ข้อที่ 5 เร้าใจตัวเองและครอบครัว
“คนที่เฉลียวฉลาดทุกคนทำงานด้วยใช้ความรู้.” (สุภาษิต 13:16) การมีข้อมูลพื้นฐานทางสุขภาพจะช่วยกระตุ้นคุณให้ปรับเปลี่ยนชีวิตเพื่อสุขภาพของทั้งตัวเองและครอบครัวจะดีขึ้น.
เรียนรู้เสมอ. สถาบันทั้งของรัฐและเอกชนในหลายประเทศมีโครงการฝึกอบรมและได้จัดทำหนังสือเกี่ยวกับสุขภาพในหลายหัวข้อ. จงใช้ประโยชน์จากสิ่งเหล่านั้น และหาความรู้ให้ตัวเองด้วยวิธีง่าย ๆ ในเรื่องการสร้างเสริมสุขภาพและหลีกเลี่ยงการทำให้เสียสุขภาพ. จงเปิดใจรับฟัง และเต็มใจปรับเปลี่ยน.
นิสัยที่ดีที่คุณเรียนรู้และนำไปปฏิบัติอาจเป็นประโยชน์แก่ลูกหลานของคุณ. เมื่อพ่อแม่วางตัวอย่างที่ดีในเรื่องการกินอาหารที่มีประโยชน์, ความสะอาด, นิสัยการนอนหลับ, การออกกำลังกาย, และการป้องกันโรค ลูก ๆ ก็คงจะได้รับประโยชน์ด้วย.—สุภาษิต 22:6
มีอะไรอีกที่จำเป็น? ต้องมีมากกว่าการสนใจตัวเองเพื่อจะเริ่มต้นและรักษาแนวทางชีวิตที่ส่งเสริมสุขภาพ. การเลิกนิสัยไม่ดีที่ติดตัวมานานแล้วอาจเป็นเรื่องยากมาก และการปรับเรื่องง่าย ๆ ก็มักจะต้องมีแรงกระตุ้นที่เข้มแข็ง. ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าอาจจะป่วยหนักและตายก็ไม่ได้กระตุ้นบางคนให้ทำสิ่งที่รู้ว่าเป็นประโยชน์. อะไรจะเป็นแรงกระตุ้นเขา? คนเหล่านั้นก็เช่นเดียวกับเราทุกคน ต้องตระหนักถึงจุดมุ่งหมายหรือเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่กว่าในชีวิต.
คู่สมรสต้องรักษาสุขภาพและความแข็งแรงเพื่อจะช่วยเหลือกันและกันได้ต่อไป. พ่อแม่คงต้องการดูแลและฝึกอบรมลูก ๆ ต่อไป. ลูกที่โตแล้วต้องดูแลญาติ ๆ ที่สูงอายุ. นอกจากนั้นก็มีความปรารถนาที่น่ายกย่องในการจะมีส่วนช่วยชุมชน ไม่ใช่เป็นภาระของชุมชน. ทั้งหมดนี้เกี่ยวข้องกับความรักและความห่วงใยต่อคนอื่น.
แรงกระตุ้นที่เข้มแข็งกว่าเกิดจากความสำนึกบุญคุณและความเลื่อมใสในพระผู้สร้างของเรา. ผู้มีความเชื่อในพระเจ้าปรารถนาจะปกป้องชีวิต ของประทานอันมีค่าจากพระองค์. (บทเพลงสรรเสริญ 36:9) ถ้าเรามีสุขภาพแข็งแรง เราจะสามารถรับใช้พระเจ้าได้อย่างแข็งขันมากขึ้น. ไม่มีเหตุผลใดที่น่ายกย่องและเป็นแรงกระตุ้นที่ดีกว่านี้อีกแล้วในการดูแลรักษาสุขภาพตัวเอง.
จงชื่นชมกับผลประโยชน์ของรูปแบบชีวิตที่ช่วยให้มีสุขภาพดี