คำถามจากผู้อ่าน
พยานพระยะโฮวาไม่ฉลองวันเกิดเนื่องจากกิจปฏิบัตินี้มีความหมายบางอย่างทางศาสนาในครั้งโบราณเช่นนั้นไหม?
การฉลองวันเกิดมีต้นตอในเรื่องการถือโชคลางและศาสนาเท็จ แต่นี่ไม่ใช่สาเหตุทั้งหมดหรือสาเหตุแรกที่ว่าทำไมพยานพระยะโฮวาจึงหลีกเว้นกิจปฏิบัตินี้.
บางประเพณีซึ่งครั้งหนึ่งเคยมีลักษณะทางศาสนาไม่เป็นเช่นนั้นอีกต่อไปในหลายแห่ง. ตัวอย่างเช่น แหวนแต่งงานซึ่งครั้งหนึ่งเคยมีความหมายทางศาสนา แต่ไม่เป็นเช่นนั้นอีกแล้วในท้องถิ่นต่าง ๆ ส่วนใหญ่ในทุกวันนี้. ฉะนั้น คริสเตียนแท้หลายคนจึงรับเอาธรรมเนียมท้องถิ่นเรื่องการสวมแหวนแต่งงานเพื่อแสดงหลักฐานว่าคนนั้น ๆ สมรสแล้ว. ในกรณีต่าง ๆ เช่นนั้น สิ่งที่มีผลกระทบโดยทั่วไปคือว่าเดี๋ยวนี้ กิจปฏิบัตินั้น ๆ เกี่ยวโยงกับศาสนาเท็จหรือไม่.—ดู “คำถามจากผู้อ่าน” ใน เดอะ ว็อชเทาเวอร์ ฉบับวันที่ 15 มกราคม 1972 และหอสังเกตการณ์ ฉบับวันที่ 15 ตุลาคม 1991.
กระนั้น ไม่มีข้อปฏิเสธว่าหนังสืออ้างอิงหลายเล่มเผยให้เห็นถึงประวัติทางศาสนาและการเชื่อโชคลางของการฉลองวันเกิด. สารานุกรมอเมริกานา (ฉบับ 1991) ให้ข้อสังเกตว่า “มนุษย์โลกในสมัยโบราณแห่งอียิปต์, กรีซ, โรม, และเปอร์เซีย ฉลองวันเกิดของเทพเจ้า, กษัตริย์, และขุนนาง.” สารานุกรมนี้กล่าวว่าชาวโรมันถือวันเกิดของพระอาร์เตมิสและวันของอะพอลโล. อีกด้านหนึ่ง “แม้ชาวอิสราเอลโบราณเก็บรักษาบันทึกเรื่องอายุของประชากรเพศชายของตน ก็ไม่มีหลักฐานเลยว่าเขามีการฉลองครบรอบวันเกิด.”
หนังสืออ้างอิงอื่น ๆ ให้รายละเอียดมากมายเกี่ยวกับต้นตอของการฉลองวันเกิด: ‘งานวันเกิดเริ่มมาหลายปีแล้วในยุโรป. ผู้คนเชื่อในเรื่องวิญญาณดีและชั่ว บางครั้งเรียกกันว่าเทพธิดาแห่งความดีและเทพธิดาแห่งความชั่ว. ทุกคนต่างกลัววิญญาณเหล่านี้ ว่าจะก่ออันตรายแก่คนที่เกิดในวันนั้น และดังนั้นเขาจึงถูกห้อมล้อมไว้ด้วยพวกเพื่อน ๆ และญาติซึ่งความปรารถนาดีและการที่พวกเขาอยู่ที่นั่น จะป้องกันเขาไว้จากอันตรายที่ไม่รู้จักซึ่งมีในวันเกิด. การให้ของขวัญทำให้มีการคุ้มครองยิ่งขึ้นอีก. การรับประทานอาหารร่วมกันทำให้มีการปกป้องมากขึ้นและช่วยทำให้เกิดพรจากวิญญาณที่ดี. ดังนั้น ทีแรกงานวันเกิดจึงมีเจตนาเพื่อทำให้บุคคลนั้น ๆ ปลอดภัยจากความชั่วและเพื่อรับรองว่าปีที่ดีจะมีมา.’—งานวันเกิดทั่วโลก, 1967 (ภาษาอังกฤษ).
หนังสือนี้อธิบายอีกด้วยถึงต้นตอของประเพณีวันเกิดหลายอย่าง. ยกตัวอย่างเช่น “เหตุผล [สำหรับการใช้เทียนไข] ย้อนไปถึงชาวกรีกและโรมันยุคต้น ๆ ซึ่งคิดว่าเทียนไขมีคุณสมบัติวิเศษ. พวกเขาจะอธิษฐานและขอให้เปลวเทียนนั้นนำคำอธิษฐานของเขาไปถึงพวกเทพเจ้า. แล้วเทพเหล่านั้นก็จะส่งพรของตนลงมาและบางทีก็ตอบคำอธิษฐาน.” รายละเอียดความเป็นมาอื่น ๆ เช่นนั้นมีการรวบรวมไว้ในหน้า 69 และ 70 ของหนังสือการหาเหตุผลจากพระคัมภีร์ พิมพ์โดยสมาคมว็อชเทาเวอร์ ไบเบิล แอนด์ แทร็กต์ แห่งนิวยอร์ก.
