พระเมตตาของพระยะโฮวาช่วยเราพ้นจากสภาพหมดหวัง
“พระเจ้าข้า ขอทรงโปรดปรานข้าพเจ้า สอดคล้องกับความรักกรุณาของพระองค์. สอดคล้องกับพระเมตตาอันอุดมของพระองค์ขอทรงโปรดลบล้างการละเมิดของข้าพเจ้า.”—บทเพลงสรรเสริญ 51:1, ล.ม.
1, 2. ผู้รับใช้ของพระยะโฮวาคนหนึ่งคนใดอาจได้รับผลกระทบโดยบาปอันร้ายแรงอย่างไร?
คนเราไม่อาจละเมิดกฎหมายของพระยะโฮวาโดยไม่ได้รับโทษ. เรื่องนี้จะปรากฏชัดเพียงใดถ้าเรากระทำบาปร้ายแรงต่อพระเจ้า! แม้นเราอาจได้รับใช้พระยะโฮวาด้วยความซื่อสัตย์มานานหลายปีก็ตาม การละเมิดกฎหมายของพระองค์อาจก่อความกังวลใจอย่างหนักหรือความซึมเศร้าอย่างรุนแรง. เราอาจรู้สึกว่าพระยะโฮวาทรงทอดทิ้งเราเสียแล้ว และรู้สึกว่าเราไม่คู่ควรกับงานรับใช้พระองค์อีกต่อไป. บาปของเราอาจดูประหนึ่งก้อนเมฆทะมึนบดบังแสงแห่งความโปรดปรานของพระเจ้า.
2 กษัตริย์ดาวิดสมัยยิศราเอลโบราณก็เคยประสบสภาพเช่นนั้นมาแล้วครั้งหนึ่ง. สภาพดังกล่าวเกิดขึ้นอย่างไร?
การกระทำผิดอาจนำไปสู่บาปที่ร้ายแรงได้
3, 4. เกิดอะไรขึ้นกับกษัตริย์ดาวิดในช่วงฤดูกาลที่เจริญเฟื่องฟู?
3 ดาวิดรักพระเจ้าแต่ก็ก้าวไปกระทำผิดซึ่งนำไปสู่บาปใหญ่หลวง. (เทียบกับฆะลาเตีย 6:1.) สิ่งนี้อาจเกิดขึ้นได้กับมนุษย์ที่ไม่สมบูรณ์คนใดก็ได้ โดยเฉพาะถ้าเขามีอำนาจเหนือผู้อื่น. ในฐานะเป็นกษัตริย์ที่ฟุ้งเฟื่อง ดาวิดมีชื่อเสียงและอำนาจ. ใครหรือจะกล้าท้าทายคำตรัสของท่าน? คนที่มีความสามารถอยู่พร้อมและเต็มใจจะรับใช้ท่าน และด้วยความกระตือรือร้น ปวงประชาจะปฏิบัติในสิ่งที่ท่านรับสั่งให้ทำ. กระนั้น ดาวิดทำผิดโดยการมีภรรยาเพิ่มหลายคนและการนับจำนวนพลเมือง.—พระบัญญัติ 17:14-20; 1 โครนิกา 21:1.
4 ในช่วงที่มีความเจริญเฟื่องฟูทางวัตถุนี้เอง ดาวิดได้ทำบาปร้ายแรงต่อพระเจ้าและต่อมนุษย์. มิน่าเล่า การกระทำบาปครั้งหนึ่งนำไปสู่การบาปอีกอย่างหนึ่งเหมือนเส้นด้ายทอจนเป็นผืนผ้าตามที่ซาตานได้ออกแบบไว้! ในขณะที่ชาวยิศราเอลเพื่อนร่วมชาติรบพุ่งกับชาติอำโมน ดาวิดเฝ้ามองจากดาดฟ้าหลังคาราชวังเห็นบัธเซบะหญิงรูปงาม ภรรยาของอูรียากำลังอาบน้ำอยู่. ขณะที่อูรียาออกไปทำศึกดาวิดจึงได้ใช้คนไปรับนางมาอยู่ในวังและได้ล่วงประเวณีกับนาง. ขอให้นึกดูเถอะ ดาวิดตกใจขนาดไหนเมื่อต่อมารู้ว่านางได้ตั้งครรภ์! ดาวิดมีรับสั่งให้อูรียามาเฝ้าโดยหวังจะให้เขาไปนอนค้างคืนกับนางบัธเซบะ และจะได้เข้าใจว่าทารกในครรภ์คือลูกของตัวเอง. แม้ดาวิดได้ให้อูรียาดื่มจนเมา แต่อูรียาก็หายอมไปหลับนอนกับภรรยาไม่. ถึงขั้นนี้ ดาวิดเป็นทุกข์หนัก จึงได้สั่งโยอาบแม่ทัพเป็นการลับให้ส่งอูรียาไปเป็นกองหน้าเพื่อที่เขาจะได้ถูกโจมตีถึงตาย. อูรียาเสียชีวิตในการสู้รบครั้งนั้น ภรรยาม่ายของเขาได้ไว้ทุกข์จนครบกำหนด แล้วดาวิดได้จัดการสมรสกับนางก่อนที่ประชาชนจะรู้ข่าวการตั้งครรภ์ของนาง.—2 ซามูเอล 11:1-27.
