บท 22
ราชอาณาจักรจะทำให้โลกเป็นอย่างที่พระเจ้าตั้งใจไว้
1, 2. (ก) ทำไมบางครั้งคุณอาจนึกภาพแทบไม่ออกว่าอุทยานเป็นเรื่องจริง? (ข) อะไรอาจทำให้เราเชื่อมั่นมากขึ้นในเรื่องคำสัญญาต่าง ๆ ของพระเจ้า?
พี่น้องชายที่ซื่อสัตย์คนหนึ่งมาถึงหอประชุม เขาเหนื่อยล้าเพราะคร่ำเคร่งกับงานมาทั้งวัน เจ้านายที่เอาใจยากก็ใช้งานเขาอย่างกับทาส การเอาใจใส่ดูแลครอบครัวก็เป็นปัญหาที่ทำให้เครียดอยู่บ่อย ๆ แถมยังมีเรื่องความเจ็บป่วยของภรรยาอีก พอเสียงดนตรีดังขึ้นตอนเปิดการประชุม เขาก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก รู้สึกดีใจที่วันนี้มาร่วมประชุมกับพี่น้องได้ นี่เป็นเพลงที่เกี่ยวกับความหวังเรื่องชีวิตในอุทยาน และเนื้อร้องก็ชวนให้เขานึกภาพความหวังในอนาคต และเห็นตัวเองอยู่ในภาพนั้นด้วย เขาชอบเพลงนี้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้ยิน และเมื่อร้องเพลงนี้กับลูก ๆ และภรรยา หัวใจที่ห่อเหี่ยวก็มีกำลังฮึดสู้ต่อไป
2 คุณเคยรู้สึกอย่างนี้บ้างไหม? หลายคนตอบว่าเคย แต่ชีวิตในโลกทุกวันนี้อาจทำให้เรานึกภาพแทบไม่ออกว่าอุทยานที่พระเจ้าสัญญาเป็นเรื่องจริง เพราะสมัยนี้เป็นช่วงเวลาที่ “ยากจะรับมือได้” และสภาพโลกที่เราอยู่ในเวลานี้ก็ต่างกันอย่างลิบลับกับอุทยาน (2 ติโม. 3:1) อะไรจะช่วยให้เรามองว่าความหวังนี้เป็นเรื่องจริง? แล้วเราจะมั่นใจได้อย่างไรว่าอีกไม่ช้าราชอาณาจักรจะมาปกครองมนุษย์ทั่วโลก? ให้เรามาดูคำพยากรณ์ของพระยะโฮวาบางข้อที่เกิดขึ้นจริงในยุคโบราณซึ่งประชาชนของพระเจ้าได้เห็นกับตามาแล้ว จากนั้นเราจะมาทบทวนว่าคำพยากรณ์เหล่านั้นและข้ออื่น ๆ ที่คล้ายกันเกิดขึ้นจริงอย่างไรในปัจจุบัน ซึ่งจะช่วยให้เรามีความเชื่อเข้มแข็งขึ้น แล้วเราจะดูว่าเรื่องนี้มีความสำคัญต่ออนาคตของเราอย่างไร
พระยะโฮวาทำให้คำสัญญาต่าง ๆ เป็นจริงในยุคโบราณอย่างไร?
3. คำสัญญาอะไรที่แจ่มชัดอยู่ในใจของเชลยชาวยิวในกรุงบาบิโลนเสมอ?
3 ลองนึกภาพเชลยชาวยิวที่อยู่ในกรุงบาบิโลนสมัยศตวรรษที่ 6 ก่อน ค.ศ. และคิดดูว่าสภาพชีวิตของพวกเขาจะเป็นอย่างไร หลายคนเติบโตขึ้นในช่วงที่ทั้งตัวเขาและพ่อแม่ตกเป็นเชลย ชีวิตจึงยากลำบากมาก พวกเขาถูกชาวบาบิโลนเหยียดหยามเพราะมีความเชื่อในพระยะโฮวา (เพลง. 137:1-3) ตลอดหลายสิบปีนั้น ชาวยิวที่ซื่อสัตย์ยังคงยึดมั่นกับความหวังเรื่องหนึ่งอยู่เสมอ ซึ่งก็คือคำสัญญาที่ว่าพระยะโฮวาจะรวบรวมและพาประชาชนของพระองค์กลับไปยังบ้านเกิดเมืองนอนของเขา พระยะโฮวาบอกว่าที่นั่นจะน่าอยู่อาศัยจริง ๆ และถึงกับเปรียบแผ่นดินยูดาห์ที่จะได้รับการฟื้นฟูขึ้นใหม่กับสวนเอเดน! (อ่านยะซายา 51:3) คำสัญญาหลายข้อที่คล้าย ๆ กันนี้เป็นคำรับรองที่ประชาชนของพระเจ้าเชื่อหมดใจว่าจะต้องเป็นจริง อย่างไรล่ะ? ให้เรามาดูคำพยากรณ์บางข้อที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้โดยตรง
4. พระยะโฮวารับรองกับชาวยิวอย่างไรเรื่องความปลอดภัยในแผ่นดินยูดาห์?
