คุณสนับสนุนสิทธิปกครองของพระยะโฮวาไหม?
“จงกล่าวในท่ามกลางชนประเทศทั้งปวงว่า, พระยะโฮวาทรงครอบครองอยู่.”—บทเพลงสรรเสริญ 96:10.
1, 2. (ก) เหตุการณ์สำคัญอะไรเกิดขึ้นเมื่อราว ๆ เดือนตุลาคม ส.ศ. 29? (ข) เหตุการณ์นั้นมีความหมายเช่นไรสำหรับพระเยซู?
เหตุการณ์สำคัญเหตุการณ์หนึ่งซึ่งไม่เคยเห็นกันมาก่อนบนแผ่นดินโลกได้เกิดขึ้นเมื่อประมาณเดือนตุลาคม สากลศักราช 29. มัดธายผู้เขียนพระธรรมกิตติคุณรายงานว่า “เมื่อทรงรับบัพติสมาแล้วพระเยซูเสด็จขึ้นจากน้ำทันที แล้วท้องฟ้าก็เปิดออก และ [โยฮันผู้ให้บัพติสมา] เห็นพระวิญญาณของพระเจ้าลงมาบน [พระเยซู] ดุจนกพิราบ และมีเสียงตรัสจากฟ้าด้วยว่า ‘นี่คือบุตรที่รักของเราซึ่งเราพอใจมาก.’ ” นี่เป็นเหตุการณ์ครั้งหนึ่งจากเพียงไม่กี่ครั้งที่มีการบันทึกเรื่องราวเอาไว้โดยผู้เขียนพระธรรมกิตติคุณทั้งสี่.—มัดธาย 3:16, 17; มาระโก 1:9-11; ลูกา 3:21, 22; โยฮัน 1:32-34.
2 การเทพระวิญญาณบริสุทธิ์ลงบนพระเยซูในลักษณะที่สามารถเห็นได้เป็นการระบุว่าพระองค์ทรงเป็นผู้ถูกเจิม ซึ่งเป็นความหมายของคำว่าพระมาซีฮาหรือพระคริสต์. (โยฮัน 1:33) ในที่สุด “พงศ์พันธุ์” ที่ทรงสัญญาไว้ก็มาปรากฏ! ที่ยืนอยู่ต่อหน้าโยฮันผู้ให้บัพติสมาคือผู้ที่ซาตานจะบดขยี้ส้นเท้าและเป็นผู้ที่จะบดขยี้หัวของศัตรูตัวสำคัญของพระยะโฮวาและศัตรูที่ท้าทายสิทธิปกครองของพระองค์. (เยเนซิศ 3:15, ฉบับแปลใหม่) นับแต่นั้นมา พระเยซูทรงตระหนักดีว่าพระองค์ต้องบากบั่นเพื่อจะทำให้พระประสงค์ของพระยะโฮวาสำเร็จในส่วนที่เกี่ยวกับสิทธิปกครองและราชอาณาจักรของพระองค์.
3. พระเยซูทรงเตรียมตัวอย่างไรให้พร้อมสำหรับบทบาทที่พระองค์จะทำในการสนับสนุนสิทธิปกครองของพระยะโฮวา?
3 เพื่อจะพร้อมสำหรับงานมอบหมาย “พระเยซูซึ่งเปี่ยมด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์เสด็จไปจากแม่น้ำจอร์แดน และพระวิญญาณนำทางพระองค์ในถิ่นทุรกันดาร.” (ลูกา 4:1; มาระโก 1:12) พระเยซูทรงใช้เวลาอยู่ที่นั่น 40 วัน ใคร่ครวญอย่างจริงจังในประเด็นเกี่ยวกับพระบรมเดชานุภาพที่ซาตานยกขึ้นมาท้าทายและในเรื่องแนวทางที่พระองค์จะต้องดำเนินเพื่อสนับสนุนสิทธิปกครองของพระยะโฮวา. ประเด็นนั้นเกี่ยวข้องกับสิ่งทรงสร้างที่มีเชาวน์ปัญญาทั้งสิ้น—ทั้งในสวรรค์และบนแผ่นดินโลก. ดังนั้น เราควรพิจารณาแนวทางชีวิตที่ซื่อสัตย์ของพระเยซูและดูว่าเราต้องทำอะไรเพื่อแสดงว่าเราเองก็ปรารถนาจะสนับสนุนสิทธิปกครองของพระยะโฮวา.—โยบ 1:6-12; 2:2-6.
