รักษาความเป็นกลางในโลกที่มีการแบ่งแยก
“อะไรที่เป็นของพระเจ้าก็ให้กับพระเจ้า”—มธ. 22:21
1. เราจะเชื่อฟังทั้งพระเจ้าและรัฐบาลของมนุษย์ได้อย่างไร?
คัมภีร์ไบเบิลสอนว่าเราต้องเชื่อฟังรัฐบาลของมนุษย์ แต่ก็บอกอีกว่าเราต้องเชื่อฟังพระเจ้ามากกว่ามนุษย์ (กจ. 5:29; ทต. 3:1) เราจะทำอย่างนั้นได้อย่างไร? พระเยซูอธิบายหลักการที่ช่วยเราให้รู้ว่าควรเชื่อฟังใคร ท่านบอกว่า “อะไรที่เป็นของซีซาร์ก็ให้กับซีซาร์ และอะไรที่เป็นของพระเจ้าก็ให้กับพระเจ้า”[1] (มธ. 22:21) เรา “ให้กับซีซาร์” โดยการเชื่อฟังกฎหมายของรัฐบาล แสดงความนับถือเจ้าหน้าที่รัฐบาลเมื่อติดต่อเกี่ยวข้องกับพวกเขา และเสียภาษี (รม. 13:7) ถ้ารัฐบาลบอกให้เราทำบางอย่างที่พระเจ้าไม่อยากให้ทำ เราก็จะไม่ทำ แต่เราจะปฏิเสธในแบบที่นับถือ
2. เราจะแสดงอย่างไรว่าเราไม่เข้าข้างฝ่ายไหนทางการเมือง?
2 วิธีหนึ่งที่เราเอา ‘ของพระเจ้าให้กับพระเจ้า’ ก็คือ เราไม่เข้าข้างฝ่ายไหนทางการเมืองของโลก เรารักษาความเป็นกลาง (อสย. 2:4) เนื่องจากพระยะโฮวายอมให้รัฐบาลของมนุษย์ปกครอง เราจึงไม่ต่อต้านพวกเขา แต่เราจะไม่เข้าร่วมกิจกรรมที่แสดงความรักชาติ (รม. 13:1, 2) เราจะไม่พยายามเปลี่ยนแปลงรัฐบาล หรือพยายามโน้มน้าวนักการเมืองให้ทำสิ่งที่เราชอบ เราจะไม่เลือกตั้งและไม่เป็นนักการเมือง
3. ทำไมเราควรรักษาความเป็นกลาง?
3 คัมภีร์ไบเบิลบอกเหตุผลหลายอย่างที่พระเจ้าอยากให้เรารักษาความเป็นกลาง เหตุผลหนึ่งคือ นั่นเป็นการเลียนแบบพระเยซู ท่าน “ไม่ได้เป็นคนของโลก” พระเยซูไม่เคยเข้าข้างใครทางการเมืองหรือสงคราม (ยน. 6:15; 17:16) อีกเหตุผลหนึ่งคือ เราสนับสนุนรัฐบาลของพระเจ้าเท่านั้น และเนื่องจากเราไม่สนับสนุนรัฐบาลของมนุษย์ เราจึงสามารถประกาศได้อย่างสะดวกใจว่ารัฐบาลของพระเจ้าเท่านั้นที่จะแก้ปัญหาต่าง ๆ ของมนุษย์ได้ การที่ศาสนาเท็จไม่เป็นกลางทางการเมืองทำให้เกิดการแบ่งแยก แต่เนื่องจากเราเป็นกลาง เราจึงเป็นหนึ่งเดียวกันกับพี่น้องทั่วโลก—1 ปต. 2:17
4. (ก) เรารู้ได้อย่างไรว่าจะรักษาความเป็นกลางยากขึ้น? (ข) ทำไมเราควรเตรียมตัวตั้งแต่ตอนนี้ที่จะรักษาความเป็นกลาง?
