บท 14
ความชั่ว—ทำไมพระเจ้ายอมให้มีอยู่?
หากเพื่อนของคุณถูกปล้น ถูกข่มขืน หรือถูกฆ่า แล้วอาชญากรยังลอยนวลอยู่ คุณจะไม่รู้สึกหมดหวัง เจ็บใจและโกรธหรอกหรือ? อาชญากรรมและความอยุติธรรมดังกล่าวเป็นการสะท้อนให้เห็นเพียงเล็กน้อยถึงสิ่งที่ได้เกิดขึ้นกับมนุษยชาติ.
2 ประวัติศาสตร์เป็นบันทึกอันยาวเหยียดเกี่ยวกับสงครามอันโหดเหี้ยม ความยากจนแสนเข็ญ อาชญากรรมและการกดขี่. ผลก็คือบางคนเริ่มสงสัยความเป็นอยู่ของพระเจ้าทีเดียว. เรารู้อยู่ว่า มีพยานหลักฐานที่มั่นใจได้ว่าพระผู้สร้างทรงมีสภาวะเป็นอยู่จริง. (เฮ็บราย 3:4; โรม 1:20) แต่ความชั่วช้าก็มีเช่นกัน. เพราะเหตุนี้เอง แม้แต่หลายคนผู้มีความเชื่อเรื่องพระเจ้าก็ยังไม่แน่ใจว่า ‘พระองค์ใฝ่พระทัยในพวกเราอย่างแท้จริงไหม?’ เขาถามทำนองนี้ ‘ถ้าพระเจ้าใฝ่พระทัยแล้ว เหตุไฉนพระองค์จึงได้ยอมให้ความชั่วมีอยู่นานนัก?’
3 นักปรัชญาและนักเทศน์มักจะพูดถึงเรื่องนี้แต่ก็ไม่ได้คำตอบที่น่าพอใจ. พระเจ้าเองตรัสอย่างไร?
พระเจ้าตรัสตอบว่า: ‘เราใฝ่พระทัย’
4 อาศัยประสบการณ์ของเรา เราย่อมหยั่งรู้เข้าใจปฏิกิริยาของฮะบาฆูค ผู้พยากรณ์ชาวฮีบรู ที่มีต่อความรุนแรงและความอยุติธรรม. ท่านมีชีวิตอยู่ในสมัยที่พวกยิวมัวเมาอยู่กับกิจปฏิบัติหลายอย่างที่ชั่วช้าซึ่งก่อความทุกข์ใจอย่างแสนสาหัสแก่ฮะบาฆูค และท่านจึงได้ทูลถามพระเจ้าดังนี้:
“ไฉนพระองค์ให้ข้าพเจ้าเห็นการอยุติธรรมและพระองค์จึงทรงทนเอากับการชั่ว? และไฉนความพินาศและความรุนแรงอยู่ตรงหน้าข้าพเจ้า และ [ไฉน] มีการวิวาทและการทุ่มเถียง. เหตุฉะนั้น กฎหมายก็เป็นหมัน และความยุติธรรมไม่ชนะ. เพราะว่าคนชั่วห้อมล้อมคนชอบธรรม ความยุติธรรมจึงถูกบิดเบือน.”—ฮะบาฆูค 1:3, 4; ล.ม.
ถึงแม้มั่นใจในความชอบธรรมของพระยะโฮวา ฮะบาฆูคเป็นทุกข์เนื่องจากในหมู่ชนร่วมชาติเดียวกันกับท่านนั้นมีแต่ความรุนแรงและความไม่ยุติธรรม. อนึ่ง ในตอนนั้น ชาวบาบูโลนทำการย่ำยี คุกคามและปล้นชาติอื่น ๆ. ดูเหมือนว่าความชั่วชนะทั่วทุกหนทุกแห่ง. ผู้พยากรณ์ฮะบาฆูคข้องใจที่ว่า ทำไมพระเจ้าผู้ทรงมองเห็นความชั่ว แต่ก็ดูเหมือนว่าพระองค์ไม่ได้ดำเนินการแต่อย่างใด.—ฮะบาฆูค 1:13.