ประเด็นเกี่ยวกับสิทธิปกครองของพระยะโฮวาปรากฏชัดเจน
4. ซาตานทำอะไรซึ่งทำให้ประเด็นเกี่ยวกับสิทธิปกครองของพระยะโฮวาปรากฏชัดเจน?
4 แน่นอน ไม่มีเหตุการณ์ใดที่เพิ่งกล่าวไปเล็ดลอดการสังเกตของซาตาน. โดยไม่ยอมเสียเวลา มันโจมตี “พงศ์พันธุ์” หลักของ “หญิง” ของพระเจ้าทันที. (เยเนซิศ 3:15, ฉบับแปลใหม่) ซาตานล่อลวงพระเยซูสามครั้ง โดยเสนอว่าพระองค์ควรทำสิ่งที่ดูเหมือนว่าเป็นประโยชน์สำหรับพระองค์เองแทนที่จะทำสิ่งที่พระบิดาทรงประสงค์ให้พระองค์ทำ. โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การล่อลวงครั้งที่สามทำให้ประเด็นเกี่ยวกับสิทธิปกครองของพระยะโฮวาปรากฏชัดเจน. โดยแสดงให้พระเยซูเห็น “อาณาจักรทั้งหมดของโลกกับความรุ่งโรจน์ของอาณาจักรเหล่านั้น” ซาตานกล่าวอย่างหน้าด้าน ๆ กับพระเยซูว่า “เราจะมอบสิ่งทั้งปวงนี้แก่ท่านถ้าท่านหมอบลงนมัสการเราสักครั้ง.” โดยที่ทรงรู้ดีว่าพญามารมีอำนาจควบคุมเหนือ “อาณาจักรทั้งหมดของโลก” จริง ๆ พระเยซูทรงแสดงจุดยืนของพระองค์ในประเด็นเกี่ยวกับสิทธิปกครองของพระยะโฮวาโดยทรงตอบว่า “ไปให้พ้น เจ้าซาตาน! เพราะมีคำเขียนไว้ว่า ‘จงนมัสการพระยะโฮวาพระเจ้าของเจ้า และจงทำงานรับใช้อันศักดิ์สิทธิ์ถวายพระองค์ผู้เดียว.’ ”—มัดธาย 4:8-10.
5. พระเยซูต้องทำงานมอบหมายอะไรให้สำเร็จซึ่งเป็นงานที่ยากลำบาก?
5 แนวทางชีวิตของพระเยซูแสดงชัดเจนว่าสำหรับพระองค์แล้ว การสนับสนุนสิทธิปกครองของพระยะโฮวาเป็นเป้าหมายสำคัญที่สุด. พระเยซูทรงรู้ดีว่าพระองค์ต้องรักษาความซื่อสัตย์จนกระทั่งสิ้นพระชนม์ด้วยน้ำมือของซาตาน—ตามที่มีคำพยากรณ์บอกล่วงหน้าไว้ว่าส้นเท้าของ “พงศ์พันธุ์” ของหญิงจะถูกบดขยี้—เพื่อจะพิสูจน์ว่าพระเจ้าทรงมีสิทธิโดยชอบธรรมในการเป็นผู้ปกครององค์สูงสุด. (มัดธาย 16:21; 17:12) พระองค์ยังต้องเปิดเผยข้อเท็จจริงที่ว่าราชอาณาจักรของพระเจ้าเป็นตัวแทนที่พระยะโฮวาประทานอำนาจเพื่อให้ปราบซาตานผู้ขืนอำนาจและนำสันติสุขและความเป็นระเบียบเรียบร้อยกลับคืนสู่สิ่งทรงสร้างทั้งสิ้น. (มัดธาย 6:9, 10) พระเยซูทรงทำอะไรเพื่อจะทำงานมอบหมายที่ยากลำบากให้สำเร็จ?