4 เราอาจอาศัยอยู่ในที่ที่ผู้คนไม่ได้คาดหมายให้เราเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง แต่ยิ่งเราเข้าใกล้อวสานของโลกซาตาน ก็ยิ่งทำให้ยากขึ้นที่เราจะรักษาความเป็นกลาง เพราะผู้คนในทุกวันนี้เป็นคน “ไม่ยอมใคร” และ “หัวดื้อ” นี่ทำให้พวกเขาเกิดการแบ่งแยกกันมากขึ้น (2 ทธ. 3:3, 4) นอกจากนั้น มีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองอย่างรวดเร็วในบางประเทศ ซึ่งทำให้พี่น้องของเราบางคนรักษาความเป็นกลางได้ยาก นี่เป็นเหตุผลที่เราต้องเตรียมตัวตั้งแต่ตอนนี้ที่จะรักษาความเป็นกลาง เพราะถ้าเราไม่ทำอย่างนั้น เราก็อาจจะอะลุ่มอล่วยยอมเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ขอเราดูว่า 4 อย่างที่เราทำได้เพื่อเตรียมตัวมีอะไรบ้าง
มองรัฐบาลของมนุษย์ให้เหมือนกับที่พระยะโฮวามอง
5. พระยะโฮวามองรัฐบาลของมนุษย์อย่างไร?
5 วิธีหนึ่งที่เราสามารถเตรียมตัวตั้งแต่ตอนนี้เพื่อจะรักษาความเป็นกลางก็คือ เราต้องมองรัฐบาลของมนุษย์ให้เหมือนกับที่พระยะโฮวามอง ตอนที่พระยะโฮวาสร้างมนุษย์ พระองค์ไม่ได้ให้สิทธิ์มนุษย์ที่จะปกครองกันเอง (ยรม. 10:23) พระองค์มองว่ามนุษย์ทุกคนเป็นครอบครัวเดียวกัน แต่รัฐบาลของมนุษย์ได้แบ่งแยกผู้คนเพราะพวกเขามักจะบอกว่าชาติของเขาดีกว่าของคนอื่น แม้บางรัฐบาลอาจดูดี แต่พวกเขาก็ไม่สามารถแก้ปัญหาทั้งหมดได้ และที่สำคัญ พวกเขาเป็นศัตรูกับรัฐบาลของพระเจ้าที่เริ่มปกครองตั้งแต่ปี 1914 อีกไม่นานรัฐบาลนี้จะจัดการรัฐบาลอื่น ๆ ให้หมดไป—อ่านสดุดี 2:2, 7-9
6. เราควรทำตัวอย่างไรเมื่อต้องติดต่อเกี่ยวข้องกับเจ้าหน้าที่รัฐบาล?
6 พระเจ้ายอมให้มีรัฐบาลของมนุษย์เพราะพวกเขาช่วยรักษาความสงบและจัดระเบียบต่าง ๆ ซึ่งช่วยให้การประกาศข่าวดีเรื่องรัฐบาลของพระเจ้าง่ายขึ้น (รม. 13:3, 4) พระเจ้าถึงกับบอกให้เราอธิษฐานเผื่อคนที่มีอำนาจ เพื่อเราจะนมัสการพระองค์ได้อย่างสงบและปลอดภัย (1 ทธ. 2:1, 2) ถ้าเราถูกปฏิบัติอย่างไม่ยุติธรรม เราสามารถขอความช่วยเหลือจากผู้ที่มีอำนาจในรัฐบาลได้ เปาโลก็ทำแบบนั้น (กจ. 25:11) ถึงแม้คัมภีร์ไบเบิลบอกว่าซาตานควบคุมรัฐบาลของมนุษย์ แต่ก็ไม่ได้บอกว่าซาตานควบคุมเจ้าหน้าที่รัฐบาลแต่ละคน (ลก. 4:5, 6) ดังนั้น เราไม่ควรบอกคนอื่นว่าเจ้าหน้าที่รัฐบาลคนนั้นคนนี้ถูกซาตานควบคุมอยู่ คัมภีร์ไบเบิลบอกว่าเราไม่ควรพูดให้ร้ายคนอื่น—ทต. 3:1, 2
7. เราต้องหลีกเลี่ยงความคิดหรือความรู้สึกแบบไหน?
