริษัทต้องเดือดร้อนเพราะการทุจริตของคนคนเดียว มีวิธีแก้ปัญหาไหม? มีสิ มีคนใจดีที่ร่ำรวยคนหนึ่งได้ตัดสินใจจะเข้ามาช่วยเหลือ เขารู้ว่าบริษัทนี้มีประโยชน์กับคนในเมืองและเขายังรู้สึกสงสารคนงานและครอบครัวพวกเขาด้วย ดังนั้น เขาเลยใช้หนี้ให้และทำให้บริษัทนี้กลับมาเปิดอีกครั้ง การจ่ายหนี้ของเขาช่วยคนงานและครอบครัวพวกเขารวมทั้งเจ้าหนี้ทั้งหลายด้วย คล้ายกัน เมื่อพระเยซูชดใช้หนี้ของอาดัมท่านได้ช่วยหลายล้านคนให้ได้รับประโยชน์
ใครจัดเตรียมค่าไถ่?
13, 14. (ก) พระยะโฮวาเตรียมค่าไถ่ให้มนุษย์ยังไง? (ข) มีการจ่ายค่าไถ่กับใคร และเรื่องนี้สอนอะไรเกี่ยวกับพระยะโฮวา?
13 พระยะโฮวาเท่านั้นที่สามารถจัดเตรียม “ลูกแกะ . . . ที่จะรับบาปของโลกไป” (ยอห์น 1:29) พระองค์จะเลือกทูตสวรรค์องค์ไหนก็ได้เพื่อมาช่วยมนุษย์ แต่พระองค์ส่งทูตสวรรค์ที่จะตอบข้อกล่าวหาของซาตานได้ดีที่สุด พระยะโฮวาเสียสละมากจริง ๆ ที่ส่งลูกชายคนเดียวที่ “พระองค์รัก” มาให้เรา (สุภาษิต 8:30) ลูกของพระองค์ก็ “ยอมสละทุกสิ่ง” นี่หมายความว่าท่านเต็มใจสละทุกสิ่งที่ท่านเคยมีในสวรรค์ (ฟีลิปปี 2:7) พระยะโฮวาใช้การอัศจรรย์เพื่อให้ลูกของพระองค์มาเกิดในท้องของสาวบริสุทธิ์ที่ชื่อมารีย์ (ลูกา 1:27, 35) ตอนที่เป็นมนุษย์ ท่านถูกเรียกว่าพระเยซู และคัมภีร์ไบเบิลเรียกท่านว่าอาดัมคนหลัง เพราะท่านเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์แบบเหมือนกับอาดัม (1 โครินธ์ 15:45, 47) ดังนั้น พระเยซูเลยให้ชีวิตที่สมบูรณ์แบบของท่านเป็นค่าไถ่ให้กับมนุษย์ทุกคนได้
14 แล้วต้องจ่ายค่าไถ่นั้นให้กับใคร? สดุดี 49:7 บอกอย่างชัดเจนว่าต้องจ่ายค่าไถ่ “ให้พระเจ้า” แต่ทำไมต้องจ่ายค่าไถ่ให้กับพระยะโฮวาทั้ง ๆ ที่พระองค์เป็นผู้จัดเตรียมค่าไถ่ นี่เหมือนกับการเอาเงินออกจากกระเป๋าหนึ่งไปใส่อีกกระเป๋าหนึ่งไหม? ไม่ ขอจำไว้ว่าค่าไถ่สอนเรื่องสำคัญเกี่ยวกับความยุติธรรมของพระยะโฮวา การที่พระยะโฮวาให้ลูกของพระองค์มาเป็นค่าไถ่แสดงให้เห็นว่าพระองค์ทำตามมาตรฐานเรื่องความยุติธรรมเสมอ ถึงแม้พระองค์จะรู้สึกเจ็บปวดมากก็ตาม—ปฐมกาล 22:7, 8, 11-13; ฮีบรู 11:17; ยากอบ 1:17
15. ทำไมพระเยซูต้องทนทุกข์และเสียชีวิต?
