บท 6
ทำไมเราจึงแก่ลงและตาย?
1. นักวิทยาศาสตร์ไม่สามารถอธิบายอะไรเกี่ยวกับชีวิตมนุษย์?
นักวิทยาศาสตร์ไม่ทราบสาเหตุที่มนุษย์แก่ลงและตาย. ดูเหมือนว่าเซลล์ของเราน่าจะมีการสร้างขึ้นใหม่อยู่เรื่อย ๆ และเราน่าจะมีชีวิตอยู่ตลอดไป. หนังสือเฮียวจุน โซะชิคิงะกุ (จุลกายวิภาคศาสตร์มาตรฐาน, ภาษาญี่ปุ่น) บอกว่า “วิธีที่การแก่ลงของเซลล์เกี่ยวข้องกับการแก่ลงและความตายของคนเรานั้นเป็นเรื่องลึกลับยิ่งนัก.” นักวิทยาศาสตร์หลายคนเชื่อว่าชีวิตมีขีดจำกัดตาม “ธรรมชาติตั้งแต่เกิด.” คุณคิดว่าพวกเขาเข้าใจถูกไหม?
2. บางคนได้ทำประการใดเนื่องจากช่วงชีวิตที่สั้นเหลือเกิน?
2 มนุษย์ใฝ่ฝันเสมอมาจะมีอายุยืน และถึงกับพยายามบรรลุสภาพอมตะด้วยซ้ำ. ตั้งแต่ศตวรรษที่สี่ก่อนสากลศักราช ยาที่เชื่อกันว่าคิดค้นขึ้นเพื่อทำให้เป็นอมตะได้นั้นดึงดูดความสนใจขุนนางชาวจีน. ในเวลาต่อมา จักรพรรดิจีนบางองค์เสวยยาที่เรียกว่า ยาอายุวัฒนะที่ทำจากปรอท แล้วก็สิ้นพระชนม์! ตลอดทั่วโลก ผู้คนเชื่อว่าความตายไม่ใช่จุดจบของการดำรงอยู่. ชาวพุทธ, ฮินดู, มุสลิม, และพวกอื่น ๆ มีความหวังอันเจิดจ้าเกี่ยวกับชีวิตหลังจากตาย. ในคริสต์ศาสนจักร หลายคนนึกภาพชีวิตหลังจากตายที่สุขสบายในสวรรค์.
3. (ก) ทำไมมนุษย์ปรารถนาชีวิตถาวร? (ข) คำถามอะไรเรื่องความตายที่ต้องได้รับคำตอบ?
3 แนวคิดเรื่องความสุขภายหลังตายนั้นสะท้อนความปรารถนาจะได้ชีวิตถาวร. คัมภีร์ไบเบิลกล่าวเกี่ยวกับแนวคิดเรื่องสภาวะนิรันดร์ที่พระเจ้าทรงใส่ไว้ในตัวเราว่า “พระองค์ทรงบรรจุนิรันดรกาลไว้ในจิตใจของมนุษย์.” (ท่านผู้ประกาศ 3:11, ฉบับแปลใหม่) พระองค์ทรงสร้างมนุษย์คู่แรกพร้อมด้วยความหวังที่จะสามารถมีชีวิตอยู่ตลอดไปบนแผ่นดินโลก. (เยเนซิศ 2:16, 17) ถ้าเช่นนั้น ทำไมมนุษย์จึงตาย? ความตายถูกนำเข้ามาในโลกอย่างไร? ความรู้ที่พระเจ้าทรงเตรียมไว้นั้นให้ความกระจ่างแจ้งเกี่ยวกับคำถามเหล่านี้.—บทเพลงสรรเสริญ 119:105.
แผนอุบาทว์
4. พระเยซูทรงระบุตัวอาชญากรที่เป็นต้นเหตุความตายของมนุษย์อย่างไร?
