บทความศึกษา 9
ความรักและความยุติธรรมในสมัยอิสราเอลโบราณ (บทความที่ 1 ของบทความชุด 4 เรื่อง)
“พระองค์รักความถูกต้องและความยุติธรรม โลกเต็มไปด้วยความรัก ที่มั่นคงของพระยะโฮวา”—สด. 33:5
เพลง 3 กำลัง ความหวัง และความมั่นใจของเรา
ใจความสำคัญa
1-2. (ก) เราทุกคนอยากได้อะไร? (ข) เรามั่นใจอะไรได้?
เราทุกคนต้องการความรักและอยากให้คนอื่นปฏิบัติกับเราอย่างยุติธรรม ถ้าเราไม่ได้รับความรักและความยุติธรรมครั้งแล้วครั้งเล่า เราอาจรู้สึกไร้ค่าและไม่มีความหวัง
2 พระยะโฮวารู้ว่าเราอยากได้รับความรักและความยุติธรรมมาก (สด. 33:5) เรามั่นใจได้ว่าพระเจ้ารักเรามากและอยากให้เราได้รับความยุติธรรม เราเห็นเรื่องนี้ได้จากกฎหมายที่พระยะโฮวาให้กับชาติอิสราเอลผ่านทางโมเสส ถ้าคุณรู้สึกสิ้นหวังเพราะไม่ได้รับความรักและความยุติธรรม ขอให้ดูว่ากฎหมายของโมเสสbแสดงอย่างไรว่าพระยะโฮวารักและเป็นห่วงประชาชนของพระองค์
3. (ก) ตามที่อธิบายไว้ในโรม 13:8-10 เมื่อเราศึกษากฎหมายของโมเสส เราจะได้เรียนอะไร? (ข) บทความนี้จะตอบคำถามอะไรบ้าง?
3 เมื่อเราศึกษากฎหมายของโมเสส เราจะเห็นถึงความรักของพระยะโฮวาพระเจ้าของเรา (อ่านโรม 13:8-10) ในบทความนี้ เราจะดูกฎหมายบางข้อที่พระเจ้าให้กับชาวอิสราเอล และจะตอบคำถามต่อไปนี้ ทำไมเราถึงบอกได้ว่ากฎหมายนี้เกิดจากความรัก? ทำไมเราถึงบอกได้ว่ากฎหมายนี้สนับสนุนให้ประชาชนเป็นคนยุติธรรม? ผู้นำในสมัยนั้นต้องเอากฎหมายนี้ไปใช้อย่างไร? กฎหมายนี้ปกป้องคนแบบไหนเป็นพิเศษ? คำตอบของคำถามเหล่านี้จะทำให้เรามีกำลังใจ มีความหวัง และทำให้เรารู้สึกสนิทกับพระยะโฮวาพระเจ้าผู้เป็นพ่อมากขึ้น—กจ. 17:27; รม. 15:4
กฎหมายที่มีพื้นฐานมาจากความรัก
4. (ก) ทำไมถึงบอกได้ว่ากฎหมายของโมเสสมีพื้นฐานมาจากความรัก? (ข) ตามที่บอกไว้ในมัทธิว 22:36-40 พระเยซูเน้นกฎหมายอะไร?
