ข่าวดีนี้จะต้องประกาศก่อน
“กิตติคุณจะต้องประกาศทั่วประเทศทั้งปวงก่อน.”—มาระโก 13:10.
1, 2. อะไรเป็นสิ่งบ่งชี้ตัวเหล่าพยานฯและทำไม?
ทำไมพยานพระยะโฮวาประกาศอย่างไม่เลิกราเช่นนั้น? แน่นอน พวกเราเป็นที่รู้จักไปทั่วโลกเพราะงานประกาศของเราต่อสาธารณชน ไม่ว่าการไปตามบ้านเรือน, ประกาศริมถนน, หรือเมื่อสบโอกาส. ในทุกโอกาสที่เหมาะ เราแสดงตัวฐานะพยานฯและพยายามบอกข่าวดีที่เราถือว่าล้ำค่าอย่างผ่อนหนักผ่อนเบา. ที่จริง เราอาจพูดได้เลยว่า งานประกาศนี้เป็นสิ่งบ่งชี้ตัวเรา!—โกโลซาย 4:6.
2 ขอให้นึกดูก็แล้วกัน—เมื่อใดที่ผู้คนเห็นกลุ่มชาย, หญิง, และเด็กแต่งตัวสะอาดเรียบร้อย พร้อมกับหิ้วกระเป๋าเอกสารเข้ามาในละแวกบ้านเขา ปกติแล้วคนเหล่านั้นจะนึกถึงอะไรก่อน? เขาจะว่า ‘อ๋อ พวกคาทอลิก (หรือออร์โทด็อกซ์) มากันอีกแล้ว!’ หรือว่า ‘พวกนิกายเพ็นเตคอส (หรือแบพติสต์) พากันมาอีกแล้ว!’ อย่างนั้นไหม? ไม่หรอก. ประชาชนรู้ดีว่า ศาสนาเหล่านั้นจะไม่พากันไปเป็นครอบครัวเพื่อประกาศเผยแพร่ตามบ้าน. บางที มีศาสนาบางกลุ่มส่ง “มิชชันนารี” ไปอยู่ประจำในบางแห่งเป็นเวลาสองปี แต่สมาชิกของกลุ่มเหล่านั้นไม่ได้มีส่วนในงานประกาศดังกล่าวเลย. มีแต่พยานพระยะโฮวาเท่านั้นเป็นที่รู้จักกันทั่วโลกว่า กระตือรือร้นจะบอกเล่าข่าวสารให้ผู้อื่นทราบทุกโอกาสอันเหมาะสม. และผู้คนรู้ว่าพวกพยานฯมีวารสารหอสังเกตการณ์ และตื่นเถิด!—ยะซายา 43:10-12; กิจการ 1:8.
เปรียบเทียบกับนักเทศน์นักบวชแห่งคริสต์ศาสนจักร
3, 4. บ่อยครั้ง มีการพรรณนาพวกนักเทศน์นักบวชแห่งคริสต์ศาสนจักรเช่นไรในสื่อมวลชน?
3 เมื่อเปรียบเทียบให้เห็นชัดเจน รายงานข่าวได้เผยให้ทราบครั้งแล้วครั้งเล่าว่า ในบางประเทศนักเทศน์นักบวชจำนวนมากมีพฤติกรรมวิตถารทางเพศกับผู้เยาว์, เป็นคนฉ้อโกง, และหลอกลวง. พฤติกรรมทางโลกีย์ของพวกเขาและชีวิตซึ่งเพียบด้วยความโอ่อ่าหรูหราของเขานั้นปรากฏชัดให้ทุกคนเห็นอยู่แล้ว. นักแต่งเพลงมีชื่อผู้หนึ่งได้ประพันธ์เพลงอย่างเหมาะเจาะที่มีชื่อว่า “พระเยซูจะสวมนาฬิกาโรเล็กซ์เมื่อออกทีวีไหม?” เขาตั้งเป็นคำถามว่า “พระเยซูจะเล่นการเมืองไหมหากพระองค์เสด็จกลับมายังโลกนี้? พระองค์มีคฤหาสน์หลังที่สองที่ปาล์มสปริง [ชุมชนคนรวยในแคลิฟอร์เนีย] และพยายามปกปิดไม่ให้ใครรู้เห็นทรัพย์สินของพระองค์ไหม?” ถ้อยคำของยาโกโบช่างเหมาะเจาะเสียจริง ๆ ที่ว่า “ท่านทั้งหลายได้อยู่อย่างหรูหราฟุ่มเฟือยบนแผ่นดินโลก และได้หันเข้าหาความเพลิดเพลินทางเนื้อหนัง. ท่านทั้งหลายได้บำรุงหัวใจของท่านให้อ้วนพีในวันสังหาร.”—ยาโกโบ 5:5, ล.ม.; ฆะลาเตีย 5:19-21.