5 ในนิมิต พระยะโฮวาทรงให้คำรับรองกับฮะบาฆูคว่า สิ่งที่ดูเหมือนเป็นความรุ่งเรืองสำหรับคนชั่วก็มีอยู่เพียงชั่วคราว. พระเจ้าไม่เพียงทอดพระเนตรสิ่งที่เกิดขึ้นเท่านั้น แต่ทรงใฝ่พระทัยด้วย. พระองค์ทรงมี “เวลากำหนด” ไว้เพื่อดำเนินการให้เป็นไปตามความยุติธรรม. ถึงแม้มนุษย์อาจจะคิดว่า การดำเนินงานนั้นล่าช้า แต่ฮะบาฆูคได้รับคำรับรองว่า “จะสำเร็จเป็นแน่. จะไม่ล่าช้าเลย.”—ฮะบาฆูค 2:3, ล.ม.
6 ด้วยการสำแดงความใฝ่พระทัยของพระเจ้าขั้นต่อไป พระองค์ได้เตือนฮะบาฆูคให้ตื่นตัวต่อสิ่งที่ท้าทายซึ่งมนุษย์เผชิญในระหว่างนั้น. พระยะโฮวาตรัสว่า “แต่คนชอบธรรมจะมีชีวิตจำเริญอยู่โดยความเชื่อของตน.” (ฮะบาฆูค 2:4) ฮะบาฆูคจะเผชิญการท้าทายไหม ด้วยการกระทำสิ่งที่ถูกต้องดีงามในทางศีลธรรมโดยไม่คำนึงถึงสิ่งที่คนอื่นรอบตัวท่านได้กระทำ? ท่านจำต้องแสดงความเชื่อว่าพระเจ้าจะทรงจัดการเรื่องต่าง ๆ อย่างเหมาะสมภายใน “เวลากำหนด” ของพระองค์.
7 ประวัติศาสตร์เผยให้เราทราบถึงสิ่งที่ได้เกิดขึ้น. ครั้นได้เวลาแล้ว พระเจ้าทรงทำให้ความรุนแรงและความอยุติธรรมของพวกยิวให้หมดไป. แผ่นดินของเขาถูกเหยียบย่ำและพลเมืองถูกต้อนไปเป็นเชลย. ในเวลาต่อมา พระเจ้าได้ทรงพิพากษาปรับโทษบาบูโลน. ดังที่พระยะโฮวาตรัสล่วงหน้าผ่านผู้พยากรณ์ของพระองค์ คือชาวมาดายและเปอร์เซียภายใต้การนำของไซรัสได้ปราบจักรภพบาบูโลนที่ดูยิ่งใหญ่เกรียงไกรนั้นจนพ่ายแพ้.—ยิระมะยา 51:11, 12; ยะซายา 45:1; ดานิเอล 5:22-31.
8 ตัวอย่างประกอบในขอบข่ายเล็ก ๆ เช่นนี้ บ่งชี้ว่าพระผู้สร้างของเราหาได้เพิกเฉยต่อความชั่วช้าไม่. พระองค์ทรงตระหนักในเรื่องนี้และทรงห่วงใย. (เปรียบเทียบเยเนซิศ 18:20, 21; 19:13.) เมื่อเป็นเช่นนั้น เหตุใดพระเจ้าทรงยอมให้ความชั่วมีอยู่เรื่อยมาจนบัดนี้? เพื่อจะเข้าใจคำอธิบายที่มีเหตุผลในพระคัมภีร์ เราต้องย้อนกลับไปถึงคราวเมื่อความยุ่งยากของมนุษย์เริ่มต้น.
เกิดมีประเด็นสากลขึ้นมา
9 ดังพรรณนาในเยเนซิศบทสาม พญามารสอบถามฮาวาเกี่ยวด้วยการที่เธอเชื่อฟังพระบัญชาของพระเจ้าที่ห้ามรับประทานผลไม้จากต้นที่ระบุไว้เฉพาะ. ฮาวาได้ตอบว่าการฝ่าฝืนคำสั่งย่อมได้รับโทษถึงแก่ความตาย. แต่ซาตานตอบว่า:
“เจ้าจะไม่ตายจริงดอก เพราะพระเจ้าทรงทราบอยู่ว่า เจ้ากินผลไม้นั้นเข้าไปในวันใด ตาของเจ้าจะสว่างขึ้นในวันนั้น แล้วเจ้าจะเป็นเหมือนพระ จะรู้จักความดีและชั่ว.”—เยเนซิศ 3:1-5.
