บท 15
“ใครคู่ควรจะคลี่ม้วนหนังสือนั้น?”
1. บัดนี้เกิดอะไรขึ้นในนิมิตของโยฮัน?
สง่างาม! น่าเกรงขาม! นั่นคือนิมิตอันเร้าใจเกี่ยวกับราชบัลลังก์แห่งพระยะโฮวาซึ่งตั้งอยู่ท่ามกลางตะเกียงที่จุดไว้, คะรูบ, ผู้ปกครอง 24 คน, และทะเลแก้ว. แต่โยฮัน ท่านเห็นอะไรต่อไป? โยฮันเพ่งมองไปที่จุดศูนย์กลางของฉากเหตุการณ์นี้ในสวรรค์เลยทีเดียวและบอกเราว่า “ข้าพเจ้าเห็นในพระหัตถ์ขวาของพระองค์ผู้ประทับบนราชบัลลังก์มีหนังสือม้วนหนึ่งที่เขียนไว้ทั้งด้านในด้านนอกและผนึกไว้ด้วยตราเจ็ดดวง. ข้าพเจ้าเห็นทูตสวรรค์ที่มีฤทธิ์มากองค์หนึ่งประกาศเสียงดังว่า ‘ใครคู่ควรจะแกะดวงตราแล้วคลี่ม้วนหนังสือนั้นออก?’ แต่ไม่มีสักผู้เดียวทั้งในสวรรค์หรือบนแผ่นดินหรือใต้แผ่นดินที่อาจคลี่ม้วนหนังสือนั้นออกดูได้. ข้าพเจ้าจึงร่ำไห้ เพราะไม่เห็นว่ามีใครคู่ควรจะคลี่ม้วนหนังสือนั้นออกดู.”—วิวรณ์ 5:1-4, ล.ม.
2, 3. (ก) เพราะเหตุใดโยฮันจึงกระหายใคร่จะให้มีใครสักคนคลี่ม้วนหนังสือนั้น แต่ปรากฏว่าความคาดหวังในเรื่องนั้นเป็นอย่างไร? (ข) ประชาชนที่ถูกเจิมของพระเจ้าได้รอคอยอะไรด้วยความปรารถนาอย่างยิ่งในสมัยของเรานี้?
2 พระยะโฮวาเอง ซึ่งเป็นองค์บรมมหิศรแห่งสรรพสิ่งที่พระองค์ได้สร้าง ทรงยื่นม้วนหนังสือนั้นออกมา. ม้วนหนังสือนั้นคงจะต้องเต็มไปด้วยข่าวสารอันสำคัญยิ่ง เนื่องจากมีข้อความเขียนไว้ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง. พวกเราต่างสนใจใคร่รู้. มีข้อความอะไรในม้วนหนังสือนั้น? เราระลึกถึงคำเชิญที่พระยะโฮวาทรงมีต่อโยฮันว่า “ขึ้นมาบนนี้เถิด แล้วเราจะให้เจ้าเห็นสิ่งต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้น.” (วิวรณ์ 4:1, ล.ม.) เราจึงตั้งใจคอยอย่างตื่นเต้นเพื่อจะได้รู้ถึงสิ่งเหล่านั้น. แต่อนิจจา ม้วนหนังสือปิดผนึกไว้แน่นหนาด้วยดวงตราเจ็ดดวง!
3 ทูตสวรรค์ที่มีฤทธิ์องค์นั้นจะพบผู้ที่คู่ควรจะคลี่ม้วนหนังสือนั้นหรือไม่? ตามพระคัมภีร์ฉบับ คิงดอมอินเทอร์ลิเนียร์ ม้วนหนังสือนั้นอยู่ “บนพระหัตถ์ขวา” ของพระยะโฮวา. ข้อนี้แสดงว่าพระองค์ทรงแบพระหัตถ์ยื่นม้วนหนังสือนั้น. แต่ดูเหมือนว่า ไม่มีผู้ใดทั้งในสวรรค์หรือบนแผ่นดินคู่ควรจะรับและคลี่ม้วนหนังสือนั้น. แม้แต่ใต้แผ่นดิน ในท่ามกลางผู้รับใช้ที่ซื่อสัตย์ซึ่งล่วงลับไปแล้วของพระเจ้าก็ไม่มีผู้ใดมีคุณสมบัติจะได้รับเกียรติอันสูงส่งนี้. จึงไม่แปลกที่โยฮันหนักใจจนเห็นได้ชัด! บางที ท่านอาจจะไม่ได้เรียนรู้อะไรเลยก็ได้ถึง “สิ่งซึ่งจะเกิดขึ้น.” ในสมัยของเราก็เช่นกัน ผู้ถูกเจิมของพระเจ้าได้รอคอยอย่างใจจดใจจ่อให้พระยะโฮวาประทานความสว่างและความจริงเกี่ยวกับพระธรรมวิวรณ์. พระองค์จะทรงทำการนี้เป็นลำดับตามเวลาที่กำหนดไว้แล้วสำหรับความสำเร็จเป็นจริงของคำพยากรณ์ เพื่อนำประชาชนของพระองค์ไปตามทางแห่ง “ความรอดอันใหญ่หลวง.”—บทเพลงสรรเสริญ 43:3, 5, ล.ม.
ผู้ที่คู่ควร
4. (ก) มีการค้นพบผู้ใดที่คู่ควรจะคลี่ม้วนหนังสือและแกะดวงตราของหนังสือนั้น? (ข) บำเหน็จและสิทธิพิเศษอะไรซึ่งชนจำพวกโยฮันและสหายของเขามีส่วนร่วมอยู่ด้วยในเวลานี้?