15 ในช่วงต้นปี ค.ศ. 33 พระเยซูเต็มใจทนทุกข์เพื่อเป็นค่าไถ่ ท่านยอมถูกจับด้วยข้อกล่าวหาเท็จ ถูกตัดสินว่ามีความผิด และถูกตรึงบนเสาทรมาน จำเป็นจริง ๆ ไหมที่พระเยซูต้องทนทุกข์ขนาดนั้น? จำเป็น เพราะท่านต้องพิสูจน์ว่าข้อกล่าวหาของซาตานเป็นเรื่องโกหกที่ว่าไม่มีผู้รับใช้คนไหนของพระเจ้าจะซื่อสัตย์กับพระองค์ น่าสนใจที่พระเจ้าไม่ยอมให้เฮโรดฆ่าพระเยซูตอนที่ท่านยังเป็นเด็ก (มัทธิว 2:13-18) ตอนที่พระเยซูเป็นผู้ใหญ่ซาตานโจมตีท่านอย่างหนัก พระเยซูเข้าใจข้อกล่าวหาที่ซาตานยกขึ้นมาและท่านสามารถพิสูจน์เรื่องนั้นได้b ทั้ง ๆ ที่ถูกทดสอบอย่างหนักท่านยังคง “ภักดี ไม่มีความผิด บริสุทธิ์ แตกต่างกับคนบาป” และท่านได้พิสูจน์ว่าพระยะโฮวามีผู้รับใช้ที่ยังคงซื่อสัตย์แม้ต้องเจอกับการทดสอบ (ฮีบรู 7:26) นี่ช่วยให้เราเข้าใจว่าทำไมท่านถึงร้องเสียงดังว่า “สำเร็จแล้ว” ตอนที่ท่านกำลังจะเสียชีวิต—ยอห์น 19:30
พระเยซูขอพระยะโฮวาให้รับค่าไถ่
16, 17. (ก) พระเยซูต้องทำอะไรเพื่อค่าไถ่จะมีผลบังคับใช้? (ข) ทำไมพระเยซูต้องปรากฏตัว “ต่อหน้าพระเจ้าเพื่อเรา”?
16 หลังจากที่พระเยซูตายไปแล้ว 3 วัน พระยะโฮวาก็ปลุกท่านให้ฟื้นขึ้นมา (กิจการ 3:15; 10:40) พระยะโฮวาทำการอัศจรรย์นี้เพื่อเป็นรางวัลให้ลูกของพระองค์ที่รับใช้อย่างซื่อสัตย์ พระองค์แต่งตั้งพระเยซูให้เป็นมหาปุโรหิต และท่านต้องทำบางอย่างที่สำคัญเพื่อค่าไถ่จะมีผลบังคับใช้ (โรม 1:4; 1 โครินธ์ 15:3-8) อัครสาวกเปาโลพูดถึงสิ่งที่ท่านต้องทำว่า “เมื่อพระคริสต์มาในฐานะมหาปุโรหิต . . . ท่านเข้าไปในสถานบริสุทธิ์โดยเอาเลือดของท่านเองเข้าไปด้วย ไม่ใช่เลือดแพะและเลือดวัวหนุ่ม ท่านเข้าไปเพียงครั้งเดียวและรับเอาความรอดตลอดไปมาให้เรา พระคริสต์ไม่ได้เข้าไปในสถานบริสุทธิ์ซึ่งมนุษย์สร้างและเป็นแค่แบบจำลองจากของจริง แต่ท่านเข้าไปในสวรรค์เพื่อปรากฏตัวต่อหน้าพระเจ้าเพื่อเรา”—ฮีบรู 9:11, 12, 24
17 พระเยซูไม่ได้เอาเลือดจริง ๆ ของท่านเข้าไปในสวรรค์ (1 โครินธ์ 15:50) แต่นี่เป็นภาพเปรียบเทียบชีวิตมนุษย์สมบูรณ์แบบที่ท่านมอบให้กับพระยะโฮวา ตอนที่เข้าไปหาพระยะโฮวา ท่านก็ขอพระองค์ให้ยอมรับค่าไถ่ของท่านเพื่อแลกกับบาปทั้งหมดของมนุษย์ พระยะโฮวายอมรับค่าไถ่นั้นไหม? ใช่ เราเห็นเรื่องนี้ได้ในวันเพ็นเทคอสต์ปี ค.ศ. 33 ที่พระยะโฮวาให้พลังบริสุทธิ์กับสาวกประมาณ 120 คนในกรุงเยรูซาเล็ม (กิจการ 2:1-4) นี่เป็นเหตุการณ์ที่น่าตื่นเต้น แต่ก็เป็นจุดเริ่มต้นของสิ่งดี ๆ ที่ผู้รับใช้ของพระยะโฮวาจะได้รับผ่านทางค่าไถ่
