บทสาม
“บิดาของคนทั้งปวงที่มีความเชื่อ”
1, 2. โลกเปลี่ยนไปอย่างไรตั้งแต่สมัยโนอาห์ และสิ่งนี้ทำให้อับราฮามรู้สึกเช่นไร?
อับราฮามเงยหน้ามองวิหารซิกกุรัตที่ตั้งตระหง่านอยู่ในเมืองอูร์ บ้านเกิดของเขา.a เขาได้ยินเสียงร้องเอะอะโวยวายและเห็นควันลอยขึ้นมา. ปุโรหิตของเทพเจ้าแห่งดวงจันทร์กำลังถวายเครื่องบูชาที่นั่น. จากนั้น ลองนึกภาพอับราฮามหันกลับมาพร้อมกับทำหน้ามุ่ยคิ้วขมวดและส่ายหัว. ขณะที่เดินกลับบ้านบนถนนที่เนืองแน่นไปด้วยผู้คน เขาคงคิดถึงการบูชารูปเคารพที่มีให้เห็นอย่างแพร่หลายในเมืองนี้. ตั้งแต่สมัยของโนอาห์การนมัสการที่เสื่อมทรามได้แผ่ขยายไปอย่างรวดเร็ว.
2 อับราฮามเกิดมาหลังจากโนอาห์เสียชีวิตไปแค่สองปี. เมื่อโนอาห์กับครอบครัวออกจากเรือหลังน้ำท่วมใหญ่ พวกเขาถวายเครื่องบูชาแด่พระยะโฮวาพระเจ้าและพระองค์ทำให้มีรุ้งที่เมฆ. (เย. 8:20; 9:12-14) ในเวลานั้น โลกมีการนมัสการแท้เพียงอย่างเดียว. พอถึงตอนนี้ซึ่งเป็นชั่วอายุที่ 10 นับจากโนอาห์ ผู้คนมีจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่ผู้ที่นมัสการพระยะโฮวากลับมีจำนวนน้อยลง. ผู้คนทุกหนแห่งต่างนมัสการเทพเจ้านอกรีต. แม้แต่เทราห์บิดาของอับราฮามก็นมัสการพระนอกรีต และอาจถึงกับทำรูปเคารพด้วยซ้ำ.—ยโฮ. 24:2
ทำไมอับราฮามจึงเป็นแบบอย่างที่โดดเด่นในเรื่องความเชื่อ?
3. ขณะที่อับราฮามอายุมากขึ้น เขาได้พัฒนาคุณลักษณะอะไร และเราจะมีความเชื่อโดดเด่นได้อย่างไร?
3 อับราฮามต่างจากคนรอบข้าง. ขณะที่เขาอายุมากขึ้น เขาก็ยิ่งต่างไปจากคนอื่นอย่างเห็นได้ชัดเนื่องจากเขามีความเชื่อในพระเจ้า. ต่อมาอัครสาวกเปาโลได้รับการดลใจให้เรียกอับราฮามว่า “บิดาของคนทั้งปวงที่มีความเชื่อ.” (อ่านโรม 4:11 ) ทำไมอับราฮามจึงมีความเชื่อโดดเด่น? การพิจารณาเรื่องราวของอับราฮามจะช่วยเราให้มีความเชื่อโดดเด่นเช่นกัน.
รับใช้พระยะโฮวาหลังน้ำท่วมใหญ่
4, 5. อับราฮามอาจเรียนรู้เรื่องพระยะโฮวาจากใคร และทำไมเราลงความเห็นอย่างนั้น?
4 อับราฮามเรียนรู้เรื่องของพระยะโฮวาพระเจ้าจากใคร? เรารู้ว่าในสมัยนั้นพระยะโฮวามีผู้รับใช้ที่ซื่อสัตย์บนแผ่นดินโลก เช่น เชม. แม้เขาไม่ใช่ลูกชายคนโตของโนอาห์ แต่มักมีการกล่าวถึงชื่อเขาก่อนลูกคนอื่น อาจเพราะเชมมีความเชื่อโดดเด่น.b หลังจากน้ำท่วมใหญ่ผ่านไป โนอาห์เรียกพระยะโฮวาว่า “พระเจ้าของเซม.” (เย. 9:26) เชมแสดงความนับถือต่อพระยะโฮวาและเห็นค่าการนมัสการแท้.