5. เหตุการณ์เป็นอย่างไรหลังจากดาวิดกระทำบาปกับบัธเซบะ และบาปของท่านได้ส่งผลกระทบตัวเองอย่างไร?
5 โดยทางผู้พยากรณ์นาธาน พระเจ้าทรงเปิดเผยบาปต่าง ๆ ของดาวิดและได้ตรัสดังนี้: “เราจะนำความชั่วร้ายให้เกิดแก่เจ้าจากเชื้อวงศ์ของตนเอง.” และก็เป็นตามนั้น บุตรอันเกิดแต่นางบัธเซบะนั้นตาย. (2 ซามูเอล 12:1-23) อำโนน โอรสองค์แรกของดาวิดได้ข่มขืนธามาร์น้องสาวต่างมารดา และพี่ชายของเธอจึงได้สังหารเขาเสีย. (2 ซามูเอล 13:1-33) อับซาโลมราชโอรสพยายามชิงบัลลังก์และยังได้กระทำการอัปยศต่อราชบิดาของตนโดยได้ร่วมประเวณีกับนางสนมของกษัตริย์ดาวิด. (2 ซามูเอล 15:1–16:22) สงครามกลางเมืองสงบลงเมื่ออับซาโลมสิ้นชีวิตและเป็นความเศร้าโศกอย่างใหญ่หลวงสำหรับดาวิด. (2 ซามูเอล 18:1-33) อย่างไรก็ดี บาปต่าง ๆ ซึ่งดาวิดได้กระทำทำให้ท่านถ่อมใจและได้มาตระหนักถึงความจำเป็นที่ท่านต้องใกล้ชิดกับพระเจ้าผู้ทรงประกอบด้วยความเมตตา. หากเราได้พลาดพลั้งทำความผิด ก็จงกลับใจด้วยความถ่อมใจและเข้าใกล้ชิดพระยะโฮวา.—เทียบกับยาโกโบ 4:8.
6. ทำไมกษัตริย์ดาวิดมีความผิดมากเป็นพิเศษ?
6 ดาวิดมีความผิดเป็นพิเศษเพราะท่านเป็นผู้ปกครองชาติยิศราเอล ซึ่งรู้จักกฎหมายของพระยะโฮวาดีที่เดียว. (พระบัญญัติ 17:18-20) ใช่ว่าท่านเป็นฟาโรห์แห่งอียิปต์หรือกษัตริย์ชาวบาบูโลนผู้ซึ่งขาดความรู้ดังกล่าว และโดยปกติวิสัยอาจกระทำสิ่งต่าง ๆ ที่พระเจ้าไม่ชอบพระทัยอยู่แล้ว. (เทียบกับเอเฟโซ 2:12; 4:18.) ในฐานะเป็นสมาชิกในชาติที่อุทิศแล้วแด่พระยะโฮวา ดาวิดสำนึกว่าการล่วงประเวณีและการฆ่าคนเป็นบาปมหันต์. (เอ็กโซโด 20:13, 14) คริสเตียนทั้งหลายรู้จักกฎหมายของพระเจ้าเช่นกัน. แต่ก็เหมือนดาวิด บางคนฝ่าฝืนกฎหมายเพราะบาปที่ตกทอดมาถึงเขา, ความอ่อนแอในตัวมนุษย์, และการไม่ต่อต้านสิ่งล่อใจ. หากสิ่งดังกล่าวเกิดขึ้นกับพวกเราคนใดคนหนึ่ง ไม่จำเป็นที่เราจะคงอยู่ในสภาพถูกบดบังไว้ในความมืดซึ่งทำให้ความสามารถของเราในการมองเห็นทางด้านวิญญาณมัวไปและทำให้เราจมอยู่กับความหมดหวัง.
การสารภาพนำมาซึ่งการบรรเทา
7, 8. (ก) เกิดอะไรขึ้นกับดาวิดเมื่อท่านพยายามอำพรางบาปของตน? (ข) ทำไมจึงสารภาพผิดและเลิกกระทำบาป?