ณ ที่นี้ซาตานได้ตั้งข้อโต้แย้งหรือประเด็นขึ้นมาซึ่งเกี่ยวโยงถึงสรรพสิ่งที่มีชีวิตทั้งหลายที่พระองค์ได้ทรงสร้างขึ้น ทั้งมนุษย์และทูตสวรรค์.
10 ประการหนึ่ง พญามารได้โต้แย้งความสัตย์จริงของพระเจ้า. จงไตร่ตรองนัยแห่งเรื่องนี้. สมมุติพระเจ้าตรัสไม่จริงในเรื่องนี้ พระองค์จะเป็นที่ไว้วางใจได้ในเรื่องอื่นไหม? มนุษย์ที่พระองค์ได้สร้างขึ้นบนแผ่นดินโลกหรือพวกทูตสวรรค์จะต้องสงสัยคำตรัสของพระเจ้าอยู่เรื่อยไปไหม? เราทราบว่าทุกวันนี้ นักการเมืองซึ่งปกครองโดยการใช้คำเท็จนั้นเป็นบุคคลที่น่าสงสัยเพียงไร.—เปรียบเทียบบทเพลงสรรเสริญ 5:9.
11 การอ้างของซาตานที่ว่าพระเจ้าหลอกมนุษย์และไม่ได้ให้สิ่งที่ดีแก่มนุษย์นั้น ก่อให้เกิดประเด็นขึ้นมาด้วยที่ว่า พระเจ้าสมควรมีอำนาจปกครองไหม? ปัญหาเกี่ยวกับความถูกต้องแห่งวิถีการปกครองของพระเจ้าครอบคลุมเอกภพทั้งสิ้น.
12 นอกจากนั้น ซาตานโต้แย้งว่ามนุษย์จะดำเนินชีวิตได้โดยไม่ต้องพึ่งพระเจ้า คือเขาจะสามารถและน่าจะปกครองตัวเอง. ประเด็นนี้วางไว้ตรงหน้ามนุษย์และพวกทูตสวรรค์ว่า มนุษย์จะสามารถดำเนินการดูแลเรื่องต่าง ๆ ด้วยตนเองอย่างบรรลุผลสำเร็จโดยไม่พึ่งพระเจ้าได้ไหม?
13 ประเด็นสำคัญเหล่านั้นซึ่งเกี่ยวข้องกับศีลธรรมจะต้องมีการจัดการให้เสร็จสิ้น. วิธีซึ่งพระเจ้าทรงเลือกเพื่อกระทำการนั้นแสดงอย่างชัดแจ้งถึงสติปัญญาของพระองค์และความใฝ่พระทัยของพระองค์ในสวัสดิภาพของเราทั้งเวลานี้และในอนาคตด้วย. พระเจ้าทรงปล่อยกาลเวลาให้ล่วงเลยไป ซึ่งจะทำให้สรรพสัตว์ทั้งหลายที่มีเชาวน์ฉลาดสามารถมองเห็นพยานหลักฐานได้. เพื่อจะเข้าใจเรื่องนี้ ลองคิดซิว่า คุณจะปฏิบัติอย่างไร หากมีบางคนพูดให้ใครต่อใครฟังว่า คุณเป็นคนไม่ดีในครอบครัว ว่าคุณโกหกและใช้อำนาจปกครองโดยการข่มขู่. บุคคลที่รู้สึกตัวไม่ปลอดภัยอาจประท้วงอย่างออกหน้าออกตาหรืออาจถึงกับต่อสู้ผู้ที่กล่าวหาเขา. แต่เนื่องจากความรู้ที่ให้มั่นใจว่าข้อกล่าวหานั้นไม่จริง คุณอาจขจัดความสงสัยแคลงใจโดยให้ทุกคนมีโอกาสสังเกตวิถีชีวิตของคุณเองและผลดีอันเกิดขึ้นกับครอบครัวของคุณ.—มัดธาย 12:33.