7 เราเชื่อฟังพระเจ้าโดยที่เราไม่พยายามเอาอกเอาใจนักการเมืองคนไหน หรือกลุ่มการเมืองไหนเป็นพิเศษ ถึงแม้ว่าความคิดเห็นของพวกเขาจะเป็นประโยชน์ต่อเราก็ตาม บางครั้งการทำแบบนี้ก็ไม่ง่าย ตัวอย่างเช่น ถ้ารัฐบาลทำบางอย่างที่ทำให้ประชาชนทั่วไปรวมทั้งพยานฯเดือดร้อน และถ้ามีคนต่อต้านรัฐบาลนั้น แน่นอนว่าเราจะไม่เข้าร่วมการต่อต้าน แต่คุณจะแอบเชียร์ในใจและหวังว่าพวกเขาจะทำสำเร็จไหม? (อฟ. 2:2) ถ้าเราอยากรักษาความเป็นกลาง เราจะไม่ใช่แค่แสดงออกมาทางคำพูดและการกระทำของเราเท่านั้น แต่เราต้องรู้สึกแบบนั้นจริง ๆ
ต้อง “ฉลาด” แต่ “ไม่เป็นพิษเป็นภัย”
8. เราจะทำตามมัทธิว 10:16, 17 อย่างไรเมื่อต้องเจอปัญหาเรื่องการรักษาความเป็นกลาง?
8 อีกวิธีหนึ่งที่เราจะรักษาความเป็นกลางได้ก็คือ เราต้อง “ฉลาดเหมือนงู แต่ก็ไม่เป็นพิษเป็นภัยเหมือนนกเขา” (อ่านมัทธิว 10:16, 17) เราฉลาดโดยการคิดล่วงหน้าว่าอาจมีอะไรยุ่งยากเกิดขึ้น และไม่ไปเกี่ยวข้องกับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งในสภาพการณ์ที่ยุ่งยากนั้น ขอเราดูว่ามีสถานการณ์ไหนบ้างที่ยากจะรักษาความเป็นกลาง และเราควรทำอย่างไร
9. เมื่อเราพูดคุยกับคนอื่น เราควรระวังเรื่องอะไร?
9 เรื่องที่เราพูดคุย เราต้องระวังมากเมื่อมีคนพูดเรื่องการเมืองขึ้นมา เช่น ตอนที่เราคุยกับบางคนเรื่องรัฐบาลของพระเจ้า เราจะไม่พูดว่าเราเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกับความคิดเห็นของนักการเมืองหรือพรรคการเมืองไหนโดยเฉพาะ แทนที่จะคุยว่ามนุษย์จะทำอะไรเพื่อแก้ปัญหา เราน่าจะให้เขาดูคัมภีร์ไบเบิลว่ารัฐบาลของพระเจ้าจะแก้ทุกปัญหาอย่างถาวร ถ้ามีคนอยากเถียงกับเราในบางเรื่อง เช่น เรื่องการแต่งงานของคนเพศเดียวกัน หรือเรื่องการทำแท้ง ขอเราบอกเขาว่าคัมภีร์ไบเบิลแนะนำเกี่ยวกับเรื่องนั้นอย่างไร และเราพยายามใช้คำแนะนำจากคัมภีร์ไบเบิลในชีวิตของเรา หรือถ้าบางคนมาบอกว่าควรมีการยกเลิกหรือเปลี่ยนแปลงกฎหมายบางข้อ เราจะไม่แสดงว่าเราเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกับเขา และเราก็จะไม่พยายามเปลี่ยนแปลงความคิดของเขา
10. เราจะรักษาความเป็นกลางอย่างไรเมื่อดูหรืออ่านสิ่งที่สื่อนำเสนอ?
10 ข่าวสารต่าง ๆ หลายครั้งข่าวที่ออกมาตามสื่อต่าง ๆ มักจะสนับสนุนฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งอย่างชัดเจน เรื่องนี้เกิดขึ้นโดยเฉพาะกับประเทศที่รัฐบาลเป็นผู้ควบคุมการนำเสนอข่าว ถ้าสำนักข่าวหรือนักข่าวเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง เราต้องระวังที่จะไม่คล้อยตามพวกเขา เช่น ลองถามตัวเองว่า ‘ฉันชอบฟังผู้สื่อข่าวคนนี้พูดเพราะฉันเห็นด้วยกับความคิดของเขาเรื่องการเมืองไหม?’ เพื่อจะช่วยเราให้รักษาความเป็นกลาง เราต้องไม่ดูหรืออ่านข่าวที่เข้าข้างฝ่ายหนึ่งทางการเมืองโดยเฉพาะ แทนที่จะทำอย่างนั้น พยายามหาข่าวที่เป็นกลาง และขอเราเปรียบเทียบสิ่งที่เราได้ยินกับ “มาตรฐานของคำสอนที่เป็นประโยชน์” ที่อยู่ในคัมภีร์ไบเบิลเสมอ—2 ทธ. 1:13
11. ถ้าเรารู้สึกว่าสิ่งที่เรามีสำคัญมาก จะทำให้เรารักษาความเป็นกลางได้ยากขึ้นอย่างไร?