7 หากเราทำผิดร้ายแรงต่อกฎหมายของพระเจ้า เราอาจรู้สึกว่ายากที่จะสารภาพความผิดของเรา แม้แต่จะสารภาพต่อพระยะโฮวา. อาจเกิดอะไรขึ้นเมื่ออยู่ในสภาพเช่นนั้น? ในเพลงสรรเสริญบท 32 ดาวิดยอมรับว่า “ครั้นข้าพเจ้านิ่งอยู่, [แทนที่จะสารภาพ] กะดูกก็เหี่ยวแห้งไปโดยข้าพเจ้าครางอยู่ตลอดวัน. พระหัตถ์ของพระองค์ [พระยะโฮวา] ทรงพาดลงถ่วงข้าพเจ้าทั้งกลางวันกลางคืน, อาโปธาตุของข้าพเจ้าแห้งไปดุจหน้าแล้งในฤดูร้อน.” (ข้อ 3, 4) การพยายามปกปิดความผิดของตัวเองและกลั้นสติรู้สึกผิดชอบที่รู้อยู่ว่าตัวเองได้ทำผิดจึงเป็นการบั่นทอนกำลังของดาวิดผู้ประพฤตินอกลู่นอกทาง. ความเจ็บปวดทำให้ท่านหมดกำลังเรี่ยวแรงถึงขนาดท่านเปรียบตัวเองเหมือนต้นไม้ที่แล้งน้ำขาดความชุ่มชื้นที่ยังชีวิต. อันที่จริง ท่านอาจประสบผลกระทบอันเลวร้ายทั้งทางจิตและทางกาย. ถึงอย่างไรก็ตาม ท่านได้สูญเสียซึ่งความชื่นชมยินดี. หากคนใดในพวกเราพบตัวเองอยู่ในสภาพนี้ เราควรทำอย่างไร?
8 การสารภาพผิดต่อพระเจ้าทำให้ได้รับการอภัยและการบรรเทา. ดาวิดได้ร้องเพลงดังนี้: “บาปของข้าพเจ้า ๆ ทูลรับสารภาพต่อพระองค์, และไม่ได้ปิดบังซ่อนการอสัตย์อธรรมของข้าพเจ้าไว้: ข้าพเจ้าได้กล่าวว่า, การล่วงละเมิดนั้นข้าพเจ้าจะรับสารภาพต่อพระยะโฮวา; และพระองค์ได้ทรงโปรดยกความอสัตย์อธรรมของข้าพเจ้าเสีย.” (บทเพลงสรรเสริญ 32:5) คุณเป็นทุกข์หนักใจไหมเพราะได้ปกปิดความผิดบางอย่างไว้? เป็นการดีที่สุดมิใช่หรือที่จะสารภาพผิดและเลิกทำความผิดเพื่อได้รับความเมตตาจากพระเจ้า? ไฉนไม่เข้าพบผู้ปกครองในประชาคมและขอรับการบำบัดฝ่ายวิญญาณ? (สุภาษิต 28:13; ยาโกโบ 5:13-20) น้ำใจของคุณที่แสดงถึงการกลับใจก็จะเป็นที่รับรู้กัน และในเวลาอันควร คุณจะประสบความยินดีตามหลักการคริสเตียนอีก. “ความสุขย่อมมีแก่ผู้ซึ่งพระเจ้าได้ทรงโปรดยกการล่วงละเมิด, และได้ทรงกลบเกลื่อนความบาปของเขาไว้แล้ว” ดาวิดตรัสไว้. “ความสุขย่อมมีแก่ผู้ที่พระยะโฮวาไม่ทรงถือโทษ, และในใจเขาไม่มีกลอุบาย.”—บทเพลงสรรเสริญ 32:1, 2.
9. เพลงสรรเสริญบท 51 ได้แต่งขึ้นเมื่อไร และเพราะเหตุใด?