4 ใช่แล้ว มี ผู้หนึ่งที่สามารถคลี่ม้วนหนังสือนั้นได้! โยฮันกล่าวว่า “แต่ผู้ปกครองคนหนึ่งพูดกับข้าพเจ้าว่า ‘หยุดร้องไห้เถิด. ดูสิ! สิงโตแห่งตระกูลยูดาห์ผู้เป็นรากของดาวิดมีชัยแล้ว พระองค์จึงทรงแกะดวงตราทั้งเจ็ดออกแล้วคลี่ม้วนหนังสือนั้นได้.’” (วิวรณ์ 5:5, ล.ม.) ดังนั้น โยฮันจึงหยุดร้องไห้! ชนจำพวกโยฮันและเพื่อนผู้ซื่อสัตย์ในทุกวันนี้ก็เช่นกัน ต่างก็อดทนต่อการทดลองอย่างหนักมานับสิบ ๆ ปีในขณะที่รอคอยความกระจ่างในเรื่องนี้ด้วยความอดทน. นับเป็นรางวัลที่ปลอบประโลมใจจริง ๆ ซึ่งพวกเราได้รับในปัจจุบันด้วยการได้เข้าใจนิมิตนี้ และเป็นสิทธิพิเศษจริง ๆ ที่มีส่วนร่วมในความสำเร็จเป็นจริงของนิมิตดังกล่าวโดยการประกาศข่าวสารของนิมิตนั้นแก่คนอื่น ๆ!
5. (ก) ได้มีการกล่าวคำพยากรณ์อะไรเกี่ยวข้องกับตระกูลยูดาห์ และทายาทแห่งตระกูลยูดาห์ปกครองอยู่ที่ไหน? (ข) ซีโลคือผู้ใด?
5 “สิงโตแห่งตระกูลยูดาห์” นั่นเอง! โยฮันคุ้นเคยกับคำพยากรณ์ที่ยาโคบ บรรพบุรุษแห่งชาติยิว กล่าวเกี่ยวกับยูดาห์บุตรชายคนที่สี่ของท่านว่า “ยูดาเป็นลูกสิงโต; ลูกเอ๋ย, เจ้าก็ได้ลุกขึ้นจากการจับสัตว์: เขาหมอบลงเหมือนสิงโตตัวผู้และสิงโตตัวเมีย; ใครจะกล้ายุให้ลุกขึ้น? ไม้ธารพระกรจะไม่ขาดไปจากยูดา, หรือผู้ปกครองจากพงศ์พันธุ์ของเขากว่าซีโลจะมา; ชนชาวประเทศต่าง ๆ จะเชื่อฟังผู้นั้น.” (เยเนซิศ 49:9, 10) ราชวงศ์แห่งประชาชนของพระเจ้าก็สืบมาจากยูดาห์. เริ่มตั้งแต่ดาวิด กษัตริย์ทุกองค์ที่ได้ปกครองในกรุงเยรูซาเลมจนกระทั่งชาวบาบิโลนมาทำลายกรุงนั้นเป็นลูกหลานของยูดาห์. แต่ไม่มีองค์ใดเป็นซีโลตามที่ยาโคบได้กล่าวพยากรณ์ไว้. ซีโลหมายความว่า “ผู้นั้นซึ่งมี [สิทธิ].” กล่าวเชิงพยากรณ์ ชื่อนี้ชี้ถึงพระเยซู ผู้ซึ่งราชอาณาจักรแห่งดาวิดได้กลายมาเป็นของพระองค์โดยถาวรแล้วในทุกวันนี้.—ยะเอศเคล 21:25-27; ลูกา 1:32, 33; วิวรณ์ 19:16.
6. ในทางใดที่พระเยซูทรงเป็น “กิ่ง” ของยิซัย และเป็น “รากของดาวิด” ด้วย?
6 โยฮันนึกออกทันทีที่มีการกล่าวอ้างถึง “รากของดาวิด.” มาซีฮาที่ทรงสัญญาไว้ถูกเรียกในเชิงพยากรณ์ว่า “กิ่งแตกออกจากต้นแห่งยิซัย [บิดาของกษัตริย์ดาวิด] . . . หน่อ” และ “รากแห่งยิซัยจะตั้งเด่นขึ้นเป็นธงเครื่องหมายรวมพล.” (ยะซายา 11:1, 10) พระเยซูทรงเป็นกิ่งแตกออกจากต้นแห่งยิซัย เนื่องจากประสูติในราชวงศ์ดาวิดบุตรของยิซัย. นอกจากนี้ ในฐานะที่ทรงเป็นรากแห่งยิซัย พระองค์ทรงเป็นผู้นั้นที่ทำให้ราชวงศ์ดาวิดรุ่งเรืองขึ้นอีกครั้งหนึ่ง โดยที่พระองค์ประทานชีวิตแก่ราชวงศ์นี้และทรงค้ำจุนไว้ตลอดกาล.—2 ซามูเอล 7:16.
7. อะไรที่ทำให้พระเยซูทรงคู่ควรที่จะรับม้วนหนังสือจากพระหัตถ์ของพระองค์ผู้ประทับบนราชบัลลังก์นั้น?
7 พระเยซูในฐานะมนุษย์สมบูรณ์ทรงเป็นผู้โดดเด่นองค์นั้นที่รับใช้พระยะโฮวาด้วยความซื่อสัตย์มั่นคงและผ่านการทดลองอย่างแสนสาหัส. พระองค์ทรงให้คำตอบอย่างพร้อมมูลต่อคำท้าทายของซาตาน. (สุภาษิต 27:11) ดังนั้น พระองค์จึงสามารถตรัสอย่างที่พระองค์ได้ตรัสในคืนก่อนการสละพระชนม์เป็นเครื่องบูชาดังนี้: “เราชนะโลกแล้ว.” (โยฮัน 16:33) ด้วยเหตุนี้เอง พระยะโฮวาจึงประทาน “ฤทธานุภาพทั้งสิ้นในสวรรค์ก็ดี ในแผ่นดินโลกก็ดี” ให้แก่พระเยซูผู้ได้รับการปลุกให้คืนพระชนม์. พระองค์แต่ผู้เดียวในผู้รับใช้ทั้งปวงของพระเจ้าที่ทรงมีคุณสมบัติจะรับม้วนหนังสือนั้นด้วยจุดประสงค์ที่จะแจ้งข่าวสารสำคัญในม้วนหนังสือนั้น.—มัดธาย 28:18.
