วันจันทร์ที่ 20 มีนาคม
อย่าขโมย—ลนต. 19:11
บางคนอาจคิดว่าถ้าเขาไม่ได้เอาของของคนอื่นมาเป็นของตัวเอง เขาก็กำลังเชื่อฟังคำสั่งนี้ แต่จริง ๆ แล้วเขาอาจกำลังทำบางอย่างที่ถือว่าเป็นการขโมย ตัวอย่างเช่น ถ้าพ่อค้าคนไหนใช้ตราชั่งที่ทำไว้เพื่อตั้งใจจะโกงลูกค้า เขาก็กำลังขโมยของของคนอื่น เลวีนิติ 19:13 บอกว่า “อย่าโกงคนอื่น” ดังนั้นการทำธุรกิจแบบไม่ซื่อสัตย์เท่ากับการขโมย บัญญัติข้อที่ 8 ในบัญญัติ 10 ประการบอกว่าอย่าขโมย แต่รายละเอียดในเลวีนิติช่วยให้เห็นว่าเราจะเอาหลักการในบัญญัติข้อนี้มาใช้ในชีวิตยังไง ทุกวันนี้เราได้ประโยชน์มากถ้าเราคิดว่าพระยะโฮวาคิดยังไงกับเรื่องของการขโมยและความไม่ซื่อสัตย์ เราน่าจะถามตัวเองว่า ‘ถ้าคิดถึงเลวีนิติ 19:11-13 ฉันต้องปรับเปลี่ยนอะไรในชีวิตบ้างไหมโดยเฉพาะในเรื่องธุรกิจหรือนิสัยการทำงาน?’ ห21.12 น. 9-10 ว. 6-8
วันอังคารที่ 21 มีนาคม
พวกคุณต้องเต็มใจให้อภัยกันเหมือนที่พระยะโฮวาเต็มใจให้อภัยคุณ—คส. 3:13
ตอนที่คุณอธิษฐาน ให้คุณเล่าให้พระยะโฮวาฟังว่าคุณทำผิดพลาดอะไรมาบ้างและขอพระองค์ยกโทษให้คุณ แต่ถ้าคุณทำผิดร้ายแรง คุณก็ต้องขอให้ผู้ดูแลในประชาคมช่วยคุณด้วย พวกเขาจะตั้งใจฟังสิ่งที่คุณพูดและให้คำแนะนำจากคัมภีร์ไบเบิลด้วยความรัก แล้วพวกเขาจะอธิษฐานกับคุณ ขอพระยะโฮวายกโทษให้คุณโดยใช้คุณค่าของค่าไถ่เพื่อคุณจะมีความสัมพันธ์ที่ดีกับพระองค์อีกครั้ง (ยก. 5:14-16) นอกจากนั้น การคิดใคร่ครวญเรื่องค่าไถ่ยังช่วยได้มากด้วย ถึงคุณอาจรู้สึกเจ็บปวดว่าพระเยซูต้องทรมานมากขนาดไหน แต่ยิ่งคุณคิดใคร่ครวญว่าพระเยซูต้องเสียสละมากแค่ไหน คุณก็จะยิ่งรักท่านและพ่อของท่านมากขึ้น และเราจะเห็นค่าค่าไถ่มากขึ้นถ้าเราไปประชุมอนุสรณ์เพื่อระลึกถึงการตายของพระเยซูทุกปีและพยายามชวนคนอื่นให้เข้าร่วมการประชุมนี้ด้วย เป็นสิทธิพิเศษจริง ๆ ที่พระยะโฮวาให้เราได้สอนคนอื่นเกี่ยวกับลูกของพระองค์ ห21.04 น. 18-19 ว. 13-16
วันพุธที่ 22 มีนาคม
พระเยซูจึงสอนพวกเขาหลายเรื่อง—มก. 6:34
ขอให้คิดถึงสิ่งที่พระเยซูทำตอนที่มีหลายคนมาหาท่านบนภูเขา พระเยซูคงเหนื่อยมากเพราะคืนก่อนหน้านั้นท่านอธิษฐานมาทั้งคืน แต่พอมีหลายคนมาหา ท่านก็รู้สึกสงสารพวกเขาโดยเฉพาะคนจนและคนป่วย ท่านไม่ได้แค่รักษาพวกเขาให้หายเท่านั้น แต่ยังบรรยายให้พวกเขาฟังด้วย คำบรรยายนั้นถูกเรียกว่าคำบรรยายบนภูเขาซึ่งเป็นคำบรรยายที่ดีที่สุดในโลกเท่าที่เคยมีมา (ลก. 6:12-20) นอกจากนั้น ถึงพระเยซูอยากจะอยู่คนเดียว แต่ท่านก็ยังให้เวลาคนอื่นด้วย ลองคิดดูว่าพระเยซูจะรู้สึกยังไงตอนที่ได้ยินว่ายอห์นผู้ให้บัพติศมาที่เป็นเพื่อนของท่านถูกตัดหัว คัมภีร์ไบเบิลบอกว่า “พอพระเยซูรู้ข่าว [เรื่องยอห์นตาย] ก็ลงเรือออกจากที่นั่นไปในที่ห่างไกลผู้คนเพราะอยากอยู่ตามลำพัง” (มธ. 14:10-13) แต่ผู้คนก็ไปดักรอท่านที่นั่น (มก. 6:31-33) พระเยซูรู้ว่าพวกเขาอยากได้กำลังใจจากพระเจ้า ท่านเลยช่วยพวกเขาทันที—ลก. 9:10, 11 ห22.02 น. 21 ว. 4, 6