บท 3
ใครเป็นพระเจ้าเที่ยงแท้?
1. เหตุใดหลายคนเห็นพ้องกับถ้อยคำเริ่มแรกของคัมภีร์ไบเบิล?
เมื่อมองดูท้องฟ้าในคืนที่ปลอดโปร่ง คุณรู้สึกประหลาดใจมิใช่หรือที่เห็นดวงดาวมากมายอย่างนั้น? คุณจะอธิบายอย่างไรถึงการที่ดาวเหล่านั้นมีอยู่? และจะว่าอย่างไรเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตบนแผ่นดินโลก เช่น ดอกไม้ที่เต็มด้วยสีสัน, นกร้องเพลงไพเราะ, ปลาวาฬพลังมหาศาลที่กระโจนอยู่ในมหาสมุทร? และยังมีอีกมากมาย. ทั้งหมดนี้ไม่สามารถเกิดขึ้นได้โดยบังเอิญ. ไม่น่าแปลกใจที่หลายคนเห็นพ้องกับถ้อยคำเริ่มแรกของคัมภีร์ไบเบิลที่ว่า “ในปฐมกาลพระเจ้าทรงเนรมิตสร้างฟ้าและแผ่นดิน”!—เยเนซิศ 1:1, ฉบับแปลใหม่.
2. คัมภีร์ไบเบิลกล่าวอย่างไรเกี่ยวกับพระเจ้า และพระคัมภีร์สนับสนุนเราให้ทำอะไร?
2 มนุษยชาติมีความเห็นแตกต่างกันมากมายเกี่ยวกับคำถามเรื่องพระเจ้า. บางคนคิดว่าพระเจ้าเป็นพลังที่ไม่มีตัวตน. หลายล้านคนนมัสการบรรพบุรุษที่ตายแล้ว โดยเชื่อว่าพระเจ้าอยู่ห่างไกลเกินกว่าที่จะเข้าเฝ้าได้. แต่คัมภีร์ไบเบิลเปิดเผยว่า พระเจ้าเที่ยงแท้เป็นบุคคลจริง ๆ ผู้ซึ่งแสดงความใฝ่พระทัยอย่างอบอุ่นในตัวเราเป็นรายบุคคล. เพราะเหตุนั้น พระคัมภีร์สนับสนุนเราให้ “แสวงหาพระเจ้า” โดยบอกว่า “พระองค์มิทรงอยู่ห่างไกลจากเราทุกคนเลย.”—กิจการ 17:27.
3. ทำไมเป็นไปไม่ได้ที่จะทำรูปของพระผู้สร้าง?
3 พระเจ้าทรงเป็นอย่างไร? ผู้รับใช้บางคนของพระองค์เคยเห็นนิมิตเกี่ยวกับการประทับอันโชติช่วงของพระองค์. ในนิมิตเหล่านี้ พระองค์ทรงแสดงสัญลักษณ์ถึงพระองค์เองว่าประทับบนบัลลังก์ และความเจิดจ้าน่าเกรงขามแผ่ออกจากพระองค์. อย่างไรก็ดี คนเหล่านั้นซึ่งเห็นนิมิตดังกล่าวไม่เคยพรรณนาพระพักตร์ชัดเจน. (ดานิเอล 7:9, 10; วิวรณ์ 4:2, 3) นั่นก็เพราะ “พระเจ้าทรงเป็นองค์วิญญาณ” พระองค์ไม่มีกายที่เป็นเนื้อหนัง. (โยฮัน 4:24, ล.ม.) ที่จริง เป็นไปไม่ได้ที่จะสร้างรูปกายของพระผู้สร้างอย่างถูกต้อง เพราะ “ไม่มีใครได้เห็นพระเจ้าเลย.” (โยฮัน 1:18; เอ็กโซโด 33:20) กระนั้น คัมภีร์ไบเบิลสอนเรามากมายเรื่องพระเจ้า.
พระเจ้าเที่ยงแท้ทรงมีพระนาม
4. ตำแหน่งที่มีความหมายอะไรบ้างที่นำมาใช้กับพระเจ้าในคัมภีร์ไบเบิล?
