โยชูวา
1 พอโมเสสผู้รับใช้ของพระยะโฮวาตายแล้ว พระยะโฮวาก็พูดกับโยชูวา*+ซึ่งเป็นลูกชายของนูนและเป็นคนรับใช้+ของโมเสสว่า 2 “โมเสสผู้รับใช้ของเราตายแล้ว+ ตอนนี้ เจ้าและชาวอิสราเอลทุกคนต้องเตรียมตัวให้พร้อมเพื่อข้ามแม่น้ำจอร์แดนเข้าไปในแผ่นดินที่เราจะยกให้ชาวอิสราเอล+ 3 ทุกที่ที่เท้าของพวกเจ้าเหยียบลงไปเราจะยกให้พวกเจ้าตามที่เราสัญญาไว้กับโมเสส+ 4 แผ่นดินของเจ้าจะมีอาณาเขตตั้งแต่ที่กันดารจนถึงเลบานอน เลยไปถึงแม่น้ำใหญ่ คือแม่น้ำยูเฟรติส ซึ่งเป็นแผ่นดินทั้งหมดของชาวฮิตไทต์+ ส่วนด้านตะวันตกนั้นจะไปจนถึงทะเลใหญ่*+ 5 ตลอดชีวิตของเจ้าจะไม่มีใครต่อสู้เจ้าได้+ เราจะอยู่กับเจ้าเหมือนที่เราอยู่กับโมเสส+ เราจะไม่ทิ้งขว้างหรือทอดทิ้งเจ้าเลย+ 6 ขอให้กล้าหาญและเข้มแข็ง+ เพราะเจ้าจะต้องพาประชาชนพวกนี้ไปแผ่นดินที่พวกเขาจะได้รับเป็นมรดก ตามที่เราสาบานไว้กับบรรพบุรุษของเขาว่าจะยกให้พวกเขา+
7 “ขอแค่ให้เจ้ากล้าหาญและเข้มแข็ง และใส่ใจทำตามข้อกฎหมายทั้งหมดที่โมเสสผู้รับใช้ของเราสั่งเจ้าไว้ อย่าทำอะไรผิดไปจากนี้+ แล้วไม่ว่าเจ้าจะไปที่ไหน เจ้าจะตัดสินใจเรื่องต่าง ๆ ได้อย่างฉลาดสุขุม+ 8 เจ้าต้องพูดถึงข้อกฎหมายนี้เสมอ+ ต้องอ่านและคิดใคร่ครวญ*ทั้งกลางวันและกลางคืน เพื่อจะทำทุกอย่างตามที่เขียนไว้ในกฎหมายนั้นได้อย่างครบถ้วน+ แล้วเจ้าจะประสบความสำเร็จในชีวิต และตัดสินใจได้อย่างฉลาดสุขุม+ 9 เราสั่งเจ้าแล้วไม่ใช่หรือว่าให้กล้าหาญและเข้มแข็ง? ไม่ต้องกลัว เพราะพระยะโฮวาพระเจ้าอยู่ด้วยไม่ว่าเจ้าจะไปที่ไหน”+
10 แล้วโยชูวาก็สั่งพวกเจ้าหน้าที่ของชาวอิสราเอลว่า 11 “ไปสั่งประชาชนทั่วค่ายพักอย่างนี้ ‘เตรียมเสบียงให้พร้อม เพราะอีก 3 วันพวกคุณจะต้องข้ามแม่น้ำจอร์แดนเข้าไปยึดแผ่นดินที่พระยะโฮวาพระเจ้าจะยกให้ครอบครอง’”+
12 โยชูวาพูดกับตระกูลรูเบน ตระกูลกาด และตระกูลมนัสเสห์ครึ่งตระกูลว่า 13 “อย่าลืมสิ่งที่โมเสสผู้รับใช้ของพระยะโฮวาสั่งพวกคุณไว้ที่ว่า+ ‘พระยะโฮวาพระเจ้าจะให้คุณได้หยุดพัก และพระองค์ก็ยกแผ่นดินนี้ให้คุณแล้ว 14 ดังนั้น ภรรยา ลูก ๆ และฝูงสัตว์ของพวกคุณจะอาศัยอยู่ในแผ่นดินที่โมเสสยกให้พวกคุณที่ฟากนี้*ของแม่น้ำจอร์แดน+ ส่วนพวกนักรบที่เก่งกล้าของพวกคุณ+จะต้องจัดขบวนทัพข้ามแม่น้ำนำหน้าพี่น้องของคุณไป+ คุณจะต้องช่วยพี่น้อง 15 จนกว่าพระยะโฮวาจะให้พี่น้องของพวกคุณได้หยุดพักเหมือนที่พระองค์ให้พวกคุณหยุดพัก และจนกว่าพวกเขาจะได้ครอบครองแผ่นดินที่พระยะโฮวาพระเจ้ายกให้พวกเขา แล้วพวกคุณค่อยกลับมาที่นี่ซึ่งเป็นแผ่นดินที่คุณได้มาครอบครองแล้ว คือแผ่นดินซึ่งโมเสสผู้รับใช้ของพระยะโฮวายกให้พวกคุณที่ฟากตะวันออกของแม่น้ำจอร์แดนนี้’”+
16 พวกเขาตอบโยชูวาว่า “เราจะทำทุกอย่างตามที่คุณสั่ง คุณสั่งให้เราไปไหน เราก็จะไป+ 17 เราจะเชื่อฟังคุณทุกอย่างเหมือนที่เราเชื่อฟังโมเสส ขอแค่ให้พระยะโฮวาพระเจ้าอยู่กับคุณเหมือนที่พระองค์อยู่กับโมเสส+ 18 ใครขัดขืนไม่เชื่อฟังคำสั่งของคุณไม่ว่าคำสั่งอะไรก็ตาม คนนั้นต้องถูกประหารชีวิต+ ขอให้คุณกล้าหาญและเข้มแข็ง”+
2 แล้วโยชูวาลูกชายของนูนก็ส่งผู้ชาย 2 คนไปจากเมืองชิทธีม+อย่างลับ ๆ เพื่อสอดแนม โยชูวาบอกพวกเขาว่า “ไปสอดแนมดูแผ่นดินนั้นโดยเฉพาะที่เมืองเยรีโค” สองคนนั้นก็ไป พวกเขามาถึงบ้านของผู้หญิงโสเภณีคนหนึ่งชื่อราหับ+และพักอยู่ที่นั่น 2 มีคนมารายงานกษัตริย์ของเมืองเยรีโคว่า “ตอนค่ำ ๆ มีผู้ชายอิสราเอลเข้ามาที่นี่เพื่อสอดแนมดูแผ่นดินของเรา” 3 กษัตริย์ของเมืองเยรีโคจึงมีคำสั่งไปถึงราหับว่า “ส่งตัวผู้ชายที่มาพักในบ้านของเธอให้เรา พวกเขาเข้ามาสอดแนมดูทั่วแผ่นดินของเรา”
4 แต่เธอเอาผู้ชาย 2 คนนั้นไปซ่อนไว้ เธอบอกว่า “มีผู้ชายมาหาดิฉัน แต่ดิฉันไม่รู้ว่าพวกเขามาจากไหนกัน 5 พอถึงกลางคืนตอนที่ประตูเมืองจะปิด พวกเขาก็ออกไป ดิฉันไม่รู้ว่าพวกเขาไปที่ไหน แต่ถ้าคุณรีบตามไปก็อาจจะทัน” 6 (จริง ๆ แล้วเธอให้สองคนนั้นขึ้นไปบนดาดฟ้าและซ่อนพวกเขาไว้ในกองต้นป่านที่วางเรียงกันอยู่บนนั้น) 7 คนที่กษัตริย์ส่งมาก็ไล่ตามพวกเขาไปทางแม่น้ำจอร์แดน ไปที่ท่าข้ามต่าง ๆ+ และพอคนที่ไล่ตามออกจากเมืองไปแล้ว พวกเขาก็ปิดประตูเมือง
8 ก่อนที่ผู้ชาย 2 คนนั้นจะเคลิ้มหลับไป เธอก็ขึ้นมาหาพวกเขาบนดาดฟ้า 9 แล้วพูดกับพวกเขาว่า “ดิฉันมั่นใจว่าพระยะโฮวาจะยกแผ่นดินนี้ให้พวกคุณ+ เรากลัวพวกคุณ+ พวกคุณทำให้ทุกคนที่อยู่ในแผ่นดินนี้ใจเสียไปตาม ๆ กัน+ 10 เราได้ยินเรื่องที่พระยะโฮวาทำให้น้ำในทะเลแดงแห้งไปต่อหน้าพวกคุณตอนที่คุณออกจากอียิปต์+ และเรื่องที่พวกคุณทำกับกษัตริย์ 2 องค์ของชาวอาโมไรต์คือสิโหน+และโอก+ พวกคุณประหารชีวิตเขาที่อีกฟากหนึ่ง*ของแม่น้ำจอร์แดน 11 เมื่อพวกเราได้ยิน ใจของเราก็ฝ่อไปหมด ทุกคนกลัวพวกคุณเพราะพระยะโฮวาพระเจ้าของคุณเป็นพระเจ้าองค์เดียวทั้งในสวรรค์และบนโลก+ 12 ตอนนี้ ขอโปรดสาบานต่อดิฉันในนามของพระยะโฮวาว่า คุณจะแสดงความกรุณา*ต่อครอบครัวของดิฉัน เพราะดิฉันแสดงความกรุณาต่อคุณ และคุณจะต้องให้หลักฐานที่ทำให้ดิฉันมั่นใจว่าคุณจะรักษาคำพูด 13 คุณต้องไว้ชีวิตพ่อ แม่ และพี่น้องของดิฉันกับทุกคนที่อยู่ในครอบครัวของพวกเขา คุณต้องช่วยพวกเราให้รอด”+
14 ผู้ชาย 2 คนนั้นก็พูดกับเธอว่า “เราขอรับประกันด้วยชีวิตว่า ถ้าคุณไม่แพร่งพรายเรื่องที่เรามาที่นี่ เมื่อถึงตอนที่พระยะโฮวายกแผ่นดินนี้ให้เรา เราจะแสดงความกรุณา*และซื่อสัตย์ต่อคุณ” 15 หลังจากนั้น เธอก็เอาเชือกหย่อนลงทางหน้าต่างเพื่อให้พวกเขาไต่ลงไป เพราะบ้านของเธอตั้งอยู่บนกำแพงเมือง+ 16 แล้วเธอก็พูดกับพวกเขาว่า “หนีไปที่เขตเทือกเขาและซ่อนตัวอยู่ที่นั่นสัก 3 วัน คนที่ไล่ตามจะได้หาพวกคุณไม่เจอ แล้วพอพวกเขากลับมา คุณก็ค่อยเดินทางต่อ”
17 แล้วผู้ชาย 2 คนนั้นก็พูดกับเธอว่า “เราจะทำตามที่คุณให้เราสาบานไว้ เราจะไม่ผิดคำสาบานที่ทำไว้กับคุณเลย+ 18 ถ้าตอนที่เราเข้ามาในแผ่นดินนี้ คุณผูกเชือกสีแดงเข้มเส้นนี้ไว้ตรงหน้าต่างที่คุณให้เราไต่ลงไป และคุณให้พ่อ แม่ พี่น้องของคุณ และทุกคนในครอบครัวของคุณมาอยู่รวมกันในบ้านนี้+ 19 แต่ถ้ามีใครออกไปนอกประตูบ้านนี้ เขาจะต้องรับผิดชอบชีวิตของเขาเอง เราจะไม่มีความผิด แต่ถ้ามีอันตรายอะไรเกิดขึ้นกับคนที่อยู่ในบ้านนี้ เราจะเป็นคนรับผิดชอบเอง 20 หรือถ้าคุณแพร่งพรายเรื่องที่พวกเรามา+ เราก็จะพ้นจากคำสาบานที่ทำกับคุณ” 21 เธอก็ตอบว่า “ขอให้เป็นไปตามที่คุณพูด”
จากนั้น เธอให้ทั้งสองคนไป แล้วก็เอาเชือกสีแดงเข้มเส้นนั้นผูกไว้ตรงหน้าต่าง 22 พวกเขาก็ไปที่เขตเทือกเขาและอยู่ที่นั่น 3 วันจนคนที่ไล่ตามนั้นกลับไปแล้ว คนที่ไล่ตามพยายามหาพวกเขาตามถนนทุกสาย แต่ก็หาไม่พบ 23 แล้วผู้ชาย 2 คนนั้นก็ลงมาจากเขตเทือกเขาและข้ามแม่น้ำไปหาโยชูวาลูกชายของนูน พวกเขาเล่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นให้โยชูวาฟัง 24 พวกเขาพูดกับโยชูวาว่า “พระยะโฮวามอบแผ่นดินทั้งหมดนั้นไว้ในมือของเราแล้ว+ พวกเราทำให้ทุกคนที่อาศัยอยู่ที่นั่นใจเสียกันไปหมด”+
3 โยชูวากับชาวอิสราเอลก็ตื่นแต่เช้า และเดินทางออกจากเมืองชิทธีม+มาถึงแม่น้ำจอร์แดน และพักค้างคืนที่นั่นก่อนจะข้ามแม่น้ำนั้น
2 หลังจากนั้น 3 วัน พวกเจ้าหน้าที่+ก็เดินไปทั่วค่ายพัก 3 และสั่งประชาชนว่า “เมื่อพวกคุณเห็นปุโรหิตตระกูลเลวีหามหีบสัญญาของพระยะโฮวาพระเจ้า+ ก็ให้ออกเดินทางจากที่พักตามหีบนั้นไป 4 เพื่อจะรู้ว่าควรไปทางไหนเพราะคุณไม่เคยใช้เส้นทางนี้มาก่อน แต่ต้องเว้นระยะให้ห่างจากหีบสัญญาประมาณ 2,000 ศอก* อย่าเข้าไปใกล้กว่านั้น”
5 แล้วโยชูวาก็พูดกับประชาชนว่า “เตรียมตัวให้พร้อม*+เพราะพรุ่งนี้พระยะโฮวาจะทำสิ่งอัศจรรย์ให้พวกคุณเห็น”+
6 โยชูวาพูดกับพวกปุโรหิตว่า “หามหีบ+สัญญาเดินนำหน้าประชาชนไป” พวกเขาก็หามหีบสัญญาเดินนำหน้าประชาชนไป
7 แล้วพระยะโฮวาก็พูดกับโยชูวาว่า “วันนี้เราจะทำให้เจ้าได้รับเกียรติต่อหน้าชาวอิสราเอล+ พวกเขาจะได้รู้ว่าเราอยู่กับเจ้า+เหมือนที่เราอยู่กับโมเสส+ 8 เจ้าต้องสั่งปุโรหิตที่หามหีบสัญญาว่า ‘เมื่อไปถึงริมฝั่งแม่น้ำจอร์แดนแล้ว ให้ลงไปยืนอยู่ในแม่น้ำนั้น’”+
9 จากนั้น โยชูวาก็พูดกับชาวอิสราเอลว่า “มาฟังว่าพระยะโฮวาพระเจ้าของคุณพูดอะไร” 10 โยชูวาพูดต่อไปว่า “สิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไปนี้จะทำให้คุณรู้ว่าพระเจ้าผู้มีชีวิตอยู่ได้อยู่กับพวกคุณ+ และพระองค์จะขับไล่ชาวคานาอัน ชาวฮิตไทต์ ชาวฮีไวต์ ชาวเปริสซี ชาวเกอร์กาชี ชาวอาโมไรต์ และชาวเยบุสออกไปจากพวกคุณ+ 11 หีบสัญญาของพระเจ้าผู้เป็นเจ้าของโลกทั้งโลกจะนำหน้าพวกคุณลงไปในแม่น้ำจอร์แดน 12 ตอนนี้ เลือกผู้ชายมา 12 คนจากตระกูลต่าง ๆ ของอิสราเอล ตระกูลละคน+ 13 และทันทีที่ปุโรหิตที่หามหีบสัญญาของพระยะโฮวาผู้เป็นเจ้าของโลกทั้งโลกเหยียบลงไปในแม่น้ำจอร์แดน น้ำที่ไหลมาจากตอนบนของแม่น้ำจอร์แดนจะถูกกั้นไว้และจะก่อตัวขึ้นเหมือนกำแพง”+
14 ประชาชนก็ออกจากเต็นท์ของตัวเองและข้ามแม่น้ำจอร์แดน โดยมีปุโรหิตที่หามหีบ+สัญญานำหน้าพวกเขาไป 15 พอปุโรหิตที่หามหีบสัญญาไปถึงแม่น้ำจอร์แดนและเหยียบลงไปที่ริมตลิ่ง (ตอนนั้น น้ำในแม่น้ำจอร์แดนเอ่อล้นฝั่ง+ตลอดช่วงฤดูเกี่ยว) 16 น้ำที่ไหลมาจากตอนบนก็ก่อตัวขึ้นเหมือนกำแพง โดยก่อตัวขึ้นที่เมืองอาดัมซึ่งอยู่ไกลออกไป เมืองนี้อยู่ใกล้กับเมืองศาเรธาน และน้ำซึ่งไหลลงไปที่ทะเลในเขตอาราบาห์ คือทะเลเกลือ*นั้นก็ไหลไปจนหมด น้ำจากตอนบนถูกกั้นไว้ และประชาชนก็เดินข้ามแม่น้ำบริเวณที่อยู่ตรงข้ามกับเมืองเยรีโค 17 ส่วนปุโรหิตที่หามหีบสัญญาของพระยะโฮวาก็ยืนอยู่บนดินแห้ง+กลางแม่น้ำจอร์แดนตอนที่ชาวอิสราเอลข้ามไปบนดินแห้ง+ จนทั้งชาติข้ามแม่น้ำจอร์แดนไปหมดทุกคน
4 พอชาวอิสราเอลข้ามแม่น้ำจอร์แดนกันหมดทุกคนแล้ว พระยะโฮวาก็พูดกับโยชูวาว่า 2 “ให้เรียกผู้ชาย 12 คนที่เลือกไว้ตระกูลละคนมา+ 3 และสั่งพวกเขาว่า ‘ไปเอาหินจากกลางแม่น้ำจอร์แดนตรงบริเวณที่พวกปุโรหิตยืนอยู่+มา 12 ก้อน แล้วเอาไปวางไว้ตรงที่จะพักค้างคืน’”+
4 โยชูวาก็เรียกผู้ชาย 12 คนที่เขาแต่งตั้งและเลือกจากชาวอิสราเอลตระกูลละคนนั้นมา 5 และโยชูวาพูดกับพวกเขาว่า “ให้เดินไปที่กลางแม่น้ำจอร์แดนตรงหน้าหีบสัญญาของพระยะโฮวาพระเจ้า และแบกหินมาตามจำนวนตระกูลของชาวอิสราเอล ให้แบกมาคนละก้อน 6 หินพวกนี้จะคอยเตือนใจว่าพระเจ้าทำอะไรเพื่อพวกคุณ ถ้าในวันข้างหน้าลูกหลานของคุณถามว่า ‘ทำไมเอาหินพวกนี้มาตั้งไว้ที่นี่?’+ 7 คุณจะได้ตอบพวกเขาว่า ‘เพราะน้ำในแม่น้ำจอร์แดนถูกกั้นไว้ตรงหน้าหีบ+สัญญาของพระยะโฮวา ตอนที่หามหีบนั้นข้ามแม่น้ำจอร์แดน น้ำในแม่น้ำก็ถูกกั้นไม่ให้ไหลมา หินพวกนี้จะคอยเตือนใจชาวอิสราเอลตลอดไป’”+
8 ชาวอิสราเอลก็ทำตามคำสั่งของโยชูวา พวกเขาไปเอาหินจากกลางแม่น้ำจอร์แดนมา 12 ก้อน ตามจำนวนตระกูลของชาวอิสราเอลตามที่พระยะโฮวาสั่งโยชูวาไว้ พวกเขาเอาหินพวกนั้นไปตั้งไว้ตรงที่ที่พวกเขาจะพักค้างคืน
9 โยชูวาเอาหิน 12 ก้อนตั้งไว้ที่กลางแม่น้ำจอร์แดนด้วย โดยตั้งไว้ตรงบริเวณที่ปุโรหิตที่หามหีบสัญญายืนอยู่+ และหินพวกนั้นยังอยู่ที่นั่นจนถึงวันนี้
10 ปุโรหิตที่หามหีบสัญญายืนอยู่กลางแม่น้ำจอร์แดนจนทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยตามที่พระยะโฮวาสั่งโยชูวาให้บอกประชาชนให้ทำ ตามที่โมเสสสั่งโยชูวาไว้ทุกอย่าง ในระหว่างนั้นประชาชนก็รีบข้ามแม่น้ำไป 11 พอประชาชนข้ามไปหมดแล้ว พวกปุโรหิตก็หามหีบสัญญาของพระยะโฮวาข้ามไปต่อหน้าประชาชน+ 12 ตระกูลรูเบน ตระกูลกาด และตระกูลมนัสเสห์ครึ่งตระกูลก็จัดขบวนทัพ+ข้ามแม่น้ำนำหน้าชาวอิสราเอลไปตามที่โมเสสสั่งไว้+ 13 มีทหารที่ถืออาวุธพร้อมสู้รบข้ามไปในที่ราบกันดารเยรีโคต่อหน้าพระยะโฮวาประมาณ 40,000 คน
14 ในวันนั้นพระยะโฮวาทำให้โยชูวาได้รับเกียรติต่อหน้าชาวอิสราเอล+ พวกเขาจึงให้ความนับถืออย่างสูง*ต่อโยชูวาตลอดเวลาที่เขามีชีวิตอยู่เหมือนที่พวกเขาให้ความนับถืออย่างสูงต่อโมเสส+
15 แล้วพระยะโฮวาก็พูดกับโยชูวาว่า 16 “สั่งปุโรหิตที่หามหีบ+สัญญาให้ขึ้นมาจากแม่น้ำจอร์แดน” 17 โยชูวาก็สั่งพวกปุโรหิตว่า “ขึ้นมาจากแม่น้ำจอร์แดนได้แล้ว” 18 เมื่อปุโรหิตที่หามหีบ+สัญญาของพระยะโฮวาขึ้นมาจากแม่น้ำจอร์แดนและเหยียบบนฝั่ง น้ำในแม่น้ำจอร์แดนก็กลับมาไหลตามปกติและเอ่อล้นฝั่ง+เหมือนเดิม
19 ชาวอิสราเอลขึ้นมาจากแม่น้ำจอร์แดนในวันที่ 10 เดือน 1 และตั้งค่ายที่กิลกาล+ติดเขตแดนด้านตะวันออกของเมืองเยรีโค
20 สำหรับหิน 12 ก้อนที่พวกเขาเอามาจากแม่น้ำจอร์แดนนั้น โยชูวาตั้งไว้ที่กิลกาล+ 21 เขาพูดกับชาวอิสราเอลว่า “ต่อไปในวันข้างหน้า เมื่อลูกหลานของคุณถามว่า ‘ตั้งหินพวกนี้ไว้ทำไม?’+ 22 ให้พวกคุณบอกลูกหลานว่า ‘ชาวอิสราเอลเคยข้ามแม่น้ำจอร์แดนบนดินแห้ง+ 23 พระยะโฮวาพระเจ้าทำให้น้ำในแม่น้ำจอร์แดนแห้งไปต่อหน้าพวกเขาจนพวกเขาทั้งหมดเดินข้ามไปได้ เหมือนที่พระยะโฮวาพระเจ้าทำให้น้ำในทะเลแดงแห้งไปต่อหน้าพวกเราจนพวกเราทั้งหมดเดินข้ามไปได้+ 24 พระองค์ทำอย่างนี้เพื่อคนจากทุกชาติในโลกจะรู้ว่าพระยะโฮวามีพลังอำนาจยิ่งใหญ่ขนาดไหน+ และพวกคุณจะได้เกรงกลัวพระยะโฮวาพระเจ้าของคุณเสมอ’”
5 เมื่อกษัตริย์ทุกองค์ของชาวอาโมไรต์+ที่อยู่ทางฝั่งตะวันตกของแม่น้ำจอร์แดน และพวกกษัตริย์ของชาวคานาอัน+ที่อยู่ริมทะเลได้ยินเรื่องที่พระยะโฮวาทำให้น้ำในแม่น้ำจอร์แดนแห้งไปต่อหน้าชาวอิสราเอลจนพวกเขาข้ามไปหมดทุกคน กษัตริย์พวกนั้นก็กลัวชาวอิสราเอล+จนใจฝ่อ+กันไปหมด