4 ความปลอดภัย เชลยชาวยิวไม่ได้กลับไปอยู่ในแผ่นดินที่สวยงามตามตัวอักษร แต่มันรกร้างมานานถึง 70 ปี และคนที่เคยเห็นแผ่นดินนั้นก็มีเหลืออยู่เพียงไม่กี่คน ในสมัยพระคัมภีร์ ดินแดนต่าง ๆ แถบนั้นมักมีสัตว์ล่าเหยื่อหลายชนิดมาอาศัยอยู่ เช่น สิงโต หมาป่า และเสือดาว คนที่รักครอบครัวก็อาจคิดในใจว่า ‘ผมจะปกป้องไม่ให้สัตว์พวกนี้มาทำอันตรายลูกเมียผมได้อย่างไร? ไหนจะแกะและวัวอีกล่ะ ผมจะปกป้องดูแลพวกมันอย่างไร?’ ความวิตกกังวลแบบนี้ไม่ใช่เรื่องแปลก ตอนนี้ลองคิดถึงคำสัญญาของพระเจ้าที่บันทึกไว้ในยะซายา 11:6-9 และดูว่าคำสัญญานี้ช่วยให้พวกเขามีกำลังใจขึ้นอย่างไร (อ่าน) พระยะโฮวารับรองกับเชลยชาวยิวด้วยคำพูดที่น่าประทับใจว่าทั้งพวกเขาและสัตว์เลี้ยงจะปลอดภัย สิงโตจะกินฟางในความหมายที่ว่า พวกมันจะไม่มากัดกินฝูงสัตว์ของชาวยิว ผู้ซื่อสัตย์ของพระเจ้าไม่ต้องกลัวสัตว์นักล่าเหล่านั้น พระยะโฮวาสัญญาว่าประชาชนของพระองค์จะปลอดภัยในแผ่นดินยูดาห์ที่ได้รับการฟื้นฟูขึ้นใหม่ แม้แต่ในถิ่นทุรกันดารหรือในป่า—ยเอศ. 34:25
5. คำพยากรณ์อะไรที่ช่วยให้ชาวยิวมั่นใจว่าพระยะโฮวาจะดูแลพวกเขาให้มีสิ่งจำเป็นอย่างอุดมสมบูรณ์เมื่อกลับไปยังแผ่นดินของตน?
5 ความอุดมสมบูรณ์ เรื่องที่อาจทำให้กังวลก็ยังมีอีก เช่น ‘ผมจะหาเลี้ยงครอบครัวได้ไหมในแผ่นดินที่ต้องกลับไปพลิกฟื้นขึ้นใหม่? เราจะอยู่ที่ไหน? จะมีงานอะไรให้ทำไหม? หรือจะยอมเป็นเชลยให้พวกบาบิโลนเหยียบย่ำต่อไปดีกว่า?’ โดยทางคำพยากรณ์ที่ได้รับการดลใจ พระยะโฮวาตอบคำถามเหล่านั้นแบบที่เข้าใจความรู้สึกของพวกเขา พระองค์สัญญาว่าคนที่เชื่อฟังจะได้เห็นฝนที่ชุ่มฉ่ำแน่นอน แล้วแผ่นดินก็จะ “อุดมสมบูรณ์” (ยซา. 30:23) ส่วนเรื่องที่อยู่อาศัยกับงานที่น่าพอใจล่ะ พระยะโฮวาสัญญาว่า “คนไหนปลูกสร้าง คนนั้นก็ได้อยู่ และคนไหนทำสวนองุ่น คนนั้นก็ได้กินผล เขาจะไม่ต้องสร้างให้คนอื่นอยู่ และไม่ปลูกให้คนอื่นกิน” (ยซา. 65:21, 22) แน่ล่ะ อะไร ๆ หลายอย่างในชีวิตคงต้องดีกว่าการเป็นเชลยในบาบิโลนซึ่งเป็นดินแดนของคนที่ไม่นับถือพระเจ้า แต่เรื่องที่น่าเป็นห่วงที่สุดก็คือ ปัญหาเดิมที่ทำให้ชาวยิวตกเป็นเชลยในสมัยนั้นจะเกิดขึ้นกับพวกเขาอีกไหม?
6. (ก) ประชาชนของพระเจ้ามีสภาพเหมือนคนป่วยเพราะอะไร? (ข) พระยะโฮวาให้คำรับรองเรื่องอะไรกับคนที่กลับไปยังแผ่นดินยูดาห์?