14 กาลเวลาได้ให้หลักฐานอะไรบ้างเกี่ยวด้วยประเด็นที่เกิดขึ้นในสวนเอเดน? ดังที่พระเจ้าทรงเตือนล่วงหน้า การไม่เชื่อฟังของมนุษย์ยังผลเป็นความเจ็บป่วยและความแก่ชราและความตาย. ดังนั้น พระเจ้าจึงสัตย์จริงในคำเตือนของพระองค์ และในเรื่องนี้ไม่มีมูลเหตุที่จะโต้แย้งความถูกต้องแห่งการปกครองของพระองค์. มีข้อพิสูจน์อีกด้วยว่ามนุษย์ไม่สามารถตั้งมาตรฐานของตัวเอง ไม่สามารถจะปกครองตัวเองโดยไม่พึ่งพาพระเจ้า. ไม่มีระบอบการปกครองใด ๆ ที่มนุษย์ตั้งขึ้นจะป้องกันมิให้มีสงคราม การทุจริต การกดขี่ อาชญากรรมและความอยุติธรรม. เรื่องนี้ยืนยันคำพูดในพระคัมภีร์ที่ว่า “ทางที่มนุษย์จะไปนั้นไม่ได้อยู่ในตัวของตัว มิใช่ที่มนุษย์ซึ่งดำเนินนั้นจะได้กำหนดก้าวของตัวได้. (ยิระมะยา 10:23) ยิ่งกว่านั้น เวลาได้พิสูจน์แล้วว่ามนุษย์ไม่สามารถยุติความทุกข์ทรมาน ตรงกันข้าม บ่อยครั้งมนุษย์เป็นผู้ก่อความทุกข์ทรมานเสียเอง.
15 สุจริตชนผู้ซึ่งเต็มใจรับรองเอาการปกครองและมาตรฐานของพระเจ้าประสบความทุกข์ทรมาน. โดยคำนึงถึงพวกเขา พระเจ้าจะทรงปราบบรรดาผู้ประพฤติชั่ว อย่างเดียวกันกับที่พระองค์ได้กระทำมาแล้วในขอบเขตเล็ก ๆ ตามที่กล่าวไว้ในพระธรรมฮะบาฆูค. พระยะโฮวาจะทรงกำจัดผู้ซึ่งเป็นต้นเหตุแห่งความชั่วและความทุกข์เดือดร้อนเสียสิ้น ทั้งในสวรรค์และบนแผ่นดินโลก. ดังที่พระเจ้าได้ตรัสบอกฮะบาฆูคว่ามี “เวลากำหนด” ไว้สำหรับสิ่งนี้. เราแน่ใจได้ว่า “จะสำเร็จเป็นแน่. จะไม่ล่าช้าเลย.”—ฮะบาฆูค 2:3, ล.ม.
การได้รับผลประโยชน์จากเวลาที่ให้ไว้
16 เกี่ยวกับการที่พระเจ้ายอมให้มีความชั่วเช่นนั้น หลายคนนึกแต่เพียงความทุกข์ทรมานของมนุษย์. พวกเขาไม่หยั่งรู้ถึงประเด็นสำคัญซึ่งได้รับการจัดการ. นอกจากนี้ เขาอาจมองข้ามผลประโยชน์ต่าง ๆ ที่เขาได้รับเนื่องจากพระเจ้ายอมให้เวลาเพื่อจะจัดการให้เรียบร้อย.—2 เปโตร 3:9.
17 เวลาที่พระเจ้าได้ทรงเปิดไว้สำหรับการจัดการกับเรื่องเหล่านี้ก็นับว่านานพอให้เราได้เกิดมา. เราได้รับความเพลิดเพลินใด ๆ ก็เพราะพระเจ้าทรงเปิดโอกาสไว้. นอกจากนั้น เราได้รับโอกาสที่จะพิสูจน์ความรักและความจงรักภักดีต่อพระเจ้า. เพื่อเป็นการท้าทาย ซาตานได้โต้แย้งว่า จะไม่มีมนุษย์คนใดพิสูจน์ตนซื่อสัตย์ต่อพระเจ้า จะไม่มีแม้แต่ผู้เดียวซึ่งพระเจ้าจะสามารถกล่าวอ้างถึงว่า “ไม่มีใครในโลกดีเหมือนเขา เป็นคนดีรอบคอบและชอบธรรม เป็นผู้ยำเกรงพระเจ้าและหลบหลีกจากความชั่ว.” เราทราบเรื่องนี้จากพระธรรมโยบบท 1 และ 2. พญามารได้กล่าวเกี่ยวกับโยบบุรุษผู้ซื่อตรงนี้ว่า “โยบนั้นได้ยำเกรงพระเจ้าด้วยเปล่าประโยชน์หรือ?” ซาตานอ้างว่าโยบได้ทำเช่นนั้นด้วยเหตุผลอันเห็นแก่ตัว เนื่องจากพระเจ้าทรงโปรดให้ท่านมั่งคั่ง แต่ถ้าโยบสูญเสียทรัพย์สมบัติเหล่านั้นไป ท่านคงจะแช่งด่าพระเจ้า. (โยบ 1:7-12) ซาตานจะสามารถชักนำมนุษย์ทั้งสิ้นออกหากจากพระเจ้าได้ไหม?