5 อับราฮามรู้จักเชมไหม? อาจเป็นได้ที่ทั้งสองรู้จักกัน. ลองนึกภาพอับราฮามตอนเป็นเด็ก. เขาคงรู้สึกตื่นเต้นมากที่รู้ว่ามีญาติคนหนึ่งเป็นพยานรู้เห็นเหตุการณ์ต่าง ๆ เป็นเวลานานกว่า 400 ปีและยังมีชีวิตอยู่. เชมเห็นความชั่วช้าที่เกิดขึ้นในยุคก่อนน้ำท่วม เห็นน้ำท่วมใหญ่ชำระล้างแผ่นดินโลก เห็นชาติแรกก่อกำเนิดขึ้นเมื่อมีประชากรเพิ่มขึ้น และเห็นยุคสมัยอันมืดมนคราวที่นิมโรดขืนอำนาจพระเจ้าด้วยการสร้างหอบาเบล. เชมซื่อสัตย์ต่อพระเจ้า เขาไม่ได้มีส่วนร่วมในการสร้างหอนั้น. เมื่อพระยะโฮวาทำให้ภาษาของผู้คนที่สร้างหอบาเบลสับสน เชมกับครอบครัวยังคงพูดภาษาแรกเดิม คือภาษาเดียวกับที่โนอาห์ใช้. อับราฮามก็มาจากครอบครัวนี้. แน่นอน ขณะที่อับราฮามเติบโตขึ้น เขาคงเคารพนับถือเชมมาก. ยิ่งกว่านั้น เชมมีช่วงชีวิตคาบเกี่ยวกับอับราฮาม. ดังนั้น อาจเป็นได้ที่เชมเล่าเรื่องพระยะโฮวาให้อับราฮามฟัง.
6. (ก) อับราฮามแสดงอย่างไรว่าเขาเข้าใจเหตุผลที่พระยะโฮวาบันดาลให้มีน้ำท่วมโลก? (ข) ชีวิตคู่ของอับราฮามกับซาราห์เป็นอย่างไร?
6 ไม่ว่าจะอย่างไร อับราฮามคงเข้าใจชัดเจนถึงเหตุผลที่พระยะโฮวาบันดาลให้มีน้ำท่วมโลก. เขาพยายามดำเนินกับพระเจ้าเหมือนโนอาห์. เพราะเหตุนี้อับราฮามจึงปฏิเสธการบูชารูปเคารพและมีความเชื่อโดดเด่นกว่าคนอื่นที่อยู่ในเมืองอูร์ อาจจะโดดเด่นกว่าคนในครอบครัวเขาด้วยซ้ำ. นอกจากนั้น อับราฮามยังได้ภรรยาที่ดีเยี่ยม. เขาแต่งงานกับซาราห์ สตรีที่มีรูปโฉมงดงามและที่สำคัญเธอมีความเชื่อในพระยะโฮวาด้วย.c แม้ว่าทั้งสองไม่มีลูก แต่พวกเขาก็รับใช้พระยะโฮวาด้วยกันอย่างมีความสุข. พวกเขายังช่วยกันเลี้ยงดูโลต หลานชายกำพร้าของอับราฮามด้วย.
7. สาวกของพระเยซูจะเลียนแบบอับราฮามได้อย่างไร?
7 อับราฮามไม่เคยคิดจะทิ้งพระยะโฮวาไปบูชารูปเคารพที่อยู่ในเมืองอูร์. เขากับซาราห์ไม่กลัวที่จะแตกต่างจากผู้คนในชุมชนที่บูชารูปเคารพ. ถ้าเราอยากมีความเชื่อแท้ เราต้องกล้าเหมือนพวกเขา. เราต้องไม่กลัวที่จะแตกต่างจากคนอื่น. พระเยซูตรัสว่า สาวกของพระองค์จะ “ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของโลก” และด้วยเหตุนี้โลกจึงเกลียดชังพวกเขา. (อ่านโยฮัน 15:19 ) เมื่อคุณตัดสินใจจะรับใช้พระยะโฮวา นี่อาจทำให้คนในครอบครัวหรือชุมชนรังเกียจคุณซึ่งคงทำให้คุณรู้สึกเจ็บปวดใจ. แต่อย่าลืมว่าคุณไม่ได้อยู่คนเดียว. คุณกำลังเลียนแบบตัวอย่างที่ดีเยี่ยมของอับราฮามกับซาราห์ซึ่งได้รับใช้พระเจ้าอย่างซื่อสัตย์เช่นกัน.