4 ความสนิทสนมระหว่างนักเทศน์นักบวชกับนักการเมือง และกระทั่งการมีส่วนในการเลือกตั้งฐานะผู้สมัครรับเลือกตั้ง เป็นการแสดงออกอย่างชัดแจ้งว่า เขาเป็นพวกอาลักษณ์และฟาริซายสมัยใหม่. ในเวลาเดียวกัน ในบางประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกาและแคนาดา ทรัพย์สินของศาสนาถูกดูดจนเหือดแห้งไป เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการฟ้องร้องและค่าปรับนักเทศน์นักบวช ซึ่งเป็นผลจากการกระทำผิดศีลธรรมทางเพศกับผู้เยาว์ และกับผู้ใหญ่ด้วย.—มัดธาย 23:1-3.
5. เหตุใดนักเทศน์นักบวชแห่งคริสต์ศาสนจักรไม่ได้พิสูจน์ตนเป็น “ทาสสัตย์ซื่อและสุขุม”?
5 พระเยซูสามารถตรัสแก่นักเทศน์นักบวชสมัยของพระองค์ได้อย่างถูกต้องว่า “วิบัติแก่เจ้าพวกอาลักษณ์และพวกฟาริซาย, คนหน้าซื่อใจคด เพราะว่าเจ้าเป็นเหมือนอุโมงค์ฝังศพ, ซึ่งฉาบด้วยปูนขาวข้างนอกดูงดงาม, แต่ข้างในเต็มไปด้วยกระดูกคนตายและสารพัดโสโครก. เจ้าทั้งหลายก็เป็นอย่างนั้นแหละ ส่วนภายนอกปรากฏแก่มนุษย์ว่าเป็นคนชอบธรรม, แต่ภายในเต็มไปด้วยความเท็จเทียมและความชั่ว.” เหตุฉะนั้น พระเจ้าจึงมิได้มอบหมายงานประกาศข่าวดีไว้กับนักเทศน์นักบวชแห่งคริสต์ศาสนจักร ไม่ว่านิกายคาทอลิก, โปรเตสแตนต์, ออร์โทด็อกซ์หรือแม้แต่พวกที่ไม่สังกัดลัทธิใด ๆ. คนเหล่านั้นไม่ได้พิสูจน์ตัวเป็น “ทาสสัตย์ซื่อและสุขุม.”—มัดธาย 23:27, 28; 24:45-47.
เหตุใดจึงต้องประกาศข่าวดีก่อน?
6. ในไม่ช้าจะมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น?
6 ในบันทึกอันกะทัดรัดของท่านเรื่องพระบัญชาของพระเยซูที่จะประกาศข่าวดีไปทั่วทุกประเทศนั้น มาระโกผู้เดียวเท่านั้นได้ใช้คำว่า “ก่อน.” (มาระโก 13:10; เทียบกับมัดธาย 24:14.) คัมภีร์ข้อนี้โดย เจ.บี. ฟิลลิปส์อ่านดังนี้: “เพราะก่อนถึงอวสาน กิตติคุณนี้ต้องได้รับการประกาศไปทั่วทุกประเทศ.” การใช้คำวิเศษณ์ “ก่อน” หมายถึงเหตุการณ์อื่น ๆ จะตามหลังการทำงานประกาศทั่วโลก. เหตุการณ์เหล่านั้นรวมถึงความทุกข์ลำบากครั้งใหญ่ อีกทั้งการปกครองอันชอบธรรมของพระคริสต์เหนือโลกใหม่ที่สัญญาไว้.—มัดธาย 24:21-31; วิวรณ์ 16:14-16; 21:1-4.