18 พระเจ้าทรงปล่อยให้ซาตานนำความยุ่งยากลำบากหลายอย่างมาสู่โยบ. โยบสูญเสียทรัพย์สมบัติ. บุตรชายหญิงของท่านเสียชีวิตเพราะบ้านพังทับ. ท่านถูกรุมด้วยโรคร้ายน่ารังเกียจ. ถึงแม้ท่านไม่รู้ว่า ซาตานมุ่งโจมตีท่านเป็นเป้าโดยเฉพาะ กระนั้น โยบยังคงซื่อสัตย์ต่อพระเจ้าไม่เสื่อมคลาย. (โยบ 27:5) ท่านแน่ใจว่าพระยะโฮวาจะไม่ทอดทิ้งและหากท่านตาย พระผู้สร้างจะทรงปลุกท่านให้ฟื้นขึ้นมาเสียด้วยซ้ำ. (โยบ 14:13-15) พระยะโฮวาไม่เคยละทิ้งผู้ที่จงรักภักดีต่อพระองค์. ครั้นถึงเวลา พระองค์ได้เข้ามาดำเนินการช่วยเหลือและลบล้างความเสียหายที่ซาตานก่อขึ้น. สุขภาพของโยบกลับดีดังเดิม. แล้วท่านได้มีบุตรรูปงามอีก 10 คน พร้อมกับความมั่งคั่งมหาศาลและมีอายุยืน. คุณอาจจะอ่านรายละเอียดที่หนุนใจได้จากโยบ 42:10-17.
19 อนึ่ง เรื่องนี้ทำให้เราเข้าใจเหตุผลว่าทำไมพระเจ้าปล่อยให้ความชั่วมีอยู่. โดยวิธีนี้ จึงพิสูจน์ว่า มนุษย์บางคนยังคงรักพระเจ้าทั้ง ๆ ที่มีปัญหาในชีวิตและจงรักภักดีต่อพระองค์ ไม่ว่าตกอยู่ภายใต้การทดลองใด ๆ ก็ตาม. เราน่าจะถามตัวเองว่า ‘เรามีปฏิกิริยาอย่างนั้นไหม ทั้ง ๆ ที่ประสบความทุกข์ยาก? เราอยากให้เป็นเช่นนั้นไหม เพื่อเป็นการตอบคำท้าทายที่ซาตานได้ยกขึ้นมา?’ (สุภาษิต 27:11) นอกจากนั้น พระธรรมโยบช่วยให้เรามีเหตุผลที่จะมั่นใจว่า พระเจ้าสามารถขจัดความทุกข์ยากที่มนุษย์เผชิญอยู่นั้นให้หมดไปได้ ขณะที่ปล่อยให้ความชั่วมีอยู่.—เปรียบเทียบ 2 โกรินโธ 4:16, 17.
20 ดังที่พระเจ้าสังเกตเห็นและทรงพอพระทัยในโยบและฮะบาฆูคฉันใด ขณะนี้พระองค์ก็ทรงสังเกตมนุษย์ที่จงรักภักดีต่อพระองค์ฉันนั้น แม้จะเผชิญกับสภาพการณ์อันเลวร้าย และพระองค์ย่อมจะประทานบำเหน็จแก่เขาเป็นแน่.—มาลาคี 3:16-18.
คุณปรารถนาจะมีชีวิตอยู่ไหมเมื่อความชั่วไม่มีอีกแล้ว?