‘จงละบ้านเมืองของเจ้า’
8, 9. (ก) อับราฮามเจอเหตุการณ์อะไรที่เขาจะไม่มีวันลืม? (ข) พระยะโฮวาบอกให้อับราฮามทำอะไร?
8 แล้ววันหนึ่ง อับราฮามเจอเหตุการณ์ที่เขาจะไม่มีวันลืม. ทูตสวรรค์องค์หนึ่งซึ่งอาจทำหน้าที่แทนพระยะโฮวาบอกให้อับราฮามทำอะไรบางอย่าง. คัมภีร์ไบเบิลไม่ได้ให้รายละเอียดในเรื่องนี้ บอกแค่ว่า “พระเจ้าองค์ทรงสง่าราศี” ปรากฏแก่ชายที่ซื่อสัตย์ผู้นี้. (อ่านกิจการ 7:2, 3 ) โดยทางทูตสวรรค์องค์เดียวกันนั้น อับราฮามได้เห็นภาพแวบหนึ่งของสง่าราศีอันรุ่งโรจน์ของพระผู้ใหญ่ยิ่งสูงสุดแห่งเอกภพ. เราคงนึกภาพได้ว่าอับราฮามจะรู้สึกตื่นเต้นเพียงไรเมื่อได้เห็นความแตกต่างระหว่างพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่กับรูปเคารพที่ไร้ชีวิตที่คนในเมืองนั้นนมัสการ.
9 พระยะโฮวาบอกให้อับราฮามทำอะไร? “จงละบ้านเมืองและญาติพี่น้องของเจ้าแล้วไปยังแผ่นดินที่เราจะบอกให้เจ้าไป.” พระยะโฮวาไม่ได้บอกว่าแผ่นดินนั้นเป็นแผ่นดินไหน. สิ่งแรกที่อับราฮามต้องทำคือทิ้งบ้านเกิดและญาติพี่น้องของเขา. ในสมัยโบราณ วัฒนธรรมของคนตะวันออกกลางถือว่าครอบครัวเป็นสิ่งสำคัญมาก. การที่ผู้ชายต้องจากครอบครัวและย้ายไปอยู่ที่ที่ห่างไกลถือว่าเป็นสิ่งเลวร้ายที่สุดอย่างหนึ่ง สำหรับบางคนสิ่งนี้เลวร้ายยิ่งกว่าความตายด้วยซ้ำ!
10. เหตุใดการที่อับราฮามกับซาราห์ต้องออกจากเมืองอูร์นับเป็นการเสียสละจริง ๆ?
10 การที่อับราฮามต้องจากบ้านเกิดเมืองนอนนับเป็นการเสียสละจริง ๆ. มีหลักฐานแสดงว่าอูร์เคยเป็นเมืองใหญ่ที่มั่งคั่งร่ำรวย. (ดูกรอบ “เมืองที่อับราฮามกับซาราห์ทิ้งไว้เบื้องหลัง”) นักโบราณคดีบอกว่า บ้านของชาวอูร์ในสมัยโบราณค่อนข้างใหญ่ มีเนื้อที่กว้างขวางและอยู่สบาย. บ้านบางหลังอาจมีถึง 12 ห้องหรือมากกว่านั้นซึ่งมีไว้สำหรับคนในครอบครัวและคนรับใช้ ห้องทุกห้องเรียงกันเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัสและมีลานกลางบ้าน. เมืองนี้ยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกอื่น ๆ ด้วย เช่น น้ำประปา สุขา และระบบกำจัดของเสีย. นอกจากนั้น อย่าลืมว่าอับราฮามกับซาราห์ไม่ใช่คนหนุ่มสาวแล้ว อับราฮามอาจมีอายุราว ๆ 70 ปี และซาราห์ราว ๆ 60 ปี. อับราฮามคงต้องการให้ซาราห์มีชีวิตความเป็นอยู่ที่สะดวกสบายและได้รับสิ่งที่ดีที่สุด ซึ่งสามีทุกคนคงอยากให้เป็นอย่างนั้น. ลองนึกภาพตอนที่ทั้งสองนั่งคุยกันเรื่องงานมอบหมายนี้ พวกเขาคงพูดคุยกันถึงปัญหาและเรื่องที่พวกเขาเป็นห่วง. อับราฮามคงดีใจมากเมื่อซาราห์พร้อมจะสนับสนุนการตัดสินใจของเขา. ซาราห์เต็มใจทิ้งความสะดวกสบายทุกอย่างไว้เบื้องหลัง เช่นเดียวกับอับราฮาม.