แต่ดังที่ได้กล่าวมาแล้ว มีอีกมากที่เกี่ยวข้องในคำถามนี้ยิ่งกว่าที่ว่าการฉลองวันเกิดเคยเป็นหรือยังคงเป็นเรื่องทางศาสนาหรือไม่. คัมภีร์ไบเบิลเสนอเรื่องวันเกิดขึ้นมา และคริสเตียนที่อาวุโสตอบรับอย่างฉับไวด้วยความสุขุมต่อข้อบ่งชี้ต่าง ๆ ที่คัมภีร์ไบเบิลมีให้.
ผู้รับใช้ของพระเจ้าในสมัยโบราณบันทึกไว้เมื่อมีคนเกิด ซึ่งทำให้เขาสามารถคำนวณอายุ. เราอ่านว่า “อายุโนฮาได้ห้าร้อยปี และโนฮามีบุตรชายสามคนชื่อเซม, ฮาม, และยาเฟ็ธ.” “เมื่อโนฮาอายุได้หกร้อยปี . . . บรรดาตาน้ำและบ่อน้ำพุทั้งหลายได้พลุ่งขึ้นจากบาดาล.”—เยเนซิศ 5:32; 7:11; 11:10-26.
ดังที่พระเยซูได้ตรัสไว้ ในท่ามกลางไพร่พลของพระเจ้า การกำเนิดบุตรเป็นเหตุการณ์ที่ดีและมีความสุข. (ลูกา 1:57, 58; 2:9-14; โยฮัน 16:21) กระนั้น ไพร่พลของพระยะโฮวาก็ไม่ได้ฉลองวันเกิด พวกเขาคงไว้ซึ่งการฉลองครบรอบอื่น ๆ แต่ไม่ใช่วันเกิด. (โยฮัน 10:22, 23) สารานุกรมจูไดกา กล่าวว่า “การฉลองวันเกิดไม่เป็นที่รู้จักกันในขนบธรรมเนียมตามจารีตประเพณีของชาวยิว.” ธรรมเนียมและจารีตประเพณีของอิสราเอล ให้ข้อสังเกตว่า “การฉลองวันเกิดได้ยืมมาจากกิจปฏิบัติของชาติอื่น ดังที่ไม่มีการกล่าวถึงธรรมเนียมนี้เลยในหมู่ชาวยิวทั้งในคัมภีร์ไบเบิล คัมภีร์ทัลมุด หรือข้อเขียนของปัญญาชนรุ่นต่อ ๆ มา. ที่จริง ธรรมเนียมนี้เป็นธรรมเนียมของชาวอียิปต์.”
การเชื่อมโยงถึงชาวอียิปต์เช่นนั้นเป็นที่เห็นได้ชัดจากการฉลองวันเกิดซึ่งมีกล่าวไว้ในคัมภีร์ไบเบิล การฉลองซึ่งผู้นมัสการแท้ไม่ทำกัน. นั่นเป็นการเลี้ยงวันเกิดของฟาโรห์ซึ่งครองราชย์ในขณะที่โยเซฟติดคุกอยู่ในอียิปต์. คนนอกรีตเหล่านั้นบางคนอาจรู้สึกยินดีในงานเลี้ยงนั้น แต่วันเกิดนั้นมีการเชื่อมโยงกับการตัดศีรษะของหัวหน้าพนักงานเครื่องเสวยของฟาโรห์ด้วย.—เยเนซิศ 40:1-22.
แง่ไม่ดีที่คล้ายกันในการฉลองวันเกิดที่สองที่มีพรรณนาในพระคัมภีร์—นั่นคือการฉลองวันเกิดของเฮโรดอันติปา ราชบุตรของเฮโรดมหาราช. คัมภีร์ไบเบิลไม่ได้กล่าวถึงอย่างแน่นอนว่าการฉลองวันเกิดนั้นเป็นเพียงงานฉลองที่ไม่เป็นพิษเป็นภัย. ตรงกันข้าม งานนั้นทำให้มีการตัดศีรษะของโยฮันผู้ให้บัพติสมา. ครั้นแล้ว “พวกศิษย์ของโยฮันก็มารับเอาศพไปฝังไว้ แล้วก็มาทูลพระเยซูให้ทรงทราบ.” ซึ่ง ‘เสด็จจากที่นั่นไปยังที่สงัด.’ (มัด. 14:6-13) คุณนึกภาพออกไหมว่าสาวกเหล่านั้นหรือพระเยซูพอพระทัยกิจปฏิบัติของการฉลองวันเกิด?
เมื่อคำนึงถึงต้นตออันเป็นที่รู้จักกันเกี่ยวกับการฉลองวันเกิด และที่สำคัญยิ่งกว่า คือแง่ไม่ดีซึ่งมีกล่าวถึงไว้ในคัมภีร์ไบเบิล พยานพระยะโฮวาจึงมีเหตุผลเพียงพอที่จะละเว้นจากกิจปฏิบัตินี้. พวกเขาไม่จำเป็นต้องทำตามธรรมเนียมนี้ของโลก เนื่องจากเขาสามารถและมีการรับประทานอาหารที่มีความสุขได้จริง ๆ เมื่อไรก็ได้ในระหว่างปี. การที่พวกเขาให้ของขวัญก็ไม่ได้เป็นพันธะหรืออยู่ภายใต้ความกดดันจากงานสังคม แต่เป็นการที่เขาอยากจะให้เอง ซึ่งออกมาจากความเอื้อเฟื้อและความรักแท้ ณ เวลาใดก็ได้.—สุภาษิต 17:8; ท่านผู้ประกาศ 2:24; ลูกา 6:38; กิจการ 9:36, 39; 1 โกรินโธ 16:2, 3.