4 เราบอกได้ว่ากฎหมายของโมเสสมีพื้นฐานมาจากความรัก เพราะพระยะโฮวาทำทุกสิ่งทุกอย่างด้วยความรัก (1 ยน. 4:8) กฎหมายทุกข้อที่พระองค์ให้ผ่านทางโมเสสมีพื้นฐานมาจากกฎหมาย 2 ข้อ นั่นคือการรักพระเจ้าและการรักคนอื่น (ลนต. 19:18; ฉธบ. 6:5; อ่านมัทธิว 22:36-40) ดังนั้น เราคาดหมายได้ว่ากฎหมายทั้ง 600 ข้อรวมทั้งกฎหมายอื่น ๆ ที่เป็นส่วนหนึ่งของกฎหมายของโมเสสจะสอนเราเกี่ยวกับความรักของพระยะโฮวา เราจะดูบางตัวอย่างด้วยกัน
5-6. พระยะโฮวาอยากให้สามีภรรยาเป็นอย่างไร? และพระองค์เห็นอะไร? ขอยกตัวอย่าง
5 ซื่อสัตย์กับคู่ของคุณและดูแลเอาใจใส่ลูก ๆ พระยะโฮวาอยากให้สามีภรรยารักกันตลอดชีวิต (ปฐก. 2:24; มธ. 19:3-6) การเล่นชู้เป็นการทำผิดกฎหมายที่ร้ายแรงที่สุดอย่างหนึ่ง ดังนั้น กฎหมายข้อที่ 7 ของบัญญัติ 10 ประการจึงห้ามการเล่นชู้ (ฉธบ. 5:18) การเล่นชู้เป็นการทำ “บาปต่อพระเจ้า” และเป็นการทำชั่วต่อคู่ของตัวเอง (ปฐก. 39:7-9) คู่ของคนที่เล่นชู้อาจรู้สึกถูกทรยศและเจ็บปวดนานหลายสิบปี
6 พระยะโฮวารู้ดีว่าสามีภรรยาควรปฏิบัติต่อกันอย่างไร พระองค์สนใจภรรยาเป็นพิเศษและอยากให้เธอได้รับการดูแลอย่างดี สามีที่นับถือกฎหมายของโมเสสจะรักภรรยาและไม่หย่ากับเธอด้วยสาเหตุเล็ก ๆ น้อย ๆ (ฉธบ. 24:1-4; มธ. 19:3, 8) แต่ถ้าเกิดปัญหาร้ายแรงขึ้นและเขาจะหย่ากับเธอ เขาต้องทำหนังสือหย่า หนังสือหย่านี้จะปกป้องผู้หญิงจากข้อกล่าวหาเรื่องการทำผิดศีลธรรม นอกจากนั้น ก่อนที่สามีจะทำหนังสือหย่าภรรยา เขาต้องปรึกษาพวกผู้นำของเมือง เมื่อเป็นอย่างนั้น พวกผู้นำของเมืองก็จะพยายามช่วยสามีภรรยาให้รักษาชีวิตคู่เอาไว้ ถ้าชาวอิสราเอลคนไหนหย่าภรรยาด้วยเหตุผลที่เห็นแก่ตัว พระยะโฮวาจะไม่เข้าแทรกแซงเรื่องนี้เสมอไป แต่พระองค์ก็เห็นน้ำตาและความเจ็บปวดของเธอ—มลค. 2:13-16
7-8. (ก) พระยะโฮวาสั่งให้พ่อแม่ทำอะไร? (ดูภาพหน้าปก) (ข) เราได้เรียนบทเรียนอะไร?
7 นอกจากนั้น กฎหมายของโมเสสยังแสดงให้เห็นว่าพระยะโฮวาอยากให้เด็ก ๆ มีความสุขและปลอดภัย พระองค์สั่งให้พ่อแม่ดูแลลูกไม่ใช่แค่เรื่องทั่ว ๆ ไปเท่านั้น แต่ให้ดูแลเรื่องความเชื่อด้วย พ่อแม่ต้องใช้ทุกโอกาสสอนลูกให้เข้าใจและเห็นค่ากฎหมายของพระยะโฮวาและเรียนรู้ที่จะรักกฎหมายนั้น (ฉธบ. 6:6-9; 7:13) เหตุผลหนึ่งที่พระยะโฮวาลงโทษชาวอิสราเอลก็เพราะพวกเขาทำร้ายลูกของตัวเองในแบบที่น่าตกใจมาก (ยรม. 7:31, 33) พ่อแม่ต้องจำไว้ว่าลูกไม่ใช่สิ่งของที่จะทิ้งขว้างหรือทำไม่ดีกับพวกเขาได้ แต่ลูกเป็นมรดกหรือเป็นของขวัญจากพระยะโฮวาที่ต้องดูแลทะนุถนอม—สด. 127:3
8 บทเรียนคือ พระยะโฮวาสังเกตดูว่าสามีภรรยาปฏิบัติต่อกันอย่างไร พระองค์อยากให้พ่อแม่รักลูก และพระองค์จะพิพากษาคนที่เป็นพ่อแม่ถ้าพวกเขาทำไม่ดีกับลูก
9-11. ทำไมพระยะโฮวาให้กฎหมายว่าอย่าโลภ?