4 ในคัมภีร์ไบเบิล มีการพรรณนาถึงพระเจ้าเที่ยงแท้ด้วยถ้อยคำดังเช่น “พระเจ้าผู้ทรงฤทธิ์ยิ่งที่สุด,” “พระองค์ผู้ใหญ่ยิ่ง,” “พระองค์ผู้ได้ทรงสร้าง,” “พระครู,” “องค์บรมมหิศร,” และ “พระมหากษัตริย์ผู้ทรงพระเจริญนิรันดร์.” (เยเนซิศ 17:1; บทเพลงสรรเสริญ 50:14; ท่านผู้ประกาศ 12:1; ยะซายา 30:20; กิจการ 4:24, ล.ม.; 1 ติโมเธียว 1:17) การไตร่ตรองดูตำแหน่งดังกล่าวอาจช่วยเราวัฒนาขึ้นในความรู้ของพระเจ้าได้.
5. พระนามของพระเจ้าคืออะไร และปรากฏบ่อยเพียงไรในพระคัมภีร์ภาคภาษาฮีบรู?
5 อย่างไรก็ดี พระเจ้าทรงมีพระนามที่ไม่มีใดเหมือนซึ่งปรากฏเฉพาะในพระคัมภีร์ภาคภาษาฮีบรูเกือบ 7,000 ครั้ง นับว่าบ่อยกว่าตำแหน่งใด ๆ ของพระองค์. ราว ๆ 1,900 ปีมาแล้ว ชาวยิวเลิกออกเสียงพระนามของพระเจ้าเนื่องจากการเชื่อโชคลาง. ภาษาฮีบรูในคัมภีร์ไบเบิลเขียนโดยไม่มีสระ. เนื่องจากเหตุนี้ จึงไม่มีทางบอกได้อย่างแม่นยำว่าโมเซ, ดาวิด, หรือคนอื่นในสมัยโบราณออกเสียงพยัญชนะสี่ตัว (יהוה) ซึ่งประกอบกันเป็นพระนามของพระเจ้าอย่างไร. ผู้คงแก่เรียนบางคนเสนอแนะว่า อาจออกเสียงพระนามของพระเจ้าว่า “ยาห์เวห์” แต่พวกเขาก็ไม่อาจแน่ใจได้. การออกเสียงภาษาไทย “ยะโฮวา” มีการใช้มานานแล้วและเป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวางในปัจจุบัน.—ดูเอ็กโซโด 6:3 และยะซายา 26:4.
เหตุผลที่คุณควรใช้พระนามของพระเจ้า
6. บทเพลงสรรเสริญ 83:18 กล่าวอะไรเกี่ยวกับพระยะโฮวา และทำไมเราควรใช้พระนามของพระองค์?
6 ยะโฮวา พระนามที่ไม่มีใดเหมือนของพระเจ้าแยกพระองค์ออกจากพระอื่นทั้งหมด. นั่นเป็นเหตุผลที่พระนามนั้นปรากฏบ่อยขนาดนั้นในคัมภีร์ไบเบิล โดยเฉพาะอย่างยิ่งในข้อความภาษาฮีบรูของพระคัมภีร์. ผู้แปลหลายคนไม่ได้ใช้พระนามของพระเจ้า แต่บทเพลงสรรเสริญ 83:18 กล่าวอย่างชัดเจนว่า “พระองค์ผู้เดียว, ผู้ทรงพระนามว่าพระยะโฮวา, เป็นพระเจ้าใหญ่ยิ่งทรงครอบครองทั่วแผ่นดินโลก.” ดังนั้น นับว่าเหมาะสมที่เราใช้พระนามเฉพาะของพระเจ้าเมื่อเราพูดถึงพระองค์.
7. ความหมายของพระนามยะโฮวาสอนอะไรแก่เราเรื่องพระเจ้า?