21 พระคัมภีร์รับรองกับเราว่าพระเจ้าทรงมุ่งหมายจะฟื้นฟูแผ่นดินโลกให้คืนสู่สภาพอุทยานอย่างที่อาดามกับฮาวาเคยชื่นชมก่อนที่จะกลายเป็นคนไม่ซื่อสัตย์ภักดี. (ลูกา 23:43; วิวรณ์ 21:4, 5) ครั้นแล้ว คำสัญญาต่าง ๆ แห่งพระคัมภีร์จะเป็นจริงอย่างครบถ้วน เป็นต้นว่า:
“คนชั่วจะไม่มี ท่านจงเพ่งตาหาที่ของเขา แต่ไม่มีแล้ว แต่คนทั้งหลายที่มีใจถ่อมลงจะได้แผ่นดินเป็นมรดก และเขาจะชื่นชมยินดีด้วยความสงบสุขอันบริบูรณ์.”—บทเพลงสรรเสริญ 37:10, 11; สุภาษิต 24:1, 20.
22 ผู้คนจำนวนมากโอดครวญเรื่องความชั่วและความทุกข์ยาก กระทั่งกล่าวตำหนิพระเจ้าด้วยเรื่องเหล่านี้ด้วยซ้ำ. แต่จริง ๆ แล้วเขาอยากให้มีการกำจัดความชั่วไหม หรือเพียงแต่ต้องการยกเลิกผลร้ายของความชั่ว? ความทุกข์ยากที่เกิดแก่มนุษย์ ส่วนใหญ่แล้วมนุษย์นั้นแหละได้ก่อขึ้น เขาเก็บเกี่ยวสิ่งที่เขาได้หว่านลงไป. (ฆะลาเตีย 6:7; สุภาษิต 19:3) การประพฤติผิดศีลธรรมทำให้มีกามโรค การทำแท้ง การหย่าร้าง. การสูบบุหรี่เป็นเหตุของโรคมะเร็งในปอด. การเมาเหล้าและการใช้ยาเสพย์ติดยังความเสียหายแก่ตับและสมอง. การฝ่าฝืนกฎจราจรก่ออุบัติเหตุถึงชีวิต. คนที่พูดว่า ‘ทำไมพระเจ้าปล่อยให้ความชั่วมีอยู่? พระองค์จะยุติความชั่วเมื่อไร?’ ตามจริงแล้วเขาต้องการให้พระเจ้าทำเช่นนั้นไหม? หากพระองค์ทรงดำเนินการในขณะนี้ โดยระงับกิจปฏิบัติต่าง ๆ เหล่านี้เสีย หลายคนก็จะคร่ำครวญว่าพระองค์จำกัดสิทธิของเขา.
23 ดังนั้น ด้วยเหตุที่พระเจ้าทรงปล่อยให้ความชั่วมีอยู่ ทำให้เราได้แสดงสถานภาพของเรา และสิ่งที่มีอยู่ในหัวใจของเรา. พระเจ้าตรัสแก่ฮะบาฆูคว่า “แต่คนชอบธรรมจะมีชีวิตจำเริญอยู่โดยความเชื่อของตน.” ทั้งนี้ย่อมเรียกร้องให้เราฝึกฝนตัวให้เกลียดสิ่งที่พระเจ้าทรงแจ้งให้รู้ว่าเลวร้ายหรือชั่ว. (ฮะบาฆูค 2:4; บทเพลงสรรเสริญ 97:10) การดำเนินชีวิตแบบนี้อาจทำให้เราไม่เป็นที่นิยมชมชอบของเพื่อนบ้านและมิตรสหายบางคน. (1 เปโตร 4:3-5) โยบและฮะบาฆูคต่างก็พอใจจะเป็นคนที่ต่างไปจากคนอื่น ๆ เพื่อจะเป็นคนจงรักภักดีต่อพระเจ้าและเป็นที่พอพระทัยของพระองค์. และพยานพระยะโฮวาจำนวนหลายล้านคนทุกวันนี้ก็เช่นกันกำลังพิสูจน์ให้เห็นว่าตนสามารถทำได้และชื่นชมกับชีวิตที่ดีขึ้นและน่าพอใจมากขึ้น.