11 การรักเงินและสิ่งของ ถ้าเงินและสิ่งของต่าง ๆ ที่เรามีสำคัญมากสำหรับเรา เราก็อาจรักษาความเป็นกลางได้ยากขึ้นด้วย หลังจากปี 1970 มีพยานฯมากมายในมาลาวีต้องทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างที่พวกเขามีเพราะเขาไม่ยอมเข้าร่วมกับกลุ่มการเมือง น่าเศร้าที่บางคนไม่ยอมทิ้งชีวิตที่สะดวกสบายของพวกเขา พี่น้องผู้หญิงคนหนึ่งที่ชื่อรูธจำได้ดีว่า “มีบางคนยอมลี้ภัยไปกับพวกเรา แต่หลังจากนั้นก็ไปเข้าร่วมกับพรรคการเมืองและได้กลับบ้าน พวกเขาทำอย่างนี้เพราะไม่อยากมีชีวิตที่ลำบากในค่ายผู้ลี้ภัย” แต่ประชาชนของพระเจ้าส่วนใหญ่ไม่ได้เป็นแบบนั้น พวกเขารักษาความเป็นกลาง ถึงแม้การทำอย่างนั้นจะทำให้พวกเขามีเงินน้อยลงหรือต้องสูญเสียทุกอย่างที่พวกเขามีก็ตาม—ฮบ. 10:34
12, 13. (ก) พระยะโฮวามองมนุษย์ทุกคนอย่างไร? (ข) เราจะรู้ได้อย่างไรว่าเรามีความภูมิใจมากเกินไปในประเทศบ้านเกิดของเรา?
12 ความหยิ่ง เป็นเรื่องธรรมดาที่ผู้คนจะรู้สึกภูมิใจในเชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ วัฒนธรรม บ้านเกิด หรือประเทศของตัวเอง แต่พระยะโฮวาไม่ได้มองว่าใครคนหนึ่ง หรือกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งดีกว่าคนอื่น ๆ สำหรับพระองค์แล้วทุกคนมีค่าเท่ากัน พระองค์สร้างพวกเราให้แตกต่างกัน และพวกเราสามารถชื่นชมกับความแตกต่างหลากหลายนั้น พระเจ้าไม่ได้อยากให้เราทิ้งพื้นเพและวัฒนธรรมต่าง ๆ ของเรา แต่พระองค์ก็ไม่อยากให้เราคิดว่าตัวเองดีกว่าคนอื่น ๆ—รม. 10:12
13 เราไม่ควรภูมิใจในเชื้อชาติหรือประเทศบ้านเกิดของเราและคิดว่าเราดีกว่าคนอื่น ๆ ถ้าเรารู้สึกอย่างนั้น เราก็จะรักษาความเป็นกลางได้ยากขึ้น เรื่องนี้เคยเกิดขึ้นในศตวรรษแรก มีพี่น้องฮีบรูบางคนไม่ได้ให้ความเป็นธรรมกับพี่น้องกรีกที่เป็นแม่ม่ายเพราะเขาเป็นอีกเชื้อชาติหนึ่ง (กจ. 6:1) เราจะรู้ได้อย่างไรว่าเราเริ่มมีความภูมิใจผิด ๆ แบบนี้? ถ้ามีพี่น้องผู้ชายหรือผู้หญิงบางคนที่มาจากที่อื่นแนะนำคุณ คุณคิดทันทีเลยไหมว่า ‘วิธีที่เราทำกันที่นี่ดีกว่า’ และไม่ยอมรับคำแนะนำนั้น ถ้าเป็นอย่างนั้น ขอจำคำแนะนำที่สำคัญนี้ไว้คือ “ให้ถ่อมตัวและมองว่าคนอื่นดีกว่าตัวเอง”—ฟป. 2:3
พระยะโฮวาจะช่วยคุณ
14. การอธิษฐานจะช่วยเราอย่างไร? และตัวอย่างอะไรในคัมภีร์ไบเบิลที่ช่วยเราให้มั่นใจในเรื่องนี้?