7 พระนามยะโฮวาเป็นรูปหนึ่งของคำกริยาภาษาฮีบรูที่มีความหมายว่า “กลายเป็น.” ฉะนั้น พระนามของพระเจ้าหมายความว่า “พระองค์ผู้ทรงบันดาลให้เป็น.” ด้วยพระนามนี้ พระเจ้ายะโฮวาจึงระบุตัวพระองค์เองว่าเป็นผู้มีจุดมุ่งหมายองค์ใหญ่ยิ่ง. พระองค์ทรงบันดาลให้พระประสงค์ของพระองค์กลายเป็นจริงเสมอ. เฉพาะแต่พระเจ้าเที่ยงแท้เท่านั้นจึงจะมีสิทธิ์มีพระนามนี้ เพราะมนุษย์ไม่อาจแน่ใจได้เลยว่า โครงการของเขาจะบรรลุผลสำเร็จ. (ยาโกโบ 4:13, 14) เฉพาะพระยะโฮวาสามารถตรัสได้ว่า “ถ้อยคำที่ออกไปจากปากของเราจะ . . . สัมฤทธิ์ผลสมประสงค์ดังที่เราได้ใช้มันไปทำฉันนั้น.”—ยะซายา 55:11.
8. พระยะโฮวาทรงแถลงพระประสงค์อะไรผ่านทางโมเซ?
8 อับราฮาม, ยิศฮาค, และยาโคบ บุรุษต้นตระกูลชาวฮีบรูแต่ละคน “ออกพระนามพระยะโฮวา” แต่พวกเขาไม่ทราบความหมายครบถ้วนของพระนามของพระเจ้า. (เยเนซิศ 21:33; 26:25; 32:9; เอ็กโซโด 6:3) เมื่อพระยะโฮวาเปิดเผยพระประสงค์ของพระองค์ในภายหลังว่าจะช่วยชนยิศราเอล ลูกหลานของเขา ให้รอดพ้นจากการเป็นทาสในอียิปต์และประทาน “แผ่นดินบริบูรณ์ไปด้วยน้ำนมและน้ำผึ้ง” ให้พวกเขานั้น เรื่องนี้อาจดูเหมือนเป็นไปไม่ได้. (เอ็กโซโด 3:17) ถึงอย่างไรก็ดี พระเจ้าทรงเน้นความหมายชั่วนิรันดร์แห่งพระนามของพระองค์โดยตรัสแก่โมเซผู้พยากรณ์ของพระองค์ว่า “เจ้าจงกล่าวแก่ชนชาติยิศราเอลดังนี้ว่า, ‘ยะโฮวาพระเจ้าของบรรพบุรุษของเจ้า: คือพระเจ้าของอับราฮาม, ยิศฮาค, และยาโคบ, ได้ใช้ข้าพเจ้ามาหาท่าน,’ นี่แหละเป็นนามของเราเป็นนิตย์; นี่แหละเป็นที่ระลึกของเราตลอดทุกชั่วอายุมนุษย์.”—เอ็กโซโด 3:15.
9. ฟาโรห์มองดูพระยะโฮวาอย่างไร?
9 โมเซได้ทูลขอฟาโรห์กษัตริย์แห่งอียิปต์เพื่อให้ชนยิศราเอลไปนมัสการพระยะโฮวาในถิ่นทุรกันดาร. แต่ฟาโรห์ ซึ่งตัวเขาเองถูกถือว่าเป็นพระและนมัสการพระอื่นของอียิปต์ ได้ตอบว่า “พระยะโฮวานั้นเป็นผู้ใดเล่า, ที่เราจะต้องฟังคำของท่าน, และปล่อยชนชาติยิศราเอลไป. เราไม่รู้จักพระยะโฮวา, และยิ่งกว่านั้น เราจะไม่ปล่อยชนชาติยิศราเอลให้ไปเลย.”—เอ็กโซโด 5:1, 2.
10. ในอียิปต์โบราณ พระยะโฮวาทรงดำเนินการอะไรเพื่อทำให้พระประสงค์ของพระองค์เกี่ยวกับชนยิศราเอลสำเร็จ?