ประโยชน์จากค่าไถ่
18, 19. (ก) คนสองกลุ่มที่ได้รับประโยชน์จากค่าไถ่คือใคร? (ข) ค่าไถ่มีประโยชน์ยังไงกับ “ชนฝูงใหญ่” ทั้งในตอนนี้และในอนาคต?
18 ในจดหมายที่เขียนถึงคริสเตียนในเมืองโคโลสี เปาโลอธิบายว่าโดยทางค่าไถ่พระเจ้าพอใจที่จะทำให้มนุษย์ทุกคนกลับมามีความสัมพันธ์ที่ดีกับพระองค์อีกครั้ง เปาโลอธิบายด้วยว่ามีคนสองกลุ่มที่จะกลับมาคืนดีกับพระเจ้าซึ่งถูกเรียกว่า “ทุกสิ่งทั้งบนสวรรค์และบนโลก” (โคโลสี 1:19, 20; เอเฟซัส 1:10) ‘ทุกสิ่งบนสวรรค์’ คือคริสเตียน 144,000 คนที่จะเป็นปุโรหิตและปกครองเป็นกษัตริย์ร่วมกับพระเยซูในสวรรค์ (วิวรณ์ 5:9, 10; 7:4; 14:1-3) ในช่วงหนึ่งพันปี พวกเขาจะทำงานร่วมกับพระเยซูเพื่อช่วยคนที่เชื่อฟังให้ได้รับประโยชน์มากมายจากค่าไถ่—1 โครินธ์ 15:24-26; วิวรณ์ 20:6; 21:3, 4
19 ‘ทุกสิ่งบนโลก’ คือคนที่มีความหวังที่จะมีชีวิตตลอดไปบนโลก วิวรณ์ 7:9-17 เรียกพวกเขาว่า “ชนฝูงใหญ่” ที่จะรอดผ่าน “ความทุกข์ยากลำบากครั้งใหญ่” แต่ตอนนี้พวกเขาก็ได้ประโยชน์จากค่าไถ่ด้วย พวกเขา “ได้ซักเสื้อคลุมของตัวเองและทำให้ขาวด้วยเลือดของลูกแกะของพระเจ้า” เพราะพวกเขาแสดงความเชื่อในค่าไถ่ ตอนนี้พวกเลยเขาได้รับสิ่งดี ๆ หลายอย่างจากพระยะโฮวา เช่น พวกเขาได้เป็นเพื่อนกับพระยะโฮวา (ยากอบ 2:23) ค่าไถ่ของพระเยซูยังทำให้พวกเขา “เข้าหาและกล้าพูดต่อหน้าบัลลังก์ของพระเจ้าผู้มีความกรุณาที่ยิ่งใหญ่” (ฮีบรู 4:14-16) เมื่อพวกเขาทำผิด พระเจ้าก็ให้อภัยพวกเขาได้ (เอเฟซัส 1:7) ถึงพวกเขาจะไม่สมบูรณ์แบบ แต่พวกเขาก็มีความรู้สึกผิดชอบชั่วดีที่สะอาดได้ (ฮีบรู 9:9; 10:22; 1 เปโตร 3:21) พวกเขามีความสัมพันธ์ที่ดีกับพระเจ้าได้ตั้งแต่ตอนนี้ (2 โครินธ์ 5:19, 20) ในช่วงการปกครองหนึ่งพันปี พวกเขาจะค่อย ๆ “ได้รับการปลดปล่อยจากการเป็นทาสความเสื่อม” และในที่สุดพวกเขาจะ “มีเสรีภาพที่งดงามแบบที่ลูกของพระเจ้ามี”—โรม 8:21
20. คุณรู้สึกยังไงเมื่อคิดใคร่ครวญเรื่องค่าไถ่มากขึ้น?