14 วิธีที่สามที่เราจะรักษาความเป็นกลางได้ก็คือ ขอให้พระยะโฮวาช่วย คุณต้องอธิษฐานขอพลังบริสุทธิ์ พลังนี้สามารถช่วยคุณให้อดทนและควบคุมตัวเองได้เมื่อเห็นว่ารัฐบาลทำสิ่งที่ไม่ยุติธรรมและไม่ซื่อสัตย์ คุณต้องอธิษฐานขอสติปัญญาจากพระยะโฮวาเพื่อให้คุณนึกถึงสถานการณ์ที่อาจทำให้คุณรักษาความเป็นกลางได้ยาก ขอพระองค์ให้ช่วยคุณทำสิ่งที่ถูกต้องเมื่อต้องเจอกับสถานการณ์นั้น (ยก. 1:5) คุณอาจถูกจับเข้าคุกหรือถูกลงโทษเพราะคุณซื่อสัตย์ต่อพระยะโฮวา ถ้ามีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น คุณต้องอธิษฐานขอความกล้าหาญเพื่อที่คุณจะอธิบายกับคนอื่น ๆ ได้ว่าทำไมคุณต้องรักษาความเป็นกลาง คุณมั่นใจได้ว่าพระยะโฮวาจะช่วยคุณให้อดทนได้—อ่านกิจการ 4:27-31
15. คัมภีร์ไบเบิลช่วยเราให้รักษาความเป็นกลางอย่างไร? (ดูกรอบ “คัมภีร์ไบเบิลช่วยพวกเขาให้เชื่อมั่นมากขึ้น”)
15 พระยะโฮวาให้คัมภีร์ไบเบิลกับเราเพื่อช่วยให้เราเข้มแข็ง ขอเราคิดทบทวนข้อต่าง ๆ ในคัมภีร์ไบเบิลที่ช่วยเราให้รักษาความเป็นกลาง ลองพยายามคิดดูว่าคุณได้เรียนรู้อะไรและพยายามท่องจำข้อเหล่านั้นให้ขึ้นใจ การทำอย่างนี้จะช่วยคุณเสมอแม้แต่ตอนที่คุณไม่มีคัมภีร์ไบเบิล นอกจากนั้น คัมภีร์ไบเบิลยังช่วยให้ความหวังที่คุณมีเกี่ยวกับคำสัญญาของพระเจ้าชัดเจนขึ้น เราต้องมีความหวังแบบนั้นเพื่อจะอดทนกับการทดสอบได้ (รม. 8:25) ลองเลือกข้อคัมภีร์เกี่ยวกับโลกใหม่ที่คุณชอบเป็นพิเศษ และนึกภาพตัวเองอยู่ที่นั่น
ได้ประโยชน์จากผู้รับใช้ที่ซื่อสัตย์ของพระยะโฮวา
16, 17. เราเรียนอะไรได้จากตัวอย่างการรักษาความเป็นกลางของผู้รับใช้ที่ซื่อสัตย์? (ดูภาพแรก)
16 วิธีที่สี่ที่ช่วยเราให้รักษาความเป็นกลางได้คือ การคิดถึงตัวอย่างของผู้รับใช้ที่ซื่อสัตย์ของพระยะโฮวา มีผู้รับใช้หลายคนในสมัยคัมภีร์ไบเบิลที่กล้าหาญ พวกเขาตัดสินใจอย่างฉลาดซึ่งช่วยเขาให้รักษาความเป็นกลาง ลองคิดถึงชัดรัค เมชาค และอาเบดเนโก พวกเขาทั้งสามคนไม่ยอมนมัสการรูปเคารพที่เป็นเหมือนตัวแทนของรัฐบาลบาบิโลน (อ่านดาเนียล 3:16-18) เรื่องราวในคัมภีร์ไบเบิลส่วนนี้ช่วยพยานฯในทุกวันนี้ให้กล้าหาญและไม่ยอมนมัสการธงชาติในประเทศที่เขาอยู่ พระเยซูก็ไม่เข้าร่วมกับการเมืองหรือเรื่องต่าง ๆ ที่ทำให้ผู้คนแบ่งแยก ท่านรู้ว่าตัวอย่างที่ดีของท่านช่วยสาวกได้ พระเยซูบอกว่า “ขอให้กล้าหาญไว้ ผมชนะโลกแล้ว”—ยน. 16:33