10 ครั้นแล้วพระยะโฮวาทรงดำเนินการทีละขั้นเพื่อทำให้พระประสงค์ของพระองค์สำเร็จ ทรงปฏิบัติประสานกับความหมายแห่งพระนามของพระองค์. พระองค์ทรงนำภัยพิบัติสิบประการมาเหนืออียิปต์โบราณ. ภัยพิบัติสุดท้ายได้สังหารลูกหัวปีทั้งสิ้นของอียิปต์ รวมทั้งโอรสของฟาโรห์ผู้หยิ่งยโสด้วย. ครั้นแล้ว ชาวอียิปต์จึงอยากให้พวกยิศราเอลไปเสียให้พ้น. อย่างไรก็ดี ชาวอียิปต์บางคนรู้สึกประทับใจในอำนาจของพระยะโฮวาถึงขนาดที่พวกเขาสมทบกับชนยิศราเอลในการเดินทางออกจากอียิปต์.—เอ็กโซโด 12:35-38.
11. พระยะโฮวาทรงทำการอัศจรรย์อะไรที่ทะเลแดง และเหล่าศัตรูของพระองค์ต้องฝืนใจยอมรับอะไร?
11 ฟาโรห์ผู้ดื้อรั้นและกองทัพของเขาพร้อมกับรถรบหลายร้อยคันออกเดินทางเพื่อช่วงชิงทาสคืนมา. ขณะที่พวกอียิปต์เข้ามาใกล้ พระเจ้าทรงแยกทะเลแดงอย่างมหัศจรรย์เพื่อชนยิศราเอลจะสามารถข้ามไปบนดินแห้ง. เมื่อผู้ไล่ตามเข้าไปถึงท้องทะเล พระยะโฮวา “ได้ทำให้ล้อรถนั้นฝืดโคลนจนแล่นไปไม่ใคร่ไหว.” พวกนักรบอียิปต์ร้องว่า “ให้เราหนีไปจากชนชาติยิศราเอลเถิด; ด้วยพระยะโฮวาได้ทรงช่วยเขาต่อสู้กับชาวอายฆุบโต.” แต่สายเกินไปแล้ว. กำแพงน้ำมหาศาลได้พังครืนลงมาและ “ท่วมพวกพลรถและพลม้าของกษัตริย์ฟาโร, คือพลโยธาทั้งหมด.” (เอ็กโซโด 14:22-25, 28) ด้วยเหตุนี้ พระยะโฮวาทรงสร้างชื่อเสียงเกรียงไกรสำหรับพระองค์เอง และเหตุการณ์นั้นไม่ลืมกันจนกระทั่งทุกวันนี้.—ยะโฮซูอะ 2:9-11.
12, 13. (ก) พระนามของพระเจ้ามีความหมายอะไรสำหรับเราในทุกวันนี้? (ข) ผู้คนต้องรีบเร่งเรียนรู้อะไร และทำไม?
12 ชื่อเสียงที่พระเจ้าได้สร้างสำหรับพระองค์เองมีความหมายสำคัญสำหรับเราในทุกวันนี้. พระนามของพระองค์ ยะโฮวา เป็นหลักประกันว่า ทุกสิ่งที่พระองค์ประสงค์นั้น พระองค์จะบันดาลให้เป็นจริง. นั่นรวมถึงพระประสงค์เดิมของพระองค์ที่ว่า แผ่นดินโลกของเราจะกลายเป็นอุทยาน. (เยเนซิศ 1:28; 2:8) เพื่อให้เป็นดังนั้น พระเจ้าจะกำจัดบรรดาผู้ต่อต้านพระบรมเดชานุภาพในทุกวันนี้ เพราะพระองค์ทรงแถลงไว้ว่า “เขาทั้งหลายจะได้รู้ว่าเราคือยะโฮวา.” (ยะเอศเคล 38:23) ครั้นแล้ว พระเจ้าจะทำให้คำสัญญาของพระองค์ที่จะช่วยผู้นมัสการพระองค์ให้รอดเข้าสู่โลกใหม่แห่งความชอบธรรมนั้นสำเร็จเป็นจริง.—2 เปโตร 3:13.
13 ทุกคนที่ต้องการความโปรดปรานจากพระเจ้าต้องเรียนรู้ที่จะร้องเรียกพระนามของพระองค์ด้วยความเชื่อ. คัมภีร์ไบเบิลสัญญาว่า “ทุกคนที่ร้องเรียกพระนามของพระยะโฮวาจะรอด.” (โรม 10:13, ล.ม.) ถูกแล้ว พระนามยะโฮวาเต็มไปด้วยความหมาย. การร้องเรียกพระยะโฮวาฐานะพระเจ้าและผู้ช่วยให้รอดของคุณอาจนำคุณไปสู่ความสุขไม่รู้สิ้นสุด.
