จงเลียนแบบความเชื่อของเขา | เอโนค
“พระองค์พอใจเขา”
เอโนคเป็นชายที่อายุยืนคนหนึ่ง เขามีอายุยืนยาวถึง 365 ปี ซึ่งมากกว่า 4 ชั่วอายุคนในสมัยของเราเลยทีเดียว! เราอาจนึกภาพไม่ออกว่าจะมีใครที่อายุยืนได้ขนาดนั้น แต่ถ้าเทียบกับสมัยของเขาแล้วถือว่าเอโนคยังไม่แก่ เพราะย้อนไปเมื่อ 5,000 ปีที่แล้วผู้คนอายุยืนกว่าสมัยของเรามาก อาดัมมนุษย์คนแรกมีอายุ 600 กว่าปีแล้วตอนที่เอโนคเกิด และเขายังมีชีวิตอยู่ต่อไปอีกถึง 300 ปี! ลูกหลานของอาดัมบางคนมีอายุยืนกว่านั้นด้วย ดังนั้น เอโนคที่อายุ 365 ปีจึงถือว่ายังเป็นคนหนุ่มแน่นที่น่าจะมีอนาคตไกล แต่ชีวิตเขากลับไม่เป็นอย่างนั้น
ชีวิตของเอโนคกำลังตกอยู่ในอันตราย ลองนึกภาพเขากำลังวิ่งหนีเอาชีวิตรอดจากคนที่เพิ่งได้ยินข่าวสารที่เขาประกาศ ใบหน้าของคนพวกนั้นบิดเบี้ยวด้วยความโมโห สีหน้าท่าทางของพวกเขายังติดตาเอโนคอยู่ คนพวกนั้นเกลียดเขา ดูถูกข่าวสารที่เขาประกาศ และเกลียดพระเจ้าที่ใช้เขามา พวกเขาทำอะไรพระยะโฮวาพระเจ้าของเอโนคไม่ได้ ก็เลยจะทำร้ายเอโนคแทน! เอโนคอาจคิดว่าคงไม่มีโอกาสได้เจอครอบครัวอีกแล้ว เขาอาจคิดถึงภรรยาและลูกสาว หรือเมธูเสลาห์ลูกชาย หรือลาเมคหลานชายอยู่ก็ได้ (ปฐมกาล 5:21-23, 25) สุดท้ายเรื่องนี้จะจบลงอย่างไร?
ดูเหมือนเอโนคเป็นบุคคลปริศนาเพราะไม่มีการเปิดเผยเรื่องราวเกี่ยวกับตัวเขามากนักในคัมภีร์ไบเบิล มีแค่บันทึกสั้น ๆ เกี่ยวกับเขาอยู่ 3 ที่เท่านั้น (ปฐมกาล 5:21-24; ฮีบรู 11:5; ยูดา 14, 15) แต่ข้อคัมภีร์เหล่านั้นก็ให้ข้อมูลมากพอที่จะช่วยเราให้เห็นภาพชายคนหนึ่งที่มีความเชื่อเข้มแข็ง แล้วคุณล่ะ คุณต้องหาเลี้ยงครอบครัวไหม? คุณเคยรู้สึกว่ายากที่จะยืนหยัดเพื่อความถูกต้องไหม? ถ้าคำตอบคือ ใช่ คุณจะได้ประโยชน์จากตัวอย่างความเชื่อของเอโนคแน่นอน
“เอโนคใช้ชีวิตอย่างที่พระเจ้าเที่ยงแท้พอใจอยู่เสมอ”