4 อาชญากรพยายามปกปิดหลักฐานที่แสดงว่าเขามีความผิด. เรื่องนี้เป็นจริงด้วยกับผู้ที่เป็นต้นเหตุก่ออาชญากรรมที่ยังผลให้หลายพันล้านคนตาย. เขาได้พลิกแพลงเรื่องราวต่าง ๆ เพื่อปิดบังเรื่องความตายของมนุษย์ให้เป็นเรื่องที่ลึกลับ. พระเยซูคริสต์ได้ระบุตัวอาชญากรผู้นี้เมื่อพระองค์ตรัสแก่คนเหล่านั้นที่หาทางจะสังหารพระองค์ว่า “ท่านทั้งหลายมาจากมารซึ่งเป็นพ่อของท่าน, และท่านใคร่จะทำตามความปรารถนาของพ่อของท่าน. มันเป็นผู้ฆ่าคนตั้งแต่เดิมมา, และมิได้ตั้งอยู่ในความจริง, เพราะความจริงมิได้อยู่ในมัน.”—โยฮัน 8:31, 40, 44.
5. (ก) อะไรเป็นจุดเริ่มต้นของผู้ที่กลายเป็นซาตานพญามาร? (ข) คำ “ซาตาน” และ “พญามาร” หมายถึงอะไร?
5 ถูกแล้ว พญามารเป็น “ผู้ฆ่าคน” ที่มุ่งร้าย. คัมภีร์ไบเบิลเปิดเผยว่า มันเป็นบุคคลจริง ๆ หาใช่เป็นเพียงความชั่วในหัวใจคนไม่. (มัดธาย 4:1-11) ถึงแม้ถูกสร้างเป็นทูตสวรรค์ที่ชอบธรรม มัน “มิได้ตั้งอยู่ในความจริง.” ช่างเหมาะสักเพียงไรที่มันได้ชื่อว่าซาตานพญามาร! (วิวรณ์ 12:9) มันถูกเรียกว่า “ซาตาน” หรือ “ผู้ต่อต้าน” เพราะมันได้ต่อต้านและแข็งขืนต่อพระยะโฮวา. อาชญากรผู้นี้ถูกเรียกด้วยว่า “พญามาร” หมายถึง “ผู้หมิ่นประมาท” เพราะมันได้ใส่ความพระเจ้าอย่างลบหลู่.
6. ทำไมซาตานกบฏต่อพระเจ้า?
6 อะไรกระตุ้นซาตานให้กบฏต่อพระเจ้า? ความโลภ. มันโลภอยากได้การนมัสการที่พระยะโฮวาได้รับจากมนุษย์. พญามารไม่ได้ละทิ้งความปรารถนาที่อยากได้รับการนมัสการเช่นนั้น ซึ่งเป็นของพระผู้สร้างโดยชอบธรรมแต่องค์เดียว. (เทียบกับยะเอศเคล 28:12-19.) แทนที่จะทำเช่นนั้น ทูตสวรรค์ซึ่งกลายเป็นซาตานได้เพาะความปรารถนาที่ละโมบนี้ไว้จนกระทั่งโตเต็มขนาดแล้วก่อให้เกิดบาป.—ยาโกโบ 1:14, 15.
7. (ก) อะไรทำให้มนุษย์ตาย? (ข) บาปคืออะไร?
7 เราได้ระบุตัวผู้กระทำผิดซึ่งอาชญากรรมที่มันก่อทำให้มนุษย์ต้องตาย. แต่อะไรเป็นสาเหตุโดยตรงแห่งความตายของมนุษย์? คัมภีร์ไบเบิลบอกว่า “เหล็กในซึ่งนำถึงความตายนั้นคือบาป.” (1 โกรินโธ 15:56, ล.ม.) และบาปคืออะไร? เพื่อจะเข้าใจคำนี้ ขอให้เราพิจารณาความหมายของคำนี้ในภาษาเดิมของคัมภีร์ไบเบิล. คำกริยาภาษาฮีบรูและกรีกที่โดยทั่วไปได้รับการแปลว่า “ทำบาป” นั้นหมายถึง “พลาดไป” ในแง่ของการพลาดหรือไม่บรรลุเป้า. เราทุกคนพลาดเป้าอะไร? เป้าของการเชื่อฟังพระเจ้าอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง. อย่างไรก็ดี บาปได้ถูกนำเข้ามาในโลกโดยวิธีใด?