8. (ก) เกี่ยวเนื่องราชอาณาจักร อะไรที่แสดงให้เห็นว่าพระเยซูทรงมีความเหมาะสมคู่ควร? (ข) เหตุใดจึงเป็นการเหมาะสมที่ผู้ปกครองหนึ่งใน 24 คนนั้นจะเปิดเผยแก่โยฮันถึงบุคคลนั้นซึ่งคู่ควรแก่การคลี่ม้วนหนังสือนั้นออก?
8 เป็นการเหมาะสมจริง ๆ ที่พระเยซูทรงคลี่ม้วนหนังสือนั้น. ตั้งแต่ปี 1914 พระองค์ขึ้นครองราชย์เป็นกษัตริย์แห่งราชอาณาจักรมาซีฮาของพระเจ้า และม้วนหนังสือนั้นเผยหลายสิ่งหลายอย่างเกี่ยวกับราชอาณาจักร และสิ่งซึ่งราชอาณาจักรจะกระทำให้สำเร็จ. พระเยซูทรงเป็นพยานถึงความจริงแห่งราชอาณาจักรอย่างซื่อสัตย์ขณะที่พระองค์ทรงอยู่บนแผ่นดินโลก. (โยฮัน 18:36, 37) พระองค์ทรงสอนเหล่าสาวกอธิษฐานขอให้ราชอาณาจักรมา. (มัดธาย 6:9, 10) พระองค์ทรงริเริ่มการประกาศข่าวดีแห่งราชอาณาจักรนั้นในช่วงต้นแห่งคริสต์ศักราช และทรงพยากรณ์ถึงจุดสุดยอดของงานประกาศในสมัยสุดท้าย. (มัดธาย 4:23; มาระโก 13:10) เป็นการเหมาะสมเช่นกันที่ผู้ปกครองคนหนึ่งในจำนวน 24 คนเผยให้โยฮันทราบว่า พระเยซูคือผู้ที่จะแกะดวงตรานั้น. เพราะเหตุใด? เพราะว่า ผู้ปกครองเหล่านี้นั่งบนบัลลังก์และสวมมงกุฎ เนื่องจากเป็นรัชทายาทร่วมกับพระคริสต์ในราชอาณาจักรของพระองค์.—โรม 8:17; วิวรณ์ 4:4.
‘พระเมษโปดกที่ถูกปลงพระชนม์’
9. แทนที่จะเป็นสิงโต โยฮันเห็นอะไรที่ยืนอยู่ “กลางราชบัลลังก์นั้น” และท่านได้พรรณนาถึงสิ่งนั้นอย่างไร?
9 โยฮันมองหา “สิงโตแห่งตระกูลยูดา.” แต่ช่างน่าประหลาด! ภาพโดยนัยซึ่งแตกต่างไปโดยสิ้นเชิงกลับปรากฏให้เห็นดังนี้: “ข้าพเจ้าเห็นพระเมษโปดกที่เสมือนถูกปลงพระชนม์แล้วทรงยืนอยู่กลางราชบัลลังก์นั้นและท่ามกลางสิ่งมีชีวิตทั้งสี่ และท่ามกลางผู้ปกครองเหล่านั้น ทรงมีเขาเจ็ดเขาและตาเจ็ดดวง ตาเจ็ดดวงนั้นหมายถึงพระวิญญาณทั้งเจ็ดของพระเจ้าที่ถูกส่งออกไปทั่วแผ่นดินโลก.”—วิวรณ์ 5:6, ล.ม.
10. ใครคือ “พระเมษโปดก” ซึ่งโยฮันได้เห็น และทำไมชื่อเรียกนี้จึงนับว่าเหมาะสม?
10 ณ ตรงกลางนั้นทีเดียว ข้างราชบัลลังก์ ภายในวงล้อมของสิ่งมีชีวิตทั้งสี่และผู้ปกครอง 24 คน มีพระเมษโปดก! ไม่ต้องสงสัย โยฮันระบุตัวพระเมษโปดกได้ทันทีว่าเป็น “สิงโตแห่งตระกูลยูดาห์” และ “รากของดาวิด.” ท่านรู้ว่าเมื่อ 60 กว่าปีก่อน โยฮันผู้ให้บัพติสมาได้แนะนำพระเยซูแก่ชาวยิวซึ่งกำลังมองดูอยู่ในขณะนั้นว่า พระองค์คือ “พระเมษโปดกของพระเจ้าซึ่งรับบาปของโลกไป!” (โยฮัน 1:29, ล.ม.) ตลอดชีวิตของพระองค์บนแผ่นดินโลก พระเยซูทรงรักษาพระองค์ปราศจากด่างพร้อยของโลก—เหมือนลูกแกะปราศจากมลทิน—เพื่อว่าพระองค์จะสามารถถวายชีวิตอันปราศจากตำหนิของพระองค์เป็นเครื่องบูชาสำหรับมนุษยชาติ.—1 โกรินโธ 5:7; เฮ็บราย 7:26.
11. ทำไมจึงไม่ใช่เป็นการไม่ให้เกียรติที่จะพรรณนาถึงพระเยซูผู้ทรงสง่าราศีว่าเป็นดัง “พระเมษโปดกที่เสมือนถูกปลงพระชนม์แล้ว”?