17 พยานฯหลายคนในสมัยของเราก็รักษาความเป็นกลางด้วย พวกเขาบางคนถูกทรมาน ถูกจับเข้าคุก และถูกฆ่าเนื่องจากรักษาความซื่อสัตย์ต่อพระยะโฮวา ตัวอย่างของพวกเขาช่วยเราให้กล้าหาญ พี่น้องผู้ชายคนหนึ่งจากประเทศตุรกีบอกว่า “ฟรานซ์ ไรเทอร์เป็นพี่น้องหนุ่มที่ถูกประหารเพราะไม่ยอมเข้าร่วมกับกองทัพของฮิตเลอร์ จดหมายที่เขาเขียนให้แม่ในคืนก่อนที่เขาจะตายแสดงให้เราเห็นความเชื่อที่มั่นคง เขามั่นใจในพระยะโฮวาจริง ๆ และผมอยากเลียนแบบความเชื่อของเขาถ้าผมต้องเจอกับการทดสอบ”[2]
18, 19. (ก) พี่น้องในประชาคมจะช่วยคุณให้รักษาความเป็นกลางได้อย่างไร? (ข) คุณตั้งใจจะทำอะไร?
18 พี่น้องในประชาคมของคุณก็ช่วยคุณให้รักษาความเป็นกลางได้ บอกให้ผู้ดูแลในประชาคมรู้ถ้าคุณต้องเจอกับสภาพการณ์ที่ยากที่จะรักษาความเป็นกลาง พวกเขาสามารถให้คำแนะนำจากคัมภีร์ไบเบิลได้ นอกจากนั้น ถ้ามีคนอื่นในประชาคมรู้ว่าคุณต้องเจอกับอะไร พวกเขาก็จะสามารถให้กำลังใจคุณ คุณน่าจะขอพวกเขาให้อธิษฐานเผื่อคุณ และถ้าเราอยากให้พี่น้องช่วยเหลือเราและอธิษฐานเผื่อเรา เราเองก็น่าจะทำอย่างนั้นเหมือนกัน (มธ. 7:12) คุณจะหารายชื่อของพี่น้องที่ต้องติดคุกในเว็บไซต์ jw.org ได้[3] คุณอาจเลือกบางชื่อและอธิษฐานขอให้พระยะโฮวาช่วยพี่น้องเหล่านั้นให้มีความกล้าหาญและรักษาความซื่อสัตย์ต่อ ๆ ไป—อฟ. 6:19, 20
19 ยิ่งเราเข้าใกล้อวสาน เราก็คาดหมายได้ว่ารัฐบาลต่าง ๆ จะยิ่งกดดันเราให้ไม่เป็นกลาง นี่เป็นเหตุผลที่เราต้องเตรียมตัวตั้งแต่ตอนนี้ที่จะรักษาความเป็นกลางในโลกที่แบ่งแยกนี้
^ [1] (ข้อ 1) ตอนที่พระเยซูพูดถึงซีซาร์ ท่านกำลังหมายถึงรัฐบาล ในตอนนั้นซีซาร์เป็นผู้ปกครองและเป็นมนุษย์ที่มีอำนาจสูงสุด
^ [2] (ข้อ 17) ดูกรอบ “เขาตายเพื่อเป็นเกียรติแก่พระเจ้า” ในหนังสือราชอาณาจักรของพระเจ้าปกครองแล้ว! หน้า 150 และหนังสือพยานพระยะโฮวา—ผู้ประกาศราชอาณาจักรของพระเจ้า (ภาษาอังกฤษ) หน้า 662
^ [3] (ข้อ 18) เข้าไปที่ NEWSROOM > LEGAL DEVELOPMENTS > “Jehovah’s Witnesses Imprisoned for Their Faith—By Location” (ยังไม่มีในภาษาไทย)