9 ดาวิดกับบัธเซบะต้องให้การต่อพระเจ้ายะโฮวาสำหรับการกระทำความผิดที่ตนก่อขึ้น. แม้ว่าความบาปของเขาทั้งสองอาจมีโทษถึงตายก็ตาม แต่พระเจ้าทรงเมตตาเขา. โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พระองค์ทรงแสดงความเมตตาแก่ดาวิดก็เพราะคำสัญญาเรื่องราชอาณาจักร. (2 ซามูเอล 7:11-16) ท่าทีการกลับใจของดาวิดต่อบาปเกี่ยวข้องกับบัธเซบะนั้นเห็นได้ในเพลงสรรเสริญบท 51. บทเพลงที่ซึ้งถึงใจนี้ประพันธ์โดยกษัตริย์ที่ทรงเสียพระทัยต่อสิ่งที่กระทำไป หลังจากผู้พยากรณ์นาธานได้ปลุกสติรู้สึกผิดชอบของท่านให้รู้ถึงการกระทำผิดอย่างใหญ่หลวงที่ได้ละเมิดกฎหมายของพระเจ้า. นาธานต้องมีความกล้าเพื่อให้ดาวิดหันมาพิจารณาบาปของท่าน เช่นเดียวกัน ทุกวันนี้คริสเตียนผู้ปกครองซึ่งรับการแต่งตั้งจึงต้องกล้าเพื่อจะทำดังกล่าว. แทนที่จะปฏิเสธการกล่าวโทษและออกคำสั่งให้สำเร็จโทษนาธาน กษัตริย์กลับสารภาพผิดอย่างถ่อมใจ. (2 ซามูเอล 12:1-14) เพลงสรรเสริญบท 51 แสดงให้เห็นสิ่งที่ท่านได้ทูลอธิษฐานต่อพระเจ้าเกี่ยวด้วยการกระทำที่อัปยศอดสู และเป็นเนื้อความที่เหมาะสำหรับการรำพึงอธิษฐาน โดยเฉพาะถ้าเราได้ทำความผิดและปรารถนาจะให้พระยะโฮวาโปรดเมตตา.
พวกเราต้องให้การต่อพระเจ้า
10. ดาวิดจะประสบการฟื้นตัวฝ่ายวิญญาณได้โดยวิธีใด?
10 ดาวิดไม่ได้พยายามแก้ตัวที่ท่านได้กระทำบาป แต่ได้วิงวอนดังนี้: “พระเจ้าข้า ขอทรงโปรดปรานข้าพเจ้า สอดคล้องกับความรักกรุณาของพระองค์. สอดคล้องกับพระเมตตาอันอุดมของพระองค์ขอทรงโปรดลบล้างการละเมิดของข้าพเจ้า.” (บทเพลงสรรเสริญ 51:1, ล.ม.) โดยการล่วงละเมิด ดาวิดได้ก้าวเกินขอบเขตกฎหมายของพระเจ้า. อย่างไรก็ตาม มีความหวังว่าสภาพฝ่ายวิญญาณของท่านจะฟื้นสู่สภาพปกติ ถ้าพระเจ้าแสดงความโปรดปรานแก่ท่านสมกับความรักกรุณาของพระองค์หรือความรักอย่างภักดี. ความอุดมบริบูรณ์แห่งพระเมตตาของพระเจ้าในอดีตเป็นหลักฐานให้กษัตริย์องค์นี้ที่ได้กลับใจเกิดความเชื่อว่าพระผู้สร้างของตนจะลบล้างการล่วงละเมิดให้หมดไป.
11. เครื่องบูชาที่ถวายในวันไถ่โทษนั้นบ่งนัยถึงสิ่งใด และสมัยนี้อะไรคือข้อเรียกร้องเพื่อความรอด?
11 โดยเครื่องบูชาถวายในวันไถ่โทษอันเป็นภาพเชิงพยากรณ์ พระยะโฮวาทรงแจ้งให้ทราบว่าพระองค์มีวิธีชำระคนที่กลับใจให้หลุดพ้นบาปของเขา. บัดนี้เราทราบว่าความเมตตาของพระองค์และการให้อภัยแผ่มาถึงพวกเราโดยอาศัยความเชื่อในเครื่องบูชาไถ่ของพระเยซูคริสต์. ถ้าดาวิดสามารถวางใจในความรักกรุณาและความเมตตาของพระยะโฮวาได้โดยอาศัยเพียงแต่การระลึกถึงตัวอย่างและภาพของสิ่งต่าง ๆ เกี่ยวกับเครื่องบูชานี้ มากยิ่งกว่านั้นสักเท่าใดที่ผู้รับใช้ของพระเจ้าในปัจจุบันควรสำแดงความเชื่อในค่าไถ่ซึ่งจัดเตรียมไว้เพื่อความรอดของเขา!—โรม 5:8; เฮ็บราย 10:1.
12. ที่ว่าทำบาปนั้นหมายถึงอะไร และดาวิดมีความรู้สึกอย่างไรในเรื่องที่ท่านได้กระทำความผิด?