11, 12. (ก) พวกเขาต้องเตรียมการและตัดสินใจอะไรบ้างก่อนจะไปจากเมืองอูร์? (ข) จงพรรณนาว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างในวันที่พวกเขาออกเดินทาง.
11 เมื่อตัดสินใจแล้ว อับราฮามกับซาราห์จึงมีงานมากมายที่ต้องทำ. พวกเขาต้องรวบรวมและเก็บข้าวของเครื่องใช้หลายอย่าง. พวกเขาควรเอาอะไรไปบ้างสำหรับการเดินทางครั้งนี้และอะไรบ้างที่ไม่ต้องเอาไป? นอกจากนั้น พวกเขาต้องตัดสินใจว่าจะทำอย่างไรกับคนในครอบครัว คนรับใช้ และโดยเฉพาะกับเทราห์บิดาของอับราฮาม. พวกเขาตัดสินใจว่าจะพาเทราห์ไปด้วยและจะดูแลเขาจนกระทั่งเสียชีวิต. เทราห์คงเต็มใจไปกับอับราฮามเพราะบันทึกในคัมภีร์ไบเบิลบอกว่าเทราห์ได้พาครอบครัวออกจากเมืองอูร์. นี่แสดงว่าเขาคงต้องเลิกบูชารูปเคารพ. โลตหลานชายของอับราฮามก็ไปด้วย.—เย. 11:31
12 ในที่สุดก็ถึงเวลาที่ต้องออกเดินทาง. ลองนึกภาพกองคาราวานที่มารวมตัวกันนอกกำแพงเมืองที่อีกฝั่งหนึ่งของคูน้ำรอบเมืองตั้งแต่เช้า. พวกเขานำสัมภาระต่าง ๆ ขึ้นหลังอูฐหลังลา และรวบรวมฝูงสัตว์ที่จะนำไปด้วย. คนในครอบครัวและคนรับใช้ก็อยู่พร้อมสำหรับการเดินทางที่น่าตื่นเต้นนี้.d อาจเป็นได้ที่ทุกคนมองไปที่อับราฮาม รอให้เขาส่งสัญญาณ. แล้วนาทีนั้นก็มาถึง เมื่ออับราฮามส่งสัญญาณ กองคาราวานก็ออกเดินทางและทิ้งเมืองอูร์ไว้เบื้องหลังตลอดกาล.
13. ทุกวันนี้ ผู้รับใช้พระยะโฮวาหลายคนแสดงน้ำใจแบบเดียวกับอับราฮามและซาราห์อย่างไร?
13 ทุกวันนี้ ผู้รับใช้พระยะโฮวาหลายคนตัดสินใจย้ายไปยังที่ที่มีความต้องการผู้ประกาศมากกว่า. บางคนเริ่มเรียนภาษาใหม่เพื่อขยายงานรับใช้ของตน หรือพยายามประกาศในรูปแบบที่ตนไม่ชอบหรือไม่ถนัด. คนเหล่านี้เสียสละมากเมื่อตัดสินใจทำอย่างนี้ พวกเขายอมสละความสะดวกสบายด้านวัตถุหลายอย่าง. น้ำใจเสียสละของผู้รับใช้เหล่านี้น่าชมเชยอย่างยิ่ง นี่แสดงว่าพวกเขากำลังเลียนแบบอับราฮามกับซาราห์. ถ้าเราแสดงความเชื่อแบบนั้น เรามั่นใจได้ว่าพระยะโฮวาจะให้เรามากกว่าที่เราให้พระองค์. พระองค์จะอวยพรคนเหล่านั้นที่แสดงความเชื่อในพระองค์. (ฮีบรู 6:10; 11:6) พระองค์ทำเช่นนั้นกับอับราฮามไหม?