2 ตอนนั้น พระยะโฮวาพูดกับโยชูวาว่า “เจ้าต้องทำมีดด้วยหินเหล็กไฟและทำสุหนัต+ให้ผู้ชายอิสราเอลอีกเป็นครั้งที่สอง” 3 โยชูวาก็เอาหินเหล็กไฟมาทำมีดและทำสุหนัตให้ผู้ชายอิสราเอลที่กิเบอัธหะอาราโลท*+ 4 เหตุผลที่โยชูวาทำสุหนัตให้คนพวกนี้ เพราะพวกผู้ชายอิสราเอลที่เป็นทหารซึ่งออกมาจากอียิปต์นั้นตายกันหมดแล้วในที่กันดารระหว่างการเดินทางหลังจากที่ออกจากอียิปต์+ 5 คนพวกนั้นที่ออกมาจากอียิปต์เข้าสุหนัตกันหมดแล้ว แต่ทุกคนที่เกิดในที่กันดารระหว่างการเดินทางหลังจากที่ออกจากอียิปต์ยังไม่ได้เข้าสุหนัตเลย 6 ชาวอิสราเอลร่อนเร่อยู่ในที่กันดารเป็นเวลา 40 ปี+ จนทั้งชาติตายกันหมด คือผู้ชายทุกคนที่เป็นทหารซึ่งออกมาจากอียิปต์และไม่เชื่อฟังพระยะโฮวา+ พระยะโฮวาสาบานกับคนพวกนี้ว่าพระองค์จะไม่ให้พวกเขาเห็นแผ่นดิน+ที่พระยะโฮวาจะยกให้เราตามที่พระองค์สาบานไว้กับบรรพบุรุษของเรา+ คือแผ่นดินที่มีน้ำนมและน้ำผึ้งมากมายนั้น+ 7 พระองค์จึงนำลูกหลานของพวกเขามาที่แผ่นดินนี้แทน+ คนพวกนี้แหละที่โยชูวาทำสุหนัตให้เพราะพวกเขายังไม่ได้ทำระหว่างการเดินทาง
8 เมื่อทั้งชาติทำสุหนัตเสร็จแล้ว พวกเขาก็พักอยู่ในค่ายจนหายเป็นปกติ
9 แล้วพระยะโฮวาก็พูดกับโยชูวาว่า “วันนี้ เราลบ*คำสบประมาทของชาวอียิปต์ออกไปจากพวกเจ้าแล้ว” ที่นั่นจึงถูกเรียกว่ากิลกาล*+จนถึงวันนี้
10 ชาวอิสราเอลตั้งค่ายอยู่ที่กิลกาลต่อ และฉลองปัสกาบนที่ราบกันดารเยรีโคในตอนเย็นวันที่ 14 ของเดือนนั้น+ 11 ถัดจากวันปัสกาพวกเขาก็เริ่มกินพืชผลที่ได้จากแผ่นดิน กินขนมปังไม่ใส่เชื้อ+และข้าวคั่วในวันเดียวกันนี้ด้วย 12 ในวันที่พวกเขาเริ่มกินพืชผลที่ได้จากแผ่นดิน มานาก็หายไป ชาวอิสราเอลไม่มีมานากินอีกเลย+ แต่พวกเขาเริ่มกินพืชผลที่ได้จากแผ่นดินคานาอันในปีนั้น+
13 ตอนที่โยชูวาอยู่ใกล้เมืองเยรีโค เขาเห็นผู้ชายคนหนึ่ง+ยืนถือดาบอยู่ข้างหน้าเขา+ โยชูวาก็เดินเข้าไปหาและถามว่า “คุณอยู่ฝ่ายพวกเราหรืออยู่ฝ่ายศัตรู?” 14 คนนั้นตอบว่า “เปล่าเลย ผมมาที่นี่ในฐานะนายทัพของพระยะโฮวา”+ พอโยชูวาได้ยินก็ซบหน้าลงกับพื้นคำนับแล้วพูดว่า “นายท่านมีอะไรจะบอกผู้รับใช้ของท่านครับ?” 15 นายทัพของพระยะโฮวาก็ตอบโยชูวาว่า “ถอดรองเท้าออก เพราะที่ที่คุณยืนอยู่นี้บริสุทธิ์” โยชูวาก็ถอดรองเท้าทันที+
6 ประตูเมืองเยรีโคถูกปิดอย่างแน่นหนาเพราะพวกอิสราเอล ไม่มีใครเข้าออกได้เลย+
2 พระยะโฮวาพูดกับโยชูวาว่า “เรามอบเมืองเยรีโค รวมทั้งกษัตริย์กับนักรบที่เก่งกล้าของเมืองนั้นไว้ในมือเจ้าแล้ว+ 3 ให้ทหารทุกคนเดินรอบเมืองนั้นวันละ 1 รอบ และทำอย่างนี้ 6 วัน 4 ให้ปุโรหิต 7 คนถือแตรเขาแกะเดินนำหน้าหีบสัญญา แต่ในวันที่เจ็ด พวกเจ้าจะต้องเดินรอบเมือง 7 รอบและให้ปุโรหิตเป่าแตร+ 5 เมื่อเสียงแตรเขาแกะดังขึ้น คือทันทีที่พวกเจ้าได้ยินเสียงแตร*นั้น ให้ทหารทุกคนโห่ร้องเสียงดังเหมือนเสียงที่พร้อมจะเข้าทำศึก แล้วกำแพงเมืองจะพังราบลงมาเป็นหน้ากลอง+ และให้ทหารทุกคนวิ่งกรูเข้าไปในเมืองนั้น”
6 โยชูวาลูกชายของนูนก็เรียกพวกปุโรหิตมาและบอกว่า “ให้หามหีบสัญญาไป และให้ปุโรหิต 7 คนถือแตรเขาแกะเดินนำหน้าหีบสัญญาของพระยะโฮวา”+ 7 แล้วเขาก็สั่งพวกทหารว่า “ให้เดินรอบเมือง ให้กองทหารที่ถืออาวุธ+เดินนำหน้าหีบสัญญาของพระยะโฮวา” 8 พอโยชูวาสั่งพวกทหารเสร็จแล้ว ปุโรหิต 7 คนที่ถือแตรเขาแกะต่อหน้าพระยะโฮวาก็ออกเดินพร้อมกับเป่าแตร โดยมีหีบสัญญาของพระยะโฮวาตามหลังพวกเขา 9 และมีกองทหารที่ถืออาวุธเดินนำหน้าปุโรหิตที่เป่าแตร ส่วนกองหลังก็เดินตามหีบสัญญาขณะที่พวกปุโรหิตเป่าแตรไปเรื่อย ๆ
10 แล้วโยชูวาก็สั่งพวกทหารว่า “อย่าโห่ร้องหรือส่งเสียง และอย่าพูดอะไรจนกว่าผมจะบอกพวกคุณว่า ‘โห่ร้องดัง ๆ’ คุณก็ค่อยโห่ร้อง” 11 โยชูวาสั่งให้หามหีบสัญญาของพระยะโฮวาวนรอบเมือง 1 รอบ แล้วให้พวกเขากลับมาค้างคืนที่ค่าย
12 วันรุ่งขึ้น โยชูวาตื่นแต่เช้าตรู่ และพวกปุโรหิตก็หามหีบสัญญา+ของพระยะโฮวาไป 13 โดยมีปุโรหิต 7 คนถือแตรเขาแกะเดินนำหน้าหีบสัญญาของพระยะโฮวาและเป่าแตรไปเรื่อย ๆ และกองทหารที่ถืออาวุธก็เดินนำหน้าพวกเขาไป ส่วนกองหลังเดินตามหีบสัญญาของพระยะโฮวาขณะที่ปุโรหิตเป่าแตรไปเรื่อย ๆ 14 วันที่สองพวกเขาเดินรอบเมือง 1 รอบแล้วก็กลับมาที่ค่าย พวกเขาทำอย่างนี้อยู่ 6 วัน+
15 วันที่เจ็ด พวกเขาตื่นแต่เช้าตรู่ทันทีที่ฟ้าสาง และเดินรอบเมืองในแบบเดียวกัน 7 รอบ เฉพาะวันนี้เท่านั้นที่พวกเขาเดินรอบเมืองถึง 7 รอบ+ 16 และในรอบที่เจ็ด พอพวกปุโรหิตเป่าแตร โยชูวาก็สั่งทหารว่า “โห่ร้องดัง ๆ+ พระยะโฮวามอบเมืองนี้ให้พวกคุณแล้ว 17 เมืองนี้และทุกสิ่งที่อยู่ในเมืองจะต้องถูกทำลาย+ เมืองนี้และสิ่งของทั้งหมดในเมืองเป็นของพระยะโฮวา เฉพาะแต่ราหับ+ผู้หญิงโสเภณีและทุกคนที่อยู่ในบ้านของเธอเท่านั้นที่จะรอดชีวิต เพราะเธอซ่อนคนสอดแนมที่พวกเราส่งไป+ 18 แต่อย่าเข้าไปใกล้สิ่งที่ต้องถูกทำลาย+ เพื่อคุณจะไม่โลภอยากได้และเอาของบางอย่างที่ต้องถูกทำลายนั้นมา+ ซึ่งจะทำให้ค่ายของชาวอิสราเอลเกิดความหายนะและถูกทำลายไปด้วย+ 19 ส่วนเงิน ทอง สิ่งของเครื่องใช้ที่ทำจากทองแดงและเหล็กเป็นสิ่งบริสุทธิ์สำหรับพระยะโฮวา+ จะต้องเอาสิ่งของทั้งหมดนี้มาเก็บไว้ในคลังของพระยะโฮวา”+
20 เมื่อเสียงแตรดังขึ้นพวกทหารก็โห่ร้อง+ ทันทีที่พวกทหารได้ยินเสียงแตรและโห่ร้องเสียงดังเป็นเสียงที่พร้อมจะเข้าทำศึกนั้น กำแพงเมืองก็พังราบลงมาเป็นหน้ากลอง+ แล้วพวกทหารก็กรูเข้าไปยึดเมืองนั้น 21 พวกเขาทำลายทุกสิ่งที่อยู่ในเมืองนั้นด้วยดาบ ทั้งผู้ชายผู้หญิง คนแก่และเด็ก วัว แกะและลา+
22 โยชูวาพูดกับผู้ชายสองคนที่ถูกส่งไปสอดแนมดูแผ่นดินนั้นว่า “เข้าไปในบ้านของผู้หญิงโสเภณีคนนั้น และพาเธอกับทุกคนที่อยู่กับเธอออกมาตามที่คุณสาบานกับเธอไว้”+ 23 คนสอดแนมทั้งสองก็เข้าไปพาตัวราหับพร้อมกับพ่อ แม่ พี่น้อง และทุกคนที่อยู่กับเธอออกมา พวกเขาพาคนทั้งหมดในครอบครัวของเธอออกมา+ และพาไปอยู่นอกค่ายของชาวอิสราเอลอย่างปลอดภัย
24 แล้วพวกเขาก็เผาเมืองรวมทั้งทุกสิ่งที่อยู่ในเมืองนั้น แต่เงิน ทอง สิ่งของเครื่องใช้ที่ทำจากทองแดงและเหล็ก พวกเขาเอามาไว้ในคลังเก็บของที่ใช้กับเต็นท์ศักดิ์สิทธิ์*ของพระยะโฮวา+ 25 ส่วนราหับผู้หญิงโสเภณีและครอบครัวของเธอ รวมทั้งทุกคนที่อยู่กับเธอนั้นโยชูวาได้ไว้ชีวิต+ เธออาศัยอยู่ในอิสราเอลจนถึงวันนี้+ เพราะเธอซ่อนคนสอดแนมที่โยชูวาส่งไปดูเมืองเยรีโค+
26 ตอนนั้น โยชูวาสาบานว่า* “ใครที่พยายามสร้างเมืองเยรีโคขึ้นใหม่จะถูกสาปแช่งต่อหน้าพระยะโฮวา เมื่อเขาวางฐานรากของเมืองลูกคนโตของเขาจะตาย เมื่อตั้งประตูเมืองลูกคนสุดท้องจะตาย”+
27 พระยะโฮวาอยู่กับโยชูวา+ และชื่อเสียงของโยชูวา*ก็เลื่องลือไปทั่วโลก+
7 แต่ชาวอิสราเอลไม่ซื่อสัตย์เกี่ยวกับสิ่งที่พวกเขาต้องทำลายนั้น เพราะอาคาน+ลูกชายของคาร์มี หลานของศับดี เหลนของเศราห์จากตระกูลยูดาห์ ได้หยิบเอาของบางอย่างที่จะต้องทำลายนั้นมา+ พระยะโฮวาจึงโกรธชาวอิสราเอลมาก+
2 ต่อมา โยชูวาได้ส่งคนจากเมืองเยรีโคไปเมืองอัย+ ซึ่งอยู่ใกล้ ๆ กับเบธอาเวน และอยู่ทางตะวันออกของเมืองเบธเอล+ โยชูวาสั่งพวกเขาว่า “ขึ้นไปสอดแนมดูเมืองนั้น” พวกเขาก็ขึ้นไปสอดแนมดูเมืองอัย 3 พอพวกเขากลับมาก็บอกโยชูวาว่า “ไม่จำเป็นต้องให้ทหารทุกคนขึ้นไป ทหารสักสองหรือสามพันคนก็เอาชนะเมืองอัยได้แล้ว ไม่ต้องให้ทั้งหมดขึ้นไปให้เหนื่อยหรอก เพราะเมืองนั้นมีคนอยู่ไม่มาก”
4 ทหารประมาณ 3,000 คนจึงขึ้นไปที่นั่น แต่พวกเขาพ่ายแพ้วิ่งหนีทหารของเมืองอัย+ 5 ทหารของเมืองอัยฆ่าฟันพวกเขาตายไป 36 คน และไล่ตามพวกเขาจากหน้าประตูเมืองลงมาตามเนินเขาจนถึงเชบาริม* และยังฆ่าฟันพวกเขาล้มตายตามทางด้วย ทำให้ชาวอิสราเอลต่างก็ใจฝ่อไปตาม ๆ กัน
6 โยชูวาและพวกผู้นำของชาวอิสราเอลก็ฉีกเสื้อของตัวเองและซบหน้าลงกับพื้นตรงหน้าหีบสัญญาของพระยะโฮวาจนถึงตอนเย็น และโปรยฝุ่นดินใส่หัวของตัวเอง 7 แล้วโยชูวาก็พูดว่า “พระยะโฮวาพระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่สูงสุด ทำไมพระองค์ถึงนำประชาชนพวกนี้ข้ามแม่น้ำจอร์แดนมาเพื่อให้ถูกชาวอาโมไรต์ทำลายอย่างนี้? พวกเราน่าจะพอใจอยู่ที่อีกฟากหนึ่ง*ของแม่น้ำจอร์แดน 8 พระยะโฮวาพระเจ้า ผมไม่รู้จะพูดยังไงดีที่ชาวอิสราเอลพ่ายแพ้ศัตรูแล้วหนีมาอย่างนี้ 9 ถ้าชาวคานาอันกับผู้คนที่อาศัยอยู่ในแผ่นดินนี้ได้ยินเรื่องนี้ พวกเขาก็จะพากันมาล้อมพวกเราและกำจัดพวกเราให้สิ้นชื่อไปจากโลกนี้ แล้วพระองค์จะทำยังไงเพื่อปกป้องชื่อที่ยิ่งใหญ่ของพระองค์?”+
10 พระยะโฮวาก็พูดกับโยชูวาว่า “ลุกขึ้นเถอะ ซบหน้าอยู่อย่างนี้ทำไม? 11 ชาวอิสราเอลทำบาป พวกเขาละเมิดสัญญาของเรา+ซึ่งเราสั่งพวกเขาให้รักษาไว้ พวกเขาหยิบเอาของบางอย่างที่จะต้องถูกทำลายนั้นมา+ เขาขโมย+ไปซ่อนไว้กับข้าวของของเขา+ 12 ชาวอิสราเอลจะสู้ศัตรูไม่ได้ พวกเขาจะหันหลังวิ่งหนีพวกศัตรู เพราะพวกเขากลายเป็นสิ่งที่จะต้องถูกทำลาย เราจะไม่อยู่กับพวกเจ้าอีกต่อไปถ้าพวกเจ้าไม่กำจัดสิ่งที่จะต้องถูกทำลายให้หมดไปก่อน+ 13 ลุกขึ้นเถอะ ไปบอกประชาชนให้เตรียมพร้อม*+ บอกพวกเขาว่า ‘เตรียมตัวให้พร้อมสำหรับวันพรุ่งนี้ เพราะพระยะโฮวาพระเจ้าของอิสราเอลบอกว่า “ชาวอิสราเอลมีสิ่งที่จะต้องถูกทำลายอยู่ พวกเจ้าจะสู้ศัตรูไม่ได้ถ้าพวกเจ้าไม่กำจัดสิ่งที่จะต้องถูกทำลายให้หมดไปก่อน 14 พรุ่งนี้เช้า ให้พวกเจ้าทุกตระกูลมาพร้อมหน้ากัน ตระกูลไหนที่พระยะโฮวาเลือก+ให้ตระกูลนั้นก้าวออกมา จากตระกูลนั้นวงศ์ตระกูลไหนที่พระยะโฮวาเลือกให้วงศ์ตระกูลนั้นก้าวออกมา จากวงศ์ตระกูลนั้นครอบครัวไหนที่พระยะโฮวาเลือกให้ครอบครัวนั้นก้าวออกมา และจากครอบครัวนั้นให้ก้าวออกมาทีละคน 15 คนที่ถูกจับได้ว่ามีสิ่งของที่ต้องถูกทำลายจะต้องถูกประหารชีวิตแล้วเอาไปเผาไฟ+ ทั้งตัวเขาและสิ่งของทั้งหมดที่เขามี เพราะเขาละเมิดสัญญาของพระยะโฮวา+ และทำสิ่งที่น่าอายในอิสราเอล”’”
16 วันรุ่งขึ้น โยชูวาก็ตื่นแต่เช้าตรู่และให้ชาวอิสราเอลทุกตระกูลมาพร้อมหน้ากัน และตระกูลยูดาห์ถูกเลือก 17 จากนั้น เขาให้ทุกวงศ์ตระกูลในตระกูลยูดาห์ก้าวออกมา และเลือกวงศ์ตระกูลของเศราห์+ แล้วเขาก็ให้ทุกครอบครัวในวงศ์ตระกูลของเศราห์ก้าวออกมา และเลือกครอบครัวศับดี 18 สุดท้ายเขาก็ให้ทุกคนในครอบครัวของศับดีก้าวออกมาทีละคน และเลือกอาคานลูกชายของคาร์มี หลานของศับดี เหลนของเศราห์จากตระกูลยูดาห์+ 19 แล้วโยชูวาก็พูดกับอาคานว่า “อาคาน โปรดให้เกียรติพระยะโฮวาพระเจ้าของอิสราเอลและสารภาพต่อพระองค์ บอกผมมาเถอะว่าคุณทำอะไรลงไป อย่าปิดบังเลย”
20 อาคานก็ตอบโยชูวาว่า “ผมเป็นคนที่ทำบาปต่อพระยะโฮวาพระเจ้าของอิสราเอลจริง ผมทำอย่างนี้ 21 ในข้าวของที่ริบมานั้น ผมเห็นเสื้อคลุมอย่างดีจากชินาร์+ตัวหนึ่งที่สวยมาก และเงินหนัก 200 เชเขล* กับทองคำแท่งหนึ่งหนัก 50 เชเขล* ผมอยากได้เลยหยิบมา ตอนนี้ของพวกนั้นซ่อนอยู่ใต้พื้นดินในเต็นท์ของผม ผมซ่อนเงินนั้นไว้ข้างล่างสุด”
22 โยชูวาก็ส่งคนไปที่นั่นทันที พวกเขาวิ่งไปที่เต็นท์นั้นและพบเสื้อคลุมซ่อนอยู่ในเต็นท์ และมีเงินซ่อนอยู่ใต้เสื้อตัวนั้น 23 พวกเขาก็เอาของพวกนั้นออกมาจากเต็นท์และเอามาให้โยชูวากับชาวอิสราเอล และวางไว้ต่อหน้าพระยะโฮวา 24 โยชูวากับชาวอิสราเอลทุกคนที่อยู่ตรงนั้นก็เอาตัวอาคาน+เหลนของเศราห์ พร้อมกับเงิน เสื้อคลุมอย่างดี และทองคำแท่ง+ รวมทั้งลูกชาย ลูกสาว วัว ลา แกะ แพะ เต็นท์ของเขา และทุกสิ่งที่เป็นของเขาไปที่หุบเขาอาโคร์+ 25 โยชูวาพูดว่า “ทำไมคุณถึงทำให้พวกเราเดือดร้อน*อย่างนี้?+ วันนี้พระยะโฮวาจะทำให้คุณเจอกับความหายนะ” พอพูดจบ ชาวอิสราเอลก็เอาหินขว้างพวกเขาจนตาย+แล้วเอาไฟเผา+ ชาวอิสราเอลเอาหินขว้างพวกเขาตายแบบนี้ 26 พวกเขาเอาหินมากองทับศพของอาคานเป็นกองใหญ่ซึ่งยังคงอยู่จนถึงวันนี้ ความโกรธของพระยะโฮวาก็ค่อย ๆ ลดลง+ ที่นั่นจึงถูกเรียกว่าที่ราบหุบเขาอาโคร์*จนถึงวันนี้
8 พระยะโฮวาพูดกับโยชูวาว่า “อย่ากลัวหรือหวั่นเกรง+ เจ้าต้องนำทหารทั้งหมดขึ้นไปรบกับเมืองอัย เรามอบกษัตริย์ของเมืองอัย ประชาชนของเขา เมืองและแผ่นดินของเขาไว้ในมือเจ้าแล้ว+ 2 ให้ทำกับเมืองอัยและกษัตริย์ของเมืองอัยเหมือนที่ทำกับเมืองเยรีโคและกษัตริย์ของเมืองเยรีโค+ แต่เจ้าเอาของริบและฝูงสัตว์ในเมืองนั้นมาเป็นของตัวเองได้ และให้จัดทหารกองหนึ่งซุ่มอยู่ที่ด้านหลังเมือง”
3 โยชูวากับทหารทั้งหมดก็ขึ้นไปรบกับเมืองอัย โยชูวาเลือกทหารที่เก่งกล้ามา 30,000 คน และให้พวกเขาบางส่วนออกไปตอนกลางคืน 4 โยชูวาสั่งพวกเขาว่า “พวกคุณต้องไปซุ่มอยู่ที่ด้านหลังของเมือง แต่อย่าอยู่ไกลจากตัวเมืองมากนัก และให้ทุกคนเตรียมพร้อมไว้ 5 ส่วนผมกับทหารที่เหลือจะไปโจมตีเมืองนั้น พอพวกเขาออกมาสู้กับพวกเราเหมือนครั้งก่อน+ เราจะถอยออกมา 6 ทีนี้พวกเขาก็จะไล่ตามพวกเราเพราะคิดว่าเราหนีเหมือนครั้งก่อน+ เราจะหนีและปล่อยให้พวกเขาไล่ตามไปจนไกลจากตัวเมือง 7 จากนั้นก็ให้พวกคุณออกจากที่ซุ่มเข้าไปยึดเมืองนั้น พระยะโฮวาพระเจ้าจะมอบเมืองนั้นไว้ในมือของพวกคุณ 8 ทันทีที่ยึดเมืองได้ พวกคุณต้องเอาไฟเผาเมืองนั้น+ ให้ทำตามคำสั่งของพระยะโฮวา นี่คือคำสั่งของผม”
9 แล้วโยชูวาก็ให้ทหารบางส่วนออกไปซุ่มอยู่ทางตะวันตกของเมืองอัย ให้ซุ่มอยู่ระหว่างเมืองเบธเอลกับเมืองอัย ส่วนโยชูวาก็ค้างคืนอยู่กับทหารที่เหลือ
10 วันรุ่งขึ้น โยชูวาตื่นแต่เช้าและเรียกรวมพลทหาร แล้วโยชูวากับพวกผู้นำของชาวอิสราเอลก็นำพวกทหารไปเมืองอัย 11 ทหารทั้งหมด+ที่อยู่กับเขาเคลื่อนทัพมาทางด้านหน้าของเมือง พวกเขาตั้งค่ายอยู่ทางทิศเหนือของเมืองอัย มีหุบเขาคั่นอยู่ระหว่างพวกเขากับเมืองอัย 12 ในเวลาเดียวกันก็มีทหาร 5,000 คนซุ่มอยู่ทางตะวันตกของเมืองอัย โยชูวาส่งพวกเขาไปซุ่มอยู่+ระหว่างเมืองเบธเอล+กับเมืองอัย 13 ดังนั้น ทหารกองใหญ่ตั้งค่ายอยู่ทางเหนือของเมือง+ ส่วนทหารกองซุ่มอยู่ทางทิศตะวันตกของเมือง+ คืนนั้นโยชูวาลงไปที่กลางหุบเขา