12 เมื่อดาวิดวิงวอนพระเจ้า ท่านกล่าวเพิ่มเติมดังนี้: “ขอพระองค์ทรงล้างข้าพเจ้าให้หมดจดจากความอสัตย์อธรรมของข้าพเจ้า, และทรงชำระข้าพเจ้าให้ปราศจากความผิด. เพราะข้าพเจ้ารู้สำนึกการล่วงละเมิดของข้าพเจ้าแล้ว; และการบาปของข้าพเจ้าอยู่ต่อหน้าข้าพเจ้าเสมอ.” (บทเพลงสรรเสริญ 51:2, 3) บาปคือการพลาดเป้าอันเกี่ยวด้วยมาตรฐานของพระยะโฮวา. ดาวิดได้พลาดเป้านั้นอย่างแท้จริง. กระนั้น ท่านก็หาได้เป็นเยี่ยงฆาตกรหรือคนทำผิดประเวณีซึ่งไม่ใส่ใจต่อการกระทำผิดของตน มีก็เพียงเศร้าโศกที่ตนถูกลงโทษหรือความเป็นไปได้ที่ตนจะติดโรค. ในฐานะเป็นผู้ที่รักพระยะโฮวา ดาวิดเกลียดสิ่งชั่ว. (บทเพลงสรรเสริญ 97:10) ท่านรู้สึกสะอิดสะเอียนในการบาปที่ได้กระทำไปและปรารถนาให้พระเจ้าชำระท่านให้หมดจด. ดาวิดตระหนักเป็นอย่างดีถึงการล่วงละเมิดต่าง ๆ ของตนและรู้สึกเสียใจอย่างสุดซึ้งที่ตนได้ยอมให้ความปรารถนาอย่างผิด ๆ มีอำนาจครอบงำ. บาปของท่านอยู่ตรงหน้าท่านเสมอ เนื่องจากสติรู้สึกผิดชอบที่รู้สึกผิดของคนเกรงกลัวพระเจ้านั้นไม่สงบจนกว่ามีการกลับใจ, การสารภาพ, และการอภัยโทษจากพระยะโฮวา.
13. ทำไมดาวิดสามารถกล่าวได้ว่าท่านได้ทำบาปต่อพระเจ้าแต่องค์เดียว?
13 ด้วยการรับรู้ว่าท่านจำต้องให้การต่อพระยะโฮวา ดาวิดกล่าวว่า “ข้าพเจ้าได้กระทำผิดต่อพระองค์, ต่อพระองค์แต่ผู้เดียว, และได้กระทำชั่วต่อพระเนตรพระองค์; เพื่อพระองค์จะได้เป็นยุติธรรมเมื่อทรงตรัส, และเพื่อจะได้เป็นชอบธรรมเมื่อพระองค์ทรงพิพากษา.” (บทเพลงสรรเสริญ 51:4) ดาวิดได้ฝ่าฝืนกฎหมายของพระเจ้า, ทำให้ตำแหน่งกษัตริย์เป็นที่ดูหมิ่น, และ “ได้เหยียดหยามพระเจ้าอย่างที่สุด” เป็นเหตุให้ศัตรูของพระยะโฮวามีช่องติเตียนได้. (2 ซามูเอล 12:14; เอ็กโซโด 20:13, 14, 17, ฉบับแปลใหม่) อนึ่ง การบาปของดาวิดเป็นการทำความผิดต่อสังคมยิศราเอลและสมาชิกในครัวเรือนของท่านด้วย เช่นเดียวกับผู้ที่รับบัพติสมาแล้วซึ่งกระทำความผิดในทุกวันนี้เป็นเหตุให้มีความเศร้าใจหรือความระทมทุกข์ในประชาคมคริสเตียนและท่ามกลางคนซึ่งเป็นที่รัก. แม้กษัตริย์ที่กลับใจแล้วสำนึกตนว่าได้กระทำบาปต่อเพื่อนมนุษย์ เช่น อูรียา ท่านได้ตระหนักถึงความรับผิดชอบต่อพระยะโฮวาซึ่งสำคัญยิ่งกว่า. (เทียบกับเยเนซิศ 39:7-9.) ดาวิดยอมรับว่าการพิพากษาของพระยะโฮวานั้นชอบธรรม. (โรม 3:4) คริสเตียนผู้กระทำบาปจะต้องมีทัศนะอย่างเดียวกัน.
เหตุอันควรลดหย่อนผ่อนโทษ
14. อะไรคือเหตุอันควรลดหย่อนผ่อนโทษที่ดาวิดยกขึ้นมากล่าว?