ในช่วงชีวิตของเอโนค มนุษย์ชั่วช้ามาก ตอนนั้นผ่านมา 7 ชั่วอายุคนนับจากอาดัม ร่างกายของมนุษย์ยังใกล้เคียงกับความสมบูรณ์แบบเหมือนที่อาดัมกับเอวาเคยมี คนในสมัยนั้นจึงอายุยืนมาก แต่พวกเขามีสภาพศีลธรรมที่เลวร้ายและไม่นับถือพระเจ้า ความรุนแรงมีอยู่ทั่วไป สภาพแบบนี้เริ่มมีมาตั้งแต่รุ่นลูกของอาดัมเมื่อคาอินฆ่าอาเบลน้องชายของตัวเอง และลูกหลานคนหนึ่งของคาอินเลวร้ายกว่าคาอินอีกเพราะเขาดูเหมือนจะภูมิใจที่ตัวเองเป็นคนโหดเหี้ยมและได้ล้างแค้นคนอื่น! ในคนรุ่นที่ 3 มีความชั่วร้ายอีกอย่างหนึ่งเกิดขึ้นคือ พวกเขาเริ่มใช้ชื่อพระยะโฮวาอย่างไม่เหมาะสม เพราะแทนที่จะใช้เพื่อนมัสการพระเจ้า พวกเขากลับดูหมิ่นเหยียดหยามและขาดความนับถือต่อชื่อที่ศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์—ปฐมกาล 4:8, 23-26
นั่นทำให้เกิดศาสนาที่เสื่อมทรามอย่างแพร่หลายในสมัยเอโนค เมื่อเอโนคโตขึ้นเขาต้องตัดสินใจว่า เขาจะเลือกทำตามผู้คนรอบตัวในสมัยนั้น หรือจะเลือกพระยะโฮวาพระเจ้าเที่ยงแท้ผู้สร้างสวรรค์และโลก? เขาคงประทับใจมากที่ได้เรียนรู้เรื่องของอาเบลที่ต้องตายเพราะนมัสการพระยะโฮวาในแบบที่พระองค์พอใจ เอโนคตัดสินใจใช้ชีวิตแบบเดียวกันนั้น เพราะที่ปฐมกาล 5:22 บอกว่า เอโนค “ใช้ชีวิตอย่างที่พระเจ้าเที่ยงแท้พอใจต่อไป” คัมภีร์ไบเบิลใช้ประโยคสำคัญนี้กับเขาเป็นคนแรก นี่แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า เอโนคเชื่อฟังพระเจ้าถึงแม้ไม่มีใครในโลกนับถือพระองค์เลย
ข้อคัมภีร์นี้ยังบอกอีกว่าเอโนคใช้ชีวิตอย่างที่พระยะโฮวาพอใจต่อไปหลังจากที่เมธูเสลาห์ลูกชายของเขาเกิด ดังนั้น เราอาจนึกภาพเอโนคว่าเป็นชายอายุประมาณ 65 ปีที่รักและดูแลครอบครัว ในคัมภีร์ไบเบิลไม่ได้บันทึกชื่อภรรยาและไม่ได้บอกจำนวน “ลูกชายลูกสาวอีกหลายคน” ของเขา ถ้าคนที่เป็นพ่อใช้ชีวิตอย่างที่พระเจ้าพอใจ เขาก็คงจะพยายามดูแลครอบครัวให้ใช้ชีวิตตามแนวทางของพระเจ้าด้วยเหมือนกัน เอโนคเองก็รู้ดีว่าพระยะโฮวาต้องการให้เขาซื่อสัตย์ต่อภรรยา (ปฐมกาล 2:24) เขาคงพยายามอย่างเต็มที่เพื่อสอนลูก ๆ เรื่องพระยะโฮวาด้วย การทำแบบนั้นเกิดผลอย่างไร?