14 พอกษัตริย์ของเมืองอัยเห็นอย่างนี้ก็รีบพาทหารในเมืองออกมาต่อสู้กับทหารอิสราเอลตั้งแต่เช้าตรู่ พวกเขาต่อสู้กันในที่หนึ่งซึ่งมองลงไปจะเห็นที่ราบกันดาร แต่กษัตริย์ของเมืองอัยไม่รู้ว่ามีทหารอีกกองหนึ่งซุ่มอยู่ด้านหลังเมืองรอโจมตี 15 เมื่อทหารของเมืองอัยเข้าโจมตี โยชูวากับทหารอิสราเอลก็หนีไปทางที่กันดาร+ 16 ทหารทั้งหมดในเมืองอัยถูกเรียกให้ไล่ตามทหารอิสราเอลไป พวกเขาไล่ตามโยชูวาและถูกล่อให้ออกไปไกลจากตัวเมือง 17 ทหารทั้งหมดไล่ตามชาวอิสราเอลไป ไม่มีเหลืออยู่ในเมืองอัยและเมืองเบธเอลเลยสักคน พวกเขาเปิดประตูเมืองทิ้งไว้ตอนที่ไล่ตามชาวอิสราเอลไป
18 พระยะโฮวาก็บอกโยชูวาว่า “ยื่นหอกในมือเจ้าชี้ไปที่เมืองอัย+ เพราะเราจะมอบเมืองนั้นไว้ในมือเจ้า”+ โยชูวาก็ยื่นหอกในมือชี้ไปที่เมืองอัย 19 พอเขายื่นมือออกไป ทหารที่ซุ่มอยู่ก็ออกมาอย่างรวดเร็วแล้วเข้าไปยึดเมือง พวกเขาจุดไฟเผาเมืองทันที+
20 พอทหารของเมืองอัยหันมาดูก็เห็นกลุ่มควันลอยโขมงขึ้นมาจากเมือง พวกเขาก็หมดเรี่ยวแรงไม่รู้จะหนีไปทางไหน ทหารอิสราเอลที่หนีไปทางที่กันดารก็หันกลับมาสู้กับพวกที่ไล่ตามมา 21 พอโยชูวาและทหารอิสราเอลเห็นว่าทหารที่ซุ่มอยู่ยึดเมืองได้แล้ว และเห็นควันไฟลอยขึ้นมาจากเมือง พวกเขาก็หันกลับมาโจมตีทหารของเมืองอัย 22 และทหารที่ยึดเมืองได้ก็ออกมาปะทะกับทหารของเมืองอัยด้วย ทำให้ทหารของเมืองอัยติดกับอยู่ตรงกลาง เพราะมีทหารอิสราเอลขนาบอยู่ทั้งสองข้าง ทหารอิสราเอลก็ฆ่าฟันทหารของเมืองอัยตายจนหมดไม่มีใครรอดหรือหลบหนีไปได้แม้แต่คนเดียว+ 23 ยกเว้นกษัตริย์ของเมืองอัย+ พวกเขาจับตัวมาให้โยชูวา
24 หลังจากทหารอิสราเอลฆ่าฟันชาวเมืองอัยที่ไล่ตามพวกเขาในที่กันดารล้มตายด้วยคมดาบจนหมดแล้ว ทหารอิสราเอลก็กลับเข้าไปในเมืองอัยและฆ่าฟันคนที่เหลืออยู่ในเมืองนั้น 25 ชาวเมืองอัยที่ล้มตายในวันนั้น ทั้งผู้ชายและผู้หญิงรวมแล้ว 12,000 คน 26 โยชูวายื่นหอกในมือชี้ไปที่เมืองอัยอยู่อย่างนั้น+จนชาวเมืองอัยทั้งหมดถูกฆ่า+ 27 ชาวอิสราเอลกวาดเอาฝูงสัตว์และของริบจากเมืองนั้นมาเป็นของตัวเองตามที่พระยะโฮวาสั่งโยชูวาไว้+
28 แล้วโยชูวาก็เผาเมืองอัยจนมอดไหม้เป็นกองซากปรักหักพังถาวร+อย่างที่เป็นอยู่จนถึงวันนี้ 29 เขาฆ่ากษัตริย์เมืองอัยและเอาศพไปแขวนไว้บนเสา*จนถึงตอนเย็น พอดวงอาทิตย์ใกล้จะตกโยชูวาก็สั่งให้เอาศพลงจากเสา+ แล้วพวกเขาก็ทิ้งศพนั้นตรงทางเข้าประตูเมืองและเอาหินมากองทับศพเป็นกองใหญ่ ซึ่งยังอยู่ที่นั่นจนถึงวันนี้
30 จากนั้นโยชูวาก็ก่อแท่นบูชาให้พระยะโฮวาพระเจ้าของอิสราเอลที่ภูเขาเอบาล+ 31 ตามที่โมเสสผู้รับใช้ของพระยะโฮวาสั่งชาวอิสราเอลไว้ และตามที่เขียนไว้ในม้วนหนังสือกฎหมาย+ของโมเสสที่ว่า “แท่นบูชาทำด้วยหินที่ไม่มีการตัดแต่ง ไม่มีการใช้เหล็กมาสกัดหินนั้น”+ พวกเขาถวายเครื่องบูชาเผาและเครื่องบูชาผูกมิตรให้พระยะโฮวาบนแท่นนั้น+
32 ที่นั่น เขาเอากฎหมายที่โมเสสเขียนต่อหน้าชาวอิสราเอล+มาคัดลอกไว้บนหิน+ด้วย 33 ชาวอิสราเอลทุกคน ทั้งพวกผู้นำ คือ พวกเจ้าหน้าที่และพวกผู้พิพากษา รวมทั้งคนต่างชาติ+ ก็ยืนหันหน้าเข้าหาปุโรหิตตระกูลเลวีที่หามหีบสัญญาของพระยะโฮวา พวกเขายืนอยู่ทั้งสองด้านของหีบสัญญา ครึ่งหนึ่งยืนอยู่ตรงหน้าภูเขาเกริซิม อีกครึ่งหนึ่งอยู่ตรงหน้าภูเขาเอบาล+ (ตามที่โมเสสผู้รับใช้ของพระยะโฮวาสั่งไว้ก่อนหน้านี้)+ เพื่อให้พวกปุโรหิตอวยพรชาวอิสราเอล 34 หลังจากนั้น เขาก็อ่านกฎหมายทั้งหมดนั้นด้วยเสียงดัง+ ทั้งคำอวยพร+และคำสาปแช่ง+ ตามที่เขียนไว้ในม้วนหนังสือกฎหมายทุกอย่าง 35 โยชูวาอ่านทุกคำที่โมเสสสั่งไว้ เขาอ่านเสียงดังต่อหน้าชาวอิสราเอลทุกคน* ซึ่งรวมถึงผู้หญิง เด็ก ๆ และคนต่างชาติ+ที่อยู่ที่นั่น+ ไม่มีตกหล่นแม้แต่คำเดียว+
9 เมื่อกษัตริย์ทั้งหมดที่อยู่ทางฟากตะวันตกของแม่น้ำจอร์แดน+ ในเขตเทือกเขา เขตเชเฟลาห์ ตามชายฝั่งทะเลใหญ่*+ จนถึงเลบานอน ซึ่งเป็นกษัตริย์ของชาวฮิตไทต์ ชาวอาโมไรต์ ชาวคานาอัน ชาวเปริสซี ชาวฮีไวต์ ชาวเยบุส+ ได้ยินเรื่องที่เกิดขึ้น 2 พวกเขาก็รวมตัวกันเพื่อมาทำสงครามกับโยชูวาและชาวอิสราเอล+
3 ชาวเมืองกิเบโอน+ได้ยินเรื่องที่โยชูวาทำกับเมืองเยรีโค+และเมืองอัย+ด้วย 4 พวกเขาจึงคิดแผนอย่างหนึ่งขึ้นมา พวกเขาเอาเสบียงใส่กระสอบเก่า ๆ และเอาถุงหนังเก่าที่ขาดและมีรอยปะมาบรรทุกบนหลังลา 5 และสวมรองเท้าเก่าที่มีรอยปะ ใส่เสื้อผ้าเก่า ๆ ส่วนขนมปังทั้งหมดที่เป็นเสบียงก็แห้งและแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย 6 แล้วออกเดินทางมาหาโยชูวาที่ค่ายในกิลกาล+ และบอกโยชูวากับทหารอิสราเอลว่า “พวกเรามาจากดินแดนห่างไกล โปรดทำสัญญาว่าจะเป็นไมตรีกับพวกเราด้วยเถอะ” 7 แต่ทหารอิสราเอลพูดกับชาวฮีไวต์+พวกนี้ว่า “พวกคุณน่าจะอาศัยอยู่ใกล้ ๆ เรานี่แหละ แล้วเราจะทำสัญญากับพวกคุณได้ยังไง?”+ 8 เขาก็ตอบโยชูวาว่า “พวกเราเต็มใจจะรับใช้พวกคุณ”*
โยชูวาก็ถามพวกเขาว่า “พวกคุณเป็นใครและมาจากไหน?” 9 พวกเขาตอบว่า “ผู้รับใช้ของคุณมาจากดินแดนที่ห่างไกลมาก+เพราะได้ยินชื่อของพระยะโฮวาพระเจ้าของคุณ ได้ยินกิตติศัพท์ของพระองค์และทุกสิ่งที่พระองค์ทำในอียิปต์+ 10 รวมทั้งที่ทำกับกษัตริย์สององค์ของชาวอาโมไรต์ที่อยู่อีกฟากหนึ่ง*ของแม่น้ำจอร์แดน คือสิโหน+กษัตริย์ซึ่งอยู่ในเฮชโบน และโอก+กษัตริย์แห่งบาชานซึ่งอาศัยอยู่ในอัชทาโรท 11 เพราะอย่างนี้ พวกผู้นำและประชาชนในแผ่นดินของเราจึงบอกพวกเราว่า ‘ให้เตรียมเสบียงออกเดินทางไปพบพวกเขา และบอกเขาว่า “เราจะรับใช้พวกคุณ+ โปรดทำสัญญาว่าจะเป็นไมตรีกับพวกเราด้วยเถอะ’’’+ 12 วันที่เราออกเดินทางจากบ้านมาหาพวกคุณ ขนมปังที่เป็นเสบียงยังร้อน ๆ อยู่เลย แต่ดูสิ ตอนนี้มันแห้งและแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยไปหมดแล้ว+ 13 และตอนที่เราเอาเหล้าองุ่นใส่ถุงหนังพวกนี้มา มันยังใหม่อยู่ แต่ตอนนี้มันปริแตกหมดแล้ว+ ส่วนเสื้อผ้ากับรองเท้าของเราก็เก่าและขาดเพราะระยะทางนั้นไกลมาก”
14 ทหารอิสราเอลก็เอาเสบียงของพวกเขามาดู แต่ไม่ได้ถามพระยะโฮวาในเรื่องนี้+ 15 โยชูวาทำสัญญาว่าจะเป็นไมตรีกับพวกเขา+ และสัญญาว่าจะไม่ฆ่าพวกเขา พวกหัวหน้าของชาวอิสราเอลก็สาบานกับพวกเขาว่าจะรักษาสัญญา+
16 หลังจากชาวอิสราเอลทำสัญญากับพวกเขาได้ 3 วันก็ได้ยินว่าพวกเขาอาศัยอยู่ใกล้ ๆ นี้เอง 17 ชาวอิสราเอลจึงเดินทางไปเมืองของพวกเขา และในวันที่สามก็มาถึงเมืองของพวกเขาคือเมืองกิเบโอน+ เมืองเคฟีราห์ เมืองเบเอโรท เมืองคีริยาทเยอาริม+ 18 แต่ชาวอิสราเอลไม่ได้โจมตีพวกเขา เพราะพวกหัวหน้าของชาวอิสราเอลสาบานกับเขาต่อหน้าพระยะโฮวา+พระเจ้าของอิสราเอลแล้ว คนทั้งหมดก็พากันบ่นต่อว่าพวกหัวหน้า 19 พวกหัวหน้าก็พูดกับคนพวกนั้นว่า “พวกเราสาบานกับพวกเขาต่อหน้าพระยะโฮวาพระเจ้าของอิสราเอลแล้ว พวกเราจะทำร้ายพวกเขาไม่ได้ 20 เราจะทำอย่างนี้ เราจะไว้ชีวิตพวกเขา พระเจ้าจะได้ไม่โกรธเราเพราะเราสาบานกับพวกเขาแล้ว”+ 21 พวกหัวหน้าพูดต่อไปว่า “เราจะไม่ฆ่าพวกเขา แต่จะให้เขาเป็นคนเก็บฟืนและตักน้ำให้ชาวอิสราเอล” พวกหัวหน้าสัญญากับพวกเขาไว้อย่างนี้
22 โยชูวาก็เรียกพวกเขามาถามว่า “ทำไมพวกคุณมาหลอกเราว่า ‘พวกเรามาจากดินแดนที่ห่างไกลมาก’ ทั้ง ๆ ที่พวกคุณอยู่ใกล้ ๆ นี่เอง?+ 23 ตั้งแต่นี้ไปพวกคุณจะต้องถูกสาปแช่ง+ จะต้องทำงานเป็นทาสคอยเก็บฟืนและตักน้ำสำหรับวิหาร*ของพระเจ้าของเรา” 24 พวกเขาก็ตอบโยชูวาว่า “เป็นเพราะพวกเราที่เป็นผู้รับใช้ของคุณรู้มาว่าพระยะโฮวาพระเจ้าของคุณสั่งโมเสสผู้รับใช้ของพระองค์ให้ยกแผ่นดินทั้งหมดนี้ให้พวกคุณ และกำจัดทุกคนที่อาศัยอยู่ในแผ่นดินนี้ให้หมด+ เรากลัวว่าพวกคุณจะฆ่าเรา+ เราถึงทำแบบนี้+ 25 ตอนนี้ พวกเราอยู่ในกำมือของคุณแล้ว คุณอยากทำยังไงกับพวกเราก็ได้ตามใจคุณ” 26 โยชูวาจึงทำอย่างนี้ คือ ช่วยพวกเขาให้รอดจากเงื้อมมือของชาวอิสราเอล พวกเขาจึงไม่ถูกชาวอิสราเอลฆ่าตาย 27 แต่ในวันนั้น โยชูวาให้พวกเขาเป็นคนเก็บฟืนและตักน้ำให้ชาวอิสราเอล+ และตักน้ำเพื่อใช้สำหรับแท่นบูชาของพระยะโฮวาในที่ที่พระองค์เลือกไว้+ และพวกเขาทำอย่างนั้นจนถึงทุกวันนี้+
10 เมื่ออาโดนีเซเดก กษัตริย์เมืองเยรูซาเล็มได้ยินว่าโยชูวายึดเมืองอัยและทำลายเมืองนั้น โดยทำกับเมืองอัยและกษัตริย์เมืองอัย+เหมือนที่ทำกับเมืองเยรีโคและกษัตริย์เมืองเยรีโค+ รวมทั้งได้ยินว่าชาวเมืองกิเบโอนได้ทำสัญญาขอเป็นไมตรีกับชาวอิสราเอล+และอาศัยอยู่กับพวกเขา 2 อาโดนีเซเดกก็ตกใจมาก+ เพราะกิเบโอนเป็นเมืองใหญ่เหมือนเมืองที่ปกครองโดยกษัตริย์ และกิเบโอนก็ใหญ่กว่าเมืองอัย+แถมผู้ชายทั้งหมดในเมืองก็เป็นนักรบ 3 อาโดนีเซเดกกษัตริย์เมืองเยรูซาเล็มจึงส่งข่าวไปถึงโฮฮัมกษัตริย์เมืองเฮโบรน+ ปิรามกษัตริย์เมืองยาร์มูท ยาเฟียกษัตริย์เมืองลาคีช และเดบีร์กษัตริย์เมืองเอกโลน+ว่า 4 “โปรดมาช่วยเราโจมตีเมืองกิเบโอน เพราะพวกเขาทำสัญญาขอเป็นไมตรีกับโยชูวาและชาวอิสราเอล”+ 5 กษัตริย์ของชาวอาโมไรต์ทั้งห้า+ คือ กษัตริย์เมืองเยรูซาเล็ม กษัตริย์เมืองเฮโบรน กษัตริย์เมืองยาร์มูท กษัตริย์เมืองลาคีช และกษัตริย์เมืองเอกโลนจึงรวมตัวกันมาพร้อมกับกองทัพ พวกเขายกทัพมาและตั้งค่ายทำสงครามกับเมืองกิเบโอน
6 ชาวกิเบโอนก็ส่งข่าวมาถึงโยชูวาที่ค่ายในกิลกาล+ว่า “โปรดอย่าทอดทิ้งทาสของคุณ+ โปรดช่วยชีวิตพวกเรา มาช่วยพวกเราเร็ว ๆ ด้วยเถอะ กษัตริย์ทั้งหมดของชาวอาโมไรต์จากเขตเทือกเขารวมตัวกันมาโจมตีพวกเราแล้ว” 7 โยชูวาพร้อมกับทหารและนักรบที่เก่งกล้าทั้งหมดจึงยกทัพจากกิลกาลขึ้นไป+
8 พระยะโฮวาพูดกับโยชูวาว่า “อย่าไปกลัวพวกเขา+ เพราะเรามอบพวกเขาไว้ในมือเจ้าแล้ว+ จะไม่มีพวกเขาสักคนต่อสู้เจ้าได้”+ 9 โยชูวาเดินทางทั้งคืนจากกิลกาลและเข้าโจมตีศัตรูโดยที่พวกเขาไม่ทันตั้งตัว 10 พระยะโฮวาทำให้พวกเขาสับสนวุ่นวาย+ ชาวอิสราเอลฆ่าฟันพวกเขาที่กิเบโอนตายเป็นจำนวนมาก และยังไล่ตามพวกเขาไปตามทางที่ขึ้นไปถึงเมืองเบธโฮโรน แล้วฆ่าฟันพวกเขาล้มตายไปจนถึงเมืองอาเซคาห์และเมืองมักเคดาห์ 11 ตอนที่พวกเขากำลังหนีชาวอิสราเอล พระยะโฮวาก็ให้ลูกเห็บใหญ่จากท้องฟ้าตกใส่พวกเขาล้มตายตั้งแต่ทางที่ลงไปเมืองเบธโฮโรนจนถึงเมืองอาเซคาห์ ที่จริงคนที่ตายเพราะลูกเห็บตกใส่ก็มีมากกว่าที่ตายเพราะถูกชาวอิสราเอลฆ่าฟันด้วยซ้ำ
12 ในวันที่พระยะโฮวาทำให้ชาวอาโมไรต์พ่ายแพ้ชาวอิสราเอล โยชูวาได้ขอพระยะโฮวาต่อหน้าชาวอิสราเอลว่า
“ขอให้ดวงอาทิตย์หยุดนิ่ง+อยู่เหนือกิเบโอน+
และให้ดวงจันทร์หยุดนิ่งอยู่เหนือหุบเขาอัยยาโลนด้วยเถอะ”
13 ดวงอาทิตย์ก็หยุดนิ่ง ดวงจันทร์ก็ไม่เคลื่อนที่ จนชาวอิสราเอลเอาชนะศัตรูของพวกเขา เรื่องนี้มีเขียนไว้ในหนังสือยาชาร์ไม่ใช่หรือ?+ ดวงอาทิตย์ไม่ตกดินแต่หยุดนิ่งอยู่กลางท้องฟ้าเกือบทั้งวัน 14 ไม่เคยมีวันไหนเป็นอย่างวันนี้เลยไม่ว่าจะก่อนหรือหลังจากวันนี้ที่พระยะโฮวาฟังเสียงของมนุษย์+ พระยะโฮวาต่อสู้เพื่อชาวอิสราเอล+
15 หลังจากนั้น โยชูวากับทหารอิสราเอลทั้งหมดก็กลับไปที่ค่ายในกิลกาล+
16 กษัตริย์ทั้งห้าก็หนีไปซ่อนอยู่ในถ้ำที่เมืองมักเคดาห์+ 17 จากนั้นโยชูวาได้รับรายงานว่า “มีคนพบกษัตริย์ทั้งห้าซ่อนอยู่ในถ้ำที่เมืองมักเคดาห์”+ 18 โยชูวาก็พูดว่า “ให้กลิ้งหินก้อนใหญ่ไปปิดปากถ้ำและให้ทหารเฝ้าไว้ 19 ส่วนพวกคุณที่เหลือให้ไล่ตามไปฆ่าพวกศัตรู+ อย่าปล่อยให้ใครกลับเข้าไปในเมืองได้ เพราะพระยะโฮวาพระเจ้ามอบพวกเขาไว้ในมือคุณแล้ว”
20 โยชูวาและทหารอิสราเอลฆ่าฟันศัตรูล้มตายเป็นจำนวนมากจนแทบไม่เหลือ มีไม่กี่คนที่หนีรอดเข้าไปในเมืองที่มีป้อมปราการได้ 21 ทหารทั้งหมดกลับไปหาโยชูวาที่ค่ายในเมืองมักเคดาห์อย่างปลอดภัย และไม่มีใครกล้าเอ่ยปากท้าทายชาวอิสราเอลอีก 22 โยชูวาพูดว่า “ให้เปิดปากถ้ำและเอาตัวกษัตริย์ทั้งห้าออกมาให้ผม” 23 พวกเขาก็เอาตัวกษัตริย์ทั้งห้าออกจากถ้ำมาให้โยชูวา คือกษัตริย์เมืองเยรูซาเล็ม กษัตริย์เมืองเฮโบรน กษัตริย์เมืองยาร์มูท กษัตริย์เมืองลาคีช และกษัตริย์เมืองเอกโลน+ 24 พอพวกเขาพากษัตริย์พวกนั้นมา โยชูวาก็เรียกทหารอิสราเอลทั้งหมดมาและพูดกับพวกผู้บัญชาการทหารที่ไปกับเขาว่า “ก้าวออกมา เอาเท้าเหยียบที่ก้านคอของกษัตริย์พวกนี้” พวกเขาก็ก้าวออกมาและเอาเท้าเหยียบที่ก้านคอของกษัตริย์พวกนั้น+ 25 แล้วโยชูวาก็พูดกับพวกเขาว่า “อย่ากลัวหรือหวั่นเกรง+ ขอให้กล้าหาญและเข้มแข็ง เพราะพระยะโฮวาจะทำแบบนี้กับศัตรูทั้งหมดที่พวกคุณจะไปสู้รบด้วย”+
26 โยชูวาประหารชีวิตกษัตริย์พวกนั้น แล้วเอาศพแขวนไว้บนเสา* 5 ต้น ศพพวกนั้นแขวนอยู่บนเสาจนถึงตอนเย็น 27 พอดวงอาทิตย์ตก โยชูวาก็สั่งให้เอาศพพวกนั้นลงมาจากเสา+ และเอาไปทิ้งในถ้ำที่พวกเขาใช้ซ่อนตัว แล้วสั่งให้เอาหินก้อนใหญ่ไปปิดปากถ้ำไว้ซึ่งยังคงอยู่จนถึงวันนี้
28 โยชูวายึดเมืองมักเคดาห์+ได้ในวันนั้นด้วย เขาฆ่าฟันชาวเมือง เขาฆ่ากษัตริย์ของเมืองนั้นกับทุกคนที่อยู่ในเมืองจนหมด ไม่ปล่อยให้เหลือรอดสักคนเดียว+ เขาทำกับกษัตริย์เมืองมักเคดาห์+เหมือนที่ทำกับกษัตริย์เมืองเยรีโค
29 แล้วโยชูวากับทหารอิสราเอลทั้งหมดก็ยกทัพจากเมืองมักเคดาห์ไปเมืองลิบนาห์ และทำสงครามกับเมืองลิบนาห์+ 30 พระยะโฮวามอบเมืองลิบนาห์กับกษัตริย์ของเมืองนั้น+ไว้ในมือของชาวอิสราเอล พวกเขาโจมตีและฆ่าฟันทุกคนที่อยู่ในเมือง ไม่ปล่อยให้เหลือรอดสักคนเดียว พวกเขาทำกับกษัตริย์ของเมืองนั้นเหมือนที่ทำกับกษัตริย์ของเมืองเยรีโค+