14 ถึงแม้ดาวิดไม่พยายามพูดเข้าข้างตัวเอง แต่ท่านกล่าวดังนี้: “จงดูเถิด, ข้าพเจ้าได้เกิดมาในความอสัตย์อธรรม; และมารดาได้ตั้งครรภ์คลอดข้าพเจ้าในความบาป.” (บทเพลงสรรเสริญ 51:5) ดาวิดคลอดออกมาพร้อมกับความผิดบาป และมารดาของท่านประสบความเจ็บปวดเมื่อคลอดบุตรเนื่องจากได้สืบทอดความบาปเป็นมรดก. (เยเนซิศ 3:16; โรม 5:12) ถ้อยคำของท่านไม่ได้หมายความว่าความสัมพันธ์ในทางสมรสที่เหมาะสม, การตั้งครรภ์, และการกำเนิดเป็นบาป ทั้งนี้เพราะพระเจ้าได้จัดเตรียมให้มีการสมรสกันและการให้กำเนิดบุตร และดาวิดไม่ได้กล่าวพาดพิงถึงบาปใด ๆ โดยเฉพาะของมารดา. มารดาได้ตั้งครรภ์ในความบาปเพราะบิดามารดาของท่านเป็นคนบาปเหมือนมนุษย์ทั้งปวงที่ไม่สมบูรณ์.—โยบ 14:4.
15. แม้พระเจ้าอาจพิจารณาเหตุอันควรลดหย่อนผ่อนโทษ กระนั้น เราไม่ควรทำอะไร?
15 ถ้าเราได้ทำบาป เมื่ออธิษฐานต่อพระเจ้าเราสามารถอ้างถึงเหตุอันควรลดหย่อนผ่อนโทษได้ซึ่งอาจเป็นปัจจัยเสริมเราให้กระทำความผิด. แต่ขออย่าให้เรานำเอาพระกรุณาคุณอันไม่พึงได้รับของพระเจ้าไปใช้เป็นข้อแก้ตัวสำหรับการประพฤติที่หละหลวม หรือใช้บาปอันตกทอดมาถึงเราประหนึ่งม่านควันบังตาเพื่อซ่อนตัวไม่ยอมรับผิดชอบต่อบาปของเรา. (ยูดา 3, 4) ดาวิดยอมรับเอาความรับผิดชอบในการที่มีแนวคิดเป็นมลทินและที่ยอมแพ้การล่อใจ. จงให้พวกเราทูลอธิษฐานเพื่อเราจะไม่ถูกทอดทิ้งให้ตกเข้าสู่การทดลอง ครั้นแล้วจงลงมือปฏิบัติสอดคล้องกับคำอธิษฐานนั้น.—มัดธาย 6:13.
วิงวอนขอการชำระให้สะอาด
16. พระเจ้าทรงพอพระทัยคุณลักษณะประการใด และเรื่องนี้น่าจะมีผลกระทบอย่างไรต่อการประพฤติของเรา?
16 ผู้คนอาจแสดงตัวให้ปรากฏว่าเป็นคนดีที่เลื่อมใสพระเจ้า แต่พระองค์ทรงพิจารณาลึกลงไปและทราบว่าพวกเขาเป็นอย่างไรภายใน. ดาวิดตรัสว่า “ดูเถิด, พระองค์ [พระยะโฮวา] ประสงค์ความสัตย์ซื่อภายใน; และในที่อันลับลี้พระองค์จะทรงกระทำให้ข้าพเจ้ามีสติปัญญา.” (บทเพลงสรรเสริญ 51:6) ดาวิดมีความผิดฐานกล่าวเท็จและวางอุบายชั่วร้ายให้อูรียาเสียชีวิต และพยายามปกปิดความจริงเรื่องการตั้งครรภ์ของนางบัธเซบะ. กระนั้นก็ดี ดาวิดทราบว่าพระเจ้าพอพระทัยในความสัตย์จริงและความบริสุทธิ์. ข้อนี้น่าจะส่งผลกระทบในทางที่ดีต่อความประพฤติของเรา เพราะพระยะโฮวาจะทรงตำหนิเราถ้าเราเป็นคนไม่ประพฤติถูกต้องตามทำนองคลองธรรม. (สุภาษิต 3:32) นอกจากนั้น ดาวิดทรงทราบว่าถ้าพระเจ้า ‘จะทรงกระทำให้ตนมีสติปัญญา’ ในฐานะเป็นกษัตริย์ที่ได้กลับใจท่านย่อมจะทำตามมาตรฐานประการต่าง ๆ ของพระเจ้าได้ในช่วงชีวิตที่เหลือของท่าน.
17. อะไรคือความหมายสำคัญในการอธิษฐานขอรับการชำระโดยการใช้ต้นหุสบ?