บันทึกในคัมภีร์ไบเบิลไม่ได้บอกรายละเอียดอื่น ๆ มากนัก เช่น ไม่ได้บอกว่าเมธูเสลาห์ลูกชายของเอโนคมีความเชื่อในพระเจ้ามากแค่ไหน บอกเพียงแค่ว่าเขาอายุมากที่สุดและมีชีวิตอยู่จนถึงปีเดียวกับที่มีน้ำท่วมโลก อย่างไรก็ตาม เรารู้ว่าลาเมคลูกชายของเมธูเสลาห์มีชีวิตคาบเกี่ยวกันกับเอโนคปู่ของเขามากกว่า 100 ปี ลาเมคเติบโตมาโดยมีความเชื่อที่โดดเด่น พระยะโฮวาดลใจให้เขาพยากรณ์เรื่องโนอาห์ซึ่งเป็นลูกชายของเขาเอง และคำพยากรณ์นั้นเกิดขึ้นจริงหลังน้ำท่วมโลก แม้คนในโลกสมัยนั้นจะไม่นับถือพระเจ้าแต่โนอาห์ใช้ชีวิตอย่างที่พระเจ้าพอใจเหมือนเอโนคปู่ทวดของเขา โนอาห์ไม่เคยเจอเอโนคแต่เอโนคได้ทิ้งสิ่งล้ำค่าไว้ให้เขา ซึ่งโนอาห์อาจได้เรียนรู้สิ่งล้ำค่านี้จากพ่อของเขาคือลาเมค หรือปู่ของเขาคือเมธูเสลาห์ หรือยาเรดพ่อของเอโนค ซึ่งตายตอนที่โนอาห์อายุได้ 366 ปี—ปฐมกาล 5:25-29; 6:9; 9:1
ลองนึกถึงความแตกต่างระหว่างเอโนคกับอาดัม อาดัมเป็นมนุษย์สมบูรณ์แบบแต่ทำบาปต่อพระยะโฮวาและปล่อยให้ลูกหลานต้องรับผลจากการกบฏและเจอกับความทุกข์ ในขณะที่เอโนคไม่ใช่มนุษย์สมบูรณ์แบบแต่เขาใช้ชีวิตอย่างที่พระเจ้าพอใจและช่วยให้ลูกหลานมีความเชื่อ อาดัมตายตอนเอโนคอายุได้ 308 ปี เราไม่รู้ว่าลูกหลานของอาดัมรู้สึกเศร้าโศกเสียใจกับการตายของบรรพบุรุษที่เห็นแก่ตัวคนนี้ไหม แต่ไม่ว่าจะอย่างไร เอโนคก็ “ใช้ชีวิตอย่างที่พระเจ้าเที่ยงแท้พอใจอยู่เสมอ”—ปฐมกาล 5:24
ถ้าคุณต้องหาเลี้ยงครอบครัว ขอให้คิดว่าคุณจะได้ประโยชน์จากตัวอย่างความเชื่อของเอโนคอย่างไร แม้การจัดหาสิ่งที่จำเป็นสำหรับครอบครัวเป็นเรื่องสำคัญ แต่ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าการดูแลครอบครัวให้มีความเชื่อในพระเจ้า (1 ทิโมธี 5:8) คุณจะทำอย่างนั้นได้ไม่ใช่ด้วยคำพูดเท่านั้นแต่ด้วยการกระทำของคุณ และถ้าคุณเลือกใช้ชีวิตแบบที่พระเจ้าพอใจเหมือนเอโนคโดยทำตามมาตรฐานของพระองค์ ครอบครัวคุณจะมีสิ่งล้ำค่าให้พวกเขาเลียนแบบ นั่นก็คือตัวอย่างของคุณเอง
เอโนค “พยากรณ์ถึงพวกเขา”
เอโนคอาจรู้สึกโดดเดี่ยวที่ต้องรักษาความเชื่อตามลำพังในโลกที่ผู้คนไม่มีความเชื่อ แล้วพระยะโฮวาพระเจ้าสังเกตเห็นความเชื่อของเขาไหม? แน่นอนพระองค์เห็น เพราะวันหนึ่งพระยะโฮวาให้เอโนคผู้รับใช้ที่ซื่อสัตย์ของพระองค์ประกาศข่าวสารบางอย่างกับผู้คน ดังนั้น เอโนคจึงเป็นผู้พยากรณ์คนแรกที่คำพยากรณ์ของเขาถูกบันทึกไว้ในคัมภีร์ไบเบิล เรารู้เรื่องนี้จากบันทึกของยูดาน้องชายของพระเยซูซึ่งได้รับการดลใจให้เขียนคำพยากรณ์ของเอโนคหลายพันปีต่อมาa