วิธีดำเนินแผนอุบาทว์
8. ซาตานพยายามอย่างไรเพื่อให้มนุษย์นมัสการตน?
8 ซาตานได้วางแผนอย่างแยบคายซึ่งมันคิดว่าจะทำให้มันปกครองเหนือมวลมนุษย์และได้รับการนมัสการจากพวกเขา. มันตัดสินใจที่จะชักจูงอาดามและฮาวามนุษย์คู่แรกให้ทำบาปต่อพระเจ้า. พระยะโฮวาได้ประทานความรู้ซึ่งจะนำไปสู่ชีวิตนิรันดร์นั้นแก่บิดามารดาคู่แรกของเรา. เขาทั้งสองรู้ว่าพระผู้สร้างทรงไว้ซึ่งความดีเพราะพระองค์ทรงจัดให้เขาอยู่ในสวนเอเดนที่สวยงาม. อาดามรู้สำนึกถึงความดีของพระบิดาทางภาคสวรรค์เป็นพิเศษเมื่อพระเจ้าประทานภรรยาแสนสวยที่เป็นผู้ช่วยให้แก่เขา. (เยเนซิศ 1:26, 29; 2:7-9, 18-23) ชีวิตยืนยาวของมนุษย์คู่แรกขึ้นอยู่กับการเชื่อฟังพระเจ้า.
9. พระเจ้าทรงให้พระบัญชาอะไรแก่มนุษย์คนแรก และทำไมพระบัญชานั้นชอบด้วยเหตุผล?
9 พระเจ้าทรงบัญชาแก่อาดามว่า “จากต้นไม้ทุกต้นในสวนเจ้ากินได้จนเป็นที่พอใจ. ส่วนต้นไม้เกี่ยวกับความรู้เรื่องความดีและความชั่วนั้นเจ้าอย่ากินจากต้นนั้น เพราะว่าในวันซึ่งเจ้ากินจากต้นนั้นเจ้าจะตายเป็นแน่.” (เยเนซิศ 2:16, 17, ล.ม.) ในฐานะพระผู้สร้าง พระเจ้ายะโฮวามีสิทธิที่จะตั้งมาตรฐานศีลธรรมและกำหนดว่าอะไรดีและอะไรชั่วสำหรับผู้ที่พระองค์ทรงสร้างมา. พระบัญชาของพระองค์มีเหตุผลเพราะอาดามและฮาวามีอิสระจะกินผลไม้จากต้นอื่นทั้งหมดในสวนนั้น. เขาทั้งสองสามารถแสดงความหยั่งรู้ค่าต่อการปกครองอันชอบด้วยสิทธิของพระยะโฮวาโดยการเชื่อฟังกฎหมายนี้ แทนการตั้งมาตรฐานด้านศีลธรรมของตนเองอย่างหยิ่งทะนง.
10. (ก) ซาตานเข้าหามนุษย์เพื่อชักจูงเขาให้อยู่ฝ่ายมันโดยวิธีใด? (ข) ซาตานใส่ร้ายพระยะโฮวาว่าทรงมีเจตนาเช่นไร? (ค) คุณ คิดอย่างไรเกี่ยวกับการที่ซาตานโจมตีพระเจ้า?