11 การเปรียบพระเยซูผู้ทรงสง่าราศีเป็น “พระเมษโปดกที่เสมือนถูกปลงพระชนม์แล้ว” นั้นถือว่าเป็นการดูถูกหรือไม่ให้เกียรติไหม? หามิได้! ข้อเท็จจริงที่ว่า พระเยซูทรงรักษาความซื่อสัตย์ตราบสิ้นพระชนม์นั้นเป็นความปราชัยอย่างใหญ่หลวงสำหรับซาตาน และเป็นชัยชนะอันยิ่งใหญ่สำหรับพระยะโฮวาพระเจ้า. การเปรียบพระเยซูด้วยวิธีนี้แสดงชัดแจ้งว่า พระองค์มีชัยชนะเหนือโลกของซาตาน ทั้งยังเป็นเครื่องเตือนใจให้ระลึกถึงความรักอันสุดซึ้งที่พระยะโฮวาและพระเยซูทรงมีต่อมนุษยชาติ. (โยฮัน 3:16; 15:13; เทียบกับโกโลซาย 2:15.) ฉะนั้น จึงมีการชี้ตัวพระเยซูว่าเป็นพงศ์พันธุ์ที่ทรงสัญญาไว้ ซึ่งมีคุณสมบัติอย่างเด่นชัดที่จะคลี่ม้วนหนังสือนั้น.—เยเนซิศ 3:15.
12. เขาทั้งเจ็ดของพระเมษโปดกนั้นเป็นภาพเล็งถึงสิ่งใด?
12 มีอะไรอีกไหมที่ทำให้เราหยั่งรู้ค่า “พระเมษโปดก” องค์นี้มากยิ่งขึ้น? พระองค์ทรงมีเขาเจ็ดเขา. บ่อยครั้ง เขาที่มีกล่าวถึงในพระคัมภีร์มักเป็นสัญลักษณ์ของกำลังหรืออำนาจ ส่วนจำนวนเจ็ดนั้นบ่งชี้ถึงความสมบูรณ์ครบถ้วน. (เทียบกับ 1 ซามูเอล 2:1, 10; บทเพลงสรรเสริญ 112:9; 148:14.) ดังนั้น เขาเจ็ดเขาของพระเมษโปดกจึงแสดงถึงอำนาจครบถ้วนที่พระยะโฮวาประทานแก่พระเยซู. พระองค์จึงทรงอยู่ “สูงยิ่งเหนือการปกครอง เหนืออำนาจ เหนือฤทธิ์ เหนือตำแหน่งผู้เป็นนาย และเหนือนามชื่อทั้งปวงที่เขาเอ่ยขึ้น มิใช่ในระบบนี้เท่านั้น แต่ในระบบที่จะมีมาด้วย.” (เอเฟโซ 1:20-23, ล.ม.; 1 เปโตร 3:22) พระเยซูทรงใช้อำนาจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งอำนาจการปกครอง ตั้งแต่ปี 1914 เป็นต้นมาเมื่อพระยะโฮวาทรงตั้งพระองค์เป็นพระมหากษัตริย์ในสวรรค์.—บทเพลงสรรเสริญ 2:6.
13. (ก) ตาเจ็ดดวงของพระเมษโปดกนั้นเป็นภาพเล็งถึงสิ่งใด? (ข) พระเมษโปดกนั้นทรงทำสิ่งใดต่อไป?
13 ยิ่งกว่านั้น พระเยซูทรงเปี่ยมไปด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ ดังมีภาพแสดงถึงโดยตาเจ็ดดวงของพระเมษโปดก ซึ่ง “หมายถึงพระวิญญาณทั้งเจ็ดของพระเจ้า.” พระเยซูทรงเป็นร่องทางซึ่งพลังปฏิบัติการอันบริบูรณ์ของพระยะโฮวาผ่านไปถึงผู้รับใช้ของพระองค์บนแผ่นดินโลก. (ติโต 3:6) เห็นได้ชัดว่า โดยทางพระวิญญาณเดียวกันนี้เองที่พระองค์ทรงเห็นจากสวรรค์ว่า มีอะไรเกิดขึ้นบนแผ่นดินโลก. เช่นเดียวกับพระบิดาของพระองค์ การหยั่งเห็นของพระเยซูนั้นดีเลิศ. ไม่มีสิ่งใดพ้นจากการสังเกตของพระองค์. (เทียบกับบทเพลงสรรเสริญ 11:4; ซะคาระยา 4:10.) เป็นที่เด่นชัดว่า พระบุตรองค์นี้—ผู้รักษาความซื่อสัตย์มั่นคงซึ่งชนะโลก; ผู้เป็นสิงโตแห่งตระกูลยูดาห์; เป็นรากของดาวิด; ผู้ได้สละชีวิตของพระองค์เพื่อมนุษยชาติ; ผู้ทรงอำนาจสิทธิ์ขาด เปี่ยมด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ และมีการหยั่งเห็นที่ดีเลิศซึ่งได้รับมาจากพระยะโฮวาพระเจ้า—ใช่แล้ว พระบุตรองค์นี้ทรงคู่ควรอย่างโดดเด่นที่จะรับม้วนหนังสือจากพระหัตถ์ของพระยะโฮวา. พระองค์ทรงลังเลที่จะรับหน้าที่มอบหมายนี้แห่งการรับใช้ในองค์การอันสูงยิ่งของพระยะโฮวาไหม? ไม่! แทนที่จะเป็นเช่นนั้น “แล้วพระเมษโปดกก็เสด็จไปรับม้วนหนังสือจากพระหัตถ์ขวาของพระองค์ผู้ประทับบนราชบัลลังก์นั้นอย่างไม่ลังเล.” (วิวรณ์ 5:7, ล.ม.) ช่างเป็นตัวอย่างอันดีเยี่ยมจริง ๆ ในเรื่องการปฏิบัติด้วยความเต็มใจ!
บทเพลงสรรเสริญ
14. (ก) สิ่งมีชีวิตทั้งสี่ตนและผู้ปกครอง 24 คนตอบรับอย่างไรต่อการที่พระเยซูทรงรับเอาม้วนหนังสือนั้น? (ข) รายละเอียดเกี่ยวกับผู้ปกครอง 24 คนที่โยฮันได้รับนั้นยืนยันฐานะและตำแหน่งของพวกเขาอย่างไร?