6 ความสัมพันธ์ที่ดีกับพระเจ้า นานก่อนที่จะถูกเนรเทศ ชาวยิวมีสภาพเหมือนกับคนป่วยเพราะแทบไม่มีความสัมพันธ์ที่ดีกับพระเจ้าเลย พระยะโฮวาจึงพูดผ่านทางผู้พยากรณ์ยะซายาห์ว่า พวกเขา “เจ็บ” ไปทั้งศีรษะและจิตใจก็ “อ่อนเปลี้ย” (ยซา. 1:5, ฉบับคิงเจมส์ ) ในสายตาของพระเจ้า พวกเขาเป็นเหมือนคนพิการซ้ำซ้อนทั้งตาบอดและหูหนวก เพราะพวกเขาทำเป็นหูทวนลมไม่ยอมฟังคำแนะนำ และทำเป็นมองไม่เห็นสิ่งที่พระเจ้าพยายามทำเพื่อพวกเขา (ยซา. 6:10; ยิระ. 5:21; ยเอศ. 12:2) ถ้าปัญหาเดิม ๆ ยังอยู่ พวกเขาจะมีความมั่นคงได้อย่างไร? เดี๋ยวพระยะโฮวาก็จะไม่ยอมรับพวกเขาอีกใช่ไหม? แต่พระยะโฮวาให้คำสัญญาที่ทำให้ประชาชนของพระองค์มั่นใจว่า “ในวันนั้นคนหูหนวกจะได้ยินคำที่เขาอ่านจากหนังสือ และตาของคนตาบอดจะเห็นได้ พ้นจากสภาพความมัวมืด” (ยซา. 29:18) พระยะโฮวาจะรักษาคนที่สำนึกผิดและกลับใจจริง ๆ ให้มีความสัมพันธ์ที่ดีกับพระองค์อีก และถ้าพวกเขาเชื่อฟังและทำตามคำแนะนำ พระองค์ก็จะเป็นแสงส่องนำชีวิตของพวกเขาตลอดไป
7. (ก) พระยะโฮวาทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับเชลยชาวยิวอย่างไร? (ข) ทำไมการทบทวนเรื่องเหล่านี้จึงทำให้ความเชื่อของเราเข้มแข็งขึ้น?
7 พระยะโฮวาทำตามสัญญาที่ให้ไว้ไหม? บันทึกทางประวัติศาสตร์ให้หลักฐานว่าพระยะโฮวาอวยพรชาวยิวที่กลับไปยังบ้านเกิดให้อยู่อย่างปลอดภัย มีสิ่งจำเป็นอย่างอุดมสมบูรณ์ และมีความสัมพันธ์ที่ดีกับพระองค์ ตัวอย่างเช่น พระยะโฮวาปกป้องพวกเขาจากชาติที่อยู่ใกล้เคียงซึ่งมีทั้งจำนวนและกำลังเหนือกว่าพวกเขาหลายเท่า สัตว์ร้ายก็ไม่มาทำอันตรายฝูงสัตว์ของพวกเขา ที่จริง ชาวยิวได้เห็นคำพยากรณ์เกี่ยวกับอุทยานที่ยะซายาห์ ยิระมะยาห์ และยะเอศเคลบันทึกไว้เกิดขึ้นจริง และแม้ว่าเรื่องนั้นจะเกิดขึ้นในขอบเขตเล็ก ๆ แต่ประชาชนของพระเจ้าก็ตื่นเต้นดีใจ เพราะพวกเขาได้รับความช่วยเหลือที่ดีที่สุดในเวลาที่พวกเขาต้องการพอดี เมื่อเราทบทวนดูสิ่งต่าง ๆ ที่พระยะโฮวาทำเพื่อประชาชนของพระองค์ในตอนนั้น ความเชื่อของเราก็จะยิ่งเข้มแข็งขึ้น ถ้าคำพยากรณ์ที่เกิดขึ้นจริงในขอบเขตเล็ก ๆ ยังน่าตื่นเต้นขนาดนี้ แล้วในขอบเขตที่ใหญ่กว่าจะน่าตื่นเต้นขนาดไหนล่ะ? ให้เรามาดูว่าพระยะโฮวาทำอะไรเพื่อพวกเราในเวลานี้บ้าง
พระยะโฮวาเริ่มทำให้คำสัญญาของพระองค์เป็นจริงในสมัยของเราอย่างไร?
8. ประชาชนของพระเจ้าในทุกวันนี้อยู่ใน “แผ่นดิน” แบบไหน?
8 เราอาจถือได้ว่าประชาชนของพระยะโฮวาในสมัยนี้เป็นชาติหนึ่ง แต่พวกเขาไม่ได้ครอบครองดินแดนหรือมาอยู่รวมกันหมดในประเทศเดียว คริสเตียนผู้ถูกเจิมประกอบกันเป็นชาติที่พระเจ้าเลือก ซึ่งก็คือ “อิสราเอลของพระเจ้า” (กลา. 6:16) เพื่อนของพวกเขาที่เรียกว่า “แกะอื่น” ก็มาอยู่กับพวกเขาในองค์การของพระเจ้าซึ่งเปรียบเหมือน “แผ่นดิน” และพร้อมใจกันทำสิ่งต่าง ๆ เพื่อนมัสการพระยะโฮวา โดยถือว่าการนมัสการเป็นเรื่องสำคัญที่สุดในชีวิต (โย. 10:16; ยซา. 66:8) แล้ว “แผ่นดิน” แบบไหนล่ะที่พระยะโฮวาให้เราอยู่? ก็คือสังคมพี่น้องที่มีแต่ความสงบสุข และในสังคมนี้เองที่พระเจ้าสัญญาว่าความสงบสุขแบบสวนเอเดนจะมีให้เห็นจริง ๆ ให้เรามาดูตัวอย่างที่น่าทึ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วยกันสัก 2-3 ตัวอย่าง
9, 10. (ก) คำพยากรณ์ในยะซายา 11:6-9 เกิดขึ้นจริงในเวลานี้อย่างไร? (ข) มีหลักฐานอะไรที่แสดงว่าประชาชนของพระเจ้าอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข?