31 ต่อมา โยชูวากับทหารอิสราเอลทั้งหมดก็ยกทัพจากเมืองลิบนาห์ไปเมืองลาคีช+ พวกเขาตั้งค่ายที่นั่นและทำสงครามกับเมืองนั้น 32 พระยะโฮวามอบเมืองลาคีชไว้ในมือของชาวอิสราเอล พวกเขายึดเมืองนั้นได้ในวันที่สอง พวกเขาโจมตีและฆ่าฟันทุกคนที่อยู่ในเมือง+เหมือนที่ทำกับเมืองลิบนาห์
33 ตอนนั้น โฮรามกษัตริย์เมืองเกเซอร์+ยกทัพขึ้นไปช่วยเมืองลาคีช แต่โยชูวาฆ่าเขาและฆ่าฟันคนของเขาล้มตายจนหมดไม่เหลือสักคนเดียว
34 แล้วโยชูวากับทหารอิสราเอลทั้งหมดก็ยกทัพจากเมืองลาคีชไปเมืองเอกโลน+ พวกเขาตั้งค่ายที่นั่นและทำสงครามกับเมืองนั้น 35 พวกเขายึดเมืองได้ในวันนั้น และฆ่าฟันชาวเมืองทั้งหมดที่อยู่ในเมืองในวันนั้นเหมือนที่ทำกับเมืองลาคีช+
36 แล้วโยชูวากับทหารอิสราเอลทั้งหมดก็ยกทัพจากเมืองเอกโลนขึ้นไปที่เมืองเฮโบรน+และทำสงครามกับเมืองนั้น 37 พวกเขายึดเมืองได้และทำลายเมืองนั้นกับเมืองเล็ก ๆ ที่อยู่รายรอบ พวกเขาสังหารกษัตริย์ของเมืองนั้นและฆ่าฟันทุกคนที่อยู่ในเมืองไม่ปล่อยให้เหลือรอดสักคนเดียว เขาทำลายเมืองและฆ่าฟันทุกคนที่อยู่ในเมืองเหมือนที่ทำกับเมืองเอกโลน
38 แล้วโยชูวากับทหารอิสราเอลทั้งหมดก็ยกทัพไปเมืองเดบีร์+ และทำสงครามกับเมืองนั้น 39 เขายึดเมืองนั้นกับเมืองเล็ก ๆ ที่อยู่รายรอบ และจับกษัตริย์ของเมืองนั้นได้ด้วย พวกเขาฆ่าฟันทุกคน+ ไม่ปล่อยให้เหลือรอดสักคนเดียว+ เขาทำกับเมืองเดบีร์และกษัตริย์ของเมืองเดบีร์เหมือนที่ทำกับเมืองเฮโบรนและเมืองลิบนาห์และกษัตริย์ของเมืองลิบนาห์
40 โยชูวาเอาชนะดินแดนทั้งหมดในเขตเทือกเขา เขตเนเกบ เขตเชเฟลาห์+ และเขตเนินเขาต่าง ๆ รวมทั้งกษัตริย์ทั้งหมดของพวกเขาด้วย โยชูวาฆ่าทุกคนตามคำสั่งของพระยะโฮวาพระเจ้าของอิสราเอล+ ไม่ปล่อยให้เหลือรอดสักคนเดียว+ 41 โยชูวาเอาชนะตั้งแต่เมืองคาเดชบาร์เนีย+จนถึงเมืองกาซา+ และตลอดทั่วทั้งเขตโกเชน+ จนขึ้นไปถึงเมืองกิเบโอน+ 42 โยชูวาเอาชนะกษัตริย์ต่าง ๆ นี้และแผ่นดินของพวกเขาในคราวเดียว เพราะพระยะโฮวาพระเจ้าของอิสราเอลต่อสู้เพื่อพวกเขา+ 43 หลังจากนั้น โยชูวากับทหารอิสราเอลทั้งหมดก็กลับไปที่ค่ายในกิลกาล+
11 ทันทีที่ยาบินกษัตริย์เมืองฮาโซร์ได้ยินเรื่องนี้ เขาก็ส่งข่าวไปหาโยบับกษัตริย์เมืองมาโดน+ รวมทั้งกษัตริย์เมืองชิมโรน กษัตริย์เมืองอัคชาฟ+ 2 และพวกกษัตริย์ที่อยู่ในเขตเทือกเขาทางเหนือ กษัตริย์ที่อยู่ในเขตที่ราบ*ทางใต้ของทะเลคินเนเรท กษัตริย์ที่อยู่ในเขตเชเฟลาห์ และกษัตริย์ที่อยู่ในเขตเนินเขาเมืองโดร์+ทางตะวันตก 3 ซึ่งเป็นกษัตริย์ของชาวคานาอัน+ที่อยู่ทางตะวันออกและทางตะวันตก และกษัตริย์ของชาวอาโมไรต์+ ชาวฮิตไทต์ ชาวเปริสซี ชาวเยบุสที่อยู่ในเขตเทือกเขา และชาวฮีไวต์+ที่อยู่ในบริเวณที่ราบหน้าภูเขาเฮอร์โมน+ในเขตมิสปาห์ 4 พวกเขาจึงยกทัพออกมาพร้อมกับกองทหารทั้งหมดของเขา ซึ่งมีจำนวนมากมายเหมือนเม็ดทรายที่ชายทะเล พร้อมด้วยม้าและรถศึกจำนวนมาก 5 กษัตริย์ทั้งหมดนี้นัดพบกัน พวกเขามาตั้งค่ายด้วยกันที่ลำธารเมโรมเพื่อทำสงครามกับชาวอิสราเอล
6 พระยะโฮวาพูดกับโยชูวาว่า “ไม่ต้องกลัวพวกเขา+ เพราะวันพรุ่งนี้เวลาประมาณนี้เราจะมอบพวกเขาทั้งหมดให้ชาวอิสราเอลฆ่าฟัน พวกเจ้าต้องตัดเอ็นร้อยหวายที่ขาม้าของพวกเขา+ และเผารถศึกของพวกเขาด้วย” 7 โยชูวาพร้อมกับทหารทั้งหมดก็เข้าโจมตีพวกเขาที่ลำธารเมโรมโดยที่พวกเขาไม่ทันตั้งตัว 8 พระยะโฮวามอบพวกเขาไว้ในมือของชาวอิสราเอล+ ชาวอิสราเอลก็เอาชนะและไล่ตามพวกเขาไปถึงเมืองไซดอนใหญ่+ เมืองมิสเรโฟทมาอิม+ และหุบเขามิสเปห์ทางตะวันออก และฆ่าฟันพวกเขาล้มตายไม่เหลือรอดสักคนเดียว+ 9 โยชูวาทำตามที่พระยะโฮวาสั่ง คือ ตัดเอ็นร้อยหวายที่ขาม้าและเผารถศึกของพวกเขา+
10 จากนั้น โยชูวาก็กลับไปยึดเมืองฮาโซร์ และประหารชีวิตกษัตริย์ของเมืองนั้นด้วยดาบ+ เพราะเมืองฮาโซร์เคยเป็นเมืองสำคัญของอาณาจักรทั้งหมดนี้ 11 ชาวอิสราเอลฆ่าฟันทุกคนที่อยู่ในเมือง คนทั้งหมดถูกฆ่าตาย+ไม่เหลือรอดสักคนเดียว+ แล้วเขาก็เอาไฟเผาเมืองฮาโซร์ 12 โยชูวายึดเมืองทั้งหมดของกษัตริย์พวกนี้ได้ แล้วประหารชีวิตกษัตริย์ทั้งหมดด้วยดาบ+ โยชูวาประหารชีวิตพวกเขา+ตามที่โมเสสผู้รับใช้ของพระยะโฮวาสั่งไว้ 13 แต่เมืองที่ตั้งอยู่บนเนินเขาชาวอิสราเอลไม่ได้เอาไฟเผา ยกเว้นเมืองฮาโซร์เมืองเดียวที่โยชูวาเอาไฟเผา 14 ชาวอิสราเอลเอาของริบและฝูงสัตว์ทั้งหมดจากเมืองพวกนี้มาเป็นของตัวเอง+ แต่ฆ่าฟันชาวเมืองทุกคนจนหมด+ ไม่ปล่อยให้ใครเหลือรอดอยู่เลย+ 15 พระยะโฮวาสั่งโมเสสผู้รับใช้ของพระองค์อย่างไร โมเสสก็สั่งโยชูวาอย่างนั้น+ แล้วโยชูวาก็ทำตามทุกสิ่งที่พระยะโฮวาสั่งโมเสสไว้+
16 โยชูวาเอาชนะดินแดนทั้งหมดนี้ ทั้งเขตเทือกเขา เขตเนเกบทั้งหมด+ เขตโกเชนทั้งหมด เขตเชเฟลาห์+ และเขตอาราบาห์+ รวมทั้งเขตเทือกเขาของอิสราเอลและเนินเขาเตี้ยในเขตเทือกเขานั้นด้วย 17 ซึ่งได้แก่ดินแดนทั้งหมดตั้งแต่ภูเขาฮาลักที่อยู่ใกล้กับเขตเทือกเขาเสอีร์ จนถึงเมืองบาอัลกาด+ในเขตหุบเขาเลบานอนตรงบริเวณที่ราบหน้าภูเขาเฮอร์โมน+ โยชูวาจับกษัตริย์ทั้งหมดที่ปกครองดินแดนต่าง ๆ นี้มาประหารชีวิต 18 โยชูวาทำสงครามกับกษัตริย์พวกนี้อยู่นาน 19 ไม่มีเมืองไหนทำสัญญาขอเป็นไมตรีกับชาวอิสราเอลยกเว้นชาวฮีไวต์ที่อาศัยอยู่ในเมืองกิเบโอน+ แต่เมืองอื่น ๆ นอกนั้นชาวอิสราเอลทำสงครามยึดเอามา+ 20 เพราะพระยะโฮวาปล่อยให้พวกเขามีใจที่ดื้อดึง+และประกาศสงครามกับชาวอิสราเอล เพื่อพระองค์จะทำลายพวกเขาอย่างไม่ปรานี+ พวกเขาจะต้องถูกกำจัดออกไปตามที่พระยะโฮวาสั่งโมเสส+
21 ในตอนนั้น โยชูวาได้กวาดล้างลูกหลานของอานาค+ไปจากเขตเทือกเขา คือ จากเมืองเฮโบรน เมืองเดบีร์ เมืองอานาบ เขตเทือกเขาทั้งหมดของตระกูลยูดาห์ และเขตเทือกเขาทั้งหมดของอิสราเอล โยชูวาฆ่าและทำลายเมืองของพวกเขาจนหมดสิ้น+ 22 ไม่มีลูกหลานของอานาคหลงเหลืออยู่ในแผ่นดินของชาวอิสราเอลเลย จะมีก็เฉพาะแต่+ในเมืองกาซา+ เมืองกัท+ และเมืองอัชโดด+เท่านั้น 23 โยชูวายึดครองแผ่นดินทั้งหมดนี้ได้ตามที่พระยะโฮวาสัญญาไว้กับโมเสส+ แล้วโยชูวาก็ยกแผ่นดินนั้นให้เป็นมรดกของชาวอิสราเอลแต่ละตระกูลตามส่วนแบ่งของพวกเขา+ และแผ่นดินก็สงบเงียบไม่มีสงคราม+
12 กษัตริย์ของดินแดนที่ชาวอิสราเอลรบชนะและยึดครองดินแดนของพวกเขาซึ่งอยู่ทางฟากตะวันออกของแม่น้ำจอร์แดน ตั้งแต่หุบเขาอาร์โนน+จนถึงภูเขาเฮอร์โมน+รวมทั้งเขตอาราบาห์ทางตะวันออกทั้งหมด+ มีดังต่อไปนี้ 2 สิโหน+กษัตริย์ของชาวอาโมไรต์ซึ่งอาศัยอยู่ในเฮชโบนและปกครองตั้งแต่เมืองอาโรเออร์+ที่ตั้งอยู่ริมหุบเขาอาร์โนน+ คือ ตั้งแต่แนวกลางหุบเขาอาร์โนนขึ้นไปจนถึงครึ่งหนึ่งของกิเลอาด ไปถึงหุบเขายับบอกซึ่งเป็นเขตแดนของชาวอัมโมน 3 เขายังปกครองเขตอาราบาห์ด้านตะวันออกตั้งแต่ทะเลคินเนเรท*+จนถึงทะเลอาราบาห์ คือทะเลเกลือ* ต่อเนื่องไปทางเมืองเบธเยชิโมทที่อยู่ทางตะวันออก และลงไปถึงฐานของยอดปิสกาห์ที่อยู่ทางใต้+
4 และยังมีโอก+กษัตริย์แห่งบาชานซึ่งเป็นคนหนึ่งในพวกเรฟาอิมที่เหลืออยู่+ เขาอาศัยอยู่ในเมืองอัชทาโรทและเมืองเอเดรอี 5 เขาปกครองเขตแดนแถบภูเขาเฮอร์โมน เมืองสาเลคาห์ บาชานทั้งหมด+ จนถึงแนวเขตแดนของชาวเกชูร์และชาวมาอาคาห์+ และอีกครึ่งหนึ่งของกิเลอาดจนถึงแนวเขตแดนของสิโหนกษัตริย์ที่อยู่ในเฮชโบน+
6 โมเสสผู้รับใช้ของพระยะโฮวากับชาวอิสราเอลรบชนะพวกเขา+ หลังจากนั้นโมเสสผู้รับใช้ของพระยะโฮวาก็มอบแผ่นดินนั้นให้ตระกูลรูเบน ตระกูลกาด และตระกูลมนัสเสห์ครึ่งตระกูลครอบครอง+
7 ส่วนกษัตริย์ที่ปกครองดินแดนซึ่งโยชูวาและชาวอิสราเอลรบชนะ ทางฟากตะวันตกของแม่น้ำจอร์แดน ตั้งแต่เมืองบาอัลกาด+ในเขตหุบเขาเลบานอน+ไปจนถึงภูเขาฮาลัก+ ที่อยู่ใกล้กับเขตเทือกเขาเสอีร์+ซึ่งต่อมาโยชูวาได้ยกให้ตระกูลต่าง ๆ ของชาวอิสราเอลครอบครองตามส่วนแบ่งของพวกเขา+ 8 คือกษัตริย์ที่ปกครองดินแดนในเขตเทือกเขา เขตเชเฟลาห์ เขตอาราบาห์ เขตเนินเขา ที่กันดาร และในเขตเนเกบ+ ซึ่งเป็นดินแดนของชาวฮิตไทต์ ชาวอาโมไรต์+ ชาวคานาอัน ชาวเปริสซี ชาวฮีไวต์ และชาวเยบุส+ มีดังต่อไปนี้
9 กษัตริย์เมืองเยรีโค+ กษัตริย์เมืองอัย+ซึ่งอยู่ข้างเมืองเบธเอล
10 กษัตริย์เมืองเยรูซาเล็ม กษัตริย์เมืองเฮโบรน+
11 กษัตริย์เมืองยาร์มูท กษัตริย์เมืองลาคีช
12 กษัตริย์เมืองเอกโลน กษัตริย์เมืองเกเซอร์+
13 กษัตริย์เมืองเดบีร์+ กษัตริย์เมืองเกเดอร์
14 กษัตริย์เมืองโฮร์มาห์ กษัตริย์เมืองอาราด
15 กษัตริย์เมืองลิบนาห์+ กษัตริย์เมืองอดุลลัม
16 กษัตริย์เมืองมักเคดาห์+ กษัตริย์เมืองเบธเอล+
17 กษัตริย์เมืองทัปปูวาห์ กษัตริย์เมืองเฮเฟอร์
18 กษัตริย์เมืองอาเฟค กษัตริย์เมืองลาชาโรน
19 กษัตริย์เมืองมาโดน กษัตริย์เมืองฮาโซร์+
20 กษัตริย์เมืองชิมโรนเมโรน กษัตริย์เมืองอัคชาฟ
21 กษัตริย์เมืองทาอานาค กษัตริย์เมืองเมกิดโด
22 กษัตริย์เมืองเคเดช กษัตริย์เมืองโยกเนอัม+ในเทือกเขาคาร์เมล
23 กษัตริย์เมืองโดร์+ที่อยู่ในเขตเนินเขาเมืองโดร์ กษัตริย์แห่งโกยิมในกิลกาล
24 กษัตริย์เมืองทีร์ซาห์ รวมทั้งหมดมี 31 องค์
13 โยชูวาแก่มากแล้ว พระยะโฮวาพูดกับเขาว่า “เจ้าแก่มากแล้ว+ แต่ยังเหลือดินแดนอีกมากมายที่ยังไม่ได้เข้าไปครอบครอง* 2 ดินแดนที่ยังเหลืออยู่+มีดังนี้ ดินแดนทั้งหมดของชาวฟีลิสเตียและชาวเกชูร์+ 3 (ตั้งแต่ลำน้ำที่แยกมาจากแม่น้ำไนล์*ซึ่งเป็นลำน้ำที่อยู่ทางตะวันออก*ของอียิปต์ จนถึงริมเขตแดนเมืองเอโครนทางเหนือ ที่เคยถือว่าเป็นเขตแดนของชาวคานาอัน)+ ซึ่งนับรวมดินแดนของเจ้าเมืองทั้งห้าของชาวฟีลิสเตีย+ คือ เจ้าเมืองกาซา เจ้าเมืองอัชโดด+ เจ้าเมืองอัชเคโลน+ เจ้าเมืองกัท+ เจ้าเมืองเอโครน+ และดินแดนของชาวอัฟวิม+ 4 ซึ่งอยู่ทางทิศใต้ และดินแดนทั้งหมดของชาวคานาอัน รวมทั้งเมืองเมอาราห์ของชาวไซดอน+ จนถึงเมืองอาเฟคที่อยู่ริมเขตแดนของชาวอาโมไรต์ 5 และดินแดนของชาวเกบาล+ ซึ่งรวมถึงเขตเลบานอนฝั่งตะวันออกทั้งหมด ตั้งแต่เมืองบาอัลกาดตรงบริเวณที่ราบหน้าภูเขาเฮอร์โมนจนถึงเลโบฮามัท*+ 6 และดินแดนทั้งหมดของคนที่อาศัยอยู่ในเขตเทือกเขา ตั้งแต่เทือกเขาเลบานอน+จนถึงมิสเรโฟทมาอิม+ และดินแดนของชาวไซดอน+ทั้งหมด เราจะขับไล่คนพวกนี้ไปต่อหน้าชาวอิสราเอล+ เจ้าต้องมอบแผ่นดินนี้ให้ชาวอิสราเอลเป็นมรดกตามที่เราได้สั่งเจ้าไว้+ 7 เจ้าต้องแบ่งแผ่นดินนี้เป็นมรดกให้ชาวอิสราเอล 9 ตระกูล และตระกูลมนัสเสห์ครึ่งตระกูล”+
8 ส่วนตระกูลมนัสเสห์อีกครึ่งตระกูล ตระกูลรูเบน และตระกูลกาด ได้รับมรดกที่ดินของพวกเขาจากโมเสสที่ฟากตะวันออกของแม่น้ำจอร์แดนแล้วตามที่โมเสสผู้รับใช้ของพระยะโฮวามอบให้พวกเขา+ ส่วนของพวกเขามีดังนี้ 9 ตั้งแต่เมืองอาโรเออร์+ซึ่งตั้งอยู่ริมหุบเขาอาร์โนน+ รวมทั้งเมืองที่อยู่กลางหุบเขา และบริเวณที่ราบสูงทั้งหมดของเมืองเมเดบาจนถึงเมืองดีโบน 10 และเมืองทั้งหมดของสิโหนกษัตริย์ของชาวอาโมไรต์ซึ่งปกครองอยู่ในเมืองเฮชโบน จนถึงริมเขตแดนของชาวอัมโมน+ 11 และเขตกิเลอาดจนถึงแนวเขตแดนของชาวเกชูร์กับชาวมาอาคาห์+ เขตภูเขาเฮอร์โมนทั้งหมด และบาชาน+ทั้งหมดจนถึงเมืองสาเลคาห์+ 12 รวมถึงอาณาจักรของโอกทั้งหมดในบาชาน ซึ่งเขาปกครองอยู่ในเมืองอัชทาโรทและเมืองเอเดรอี (เขาเป็นคนหนึ่งในพวกเรฟาอิมที่เหลืออยู่)+ โมเสสรบชนะคนพวกนี้และขับไล่พวกเขาไป+ 13 แต่ชาวอิสราเอลไม่ได้ขับไล่ชาวเกชูร์กับชาวมาอาคาห์ออกไป+ พวกเขาอาศัยอยู่กับชาวอิสราเอลจนถึงวันนี้
14 มีเพียงตระกูลเลวีเท่านั้นที่โมเสสไม่ได้มอบมรดกที่ดินให้+ มรดกที่พวกเขาจะได้ตามที่พระเจ้าสัญญาไว้+ก็คือ เครื่องบูชาที่ถวายพระยะโฮวาพระเจ้าของอิสราเอลด้วยการเผา+
15 แล้วโมเสสก็มอบมรดกที่ดินให้ตระกูลรูเบนตามวงศ์ตระกูลของพวกเขา 16 เขตแดนของพวกเขาเริ่มตั้งแต่เมืองอาโรเออร์ซึ่งตั้งอยู่ริมหุบเขาอาร์โนน รวมทั้งเมืองที่ตั้งอยู่กลางหุบเขานั้น และเขตที่ราบสูงทั้งหมดใกล้ ๆ เมืองเมเดบา 17 เมืองเฮชโบนและเมืองทั้งหมด+ในเขตที่ราบสูง รวมทั้งเมืองดีโบน เมืองบาโมทบาอัล เมืองเบธบาอัลเมโอน+ 18 เมืองยาฮาส+ เมืองเคเดโมท+ เมืองเมฟาอาท+ 19 เมืองคีริยาธาอิม เมืองสิบมาห์+ และเศเรทชาหาร์บนภูเขาในเขตหุบเขา 20 และเบธเปโอร์ ยอดปิสกาห์+ เบธเยชิโมท+ 21 คือเมืองทั้งหมดในเขตที่ราบสูง และอาณาจักรทั้งหมดของสิโหนกษัตริย์ของชาวอาโมไรต์ที่ปกครองอยู่ในเมืองเฮชโบน+ โมเสสได้รบชนะสิโหน+กับพวกหัวหน้าของชาวมีเดียน คือ เอวี เรเคม ศูร์ เฮอร์ เรบา+ พวกเขาอยู่ใต้อำนาจของสิโหน และอาศัยอยู่ในดินแดนนั้น 22 ส่วนบาลาอัม+ลูกชายของเบโอร์ซึ่งเป็นผู้ทำนายนั้น+ ชาวอิสราเอลฆ่าเขาพร้อมกับคนอื่น ๆ 23 เขตแดนของตระกูลรูเบนไปจดที่แม่น้ำจอร์แดน นี่คือมรดกที่ดินซึ่งตระกูลรูเบนได้รับตามวงศ์ตระกูลของเขาโดยมีเมืองต่าง ๆ รวมทั้งหมู่บ้านที่อยู่รายรอบเมืองพวกนั้น
24 นอกจากนี้ โมเสสยังมอบมรดกที่ดินให้ตระกูลกาด คือคนในตระกูลกาดตามวงศ์ตระกูลของเขา 25 เขตแดนของพวกเขาประกอบด้วยเมืองยาเซอร์+ และทุกเมืองในเขตกิเลอาด รวมทั้งแผ่นดินของชาวอัมโมนครึ่งหนึ่ง+ จนถึงเมืองอาโรเออร์ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับเมืองรับบาห์+ 26 และจากเมืองเฮชโบน+ไปถึงเมืองรามัทมิสเปห์กับเมืองเบโทนิม และจากเมืองมาหะนาอิม+ไปถึงแนวเขตแดนของเมืองเดบีร์ 27 รวมทั้งเมืองเบธฮารัม เมืองเบธนิมราห์+ สุคคท+ และเมืองศาโฟนซึ่งอยู่ในหุบเขา และเป็นส่วนที่เหลือของอาณาจักรของสิโหนกษัตริย์ที่อาศัยอยู่ในเฮชโบน+ เขตแดนของพวกเขาไปจดที่แม่น้ำจอร์แดนและเลียบฝั่งตะวันออกของแม่น้ำจอร์แดนขึ้นไปจนถึงทะเลคินเนเรท*+ 28 นี่คือมรดกที่ดินของตระกูลกาดตามวงศ์ตระกูลของพวกเขา โดยมีเมืองต่าง ๆ รวมทั้งหมู่บ้านที่อยู่รายรอบเมืองพวกนั้น