24 ผู้คนที่ติดตามแนวทางนี้กำลังให้หลักฐานเพิ่มขึ้นว่า ซาตานเป็นผู้พูดมุสาตัวฉกาจ. บุคคลดังกล่าวพิสูจน์ว่ามนุษย์สามารถ ซื่อสัตย์ต่อพระเจ้า มั่นใจในความถูกต้องและความชอบธรรมแห่งแนวทางการครอบครองของพระองค์. ส่วนพระเจ้าทรงทราบว่า จะไว้วางใจบุคคลดังกล่าวให้เอาใจใส่ดูแลอุทยานที่ได้รับการฟื้นฟูแล้วบนแผ่นดินโลกได้. แล้วการดำรงชีวิตในสมัยนั้นจะเป็นที่น่าปีติยินดีถึงขนาดที่จะไม่ระลึกถึงความเศร้าโศกและความชั่วร้ายในอดีตอีกเลย. เราจะลืมสิ่งเหล่านั้นเหมือนกับเราลืมความเจ็บปวดและความโศกเศร้าที่เราเคยประสบมาเมื่อหลายปีก่อน คราวเป็นเด็กที่เราอาจเคยหกล้มหัวเข่าถลอกนั้น.—ยะซายา 65:17; โยฮัน 16:21.
25 นี่แหละคือความหวังที่ทำให้หัวใจเบิกบาน และช่วยเราให้เข้าใจว่าการที่พระเจ้าปล่อยให้ความชั่วมีอยู่ก็เป็นแต่เพียงฉากสั้น ๆ ในการดำเนินงานตามพระประสงค์อันยั่งยืนนานของพระองค์. ประเด็นทางกฎหมาย และทางศีลธรรมซึ่งเป็นสาเหตุของความชั่วจะได้รับการจัดการให้เรียบร้อยสำหรับตลอดกาล.
26 แต่ถึงแม้ได้มาเข้าใจเหตุผลที่ว่าทำไมพระเจ้าปล่อยให้ความชั่วมีอยู่ แต่เราก็คงอยากจะรู้ด้วยว่า เมื่อไรความชั่วจะสิ้นสุดลง? “เวลากำหนด” สำหรับพระเจ้าที่จะยุติความชั่วทั่วแผ่นดินโลกนั้นจะมีมาเมื่อไร? ขอให้เราพิจารณากันต่อไป.
[คำถามศึกษา]
เหตุใดจึงมีเหตุผลที่จะตรวจสอบสิ่งที่พระคัมภีร์กล่าวเกี่ยวกับความชั่ว? (1-3)
เราอาจเรียนอะไรได้จากพระธรรมฮะบาฆูคเกี่ยวด้วยการชั่วต่าง ๆ? (4-8)
ประเด็นสำคัญอย่างยิ่งได้อุบัติขึ้นอย่างไรในสวนเอเดน? ประเด็นเหล่านั้นมีอะไรบ้าง? (9-12)
จะมีการจัดการประเด็นเหล่านั้นอย่างไร? (13-15)
เรามีส่วนเกี่ยวข้องอย่างไรกับอีกประเด็นหนึ่งซึ่งจำต้องได้จัดการให้เรียบร้อย? (16-20)
พระคัมภีร์เสนอความหวังอะไร? นั่นหมายถึงสิ่งใดสำหรับเรา? (21-23)
เราสามารถได้รับประโยชน์ถาวรอย่างไรจากการที่พระเจ้ายอมให้ความชั่วมีอยู่? (24-26)
[กรอบหน้า 143]
ดร. ดับเบิลยู. อาร์. อินจ์ อดีตอธิการแห่งโบสถ์เซนต์พอลได้กล่าวเมื่อหลายปีมาแล้วว่า:
“ข้าพเจ้าได้ดิ้นรนมาตลอดชีวิตเพื่อแสวงจุดมุ่งหมายของการดำรงชีวิต. ข้าพเจ้าเคยพยายามตอบปัญหาสามข้อ ซึ่งดูเหมือนว่าเป็นเรื่องสำคัญต่อตัวเองเสมอคือ: ปัญหาเกี่ยวกับนิรันดรกาล ปัญหาเกี่ยวกับบุคลิกภาพของมนุษย์ และปัญหาเกี่ยวกับความชั่ว. ข้าพเจ้าไม่พบคำตอบ. ทั้งไม่สามารถแก้ปัญหาได้แม้แต่ข้อเดียว.”
[รูปภาพหน้า 149]
ความทุกข์ทรมานมิได้ทำให้โยบตำหนิพระเจ้า ท่านอดทนและได้รับพระพร