“ราชอาณาจักรของพระเจ้ามาใกล้แล้ว”
6. โดยวิธีใดพระเยซูทรงเผยให้เห็นว่าราชอาณาจักรเป็นวิธีที่พระเจ้าจะใช้เพื่อ ‘ทำลายการงานของพญามาร’?
6 แรกทีเดียว “พระเยซูเสด็จไปยังแคว้นแกลิลี ทรงประกาศข่าวดีของพระเจ้า และตรัสว่า ‘เวลาที่กำหนดไว้มาถึงแล้ว และราชอาณาจักรของพระเจ้ามาใกล้แล้ว.’ ” (มาระโก 1:14, 15) ที่จริง พระองค์ตรัสว่า “เราต้องประกาศข่าวดีเรื่องราชอาณาจักรของพระเจ้า . . . เพราะเราถูกส่งมาเพื่อการนี้.” (ลูกา 4:18-21, 43) พระเยซูทรงเดินทางไปทุกหนแห่งในแผ่นดิน “ประกาศเผยแพร่ข่าวดีเรื่องราชอาณาจักรของพระเจ้า.” (ลูกา 8:1) พระเยซูยังทรงทำการอัศจรรย์หลายอย่างด้วย—เลี้ยงอาหารฝูงชน, ห้ามพายุ, รักษาคนป่วย, และปลุกคนตายให้กลับมีชีวิต. โดยการอัศจรรย์เหล่านี้ พระเยซูทรงพิสูจน์ว่าพระเจ้าทรงสามารถแก้ไขผลเสียหายและความทุกข์ยากทั้งสิ้นที่เป็นผลมาจากการขืนอำนาจในสวนเอเดน และโดยทำอย่างนั้นพระองค์ ‘ทรงทำลายการงานของพญามาร.’—1 โยฮัน 3:8.
7. พระเยซูทรงสอนเหล่าสาวกให้ทำอะไร และผลเป็นเช่นไร?
7 เพื่อให้มีการประกาศข่าวดีเรื่องราชอาณาจักรอย่างกว้างขวางที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ พระเยซูทรงรวบรวมเหล่าสาวกที่ซื่อสัตย์กลุ่มหนึ่งและฝึกสอนพวกเขาให้ทำงานนั้น. ทีแรก พระองค์ทรงมอบหมายอัครสาวก 12 คนและ “ทรงส่งพวกเขาออกไปประกาศราชอาณาจักรของพระเจ้า.” (ลูกา 9:1, 2) ต่อจากนั้น พระองค์ทรงส่งคนอื่น ๆ อีก 70 คนให้ไปประกาศข่าวสารที่ว่า “ราชอาณาจักรของพระเจ้ามาใกล้พวกท่านแล้ว.” (ลูกา 10:1, 8, 9) เมื่อสาวกเหล่านี้กลับมาและรายงานต่อพระเยซูถึงความสำเร็จในงานประกาศเรื่องราชอาณาจักร พระองค์ทรงตอบว่า “เราเห็นซาตานตกจากฟ้าแล้วเหมือนฟ้าแลบ.”—ลูกา 10:17, 18.
8. แนวทางชีวิตของพระเยซูแสดงให้เห็นอะไรอย่างชัดเจน?
8 พระเยซูทรงพยายามเต็มที่และไม่เคยปล่อยโอกาสให้ผ่านไปในการประกาศเรื่องราชอาณาจักร. พระองค์ทรงทำงานอย่างไม่หยุดยั้ง ทำงานหนักทั้งกลางวันกลางคืน ถึงขนาดที่ยอมสละความสะดวกสบายในชีวิต. พระองค์ตรัสว่า “หมาจิ้งจอกมีโพรงและนกมีที่เกาะ แต่บุตรมนุษย์ไม่มีที่จะวางศีรษะ.” (ลูกา 9:58; มาระโก 6:31; โยฮัน 4:31-34) ไม่นานก่อนสิ้นพระชนม์ พระเยซูทรงแจ้งแก่ปอนติอุสปีลาตอย่างกล้าหาญว่า “เพราะเหตุนี้เราจึงเข้ามาในโลก เพื่อเราจะเป็นพยานยืนยันความจริง.” (โยฮัน 18:37) แนวทางชีวิตทั้งสิ้นของพระเยซูแสดงให้เห็นว่าพระองค์ทรงมาไม่ใช่เพียงเพื่อจะเป็นครูองค์ยิ่งใหญ่หรือผู้ทำการอัศจรรย์หรือเพียงแค่เป็นพระผู้ช่วยให้รอดที่สละชีวิตพระองค์เอง แต่ทรงมาเพื่อจะสนับสนุนพระทัยประสงค์ของพระยะโฮวาองค์บรมมหิศร และเพื่อเป็นพยานยืนยันถึงพระปรีชาสามารถของพระเจ้าในการทำให้พระทัยประสงค์ของพระองค์สำเร็จโดยทางราชอาณาจักร.—โยฮัน 14:6.
