คำถามจากผู้อ่าน
ในเมื่อพระเยซูสืบเชื้อสายจากทั้งยิซัยและดาวิด ทำไมพระองค์จึงถูกเรียกว่า “ราก” ของยิซัยและดาวิดบรรพบุรุษของพระองค์?
ตามปกติแล้วคุณคงคิดถึงรากของต้นไม้หรือของพืชว่าเกิดก่อนลำต้นหรือกิ่งของมัน. ดังนั้น จึงดูเหมือนว่า น่าจะมีการพูดถึงยิซัย (หรือดาวิดบุตรชายของเขา) ในฐานะเป็นรากซึ่งพระเยซูบังเกิดมาในที่สุด. กระนั้น ยะซายา 11:10 บอกล่วงหน้าว่า มาซีฮาที่บังเกิดมานั้นจะเป็น “รากแห่งยิซัย” และโรม 15:12 ใช้คำพยากรณ์ข้อนี้หมายถึงพระเยซูคริสต์. ต่อมา วิวรณ์ 5:5 (ล.ม.) เรียกพระองค์ว่า “สิงโตแห่งตระกูลยูดา รากของดาวิด.” มีเหตุผลต่าง ๆ สำหรับการเรียกเช่นนี้.
คัมภีร์ไบเบิลมักใช้พืช เช่น ต้นไม้ เพื่อเป็นภาพอธิบาย. บางครั้ง การเปรียบเช่นนี้อาศัยข้อเท็จจริงที่ว่า เมื่อเมล็ดงอกหน่อและเติบโต รากเกิดก่อนกิ่ง กิ่งก้านสาขาอื่น ๆ, หรือผลได้รับการค้ำจุนจากราก. ตัวอย่างเช่น ยะซายา 37:31 อ่านว่า “ชนชาติยะฮูดาที่เหลืออยู่ซึ่งหนีพ้นไปได้นั้นจะหยั่งรากลงในดินและบังเกิดผล.”—โยบ 14:8, 9; ยะซายา 14:29.
ถ้าเกิดอันตรายแก่ราก ส่วนอื่นที่เหลือของต้นไม้ก็รู้สึกถึงผลกระทบ. (เทียบกับมัดธาย 3:10; 13:6.) สอดคล้องกัน มาลาคีเขียนว่า “‘วันซึ่งจะมานั้นจะกลืนพวกเขาหมดอย่างแน่นอน’ พระยะโฮวาแห่งพลโยธาได้ตรัส ‘เพื่อวันนั้นจะไม่ให้เขาเหลือเลยไม่ว่ารากหรือกิ่ง.’” (มาลาคี 4:1, ล.ม.) ความหมายเป็นที่ชัดเจน คือการตัดทิ้งโดยสิ้นเชิง. เหล่าบิดามารดา (ราก) จะถูกตัดทิ้ง เช่นเดียวกับลูกหลาน (กิ่ง) ของเขา.a ทั้งนี้เป็นการยืนยันความรับผิดชอบที่บิดามารดามีต่อบุตรของตนที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ อนาคตถาวรของบุตรเหล่านั้นอาจถูกกำหนดจากฐานะของบิดามารดาเฉพาะพระพักตร์พระเจ้า.—1 โกรินโธ 7:14.
ถ้อยคำที่ยะซายา 37:31 และมาลาคี 4:1 อาศัยข้อเท็จจริงที่ว่า กิ่ง (และผลบนกิ่งแขนง) ได้รับชีวิตจากราก. นี่คือกุญแจสำคัญเพื่อการเข้าใจว่า เป็นไปอย่างไรที่พระเยซูทรงเป็น “รากแห่งยิซัย” และ “รากของดาวิด.”
โดยสายเลือด ยิซัยและดาวิดเป็นบรรพบุรุษของพระเยซู พวกเขาเป็นราก พระองค์เป็นหน่อหรือกิ่ง. ยะซายา 11:1 บอกถึงการมาของมาซีฮาดังนี้: “จะมีกิ่งแตกออกจากต้นแห่งยิซัย, และจะมีหน่อแตกงอกขึ้นจากรากของท่าน เติบโตขึ้นจนเกิดผล.” ทำนองคล้ายกัน ที่วิวรณ์ 22:16 (ล.ม.) พระเยซูทรงเรียกพระองค์เองว่า “เชื้อสายของดาวิด.” แต่พระองค์ยังให้นามพระองค์เองด้วยว่า “รากของดาวิด.” เพราะเหตุใด?
วิธีหนึ่งที่พระเยซูทรงเป็น “ราก” ของยิซัยและดาวิดคือว่า โดยพระองค์ เชื้อสายวงศ์ตระกูลของท่านทั้งสองจึงยังมีชีวิต. ไม่มีมนุษย์คนใดในทุกวันนี้สามารถพิสูจน์ได้ว่าเขาอยู่ในตระกูลเลวี, ดาน, หรือแม้กระทั่งยูดา แต่เราสามารถแน่ใจได้ว่า เชื้อสายของยิซัยและดาวิดมีชีวิตอยู่เพราะบัดนี้พระเยซูทรงพระชนม์อยู่ในสวรรค์.—มัดธาย 1:1-16; โรม 6:9.
นอกจากนั้น พระเยซูทรงได้รับตำแหน่งพระมหากษัตริย์ในสวรรค์อีกด้วย. (ลูกา 1:32, 33; 19:12, 15; 1 โกรินโธ 15:25) เรื่องนี้ส่งผลกระทบถึงสายสัมพันธ์ของพระองค์แม้กระทั่งกับบรรพบุรุษของพระองค์. ในเชิงพยากรณ์แล้ว ดาวิดเรียกพระเยซูว่าเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้าของท่าน.—บทเพลงสรรเสริญ 110:1; กิจการ 2:34-36.
ในที่สุด พระเยซูทรงได้รับอำนาจเป็นผู้พิพากษา. ระหว่างรัชสมัยพันปีที่จะมา ผลประโยชน์ต่าง ๆ จากค่าไถ่ของพระเยซูจะแผ่ไปถึงยิซัยและดาวิดเช่นกัน. ชีวิตของพวกเขาบนแผ่นดินโลกตอนนั้นจึงจะขึ้นอยู่กับพระเยซู ผู้จะทรงทำหน้าที่เป็น “พระบิดาองค์ถาวร” ของพวกเขา.—ยะซายา 9:6.
ดังนั้น ถึงแม้พระเยซูทรงบังเกิดจากเชื้อสายของยิซัยและดาวิด สิ่งที่พระองค์ได้ทรงกลายมาเป็นและที่พระองค์ยังจะทรงทำนั้นทำให้พระองค์มีคุณสมบัติจะถูกเรียกว่า “รากแห่งยิซัย” และ “รากของดาวิด.”
[เชิงอรรถ]
a ข้อความจารึกเกี่ยวกับพิธีฝังศพของชาวฟินิเซียใช้ถ้อยคำคล้ายกัน. ข้อความนั้นกล่าวถึงใครก็ตามที่เปิดที่ฝังศพ: “เขาจะไม่มีรากอยู่ข้างใต้หรือผลอยู่ข้างบน!”—เวทุส เทสตาเมนทุม, เมษายน 1961
[ที่มาของภาพหน้า 31]
Pictorial Archive (Near Eastern History) Est.