10 พญามารวางแผนร้ายจะชักจูงมนุษย์คู่แรกไปจากพระเจ้า. เพื่อจะหลอกล่อเขาทั้งสองให้อยู่ฝ่ายมัน ซาตานจึงพูดโกหก. โดยใช้งู เหมือนกับนักแสดงที่ดัดเสียงให้ดูเหมือนหุ่นกำลังพูด พญามารได้ถามฮาวาว่า “จริงหรือที่พระเจ้าตรัสห้ามว่า, ‘เจ้าอย่ากินผลไม้ทุกอย่างในสวนนี้?’” เมื่อฮาวาอ้างถึงพระบัญชาของพระเจ้า ซาตานได้แถลงว่า “เจ้าจะไม่ตายจริงดอก.” ครั้นแล้ว มันได้ใส่ร้ายพระยะโฮวาว่ามีเจตนาที่ไม่ดีโดยบอกว่า “พระเจ้าทรงทราบอยู่ว่า, เจ้ากินผลไม้นั้นเข้าไปวันใด, ตาของเจ้าจะสว่างขึ้นในวันนั้น; แล้วเจ้าจะเป็นเหมือนพระ, จะรู้จักความดีและชั่ว.” (เยเนซิศ 3:1-5) โดยวิธีนี้ พญามารจึงบอกเป็นนัย ๆ ว่า พระเจ้าเหนี่ยวรั้งสิ่งที่ดีไว้. ช่างเป็นการโจมตีแบบใส่ร้ายเสียจริง ๆ ต่อพระยะโฮวา พระบิดาทางภาคสวรรค์องค์สัตย์จริงที่เปี่ยมด้วยความรัก!
11. อาดามและฮาวากลายเป็นผู้คบคิดกับซาตานอย่างไร?
11 ฮาวามองดูต้นไม้นั้นอีกครั้ง และตอนนี้ผลของมันดูเหมือนน่าปรารถนาเป็นพิเศษ. ดังนั้น เธอจึงเด็ดผลไม้นั้นมารับประทาน. ต่อมา สามีเจตนาเข้าร่วมกับเธอในการกระทำที่ไม่เชื่อฟังพระเจ้า ซึ่งเป็นบาป. (เยเนซิศ 3:6) ถึงแม้ฮาวาถูกหลอกลวงก็ตาม ทั้งฮาวาและอาดามได้สนับสนุนแผนการของซาตานที่จะปกครองเผ่าพันธุ์มนุษย์. ที่แท้แล้ว เขาทั้งสองกลายเป็นผู้คบคิดกับมัน.—โรม 6:16; 1 ติโมเธียว 2:14.
12. อะไรเป็นผลจากการที่มนุษย์กบฏต่อพระเจ้า?
12 อาดามและฮาวาต้องเผชิญผลจากการกระทำของเขา. เขาไม่ได้กลายเป็นเหมือนพระเจ้า โดยมีความรู้พิเศษ. แทนที่จะเป็นเช่นนั้น เขารู้สึกอับอายและซ่อนตัวอยู่. พระยะโฮวาทรงเรียกอาดามมาให้การและแถลงคำตัดสินลงโทษนี้: “เจ้าจะหากินด้วยเหงื่อไหลโซมหน้ากว่าเจ้าจะกลับเป็นดิน; เพราะเจ้าบังเกิดมาแต่ดิน เจ้าเป็นแต่ผงคลีดิน, และจะต้องกลับเป็นผงคลีดินอีก.” (เยเนซิศ 3:19) “ในวัน” ที่บิดามารดาคู่แรกรับประทานผลจากต้นไม้เกี่ยวกับความรู้เรื่องความดีและความชั่วนั้น เขาก็ได้รับการตัดสินลงโทษจากพระเจ้าและในทัศนะของพระองค์เขาตายแล้ว. ครั้นแล้วเขาถูกขับไล่ออกจากอุทยานและร่างกายก็เริ่มเสื่อมลงสู่ความตาย.
วิธีที่บาปและความตายแพร่ออกไป
13. บาปแพร่ไปถึงเผ่าพันธุ์มนุษย์ทั้งสิ้นอย่างไร?