29 นอกจากนี้ โมเสสยังได้มอบมรดกที่ดินให้กับตระกูลมนัสเสห์ครึ่งตระกูลครอบครองตามวงศ์ตระกูลของพวกเขา+ 30 เขตแดนของพวกเขาครอบคลุมอาณาจักรทั้งหมดของโอกกษัตริย์แห่งบาชาน ซึ่งเริ่มตั้งแต่เมืองมาหะนาอิม+ บาชานทั้งหมด และเมืองเล็ก ๆ ทั้งหมดของยาอีร์+ในบาชาน รวมทั้งหมดมี 60 เมือง 31 และครึ่งหนึ่งของเขตกิเลอาด รวมทั้งเมืองอัชทาโรทและเมืองเอเดรอี+ซึ่งเป็นเมืองที่อยู่ในอาณาจักรของโอกในบาชานนั้นเป็นของลูกหลานมาคีร์+ซึ่งเป็นลูกชายของมนัสเสห์ คือครึ่งหนึ่งของลูกหลานมาคีร์ตามวงศ์ตระกูลของพวกเขาได้รับส่วนนี้
32 ทั้งหมดนี้เป็นมรดกที่ดินซึ่งโมเสสมอบให้พวกเขาตอนอยู่ในที่ราบกันดารโมอับทางฟากตะวันออกของแม่น้ำจอร์แดนตรงข้ามกับเมืองเยรีโค+
33 แต่สำหรับตระกูลเลวี โมเสสไม่ได้มอบมรดกที่ดินให้+ พระยะโฮวาพระเจ้าของอิสราเอลเป็นมรดกที่พวกเขาจะได้รับตามที่พระองค์สัญญาไว้+
14 นี่คือมรดกที่ดินที่ชาวอิสราเอลได้รับในแผ่นดินคานาอัน ซึ่งปุโรหิตเอเลอาซาร์และโยชูวาลูกชายของนูนกับพวกหัวหน้าวงศ์ตระกูลต่าง ๆ ของชาวอิสราเอลมอบให้พวกเขา+ 2 เป็นมรดกที่ดินสำหรับเก้าตระกูลครึ่ง+ซึ่งแบ่งให้พวกเขาโดยการจับฉลาก+ตามที่พระยะโฮวาสั่งผ่านทางโมเสส 3 เพราะอีกสองตระกูลครึ่งนั้นโมเสสได้มอบมรดกที่ดินให้พวกเขาแล้วที่อีกฟากหนึ่ง*ของแม่น้ำจอร์แดน+ แต่สำหรับตระกูลเลวี โมเสสไม่ได้มอบมรดกที่ดินให้+ 4 ลูกหลานของโยเซฟถูกนับเป็น 2 ตระกูล+ คือตระกูลมนัสเสห์กับตระกูลเอฟราอิม+ ตระกูลเลวีนั้นไม่ได้รับส่วนแบ่งที่ดิน แต่ได้เมืองต่าง ๆ+สำหรับอยู่อาศัย พร้อมด้วยทุ่งหญ้าสำหรับเลี้ยงสัตว์และเก็บสิ่งของของพวกเขา+ 5 ชาวอิสราเอลจึงแบ่งที่ดินตามที่พระยะโฮวาสั่งโมเสสไว้
6 ต่อมา คนในตระกูลยูดาห์ได้เข้ามาหาโยชูวาที่กิลกาล+ คาเลบ+ลูกชายของเยฟุนเนห์เชื้อสายของเคนัสพูดกับโยชูวาว่า “คุณก็คงรู้เรื่องนี้ดี ที่พระยะโฮวาพูด+กับโมเสสคนของพระเจ้าเที่ยงแท้+ที่คาเดชบาร์เนีย+เกี่ยวกับเราสองคน 7 ผมอายุ 40 ปี ตอนที่โมเสสผู้รับใช้ของพระยะโฮวาส่งผมไปจากคาเดชบาร์เนียเพื่อสอดแนมดูแผ่นดินนั้น+ และผมกลับมาพร้อมกับรายงานที่ดี+ 8 ถึงแม้พวกพี่น้องที่ขึ้นไปกับผมทำให้ประชาชนใจฝ่อ แต่ผมเชื่อฟังพระยะโฮวาอย่างสุดหัวใจ*+ 9 โมเสสสาบานในวันนั้นว่า ‘แผ่นดินที่คุณไปเหยียบนั้นจะเป็นมรดกของคุณกับลูกหลานตลอดไป เพราะคุณเชื่อฟังพระยะโฮวาพระเจ้าของผมอย่างสุดหัวใจ’+ 10 ตอนนี้ ก็เป็นไปตามที่พระยะโฮวาสัญญาไว้+ พระองค์ให้ผมมีชีวิตอยู่มาได้+อีก 45 ปี นับตั้งแต่ที่พระยะโฮวาทำสัญญานี้กับโมเสสตอนที่ชาวอิสราเอลร่อนเร่อยู่ในที่กันดาร+ วันนี้ผมยังมีชีวิตอยู่และอายุ 85 ปีแล้ว 11 แถมยังแข็งแรงเหมือนตอนที่โมเสสส่งผมไป ผมยังมีกำลังวังชาทำสงครามและทำงานอื่น ๆ เหมือนตอนนั้น 12 ดังนั้น โปรดยกเขตเทือกเขานี้ซึ่งพระยะโฮวาสัญญาไว้ในวันนั้นให้ผมด้วยเถอะ ถึงแม้ตอนนั้นคุณจะได้ยินว่ามีพวกอานาค+อยู่ที่นั่นในเมืองใหญ่ที่มีป้อมปราการ+ แต่พระยะโฮวาจะอยู่กับผมอย่างแน่นอน+ และผมจะไล่พวกเขาออกไปตามที่พระยะโฮวาสัญญาไว้”+
13 โยชูวาก็อวยพรคาเลบลูกชายของเยฟุนเนห์ และยกเมืองเฮโบรนให้เขาเป็นมรดก+ 14 เพราะอย่างนี้ เมืองเฮโบรนจึงตกเป็นมรดกของคาเลบลูกชายของเยฟุนเนห์เชื้อสายของเคนัสจนถึงวันนี้ เพราะเขาเชื่อฟังพระยะโฮวาพระเจ้าของอิสราเอลอย่างสุดหัวใจ+ 15 เมื่อก่อน เมืองเฮโบรนมีชื่อว่าคีริยาทอาร์บา+ (อาร์บาเป็นคนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในพวกอานาค) และแผ่นดินก็สงบเงียบไม่มีสงคราม+
15 ที่ดินที่แบ่ง*+ให้ตระกูลยูดาห์ตามวงศ์ตระกูลของพวกเขา มีอาณาเขตจดแผ่นดินเอโดม+ คือไปถึงที่กันดารซิน และทางใต้สุดของเขตเนเกบ 2 แนวเขตแดนทางทิศใต้ของพวกเขาเริ่มจากตอนล่างสุดของทะเลเกลือ*+ คือตั้งแต่อ่าวที่อยู่ทางทิศใต้ 3 ลงไปทางใต้ ถึงเนินอัครับบิม+ ผ่านไปถึงซิน และจากทางใต้ของคาเดชบาร์เนีย+ ขึ้นไปผ่านเมืองเฮสโรน ขึ้นไปถึงเมืองอัดดาร์ และเลี้ยวไปทางเมืองคาร์คา 4 ผ่านไปถึงเมืองอัสโมน+ ต่อไปถึงลำน้ำอียิปต์+ และแนวเขตแดนไปสิ้นสุดที่ทะเล* นี่คือแนวเขตแดนทางทิศใต้
5 แนวเขตแดนด้านตะวันออกคือทะเลเกลือ* เลียบขึ้นไปจนถึงปากแม่น้ำจอร์แดน ส่วนแนวเขตแดนทางเหนือจะเริ่มจากอ่าวของทะเลเกลือตรงปากแม่น้ำจอร์แดน+ 6 ขึ้นไปถึงเมืองเบธโฮกลาห์+ ผ่านทางเหนือของเมืองเบธอาราบาห์+ เลยขึ้นไปถึงหลักหินของโบฮัน+ลูกหลานของรูเบน 7 ต่อขึ้นไปถึงเมืองเดบีร์ในหุบเขาอาโคร์+ และขึ้นไปทางเหนือถึงกิลกาล+ ที่อยู่หน้าเนินอาดุมมิมซึ่งอยู่ทางใต้ของลำน้ำ แล้วผ่านไปถึงบ่อน้ำพุเอนเชเมช+ไปสุดที่เอนโรเกล+ 8 ต่อขึ้นไปถึงหุบเขาของลูกชายฮินโนม+ ไปถึงเนินเขาของชาวเยบุส+ทางทิศใต้ คือ เยรูซาเล็ม+ เลยขึ้นไปถึงยอดเขาที่อยู่ตรงข้ามกับหุบเขาฮินโนมทางทิศตะวันตก และอยู่เหนือสุดของหุบเขาเรฟาอิม 9 และจากยอดเขาเลยไปถึงบ่อน้ำพุเนฟโทอาห์+ ต่อไปถึงเมืองต่าง ๆ ในแถบภูเขาเอโฟรน ไปถึงเมืองบาอาลาห์ซึ่งมีอีกชื่อหนึ่งว่าเมืองคีริยาทเยอาริม+ 10 แนวเขตแดนเลี้ยวจากเมืองบาอาลาห์ไปทางตะวันตกถึงภูเขาเสอีร์ ผ่านเนินเขาทางทิศเหนือของภูเขาเยอาริมที่เมืองเคสะโลน ลงไปถึงเมืองเบธเชเมช+ และผ่านไปเมืองทิมนาห์+ 11 เรื่อยไปถึงเนินเขาทางทิศเหนือของเมืองเอโครน+ ไปถึงชิกเคโรน ผ่านภูเขาบาอาลาห์ ไปยับเนเอล และไปสิ้นสุดที่ทะเล
12 แนวเขตแดนด้านตะวันตกคือชายฝั่งของทะเลใหญ่*+ นี่คือแนวเขตแดนทุกด้านที่ลูกหลานของยูดาห์ได้รับตามวงศ์ตระกูลของพวกเขา
13 และโยชูวาได้ยกที่ดินส่วนหนึ่งจากส่วนแบ่งที่ลูกหลานของยูดาห์ได้รับให้คาเลบ+ลูกชายของเยฟุนเนห์ตามที่พระยะโฮวาสั่งโยชูวาไว้ คือ คีริยาทอาร์บา (อาร์บาเป็นพ่อของอานาค) หรือเมืองเฮโบรน+ 14 แล้วคาเลบก็ขับไล่ลูกชายสามคนของอานาค+ออกไปจากที่นั่น คือ เชชัย อาหิมาน และทัลมัย*+ คนพวกนี้เป็นพวกอานาค 15 จากที่นั่น เขาขึ้นไปต่อสู้กับชาวเมืองเดบีร์+ (แต่ก่อนเมืองเดบีร์มีชื่อว่าคีริยาทเสเฟอร์) 16 คาเลบพูดว่า “ใครตีเมืองคีริยาทเสเฟอร์และยึดเมืองนี้ได้ ผมจะให้แต่งงานกับอัคสาห์ลูกสาวของผม” 17 แล้วโอทนีเอล+ลูกชายของเคนัส+ที่เป็นน้องชายของคาเลบก็ยึดเมืองนั้นได้ คาเลบก็ยกอัคสาห์+ลูกสาวของตัวเองให้แต่งงานกับเขา 18 ตอนที่เธอกำลังจะไปบ้านสามี เธอบอกสามีให้ขอที่นาจากพ่อของเธอ พอเธอลงจากหลังลา* คาเลบก็ถามว่า “ลูกอยากได้อะไร?”+ 19 เธอพูดว่า “ขอพ่ออวยพรลูกด้วย พ่อยกที่ดินผืนหนึ่งที่อยู่ทางใต้*ให้แล้ว โปรดยกกุลโลทมาอิม*ให้ลูกด้วย” คาเลบก็ยกกุลโลทบนกับกุลโลทล่างให้เธอ
20 ต่อไปนี้คือมรดกที่ดินของตระกูลยูดาห์ตามวงศ์ตระกูลของพวกเขา
21 เมืองต่าง ๆ ที่อยู่ทางใต้สุดของตระกูลยูดาห์ทางแนวเขตแดนของเอโดม+ คือเมืองขับเซเอล เมืองเอเดอร์ เมืองยากูร์ 22 เมืองคีนาห์ เมืองดีโมนาห์ เมืองอาดาดาห์ 23 เมืองเคเดช เมืองฮาโซร์ เมืองอิทนาน 24 เมืองศิฟ เมืองเทเลม เมืองเบอาโลท 25 เมืองฮาโซร์ฮาดัททาห์ เมืองเคริโอทเฮสโรนหรือเมืองฮาโซร์ 26 เมืองอามัม เมืองเชมา เมืองโมลาดาห์+ 27 เมืองฮาซาร์กัดดาห์ เมืองเฮชโมน เมืองเบธเปเลท+ 28 เมืองฮาซาร์ชูอาล เมืองเบเออร์เชบา+ เมืองบิซิโอธิยาห์ 29 เมืองบาอาลาห์ เมืองอิยิม เมืองเอเซม 30 เมืองเอลโทลัด เมืองเคสีล เมืองโฮร์มาห์+ 31 เมืองศิกลาก+ เมืองมัดมันนาห์ เมืองซันซันนาห์ 32 เมืองเลบาโอท เมืองชิลฮิม เมืองอายิน และเมืองริมโมน+ รวมทั้งหมด 29 เมือง พร้อมกับหมู่บ้านต่าง ๆ ที่อยู่รอบเมืองพวกนั้น
33 ในเขตเชเฟลาห์+ก็มีเมืองเอชทาโอล เมืองโศราห์+ เมืองอัชนาห์ 34 เมืองศาโนอาห์ เมืองเอนกันนิม เมืองทัปปูวาห์ เมืองเอนาม 35 เมืองยาร์มูท เมืองอดุลลัม+ เมืองโสโคห์ เมืองอาเซคาห์+ 36 เมืองชาอาราอิม+ เมืองอดีธาอิม และเมืองเกเดราห์กับเกเดโรธาอิม* รวม 14 เมือง และหมู่บ้านต่าง ๆ ที่อยู่รอบเมืองพวกนั้น
37 เมืองเซนัน เมืองฮาดาชาห์ เมืองมิกดัลกาด 38 เมืองดิเลอัน เมืองมิสเปห์ เมืองโยกเธเอล 39 เมืองลาคีช+ เมืองโบสคาท เมืองเอกโลน 40 เมืองคับโบน เมืองลามัม เมืองคิทลิช 41 เมืองเกเดโรท เมืองเบธดาโกน เมืองนาอามาห์ และเมืองมักเคดาห์+ รวม 16 เมือง และหมู่บ้านต่าง ๆ ที่อยู่รอบเมืองพวกนั้น
42 เมืองลิบนาห์+ เมืองเอเธอร์ เมืองอาชัน+ 43 เมืองอิฟทาห์ เมืองอัชนาห์ เมืองเนซีบ 44 เมืองเคอีลาห์ เมืองอัคซิบ และเมืองมาเรชาห์ รวม 9 เมือง และหมู่บ้านต่าง ๆ ที่อยู่รอบเมืองพวกนั้น
45 เมืองเอโครน และเมืองเล็ก ๆ กับหมู่บ้านต่าง ๆ ที่อยู่รอบเมืองนั้น 46 จากเมืองเอโครนไปทางตะวันตก คือเมืองเล็ก ๆ ทุกเมืองที่อยู่ใกล้ ๆ เมืองอัชโดดและหมู่บ้านต่าง ๆ ที่อยู่รอบเมืองพวกนั้น
47 เมืองอัชโดด+และเมืองเล็ก ๆ กับหมู่บ้านต่าง ๆ ที่อยู่รอบเมืองนั้น เมืองกาซา+และเมืองเล็ก ๆ กับหมู่บ้านต่าง ๆ ที่อยู่รอบเมืองนั้น เรื่อยลงไปตามชายฝั่งของทะเลใหญ่*จนถึงลำน้ำอียิปต์+
48 และเมืองที่อยู่ในเขตเทือกเขา คือเมืองชามีร์ เมืองยาททีร์+ เมืองโสโคห์ 49 เมืองดานนาห์ เมืองคีริยาทสันนาห์หรือเมืองเดบีร์ 50 เมืองอานาบ เมืองเอชเทโมห์+ เมืองอานิม 51 เมืองโกเชน+ เมืองโฮโลน และเมืองกิโลห์+ รวม 11 เมือง และหมู่บ้านต่าง ๆ ที่อยู่รอบเมืองพวกนั้น
52 เมืองอาหรับ เมืองดูมาห์ เมืองเอชาน 53 เมืองยานิม เมืองเบธทัปปูวาห์ เมืองอาเฟคาห์ 54 เมืองฮุมทาห์ เมืองคีริยาทอาร์บาหรือเมืองเฮโบรน+ และเมืองศิโยร์ รวม 9 เมือง และหมู่บ้านต่าง ๆ ที่อยู่รอบเมืองพวกนั้น
55 เมืองมาโอน+ เมืองคาร์เมล เมืองศิฟ+ เมืองยุททาห์ 56 เมืองยิสเรเอล เมืองโยกเดอัม เมืองศาโนอาห์ 57 เมืองคายิน เมืองกิเบอาห์ และเมืองทิมนาห์+ รวม 10 เมือง และหมู่บ้านต่าง ๆ ที่อยู่รอบเมืองพวกนั้น
58 เมืองฮัลฮูล เมืองเบธซูร์ เมืองเกโดร์ 59 เมืองมาอาราท เมืองเบธอาโนท และเมืองเอลเทโคน รวม 6 เมือง และหมู่บ้านต่าง ๆ ที่อยู่รอบเมืองพวกนั้น
60 เมืองคีริยาทบาอัลหรือคีริยาทเยอาริม+ และเมืองรับบาห์ รวม 2 เมือง และหมู่บ้านต่าง ๆ ที่อยู่รอบสองเมืองนั้น
61 เมืองในที่กันดาร คือเมืองเบธอาราบาห์+ เมืองมิดดีน เมืองเสคะคาห์ 62 เมืองนิบชาน เมืองเกลือ และเมืองเอนเกดี+ รวม 6 เมือง และหมู่บ้านต่าง ๆ ที่อยู่รอบเมืองพวกนั้น
63 สำหรับชาวเยบุส+ซึ่งอาศัยอยู่ในเมืองเยรูซาเล็มนั้น+ คนในตระกูลยูดาห์ขับไล่พวกเขาออกไปไม่ได้+ ชาวเยบุสจึงอาศัยอยู่กับคนในตระกูลยูดาห์ในเมืองเยรูซาเล็มเรื่อยมาจนถึงวันนี้
16 ที่ดินตามฉลาก*+ที่ลูกหลานของโยเซฟ+ได้รับมีอาณาเขตเริ่มตั้งแต่แม่น้ำจอร์แดนใกล้เมืองเยรีโค ไปถึงบ่อน้ำพุทางตะวันออกของเมืองเยรีโค และจากเมืองเยรีโคผ่านที่กันดารขึ้นไปในเขตเทือกเขาที่เมืองเบธเอล+ 2 จากเบธเอลซึ่งอยู่ใกล้เมืองลูส ต่อไปถึงแนวเขตแดนของชาวอาร์คีที่เมืองอาทาโรท 3 ลงไปทางทิศตะวันตกถึงแนวเขตแดนของชาวยาเฟล เรื่อยไปจนถึงแนวเขตแดนของเมืองเบธโฮโรนล่าง+และเมืองเกเซอร์+ และไปสิ้นสุดที่ทะเล
4 ลูกหลานของโยเซฟ+คือ ตระกูลมนัสเสห์กับตระกูลเอฟราอิมก็เข้าครอบครองที่ดินของพวกเขา+ 5 เขตแดนที่ลูกหลานของเอฟราอิมได้รับตามวงศ์ตระกูลของพวกเขาเป็นอย่างนี้ มรดกที่ดินของพวกเขาทางตะวันออกจะเริ่มจากเมืองอาทาโรทอัดดาร์+ไปทางเมืองเบธโฮโรนบน+ 6 และต่อเนื่องไปจนถึงทะเล ส่วนทางเหนือเริ่มที่มิคเมธัท+ โค้งไปทางตะวันออกถึงทาอานัทชิโลห์ ต่อไปเรื่อย ๆ จนถึงยาโนอาห์ 7 จากยาโนอาห์ลงไปถึงเมืองอาทาโรทและเมืองนาอาราห์ ต่อไปถึงเมืองเยรีโค+ จนถึงแม่น้ำจอร์แดน 8 และจากเมืองทัปปูวาห์+ แนวเขตแดนมุ่งไปทางตะวันตกถึงลำน้ำคานาห์ ไปสิ้นสุดที่ทะเล+ นี่คือมรดกที่ดินของตระกูลเอฟราอิมตามวงศ์ตระกูลของพวกเขา 9 นอกจากนี้ ยังมีเมืองและหมู่บ้านต่าง ๆ ที่อยู่รอบเมืองพวกนั้นที่กันไว้ให้ลูกหลานของเอฟราอิมด้วย ซึ่งเมืองและหมู่บ้านต่าง ๆ นั้นอยู่ในเขตแดนมรดกที่ดินของตระกูลมนัสเสห์+
10 แต่พวกเขาไม่ได้ขับไล่ชาวคานาอันซึ่งอาศัยอยู่ในเมืองเกเซอร์ออกไป+ ชาวคานาอันยังอาศัยอยู่กับคนในตระกูลเอฟราอิมจนถึงวันนี้+ และถูกใช้ให้ทำงานหนัก+
17 ต่อไปนี้เป็นที่ดินตามฉลาก+ของตระกูลมนัสเสห์+ เขาเป็นลูกชายคนโตของโยเซฟ+ ส่วนมาคีร์+ซึ่งเป็นลูกชายคนโตของมนัสเสห์และเป็นพ่อของกิเลอาดนั้นได้รับเขตกิเลอาดและบาชาน+ไปแล้วเพราะเขาเป็นนักรบกล้าหาญ 2 ที่ดินตามฉลากนี้เป็นของลูกหลานส่วนที่เหลือของมนัสเสห์ตามวงศ์ตระกูลของพวกเขา คือลูกหลานของอาบีเอเซอร์+ ลูกหลานของเฮเลค ลูกหลานของอัสรีเอล ลูกหลานของเชเคม ลูกหลานของเฮเฟอร์ และลูกหลานของเชมิดา คนพวกนี้คือพวกผู้ชายที่เป็นลูกหลานของมนัสเสห์ลูกชายของโยเซฟตามวงศ์ตระกูลของพวกเขา+ 3 เศโลเฟหัด+เป็นลูกชายของเฮเฟอร์ เฮเฟอร์เป็นลูกชายของกิเลอาด กิเลอาดเป็นลูกชายของมาคีร์ มาคีร์เป็นลูกชายของมนัสเสห์ เศโลเฟหัดคนนี้ไม่มีลูกชาย มีแต่ลูกสาว คือ มาลาห์ โนอาห์ โฮกลาห์ มิลคาห์ และทีร์ซาห์ 4 พวกเธอจึงมาหาปุโรหิตเอเลอาซาร์+และโยชูวาลูกชายของนูนกับพวกหัวหน้า แล้วพูดว่า “พระยะโฮวาสั่งโมเสสให้ยกมรดกที่ดินให้พวกเราด้วย”+ โยชูวาก็ให้พวกเธอได้รับมรดกที่ดินร่วมกับญาติพี่น้องของพ่อตามคำสั่งของพระยะโฮวา+
5 มนัสเสห์จึงได้รับส่วนแบ่งที่ดินอีกสิบส่วน นอกเหนือจากแผ่นดินกิเลอาดและบาชานซึ่งอยู่อีกฟากหนึ่ง*ของแม่น้ำจอร์แดน+ 6 เพราะผู้หญิงในตระกูลมนัสเสห์ได้รับมรดกที่ดินเหมือนกับพวกผู้ชาย ส่วนแผ่นดินกิเลอาดนั้นเป็นสมบัติของลูกหลานคนอื่น ๆ ของมนัสเสห์