14 คนอื่น ๆ ที่อยู่หน้าราชบัลลังก์ของพระยะโฮวามีปฏิกิริยาอย่างไร? “เมื่อพระเมษโปดกทรงรับม้วนหนังสือแล้ว สิ่งมีชีวิตสี่องค์กับผู้ปกครองยี่สิบสี่คนก็หมอบลงเฉพาะพระพักตร์พระเมษโปดก แต่ละคนถือพิณและขันทองคำที่มีเครื่องหอมอยู่เต็ม เครื่องหอมนั้นหมายถึงคำอธิษฐานของผู้บริสุทธิ์ทั้งหลาย.” (วิวรณ์ 5:8, ล.ม.) เช่นเดียวกับสิ่งมีชีวิตที่เป็นคะรูบทั้งสี่ซึ่งอยู่หน้าราชบัลลังก์ของพระเจ้า ผู้ปกครอง 24 คนน้อมคำนับพระเยซูด้วยการยอมรับในพระราชอำนาจของพระองค์. แต่เฉพาะผู้ปกครองเหล่านี้เท่านั้นที่มีพิณและขันเครื่องหอม.a และมีแต่พวกเขาเท่านั้นร้องเพลงบทใหม่อยู่ในขณะนี้. (วิวรณ์ 5:9) ดังนั้น พวกเขาจึงเป็นภาพแสดงถึงชน 144,000 คนซึ่งเป็น “ยิศราเอลของพระเจ้า” ที่บริสุทธิ์ ซึ่งถือพิณและร้องเพลงบทใหม่เช่นกัน. (ฆะลาเตีย 6:16; โกโลซาย 1:12; วิวรณ์ 7:3-8; 14:1-4) นอกจากนี้ ยังมีการแสดงให้เห็นว่า ผู้ปกครอง 24 คนนี้ปฏิบัติหน้าที่ปุโรหิตทางภาคสวรรค์ ซึ่งแสดงภาพไว้โดยเหล่าปุโรหิตในชาติอิสราเอลโบราณที่ได้เผาเครื่องหอมถวายพระยะโฮวาในพลับพลา หน้าที่ซึ่งได้สิ้นสุดลงบนแผ่นดินโลกเมื่อพระเจ้าทรงยกเลิกบัญญัติของโมเซโดยการตรึงไว้ที่หลักทรมานของพระเยซู. (โกโลซาย 2:14) เราได้ข้อสรุปอะไรจากที่กล่าวมาทั้งหมด? นั่นคือในที่นี้มีการแสดงภาพเหล่าผู้มีชัยที่ถูกเจิมอยู่ในงานมอบหมายสุดท้ายฐานะเป็น “ปุโรหิตของพระเจ้าและของพระคริสต์ และจะปกครองเป็นกษัตริย์กับพระคริสต์เป็นเวลาหนึ่งพันปี.”—วิวรณ์ 20:6, ล.ม.
15. (ก) ในอิสราเอล เฉพาะแต่ผู้ใดเท่านั้นที่ได้รับสิทธิพิเศษเข้าไปในที่บริสุทธิ์ที่สุดแห่งพลับพลา? (ข) เหตุใดจึงเป็นเรื่องความเป็นความตายสำหรับมหาปุโรหิตที่จะเผาเครื่องหอมก่อนเข้าไปในที่บริสุทธิ์ที่สุด?
15 ในอิสราเอลโบราณ การเข้าไปยังที่บริสุทธิ์ที่สุดอยู่ต่อหน้าที่ประทับโดยนัยของพระยะโฮวานั้นจำกัดไว้เฉพาะมหาปุโรหิต. สำหรับมหาปุโรหิต การถือเครื่องหอมเป็นเรื่องของความเป็นความตายทีเดียว. กฎหมายของพระยะโฮวาระบุว่า “อาโรนจะเอากระถางไฟเอาถ่านไฟจากแท่นบูชาต่อพระพักตร์พระยะโฮวา, และเอาเครื่องหอมเต็มกำมือเข้าไปในม่าน, และใส่เครื่องหอมนั้นในไฟต่อพระพักตร์พระยะโฮวา, ให้ควันเครื่องหอมนั้นขึ้นกลุ้มพระที่นั่งกรุณาเหนือหีบหนังสือไมตรี เพื่อจะไม่ตาย.” (เลวีติโก 16:12, 13) เป็นไปไม่ได้ที่มหาปุโรหิตจะเข้าไปยังที่บริสุทธิ์ที่สุดโดยไม่ได้เผาเครื่องหอม.
16. (ก) ในระบบของคริสเตียน ใครเข้าไปในที่ซึ่งเป็นตัวจริงของที่บริสุทธิ์ที่สุดนั้น? (ข) ทำไมคริสเตียนผู้ถูกเจิมจึงต้อง “เผาเครื่องหอม”?
16 ในระบบของคริสเตียน ไม่เพียงแต่พระเยซูคริสต์ ผู้ซึ่งมหาปุโรหิตเป็นภาพเล็งถึงเท่านั้น แต่รองปุโรหิต 144,000 คนด้วย ซึ่งในที่สุดแต่ละคนก็จะเข้าไปยังที่ซึ่งห้องบริสุทธิ์ที่สุดเคยเป็นภาพเล็งถึง คือที่ประทับของพระยะโฮวาในสวรรค์. (เฮ็บราย 10:19-23) สำหรับปุโรหิตเหล่านี้ซึ่งผู้ปกครอง 24 คนเป็นภาพแสดงถึงในที่นี้ การเข้าไปยังที่บริสุทธิ์ที่สุดนี้คงเป็นไปไม่ได้เลยหากมิได้ ‘เผาเครื่องหอม’ อันได้แก่การถวายคำอธิษฐานและคำวิงวอนแด่พระยะโฮวาอย่างสม่ำเสมอ.—เฮ็บราย 5:7; ยูดา 20, 21; เทียบกับบทเพลงสรรเสริญ 141:2.