คุณลักษณะของพระเจ้าเที่ยงแท้
14. คัมภีร์ไบเบิลเน้นคุณลักษณะพื้นฐานอะไรของพระเจ้า?
14 การศึกษาเรื่องการช่วยชาติยิศราเอลให้รอดจากอียิปต์เน้นคุณลักษณะพื้นฐานสี่ประการที่พระเจ้าทรงมีในดุลยภาพที่สมบูรณ์แบบ. วิธีที่พระองค์ทรงจัดการกับฟาโรห์เผยให้เห็นอำนาจ อันน่าเกรงขามของพระองค์. (เอ็กโซโด 9:16) วิธีการอันชาญฉลาดที่พระเจ้าทรงดำเนินการกับสภาพการณ์อันซับซ้อนนั้นแสดงถึงสติปัญญา ที่ไม่มีใดเทียบของพระองค์. (โรม 11:33) พระองค์ทรงเผยให้เห็นความยุติธรรม ของพระองค์โดยการลงโทษผู้ต่อต้านที่ดื้อรั้นและผู้กดขี่ไพร่พลของพระองค์. (พระบัญญัติ 32:4) คุณลักษณะยอดเยี่ยมของพระองค์คือความรัก. พระยะโฮวาทรงแสดงความรักอันโดดเด่นโดยการทำให้คำสัญญาของพระองค์เกี่ยวกับลูกหลานของอับราฮามนั้นสำเร็จ. (พระบัญญัติ 7:8) พระองค์ทรงแสดงความรักอีกด้วยโดยการยอมให้ชาวอียิปต์บางคนทิ้งพระเท็จและได้รับประโยชน์อย่างมากมายจากการยืนหยัดอยู่ฝ่ายพระเจ้าเที่ยงแท้องค์เดียว.
15, 16. พระเจ้าทรงแสดงความรักในทางใดบ้าง?
15 ขณะที่คุณอ่านคัมภีร์ไบเบิล คุณจะสังเกตว่า ความรักเป็นคุณสมบัติสำคัญที่สุดของพระเจ้า และพระองค์ทรงแสดงออกซึ่งความรักในหลายทาง. ยกตัวอย่าง เนื่องด้วยความรักนี่เอง พระองค์จึงกลายเป็นพระผู้สร้าง และแบ่งปันความยินดีของชีวิตให้กับบุคคลวิญญาณก่อน. ทูตสวรรค์หลายร้อยล้านองค์รักพระเจ้าและสรรเสริญพระองค์. (โยบ 38:4, 7; ดานิเอล 7:10) พระเจ้าได้แสดงความรักด้วยในการสร้างแผ่นดินโลกและเตรียมไว้เพื่อการดำรงอยู่ของมนุษย์อย่างมีความสุข.—เยเนซิศ 1:1, 26-28; บทเพลงสรรเสริญ 115:16.
16 เรารับประโยชน์จากความรักของพระเจ้าในหลายทางจนเหลือที่จะกล่าว. ประการหนึ่ง ด้วยความรัก พระเจ้าทรงสร้างร่างกายของเราในวิธีที่น่าพิศวงเพื่อเราจะเพลิดเพลินกับชีวิตได้. (บทเพลงสรรเสริญ 139:14) ความรักของพระองค์ปรากฏในการที่พระองค์ทรงจัดเตรียมให้ “ฝนตกและให้มีฤดูเกิดผล, [เรา] จึงอิ่มใจยินดีด้วยอาหารนั้น.” (กิจการ 14:17) พระเจ้า “ทรงบันดาลให้ดวงอาทิตย์ขึ้นส่องสว่างแก่คนดีและคนชั่ว และให้ฝนตกแก่คนชอบธรรมและคนอธรรม” ด้วยซ้ำ. (มัดธาย 5:45) ความรักยังกระตุ้นพระผู้สร้างให้ทรงช่วยเราได้รับความรู้ของพระเจ้าและรับใช้พระองค์อย่างมีความสุขฐานะผู้นมัสการพระองค์ด้วย. “พระเจ้าทรงเป็นความรัก” จริง ๆ. (1 โยฮัน 4:8) แต่บุคลิกภาพของพระองค์ยังมีอีกหลายแง่มุม.