7 แนวเขตแดนของมนัสเสห์เริ่มจากเขตแดนของอาเชอร์ไปจดมิคเมธัท+ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับเมืองเชเคม+ และต่อไปทางใต้*ถึงแผ่นดินที่ชาวเมืองเอนทัปปูวาห์อาศัยอยู่ 8 แผ่นดินทัปปูวาห์+เป็นของมนัสเสห์ แต่ตัวเมืองทัปปูวาห์ที่อยู่บนแนวเขตแดนของมนัสเสห์นั้นเป็นของลูกหลานเอฟราอิม 9 แนวเขตแดนลงไปทางใต้ของลำน้ำคานาห์ มีเมืองของตระกูลเอฟราอิมหลายเมืองอยู่ในเขตแดนของมนัสเสห์+ แนวเขตแดนของมนัสเสห์อยู่ทางเหนือของลำน้ำ และไปสิ้นสุดที่ทะเล+ 10 ทางใต้เป็นของเอฟราอิม ทางเหนือเป็นของมนัสเสห์ และทะเลเป็นแนวเขตแดนของเขา+ ส่วนเขตแดนทางทิศเหนือของมนัสเสห์นั้นไปจดอาเชอร์ และทางทิศตะวันออกไปจดอิสสาคาร์
11 มนัสเสห์ยังได้เมืองบางเมืองพร้อมทั้งชาวเมืองกับเมืองเล็ก ๆ ที่อยู่รายรอบซึ่งอยู่ในเขตแดนของอิสสาคาร์และอาเชอร์ด้วย คือ เมืองเบธเชอาน เมืองอิบเลอัม+ เมืองโดร์+ เมืองเอนโดร์+ เมืองทาอานาค+ เมืองเมกิดโด ซึ่ง 3 เมืองหลังนี้อยู่บนเนินเขา
12 แต่ลูกหลานของมนัสเสห์ไม่สามารถยึดเอาเมืองพวกนี้มาครอบครองได้ ชาวคานาอันก็ยังอาศัยอยู่ในแผ่นดินนั้น+ 13 เมื่อชาวอิสราเอลเข้มแข็งขึ้นก็ใช้ชาวคานาอันให้ทำงานหนัก+ แต่ไม่ได้ขับไล่ชาวคานาอันออกไปให้หมด+
14 ลูกหลานของโยเซฟพูดกับโยชูวาว่า “ทำไมคุณถึงแบ่งมรดกที่ดินให้พวกเรา*แค่ส่วนเดียว*+ ทั้ง ๆ ที่พระยะโฮวาอวยพรเราให้มีคนมากมายมาจนถึงตอนนี้?”+ 15 โยชูวาก็พูดกับพวกเขาว่า “ถ้าพวกคุณมีกันมากมายอย่างนี้ ก็ให้ขึ้นไปถางป่าในแผ่นดินของชาวเปริสซี+กับชาวเรฟาอิม+ และเอาที่ดินนั้นมาเป็นของตัวเอง เพราะเขตเทือกเขาของเอฟราอิม+คับแคบเกินไปสำหรับพวกคุณ” 16 ลูกหลานของโยเซฟพูดว่า “เขตเทือกเขาไม่พอสำหรับพวกเรา และชาวคานาอันทั้งหมดที่อยู่ในแผ่นดินที่เป็นหุบเขานั้นก็มีรถศึก+ที่มีดุมล้อติดใบมีดโค้ง* ไม่ว่าจะเป็นพวกที่อาศัยอยู่ในเมืองเบธเชอาน+และเมืองเล็ก ๆ ที่อยู่รายรอบ หรือพวกที่อาศัยอยู่ในหุบเขายิสเรเอล”+ 17 โยชูวาก็พูดกับลูกหลานของโยเซฟ คือ เอฟราอิมและมนัสเสห์ว่า “พวกคุณมีกันมากมาย แถมมีกำลังเข้มแข็ง พวกคุณไม่น่าจะได้รับมรดกที่ดินแค่ส่วนเดียว+ 18 เขตเทือกเขาจะเป็นของพวกคุณด้วย+ ถึงแม้จะเป็นป่าแต่ก็ขอให้ถางป่าเข้าไป เขตแดนของพวกคุณจะไปสุดที่นั่น พวกคุณจะต้องขับไล่ชาวคานาอันออกไป ถึงแม้พวกเขาจะแข็งแกร่งและมีรถศึกที่มีดุมล้อติดใบมีดโค้ง*ก็ตาม”+
18 ชาวอิสราเอลทั้งหมดมาประชุมกันที่เมืองชิโลห์+ พวกเขาตั้งเต็นท์เข้าเฝ้าขึ้นที่นั่น+ เพราะตอนนั้นแผ่นดินเป็นของพวกเขาแล้ว+ 2 แต่ยังเหลือชาวอิสราเอลอีก 7 ตระกูลที่ยังไม่ได้รับมรดกที่ดินของตัวเอง 3 โยชูวาจึงพูดกับพวกเขาว่า “พวกคุณจะรออีกนานแค่ไหนถึงจะเข้าไปยึดครองแผ่นดินที่พระยะโฮวาพระเจ้าของบรรพบุรุษยกให้คุณแล้ว?+ 4 ไปเลือกผู้ชายมาตระกูลละ 3 คนแล้วผมจะส่งพวกเขาออกไปเดินสำรวจทั่วแผ่นดินและทำแผนที่เพื่อใช้ในการแบ่งมรดกที่ดิน แล้วให้พวกเขากลับมาหาผม 5 พวกเขาต้องแบ่งแผ่นดินออกเป็น 7 ส่วน+ ยูดาห์ยังอยู่ในเขตแดนทางใต้ของเขา+ และลูกหลานของโยเซฟก็อยู่ในเขตแดนทางเหนือของพวกเขา+ 6 พวกคุณต้องออกไปสำรวจแผ่นดินและทำแผนที่แบ่งแผ่นดินเป็น 7 ส่วน แล้วนำมาให้ผมที่นี่ ผมจะจับฉลาก+ให้พวกคุณที่นี่ต่อหน้าพระยะโฮวาพระเจ้า 7 แต่ตระกูลเลวีจะไม่ได้รับส่วนแบ่งที่ดินร่วมกับพวกคุณ+ เพราะการรับใช้เป็นปุโรหิตของพระยะโฮวาคือมรดกของพวกเขา+ ส่วนกาด รูเบน และมนัสเสห์ครึ่งตระกูล+ได้รับมรดกที่ดินของพวกเขาแล้วที่ฟากตะวันออกของแม่น้ำจอร์แดน โมเสสผู้รับใช้ของพระยะโฮวายกที่ดินให้พวกเขาแล้ว”
8 พวกผู้ชายก็เตรียมตัวออกเดินทาง โยชูวาสั่งคนที่จะทำแผนที่สำหรับแผ่นดินนั้นว่า “เดินไปให้ทั่วแผ่นดิน ทำแผนที่แล้วกลับมาหาผม ผมจะจับฉลากให้พวกคุณต่อหน้าพระยะโฮวาที่เมืองชิโลห์นี้”+ 9 พวกผู้ชายก็ออกเดินทางไปสำรวจทั่วแผ่นดินและทำแผนที่แบ่งแผ่นดินนั้นออกเป็น 7 ส่วน โดยแต่ละส่วนจะบอกว่ามีเมืองอะไรบ้าง แล้วบันทึกลงในม้วนหนังสือ หลังจากนั้น พวกเขาก็กลับมาหาโยชูวาที่ค่ายในเมืองชิโลห์ 10 แล้วโยชูวาก็จับฉลากให้พวกเขาในเมืองชิโลห์ต่อหน้าพระยะโฮวา+ ที่นั่น โยชูวาแบ่งแผ่นดินให้ชาวอิสราเอลตามส่วนแบ่งของพวกเขา+
11 ฉลากแรกเป็นของตระกูลเบนยามินตามวงศ์ตระกูลของพวกเขา และเขตแดนตามฉลากของเขาอยู่ระหว่างเขตแดนของลูกหลานยูดาห์+กับลูกหลานโยเซฟ+ 12 แนวเขตแดนทางทิศเหนือของพวกเขาเริ่มที่แม่น้ำจอร์แดนขึ้นไปถึงเนินเขาทางทิศเหนือของเมืองเยรีโค+ ต่อขึ้นไปบนภูเขาทางทิศตะวันตก เรื่อยไปถึงที่กันดารเมืองเบธอาเวน+ 13 จากที่นั่นแนวเขตแดนเลยไปถึงเมืองลูส ตรงเนินเขาทางทิศใต้ของเมืองลูสหรือเมืองเบธเอล+ และลงไปถึงเมืองอาทาโรทอัดดาร์+ซึ่งอยู่บนภูเขาที่อยู่ทางใต้ของเมืองเบธโฮโรนล่าง+ 14 แนวเขตแดนด้านตะวันตกจะลงไปทางใต้จากภูเขาที่อยู่ตรงข้ามเมืองเบธโฮโรนทางทิศใต้ และไปสิ้นสุดที่คีริยาทบาอัลหรือคีริยาทเยอาริม+ ซึ่งเป็นเมืองของตระกูลยูดาห์ นี่คือเขตแดนด้านตะวันตก
15 แนวเขตแดนด้านใต้เริ่มจากริมเขตแดนเมืองคีริยาทเยอาริมไปทางตะวันตก และไปถึงบ่อน้ำพุเนฟโทอาห์+ 16 ไปถึงเชิงเขาที่อยู่ตรงข้ามกับหุบเขาของลูกชายฮินโนม+ ซึ่งหุบเขานี้อยู่ในหุบเขาเรฟาอิม+ทางทิศเหนือ และต่อลงไปถึงหุบเขาฮินโนม ไปถึงเนินเขาของชาวเยบุส+ทางทิศใต้ และลงไปถึงเอนโรเกล+ 17 แนวเขตแดนไปทางเหนือถึงเอนเชเมช และต่อไปถึงเกลีโลทที่อยู่หน้าเนินอาดุมมิม+ เลยไปถึงหลักหิน+ของโบฮัน+ลูกหลานของรูเบน 18 ต่อไปถึงเนินเขาทางทิศเหนือที่อยู่หน้าเขตอาราบาห์ และลงไปถึงเขตอาราบาห์ 19 แนวเขตแดนต่อไปที่เนินเขาทางทิศเหนือของเมืองเบธโฮกลาห์+ และไปสิ้นสุดที่อ่าวทางเหนือของทะเลเกลือ*+ ตรงปากแม่น้ำจอร์แดนซึ่งอยู่ทางทิศใต้ นี่คือแนวเขตแดนด้านใต้ 20 แม่น้ำจอร์แดนเป็นแนวเขตแดนด้านตะวันออก นี่คือแนวเขตแดนทุกด้านของมรดกที่ดินที่ลูกหลานเบนยามินได้รับตามวงศ์ตระกูลของพวกเขา
21 เมืองต่าง ๆ ที่ตระกูลเบนยามินได้รับตามวงศ์ตระกูลของพวกเขาคือ เมืองเยรีโค เมืองเบธโฮกลาห์ เมืองเอเมคเคซีส 22 เมืองเบธอาราบาห์+ เมืองเศมาราอิม เมืองเบธเอล+ 23 เมืองอัฟวิม เมืองปาราห์ เมืองโอฟราห์ 24 เมืองเคฟาร์อัมโมนี เมืองโอฟนี และเมืองเกบา+ รวม 12 เมือง และหมู่บ้านต่าง ๆ ที่อยู่รอบเมืองพวกนั้น
25 และเมืองกิเบโอน+ เมืองรามาห์ เมืองเบเอโรท 26 เมืองมิสเปห์ เมืองเคฟีราห์ เมืองโมซาห์ 27 เมืองเรเคม เมืองอีร์เปเอล เมืองทาระลาห์ 28 เมืองเศลาห์+ เมืองฮาเอเลฟ เมืองของชาวเยบุสคือเมืองเยรูซาเล็ม+ เมืองกิเบอาห์+ เมืองคีริยาท รวม 14 เมือง และหมู่บ้านต่าง ๆ ที่อยู่รอบเมืองพวกนั้น
นี่คือมรดกที่ดินของลูกหลานเบนยามินตามวงศ์ตระกูลของพวกเขา
19 ฉลาก+ ที่ 2 เป็นของสิเมโอน คือตระกูลสิเมโอน+ตามวงศ์ตระกูลของพวกเขา และมรดกที่ดินของพวกเขาอยู่ในเขตแดนมรดกที่ดินของยูดาห์+ 2 มรดกที่ดินของพวกเขาได้แก่ เบเออร์เชบา+กับเมืองเชบา เมืองโมลาดาห์+ 3 เมืองฮาซาร์ชูอาล+ เมืองบาลาห์ เมืองเอเซม+ 4 เมืองเอลโทลัด+ เมืองเบธูล เมืองโฮร์มาห์ 5 เมืองศิกลาก+ เมืองเบธมาร์คาโบท เมืองฮาซาร์ซูซาห์ 6 เมืองเบธเลบาโอท+ และเมืองชารุเฮน รวม 13 เมือง และหมู่บ้านต่าง ๆ ที่อยู่รอบเมืองพวกนั้น 7 เมืองอายิน เมืองริมโมน เมืองเอเธอร์ และเมืองอาชัน+ รวม 4 เมือง และหมู่บ้านต่าง ๆ ที่อยู่รอบเมืองพวกนั้น 8 และรวมถึงหมู่บ้านทั้งหมดที่อยู่รอบเมืองต่าง ๆ นั้นไปจนถึงเมืองบาอาลัทเบเออร์หรือเมืองรามาห์ที่อยู่ทางใต้ นี่คือมรดกที่ดินของตระกูลสิเมโอนตามวงศ์ตระกูลของพวกเขา 9 มรดกที่ดินของลูกหลานสิเมโอนได้จากส่วนแบ่งที่ยูดาห์ได้รับ เพราะส่วนแบ่งของยูดาห์ใหญ่เกินไปสำหรับพวกเขา ดังนั้น ลูกหลานของสิเมโอนจึงได้รับที่ดินในเขตแดนมรดกที่ดินของยูดาห์+
10 ฉลาก+ที่ 3 เป็นของลูกหลานเศบูลุน+ตามวงศ์ตระกูลของพวกเขา และแนวเขตแดนมรดกที่ดินของพวกเขาเริ่มจากเมืองสาริด 11 แนวเขตแดนไปทางตะวันตกถึงมาเรอัล ต่อไปถึงเมืองดับเบเชท และเลยไปถึงหุบเขาที่อยู่หน้าเมืองโยกเนอัม 12 และจากเมืองสาริดไปทางทิศตะวันออก คือด้านที่ดวงอาทิตย์ขึ้น แนวเขตแดนจะไปถึงเขตแดนเมืองคิสโลททาโบร์ เลยไปถึงเมืองดาเบรัท+ และขึ้นไปที่เมืองยาเฟีย 13 และจากที่นั่น แนวเขตแดนจะต่อไปทางทิศตะวันออก คือด้านที่ดวงอาทิตย์ขึ้น ไปถึงเมืองกัทเฮเฟอร์+ และต่อไปถึงเอทคาซิน ไปถึงเมืองริมโมน และเลยไปถึงเมืองเนอาห์ 14 และทางด้านเหนือแนวเขตแดนจะโค้งไปทางเมืองฮันนาโธน และไปสิ้นสุดที่หุบเขาอิฟทาห์เอล 15 นอกจากนี้ ยังมีเมืองคัตทาท เมืองนาหะลาล เมืองชิมโรน+ เมืองอิดาลาห์ และเมืองเบธเลเฮม+ด้วย รวม 12 เมือง และหมู่บ้านต่าง ๆ ที่อยู่รอบเมืองพวกนั้น 16 นี่คือมรดกที่ดินของลูกหลานเศบูลุนตามวงศ์ตระกูลของพวกเขา+ ซึ่งประกอบด้วยเมืองและหมู่บ้านต่าง ๆ ที่อยู่รอบเมืองพวกนั้น
17 ฉลาก+ ที่ 4 เป็นของอิสสาคาร์+ คือลูกหลานของอิสสาคาร์ตามวงศ์ตระกูลของพวกเขา 18 เมืองต่าง ๆ ที่อยู่ในแนวเขตแดนของพวกเขามีดังนี้ เมืองยิสเรเอล+ เมืองเคสุลโลท เมืองชูเนม+ 19 เมืองฮาฟาราอิม เมืองชิโยน เมืองอานาหะราท 20 เมืองรับบีท เมืองคีชิโอน เมืองเอเบส 21 เมืองเรเมท เมืองเอนกันนิม+ เมืองเอนฮัดดาห์ เมืองเบธปัสเซส 22 แนวเขตแดนต่อไปถึงทาโบร์+ และเลยไปเมืองชาหะซุมาห์ เมืองเบธเชเมช และไปสิ้นสุดที่แม่น้ำจอร์แดน รวม 16 เมือง และหมู่บ้านต่าง ๆ ที่อยู่รอบเมืองพวกนั้น 23 นี่คือมรดกที่ดินของตระกูลอิสสาคาร์ตามวงศ์ตระกูลของพวกเขา+ ซึ่งประกอบด้วยเมืองและหมู่บ้านต่าง ๆ ที่อยู่รอบเมืองพวกนั้น
24 ฉลาก+ ที่ 5 เป็นของตระกูลอาเชอร์+ตามวงศ์ตระกูลของพวกเขา 25 เมืองต่าง ๆ ที่อยู่ในแนวเขตแดนของพวกเขามีดังนี้ เมืองเฮลขัท+ เมืองฮาลี เมืองเบเทน เมืองอัคชาฟ 26 เมืองอัลลัมเมเลค เมืองอามาด เมืองมิชอาล แนวเขตแดนไปทางตะวันตกถึงภูเขาคาร์เมล+ ต่อไปจนถึงแม่น้ำชิโหร์ลิบนาท 27 และวกไปทางตะวันออกถึงเมืองเบธดาโกน ไปจนถึงเขตแดนของเศบูลุน และไปถึงตอนเหนือของหุบเขาอิฟทาห์เอล ถึงเมืองเบธเอเมคกับเมืองเนอีเอล และต่อไปถึงด้านซ้ายของเมืองคาบูล 28 ไปถึงเมืองเอโบรน เมืองเรโหบ เมืองฮัมโมน และเมืองคานาห์ จนถึงเมืองไซดอนใหญ่+ 29 และแนวเขตแดนวกไปถึงเมืองรามาห์ ไปถึงเมืองไทระ+ซึ่งเป็นเมืองที่มีป้อมปราการ แนวเขตแดนลงไปถึงเมืองโฮสาห์ และไปสิ้นสุดที่ทะเลในเขตเมืองอัคซิบ 30 และเมืองอุมมาห์ เมืองอาเฟค+ และเมืองเรโหบ+ รวม 22 เมือง และหมู่บ้านต่าง ๆ ที่อยู่รอบเมืองพวกนั้น 31 นี่คือมรดกที่ดินของตระกูลอาเชอร์ตามวงศ์ตระกูลของพวกเขา+ ซึ่งประกอบด้วยเมืองและหมู่บ้านต่าง ๆ ที่อยู่รอบเมืองพวกนั้น
32 ฉลาก+ที่ 6 เป็นของนัฟทาลี คือลูกหลานของนัฟทาลีตามวงศ์ตระกูลของพวกเขา 33 แนวเขตแดนของพวกเขาเริ่มจากเฮเลฟและต้นไม้ใหญ่ในศาอานันนิม+ ไปที่อาดามีเนเขบ และเมืองยับเนเอล ต่อไปจนถึงลัคคูม และไปสิ้นสุดที่แม่น้ำจอร์แดน 34 แนวเขตแดนกลับไปทางตะวันตก ไปที่เมืองอัสโนททาโบร์ จากที่นั่น เขตแดนจะไปจดเมืองฮุกกอก และไปจดเศบูลุนทางใต้ เขตแดนด้านตะวันตกจดอาเชอร์ และด้านตะวันออกจดยูดาห์*ที่แม่น้ำจอร์แดน 35 นอกจากนี้ ยังมีเมืองที่มีป้อมปราการด้วย คือ เมืองศิดดิม เมืองเศอร์ เมืองฮัมมัท+ เมืองรัคคัท เมืองคินเนเรท 36 เมืองอาดามาห์ เมืองรามาห์ เมืองฮาโซร์+ 37 เมืองเคเดช+ เมืองเอเดรอี เมืองเอนฮาโซร์ 38 เมืองยิโรน เมืองมิกดัลเอล เมืองโฮเรม เมืองเบธอานาท และเมืองเบธเชเมช+ รวม 19 เมือง และหมู่บ้านต่าง ๆ ที่อยู่รอบเมืองพวกนั้น 39 นี่คือมรดกที่ดินของตระกูลนัฟทาลีตามวงศ์ตระกูลของพวกเขา+ ซึ่งประกอบด้วยเมืองและหมู่บ้านต่าง ๆ ที่อยู่รอบเมืองพวกนั้น
40 ฉลาก+ที่ 7 เป็นของตระกูลดาน+ตามวงศ์ตระกูลของพวกเขา 41 เมืองต่าง ๆ ที่อยู่ในแนวเขตแดนของมรดกที่ดินของพวกเขามีดังนี้ เมืองโศราห์+ เมืองเอชทาโอล เมืองอิร์เชเมช 42 เมืองชาอาลับบิน+ เมืองอัยยาโลน+ เมืองอิทลาห์ 43 เมืองเอโลน เมืองทิมนาห์+ เมืองเอโครน+ 44 เมืองเอลเทเคห์ เมืองกิบเบโธน+ เมืองบาอาลัท 45 เมืองเยฮูด เมืองเบเนเบราค เมืองกัทริมโมน+ 46 เมืองเมยาร์โคน และเมืองรัคโคน โดยแนวเขตแดนจะอยู่หน้าเมืองยัฟฟา+ 47 แต่เขตแดนของดานคับแคบเกินไปสำหรับพวกเขา+ พวกเขาจึงขึ้นไปทำสงครามกับเมืองเลเชม+และยึดเมืองนั้นได้ แล้วฆ่าฟันชาวเมือง จากนั้น พวกเขาก็เข้าครอบครองและตั้งถิ่นฐานอยู่ในเมืองนั้น และเปลี่ยนชื่อเมืองจากเลเชมเป็นดาน ตามชื่อของดานบรรพบุรุษของพวกเขา+ 48 นี่คือมรดกที่ดินของตระกูลดานตามวงศ์ตระกูลของพวกเขา ซึ่งประกอบด้วยเมืองและหมู่บ้านต่าง ๆ ที่อยู่รอบเมืองพวกนั้น
49 เมื่อพวกเขาแบ่งที่ดินมรดกตามเขตต่าง ๆ เสร็จแล้ว ชาวอิสราเอลก็ยกมรดกที่ดินในเขตแดนของพวกเขาให้โยชูวาลูกชายของนูนด้วย 50 โยชูวาขอเมืองทิมนาทเสราห์+และพวกเขาก็ยกให้ตามที่พระยะโฮวาสั่ง เมืองนั้นอยู่ในเขตเทือกเขาของเอฟราอิม และโยชูวาสร้างเมืองนั้นขึ้นใหม่แล้วตั้งถิ่นฐานอยู่ที่นั่น
51 ทั้งหมดนี้คือมรดกที่ดินที่ปุโรหิตเอเลอาซาร์และโยชูวาลูกชายของนูนกับพวกหัวหน้าวงศ์ตระกูลของตระกูลต่าง ๆ ของชาวอิสราเอลแบ่งสรรกัน+ตามฉลากที่เมืองชิโลห์+ต่อหน้าพระยะโฮวาตรงทางเข้าเต็นท์เข้าเฝ้า+ และการแบ่งที่ดินของพวกเขาก็เสร็จสิ้น