13 ดูเหมือนซาตานประสบผลสำเร็จในแผนการที่จะได้รับการบูชาจากมนุษย์. ถึงกระนั้น มันไม่สามารถทำให้ผู้นมัสการมันมีชีวิตอยู่ได้. เมื่อบาปเริ่มก่อผลกระทบต่อมนุษย์คู่แรก เขาไม่สามารถถ่ายทอดความสมบูรณ์ไปยังลูกหลานของเขาได้ต่อไป. เช่นเดียวกับข้อความที่สลักบนศิลา บาปได้ตราลึกอยู่ในหน่วยถ่ายพันธุ์ของบิดามารดาคู่แรก. ด้วยเหตุนี้ เขาจึงให้กำเนิดได้เพียงแต่ลูกหลานที่ไม่สมบูรณ์เท่านั้น. เนื่องจากลูกทั้งหมดของเขาล้วนแต่เกิดมาภายหลังอาดามและฮาวาได้ทำบาปแล้ว ลูกหลานของเขาจึงสืบทอดบาปและความตาย.—บทเพลงสรรเสริญ 51:5; โรม 5:12.
14. (ก) เราอาจเปรียบผู้ที่ไม่ยอมรับว่าตนมีบาปเหมือนกับใคร? (ข) มีการทำให้ชนยิศราเอลสำนึกถึงการที่เขามีบาปโดยวิธีใด?
14 อย่างไรก็ดี ปัจจุบันหลายคนไม่เชื่อว่าเขาเป็นคนบาป. ในบางส่วนของโลก แนวคิดเรื่องบาปที่สืบทอดมานั้นโดยทั่วไปแล้วไม่เป็นที่รู้จัก. แต่นั่นไม่เป็นข้อพิสูจน์ว่าบาปไม่มีอยู่. เด็กที่ใบหน้าสกปรกอาจอ้างว่าเขาเป็นคนสะอาด และจะทำให้เขารับรู้ว่าไม่ได้เป็นอย่างนั้นหลังจากเขาส่องกระจกแล้วเท่านั้น. ชนยิศราเอลโบราณเป็นเหมือนเด็กเช่นว่านั้นเมื่อพวกเขาได้รับพระบัญญัติของพระเจ้าโดยทางโมเซผู้พยากรณ์ของพระองค์. พระบัญญัติทำให้เห็นชัดว่าบาปมีอยู่จริง. อัครสาวกเปาโลอธิบายไว้ว่า “ข้าพเจ้าคงมิได้รู้ว่าอะไรเป็นความผิดเว้นแต่พระบัญญัติบ่งไว้.” (โรม 7:7-12) เหมือนเด็กที่ส่องกระจก โดยการใช้พระบัญญัติเพื่อพิจารณาดูตัวเอง ชนยิศราเอลสามารถมองเห็นว่าพวกเขาไม่สะอาดในสายพระเนตรของพระยะโฮวา.
15. มีการเผยให้เห็นอะไรโดยการส่องกระจกแห่งพระคำของพระเจ้า?
15 โดยการส่องกระจกแห่งพระคำของพระเจ้าและสังเกตมาตรฐานในนั้น เราเห็นได้ว่า เราเป็นคนไม่สมบูรณ์. (ยาโกโบ 1:23-25) ตัวอย่างเช่น ขอพิจารณาสิ่งที่พระเยซูคริสต์ได้ตรัสกับพวกสาวกเรื่องการรักพระเจ้าและเพื่อนบ้าน ดังที่บันทึกในมัดธาย 22:37-40. บ่อยเพียงไรที่มนุษย์พลาดเป้าไปในขอบเขตเหล่านี้! หลายคนไม่รู้สึกด้วยซ้ำถึงความเจ็บปวดของสติรู้สึกผิดชอบที่ไม่ได้แสดงความรักต่อพระเจ้าหรือต่อเพื่อนบ้าน.—ลูกา 10:29-37.
จงระวังกลวิธีของซาตาน!
16. เราจะทำอะไรได้เพื่อหลีกเลี่ยงการตกเป็นเหยื่อกลอุบายของซาตาน และทำไมเรื่องนี้ยาก?