เพลงบทใหม่
17. (ก) เพลงใหม่อะไรที่ผู้ปกครอง 24 คนนั้นร้อง? (ข) คำว่า “เพลงใหม่” มักมีการใช้อย่างไรในคัมภีร์ไบเบิล?
17 บัดนี้ เพลงไพเราะกำลังส่งเสียงกังวาน. เป็นเพลงที่ผู้ปกครอง 24 คนซึ่งเป็นปุโรหิตร่วมกับพระเมษโปดกร้องถวายพระองค์: “พวกเขาร้องเพลงใหม่เพลงหนึ่งว่า ‘พระองค์คู่ควรจะรับม้วนหนังสือและแกะดวงตราออก เพราะพระองค์ถูกปลงพระชนม์แล้ว และพระองค์ทรงซื้อผู้คนจากทุกตระกูล ทุกภาษา ทุกชนชาติ และทุกประเทศด้วยพระโลหิตของพระองค์เพื่อถวายแด่พระเจ้า.’” (วิวรณ์ 5:9, ล.ม.) คำว่า “เพลงใหม่” ปรากฏในพระคัมภีร์หลายครั้งและโดยปกติแล้วหมายถึงการสรรเสริญพระยะโฮวาเนื่องจากปฏิบัติการอันทรงฤทธิ์บางอย่างในการช่วยให้รอด. (บทเพลงสรรเสริญ 96:1; 98:1; 144:9) ดังนั้น เพลงนี้จึงเป็นเพลงใหม่เพราะบัดนี้ผู้ร้องสามารถประกาศถึงราชกิจมหัศจรรย์ของพระยะโฮวาที่เพิ่มเข้ามา และแสดงการหยั่งรู้คุณค่าอีกครั้งหนึ่งต่อพระนามอันรุ่งโรจน์ของพระองค์.
18. ผู้ปกครอง 24 คนสรรเสริญพระเยซูด้วยเพลงใหม่ของพวกเขาเพื่ออะไร?
18 ทว่าในที่นี้ ผู้ปกครอง 24 คนร้องเพลงใหม่เฉพาะพระพักตร์พระเยซูแทนที่จะเป็นพระยะโฮวา. แต่หลักก็เหมือนกัน. พวกเขาสรรเสริญพระเยซูสำหรับสิ่งใหม่ ๆ ที่พระองค์ซึ่งอยู่ในฐานะพระบุตรของพระเจ้าทรงทำเพื่อผลประโยชน์ของพวกเขา. โดยทางพระโลหิตของพระองค์ พระองค์ทรงเป็นคนกลางแห่งสัญญาไมตรีใหม่ และด้วยเหตุนั้น จึงเป็นไปได้ในการให้กำเนิดชาติใหม่เป็นสมบัติพิเศษของพระยะโฮวา. (โรม 2:28, 29; 1 โกรินโธ 11:25; เฮ็บราย 7:18-25) สมาชิกแห่งชาติใหม่ฝ่ายวิญญาณนี้มาจากผู้คนหลายเชื้อชาติ แต่พระเยซูทรงรวบรวมพวกเขาเข้ามาเป็นประชาคมเดียวเสมือนเป็นชนชาติหนึ่ง.—ยะซายา 26:2; 1 เปโตร 2:9, 10.
19. (ก) พระพรอะไรซึ่งชนอิสราเอลโดยสายเลือดได้พลาดไปไม่ได้รับเนื่องจากความไม่ซื่อสัตย์ของพวกเขา? (ข) ชนชาติใหม่ของพระยะโฮวาได้มาชื่นชมกับพระพรอะไร?
19 ย้อนไปในสมัยโมเซ เมื่อพระยะโฮวาทรงรวบรวมชาวอิสราเอลเป็นชนชาติหนึ่งนั้น พระองค์ทรงทำสัญญาไมตรีกับพวกเขาและทรงสัญญาว่า หากพวกเขาคงความซื่อสัตย์ต่อสัญญาไมตรีนั้น พวกเขาจะได้เป็นอาณาจักรแห่งปุโรหิตเฉพาะพระพักตร์พระองค์. (เอ็กโซโด 19:5, 6) ชนชาติอิสราเอลไม่ซื่อสัตย์และจึงไม่ได้รับผลสมตามคำสัญญานั้น. ในทางตรงข้าม ชนชาติใหม่ ซึ่งก่อตั้งขึ้นโดยสัญญาไมตรีใหม่ซึ่งมีพระเยซูเป็นผู้กลางนั้น ได้รักษาความซื่อสัตย์ไว้. ฉะนั้น สมาชิกชนชาตินี้จึงจะปกครองแผ่นดินโลกในฐานะกษัตริย์และปฏิบัติหน้าที่ฐานะปุโรหิตด้วย ช่วยเหลือผู้มีหัวใจซื่อตรงท่ามกลางมนุษยชาติให้กลับคืนดีกับพระยะโฮวา. (โกโลซาย 1:20) เป็นไปดังเพลงใหม่บอกไว้: “แล้วพระองค์ทรงโปรดให้พวกเขาเป็นราชอาณาจักรและปุโรหิตของพระเจ้าของเรา และพวกเขาจะเป็นกษัตริย์ปกครองแผ่นดินโลก.” (วิวรณ์ 5:10, ล.ม.) ผู้ปกครอง 24 คนนั้นช่างมีความชื่นชมยินดีเสียจริง ๆ ในการร้องเพลงใหม่สรรเสริญพระเยซูผู้ทรงสง่าราศี!
การร้องเพลงประสานเสียงในสวรรค์
20. บัดนี้มีการเปล่งเสียงร้องเพลงสรรเสริญอะไรแก่พระเมษโปดก?