7. ทำไมพระเจ้าทรงประสงค์ให้มีการประกาศข่าวดีก่อน?
7 ดังนั้น ด้วยเหตุผลอะไรพระเจ้าจึงทรงประสงค์ให้มีการประกาศข่าวดีก่อน? เหตุผลประการหนึ่งคือ พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าแห่งความรัก, ความยุติธรรม, สติปัญญา, และอำนาจ. ในความสำเร็จเป็นจริงของคำตรัสของพระเยซูตามที่บันทึกไว้ในมัดธาย 24:14 และมาระโก 13:10 เราสามารถเห็นการสำแดงให้ปรากฏอย่างน่าประทับใจแห่งคุณลักษณะเหล่านั้นของพระยะโฮวา. ขอให้เราตรวจสอบคุณลักษณะเหล่านี้ทีละอย่างโดยย่อ และดูว่า ลักษณะเหล่านี้เกี่ยวพันกันอย่างไรกับงานประกาศข่าวดี.
ข่าวดีและความรักของพระยะโฮวา
8. การประกาศข่าวดีเป็นการสำแดงความรักของพระเจ้าให้ปรากฏอย่างไร? (1 โยฮัน 4:7-16)
8 การประกาศข่าวดีสะท้อนความรัก ของพระเจ้าอย่างไร? แรกทีเดียว เนื่องจากข่าวดีนี้ไม่มุ่งเฉพาะที่ชนกลุ่มใดหรือเชื้อชาติใด. ข่าวดีนี้สำหรับ “ประเทศทั้งปวง.” พระเจ้าทรงรักครอบครัวมนุษยชาติมากจนได้ส่งพระบุตรผู้ได้รับกำเนิดองค์เดียวของพระองค์เข้ามาในโลกให้เป็นเครื่องบูชาไถ่ถอนมวลมนุษย์ผู้ผิดบาป ไม่เพียงแต่เชื้อชาติเดียว. อัครสาวกโยฮันเขียนอย่างนี้: “เพราะว่าพระเจ้าทรงรักโลกมากจนถึงกับได้ประทานพระบุตรผู้ได้รับกำเนิดองค์เดียวของพระองค์ เพื่อทุกคนที่แสดงความเชื่อในพระบุตรนั้นจะไม่พินาศ แต่มีชีวิตนิรันดร์. เพราะว่าพระเจ้าทรงใช้พระบุตรของพระองค์เข้ามาในโลก มิใช่เพื่อจะให้พิพากษาโลก แต่เพื่อจะช่วยโลกให้รอดโดยพระบุตรนั้น.” (โยฮัน 3:16, 17, ล.ม.) เป็นที่แน่นอนว่า ข่าวดีว่าด้วยคำสัญญาเรื่องโลกใหม่ที่มีสันติภาพ, ความปรองดอง, และความยุติธรรม เป็นหลักฐานอย่างหนึ่งที่แสดงถึงความรักของพระเจ้า.—2 เปโตร 3:13.
ข่าวดีและอำนาจของพระยะโฮวา
9. เพราะเหตุใดพระยะโฮวาไม่ทรงใช้ศาสนาต่าง ๆ ที่มีอิทธิพลแห่งคริสต์ศาสนจักรให้ประกาศข่าวดี?