ข้ามแม่น้ำยูเฟรทิส
14, 15. การเดินทางจากเมืองอูร์ไปฮารานเป็นอย่างไร และทำไมอับราฮามตัดสินใจตั้งค่ายพักแรมอยู่ที่ฮารานระยะหนึ่ง?
14 กองคาราวานคงเริ่มคุ้นเคยกับชีวิตที่ต้องเดินทางไปเรื่อย ๆ. เราอาจนึกภาพอับราฮามกับซาราห์เปลี่ยนอริยาบทเป็นครั้งคราว เดินบ้างนั่งบ้าง. ขณะที่พวกเขาคุยกันคงมีเสียงดังกรุ๊งกริ๊งของกระดิ่งที่แขวนอยู่ที่คอสัตว์. ในที่สุด แม้แต่คนที่ไม่มีประสบการณ์ในการเดินทางคงเริ่มชำนาญในการตั้งและรื้อถอนค่ายพักแรม รวมทั้งช่วยเทราห์ผู้ชราให้นั่งอย่างสะดวกสบายบนหลังอูฐหรือหลังลา. พวกเขามุ่งหน้าไปทางตะวันตกเฉียงเหนือ เดินทางตามแนวโค้งของแม่น้ำยูเฟรทิส. วันเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ถึงตอนนี้พวกเขาเดินทางมาได้หลายสัปดาห์แล้ว.
15 ในที่สุด หลังจากเดินทางมาได้ 960 กิโลเมตร พวกเขาก็เห็นกระท่อมรูปทรงรังผึ้งของเมืองฮาราน. เมืองนี้เป็นเมืองที่มั่งคั่งและเป็นชุมทางการค้าขายระหว่างตะวันออกกับตะวันตก. ครอบครัวของอับราฮามตั้งค่ายพักแรมอยู่ที่นี้ระยะหนึ่ง. อาจเป็นได้ที่เทราห์เดินทางต่อไม่ไหวแล้ว.
16, 17. (ก) อับราฮามคงรู้สึกตื่นเต้นกับสัญญาอะไร? (ข) พระยะโฮวาอวยพรอับราฮามอย่างไรช่วงที่อยู่ในฮาราน?
16 เทราห์เสียชีวิตตอนอายุ 205 ปี. (เย. 11:32) อับราฮามคงรู้สึกเศร้ามาก แต่เมื่อพระยะโฮวาตรัสกับเขาอีกครั้ง นั่นคงช่วยให้เขาหายเศร้า. พระองค์ตรัสซ้ำสิ่งที่เคยบอกอับราฮามตอนอยู่ในเมืองอูร์และขยายแง่มุมบางอย่างในสัญญาของพระองค์. อับราฮามจะกลายเป็น “ประเทศใหญ่” และทุกครอบครัวในโลกจะได้รับพรเพราะเขา. (อ่านเยเนซิศ 12:2, 3 ) อับราฮามคงตื่นเต้นมากกับสัญญานี้ เขาจึงมีกำลังใจที่จะเดินทางต่อ.
17 แต่ตอนนี้อับราฮามมีของที่ต้องขนมากกว่าเดิม เพราะพระยะโฮวาได้อวยพรเขาช่วงที่ตั้งค่ายอยู่ในฮาราน. บันทึกบอกว่าอับราฮามนำ “ทรัพย์สมบัติที่ได้สะสมไว้, ทั้งบรรดาผู้คนที่ได้ในเมืองฮาราน” ไปด้วย. (เย. 12:5) เพื่อจะเป็นชาติใหญ่ อับราฮามต้องมีทรัพย์สินเงินทองและคนรับใช้ซึ่งจะรวมกันเป็นครัวเรือนขนาดใหญ่. พระยะโฮวาไม่ได้อวยพรให้ผู้รับใช้ทุกคนเป็นคนร่ำรวย แต่พระองค์จะให้พวกเขามีสิ่งที่จำเป็นเพื่อทำให้พระประสงค์ของพระองค์สำเร็จ. เมื่ออับราฮามพร้อมแล้ว กองคาราวานของเขาก็ออกเดินทางไปยังแผ่นดินที่เขาไม่รู้จัก.