20 เรา “ขอบคุณพระเจ้าผ่านทางพระเยซูคริสต์” สำหรับค่าไถ่ (โรม 7:25) นี่เป็นวิธีที่เรียบง่ายและดีมากจริง ๆ และทำให้เราเห็นว่าพระยะโฮวามีสติปัญญาที่ลึกซึ้ง (โรม 11:33) เมื่อเราคิดใคร่ครวญเรื่องค่าไถ่ เราก็จะประทับใจและอยากใกล้ชิดกับพระยะโฮวาพระเจ้าที่ยุติธรรมมากขึ้น เหมือนกับผู้เขียนหนังสือสดุดี เรามีเหตุผลมากมายที่จะสรรเสริญพระยะโฮวาเพราะ “พระองค์รักความถูกต้องและความยุติธรรม”—สดุดี 33:5
a อาดัมกับเอวาจะไม่ได้รับประโยชน์จากค่าไถ่ กฎหมายของโมเสสพูดถึงคนที่ฆ่าคนโดยเจตนาว่า “พวกเจ้าอย่ารับค่าไถ่สำหรับไถ่ชีวิตของฆาตกรเพราะเขาสมควรตาย” (กันดารวิถี 35:31) เห็นได้ชัดว่าอาดัมกับเอวาสมควรตายเพราะเขาจงใจไม่เชื่อฟังพระเจ้าทั้ง ๆ ที่รู้ว่าผิด พวกเขาเลยไม่มีความหวังที่จะมีชีวิตอยู่ตลอดไป
b เพื่อพระเยซูจะให้ชีวิตของท่านเป็นค่าไถ่ที่มีค่าเท่าเทียมกับชีวิตสมบูรณ์แบบที่อาดัมทำให้เสียไป พระเยซูต้องตายตอนเป็นมนุษย์สมบูรณ์แบบที่เป็นผู้ใหญ่ไม่ใช่ตอนที่ยังเป็นเด็ก อย่าลืมว่า อาดัมเลือกที่จะไม่เชื่อฟังทั้ง ๆ ที่รู้ดีว่าสิ่งที่เขาทำนั้นผิดและจะเกิดผลอะไรตามมา ดังนั้น เพื่อจะเป็น “อาดัมคนหลัง” และปิดคลุมบาปนั้น พระเยซูต้องเป็นผู้ใหญ่เพื่อจะเข้าใจจริง ๆ ว่าสิ่งที่ท่านทำเป็นการรักษาความซื่อสัตย์ต่อพระยะโฮวา (1 โครินธ์ 15:45, 47) เมื่อพระเยซูซื่อสัตย์และสละชีวิตเป็นค่าไถ่ ท่านก็ทำให้พระยะโฮวายอมรับคนทุกชนิดได้โดย “การพิสูจน์ความซื่อสัตย์ครั้งเดียว”—โรม 5:18, 19