9 ความปลอดภัย คำพยากรณ์ที่บันทึกไว้ในยะซายา 11:6-9 ทำให้เรามองเห็นภาพที่สวยงามคือ มนุษย์กับสัตว์เลี้ยงของเขาอยู่ร่วมกับสัตว์ป่าที่ดุร้ายอย่างมีความสุขและปลอดภัย สังคมพี่น้องในทุกวันนี้ก็เป็นแบบนั้นด้วย ในข้อ 9 ของข้อคัมภีร์นี้ช่วยให้เรารู้ว่าทำไมสัตว์ดุร้ายจึงไม่ทำอันตรายหรือก่อความเสียหายอีกต่อไป ข้อนั้นอ่านว่า “เพราะแผ่นดินโลกจะเต็มไปด้วยความรู้ฝ่ายพระยะโฮวาดุจน้ำท่วมเต็มมหาสมุทร” แล้วสัตว์จะเปลี่ยนพฤติกรรมไหมเมื่อได้รับ “ความรู้ฝ่ายพระยะโฮวา”? ไม่! มนุษย์ต่างหากที่เปลี่ยนแปลงตัวเองหลังจากได้มารู้จักพระเจ้าองค์สูงสุด และเรียนรู้วิธีที่จะทำตามแนวทางที่สงบสุขของพระองค์ ด้วยเหตุนี้ ความรักความอบอุ่นจึงเกิดขึ้นจริงตามคำพยากรณ์ข้อนั้น ซึ่งเราก็มองเห็นได้ในสังคมพี่น้องของเราในทุกวันนี้ โดยทางราชอาณาจักร ผู้ติดตามพระคริสต์เรียนรู้ว่าเขาต้องถอดเขี้ยวถอดเล็บ เลิกนิสัยดุร้ายแบบสัตว์ และใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับพี่น้องอย่างสงบสุข
10 ตัวอย่างเช่น ในหนังสือเล่มนี้เราได้พูดถึงเหตุผลตามหลักพระคัมภีร์ที่คริสเตียนรักษาความเป็นกลาง และการกดขี่ข่มเหงที่เกิดขึ้นกับประชาชนของพระเจ้าเพราะการรักษาจุดยืนเกี่ยวกับเรื่องนี้ ในโลกที่เต็มไปด้วยความรุนแรงนี้ น่าทึ่งจริง ๆ ใช่ไหมที่ประชาชนจำนวนไม่น้อยของ “ชาติ” หนึ่งถึงกับยอมถูกขู่ฆ่า แต่ไม่ยอมมีส่วนเกี่ยวข้องกับความรุนแรงทุกรูปแบบ นี่เป็นหลักฐานยืนยันว่าประชาชนของกษัตริย์มาซีฮามีความสงบสุขเหมือนที่ยะซายาห์เคยพูดไว้ไม่มีผิด! พระเยซูประกาศว่าความรักที่พวกเขามีต่อกันจะเป็นสิ่งที่ทำให้ผู้คนรู้ว่าพวกเขาคือสาวกของท่าน (โย. 13:34, 35) และตอนนี้พระคริสต์ก็กำลังใช้ “ทาสสัตย์ซื่อและสุขุม” เพื่อสอนพี่น้องคริสเตียนทุกคนในประชาคมให้อยู่ร่วมกันด้วยความรัก ความอ่อนโยน และมีสันติ—มัด. 24:45-47
11, 12. โลกนี้ขาดแคลนอะไร แต่ประชาชนของพระยะโฮวาได้รับอะไรอย่างอุดมสมบูรณ์?
11 ความอุดมสมบูรณ์ โลกนี้ขาดแคลนความรู้เกี่ยวกับพระเจ้า คัมภีร์ไบเบิลเตือนว่า “‘นี่แน่ะ วันทั้งหลายจะมา เมื่อเราจะยังความกันดารให้มีในแผ่นดินมิใช่กันดารอาหารแลกระหายน้ำ คือกันดารเพราะจะมิได้ฟังคำแห่งพระยะโฮวา’” (อาโมศ 8:11) ประชาชนของพระเจ้าอดอยากด้วยไหม? พระยะโฮวาบอกล่วงหน้าถึงความแตกต่างระหว่างประชาชนของพระองค์กับพวกศัตรูว่า “ผู้รับใช้ของเราจะมีกิน แต่พวกเจ้าจะหิว ดูเถิด ผู้รับใช้ของเราจะมีดื่ม แต่พวกเจ้าจะระหาย ดูเถิด ผู้รับใช้ของเราจะอิ่มอกอิ่มใจ แต่พวกเจ้าจะอับอายอดสู” (ยซา. 65:13) คุณเห็นว่าคำพยากรณ์นี้เกิดขึ้นจริงไหม?