17 เนื่องจากผู้ประพันธ์บทเพลงสรรเสริญเล็งเห็นความจำเป็นที่ต้องได้รับความช่วยเหลือจากพระเจ้าเพื่อรับมือกับแนวโน้มในทางบาป ท่านทูลขอต่อไปดังนี้: “ขอทรงชำระข้าพเจ้าด้วยต้นหุสบ, แล้วข้าพเจ้าจะสะอาด; ขอทรงฟอกล้างข้าพเจ้า, และข้าพเจ้าจะขาวกว่าหิมะ.” (บทเพลงสรรเสริญ 51:7) หนึ่งในหลาย ๆ อย่าง ต้นหุสบ (อาจเป็นพันธุ์ไม้มาร์โจแรม, หรือโอริกานุม มารู) ถูกนำไปใช้ในพิธีชำระคนที่เป็นโรคเรื้อนมาก่อน. (เลวีติโก 14:2-7) ดังนั้น นับว่าเหมาะที่ดาวิดจะอธิษฐานขอรับการชำระให้สะอาดจากบาปด้วยต้นหุสบ. ความคิดในเรื่องความบริสุทธิ์สะอาดนั้นเกี่ยวข้องกับคำวิงวอนของท่านที่ขอพระยะโฮวาทรงฟอกล้างเพื่อท่านจะเป็นคนสะอาดโดยครบถ้วน ขาวกว่าหิมะซึ่งยังไม่ปนเปื้อนเขม่าหรือเศษดิน. (ยะซายา 1:18) หากเวลานี้มีใครในพวกเราเป็นทุกข์เพราะการสำนึกผิดที่ได้กระทำความผิดบางอย่าง จงให้เรามีความเชื่อว่าถ้าเรากลับใจขอการอภัยจากพระเข้า พระองค์ก็จะทรงชำระพวกเราให้สะอาดได้โดยอาศัยเครื่องบูชาไถ่ของพระเยซู.
วิงวอนขอคืนสู่สถานภาพเดิม
18. สภาพของดาวิดเป็นอย่างไรก่อนท่านกลับใจและได้สารภาพผิด และความรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้เป็นประโยชน์ได้อย่างไรในปัจจุบัน?
18 คริสเตียนผู้ซึ่งเคยเป็นทุกข์เนื่องด้วยสติรู้สึกผิดชอบที่คอยรบกวนย่อมเข้าใจถ้อยคำของดาวิดที่ว่า “ขอทรงโปรดให้ข้าพเจ้าได้ยินซึ่งจะให้มีความโสมนัสส์ยินดี, กระดูกที่พระองค์ทรงหักเสียแล้วนั้นจะชุ่มชื่น.” (บทเพลงสรรเสริญ 51:8) ก่อนดาวิดกลับใจและสารภาพความผิดของตน สติรู้สึกผิดชอบได้รบกวนท่านจนเกิดความกลุ้ม. ท่านไม่ประสบความเพลิดเพลินจากเพลงที่แสดงความชื่นชมและโห่ร้องยินดีโดยนักร้องเก่ง ๆ และนักดนตรีที่เชี่ยวชาญ. ความเจ็บปวดของดาวิดผู้ผิดบาปช่างหนักหนาเสียจริง ๆ เนื่องจากพระเจ้าไม่พอพระทัยจนดูเหมือนกระดูกในกายของท่านแตกละเอียดไม่มีชิ้นดี. ท่านกระหายการอภัยโทษ, การหายป่วยฝ่ายวิญญาณ, และการกลับคืนสู่สถานภาพที่น่าชื่นชมซึ่งท่านเคยประสบมาแล้ว. ทุกวันนี้ผู้กระทำบาปที่กลับใจก็เช่นกันจำต้องได้รับการอภัยจากพระยะโฮวาเพื่อว่าตนจะได้ซึ่งความยินดีอย่างที่เขาเคยมี ก่อนที่เขาได้ทำให้ความสัมพันธ์กับพระเจ้าถึงขั้นเสียหายนั้นกลับคืนมาอีก. การกลับคืนสู่สถานภาพแห่ง “ความยินดีในพระวิญญาณบริสุทธิ์” สำหรับคนที่ได้กลับใจยอมแสดงว่าพระยะโฮวาทรงโปรดอภัยเขาและทรงรักเขา. (1 เธซะโลนิเก 1:6) ช่างเป็นการปลอบประโลมอะไรเช่นนั้น!
19. ดาวิดจะรู้สึกอย่างไรถ้าพระเจ้าทรงขจัดการผิดทุกอย่างของท่าน?