9 อำนาจ ของพระยะโฮวาปรากฏเด่นชัดอย่างไรโดยการประกาศข่าวดี? คิดดูซิ พระองค์ทรงใช้ผู้ใดทำงานนี้ให้ลุล่วง? องค์การศาสนาที่มีอิทธิพลที่สุดแห่งคริสต์ศาสนจักรไหม อาทิ คริสตจักรโรมันคาทอลิกหรือนิกายโปรเตสแตนต์ที่โด่งดัง? หามิได้ การที่พวกเขามีส่วนในการเมืองทำให้เขาขาดคุณวุฒิที่จะดำเนินการสำหรับหน้าที่นี้. (โยฮัน 15:19; 17:14; ยาโกโบ 4:4) ความมั่งคั่งร่ำรวยค่อนข้างมากของเขาประกอบกับเส้นสาย และอิทธิพลของพวกเขาในชนชั้นปกครองที่ทรงเกียรติ พร้อมทั้งคำสอนตามประเพณีนิยมของเขานั้นไม่ได้ทำให้พระเจ้ายะโฮวาประทับใจเลย. ไม่จำเป็นต้องพึ่งอำนาจของมนุษย์เพื่อทำให้พระทัยประสงค์ของพระเจ้าสำเร็จ.—ซะคาระยา 4:6.
10. พระเจ้าทรงเลือกผู้ใดให้ทำการประกาศ?
10 เป็นตามที่อัครสาวกเปาโลกล่าวในจดหมายของท่านถึงประชาคมโกรินโธดังนี้: “ดูก่อนพี่น้องทั้งหลาย, จงพิจารณาดูคนทั้งหลายในพวกท่านที่พระเจ้าได้ทรงเรียกมาแล้วคือว่า คนที่โลกนิยมว่ามีปัญญา, คนมีอำนาจ. คนตระกูลสูงมีน้อยคนนัก แต่พระเจ้าได้ทรงเลือกสิ่งที่โลกถือว่าโฉดเขลา, เพื่อจะให้คนมีปัญญาอับอาย และได้ทรงเลือกสิ่งที่โลกถือว่าอ่อนกำลัง. เพื่อจะให้คนมีกำลังมากอับอาย. พระเจ้าได้ทรงเลือกสิ่งที่โลกถือว่าต่ำและสิ่งที่ถูกดูหมิ่น, ทั้งทรงเลือกสิ่งเหล่านั้นซึ่งยังมิได้เกิดเป็นตัวจริงด้วย, เพื่อจะได้ทำลายสิ่งซึ่งเป็นตัวจริงอยู่แล้ว เพื่อมิให้มนุษย์สักคนหนึ่งอวดได้เฉพาะพระเจ้า.”—1 โกรินโธ 1:26-29.
11. ข้อเท็จจริงอะไรเกี่ยวกับเหล่าพยานฯได้ทำให้พวกเขาโดดเด่น?
11 พยานพระยะโฮวามีสมาชิกที่ร่ำรวยเพียงไม่กี่คนในองค์การ และแน่นอน ไม่มีผู้ทรงอิทธิพลทางการเมือง. พยานพระยะโฮวารักษาความเป็นกลางอย่างเคร่งครัดด้านการเมืองซึ่งก็หมายความว่า พวกเขาไม่สามารถจะใช้อิทธิพลใด ๆ ทางการเมือง. ในทางตรงกันข้าม บ่อยครั้งพวกเขาเป็นเหยื่อการกดขี่ข่มเหงอันร้ายกาจโดยการยุยงของพวกผู้นำศาสนาและผู้นำทางการเมืองในช่วงศตวรรษที่ 20 นี้. กระนั้นก็ดี ทั้งที่บรรดาสาวกลัทธินาซี, ฟาสซิสต์, คอมมิวนิสต์, ชาตินิยม, และศาสนาเท็จ ได้ยุยงให้ต่อต้านพยานฯอย่างรุนแรง พยานฯไม่เพียงแต่ประกาศข่าวดีไปตลอดทั่วโลกเท่านั้น แต่จำนวนของเขาเพิ่มมากขึ้นอย่างน่าทึ่งอีกด้วย.—ยะซายา 60:22.
12. เหตุใดพยานพระยะโฮวาประสบความสำเร็จ?