12 การจัดเตรียมต่าง ๆ ของพระเจ้าเป็นเหมือนสายน้ำที่ทั้งลึกและกว้างใหญ่หลั่งไหลมาถึงเราอย่างไม่ขาดสาย สิ่งพิมพ์เกี่ยวกับคัมภีร์ไบเบิล เช่น สื่อบันทึกเสียงและวีดีโอ การประชุมต่าง ๆ และการประชุมใหญ่ รวมทั้งความรู้มากมายในเว็บไซต์ ทั้งหมดนี้เป็นเหมือนสายน้ำที่ไหลมาค้ำจุนชีวิตเรา ขณะที่คนส่วนใหญ่ในโลกหิวกระหายเพราะไม่ได้รับความรู้ของพระเจ้า (ยเอศ. 47:1-12; โยเอล 3:18) คุณตื่นเต้นไหมที่ได้รับสิ่งเหล่านี้ในแต่ละวันอย่างอุดมสมบูรณ์ตามที่พระยะโฮวาสัญญาไว้? ขอคุณอย่าลืมกินอาหารจากโต๊ะของพระยะโฮวาเป็นประจำทุกวัน!
13. คุณเห็นคำสัญญาของพระยะโฮวาเป็นจริงอย่างไรในเรื่องที่ว่า คนตาบอดจะมองเห็น และคนหูหนวกจะได้ยิน?
13 ความสัมพันธ์ที่ดีกับพระเจ้า คนมากมายในทุกวันนี้มีสภาพเหมือนคนตาบอดและหูหนวก (2 โค. 4:4) แต่พระคริสต์ก็กำลังรักษาคนที่มีสภาพแบบนี้ทั่วโลก อย่างเช่น คุณเคยเห็นคนตาบอดกลับมองเห็นได้ และคนหูหนวกกลับได้ยินไหม? คุณเคยเห็นคนที่ได้รับความรู้ที่ถูกต้องเกี่ยวกับความจริงในคัมภีร์ไบเบิลไหม? คนเหล่านั้นหันหลังให้คำสอนทางศาสนาที่เต็มไปด้วยคำโกหกซึ่งเคยทำให้พวกเขาตาบอดและไม่ได้ยินความจริง ถ้าคุณเคยเห็น คุณก็จะรู้ว่าเรื่องนี้เป็นจริงตามคำสัญญาที่ว่า “ในวันนั้นคนหูหนวกจะได้ยินคำที่เขาอ่านจากหนังสือ และตาของคนตาบอดจะเห็นได้ พ้นจากสภาพความมัวมืด” (ยซา. 29:18) ทุก ๆ ปี มีหลายแสนคนทั่วโลกพบความจริงซึ่งช่วยให้หลุดพ้นจากความมืดบอดเช่นนั้น ทุกคนที่ออกจากบาบิโลนใหญ่และเข้ามานมัสการพระเจ้าร่วมกับเราในสังคมพี่น้องที่เปรียบเหมือนอุทยาน เป็นหลักฐานที่มีชีวิตซึ่งยืนยันได้ว่าคำสัญญาของพระยะโฮวาเป็นจริง!
14. การคิดทบทวนหลักฐานเรื่องอะไรที่จะช่วยเสริมสร้างความเชื่อของเราให้เข้มแข็งขึ้น?
14 แต่ละบทของหนังสือนี้ให้หลักฐานที่หนักแน่นว่าพระคริสต์ได้นำผู้ติดตามท่านมาอยู่ในสังคมคริสเตียนแท้ที่เหมือนกับอุทยานในช่วงเวลาอวสานนี้ ขอให้เราคิดทบทวนเสมอว่าเราได้รับการอวยพรอย่างไรบ้างขณะที่อยู่ในอุทยานนี้ ยิ่งใคร่ครวญ เราก็ยิ่งเชื่อมั่นมากขึ้นว่าคำสัญญาของพระยะโฮวาเกี่ยวกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตจะต้องเป็นจริง
“ขอให้ราชอาณาจักรของพระองค์มา”
15. ทำไมเรามั่นใจว่าแผ่นดินโลกจะกลายเป็นอุทยาน?