18. (ก) วันไหนเป็นวันสำคัญในประวัติศาสตร์สำหรับประชาชนของพระเจ้า? (ข) ในปีต่อ ๆ มา มีเหตุการณ์สำคัญอื่น ๆ อะไรอีกเกิดขึ้นในวันที่ 14 เดือนไนซาน? (ดูกรอบ “วันสำคัญในประวัติศาสตร์พระคัมภีร์”)
18 เมื่อออกจากฮารานเพียงไม่กี่วัน พวกเขาก็มาถึงคาร์เคมิช. กองคาราวานส่วนใหญ่มักข้ามแม่น้ำยูเฟรทิสที่เมืองนี้ และอาจเป็นได้ที่อับราฮามข้ามแม่น้ำตรงจุดนี้เช่นกัน. ช่วงเวลานี้เป็นช่วงที่สำคัญในประวัติศาสตร์สำหรับประชาชนของพระเจ้า. อับราฮามคงนำกองคาราวานข้ามแม่น้ำยูเฟรทิสในวันที่ 14 เดือนอาบิบ (ต่อมาเรียกว่าเดือนไนซาน) ปี 1943 ก่อน ส.ศ. (เอ็ก. 12:40-43) เมื่อข้ามแม่น้ำแล้ว ทางใต้ก็คือแผ่นดินที่พระยะโฮวาสัญญาจะให้ลูกหลานของอับราฮาม. ด้วยเหตุนี้ อาจกล่าวได้ว่าสัญญาที่พระเจ้าทำกับอับราฮามจึงมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนั้น.
19. ครั้งนี้พระยะโฮวาตรัสอะไรกับอับราฮาม และนี่อาจทำให้เขานึกถึงอะไร?
19 อับราฮามมุ่งหน้าลงใต้ต่อไปจนถึงที่ที่เรียกว่าเชเคมซึ่งอยู่ใกล้ต้นไม้ใหญ่ที่โมเรห์. จากนั้น กองคาราวานก็หยุดพัก. ณ ที่นี่พระยะโฮวาตรัสกับอับราฮามอีกครั้ง. ครั้งนี้พระองค์กล่าวถึงผู้สืบเชื้อสายหรือลูกหลานของอับราฮามที่จะครอบครองแผ่นดินนี้. อับราฮามจะนึกถึงคำพยากรณ์ที่พระยะโฮวาตรัสในสวนเอเดนซึ่งกล่าวถึง “เผ่าพันธุ์” หรือผู้สืบเชื้อสายที่จะช่วยมนุษย์ให้รอดไหม? (เย. 3:15; 12:7) อาจเป็นได้. ตอนนี้อับราฮามคงเริ่มเข้าใจแล้วว่าเขาเป็นส่วนหนึ่งในพระประสงค์อันยิ่งใหญ่ของพระยะโฮวา.
20. อับราฮามแสดงอย่างไรว่าเขารู้สึกขอบพระคุณพระยะโฮวาอย่างสุดหัวใจสำหรับสิทธิพิเศษที่พระองค์ประทานให้?