“พระเจ้าผู้ทรงเมตตากรุณา”
17. เราเรียนรู้อะไรเกี่ยวกับพระเจ้าที่เอ็กโซโด 34:6, 7?
17 หลังจากที่ชนยิศราเอลได้ข้ามทะเลแดงไปแล้ว พวกเขายังจำเป็นต้องรู้จักพระเจ้าให้ดียิ่งขึ้น. โมเซสำนึกถึงความจำเป็นนี้และอธิษฐานว่า “ถ้าแม้ข้าพเจ้าได้รับความเมตตาต่อพระเนตรของพระองค์แล้ว, ขอพระองค์ทรงโปรดสำแดงพระมรรคาของพระองค์ให้ข้าพเจ้าเห็น . . . เพื่อข้าพเจ้าจะได้รู้จักพระองค์แล้วจะได้รับความเมตตาต่อพระเนตรของพระองค์เสมอไป.” (เอ็กโซโด 33:13) โมเซรู้จักพระเจ้าดีขึ้นเมื่อได้ยินคำแถลงของพระเจ้าเองที่ว่า “พระยะโฮวา ๆ พระเจ้าผู้ทรงเมตตากรุณา, ผู้ทรงอดพระทัยได้นาน, และบริบูรณ์ด้วยความดีและความจริง; ผู้ทรงเมตตาต่อมนุษย์ถึงหลายพันชั่วอายุคน, ผู้ทรงโปรดยกความชั่วการล่วงละเมิดและบาปของเขา; แต่ไม่ทรงเมตตาผู้เจตนาประพฤติชั่ว.” (เอ็กโซโด 34:6, 7) พระเจ้าทรงทำให้ความรักของพระองค์อยู่ในดุลยภาพกับความยุติธรรม ไม่ปกป้องผู้ทำบาปโดยเจตนาไว้จากผลแห่งการกระทำผิดของเขา.
18. พระยะโฮวาพิสูจน์ว่าทรงเมตตาโดยวิธีใด?
18 ดังที่โมเซได้เรียนรู้ พระยะโฮวาทรงแสดงความเมตตา. บุคคลที่เมตตามีความสงสารต่อคนเหล่านั้นซึ่งรับทุกข์และพยายามนำการบรรเทามาให้เขา. ดังนั้น พระเจ้าทรงสำแดงความเมตตาสงสารต่อมนุษยชาติโดยทำการจัดเตรียมแบบถาวรเพื่อการปลดเปลื้องจากความทุกข์, ความเจ็บป่วย, และความตาย. (วิวรณ์ 21:3-5) ผู้นมัสการพระเจ้าอาจประสบความทุกข์ร้อนเนื่องจากสภาพการณ์ในโลกชั่วนี้ หรืออาจปฏิบัติอย่างไม่สุขุมและเผชิญกับความยุ่งยาก. แต่ถ้าเขาขอความช่วยเหลือจากพระยะโฮวาอย่างถ่อมใจแล้ว พระองค์จะทรงปลอบประโลมและช่วยเขา. เพราะเหตุใด? เพราะด้วยความเมตตาพระองค์ทรงแสดงการคำนึงถึงอย่างอ่อนโยนต่อผู้นมัสการพระองค์.—บทเพลงสรรเสริญ 86:15; 1 เปโตร 5:6, 7.
19. ทำไมเราจึงกล่าวได้ว่า พระเจ้าทรงกรุณา?