15 พระยะโฮวาตั้งใจไว้นานแล้วว่าจะทำให้ทั้งโลกกลายเป็นอุทยาน พระองค์ให้อาดามและฮาวาอยู่ในสวนที่สวยงาม พระองค์ยังบอกพวกเขาให้มีลูกหลานจนเต็มแผ่นดินโลก และให้ช่วยกันดูแลสัตว์ต่าง ๆ (เย. 1:28) แต่อาดามและฮาวากลับไปร่วมมือกับซาตานในการกบฏ และยังยัดเยียดความไม่สมบูรณ์ บาป และความตายให้กับลูกหลานทุกคน แต่พระเจ้าก็ไม่เคยเลิกล้มความตั้งใจ เพราะทุกคำที่พระองค์พูดจะต้องเป็นจริงเสมอ (อ่านยะซายา 55:10, 11) เรามั่นใจได้ว่า ลูกหลานของอาดามและฮาวาจะมีมากมายเต็มแผ่นดินโลกที่เป็นอุทยาน พวกเขาจะเอาใจใส่ดูแลสิ่งต่าง ๆ ที่พระยะโฮวาสร้างไว้ ถึงตอนนั้นคำพยากรณ์เกี่ยวกับชีวิตในอุทยานที่พระเจ้าเคยบอกกับเชลยชาวยิวตั้งแต่แรกก็จะเกิดขึ้นจริงทุกประการ! ให้เรามาดูบางตัวอย่างด้วยกัน
16. คัมภีร์ไบเบิลพูดถึงความปลอดภัยในอุทยานอย่างไร?
16 ความปลอดภัย ในที่สุด คำพูดในยะซายา 11:6-9 ที่ช่วยให้มองเห็นภาพงดงามจะเกิดขึ้นจริงทุกอย่างแม้แต่ในความหมายตามตัวอักษรด้วย ทุกคนที่อยู่บนโลกนี้ทั้งชาย หญิง และเด็ก ๆ จะไปไหนมาไหนได้อย่างปลอดภัยและสบายใจ จะไม่มีมนุษย์หรือแม้แต่สัตว์มาทำร้ายเขา ลองนึกถึงวันที่คุณจะได้เห็นทั้งโลกเป็นเหมือนบ้านของคุณ คุณจะว่ายน้ำในแม่น้ำ ในทะเลสาบ หรือทะเลก็ได้ คุณจะเดินข้ามเขาเป็นลูก ๆ ท่องไปในทุ่งหญ้าป่าโปร่งได้แบบที่ไม่มีอันตรายอะไรเลย พอตกกลางคืนคุณก็นอนหลับได้อย่างหมดห่วง ข้อความในยะเอศเคล 34:25 (ฉบับคิงเจมส์ ) จะเป็นจริงถึงขนาดที่ประชาชนของพระเจ้าจะ “อาศัยอยู่ในถิ่นทุรกันดารอย่างปลอดภัย และนอนอยู่ในป่าไม้”
17. ทำไมเรามั่นใจว่าเมื่อราชอาณาจักรของพระเจ้ามาปกครองทั่วทั้งโลก พระองค์จะดูแลให้เรามีสิ่งจำเป็นอย่างอุดมสมบูรณ์?
17 ความอุดมสมบูรณ์ ลองนึกภาพสมัยที่จะไม่มีความยากจน ความหิวโหย การขาดแคลนอาหารอีกต่อไป หรือไม่ต้องมีสวัสดิการเพื่อช่วยเหลือคนยากไร้ การเลี้ยงดูประชาชนของพระเจ้าอย่างอุดมสมบูรณ์โดยทางองค์การของพระองค์ในทุกวันนี้เป็นหลักประกันว่า กษัตริย์มาซีฮาจะดูแลประชาชนในทุก ๆ ด้าน เมื่อพระเยซูอยู่บนแผ่นดินโลก ท่านแสดงให้เห็นในขอบเขตเล็ก ๆ ว่า ท่านทำให้คำสัญญาเหล่านั้นเกิดขึ้นจริงได้โดยเลี้ยงอาหารคนหลายพันคนที่กำลังหิวด้วยขนมปังเพียงไม่กี่ชิ้นกับปลาไม่กี่ตัว (มัด. 14:17, 18; 15:34-36; มโก. 8:19, 20) เมื่อราชอาณาจักรของพระเจ้าปกครองทั่วทั้งแผ่นดินโลก คำพยากรณ์แบบนี้จะเกิดขึ้นจริงที่ว่า “พระองค์จะทรงประทานฝนสำหรับเมล็ดพืชที่เจ้าจะหว่านลงบนดิน และทรงให้เกิดข้าวสาลีเป็นพืชผลของที่ดิน ซึ่งจะเป็นผลอย่างอุดมสมบูรณ์ ในวันนั้นฝูงโคของเจ้าก็จะกินหญ้าอยู่ในทุ่งกว้าง”—ยซา. 30:23
18, 19. (ก) คำพยากรณ์ที่บันทึกไว้ในยะซายา 65:20-22 มีความหมายต่อคุณอย่างไร? (ข) อายุของเราจะเป็นเหมือน “อายุของต้นไม้” ในความหมายใด?