20 แล้วทูตสวรรค์จำนวนมากมายในองค์การของพระยะโฮวาได้ตอบรับเพลงใหม่นี้อย่างไร? โยฮันตื่นเต้นดีใจที่เห็นความพร้อมเพรียงอย่างเต็มใจจากพวกเขาดังนี้: “ข้าพเจ้าเห็นและได้ยินเสียงทูตสวรรค์มากมายที่อยู่รอบราชบัลลังก์นั้นรวมทั้งพวกสิ่งมีชีวิตและผู้ปกครองทั้งหลาย ทูตสวรรค์เหล่านั้นมีจำนวนหลายหมื่นคูณหลายหมื่นและหลายพันคูณหลายพัน พวกเขาพูดเสียงดังว่า ‘พระเมษโปดกซึ่งถูกปลงพระชนม์แล้วก็ทรงคู่ควรจะได้รับอำนาจ ทรัพย์สมบัติ สติปัญญา และฤทธิ์เดช รวมทั้งความนับถือ เกียรติยศ และพระพร.’” (วิวรณ์ 5:11, 12, ล.ม.) ช่างเป็นเพลงสรรเสริญที่ยังความประทับใจอะไรเช่นนี้!
21. การสรรเสริญพระเมษโปดกนั้นเป็นที่เสื่อมเสียแก่พระบรมเดชานุภาพและตำแหน่งของพระยะโฮวาไหม? จงอธิบาย.
21 ทั้งนี้หมายความว่า บัดนี้พระเยซูทรงดำรงตำแหน่งแทนที่พระยะโฮวาพระเจ้า และสิ่งทรงสร้างทั้งปวงหันมาสรรเสริญพระองค์แทนพระบิดาของพระองค์กระนั้นไหม? ไม่เลย! แทนที่จะเป็นเช่นนั้น เพลงสรรเสริญนี้ประสานกับสิ่งที่อัครสาวกเปาโลเขียนไว้ดังนี้: “พระเจ้าจึงได้ทรงยกพระองค์ขึ้นให้ดำรงตำแหน่งสูง และทรงโปรดประทานพระนามซึ่งเหนือนามอื่นทั้งหมดให้แก่พระองค์ เพื่อทุกหัวเข่าในสวรรค์ก็ดี ที่แผ่นดินโลกก็ดีและใต้พื้นแผ่นดินก็ดีจะได้กราบลงในพระนามของพระเยซู และลิ้นทุกลิ้นจะรับอย่างเปิดเผยว่าพระเยซูคริสต์เป็นองค์พระผู้เป็นเจ้าเพื่อถวายเกียรติยศแด่พระเจ้าพระบิดา.” (ฟิลิปปอย 2:9-11, ล.ม.) ณ ที่นี้ พระเยซูได้รับการยกย่องสรรเสริญเนื่องจากพระองค์ทรงมีส่วนในการจัดการกับประเด็นอันสำคัญยิ่งเฉพาะหน้าสรรพสิ่งซึ่งพระเจ้าได้สร้างขึ้นมา คือการพิสูจน์ความถูกต้องแห่งพระบรมเดชานุภาพอันชอบธรรมของพระยะโฮวา. การทำเช่นนี้นำสง่าราศีมาสู่พระบิดาของพระองค์อย่างแท้จริง!
เพลงสดุดีดังกังวานยิ่ง ๆ ขึ้น
22. ในเพลงสดุดีบทใดซึ่งมีเสียงจากแผ่นดินโลกร่วมอยู่ด้วย?
22 ในฉากที่โยฮันพรรณนานั้น เหล่าทูตสวรรค์กำลังโห่ร้องเป็นเพลงไพเราะถวายแด่พระเยซูด้วยการยอมรับในความซื่อสัตย์และอำนาจของพระองค์ในสวรรค์. การโห่ร้องนี้ มีเสียงจากแผ่นดินโลกร่วมอยู่ด้วย ขณะที่เสียงเหล่านี้มีส่วนในการสรรเสริญทั้งพระบิดาและพระบุตรเช่นกัน. ความสำเร็จของบุตรของมนุษย์สามารถนำชื่อเสียงเกียรติยศมาสู่บิดามารดาฉันใด แนวทางแห่งความภักดีของพระเยซูก็มีส่วนส่งเสริมให้สรรพสิ่งทรงสร้าง “ถวายเกียรติยศแด่พระเจ้าพระบิดา” ฉันนั้น. ด้วยเหตุนี้ โยฮันจึงเขียนต่อไปว่า “ข้าพเจ้าได้ยินสิ่งมีชีวิตทุกอย่างในสวรรค์ บนแผ่นดิน ใต้แผ่นดิน และในทะเล รวมทั้งทุกสิ่งในที่เหล่านั้นพูดว่า ‘ขอให้คำสรรเสริญ ความนับถือ เกียรติยศ และฤทธานุภาพจงมีแด่พระองค์ผู้ประทับบนราชบัลลังก์และแด่พระเมษโปดกตลอดไปเป็นนิตย์.’”—วิวรณ์ 5:13, ล.ม.
23, 24. (ก) อะไรบ่งบอกเวลาที่เพลงสดุดีนั้นเริ่มร้องกันในสวรรค์ และเวลาที่เริ่มร้องที่แผ่นดินโลก? (ข) ขณะที่หลายปีผ่านไป เพลงสดุดีนั้นยิ่งดังกังวานขึ้นโดยวิธีใด?
23 เพลงสดุดีอันยอดเยี่ยมนี้ดังขึ้นเมื่อไร? ตั้งแต่เริ่มต้นวันขององค์พระผู้เป็นเจ้า. หลังจากซาตานและผีปิศาจบริวารของมันถูกไล่ออกจากสวรรค์ “สิ่งมีชีวิตทุกอย่างในสวรรค์” จึงสามารถร่วมกันร้องเพลงสรรเสริญบทนี้. และดังที่ประวัติบันทึกแสดงให้เห็น นับแต่ปี 1919 ผู้คนจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ ทางแผ่นดินโลกนี้ได้ร่วมประสานเสียงร้องสรรเสริญพระยะโฮวา ซึ่งเพิ่มขึ้นจากจำนวนไม่กี่พันเป็นมากกว่าหกล้านคนในปี 2005.b หลังจากระบบทางโลกนี้ของซาตานถูกทำลาย “สิ่งมีชีวิตทุกอย่าง . . . บนแผ่นดิน” จะร้องเพลงสรรเสริญพระยะโฮวาและพระบุตรของพระองค์. เมื่อถึงเวลากำหนดของพระยะโฮวา การปลุกคนตายจำนวนนับไม่ถ้วนนับล้าน ๆ คนให้เป็นขึ้นมาก็จะเริ่มขึ้น และในตอนนั้น “สิ่งมีชีวิตทุกอย่าง . . . ใต้แผ่นดิน” ซึ่งอยู่ในความทรงจำของพระเจ้าจะมีโอกาสร่วมในการร้องเพลงสดุดีนี้.