“สำเร็จแล้ว!”
9. ในที่สุด ซาตานประสบความสำเร็จอย่างไรในการบดขยี้ส้นเท้าของ “พงศ์พันธุ์” ของหญิงของพระเจ้า?
9 ทั้งหมดที่พระเยซูทรงทำเกี่ยวกับราชอาณาจักรทำให้ศัตรู คือซาตานพญามาร ไม่ชอบใจอย่างแน่นอน. ครั้งแล้วครั้งเล่า โดยทาง “พงศ์พันธุ์” ของมันส่วนที่อยู่บนแผ่นดินโลก—ทั้งฝ่ายการเมืองและศาสนา—ซาตานพยายามกำจัด “พงศ์พันธุ์” ของหญิงของพระเจ้า. นับตั้งแต่ประสูติจนกระทั่งสิ้นพระชนม์บนแผ่นดินโลก พระเยซูทรงตกเป็นเป้าโจมตีของซาตานและพรรคพวกของมัน. ในที่สุด ในฤดูใบไม้ผลิ ส.ศ. 33 เวลาที่บุตรมนุษย์จะต้องถูกมอบไว้ในมือของศัตรูให้บดขยี้ส้นเท้าของพระองค์ก็มาถึง. (มัดธาย 20:18, 19; ลูกา 18:31-33) บันทึกในพระธรรมกิตติคุณแสดงชัดเจนถึงวิธีที่ผู้คน—ตั้งแต่ยูดาอิสการิโอตไปจนถึงปุโรหิตใหญ่, อาลักษณ์, ฟาริซาย, และพวกโรมัน—ถูกซาตานใช้เป็นเครื่องมือให้กล่าวหาพระเยซูและทำให้พระองค์ต้องสิ้นพระชนม์อย่างเจ็บปวดรวดร้าวบนเสาทรมาน.—กิจการ 2:22, 23.
10. อะไรคือสิ่งที่สำคัญที่สุดที่พระเยซูทรงทำให้สำเร็จด้วยการสิ้นพระชนม์บนเสาทรมาน?
10 ภาพในใจคุณเป็นอย่างไรเมื่อนึกถึงพระเยซูตอนอยู่บนเสาทรมาน เผชิญกับความตายอย่างช้า ๆ และเจ็บปวดรวดร้าว? คุณอาจระลึกถึงเครื่องบูชาไถ่ที่พระเยซูประทานเพื่อประโยชน์ของมนุษยชาติที่ผิดบาปอย่างไม่เห็นแก่ตัว. (มัดธาย 20:28; โยฮัน 15:13) คุณอาจพิศวงในความรักอันยิ่งใหญ่ที่พระยะโฮวาทรงแสดงให้เห็นจากการจัดให้มีค่าไถ่นั้น. (โยฮัน 3:16) คุณอาจรู้สึกเหมือนกับนายร้อยชาวโรมันที่ถูกกระตุ้นใจให้กล่าวว่า “คนนี้เป็นบุตรของพระเจ้าแน่แล้ว.” (มัดธาย 27:54) ทั้งหมดนี้เป็นปฏิกิริยาตอบสนองที่เหมาะสมอย่างแน่นอน. ในอีกด้านหนึ่ง ขอให้ระลึกว่าคำตรัสสุดท้ายของพระเยซูบนเสาทรมานคือ “สำเร็จแล้ว!” (โยฮัน 19:30) อะไรที่สำเร็จแล้ว? แม้ว่าโดยชีวิตและความตายของพระองค์ พระเยซูทรงทำให้หลายสิ่งสำเร็จ แต่เรื่องสำคัญที่สุดที่พระเยซูทรงมายังแผ่นดินโลกนั้นคือการจัดการประเด็นเกี่ยวกับสิทธิปกครองของพระยะโฮวามิใช่หรือ? และมีบอกล่วงหน้าไว้แล้วมิใช่หรือว่าในฐานะ “พงศ์พันธุ์” พระองค์จะถูกทดสอบอย่างสาหัสด้วยน้ำมือของซาตานเพื่อขจัดคำตำหนิทั้งสิ้นที่มีต่อพระนามพระยะโฮวา? (ยะซายา 53:3-7) หน้าที่เหล่านี้เป็นความรับผิดชอบหนัก แต่พระเยซูทรงทำสำเร็จในทุกแง่มุม. ช่างเป็นความสำเร็จที่ยอดเยี่ยมสักเพียงไร!