16 ซาตานพยายามกระตุ้นเราให้ทำบาปโดยเจตนา. (1 โยฮัน 3:8) มีทางใดไหมที่จะหลีกเลี่ยงการตกเป็นเหยื่อกลอุบายของมัน? มี แต่เราจำต้องต่อสู้กับแนวโน้มที่จะทำบาปโดยเจตนา. ทั้งนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะแนวโน้มแต่กำเนิดของเราที่จะทำบาปนั้นรุนแรงทีเดียว. (เอเฟโซ 2:3) เปาโลต้องต่อสู้อย่างจริงจัง. ทำไม? เพราะบาปมีอยู่ในตัวท่าน. หากเราต้องการความพอพระทัยจากพระเจ้า เราต้องต่อสู้กับแนวโน้มผิดบาปภายในตัวเราด้วยเช่นกัน.—โรม 7:14-24; 2 โกรินโธ 5:10.
17. อะไรทำให้การต่อสู้กับแนวโน้มที่ผิดบาปของเราเป็นเรื่องยากยิ่งขึ้น?
17 เนื่องจากซาตานคอยหาโอกาสเสมอที่จะล่อเราให้ละเมิดกฎหมายของพระเจ้า การที่เราต่อสู้กับบาปจึงไม่ใช่เรื่องง่าย. (1 เปโตร 5:8) ในการแสดงความห่วงใยต่อเพื่อนคริสเตียน เปาโลบอกว่า “ข้าพเจ้าเกรงว่า, งูนั้นได้ล่อลวงนางฮาวาด้วยอุบายของมันฉันใด, จะมีเหตุอันหนึ่งอันใดล่อลวงจิตต์ใจของท่านทั้งหลายให้หลงจากความสัตย์ซื่อและความบริสุทธิ์ต่อพระคริสต์ฉันนั้น.” (2 โกรินโธ 11:3) ซาตานใช้กลวิธีคล้ายกันในทุกวันนี้. มันพยายามหว่านเมล็ดแห่งความสงสัยเกี่ยวกับคุณความดีของพระยะโฮวาและผลประโยชน์จากการเชื่อฟังพระบัญชาของพระองค์. พญามารพยายามฉวยประโยชน์จากแนวโน้มผิดบาปที่เราสืบทอดมานั้นและทำให้เราติดตามแนวทางของความหยิ่งทะนง, ความโลภ, ความเกลียดชัง, และอคติ.
18. ซาตานใช้โลกอย่างไรเพื่อส่งเสริมบาป?
18 เล่ห์เหลี่ยมอย่างหนึ่งที่พญามารใช้กับเราก็คือโลกซึ่งตกอยู่ในอำนาจของมัน. (1 โยฮัน 5:19) หากเราไม่ระวัง ผู้คนที่เสื่อมทรามและไม่ซื่อสัตย์ในโลกรอบตัวเราจะกดดันเราเข้าสู่แนวทางผิดบาปที่ละเมิดมาตรฐานด้านศีลธรรมของพระเจ้า. (1 เปโตร 4:3-5) หลายคนละเลยกฎหมายของพระเจ้าและถึงกับไม่ใส่ใจการทิ่มแทงของสติรู้สึกผิดชอบด้วยซ้ำ ในที่สุดทำให้สติรู้สึกผิดชอบตายด้าน. (โรม 2:14, 15; 1 ติโมเธียว 4:1, 2) บางคนค่อย ๆ รับเอาแนวทางที่แม้แต่สติรู้สึกผิดชอบซึ่งไม่สมบูรณ์ของเขาแต่ก่อนนั้นไม่อนุญาตให้เขาปฏิบัติ.—โรม 1:24-32; เอเฟโซ 4:17-19.
19. ทำไมเพียงแค่การดำเนินชีวิตที่สะอาดยังไม่พอ?