19 หลายคนที่มีอำนาจปฏิบัติกับคนอื่นอย่างเกรี้ยวกราด. ตรงกันข้าม พระยะโฮวาช่างกรุณาสักเพียงไรต่อผู้รับใช้ที่ต่ำต้อยของพระองค์! ถึงแม้พระองค์ทรงมีอำนาจสูงสุดในเอกภพก็ตาม พระองค์ก็ยังแสดงความกรุณาที่โดดเด่นต่อมวลมนุษยชาติโดยทั่วไป. (บทเพลงสรรเสริญ 8:3, 4; ลูกา 6:35) พระยะโฮวาทรงกรุณาเป็นรายบุคคลด้วย ทรงตอบคำวิงวอนที่เจาะจงของเขาเพื่อได้รับความโปรดปราน. (เอ็กโซโด 22:26, 27; ลูกา 18:13, 14) แน่นอน พระเจ้าไม่มีพันธะที่จะแสดงความโปรดปรานหรือความเมตตาต่อใคร ๆ. (เอ็กโซโด 33:19) เพราะฉะนั้น เราควรแสดงความหยั่งรู้ค่าอย่างสุดซึ้งต่อความเมตตาและความกรุณาของพระเจ้า.—บทเพลงสรรเสริญ 145:1, 8.
ทรงพิโรธช้า, ไม่เลือกหน้าผู้ใด, และชอบธรรม
20. อะไรแสดงว่า พระยะโฮวาทั้งทรงพระพิโรธช้าและไม่เลือกหน้าผู้ใด?
20 พระยะโฮวาทรงพระพิโรธช้า. กระนั้น นี่มิได้หมายความว่า พระองค์ไม่ทรงดำเนินการอะไร เพราะพระองค์ทรงกระทำเช่นนั้นโดยการทำลายฟาโรห์ผู้ดื้อรั้นกับกองทัพของเขาในทะเลแดง. พระยะโฮวาไม่ทรงเลือกหน้าผู้ใดด้วย. เนื่องจากเหตุนี้ ชนยิศราเอล ไพร่พลที่ได้รับความโปรดปรานจากพระองค์ ในที่สุดก็ได้สูญเสียความโปรดปรานจากพระองค์ไปเนื่องจากเขายังขืนกระทำผิดไม่หยุด. พระเจ้าทรงยอมรับผู้คนจากทุกชาติเป็นผู้นมัสการพระองค์ แต่ก็เฉพาะคนเหล่านั้นที่ปฏิบัติตามแนวทางอันชอบธรรมของพระองค์เท่านั้น.—กิจการ 10:34, 35.
21. (ก) วิวรณ์ 15:2-4 สอนอะไรแก่เราเรื่องพระเจ้า? (ข) อะไรจะทำให้ง่ายขึ้นสำหรับเราที่จะทำสิ่งซึ่งพระเจ้าตรัสว่าถูกต้อง?
21 พระธรรมวิวรณ์เน้นความสำคัญของการเรียนรู้เรื่อง “ข้อกำหนดต่าง ๆ อันชอบธรรม” ของพระเจ้า. พระธรรมนั้นบอกเราว่า บุคคลที่อยู่ทางภาคสวรรค์ร้องเพลงว่า “พระยะโฮวาพระเจ้าองค์ทรงฤทธานุภาพทุกประการเจ้าข้า พระราชกิจของพระองค์ใหญ่และมหัศจรรย์. พระมหากษัตริย์แห่งนิรันดร์กาล พระมรคาของพระองค์ชอบธรรมและสัตย์จริง. พระยะโฮวา ผู้ใดเล่าจะไม่เกรงกลัวพระองค์อย่างแท้จริง และไม่ถวายสง่าราศีแด่พระนามพระองค์ เพราะพระองค์ผู้เดียวทรงภักดี? ด้วยว่าชาติทั้งปวงจะมาและนมัสการต่อพระพักตร์พระองค์ เพราะข้อกำหนดต่าง ๆ อันชอบธรรมของพระองค์มีสำแดงให้เห็นแล้ว.” (วิวรณ์ 15:2-4, ล.ม.) เราแสดงความเกรงกลัวที่ดีงามต่อพระยะโฮวา หรือความเคารพต่อพระองค์ โดยปฏิบัติตามสิ่งที่พระองค์ตรัสว่าถูกต้อง. จะทำเช่นนี้ได้ง่ายขึ้นโดยเตือนตัวเราให้ระลึกถึงสติปัญญาและความรักของพระเจ้า. พระบัญชาทั้งสิ้นของพระองค์ก็เพื่อผลประโยชน์ของเรา.—ยะซายา 48:17, 18.