11. พระเยซูจะทำอะไรเพื่อให้สำเร็จครบถ้วนตามคำพยากรณ์ในสวนเอเดน?
11 เพราะความซื่อสัตย์และความภักดี พระเยซูทรงถูกปลุกให้คืนพระชนม์ ไม่ใช่ในฐานะมนุษย์ แต่ในฐานะ “กายวิญญาณที่ให้ชีวิต.” (1 โครินท์ 15:45; 1 เปโตร 3:18) พระยะโฮวาทรงสัญญากับพระบุตรผู้ได้รับสง่าราศีว่า “จงนั่งเบื้องขวาของเรา, กว่าเราจะปราบศัตรูของท่านให้เป็นม้ารองเท้าของท่าน.” (บทเพลงสรรเสริญ 110:1) “ศัตรู” นี้หมายรวมถึงผู้ทำผิดตัวเอ้ คือซาตาน และผู้ที่ประกอบกันเป็น “พงศ์พันธุ์” ของมันทั้งหมด. ในฐานะกษัตริย์แห่งราชอาณาจักรมาซีฮาของพระยะโฮวา พระเยซูคริสต์จะนำหน้าในการทำลายพวกผู้ขืนอำนาจทั้งหมด ทั้งในสวรรค์และบนแผ่นดินโลก. (วิวรณ์ 12:7-9; 19:11-16; 20:1-3, 10) ต่อจากนั้น คำพยากรณ์ที่เยเนซิศ 3:15 ก็จะสำเร็จอย่างครบถ้วน เช่นเดียวกับคำอธิษฐานที่พระเยซูทรงสอนเหล่าสาวก ที่ว่า “ขอให้ราชอาณาจักรของพระองค์มาเถิด. ขอให้พระประสงค์ของพระองค์สำเร็จบนแผ่นดินโลกเช่นเดียวกับในสวรรค์.”—มัดธาย 6:10; ฟิลิปปอย 2:8-11.
แบบอย่างที่ทรงวางไว้ให้ทำตาม
12, 13. (ก) มีการตอบสนองเช่นไรต่อข่าวดีเรื่องราชอาณาจักรในทุกวันนี้? (ข) เราต้องถามตัวเองอย่างไรหากเราต้องการดำเนินตามรอยพระบาทของพระคริสต์?
12 ปัจจุบัน กำลังมีการประกาศข่าวดีเรื่องราชอาณาจักรในดินแดนต่าง ๆ มากมาย ดังที่พระเยซูทรงพยากรณ์ไว้. (มัดธาย 24:14) ผลคือ หลายล้านคนได้อุทิศชีวิตแด่พระเจ้า. พวกเขาตื่นเต้นกับพระพรต่าง ๆ ที่ราชอาณาจักรจะทำให้เกิดขึ้น. พวกเขาคอยท่าที่จะมีชีวิตตลอดไปในสภาพที่มีสันติสุขและความปลอดภัยบนแผ่นดินโลกที่เป็นอุทยาน และพวกเขาบอกคนอื่น ๆ เกี่ยวกับความหวังนั้นด้วยความยินดี. (บทเพลงสรรเสริญ 37:11; 2 เปโตร 3:13) คุณเป็นคนหนึ่งในหมู่ผู้ประกาศราชอาณาจักรเหล่านี้ไหม? ถ้าใช่ คุณก็สมควรได้รับคำชมเชย. แต่มีสิ่งอื่นอีกที่เราแต่ละคนต้องพิจารณา.