เอโนคพยากรณ์ไว้อย่างไร? เขาบอกว่า “ดูสิ พระยะโฮวามากับผู้บริสุทธิ์ของพระองค์นับหมื่นนับแสน เพื่อพิพากษาทุกคน และเพื่อลงโทษคนดูหมิ่นพระเจ้าทุกคนสำหรับความชั่วที่พวกเขาทำโดยไม่เกรงกลัวพระองค์ และสำหรับคำพูดหยาบช้าทุกคำซึ่งคนบาปที่ดูหมิ่นพระเจ้าได้พูดถึงพระองค์” (ยูดา 14, 15) เอโนคพูดคำพยากรณ์นี้โดยใช้รูปประโยคที่แสดงว่าเหตุการณ์นั้นได้เกิดขึ้นไปแล้ว เหมือนกับว่าพระเจ้าได้ทำให้คำพยากรณ์สำเร็จเรียบร้อยแล้ว คำพยากรณ์อื่น ๆ ในยุคต่อ ๆ มาก็ใช้รูปประโยคในลักษณะนี้เช่นกัน สิ่งสำคัญที่เราได้รู้คือ ผู้พยากรณ์พูดเรื่องที่จะต้องเกิดขึ้นจริงอย่างแน่นอน แน่นอนจนเหมือนกับว่าสิ่งนั้นได้เกิดขึ้นไปแล้ว!—อิสยาห์ 46:10
เอโนครู้สึกอย่างไรที่ต้องประกาศข่าวสารนี้ให้ทุกคนได้ยิน? ขอสังเกตคำพูดที่ค่อนข้างแรงเมื่อเอโนคพูดถึงผู้คนและการกระทำของพวกเขา เอโนคใช้คำว่า “คนดูหมิ่นพระเจ้า” “ความชั่วที่พวกเขาทำโดยไม่เกรงกลัวพระองค์” “คนบาปที่ดูหมิ่นพระเจ้า” แสดงว่าคำพยากรณ์นี้เป็นการเตือนมนุษย์ทุกคนว่าหลังจากมนุษย์คู่แรกถูกขับไล่ออกจากสวนเอเดน สังคมที่พวกเขาพยายามสร้างขึ้นนั้นเสื่อมทรามลงเรื่อย ๆ และโลกนี้จะต้องพบจุดจบเมื่อพระยะโฮวานำ “ผู้บริสุทธิ์ของพระองค์นับหมื่นนับแสน” หรือกองทัพทูตสวรรค์ที่มีพลังอำนาจมาพิพากษาลงโทษ เอโนคประกาศคำเตือนของพระเจ้าอย่างไม่หวั่นกลัวและยังต้องประกาศคนเดียวอีกด้วย! บางที หนุ่มน้อยลาเมคอาจได้เห็นเหตุการณ์นี้แล้วรู้สึกประทับใจในความกล้าหาญของปู่ ซึ่งก็คงไม่แปลกถ้าเขาจะรู้สึกอย่างนั้น
ความเชื่อของเอโนคอาจกระตุ้นเราให้ถามตัวเองว่าเรามีมุมมองต่อโลกนี้เหมือนพระเจ้าไหม คำพิพากษาที่เอโนคประกาศอย่างกล้าหาญในตอนนั้นยังช่วยเตือนเราในทุกวันนี้เหมือนที่ได้เตือนผู้คนในสมัยของเอโนค คำเตือนของเอโนคเกิดขึ้นจริงตอนที่พระยะโฮวาทำให้เกิดน้ำท่วมโลกเพื่อทำลายสังคมมนุษย์ที่เสื่อมทรามในสมัยโนอาห์ แต่จริง ๆ แล้วการทำลายล้างครั้งนั้นเป็นการบอกให้รู้ว่าจะมีการทำลายล้างที่ยิ่งใหญ่กว่านั้นอีกในอนาคต (มัทธิว 24:38, 39; 2 เปโตร 2:4-6) เช่นเดียวกับในอดีต ตอนนี้พระยะโฮวาเตรียมกองทัพทูตสวรรค์ของพระองค์ไว้แล้วเพื่อจะพิพากษาลงโทษสังคมมนุษย์ที่เสื่อมทราม เราแต่ละคนควรจำคำเตือนของเอโนคไว้และบอกเรื่องนี้ให้คนอื่นรู้ บางครั้งการทำแบบนั้นอาจทำให้เรารู้สึกโดดเดี่ยวเหมือนเอโนคถ้าครอบครัวและเพื่อน ๆ คิดต่างจากเรา แต่ในเมื่อพระยะโฮวาไม่เคยทิ้งเอโนค พระองค์ก็จะไม่ทิ้งผู้รับใช้ที่ซื่อสัตย์ของพระองค์ในทุกวันนี้เช่นกัน!