18 ทุกวันนี้ หลายคนอาจนึกภาพไม่ออกว่าเขาจะมีบ้านที่น่าอยู่ หรือมีงานที่น่าพอใจได้อย่างไร ในระบบที่เสื่อมทรามนี้หลายคนรู้สึกว่าพวกเขาทำงานหนักทั้งวันแต่ก็แทบไม่มีอะไรดี ๆ เหลือให้ตัวเองหรือคนในครอบครัวเลย ขณะที่คนรวยและคนโลภก็ตักตวงผลประโยชน์ไปหมด ลองนึกภาพว่าชีวิตจะเป็นอย่างไรเมื่อคำพยากรณ์นี้เกิดขึ้นจริงทั่วทั้งโลก “คนไหนปลูกสร้าง คนนั้นก็ได้อยู่ และคนไหนทำสวนองุ่น คนนั้นก็ได้กินผล เขาจะไม่ต้องสร้างให้คนอื่นอยู่ และไม่ปลูกให้คนอื่นกิน เพราะว่าอายุของต้นไม้จะเป็นอายุของพลเมืองของเรา และหัตถกรรมของเขา เราจะเลือกสรรไว้เป็นของเราให้มีความยินดีจนถึงที่สุดปลาย”—ยซา. 65:20-22
19 สำนวนที่ว่าอายุของเราจะเหมือนกับ “อายุของต้นไม้” หมายความว่าอย่างไร? เมื่อคุณยืนอยู่ตรงโคนต้นไม้ใหญ่ คุณคำนวณอายุของมันในใจ แล้วคุณก็คงจะทึ่งมากเพราะมันอาจมีชีวิตอยู่นานก่อนที่ปู่ย่าตายายของคุณจะเกิดด้วยซ้ำ คุณอาจคิดว่า ถ้าคุณยังเป็นมนุษย์ไม่สมบูรณ์เหมือนตอนนี้ ต้นไม้ที่ใหญ่โตแบบนั้นก็น่าจะมีอายุยืนยาวกว่าคุณ มันยังแผ่กิ่งก้านและมีชีวิตอยู่ต่อไปเรื่อย ๆ แม้แต่หลังจากที่คุณตายไปแล้ว ดังนั้น เมื่อพระยะโฮวาบอกว่าอายุของเราจะเหมือนกับอายุของต้นไม้ นี่จึงเป็นคำรับรองที่ทำให้มั่นใจว่าชีวิตของเราจะยืนยาวและสงบสุขในอุทยาน! (เพลง. 37:11, 29) วันนั้นแม้แต่ต้นไม้ที่อายุยืนยาวก็จะเป็นเหมือนต้นหญ้าที่อยู่ไม่นานก็เหี่ยวเฉาและตายไป ในขณะที่เราจะมีชีวิตยืนยาวตลอดไป!
20. ประชาชนที่ชื่อสัตย์ของราชอาณาจักรจะมีสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรงได้อย่างไร?
20 สุขภาพสมบูรณ์แข็งแรง ทุกวันนี้ไม่มีใครหนีความเจ็บป่วยและความตายได้ ที่จริง เราทุกคน ก็ติดโรคร้ายแรงที่เรียกว่าบาป และสิ่งเดียวที่จะรักษาได้คือ ค่าไถ่ของพระคริสต์ (โรม 3:23; 6:23) ในช่วง 1,000 ปีที่พระเยซูปกครอง ท่านกับผู้ร่วมปกครองจะช่วยประชาชนให้ได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่จากค่าไถ่นั้น มนุษย์ที่ซื่อสัตย์ทุกคนจะหลุดพ้นจากบาปที่ติดตัวมา แล้วคำพยากรณ์ของยะซายาห์ก็จะเป็นจริงในความหมายที่ครบถ้วนที่ว่า “จะไม่มีใครที่อาศัยอยู่ที่นั่นพูดว่า ‘ข้าพเจ้าป่วยอยู่’ เพราะเหตุว่าพลเมืองทั้งหมดจะได้รับการอภัยโทษแล้ว” (ยซา. 33:24) ลองนึกภาพสมัยที่จะไม่มีใครตาบอด หูหนวก หรือพิการดูสิ (อ่านยะซายา 35:5, 6) ไม่มีโรคอะไรที่พระเยซูรักษาไม่ได้ จะป่วยใจป่วยกายหรือป่วยทางอารมณ์ก็รักษาได้หมด ประชาชนที่ชื่อสัตย์ของราชอาณาจักรจะมีสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรง!
21. มีคำสัญญาอะไรเกี่ยวกับความตาย และทำไมคุณรู้สึกว่านี่เป็นคำสัญญาที่ทำให้คุณสุขใจ?