13 อัครสาวกเปโตรเขียนว่า “พระคริสต์ก็ยังทรงทนทุกข์เพื่อท่านทั้งหลาย ทรงวางแบบอย่างไว้ให้พวกท่านดำเนินตามรอยพระบาทของพระองค์อย่างใกล้ชิด.” (1 เปโตร 2:21) ขอให้สังเกตว่าในกรณีนี้ เปโตรไม่ได้กล่าวถึงความมีใจแรงกล้าในการประกาศหรือความชำนาญในการสอนของพระเยซู แต่กล่าวถึงการที่พระองค์ทนทุกข์. ในฐานะประจักษ์พยานคนหนึ่ง เปโตรรู้ดีว่าพระเยซูทรงเต็มพระทัยจะทนทุกข์มากขนาดไหนเพื่อจะแสดงตัวว่าอยู่ใต้อำนาจปกครองของพระยะโฮวาและพิสูจน์ว่าซาตานเป็นผู้มุสา. ถ้าอย่างนั้น เราจะดำเนินตามรอยพระบาทของพระเยซูได้ในทางใดบ้าง? เราต้องถามตัวเองว่า ‘ฉันเต็มใจจะทนทุกข์มากขนาดไหนเพื่อสนับสนุนและยกย่องสิทธิปกครองของพระยะโฮวา? ฉันแสดงให้เห็นไหมโดยวิธีดำเนินชีวิตและการทำงานรับใช้ว่าฉันจัดให้การสนับสนุนสิทธิปกครองของพระยะโฮวาเป็นเรื่องสำคัญที่สุด?’—โกโลซาย 3:17.
14, 15. (ก) พระเยซูทรงมีปฏิกิริยาอย่างไรต่อการชี้ชวนและข้อเสนอที่ผิด ๆ และเพราะเหตุใด? (ข) เราต้องระลึกถึงประเด็นอะไรไว้เสมอ? (แสดงความเห็นเกี่ยวกับเรื่องในกรอบ “ยืนหยัดอยู่ฝ่ายพระยะโฮวา” ด้วย.)
14 ทุกวัน เราเผชิญกับการทดสอบและต้องตัดสินใจในเรื่องต่าง ๆ ทั้งเรื่องใหญ่และเรื่องเล็ก. อะไรควรเป็นปัจจัยซึ่งกำหนดวิธีที่เราจะตอบสนองต่อเรื่องเหล่านั้น? ตัวอย่างเช่น เมื่อเราเผชิญกับการล่อใจให้ทำบางสิ่งที่ขัดกับจุดยืนของเราในฐานะคริสเตียน เราจะแสดงปฏิกิริยาอย่างไร? เมื่อเปโตรขอให้พระเยซูกรุณาพระองค์เอง พระเยซูทรงแสดงปฏิกิริยาเช่นไร? พระเยซูตรัสออกมาว่า “ไปให้พ้น ซาตาน! . . . ที่เจ้าคิดนั้นไม่ใช่ความคิดของพระเจ้า แต่เป็นความคิดของมนุษย์.” (มัดธาย 16:21-23) หรือเมื่อเราได้รับข้อเสนอให้มีโอกาสจะได้เงินมาก ๆ หรือก้าวหน้าในอาชีพการงานแต่จะส่งผลกระทบต่อสวัสดิภาพฝ่ายวิญญาณ เราแสดงปฏิกิริยาแบบเดียวกับพระเยซูไหม? เมื่อพระเยซูทรงทราบว่า ผู้คนที่ได้เห็นการอัศจรรย์ของพระองค์ “จะตั้งพระองค์เป็นกษัตริย์” พระองค์ทรงปลีกตัวจากคนพวกนั้นโดยไม่รอช้า.—โยฮัน 6:15.