19 ดาวิดได้ทูลอธิษฐานต่อไปว่า “ขอทรงเมินพระพักตรจากความผิดต่าง ๆ ของข้าพเจ้า, และทรงลบล้างบรรดาความอสัตย์อธรรมของข้าพเจ้าเสียให้หมด.” (บทเพลงสรรเสริญ 51:9) เราไม่อาจคาดหวังได้เลยว่าพระยะโฮวาจะทรงมองดูการบาปอย่างพอพระทัย. เหตุฉะนั้น ดาวิดจึงได้ขอร้องพระองค์เมินพระพักตร์เสียจากบาปต่าง ๆ ที่ท่านกระทำ. กษัตริย์องค์นี้ยังได้วิงวอนพระเจ้าโปรดลบล้างการผิดทั้งมวลของตน ขจัดความอสัตย์อธรรมทั้งปวง. หากพระยะโฮวาจะทรงกระทำเช่นนั้น! ทั้งนี้คงช่วยให้ดาวิดสบายใจ เปลื้องความหนักใจเนื่องด้วยสติรู้สึกผิดชอบรบกวน และทำให้กษัตริย์ที่บัดนี้ได้กลับใจทราบว่าพระเจ้าของท่านผู้เปี่ยมด้วยความรักทรงโปรดอภัยโทษให้แล้ว.
ถ้าคุณได้กระทำบาปล่ะ?
20. อะไรเป็นข้อแนะนำสำหรับคริสเตียนคนใด ๆ ผู้ซึ่งได้กระทำบาปอย่างร้ายแรง?
20 เพลงสรรเสริญบท 51 ระบุว่าใคร ๆ ซึ่งเป็นผู้รับใช้ที่อุทิศตัวแด่พระยะโฮวาแล้วกระทำบาปร้ายแรง ทว่าได้กลับใจก็สามารถทูลขอพระองค์ด้วยความมั่นใจเพื่อพระองค์จะได้แสดงความโปรดปรานและทรงชำระเขาให้พ้นจากบาปของเขา. ถ้าคุณเป็นคริสเตียนซึ่งกระทำความผิดอย่างที่ว่า ไฉนไม่แสวงหาการให้อภัยจากพระบิดาของเราผู้สถิตในสวรรค์โดยการอธิษฐานด้วยใจถ่อม? จงยอมรับว่าคุณจำเป็นต้องได้รับการช่วยเหลือจากพระเจ้าเพื่อจะอยู่ต่อหน้าพระองค์ได้อย่างเป็นที่พอพระทัย และจงทูลขอพระองค์โปรดให้คุณได้คืนสู่สถานภาพอันน่ายินดีอย่างแต่ก่อน. คริสเตียนที่กลับใจย่อมมั่นใจได้ว่าจะเข้าเฝ้าพระยะโฮวาด้วยการอธิษฐานพร้อมกับคำขอร้องดังกล่าว เพราะ “พระองค์จะทรงอภัยโทษอย่างล้นเหลือ.” (ยะซายา 55:7; บทเพลงสรรเสริญ 103:10-14) แน่ละ ควรร้องขอผู้ปกครองในประชาคมเพื่อเขาสามารถจะให้การช่วยเหลือที่จำเป็นฝ่ายวิญญาณได้.—ยาโกโบ 5:13-15.
21. ต่อจากนี้เราจะพิจารณาเรื่องอะไร?
21 ความเมตตาของพระยะโฮวาช่วยไพร่พลของพระองค์ให้พ้นจากความหมดหวังได้จริง. แต่ให้เราพิจารณาคำวิงวอนอื่น ๆ จากใจจริงของดาวิดผู้กลับใจในบทเพลงสรรเสริญ 51. การศึกษาของเราจะแสดงให้เห็นว่าพระยะโฮวาไม่ทรงรังเกียจบุคคลที่ชอกช้ำใจ.
คุณจะตอบอย่างไร?
▫ บาปร้ายแรงอาจมีผลกระทบเช่นไรต่อผู้รับใช้ของพระยะโฮวา?
▫ ดาวิดได้รับผลกระทบเช่นไรเมื่อท่านพยายามอำพรางการผิดของตน?
▫ ทำไมดาวิดกล่าวว่าท่านได้ทำบาปต่อพระเจ้าแต่องค์เดียว?
▫ ถึงแม้พระเจ้าทรงพิจารณาเหตุของการลดหย่อนผ่อนโทษหากเรากระทำบาปก็ตาม แต่เราก็ไม่ควรทำอะไร?
▫ คริสเตียนพึงทำประการใดหากตนได้กระทำบาปร้ายแรง?