20 พระยะโฮวาพูดกับโยชูวาว่า 2 “ไปบอกชาวอิสราเอลอย่างนี้ ‘ให้เลือกเมืองลี้ภัย+ที่เราเคยบอกพวกเจ้าผ่านทางโมเสส 3 เพื่อคนที่ทำให้คนตายโดยไม่เจตนาหรือเป็นอุบัติเหตุ*จะหนีไปที่นั่นได้ เมืองพวกนั้นจะเป็นเมืองที่พวกเจ้าใช้ลี้ภัยจากคนที่มีสิทธิ์แก้แค้น+ 4 เขาจะหนีไปที่เมืองไหนก็ได้ในเมืองต่าง ๆ นั้น+และไปยืนที่ทางเข้าประตูเมือง+ แล้วเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้พวกผู้นำ*ในเมืองนั้นฟัง พวกผู้นำจะรับคนนั้นเข้าไปในเมือง ให้ที่พักกับเขา แล้วเขาจะอาศัยอยู่ที่นั่น 5 ถ้าคนที่มีสิทธิ์แก้แค้นไล่ตามมา อย่าให้พวกผู้นำมอบคนที่ทำให้คนตายนั้นไว้ในมือของเขา เพราะคนนั้นทำให้คนอื่นตายโดยอุบัติเหตุ* และไม่ได้เกลียดชังคนที่ตายมาก่อน+ 6 เขาจะต้องอยู่ในเมืองนั้นจนกว่าจะมีการพิจารณาตัดสิน+ และอยู่ที่นั่นจนกว่ามหาปุโรหิตที่ทำหน้าที่ในตอนนั้นจะตาย+ แล้วเขาถึงจะกลับไปเมืองที่เขาหลบหนีออกมาได้ เขาจะกลับไปที่เมืองและบ้านของเขาได้’”+
7 แล้วพวกเขาก็กันเมืองต่อไปนี้ไว้เพื่อจุดประสงค์นั้น คือ เมืองเคเดช+ในแถบกาลิลีซึ่งอยู่ในเขตเทือกเขาของนัฟทาลี เมืองเชเคม+ในเขตเทือกเขาของเอฟราอิม และเมืองคีริยาทอาร์บา+หรือเมืองเฮโบรนในเขตเทือกเขาของยูดาห์ 8 ส่วนเขตที่อยู่ฟากตะวันออกของแม่น้ำจอร์แดน ฝั่งตรงข้ามกับเมืองเยรีโค พวกเขาได้เลือกเมืองเบเซอร์+ในที่กันดารซึ่งอยู่ในเขตที่ราบสูงของรูเบน เมืองราโมท+ในเขตกิเลอาดของกาด และเมืองโกลาน+ในเขตบาชานของมนัสเสห์+
9 เมืองพวกนี้เป็นเมืองที่เลือกไว้สำหรับชาวอิสราเอลทุกคน รวมทั้งคนต่างชาติที่อยู่กับพวกเขาด้วย เพื่อใครก็ตามที่ทำให้คนตายโดยไม่เจตนาจะหนีไปที่นั่นได้+ และจะไม่ถูกคนที่มีสิทธิ์แก้แค้นฆ่าก่อนที่จะได้รับการพิจารณาตัดสิน+
21 แล้วพวกหัวหน้าวงศ์ตระกูลของตระกูลเลวีได้เข้ามาหาปุโรหิตเอเลอาซาร์+และโยชูวาลูกชายของนูนกับพวกหัวหน้าวงศ์ตระกูลของตระกูลต่าง ๆ ของชาวอิสราเอล 2 และพูดกับพวกเขาที่เมืองชิโลห์+ในแผ่นดินคานาอันว่า “พระยะโฮวาสั่งผ่านทางโมเสสว่าให้ยกเมืองต่าง ๆ ให้พวกเราอาศัยอยู่และยกทุ่งหญ้าสำหรับเลี้ยงสัตว์ของเมืองนั้นให้เราด้วย”+ 3 ชาวอิสราเอลก็ยกเมืองต่าง ๆ และทุ่งหญ้าของเมืองนั้นจากมรดกที่ดิน+ของพวกเขาให้ตระกูลเลวี+ตามที่พระยะโฮวาสั่ง
4 ฉลากแรกเป็นของวงศ์ตระกูลโคฮาท+ ตามฉลากนี้เมืองที่คนในตระกูลเลวีซึ่งเป็นลูกหลานของปุโรหิตอาโรนได้มี 13 เมือง เป็นเมืองจากตระกูลยูดาห์+ ตระกูลสิเมโอน+ และตระกูลเบนยามิน+
5 และลูกหลานที่เหลือของโคฮาทได้* 10 เมือง เป็นเมืองจากวงศ์ตระกูลต่าง ๆ ของตระกูลเอฟราอิม+ ตระกูลดาน และครึ่งตระกูลมนัสเสห์+
6 ลูกหลานของเกอร์โชน+ได้ 13 เมือง เป็นเมืองจากวงศ์ตระกูลต่าง ๆ ของตระกูลอิสสาคาร์ ตระกูลอาเชอร์ ตระกูลนัฟทาลี และตระกูลมนัสเสห์ครึ่งตระกูลในบาชาน+
7 ลูกหลานของเมรารี+ได้ 12 เมืองตามวงศ์ตระกูลของพวกเขา เป็นเมืองจากตระกูลรูเบน ตระกูลกาด และตระกูลเศบูลุน+
8 ชาวอิสราเอลยกเมืองเหล่านี้และทุ่งหญ้าให้ตระกูลเลวีตามฉลาก ตามที่พระยะโฮวาสั่งผ่านทางโมเสส+
9 เมืองที่จะกล่าวชื่อต่อไปนี้คือเมืองต่าง ๆ ที่พวกเขายกให้จากตระกูลยูดาห์และตระกูลสิเมโอน+ 10 พวกเขายกเมืองพวกนี้ให้ลูกหลานของอาโรนที่อยู่ในวงศ์ตระกูลของโคฮาทในตระกูลเลวี เพราะลูกหลานของอาโรนได้ฉลากแรก 11 เมืองที่พวกเขายกให้ คือ เมืองคีริยาทอาร์บา+ (อาร์บาเป็นพ่อของอานาค) หรือเมืองเฮโบรน+ ซึ่งอยู่ในเขตเทือกเขาของยูดาห์ และทุ่งหญ้าที่อยู่รอบเมืองนั้น 12 แต่ไร่นาและหมู่บ้านต่าง ๆ ที่อยู่รอบเมืองนั้น ชาวอิสราเอลยกให้เป็นสมบัติของคาเลบลูกชายเยฟุนเนห์+
13 พวกเขายกเมืองลี้ภัยสำหรับคนที่ทำให้คนอื่นตาย+ คือ เมืองเฮโบรน+และทุ่งหญ้าให้ลูกหลานของปุโรหิตอาโรน นอกจากนี้ พวกเขายังยกเมืองลิบนาห์+และทุ่งหญ้าให้ด้วย 14 รวมทั้งเมืองยาททีร์+และทุ่งหญ้า เมืองเอชเทโมอา+และทุ่งหญ้า 15 เมืองโฮโลน+และทุ่งหญ้า เมืองเดบีร์+และทุ่งหญ้า 16 เมืองอายิน+และทุ่งหญ้า เมืองยุททาห์+และทุ่งหญ้า และเมืองเบธเชเมชและทุ่งหญ้า รวม 9 เมืองจากสองตระกูลนี้
17 เมืองที่พวกเขายกให้จากตระกูลเบนยามินได้แก่ เมืองกิเบโอน+และทุ่งหญ้า เมืองเกบาและทุ่งหญ้า+ 18 เมืองอานาโธท+และทุ่งหญ้า และเมืองอัลโมนและทุ่งหญ้า รวม 4 เมือง
19 เมืองทั้งหมดที่ยกให้พวกปุโรหิตซึ่งเป็นลูกหลานของอาโรนมี 13 เมือง และทุ่งหญ้ารอบเมืองพวกนั้น+
20 และเมืองที่พวกเขายกให้ลูกหลานที่เหลือของวงศ์ตระกูลโคฮาทในตระกูลเลวีตามฉลาก เป็นเมืองต่าง ๆ จากตระกูลเอฟราอิม 21 เมืองที่พวกเขายกให้ได้แก่ เมืองลี้ภัยสำหรับคนที่ทำให้คนอื่นตาย+ คือ เมืองเชเคม+และทุ่งหญ้าในเขตเทือกเขาของเอฟราอิม เมืองเกเซอร์+และทุ่งหญ้า 22 เมืองขิบซาอิมและทุ่งหญ้า และเมืองเบธโฮโรน+และทุ่งหญ้า รวม 4 เมือง
23 เมืองที่พวกเขายกให้จากตระกูลดานได้แก่ เมืองเอลเทเคและทุ่งหญ้า เมืองกิบเบโธนและทุ่งหญ้า 24 เมืองอัยยาโลน+และทุ่งหญ้า และเมืองกัทริมโมนและทุ่งหญ้า รวม 4 เมือง
25 เมืองที่พวกเขายกให้จากครึ่งตระกูลมนัสเสห์ได้แก่ เมืองทาอานาค+และทุ่งหญ้า และเมืองกัทริมโมนและทุ่งหญ้า รวม 2 เมือง
26 เมืองทั้งหมดและทุ่งหญ้ารอบเมืองพวกนั้นซึ่งลูกหลานที่เหลือในวงศ์ตระกูลของโคฮาทได้รับมี 10 เมือง
27 เมืองที่ลูกหลานของเกอร์โชน+จากวงศ์ตระกูลต่าง ๆ ในตระกูลเลวีได้รับจากครึ่งตระกูลมนัสเสห์ได้แก่ เมืองลี้ภัยสำหรับคนที่ทำให้คนอื่นตาย คือ เมืองโกลาน+ในเขตบาชานและทุ่งหญ้า และเมืองเบเอชเทราห์และทุ่งหญ้า รวม 2 เมือง
28 เมืองที่พวกเขายกให้จากตระกูลอิสสาคาร์+ได้แก่ เมืองคีชิโอนและทุ่งหญ้า เมืองดาเบรัท+และทุ่งหญ้า 29 เมืองยาร์มูทและทุ่งหญ้า และเมืองเอนกันนิมและทุ่งหญ้า รวม 4 เมือง
30 เมืองที่พวกเขายกให้จากตระกูลอาเชอร์ได้แก่+ เมืองมิชอาลและทุ่งหญ้า เมืองอับโดนและทุ่งหญ้า 31 เมืองเฮลขัท+และทุ่งหญ้า และเมืองเรโหบ+และทุ่งหญ้า รวม 4 เมือง
32 เมืองที่พวกเขายกให้จากตระกูลนัฟทาลีได้แก่ เมืองลี้ภัย+สำหรับคนที่ทำให้คนอื่นตาย คือ เมืองเคเดช+ในแถบกาลิลีและทุ่งหญ้า เมืองฮัมโมทโดร์และทุ่งหญ้า และเมืองคาร์ทานและทุ่งหญ้า รวม 3 เมือง
33 เมืองทั้งหมดที่ลูกหลานของเกอร์โชนได้รับตามวงศ์ตระกูลของพวกเขามี 13 เมือง และทุ่งหญ้ารอบเมืองพวกนั้น
34 เมืองที่ลูกหลานของเมรารี+ซึ่งเป็นวงศ์ตระกูลที่เหลือในตระกูลเลวีได้รับจากตระกูลเศบูลุนได้แก่+ เมืองโยกเนอัม+และทุ่งหญ้า เมืองคาร์ทาห์และทุ่งหญ้า 35 เมืองดิมนาห์และทุ่งหญ้า และเมืองนาหะลาล+และทุ่งหญ้า รวม 4 เมือง
36 เมืองที่พวกเขายกให้จากตระกูลรูเบนได้แก่ เมืองเบเซอร์+และทุ่งหญ้า เมืองยาฮาสและทุ่งหญ้า+ 37 เมืองเคเดโมทและทุ่งหญ้า และเมืองเมฟาอาทและทุ่งหญ้า รวม 4 เมือง
38 เมืองที่พวกเขายกให้จากตระกูลกาดได้แก่+ เมืองลี้ภัยสำหรับคนที่ทำให้คนอื่นตาย คือ เมืองราโมทในเขตกิเลอาด+และทุ่งหญ้า เมืองมาหะนาอิม+และทุ่งหญ้า 39 เมืองเฮชโบน+และทุ่งหญ้า และเมืองยาเซอร์+และทุ่งหญ้า รวม 4 เมือง
40 เมืองทั้งหมดที่ลูกหลานของเมรารีซึ่งเป็นวงศ์ตระกูลที่เหลือของตระกูลเลวีได้รับตามวงศ์ตระกูลของพวกเขานั้นมี 12 เมือง
41 เมืองทั้งหมดที่คนในตระกูลเลวีได้รับในเขตแดนมรดกที่ดินของชาวอิสราเอลรวมแล้วมี 48 เมือง และทุ่งหญ้ารอบเมืองพวกนั้น+ 42 แต่ละเมืองมีทุ่งหญ้าโดยรอบ ซึ่งทุกเมืองจะเป็นแบบนี้
43 นี่คือวิธีที่พระยะโฮวามอบแผ่นดินทั้งหมดให้ชาวอิสราเอล ซึ่งเป็นแผ่นดินที่พระองค์สาบานไว้ว่าจะยกให้บรรพบุรุษของพวกเขา+ และพวกเขาก็เข้าครอบครองและตั้งถิ่นฐานอยู่ที่นั่น+ 44 นอกจากนี้ พระยะโฮวายังให้พวกเขาได้หยุดพักโดยไม่ให้พวกศัตรูที่อยู่รอบข้างมาก่อกวน ตามที่พระองค์สาบานไว้กับบรรพบุรุษของพวกเขา+ และไม่มีศัตรูแม้แต่คนเดียวต่อสู้พวกเขาได้+ พระยะโฮวามอบศัตรูทั้งหมดไว้ในมือของพวกเขา+ 45 คำสัญญาดี ๆ ทั้งหมดที่พระยะโฮวาทำกับชาวอิสราเอลนั้นไม่มีคำสัญญาไหนเลยที่ไม่เป็นจริง ทุกอย่างที่สัญญาเป็นจริงทั้งหมด+
22 แล้วโยชูวาก็เรียกตระกูลรูเบน ตระกูลกาด และตระกูลมนัสเสห์ครึ่งตระกูลมาพบ 2 และพูดกับพวกเขาว่า “พวกคุณทำทุกอย่างที่โมเสสผู้รับใช้ของพระยะโฮวาสั่งไว้+ และเชื่อฟังคำสั่งของผมทุกอย่าง+ 3 ตลอดเวลาที่ผ่านมาจนถึงวันนี้คุณไม่ได้ทิ้งพวกพี่น้องเลย+ และคุณทำตามข้อบัญญัติของพระยะโฮวาพระเจ้าเสมอ+ 4 ตอนนี้ พระยะโฮวาพระเจ้าให้พวกพี่น้องของคุณหยุดพักตามที่พระองค์สัญญาไว้แล้ว+ ดังนั้น ตอนนี้ให้พวกคุณกลับไปเต็นท์ของตัวเองในแผ่นดินที่โมเสสผู้รับใช้ของพระยะโฮวายกให้ที่อีกฟากหนึ่ง*ของแม่น้ำจอร์แดนได้+ 5 และขอให้พวกคุณใส่ใจทำตามข้อบัญญัติและข้อกฎหมายที่โมเสสผู้รับใช้ของพระยะโฮวาให้ไว้+ โดยรักพระยะโฮวาพระเจ้า+ ใช้ชีวิตตามแนวทางของพระองค์+ ทำตามข้อบัญญัติต่าง ๆ ของพระองค์+ ซื่อสัตย์กับพระองค์เสมอ+ และรับใช้พระองค์+อย่างสุดหัวใจและสุดชีวิตของคุณ”+
6 แล้วโยชูวาก็อวยพรพวกเขาและให้พวกเขากลับไปที่เต็นท์ของตัวเอง 7 สำหรับตระกูลมนัสเสห์ครึ่งตระกูลนั้น โมเสสได้ยกมรดกที่ดินในเขตบาชาน+ให้ ส่วนอีกครึ่งตระกูล โยชูวาได้ยกแผ่นดินทางฟากตะวันตกของแม่น้ำจอร์แดน+ให้อยู่ร่วมกับพี่น้องของเขา ตอนที่โยชูวาส่งพวกเขากลับไปเต็นท์ของเขานั้น โยชูวาอวยพรพวกเขา 8 และพูดกับพวกเขาว่า “กลับไปที่เต็นท์ของพวกคุณ และเอาทรัพย์สมบัติมากมายที่มีทั้งฝูงสัตว์ เงิน ทอง ทองแดง เหล็ก และเสื้อผ้ามากมายนี้ไปด้วย+ และเอาของริบที่ได้จากศัตรูนี้ไปแบ่ง+กับพวกพี่น้องของคุณด้วย”
9 จากนั้น ตระกูลรูเบน ตระกูลกาด และตระกูลมนัสเสห์ครึ่งตระกูลก็ลาชาวอิสราเอลตระกูลอื่น ๆ และออกจากเมืองชิโลห์ในแผ่นดินคานาอันกลับไปที่กิเลอาด+ ซึ่งเป็นแผ่นดินที่พวกเขาครอบครองและตั้งถิ่นฐานอยู่ที่นั่นตามที่พระยะโฮวาสั่งผ่านทางโมเสส+ 10 เมื่อพวกเขาไปถึงแถบแม่น้ำจอร์แดนที่อยู่ในแผ่นดินคานาอัน ตระกูลรูเบน ตระกูลกาด และตระกูลมนัสเสห์ครึ่งตระกูลก็สร้างแท่นบูชาขึ้นแท่นหนึ่งใกล้ ๆ แม่น้ำจอร์แดนนั้น เป็นแท่นบูชาที่ใหญ่มาก 11 ต่อมา ชาวอิสราเอลตระกูลอื่น ๆ ได้ยิน+คนพูดกันว่า “พวกตระกูลรูเบน ตระกูลกาด และตระกูลมนัสเสห์ครึ่งตระกูลพากันสร้างแท่นบูชาขึ้นที่ริมเขตแดนแผ่นดินคานาอันแถบแม่น้ำจอร์แดนฟากตะวันตกที่เป็นของพวกเรา” 12 เมื่อชาวอิสราเอลได้ยินเรื่องนี้ก็มารวมตัวกันที่เมืองชิโลห์+เพื่อจะไปทำสงครามกับพวกเขา
13 แล้วชาวอิสราเอลก็ส่งปุโรหิตฟีเนหัส+ลูกชายของเอเลอาซาร์ไปหาตระกูลรูเบน ตระกูลกาด และตระกูลมนัสเสห์ครึ่งตระกูลในแผ่นดินกิเลอาด 14 มีพวกหัวหน้าซึ่งเป็นตัวแทนของแต่ละตระกูลของชาวอิสราเอลไปด้วย 10 คน พวกเขาเป็นหัวหน้าวงศ์ตระกูลของคนนับพันนับหมื่นของชาวอิสราเอล+ 15 เมื่อพวกเขามาถึงเขตของตระกูลรูเบน ตระกูลกาด และตระกูลมนัสเสห์ครึ่งตระกูลในแผ่นดินกิเลอาด พวกเขาก็พูดกับคนพวกนั้นว่า
16 “ประชาชนทั้งหมดของพระยะโฮวาพูดอย่างนี้ ‘พวกคุณทำเรื่องที่ไม่ซื่อสัตย์+อย่างนี้ต่อพระเจ้าของอิสราเอลได้ยังไง? วันนี้พวกคุณหันหลังให้พระยะโฮวา แล้วไปสร้างแท่นบูชาขึ้นเองและกบฏต่อพระยะโฮวา+ 17 ทำผิดที่เปโอร์ยังไม่พออีกใช่ไหม? พวกคุณลืมภัยพิบัติที่เกิดกับประชาชนของพระยะโฮวาไปแล้วหรือถึงได้มาทำผิดซ้ำแบบเดิม+ 18 แล้วยังหันหลังไม่ติดตามพระยะโฮวาอีก ถ้าวันนี้พวกคุณกบฏต่อพระยะโฮวา วันพรุ่งนี้พระองค์ก็จะโกรธชาวอิสราเอลทั้งหมด+ 19 ถ้าพวกคุณคิดว่าแผ่นดินที่พวกคุณครอบครองอยู่นั้นไม่สะอาด ก็ให้ข้ามไปแผ่นดินที่เป็นของพระยะโฮวา+ซึ่งเต็นท์ศักดิ์สิทธิ์ของพระยะโฮวาตั้งอยู่ที่นั่น+ แต่อย่ากบฏต่อพระยะโฮวาอย่างนี้ อย่าทำให้พวกเราเป็นกบฏโดยไปสร้างแท่นบูชาขึ้นเองอีกแท่นหนึ่งทั้ง ๆ ที่มีแท่นบูชาของพระยะโฮวาพระเจ้าอยู่แล้ว+ 20 ตอนที่อาคาน+เหลนของเศราห์ทำเรื่องที่ไม่ซื่อสัตย์เกี่ยวกับสิ่งที่ต้องถูกทำลายนั้น พระเจ้าโกรธชาวอิสราเอลทุกคนไม่ใช่หรือ?+ และไม่ใช่เขาคนเดียวที่ต้องตายเพราะความผิดที่เขาทำ คนอื่น ๆ ก็ต้องตายด้วย’”+
21 ตระกูลรูเบน ตระกูลกาด และตระกูลมนัสเสห์ครึ่งตระกูลก็ตอบพวกหัวหน้าวงศ์ตระกูลของคนนับพันนับหมื่นของชาวอิสราเอลว่า+ 22 “พระยะโฮวาเป็นพระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่เหนือพระทั้งหมด พระยะโฮวาเป็นพระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่เหนือพระทั้งหมด+ พระองค์รู้ และชาวอิสราเอลก็จะรู้ด้วย ถ้าพวกเรากบฏและไม่ซื่อสัตย์ต่อพระยะโฮวา ก็ขอพระองค์อย่าไว้ชีวิตพวกเราในวันนี้เลย 23 ถ้าพวกเราหันหลังให้พระยะโฮวาไปสร้างแท่นบูชาขึ้นเอง แล้วถวายเครื่องบูชาเผา เครื่องบูชาที่ทำจากเมล็ดข้าว และเครื่องบูชาผูกมิตรบนแท่นนั้น พระยะโฮวาจะลงโทษพวกเราแน่ ๆ+ 24 แต่ที่พวกเราทำอย่างนี้ก็เพราะเราเป็นห่วงว่าในวันข้างหน้าลูกหลานของคุณจะมาพูดกับลูกหลานของเราว่า ‘พวกคุณมีสิทธิ์อะไรมานมัสการพระยะโฮวาพระเจ้าของอิสราเอลกับพวกเรา?* 25 พระยะโฮวาให้แม่น้ำจอร์แดนเป็นแนวเขตแดนกั้นระหว่างเรากับพวกคุณ คือตระกูลรูเบนและตระกูลกาด พวกคุณไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับพระยะโฮวา’ และลูกหลานของคุณจะกีดกันลูกหลานของเราไม่ให้นมัสการ*พระยะโฮวา
26 “ดังนั้น พวกเราจึงคุยกันว่า ‘เราจะสร้างแท่นบูชาแท่นหนึ่ง ไม่ใช่เอาไว้ถวายเครื่องบูชาเผาหรือเครื่องบูชาอื่น ๆ 27 แต่เพื่อเป็นพยานระหว่างคุณกับเรา+และลูกหลานของเราที่จะเกิดมาว่า พวกเราจะนมัสการพระยะโฮวาโดยการถวายเครื่องบูชาเผา เครื่องบูชาผูกมิตร และเครื่องบูชาอื่น ๆ+ ลูกหลานของคุณจะได้ไม่มาพูดกับลูกหลานของเราในวันข้างหน้าว่า “พวกคุณไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับพระยะโฮวา”’ 28 และเราก็คุยกันว่า ‘ถ้าพวกเขาจะพูดอย่างนี้กับเราและลูกหลานของเราในวันข้างหน้า พวกเราก็จะพูดว่า “โปรดดูแท่นบูชาจำลองของพระยะโฮวาที่บรรพบุรุษของพวกเราได้สร้างไว้ แท่นนี้ไม่ได้สร้างขึ้นเพื่อถวายเครื่องบูชาเผาหรือเครื่องบูชาอื่น แต่เพื่อเป็นพยานระหว่างคุณกับเรา”’ 29 เป็นไปไม่ได้เลยที่พวกเราจะกบฏต่อพระยะโฮวาและหันหลังให้พระยะโฮวา+โดยสร้างแท่นบูชาอีกแท่นหนึ่งที่ไม่ใช่แท่นบูชาของพระยะโฮวาพระเจ้าที่อยู่ตรงหน้าเต็นท์ศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ เพื่อถวายเครื่องบูชาเผา เครื่องบูชาที่ทำจากเมล็ดข้าว และเครื่องบูชาอื่น ๆ”+