21 แล้วความตายล่ะ? ความตายมักเกิดจากความเจ็บป่วยและเป็นผลของบาป มนุษย์ไม่สมบูรณ์ทุกคนต้องพ่ายแพ้ “ศัตรูตัวสุดท้าย” นี้ไม่ช้าก็เร็ว (1 โค. 15:26) แต่ความตายเป็นศัตรูที่น่ากลัวสำหรับพระยะโฮวาไหม? ขอให้ดูคำพยากรณ์ของยะซายาห์ที่บอกว่า “พระองค์จะทรงทำลายความตายให้สาบสูญ และพระยะโฮวาจะทรงเช็ดน้ำตาจากหน้าของคนทั่วไป” (ยซา. 25:8) คุณนึกภาพสมัยนั้นออกไหม? สมัยที่จะไม่มีหลุมฝังศพ ไม่มีสุสาน ไม่มีน้ำตาของความโศกเศร้าอีกต่อไป! ตอนนั้นจะมีแต่น้ำตาของความยินดีเมื่อคนตายกลับฟื้นขึ้นมาจริง ๆ ตามคำสัญญาที่พระยะโฮวาให้ไว้! (อ่านยะซายา 26:19) ในที่สุดความเสียหายที่เกิดจากความตายตลอดประวัติศาสตร์มนุษย์ก็จะหมดไป
22. หลังจากรัฐบาลมาซีฮาทำให้ทุกอย่างบนแผ่นดินโลกเป็นไปตามที่พระเจ้าตั้งใจไว้ จะมีอะไรเกิดขึ้นอีก?
22 ในตอนท้ายของช่วง 1,000 ปี ราชอาณาจักรจะทำให้ทุกสิ่งบนแผ่นดินโลกเป็นไปตามที่พระเจ้าตั้งใจไว้ แล้วพระคริสต์ก็จะคืนอำนาจการปกครองให้พ่อของท่าน (1 โค. 15:25-28) ในที่สุดทุกคนจะเป็นมนุษย์สมบูรณ์ พวกเขาพร้อมสำหรับการทดสอบขั้นสุดท้ายเมื่อซาตานถูกปล่อยจากขุมลึกที่กักขังมันไว้นานแล้ว หลังจากนั้น พระคริสต์จะบดขยี้งูร้ายตัวนี้และพรรคพวกทั้งหมดของมัน (เย. 3:15; วิ. 20:3, 7-10) แต่ทุกคนที่รักและซื่อสัตย์ต่อพระยะโฮวาจะมีอนาคตที่สดใส ซึ่งอาจไม่มีคำพูดใด ๆ จะบรรยายภาพนั้นได้ดีเท่ากับข้อความที่ได้รับการดลใจให้เขียนไว้ในคัมภีร์ไบเบิล ซึ่งสัญญาว่าคนที่ซื่อสัตย์จะมี “เสรีภาพอันรุ่งโรจน์แห่งเหล่าบุตรของพระเจ้า”—โรม 8:21
23, 24. (ก) ทำไมคำสัญญาของพระเจ้าจะต้องเป็นจริงแน่นอน? (ข) คุณตั้งใจจะทำอะไร?
23 คำสัญญาเหล่านั้นไม่ได้เป็นแค่ความหวัง ความปรารถนา หรือความฝัน คำสัญญาทุกข้อของพระยะโฮวาต้องเป็นจริงแน่นอน! ทำไมล่ะ? ขอให้นึกถึงคำพูดของพระเยซูที่เราพูดมาแล้วในบทต้น ๆ พระเยซูสอนสาวกให้อธิษฐานถึงพระยะโฮวาว่า “ขอให้ราชอาณาจักรของพระองค์มาเถิด ขอให้พระประสงค์ของพระองค์สำเร็จบนแผ่นดินโลกเช่นเดียวกับในสวรรค์” (มัด. 6:9, 10) ราชอาณาจักรของพระเจ้าไม่ใช่สิ่งที่มนุษย์คนใดคนหนึ่งคิดขึ้นเอง ราชอาณาจักรนี้มีจริงและกำลังปกครองในสวรรค์! ตลอด 100 ปีที่ผ่านมาราชอาณาจักรทำให้คำสัญญาของพระยะโฮวาเป็นจริงในหลายวิธีซึ่งเรามองเห็นได้ในประชาคมคริสเตียน แล้วเมื่อถึงตอนที่ราชอาณาจักรปกครองทั่วทั้งโลก เราก็มั่นใจได้ว่าตอนนั้นแหละคำสัญญาทุกข้อของพระยะโฮวาจะเป็นจริง!
24 เรารู้ว่าราชอาณาจักรของพระเจ้าจะมาปกครองโลก เรารู้ว่าทุกสิ่งที่พระยะโฮวาสัญญาไว้จะเป็นจริง ทำไมล่ะ? เพราะราชอาณาจักรของพระเจ้าปกครองแล้ว! คำถามที่เราแต่ละคนน่าจะถามตัวเองก็คือ ‘ราชอาณาจักรปกครองฉัน อยู่ไหม?’ ขอให้เราทำทุกสิ่งที่ทำได้เพื่อจะเป็นประชาชนที่ซื่อสัตย์ตั้งแต่ตอนนี้ เพื่อเราจะได้รับสิ่งดี ๆ จากราชอาณาจักรที่สมบูรณ์แบบและปกครองด้วยความยุติธรรมตลอดไป!