“ถูกรับไปเพื่อจะไม่ต้องเจอความตาย”
ชีวิตของเอโนคจบลงอย่างไร? ความตายของเขาเป็นปริศนายิ่งกว่าเรื่องราวชีวิตของเขาซะอีก ในหนังสือปฐมกาลบอกไว้สั้น ๆ ว่า “เอโนคใช้ชีวิตอย่างที่พระเจ้าเที่ยงแท้พอใจอยู่เสมอ แล้วก็ไม่มีใครเห็นเขาอีกเลย เพราะพระเจ้ารับเขาไป” (ปฐมกาล 5:24) พระเจ้ารับเขาไปอย่างไร? อัครสาวกเปาโลอธิบายว่า “เพราะความเชื่อ เอโนคถูกรับไปเพื่อจะไม่ต้องเจอความตาย และไม่มีใครพบเขาอีกเลยเพราะพระเจ้ารับเขาไป แต่ก่อนที่เขาจะถูกรับไป เขามีหลักฐานยืนยันแล้วว่าพระองค์พอใจเขา” (ฮีบรู 11:5) เปาโลหมายความว่าอย่างไรที่บอกว่า “ถูกรับไปเพื่อจะไม่ต้องเจอความตาย”? คัมภีร์ไบเบิลฉบับแปลบางฉบับบอกว่าพระเจ้ารับเอโนคไปสวรรค์แต่นั่นเป็นไปไม่ได้ เพราะคัมภีร์ไบเบิลบอกว่าพระเยซูคริสต์เป็นบุคคลแรกที่ฟื้นขึ้นจากตายแล้วไปสวรรค์—ยอห์น 3:13
การ “ถูกรับไปเพื่อจะไม่ต้องเจอความตาย” หมายความว่าอย่างไร? ดูเหมือนพระยะโฮวาช่วยให้เอโนคไม่ต้องตายอย่างทุกข์ทรมานจากน้ำมือศัตรูที่โหดเหี้ยม เอโนค “มีหลักฐานยืนยันแล้วว่าพระองค์พอใจเขา” หลักฐานนั้นคืออะไร? ก่อนตาย พระเจ้าอาจทำให้เอโนคเห็นภาพโลกที่เป็นสวนอุทยานซึ่งเป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นชัดเจนว่าพระยะโฮวาพอใจเขา แล้วเขาก็ตายอย่างสงบ เมื่อเขียนเกี่ยวกับเอโนคและชายหญิงที่ซื่อสัตย์คนอื่น ๆ อัครสาวกเปาโลบอกว่า “คนทั้งหมดนี้ตายไปตอนที่มีความเชื่อ” (ฮีบรู 11:13) หลังจากเอโนคตาย พวกศัตรูอาจหาศพของเขาไม่เจอเพราะ “ไม่มีใครพบเขาอีกเลย” บางทีอาจเพราะพระยะโฮวาทำให้ศพเขาหายไปเพื่อป้องกันไม่ให้มีใครเอาศพของเขาไปใช้ในทางที่ไม่ถูกต้องหรือเอาไปใช้ในพิธีกรรมของศาสนาเท็จb
เมื่อได้หาเหตุผลจากข้อคัมภีร์ต่าง ๆ แล้ว ตอนนี้ให้เราลองจินตนาการดูว่าช่วงสุดท้ายของชีวิตเอโนคอาจเป็นอย่างไร แต่ขอให้จำไว้ว่าเรื่องนี้อาจเป็นเพียงสถานการณ์หนึ่งที่เป็นไปได้เท่านั้น ขณะที่เอโนควิ่งหนีพวกศัตรู เขารู้สึกเหนื่อยแทบขาดใจ พวกคนบ้าคลั่งวิ่งไล่ตามเขามา คนพวกนั้นโกรธแค้นเพราะได้ยินข่าวการพิพากษา เอโนคพบที่ซ่อนและพักเหนื่อยอยู่ครู่หนึ่ง แต่เขารู้ว่าคงหลบหนีได้อีกไม่นาน ความตายที่น่ากลัวคืบใกล้เข้ามา ระหว่างที่กำลังนั่งพักอยู่เขาอธิษฐานถึงพระเจ้า แล้วเขาก็รู้สึกสงบใจ ภาพนิมิตที่เอโนคเห็นดูชัดเจนมากจนเหมือนกับเขาอยู่ที่นั่นจริง ๆ