12 พยานพระยะโฮวาถือว่า ความสำเร็จของตนนั้นขึ้นอยู่กับอะไร? พระเยซูทรงสัญญากับสาวกของพระองค์ว่า “เจ้าทั้งหลายจะรับฤทธิ์เมื่อพระวิญญาณบริสุทธิ์มาประทับบนเจ้าทั้งหลายและเจ้าทั้งหลายจะเป็นพยานของเรา ทั้งในกรุงยะรูซาเลมและสิ้นทั้งยูเดียและซะมาเรียและจนกระทั่งถึงที่สุดปลายแห่งแผ่นดินโลก.” ดังนั้น อะไรคือแหล่งที่มาแห่งความสำเร็จของเขา? พระเยซูตรัสว่า “เจ้าทั้งหลายจะรับฤทธิ์เมื่อพระวิญญาณบริสุทธิ์มาประทับบนเจ้า.” ทุกวันนี้ก็เช่นเดียวกัน อำนาจซึ่งมาจากพระเจ้าเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้พยานฯประสบความสำเร็จในงานรับใช้ของเขาตลอดทั่วโลก หาใช่ความสามารถของมนุษย์ไม่. โดยการใช้มนุษย์ที่ดูเหมือนว่าอ่อนแอที่สุดนี้เอง พระเจ้าทรงทำให้กิจการด้านการสอนที่ใหญ่โตกว้างขวางที่สุดในประวัติศาสตร์สำเร็จผล.—กิจการ 1:8; ยะซายา 54:13.
ข่าวดีและพระสติปัญญาของพระยะโฮวา
13. (ก) ทำไมเหล่าพยานฯปฏิบัติงานด้วยความสมัครใจและปราศจากการจ่ายเงินตอบแทน? (ข) พระยะโฮวาได้ตอบคำเยาะเย้ยของซาตานโดยวิธีใด?
13 ข่าวดีได้รับการประกาศโดยอาสาสมัคร. พระเยซูตรัสว่า “ท่านทั้งหลายได้รับเปล่า ๆ จงให้เปล่า ๆ.” (มัดธาย 10:8) เหตุฉะนั้น ไม่มีพยานพระยะโฮวาคนใดได้รับเงินเดือนจากงานรับใช้พระเจ้า หรือแสวงหาที่จะได้รับเงินเดือน. ที่จริง ณ การประชุมของพวกเขาไม่มีการเรี่ยไรเงินด้วยซ้ำไป. พวกเขามีความสุขที่เขามีส่วน โดยการรับใช้ด้วยความเลื่อมใสอย่างไม่เห็นแก่ตัว ให้พระเจ้ามีคำตอบแก่ซาตานพญามาร ผู้ใส่ร้ายพระองค์. ที่แท้แล้ว วิญญาณตนนี้ที่ต่อต้านพระเจ้าบอกว่า มนุษย์คงปฏิบัติพระเจ้าด้วยเจตนาที่เห็นแก่ตัว. ด้วยพระสติปัญญา ของพระองค์ พระยะโฮวาทรงจัดให้มีคำตอบอย่างไม่อาจโต้แย้งได้สำหรับการเยาะเย้ยของซาตาน—โดยทางคริสเตียนพยานพระยะโฮวาหลายล้านคนประกาศข่าวดีตามบ้านเรือน, ตามริมถนน, และเมื่อสบโอกาส.—โยบ 1:8-11; 2:3-5; สุภาษิต 27:11.
14. “พระปัญญาซึ่งทรงซ่อนไว้” ตามที่เปาโลอ้างถึงนั้นได้แก่อะไร?