30 เมื่อปุโรหิตฟีเนหัสกับพวกหัวหน้าของประชาชน คือพวกหัวหน้าวงศ์ตระกูลของคนนับพันนับหมื่นของชาวอิสราเอล ได้ยินที่ลูกหลานของรูเบน ลูกหลานของกาด และลูกหลานของมนัสเสห์พูดก็พอใจ+ 31 ดังนั้น ปุโรหิตฟีเนหัสลูกชายของเอเลอาซาร์ก็พูดกับลูกหลานของรูเบน ลูกหลานของกาด และลูกหลานของมนัสเสห์ว่า “วันนี้ พวกเรารู้แล้วว่าพระยะโฮวาอยู่กับพวกเรา เพราะพวกคุณไม่ได้ทำสิ่งที่ไม่ซื่อสัตย์ต่อพระยะโฮวา พวกเราเลยไม่ถูกพระยะโฮวาลงโทษ”
32 แล้วปุโรหิตฟีเนหัสลูกชายของเอเลอาซาร์กับพวกหัวหน้าก็ลาตระกูลรูเบนและตระกูลกาดในแผ่นดินกิเลอาดกลับไปแผ่นดินคานาอัน พวกเขาเอาคำพูดนี้ไปบอกชาวอิสราเอลตระกูลอื่น ๆ 33 ชาวอิสราเอลพอใจกับรายงานนั้น พวกเขาพากันสรรเสริญพระเจ้าและไม่พูดถึงเรื่องจะไปทำสงครามเพื่อจัดการตระกูลรูเบนและตระกูลกาดอีก
34 แล้วตระกูลรูเบนกับตระกูลกาดก็ตั้งชื่อให้แท่นบูชานั้น* พวกเขาพูดว่า “แท่นบูชานี้เป็นพยานระหว่างพวกเราว่า พระยะโฮวาเป็นพระเจ้าเที่ยงแท้”
23 อีกหลายปีต่อมาหลังจากที่พระยะโฮวาให้ชาวอิสราเอลหยุดพัก+โดยไม่ให้พวกศัตรูที่อยู่รอบข้างมาก่อกวน ตอนนั้นโยชูวาแก่มากแล้ว+ 2 โยชูวาเรียกชาวอิสราเอลมาพบ+ รวมทั้งพวกผู้นำ* คือพวกหัวหน้า พวกผู้พิพากษา และพวกเจ้าหน้าที่+ แล้วพูดกับพวกเขาว่า “ผมแก่มากแล้ว 3 พวกคุณก็ได้เห็นทุกสิ่งที่พระยะโฮวาพระเจ้าทำกับชาติทั้งหมดนี้เพื่อพวกคุณ พระยะโฮวาพระเจ้าต่อสู้แทนพวกคุณ+ 4 ผมขับไล่ชาติต่าง ๆ ที่อยู่ในแผ่นดิน+ทางตะวันตกตั้งแต่แม่น้ำจอร์แดนไปจนถึงทะเลใหญ่* และแบ่งแผ่นดินของพวกเขา+ให้พวกคุณแล้วตามฉลาก+ ถึงแม้ยังมีบางชาติหลงเหลืออยู่ในแผ่นดิน แต่แผ่นดินนั้นเป็นของพวกคุณแล้ว 5 พระยะโฮวาพระเจ้าเป็นผู้ที่ผลักพวกเขาออกไปต่อหน้าคุณ+ พระองค์ขับไล่พวกเขาออกไปเพื่อพวกคุณ แล้วคุณก็ได้ครอบครองแผ่นดินของพวกเขาตามที่พระยะโฮวาพระเจ้าสัญญาไว้+
6 “ขอให้พวกคุณกล้าหาญ ตั้งใจเชื่อฟัง และทำตามทุกถ้อยคำที่เขียนไว้ในม้วนหนังสือกฎหมาย+ของโมเสส อย่าออกนอกลู่นอกทาง+ 7 อย่าไปคลุกคลีกับชาติพวกนั้น+ที่ยังเหลืออยู่ อย่าแม้แต่จะเอ่ยชื่อพระต่าง ๆ ของพวกเขา+หรือสาบานโดยออกชื่อพระของเขา และอย่านมัสการหรือก้มกราบพระพวกนั้นเลย+ 8 แต่พวกคุณต้องซื่อสัตย์ต่อพระยะโฮวาพระเจ้า+อย่างที่ทำมาจนถึงวันนี้ 9 พระยะโฮวาจะขับไล่ชาติต่าง ๆ ที่ยิ่งใหญ่และเข้มแข็งไปต่อหน้าพวกคุณ+ และจนถึงวันนี้ไม่มีใครต่อต้านคุณได้เลย+ 10 พวกคุณแค่คนเดียวจะขับไล่คนพันคน+ เพราะพระยะโฮวาพระเจ้าจะต่อสู้เพื่อพวกคุณ+ตามที่พระองค์สัญญาไว้+ 11 ดังนั้น ขอให้คุณรักพระยะโฮวาพระเจ้า+เสมอ เพราะการทำอย่างนี้จะเป็นการปกป้องชีวิตคุณ+
12 “แต่ถ้าคุณหันหลังให้พระองค์ และไปคลุกคลีกับชาติพวกนั้นที่ยังเหลืออยู่+ ไปแต่งงานกับพวกเขา+ ไปคบหากับพวกเขา 13 พวกคุณก็รู้ไว้เลยว่าพระยะโฮวาพระเจ้าจะไม่ขับไล่ชาติพวกนั้นออกไปเพื่อพวกคุณอีก+ พวกเขาจะเป็นเหมือนกับดักและบ่วงแร้ว เป็นเหมือนแส้โบยหลังคุณ+ และเป็นเหมือนเสี้ยนหนามในตาคุณ จนกว่าคุณจะพินาศหมดสิ้นไปจากแผ่นดินที่ดีเยี่ยมนี้ ซึ่งพระยะโฮวาพระเจ้ายกให้คุณ
14 “ผมใกล้จะตายแล้ว* และพวกคุณก็รู้อยู่เต็มอกว่าคำสัญญาดี ๆ ทั้งหมดที่พระยะโฮวาพระเจ้าพูดไว้แล้วนั้นไม่มีคำสัญญาไหนเลยที่ไม่เป็นจริง ทุกอย่างเป็นจริงทั้งหมด ไม่มีสักคำเลยที่ไม่เป็นจริง+ 15 ถ้าพระยะโฮวาพระเจ้าทำให้คำสัญญาดี ๆ ที่พระองค์บอกไว้เกิดขึ้นได้+ พระยะโฮวาก็ทำให้เกิดความหายนะได้เหมือนกัน พระยะโฮวาสามารถกำจัดพวกคุณไปจากแผ่นดินที่พระองค์ยกให้+ 16 และถ้าพวกคุณไม่ทำตามสัญญาที่พระยะโฮวาพระเจ้าสั่งให้ทำ และไปนมัสการหรือกราบไหว้พระอื่น พระยะโฮวาก็จะโกรธพวกคุณมาก+ และพวกคุณจะพินาศหมดสิ้นไปอย่างรวดเร็วจากแผ่นดินที่ดีเยี่ยมที่พระองค์ยกให้คุณ”+
24 แล้วโยชูวาก็ให้ชาวอิสราเอลทุกตระกูลมาพร้อมหน้ากันที่เมืองเชเคม และเรียกพวกผู้นำ*ของชาวอิสราเอลมาพบ คือพวกหัวหน้า พวกผู้พิพากษา และพวกเจ้าหน้าที่+ แล้วให้พวกเขายืนต่อหน้าพระเจ้าเที่ยงแท้ 2 จากนั้น โยชูวาก็พูดกับชาวอิสราเอลทุกคนว่า “พระยะโฮวาพระเจ้าของอิสราเอลพูดไว้อย่างนี้ ‘นานมาแล้ว เทราห์พ่อของอับราฮัมกับนาโฮร์ซึ่งเป็นบรรพบุรุษของพวกเจ้า+อาศัยอยู่+ที่อีกฟากหนึ่งของแม่น้ำ* และพวกเขาเคยนมัสการพระอื่น+
3 “‘ต่อมา เราพาอับราฮัมบรรพบุรุษของพวกเจ้า+มาจากอีกฟากหนึ่งของแม่น้ำ* และให้เขาเดินท่องไปทั่วแผ่นดินคานาอัน เราอวยพรเขาให้มีลูกหลานมากมาย+ ให้เขามีลูกชื่ออิสอัค+ 4 แล้วเราก็ให้อิสอัคมีลูกชื่อยาโคบกับเอซาว+ ต่อมา เรายกเขตภูเขาเสอีร์ให้เอซาว+ ส่วนยาโคบกับลูก ๆ ลงไปที่อียิปต์+ 5 จากนั้น เราส่งโมเสสกับอาโรน+มาช่วยพวกเจ้า และเราลงโทษอียิปต์ด้วยภัยพิบัติต่าง ๆ+ แล้วเราก็พาพวกเจ้าออกมา 6 เมื่อเราพาบรรพบุรุษของพวกเจ้าออกจากอียิปต์+มาถึงทะเล รถศึกและทหารม้าของอียิปต์ก็ไล่ตามพวกเขามาจนถึงทะเลแดง+ 7 พวกเขาร้องขอพระยะโฮวาให้ช่วย+ พระองค์จึงใช้เมฆหนาทึบมากั้นระหว่างพวกเจ้ากับชาวอียิปต์ และให้น้ำทะเลโถมทับพวกเขาจนมิด+ พวกเจ้าเห็นสิ่งที่เราทำในอียิปต์กับตาของเจ้าเอง+ แล้วพวกเจ้าก็อาศัยอยู่ในที่กันดารนานหลายปี+
8 “‘ในที่สุด เราก็พาพวกเจ้าไปถึงแผ่นดินของชาวอาโมไรต์ซึ่งอยู่อีกฟากหนึ่ง*ของแม่น้ำจอร์แดน พวกเขาออกมาต่อสู้กับเจ้า+ แต่เรามอบพวกเขาไว้ในมือของเจ้าเพื่อให้พวกเจ้ายึดครองแผ่นดินของเขา และเราก็กำจัดพวกเขาไปต่อหน้าพวกเจ้า+ 9 แล้วบาลาคซึ่งเป็นลูกชายของศิปโปร์และเป็นกษัตริย์ของชาวโมอับตั้งใจจัดการกับชาวอิสราเอล เขาเรียกบาลาอัมลูกชายของเบโอร์มาสาปแช่งพวกเจ้า+ 10 แต่เราไม่ฟังบาลาอัม+ เขาจึงอวยพรพวกเจ้าหลายครั้ง+ และเราช่วยพวกเจ้าให้รอดพ้นจากเงื้อมมือของเขา+
11 “‘แล้วพวกเจ้าก็ข้ามแม่น้ำจอร์แดน+มาถึงเมืองเยรีโค+ และพวกผู้นำ*ของเมืองเยรีโค รวมทั้งชาวอาโมไรต์ ชาวเปริสซี ชาวคานาอัน ชาวฮิตไทต์ ชาวเกอร์กาชี ชาวฮีไวต์ และชาวเยบุส ก็ออกมาต่อสู้กับเจ้า แต่เรามอบพวกเขาไว้ในมือของเจ้า+ 12 เราทำให้ผู้คนท้อแท้*ก่อนจะพบเจ้า ความท้อแท้นี้ทำให้พวกเขาหนีไปจากพวกเจ้า+ เหมือนที่เกิดกับกษัตริย์สององค์ของชาวอาโมไรต์ สิ่งนั้นเกิดขึ้นไม่ใช่เพราะดาบและคันธนูของเจ้า+ 13 โดยวิธีนี้เองที่เรายกแผ่นดินซึ่งพวกเจ้าไม่ได้บุกเบิกและเมืองที่พวกเจ้าไม่ได้สร้างให้เจ้า+ และพวกเจ้าก็เข้าไปตั้งถิ่นฐานอยู่ที่นั่น พวกเจ้ากินผลจากสวนองุ่นและสวนมะกอกที่เจ้าไม่ได้ปลูก’+
14 “ดังนั้น ขอให้เกรงกลัวพระยะโฮวาและรับใช้พระองค์ด้วยความจงรักภักดี*และความซื่อสัตย์+ ขอให้กำจัดพระต่าง ๆ ที่บรรพบุรุษของพวกคุณเคยนมัสการที่อีกฟากหนึ่งของแม่น้ำ*และที่อียิปต์+ และขอให้นมัสการพระยะโฮวา 15 ถ้าหากพวกคุณไม่อยากนมัสการพระยะโฮวา ก็ขอให้เลือกในวันนี้ว่าจะนมัสการใคร+ จะนมัสการพระที่บรรพบุรุษของพวกคุณนมัสการที่อีกฟากหนึ่งของแม่น้ำ*+ หรือพระของชาวอาโมไรต์ในแผ่นดินที่คุณอาศัยอยู่นี้+ แต่สำหรับผมกับครอบครัว พวกเราจะนมัสการพระยะโฮวา”
16 แล้วประชาชนก็ตอบว่า “พวกเราจะไม่มีวันทิ้งพระยะโฮวาไปนมัสการพระอื่น 17 เพราะพระยะโฮวาพระเจ้าเป็นผู้ที่นำเราและบรรพบุรุษของเราออกจากอียิปต์+ดินแดนของการเป็นทาส+ และพระองค์แสดงการอัศจรรย์ที่ยิ่งใหญ่ซึ่งพวกเราได้เห็นกับตา+ พระองค์เฝ้าดูแลและปกป้องพวกเราตลอดเส้นทางที่เราเดินร่อนเร่มาและตอนที่เราเดินทางผ่านชนชาติต่าง ๆ+ 18 พระยะโฮวาขับไล่ชนชาติทั้งหมดที่อาศัยอยู่ในแผ่นดินนั้นออกไปต่อหน้าพวกเรา รวมทั้งชาวอาโมไรต์ด้วย ดังนั้น พวกเราก็จะนมัสการพระยะโฮวาเหมือนกับคุณ เพราะพระองค์เป็นพระเจ้าของพวกเรา”
19 แล้วโยชูวาก็พูดกับประชาชนว่า “ผมว่าพวกคุณนมัสการพระยะโฮวาไม่ได้หรอก เพราะพระองค์เป็นพระเจ้าที่บริสุทธิ์+ เป็นพระเจ้าที่ต้องการให้นมัสการพระองค์เพียงผู้เดียว+ ถ้าพวกคุณทำผิด*และทำบาป พระองค์จะไม่ยกโทษให้+ 20 ถ้าพวกคุณทิ้งพระยะโฮวาไปนมัสการพระของคนต่างชาติ พระองค์ก็จะหันมาต่อสู้พวกคุณ และจะทำลายล้างพวกคุณหลังจากที่เคยทำดีกับพวกคุณ”+
21 แล้วประชาชนก็พูดกับโยชูวาว่า “พวกเราจะนมัสการพระยะโฮวาจริง ๆ”+ 22 โยชูวาจึงพูดกับประชาชนว่า “พวกคุณจะต้องเป็นพยานให้กันและกันว่าพวกคุณเลือกนมัสการพระยะโฮวาเอง”+ พวกเขาก็ตอบว่า “เราเป็นพยาน”
23 “ดังนั้น ขอให้กำจัดพระของคนต่างชาติออกไป และนมัสการพระยะโฮวาพระเจ้าของอิสราเอลสุดหัวใจ” 24 ประชาชนก็พูดกับโยชูวาว่า “เราจะนมัสการพระยะโฮวาพระเจ้าของเรา และจะเชื่อฟังพระองค์”
25 โยชูวาจึงทำสัญญากับประชาชนในวันนั้น และตั้งข้อกำหนดกับกฎเกณฑ์ให้พวกเขาที่เมืองเชเคม 26 แล้วโยชูวาก็เขียนถ้อยคำต่าง ๆ นี้ไว้ในม้วนหนังสือกฎหมายของพระเจ้า+ และเอาหินใหญ่ก้อนหนึ่ง+มาตั้งไว้ที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ข้าง ๆ ที่ศักดิ์สิทธิ์ของพระยะโฮวา
27 จากนั้น โยชูวาก็พูดกับประชาชนว่า “หินก้อนนี้จะเป็นพยานให้พวกเรา+ เพราะมันได้ยินถ้อยคำที่พระยะโฮวาพูดกับเรา ถ้าพวกคุณไม่เชื่อฟังพระเจ้า หินก้อนนี้จะเป็นพยานกล่าวโทษพวกคุณ” 28 แล้วโยชูวาก็ให้ประชาชนแยกย้ายกันไป แต่ละคนก็กลับไปที่ดินของตัวเอง+
29 หลังจากเหตุการณ์นี้ โยชูวาซึ่งเป็นลูกชายของนูนและเป็นผู้รับใช้ของพระยะโฮวาก็ตายตอนที่อายุได้ 110 ปี+ 30 ชาวอิสราเอลฝังโยชูวาไว้ในเขตที่เป็นมรดกที่ดินของเขาในเมืองทิมนาทเสราห์+ ซึ่งอยู่ในเขตเทือกเขาของเอฟราอิม และอยู่ทางทิศเหนือของภูเขากาอัช 31 ชาวอิสราเอลนมัสการพระยะโฮวาตลอดอายุของโยชูวาและพวกผู้นำที่อายุยืนกว่าโยชูวา ซึ่งได้รู้ได้เห็นสิ่งต่าง ๆ ที่พระยะโฮวาทำเพื่อชาวอิสราเอล+
32 กระดูกของโยเซฟ+ซึ่งชาวอิสราเอลนำออกมาจากอียิปต์ถูกฝังไว้ที่เมืองเชเคมในทุ่งนาที่ยาโคบซื้อด้วยเงิน 100 แผ่น+จากพวกลูกชายของฮาโมร์+ ฮาโมร์เป็นพ่อของเชเคม และทุ่งนานั้นกลายเป็นมรดกที่ดินของลูกหลานโยเซฟ+
33 เอเลอาซาร์ลูกชายของอาโรนก็ตายด้วย+ ชาวอิสราเอลฝังเขาไว้ที่เนินเขาของฟีเนหัสลูกชายของเขา+ ซึ่งเป็นเนินเขาที่ฟีเนหัสได้รับในเขตเทือกเขาของเอฟราอิม
หรือ “เยโฮชูวา” แปลว่า “พระยะโฮวาเป็นความรอด”
คือ ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน
หรือ “อ่านเบา ๆ”
คือ ฟากตะวันออก
คือ ฟากตะวันออก
หรือ “แสดงความรักที่มั่นคง”
หรือ “แสดงความรักที่มั่นคง”
890 เมตร ดูภาคผนวก ข14
หรือ “ทำตัวให้บริสุทธิ์”
คือ ทะเลเดดซี หรือ ทะเลตาย
แปลตรงตัวว่า “พวกเขาเกรงกลัว”
แปลว่า “หนังหุ้มปลายอวัยวะเพศที่กองเป็นพะเนิน”
แปลตรงตัวว่า “กลิ้ง”
แปลว่า “กลิ้ง” หรือ “กลิ้งออกไป”
หรือ “เสียงแตรที่เป็นเสียงยาว”
แปลตรงตัวว่า “บ้าน”
หรืออาจแปลได้ว่า “ให้ประชาชนสาบานว่า”
หรืออาจหมายถึงชื่อเสียงของพระยะโฮวา
แปลว่า “บ่อหิน”
คือ ฟากตะวันออก
หรือ “ทำตัวให้บริสุทธิ์”
2.28 กก. ดูภาคผนวก ข14
570 กรัม
หรือ “ยุ่งยาก” หรือ “ถูกตัดขาดจากสังคม”
แปลว่า “ความหายนะ” หรือ “การถูกตัดขาดจากสังคม”
หรือ “ต้นไม้”
แปลตรงตัวว่า “ประชาคมของอิสราเอลทั้งหมด”
คือ ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน
หรือ “เป็นทาสพวกคุณ”
คือ ฟากตะวันออก
แปลตรงตัวว่า “บ้าน”
หรือ “ต้นไม้”
หรือ “เขตอาราบาห์”
คือ ทะเลสาบเยนเนซาเรท หรือ ทะเลสาบกาลิลี
คือ ทะเลเดดซี หรือ ทะเลตาย
หรือ “เอาชนะ”
หรือ “ตั้งแต่ชิโหร์”
แปลตรงตัวว่า “ข้างหน้า”
หรือ “ริมเขตแดนฮามัท”
คือ ทะเลสาบเยนเนซาเรท หรือ ทะเลสาบกาลิลี
คือ ฟากตะวันออก
แปลตรงตัวว่า “อย่างเต็มที่” หรือ “อย่างครบถ้วน”
หรือ “ยกให้ด้วยการจับฉลาก”
คือ ทะเลเดดซี หรือ ทะเลตาย
คือ ทะเลใหญ่ หรือ ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน
คือ ทะเลเดดซี หรือ ทะเลตาย
คือ ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน
“เชชัย อาหิมาน และทัลมัย” อาจหมายถึงลูกหลานของพวกเขา
หรืออาจแปลได้ว่า “เธอตบมือเรียกตอนอยู่บนหลังลา”
หรือ “เนเกบ”
แปลว่า “แอ่งน้ำ”
หรืออาจแปลได้ว่า “เกเดราห์กับคอกแกะของเมืองนี้”
คือ ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน
หรือ “ที่ดินที่เป็นส่วนแบ่ง”
คือ ฟากตะวันออก
แปลตรงตัวว่า “ทางขวา”
แปลตรงตัวว่า “ผม”
แปลตรงตัวว่า “ฉลากเดียวและส่วนแบ่งเดียว”
แปลตรงตัวว่า “รถศึกเหล็ก”
แปลตรงตัวว่า “รถศึกเหล็ก”
คือ ทะเลเดดซี หรือ ทะเลตาย
ดูเหมือนไม่ได้หมายถึงตระกูลยูดาห์ แต่หมายถึงครอบครัวของผู้ชายคนหนึ่งในตระกูลยูดาห์
หรือ “โดยไม่รู้”
แปลตรงตัวว่า “พวกผู้ชายสูงอายุ”
หรือ “โดยไม่รู้”
หรือ “ได้จากการจับฉลาก”
คือ ฟากตะวันออก
หรือ “พวกคุณมีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับพระยะโฮวาพระเจ้าของอิสราเอล?”
แปลตรงตัวว่า “เกรงกลัว”
จากท้องเรื่อง แท่นนี้อาจมีชื่อว่า “พยาน”
แปลตรงตัวว่า “พวกผู้ชายสูงอายุ”
คือ ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน
แปลตรงตัวว่า “วันนี้ ผมกำลังจะไปตามทางของโลก”
แปลตรงตัวว่า “พวกผู้ชายสูงอายุ”
คือ แม่น้ำยูเฟรติส
คือ แม่น้ำยูเฟรติส
คือ ฟากตะวันออก
หรืออาจแปลได้ว่า “เจ้าของที่ดิน”
หรืออาจแปลได้ว่า “ตื่นตระหนก” หรือ “หวาดผวา”
หรือ “อย่างไม่มีที่ติ”
คือ แม่น้ำยูเฟรติส
คือ แม่น้ำยูเฟรติส
หรือ “กบฏ”