24 มนุษย์นับล้าน ๆ คน “ตั้งแต่ปลายแผ่นดินโลก . . . ทะเลและ . . . หมู่เกาะ” กำลังร้องเพลงบทใหม่ร่วมกับองค์การของพระยะโฮวาทางแผ่นดินโลกอยู่แล้ว. (ยะซายา 42:10; บทเพลงสรรเสริญ 150:1-6) การร้องสรรเสริญด้วยความปีตินี้จะดังขึ้นถึงขีดสุดในตอนสิ้นรัชสมัยพันปี เมื่อมนุษยชาติถูกยกระดับขึ้นสู่ความสมบูรณ์. และหลังจากนั้น ซาตาน งูเฒ่า ผู้ล่อลวงตัวเอ้ ก็จะถูกทำลาย ซึ่งสำเร็จเป็นจริงอย่างครบถ้วนตามพระธรรมเยเนซิศ 3:15 และเมื่อถึงจุดสุดยอดแห่งชัยชนะ บรรดาสิ่งที่พระเจ้าสร้างที่มีชีวิต ทั้งกายวิญญาณและมนุษย์ จะร้องเพลงอย่างพร้อมเพรียงกันดังนี้: “ขอให้คำสรรเสริญ ความนับถือ เกียรติยศ และฤทธานุภาพจงมีแด่พระองค์ผู้ประทับบนราชบัลลังก์และแด่พระเมษโปดกตลอดไปเป็นนิตย์.” จะไม่มีเสียงใด ๆ ที่ไม่เห็นด้วยทั่วทั้งเอกภพ.
25. (ก) การอ่านบันทึกของโยฮันเกี่ยวด้วยเพลงสดุดีสากลนั้นกระตุ้นเราให้ทำอะไร? (ข) แบบอย่างอันยอดเยี่ยมอะไรที่สิ่งมีชีวิตทั้งสี่กับผู้ปกครอง 24 คนวางไว้สำหรับพวกเราในตอนที่นิมิตนั้นจบลง?
25 จะเป็นช่วงเวลาที่น่ายินดีอะไรเช่นนั้น! แน่นอน สิ่งที่โยฮันพรรณนาในที่นี้ทำให้หัวใจของเราพองโตด้วยความสุขและกระตุ้นเราให้ร่วมกับเหล่าทูตสวรรค์ในการร้องเพลงสรรเสริญพระยะโฮวาพระเจ้าและพระเยซูคริสต์อย่างเต็มใจ. เราตั้งใจแน่วแน่มากขึ้นกว่าก่อนมิใช่หรือที่จะอดทนอยู่ในการงานอันถูกต้อง? ถ้าเราทำเช่นนั้น เราจะคาดหวังได้ว่า ด้วยความช่วยเหลือจากพระยะโฮวา เราแต่ละคนจะอยู่ที่นั่น ณ จุดสุดยอดอันน่าปีตินั้น เปล่งเสียงของเราร้องร่วมกับเสียงร้องสรรเสริญพร้อม ๆ กันในเอกภพ. แน่นอน สิ่งมีชีวิตทั้งสี่ที่เป็นคะรูบและคริสเตียนผู้ถูกเจิมซึ่งได้รับการปลุกให้เป็นขึ้นจากตายต่างก็ร่วมกันเป็นเอกฉันท์ เพราะนิมิตนั้นจบลงด้วยถ้อยคำที่ว่า “แล้วสิ่งมีชีวิตสี่องค์นั้นจึงพูดว่า ‘อาเมน!’ และพวกผู้ปกครองก็หมอบลงนมัสการพระเจ้า.”—วิวรณ์ 5:14, ล.ม.
26. เราควรแสดงความเชื่อในสิ่งใด และพระเมษโปดกทรงเตรียมจะทำอะไร?
26 ขอให้คุณ ผู้อ่านที่รัก แสดงความเชื่อในเครื่องบูชาของพระเมษโปดก—‘ผู้คู่ควร’—และได้รับพระพรเนื่องในการที่คุณบากบั่นด้วยความถ่อมใจจะนมัสการและรับใช้พระยะโฮวา—“ผู้ประทับบนราชบัลลังก์.” จงให้ชนจำพวกโยฮันช่วยเหลือคุณในเวลานี้ขณะที่เขาจัดให้มี “อาหาร [ฝ่ายวิญญาณ] ตามเวลา” ที่จำเป็น. (ลูกา 12:42) แต่ดูซิ! พระเมษโปดกทรงเตรียมจะแกะดวงตราทั้งเจ็ดนั้นแล้ว. ตอนนี้การเปิดเผยที่น่าตื่นเต้นอะไรที่คอยท่าเราอยู่?
[เชิงอรรถ]
a เมื่อพูดกันตามหลักไวยากรณ์แล้ว ถ้อยคำที่ว่า “แต่ละคนถือพิณและขันทองคำที่มีเครื่องหอมอยู่เต็ม” นั้นอาจหมายถึงทั้งผู้ปกครองและสิ่งมีชีวิตทั้งสี่. อย่างไรก็ตาม บริบททำให้เห็นชัดเจนว่า ข้อความนั้นหมายถึงเฉพาะผู้ปกครอง 24 คนเท่านั้น.
b โปรดดูตารางในหน้า 64.
[ภาพหน้า 86]