14 หลักฐานอีกประการหนึ่งที่แสดงถึงพระสติปัญญาของพระเจ้าในการประกาศข่าวดีได้แก่ คำสัญญาเรื่องราชอาณาจักรนั่นเองเป็นการสำแดงถึงพระสติปัญญาของพระเจ้า. อัครสาวกเปาโลเขียนดังนี้: “เราเคยกล่าวด้วยปัญญาในระหว่างคนที่เป็นผู้ใหญ่แล้วก็จริง แต่มิใช่ด้วยปัญญาของโลกนี้, หรือด้วยปัญญาของผู้ครอบครองใด ๆ ในโลกนี้, ผู้ซึ่งจะเสื่อมศูนย์ไปนั้น แต่เรากล่าวด้วยปัญญาของพระเจ้าซึ่งเป็นข้อลับลึก, คือพระปัญญาซึ่งทรงซ่อนไว้นั้น, และซึ่งพระเจ้าได้ทรงกำหนดไว้ก่อนโลกจักรวาล [ระบบแห่งสิ่งต่าง ๆ] ให้เป็นสง่าราศีแก่เรา.” “พระปัญญาซึ่งทรงซ่อนไว้” นั้นพาดพิงถึงวิธีการชาญฉลาดของพระเจ้าเพื่อยุติการกบฏทรยศที่ได้เริ่มต้นในสวนเอเดน. สติปัญญาแห่งข้อลับลึกอันศักดิ์สิทธิ์ได้เปิดเผยแล้วในพระเยซูคริสต์ ผู้ทรงเป็นแกนสำคัญแห่งข่าวดีเรื่องราชอาณาจักรของพระเจ้า.a—1 โกรินโธ 2:6, 7; โกโลซาย 1:26-28.
ข่าวดีและความยุติธรรมของพระเจ้า
15. เราทราบโดยวิธีใดว่า พระยะโฮวาทรงเป็นพระเจ้าแห่งความยุติธรรม? (พระบัญญัติ 32:4; บทเพลงสรรเสริญ 33:5)
15 เกี่ยวกับความยุติธรรม โดยเฉพาะที่เราเล็งเห็นความสำคัญของคำว่า “ก่อน” ในมาระโก 13:10. พระยะโฮวาทรงเป็นพระเจ้าแห่งความยุติธรรมซึ่งประสมประสานด้วยความกรุณารักใคร่. พระองค์ได้ตรัสผ่านยิระมะยา ผู้พยากรณ์ของพระองค์ว่า “‘แต่ให้ผู้ที่อวด ๆ ตัวด้วยเข้าใจ แลรู้จักว่า เราเป็นพระยะโฮวาผู้ที่ได้ทรงความเมตตาประกอบด้วยความรัก, แลทรงความปัญญา, แลความสัตย์ธรรมบนแผ่นดินโลก, เพราะในความเหล่านี้เราได้ยินดี,’ พระยะโฮวาได้ตรัส.”—ยิระมะยา 9:24.
16. อาจใช้ตัวอย่างประกอบอะไรที่แสดงว่า ความยุติธรรมเรียกร้องให้มีการเตือนล่วงหน้าเสียก่อน?
16 ความยุติธรรมของพระยะโฮวาได้สำแดงให้ปรากฏโดยวิธีใดอันเนื่องด้วยการประกาศข่าวดี? ให้เราเปรียบเทียบเรื่องนี้กับมารดาคนหนึ่งที่ได้ทำเค้กช็อกโกแลตที่อร่อยซึ่งจะเก็บไว้กินตอนแขกมาเยี่ยมเวลาเย็น. ถ้าเธอตั้งเค้กไว้บนโต๊ะโดยไม่ได้บอกกล่าวให้ลูกรู้ว่าจะกินได้เวลาไหน ความโน้มเอียงตามธรรมชาติของเด็กจะเป็นอย่างไร? พวกเราทุกคนต่างก็เคยเป็นเด็กมาแล้วครั้งหนึ่ง! นิ้วมือเล็ก ๆ คงอยากจะจิ้มชิมดูเค้กนั้น! ตอนนี้ถ้ามารดาไม่ได้เตือนไว้ก่อน เธอคงไม่มีเหตุอันควรที่จะตีสอนลูก. อีกด้านหนึ่ง หากเธอได้บอกอย่างชัดเจนว่าจะกินเค้กได้ภายหลัง เมื่อแขกมาถึง ด้วยเหตุนั้น จะแตะต้องเค้กนั้นไม่ได้ โดยวิธีนั้นเธอได้เตือนชัดเจนแล้ว. หากมีการฝ่าฝืน เธอย่อมมีสิทธิที่จะลงมือจัดการอย่างเข้มงวดและอย่างเป็นธรรม.—สุภาษิต 29:15.