ลองนึกภาพว่าเอโนคเห็นอะไร เขาอาจเห็นโลกที่ดูแตกต่างอย่างสิ้นเชิงจากที่เขาเคยอยู่ เขากำลังอยู่ในสวนอุทยานที่สวยงามเหมือนสวนเอเดนแต่ไม่มีเครูบยืนเฝ้าทางเข้าเพื่อกั้นมนุษย์ไม่ให้เข้าไป ชายหญิงมากมายที่อยู่ที่นั่นทุกคนเป็นคนหนุ่มสาวที่แข็งแรงกระฉับกระเฉง พวกเขาอยู่กันอย่างสงบสุข ไม่มีความเกลียดชังและการข่มเหงทางศาสนาแบบที่เอโนคเคยเจอ เอโนคเองรู้สึกถึงความมั่นคงปลอดภัย ความรัก และความพอใจจากพระยะโฮวา เขารู้สึกว่านี่แหละคือที่ที่เขาควรจะได้อยู่ คือบ้านที่แท้จริงของเขา ขณะที่จิตใจของเขาสงบมากขึ้นเรื่อย ๆ เอโนคก็หลับตาลงแล้วก็ตายจากไปอย่างสงบ
ในทุกวันนี้ เขาก็ยังคงหลับอยู่ในความตาย แต่เขาปลอดภัยอยู่ในความทรงจำที่ไร้ขีดจำกัดของพระยะโฮวาพระเจ้า! พระเยซูสัญญาว่าจะมีวันหนึ่งที่ทุกคนซึ่งอยู่ในความทรงจำของพระเจ้าจะได้ยินเสียงของพระคริสต์และฟื้นขึ้นมาจากความตาย เมื่อลืมตาขึ้น พวกเขาจะเห็นโลกใหม่ที่สวยงามและสงบสุข—ยอห์น 5:28, 29
คุณอยากอยู่ที่นั่นไหม? ลองนึกดูสิว่าจะน่าตื่นเต้นสักแค่ไหนที่ได้เจอเอโนคและได้เรียนหลายสิ่งหลายอย่างที่น่าทึ่งจากเขา! เอโนคจะบอกเราได้ว่าเรื่องที่เราจินตนาการเกี่ยวกับตัวเขาและเหตุการณ์ในวาระสุดท้ายของชีวิตเขาใกล้เคียงกับสิ่งที่เกิดขึ้นจริงแค่ไหน แต่มีบางสิ่งที่เราต้องเรียนจากเขาตั้งแต่ตอนนี้ เพราะหลังจากที่เปาโลพูดถึงเอโนคแล้ว เปาโลยังบอกอีกว่า “ถ้าไม่มีความเชื่อก็ไม่มีทางทำให้พระเจ้าพอใจได้” (ฮีบรู 11:6) นี่เป็นเหตุผลที่หนักแน่นสำหรับเราทุกคนที่จะเลียนแบบความเชื่อที่กล้าหาญของเอโนค!
a ผู้เชี่ยวชาญด้านคัมภีร์ไบเบิลบางคนบอกว่า ยูดาอ้างข้อความจากพระธรรมนอกสารบบที่เรียกว่าพระธรรมเอโนค แต่เนื้อหาในพระธรรมนั้นดูเป็นเรื่องเพ้อฝันเกินจริงโดยไม่มีแหล่งที่มาที่ชัดเจน และไม่ตรงกับเรื่องราวจริง ๆ ของเอโนค อย่างไรก็ตาม พระธรรมนั้นมีข้อความบางตอนที่ตรงกับคำพยากรณ์ของเอโนคที่อาจจะมาจากแหล่งอ้างอิงเก่าแก่ที่สูญหายไปแล้ว ซึ่งอาจจะเป็นงานเขียนหรือเป็นคำบอกเล่า ยูดาอาจจะใช้แหล่งอ้างอิงเก่าแก่เดียวกันนั้น หรือเขาอาจได้รู้เรื่องของเอโนคจากพระเยซู เพราะตอนที่พระเยซูอยู่บนสวรรค์ท่านได้เห็นเรื่องราวชีวิตของเอโนค
b พระยะโฮวาไม่ให้ใครพบศพของโมเสสและพระเยซูเช่นกัน เพื่อป้องกันการนำศพไปใช้อย่างไม่ถูกต้อง—เฉลยธรรมบัญญัติ 34:5, 6; ลูกา 24:3-6; ยูดา 9