15 เหตุใดพระเยซูทรงตอบสนองอย่างหนักแน่นในโอกาสดังกล่าวและโอกาสอื่น ๆ? เนื่องจากพระองค์ทรงเห็นอย่างชัดเจนว่ามีบางสิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าความปลอดภัยหรือผลประโยชน์ของพระองค์เอง. พระองค์ทรงต้องการทำตามพระทัยประสงค์ของพระบิดาและสนับสนุนสิทธิปกครองของพระยะโฮวาไม่ว่าจะประสบผลเช่นไรก็ตาม. (มัดธาย 26:50-54) ด้วยเหตุนั้น ถ้าเราไม่ได้มีประเด็นเรื่องพระบรมเดชานุภาพชัดเจนอยู่ในใจตลอดเวลา แบบเดียวกับที่พระเยซูทรงมี ก็อาจมีโอกาสเสมอที่จะประสบผลเสียหายจากการยอมประนีประนอมหรือทำสิ่งที่ไม่ถูกต้อง. เหตุใดจึงเป็นอย่างนั้น? เพราะเราอาจตกเป็นเหยื่ออุบายของซาตานได้โดยง่าย เนื่องจากมันเชี่ยวชาญในการทำให้สิ่งผิดดูน่าปรารถนา ดังที่มันทำเมื่อล่อลวงฮาวา.—2 โครินท์ 11:14; 1 ติโมเธียว 2:14.
16. เป้าหมายสำคัญของเราในการช่วยคนอื่น ๆ ควรได้แก่อะไร?
16 ในงานรับใช้ของเรา เราพยายามพูดกับผู้คนในเรื่องที่พวกเขาเป็นห่วงและให้เขาดูคำตอบจากคัมภีร์ไบเบิล. นี่เป็นวิธีหนึ่งที่มีประสิทธิภาพในการเร้าความสนใจให้เขาอยากศึกษาคัมภีร์ไบเบิล. แต่หากจะกล่าวให้ถึงที่สุดแล้ว เป้าหมายของเราไม่ใช่แค่ช่วยผู้คนให้รู้ว่าคัมภีร์ไบเบิลกล่าวเช่นไรหรือราชอาณาจักรของพระเจ้าจะนำพระพรอะไรมาให้. เราต้องช่วยพวกเขาให้เข้าใจประเด็นสำคัญเกี่ยวกับสิทธิปกครองของพระยะโฮวา. พวกเขาเต็มใจจะเข้ามาเป็นคริสเตียนแท้และแบก “เสาทรมาน” และทนทุกข์เพื่อเห็นแก่ราชอาณาจักรไหม? (มาระโก 8:34) พวกเขาพร้อมจะร่วมขบวนกับคนที่สนับสนุนสิทธิปกครองของพระยะโฮวาไหม ซึ่งเป็นการพิสูจน์ว่าซาตานเป็นผู้พูดมุสาและผู้ใส่ร้าย? (สุภาษิต 27:11) นับเป็นสิทธิพิเศษของเราที่จะกระตุ้นใจเราเองและช่วยคนอื่น ๆ ให้ทำอย่างนั้น.—1 ติโมเธียว 4:16.
เมื่อพระเจ้าทรงกลายเป็น “ทุกสิ่งแก่ทุกคน”
17, 18. เราสามารถคอยท่าจะได้เห็นช่วงเวลาอันยอดเยี่ยมเช่นไร หากเราแสดงให้เห็นว่าเราสนับสนุนสิทธิปกครองของพระยะโฮวา?
17 เมื่อเราทำสุดความสามารถในขณะนี้เพื่อจะแสดงด้วยการกระทำและงานรับใช้ว่าเราสนับสนุนสิทธิปกครองของพระยะโฮวา เราสามารถคอยท่าให้ถึงเวลาที่พระเยซูคริสต์ “ทรงมอบราชอาณาจักรแด่พระเจ้า ผู้เป็นพระเจ้าและพระบิดาของพระองค์.” เหตุการณ์นั้นจะเกิดขึ้นเมื่อไร? อัครสาวกเปาโลอธิบายว่า “เมื่อพระองค์ทรงทำลายการปกครองทุกแบบ อีกทั้งผู้มีอำนาจและผู้มีฤทธิ์ทั้งปวงแล้ว. เพราะพระองค์ต้องเป็นกษัตริย์ปกครองอยู่จนกว่าพระเจ้าจะทรงปราบศัตรูทั้งสิ้นให้อยู่ใต้พระบาทพระองค์. . . . แล้วพระบุตรเองก็จะยอมอยู่ใต้อำนาจพระเจ้าผู้ทรงทำให้ทุกสิ่งอยู่ใต้อำนาจพระองค์ เพื่อว่าพระเจ้าจะทรงเป็นทุกสิ่งแก่ทุกคน.”—1 โครินท์ 15:24, 25, 28.