17. พระยะโฮวาได้ทรงสำแดงความยุติธรรมให้ปรากฏในแนวทางพิเศษอย่างไรตั้งแต่ปีสากลศักราช 1919?
17 ด้วยความยุติธรรม พระยะโฮวาจะไม่ทรงดำเนินการตัดสินระบบที่ชั่วนี้โดยปราศจากการเตือนสติตามความจำเป็น. ดังนั้น โดยเฉพาะตั้งแต่ปี 1919 หลังจากสงครามโลกครั้งที่หนึ่งซึ่งนำ “ความทุกข์” มาสู่มนุษยชาติ พระยะโฮวาได้ทรงส่งพยานของพระองค์ออกไปทั่วโลกประกาศข่าวดีด้วยความกระตือรือร้น. (มัดธาย 24:7, 8, 14) นานาประเทศไม่มีสิทธิจะอ้างว่าไม่รู้ไม่เห็นการเตือนสติเป็นพิเศษเช่นนี้.
ได้มีการประกาศข่าวดีนี้กว้างขวางทั่วโลกขนาดไหน?
18. (ก) มีหลักฐานอะไรแสดงถึงกิจกรรมของพยานพระยะโฮวาในแถบถิ่นอันห่างไกล? (ข) คุณรู้จักตัวอย่างอื่น ๆ อะไรอีก?
18 สิ่งบ่งชี้อย่างหนึ่งเกี่ยวกับประสิทธิผลของงานสั่งสอนทั่วโลกเห็นได้จากหนังสือที่สุดท้าย—การเดินทางในดินแดนทางเหนือ (ภาษาอังกฤษ). ผู้เขียนได้เล่าว่า เมื่อเขาได้ดูแผนที่ทางทะเลเพื่อหาเกาะฟูเลอที่โดดเดี่ยว เกาะหนึ่งในหมู่เกาะเชตแลนด์ตอนเหนือของสกอตแลนด์ แผนที่ระบุว่า “รอบ ๆ เกาะนี้ล้วนเป็นซากเรืออับปาง, โขดหิน, หน้าผา, และสิ่งกีดขวาง.” สิ่งเหล่านี้ “เตือนผู้ที่หวังจะเป็นนักเดินเรืออย่าได้เข้าใกล้บริเวณดังกล่าว ทะเลรอบ ๆ ฟูเลอเป็นเหมือนดงทุ่นระเบิดที่น่ากลัวยิ่ง ซึ่งทำให้เกาะนั้นเป็นเขตต้องห้ามสำหรับนักเดินเรือ, ผู้เดินทางที่ไปกลับวันเดียว, และแม้กระทั่งหน่วยเฉพาะกิจของราชินีแห่งอังกฤษ กระนั้น สิ่งเหล่านี้หาได้สกัดกั้นพยานพระยะโฮวา—ตามที่ผมได้เรียนรู้ภายในเวลาเพียงสองสามวัน.” เขากล่าวต่อไปว่า “ก็เหมือนกับที่พวกเขาได้เสาะไปทั่วแหล่งเสื่อมโทรมในเมืองใหญ่และประเทศต่าง ๆ ในโลกที่สาม เพื่อทำให้ผู้คนเลื่อมใสศาสนา ดังนั้น พวกเขาก็ได้ไปเผยแพร่โน้มน้าวคนบนเกาะฟูเลอให้เข้ามาเชื่อถือเช่นเดียวกัน.” เขาได้รู้ว่า แอนดรูว์ คนในท้องถิ่นนั้น พบเห็นวารสารหอสังเกตการณ์ ที่หน้าประตูบ้านสองสามเดือนก่อน. แล้วเขาพูดเสริมอีกว่า “อีกหนึ่งสัปดาห์ต่อมาผมก็เจอวารสารตื่นเถิด! [ภาษาเดนมาร์ก] ที่หมู่เกาะแฟโรส์ [ทะเลเหนือ] ต่อมาอีกสองเดือนเห็นวารสารอีกฉบับหนึ่ง [หอสังเกตการณ์ ภาษาเดนมาร์ก] ในเมืองนุก เกาะกรีนแลนด์.” ช่างเป็นพยานหลักฐานที่มีพลังแสดงให้เห็นถึงกิจกรรมของพยานพระยะโฮวาที่กระตือรือร้นในดินแดนทางเหนือ!