20 อับราฮามรู้สึกขอบคุณอย่างยิ่งในสิทธิพิเศษที่พระยะโฮวาประทานให้. อับราฮามเดินทางต่อไปในแผ่นดินนี้ ซึ่งเขาคงทำด้วยความระมัดระวังเนื่องจากเป็นที่อยู่อาศัยของชาวคะนาอัน. ระหว่างทางที่อับราฮามหยุดพัก เขาได้สร้างแท่นบูชาสำหรับพระยะโฮวา ที่แรกคือใกล้ต้นไม้ใหญ่ที่โมเรห์และอีกที่หนึ่งใกล้เมืองเบ็ธเอล. เขาทูลอธิษฐานโดยออกพระนามพระยะโฮวาและทูลด้วยความรู้สึกขอบพระคุณอย่างสุดหัวใจขณะที่ใคร่ครวญอนาคตของลูกหลาน. เขาคงประกาศให้เพื่อนบ้านชาวคะนาอันฟังด้วย. (อ่านเยเนซิศ 12:7, 8 ) แน่นอน การทดสอบความเชื่ออย่างหนักรออับราฮามอยู่ข้างหน้า. อับราฮามไม่ได้หวนนึกถึงบ้านและความสะดวกสบายที่ทิ้งไว้ในเมืองอูร์. เขามองไปข้างหน้า. ฮีบรู 11:10 กล่าวถึงอับราฮามว่า “เพราะเขาคอยท่าเมืองที่มีฐานรากแท้ ซึ่งผู้ก่อและผู้สร้างคือพระเจ้า.”
21. เรามีความเข้าใจเกี่ยวกับราชอาณาจักรของพระเจ้ามากกว่าอับราฮามอย่างไร และคุณถูกกระตุ้นให้ทำอะไร?
21 ทุกวันนี้ เราซึ่งเป็นผู้รับใช้ของพระยะโฮวามีความเข้าใจเกี่ยวกับ “เมือง” โดยนัยหรือราชอาณาจักรของพระเจ้ามากกว่าอับราฮามมาก. เรารู้ว่าราชอาณาจักรนี้ปกครองอยู่ในสวรรค์และในไม่ช้าจะนำอวสานมาสู่ระบบโลกปัจจุบัน และเรายังรู้ด้วยว่าผู้สืบเชื้อสายของอับราฮามที่ทรงสัญญาไว้นานแล้วก็คือพระเยซูคริสต์ ซึ่งกำลังปกครองราชอาณาจักรนั้นอยู่. เราคงรู้สึกยินดีมากถ้าได้พบอับราฮามเมื่อเขาถูกปลุกให้เป็นขึ้นจากตาย. ถึงตอนนั้นพระประสงค์ของพระเจ้าที่อับราฮามเคยเข้าใจแต่ราง ๆ ก็จะกระจ่างชัดขึ้น. คุณอยากเห็นพระยะโฮวาทำให้คำสัญญาต่าง ๆ สำเร็จเป็นจริงไหม? ถ้าเช่นนั้น จงทำตามแบบอย่างของอับราฮามต่อ ๆ ไป. จงมีน้ำใจเสียสละ เป็นคนเชื่อฟัง และทูลขอบพระคุณพระยะโฮวาอย่างสุดหัวใจสำหรับสิทธิพิเศษที่พระองค์ประทานให้. เมื่อคุณเลียนแบบความเชื่อของอับราฮาม อาจกล่าวได้ว่า “บิดาของคนทั้งปวงที่มีความเชื่อ” ก็จะเป็นบิดาของคุณด้วย!
a เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงนี้อับราฮามยังใช้ชื่อเดิมว่าอับราม แต่ต่อมา พระเจ้าเปลี่ยนชื่ออับรามเป็นอับราฮาม ซึ่งแปลว่า ‘บิดาของชนเป็นอันมาก.’—เย. 17:5
b คล้ายกัน แม้อับราฮามไม่ใช่ลูกคนโต แต่มักมีการกล่าวถึงชื่อของเขาก่อนชื่อลูกชายคนอื่นของเทราห์.
c เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ซาราห์ยังใช้ชื่อเดิมว่าซาราย แต่ต่อมา พระเจ้าเปลี่ยนชื่อซารายเป็นซาราห์ ซึ่งแปลว่า ‘เจ้าหญิง.’—เย. 17:15
d นักวิชาการบางคนสงสัยว่ามีการเลี้ยงอูฐตั้งแต่สมัยของอับราฮามจริงหรือ. อย่างไรก็ตาม พวกเขาไม่มีข้อพิสูจน์ในเรื่องนี้. บ่อยครั้ง คัมภีร์ไบเบิลบอกว่าอับราฮามมีอูฐ.—เย. 12:16; 24:35