18 เมื่อพระเจ้าทรงเป็น “ทุกสิ่งแก่ทุกคน”—นั่นจะเป็นช่วงเวลาที่ยอดเยี่ยมสักเพียงไร! ราชอาณาจักรจะทำทุกสิ่งที่ได้รับมอบหมายให้สำเร็จ. ผู้ต่อต้านสิทธิปกครองของพระยะโฮวาทั้งหมดจะถูกทำลายให้สูญสิ้น. สันติสุขและความเป็นระเบียบเรียบร้อยจะได้รับการฟื้นฟูทั่วทั้งเอกภพ. ตามสำนวนของผู้ประพันธ์เพลงสรรเสริญ สิ่งทรงสร้างทั้งหมดจะร้องเพลงดังนี้: “จงถวายรัศมีแก่พระยะโฮวาให้สมกับพระนามของพระองค์ . . . จงกล่าวในท่ามกลางชนประเทศทั้งปวงว่า, ‘พระยะโฮวาทรงครอบครองอยู่.’ ”—บทเพลงสรรเสริญ 96:8, 10.
คุณตอบได้ไหม?
• พระเยซูทรงให้ประเด็นเกี่ยวกับสิทธิปกครองของพระเจ้าเป็นเรื่องสำคัญที่สุดเสมอโดยวิธีใด?
• พระเยซูทรงทำอะไรให้สำเร็จเป็นประการสำคัญโดยงานรับใช้และการสิ้นพระชนม์ของพระองค์?
• เราสามารถดำเนินตามแบบอย่างของพระเยซูในทางใดได้บ้างเพื่อแสดงว่าเราสนับสนุนสิทธิปกครองของพระยะโฮวา?
[กรอบ/ภาพหน้า 29]
ยืนหยัดอยู่ฝ่ายพระยะโฮวา
เช่นเดียวกับที่พี่น้องในประเทศเกาหลีและที่อื่น ๆ รู้ เมื่อคริสเตียนเผชิญกับการทดสอบที่รุนแรง เป็นประโยชน์ที่จะมีเหตุผลชัดเจนอยู่ในใจว่าทำไมเขาจึงต้องเผชิญกับการทดสอบเช่นนั้น.
พยานพระยะโฮวาคนหนึ่งซึ่งถูกจำคุกในช่วงการปกครองของอดีตสหภาพโซเวียตกล่าวว่า “สิ่งที่ช่วยเราให้อดทนคือการมีความเข้าใจอย่างชัดเจนเกี่ยวกับประเด็นที่ถูกยกขึ้นมาในสวนเอเดน—ประเด็นเกี่ยวกับสิทธิของพระเจ้าในการปกครอง. . . . เรารู้ว่าเรามีโอกาสเลือกจุดยืนที่จะสนับสนุนการปกครองของพระยะโฮวา. . . . นี่ทำให้เราเข้มแข็งและทำให้เราสามารถรักษาความซื่อสัตย์มั่นคง.”
พยานฯ อีกคนหนึ่งอธิบายว่าอะไรช่วยเขาและเพื่อนพยานฯ ในค่ายกักกัน. เขากล่าวว่า “พระยะโฮวาทรงค้ำจุนเรา. แม้เผชิญกับสภาพที่ยากลำบาก เราตื่นตัวฝ่ายวิญญาณ. เราหนุนใจกันและกันเสมอให้คิดในแง่บวกว่าเราได้เลือกยืนอยู่ฝ่ายพระยะโฮวาในประเด็นเกี่ยวกับสากลบรมเดชานุภาพ.”
[ภาพหน้า 26]
พระเยซูทรงสนับสนุนสิทธิปกครองของพระยะโฮวาอย่างไรเมื่อถูกซาตานล่อใจ?
[ภาพหน้า 28]
การสิ้นพระชนม์ของพระเยซูทำให้อะไรสำเร็จ?