อะไรทำให้เหล่าพยานฯ ประกาศต่อไป?
19, 20. (ก) อะไรเป็นแรงผลักดันพยานพระยะโฮวาให้ประกาศต่อไป? (ข) จะมีการตอบคำถามอะไรบ้างในบทความถัดไป?
19 จริงอยู่ การประกาศตามบ้านแก่คนแปลกหน้าไม่ใช่เรื่องง่าย ไม่ว่าจะเป็นพยานฯนานหลายปีแล้วก็ตาม. ถ้าเช่นนั้น อะไรทำให้คริสเตียนเหล่านี้ประกาศต่อไป? การอุทิศตัวเป็นคริสเตียนและความสำนึกในหน้าที่รับผิดชอบนั่นเอง! เปาโลเขียนไว้ว่า “เพราะที่ข้าพเจ้าประกาศกิตติคุณนั้น, ข้าพเจ้าไม่มีอะไรที่จะอวดได้ เพราะว่าเป็นการจำเป็นซึ่งข้าพเจ้าจะประกาศกิตติคุณนั้น ถ้าข้าพเจ้ามิได้ประกาศ, วิบัติจะเกิดแก่ข้าพเจ้า.” คริสเตียนแท้มีข่าวสารที่หมายถึงชีวิต ดังนั้น พวกเขาจะเก็บเรื่องนี้ไว้เสียเองได้อย่างไร? หลักการเกี่ยวกับความผิดฐานทำให้โลหิตตกเนื่องจากไม่ได้ให้คำเตือนในยามอันตรายนี้เอง เป็นเหตุผลกระตุ้นให้ประกาศข่าวดี.—1 โกรินโธ 9:16; ยะเอศเคล 3:17-21.
20 เมื่อเป็นเช่นนั้น การประกาศข่าวดีดำเนินไปโดยวิธีใด? อะไรเป็นมูลเหตุซึ่งได้ทำให้พยานฯประสบความสำเร็จ? ลักษณะใดแห่งงานประกาศและองค์การของเขาชี้ตัวพวกเขาเป็นศาสนาแท้? เราจะตอบคำถามเหล่านี้ในบทความถัดไป.
[เชิงอรรถ]
a เพื่อได้คำอธิบายเรื่องพระสติปัญญาของพระเจ้า และเรื่อง “ความลับลึกอันศักดิ์สิทธิ์” มากขึ้น โปรดดูอินไซต์ ออน เดอะ สคริปเจอร์ส เล่มสอง หน้า 1190, จัดพิมพ์โดยสมาคมว็อชเทาเวอร์ ไบเบิล แอนด์ แทร็กต์.
คุณจำได้ไหม?
▫ อะไรทำให้พยานพระยะโฮวาแตกต่างไปจากนักเทศน์นักบวช?
▫ การประกาศข่าวดีสะท้อนความรัก, อำนาจ, และพระสติปัญญาของพระเจ้าอย่างไร?
▫ การประกาศข่าวดีสะท้อนความยุติธรรมของพระเจ้าอย่างไร?
▫ อะไรทำให้พยานพระยะโฮวารุดหน้าต่อไปในงานรับใช้?
[รูปภาพหน้า 15]
ไม่ว่าผู้คนจะอยู่ห่างไกลโดดเดี่ยวเพียงใดพยานพระยะโฮวาต้องการเข้าไปให้ถึงพวกเขา