“พระยะโฮวาพระเจ้าของเราเป็นเอก”
22. ทำไมคนเหล่านั้นซึ่งยอมรับคัมภีร์ไบเบิลไม่นมัสการพระตรีเอกานุภาพ?
22 ชาวอียิปต์โบราณนมัสการพระหลายองค์ แต่พระยะโฮวาเป็น “พระเจ้าที่เรียกร้องความเลื่อมใสโดยเฉพาะ.” (เอ็กโซโด 20:5, ล.ม.) โมเซเตือนใจชนยิศราเอลว่า “พระยะโฮวาพระเจ้าของเราเป็นเอก พระยะโฮวา.” (พระบัญญัติ 6:4) พระเยซูคริสต์ตรัสซ้ำถ้อยคำเหล่านั้น. (มาระโก 12:28, 29) เพราะฉะนั้น คนเหล่านั้นซึ่งยอมรับคัมภีร์ไบเบิลฐานะเป็นพระคำของพระเจ้าไม่นมัสการพระตรีเอกานุภาพที่ประกอบด้วยพระเจ้าสามองค์เป็นหนึ่ง. ที่จริง คำ “ตรีเอกานุภาพ” ไม่ปรากฏในคัมภีร์ไบเบิลด้วยซ้ำ. พระเจ้าเที่ยงแท้เป็นบุคคลเดียว แยกต่างหากจากพระเยซูคริสต์. (โยฮัน 14:28; 1 โกรินโธ 15:28) พระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้าไม่ใช่บุคคล แต่เป็นพลังปฏิบัติการของพระยะโฮวา ซึ่งผู้ทรงฤทธานุภาพทุกประการใช้เพื่อทำให้พระประสงค์ของพระองค์บรรลุผลสำเร็จ.—เยเนซิศ 1:2; กิจการ 2:1-4, 32, 33; 2 เปโตร 1:20, 21.
23. (ก) ความรักของคุณต่อพระเจ้าจะเพิ่มพูนขึ้นโดยวิธีใด? (ข) พระเยซูตรัสอะไรเกี่ยวกับการรักพระเจ้า และเราต้องเรียนรู้อะไรเกี่ยวกับพระคริสต์?
23 เมื่อคุณพิจารณาแล้วว่า พระยะโฮวาช่างวิเศษเลิศล้ำสักเพียงไร คุณเห็นพ้องด้วยมิใช่หรือว่า พระองค์สมควรได้รับการนมัสการจากคุณ? ขณะที่คุณศึกษาคัมภีร์ไบเบิล พระคำของพระองค์ คุณจะรู้จักพระองค์ดีขึ้น และจะเรียนรู้สิ่งที่พระองค์ทรงเรียกร้องจากคุณเพื่อสวัสดิภาพและความสุขถาวรของคุณ. (มัดธาย 5:3, 6) นอกจากนี้ ความรักของคุณที่มีต่อพระเจ้าจะเพิ่มพูนขึ้น. นั่นนับว่าเหมาะสม เพราะพระเยซูตรัสว่า “จงรักพระองค์ [พระยะโฮวา] ผู้เป็นพระเจ้าด้วยสุดใจสุดจิตต์ของเจ้า, ด้วยสุดความคิดและด้วยสิ้นสุดกำลังของเจ้า.” (มาระโก 12:30) ปรากฏชัดว่า พระเยซูมีความรักเช่นนั้นต่อพระเจ้า. แต่คัมภีร์ไบเบิลเปิดเผยอะไรเกี่ยวกับพระเยซูคริสต์? พระองค์มีบทบาทอะไรในพระประสงค์ของพระยะโฮวา?
ทดสอบความรู้ของคุณ
พระนามของพระเจ้าคืออะไร มีการใช้พระนามนั้นบ่อยเพียงไรในพระคัมภีร์ภาคภาษาฮีบรู?
ทำไมคุณควรใช้พระนามของพระเจ้า?
คุณลักษณะอะไรของพระเจ้ายะโฮวาดึงดูดใจคุณเป็นพิเศษ?
[รูปภาพหน้า 29]
คุณรู้จักพระผู้สร้างสรรพสิ่งดีเพียงไร?