19 การดำเนินชีวิตที่สะอาดเป็นความสัมฤทธิผลอย่างหนึ่งในโลกนี้. อย่างไรก็ดี เพื่อทำให้พระผู้สร้างของเราพอพระทัย จำเป็นต้องมีมากกว่านั้น. เราต้องมีความเชื่อในพระเจ้าและรู้สำนึกถึงหน้าที่รับผิดชอบต่อพระองค์ด้วย. (เฮ็บราย 11:6) สาวกยาโกโบเขียนว่า “หากคนหนึ่งรู้วิธีที่จะกระทำสิ่งที่ถูกต้อง แต่กระนั้นก็มิได้กระทำ นั่นเป็นบาปแก่เขา.” (ยาโกโบ 4:17, ล.ม.) ถูกแล้ว การละเลยพระเจ้าและพระบัญญัติของพระองค์โดยเจตนาในตัวมันเองแล้วเป็นบาปรูปแบบหนึ่ง.
20. ซาตานอาจพยายามขัดขวางคุณไว้จากการทำสิ่งที่ถูกโดยวิธีใด แต่อะไรจะช่วยคุณต้านทานความกดดันเช่นนั้น?
20 เป็นไปได้ทีเดียวที่ซาตานจะปลุกเร้าให้มีการต่อต้านที่คุณแสวงหาความรู้เกี่ยวกับพระเจ้าโดยการศึกษาคัมภีร์ไบเบิล. เป็นที่หวังอย่างจริงใจว่า คุณจะไม่ยอมให้ความกดดันเช่นนั้นขัดขวางคุณไว้จากการปฏิบัติสิ่งที่ถูกต้อง. (โยฮัน 16:2) ถึงแม้ผู้ปกครองหลายคนเชื่อในพระเยซูในช่วงที่พระองค์ประกาศเผยแพร่ พวกเขาไม่ได้รับพระองค์อย่างเปิดเผย เพราะเขากลัวถูกตัดขาดจากชุมชน. (โยฮัน 12:42, 43) ซาตานพยายามอย่างไร้ความปรานีที่จะทำให้ใคร ๆ ที่แสวงความรู้ของพระเจ้าหวาดกลัว. อย่างไรก็ดี คุณควรจดจำและหยั่งรู้ค่าสิ่งวิเศษต่าง ๆ ที่พระยะโฮวาได้ทรงกระทำนั้นเสมอ. คุณอาจถึงกับสามารถช่วยผู้ต่อต้านให้บรรลุความหยั่งรู้คุณค่าอย่างเดียวกัน.
21. เราจะชนะโลกและแนวโน้มที่มีบาปของเราเองได้โดยวิธีใด?
21 ตราบใดที่เราไม่สมบูรณ์ เราจะทำบาป. (1 โยฮัน 1:8) ถึงอย่างไรก็ดี เราได้รับความช่วยเหลือในการต่อสู้นี้. ถูกแล้ว เป็นไปได้ที่เราจะประสบชัยชนะในการต่อสู้กับตัวชั่วร้าย ซาตานพญามาร. (โรม 5:21) ในตอนท้ายแห่งงานรับใช้ของพระเยซูบนแผ่นดินโลก พระองค์ทรงหนุนกำลังใจพวกสาวกด้วยถ้อยคำเหล่านี้: “ในโลกนี้เจ้ามีความทุกข์ลำบาก แต่จงกล้าหาญเถิด! เราชนะโลกแล้ว.” (โยฮัน 16:33, ล.ม.) แม้แต่สำหรับมนุษย์ไม่สมบูรณ์ ก็เป็นไปได้ที่จะชนะโลกโดยความช่วยเหลือจากพระเจ้า. ซาตานไม่มีอำนาจเหนือคนเหล่านั้นซึ่งต่อต้านมันและ ‘ยอมตัวอยู่ใต้อำนาจพระเจ้า.’ (ยาโกโบ 4:7; 1 โยฮัน 5:18) ดังที่เราจะได้เห็น พระเจ้าทรงจัดเตรียมทางพ้นจากการเป็นทาสบาปและความตาย.
ทดสอบความรู้ของคุณ
ซาตานพญามารคือใคร?
ทำไมมนุษย์จึงแก่ลงและตาย?
บาปคืออะไร?
ซาตานชักนำผู้คนให้เจตนาทำบาปต่อพระเจ้าอย่างไร?
[รูปภาพเต็มหน้า 54]