9 อย่าโลภ กฎหมายข้อสุดท้ายของบัญญัติ 10 ประการบอกว่าอย่าโลภ ความโลภคือการอยากได้ของของคนอื่นอย่างไม่ถูกต้อง (ฉธบ. 5:21; รม. 7:7) พระยะโฮวาให้กฎหมายนี้เพื่อสอนบทเรียนที่มีค่าอย่างหนึ่ง นั่นคือประชาชนของพระองค์ต้องปกป้องหัวใจของตัวเอง ซึ่งหมายถึงปกป้องความคิดและความรู้สึกของพวกเขา พระยะโฮวารู้ว่าการทำชั่วเริ่มต้นมาจากความคิดและความรู้สึก (สภษ. 4:23) ถ้าชาวอิสราเอลปล่อยให้ความต้องการผิด ๆ เพิ่มมากขึ้นในหัวใจ พวกเขาก็อาจทำไม่ดีกับคนอื่น ตัวอย่างเช่น โดยทั่วไปแล้วกษัตริย์ดาวิดเป็นคนดี แต่ครั้งหนึ่งเขาทำผิดร้ายแรงเพราะโลภอยากได้ภรรยาของคนอื่น และความอยากนี้กระตุ้นให้เขาทำบาป (ยก. 1:14, 15) ดาวิดเล่นชู้และพยายามจะหลอกสามีของผู้หญิงคนนั้น และจากนั้นเขาก็ทำให้ผู้ชายคนนั้นต้องตาย—2 ซม. 11:2-4; 12:7-11
10 พระยะโฮวารู้เมื่อมีชาวอิสราเอลบางคนไม่เชื่อฟังกฎหมายเรื่องอย่าโลภเพราะพระองค์อ่านหัวใจมนุษย์ได้ (1 พศ. 28:9) กฎหมายที่บอกว่าอย่าโลภทำให้ประชาชนของพระองค์รู้ว่าพวกเขาต้องหลีกเลี่ยงความคิดที่จะนำไปสู่การทำชั่ว พระยะโฮวาเป็นพ่อที่ฉลาดและรักเราจริง ๆ
11 บทเรียนคือ พระยะโฮวาไม่ได้มองที่ภายนอกอย่างเดียวเท่านั้น พระองค์มองเข้าไปในหัวใจและเห็นตัวตนจริง ๆ ของเรา (1 ซม. 16:7) ไม่มีใครสามารถปกปิดความคิด ความรู้สึก และการกระทำไม่ให้พระยะโฮวาเห็นได้ พระยะโฮวามองหาสิ่งที่ดีในตัวเราและอยากให้เราทำดี แต่พระองค์ก็อยากให้เราตรวจสอบว่าเรามีความคิดที่ไม่ดีอยู่หรือไม่และควบคุมความคิดนั้นให้ได้ก่อนที่มันจะกระตุ้นให้เราทำผิด—2 พศ. 16:9; มธ. 5:27-30
กฎหมายที่ส่งเสริมความยุติธรรม
12. กฎหมายของโมเสสเน้นเรื่องอะไร?
12 นอกจากนั้น กฎหมายของโมเสสยังสอนเราด้วยว่าพระยะโฮวารักความยุติธรรม (สด. 37:28; อสย. 61:8) พระองค์เป็นตัวอย่างที่สมบูรณ์แบบที่แสดงว่าคนเราควรให้ความยุติธรรมต่อกันอย่างไร เมื่อชาวอิสราเอลเชื่อฟังกฎหมายที่พระยะโฮวาให้ พระองค์ก็จะอวยพรพวกเขา แต่เมื่อพวกเขาไม่สนใจมาตรฐานความยุติธรรมและความถูกต้องชอบธรรมของพระองค์ พวกเขาก็ต้องรับผลเสียตามมา ขอดูกฎหมายอีก 2 ข้อในบัญญัติ 10 ประการด้วยกัน
13-14. กฎหมาย 2 ข้อแรกของบัญญัติ 10 ประกาศคืออะไร? และการเชื่อฟังกฎหมายนี้ทำให้ชาวอิสราเอลได้ประโยชน์อะไร?
13 นมัสการพระยะโฮวาผู้เดียว กฎหมาย 2 ข้อแรกในบัญญัติ 10 ประการบอกว่าชาวอิสราเอลจะต้องนมัสการพระยะโฮวาเท่านั้น และห้ามนมัสการรูปเคารพ (อพย. 20:3-6) กฎหมาย 2 ข้อนี้ไม่ได้มีขึ้นเพื่อประโยชน์ของพระยะโฮวา แต่เพื่อประโยชน์ของประชาชนของพระองค์ ถ้าชาวอิสราเอลภักดีต่อพระองค์ พวกเขาก็จะอยู่ดีมีสุข แต่ถ้าพวกเขาไปนมัสการพระของชาติอื่น พวกเขาจะมีแต่ความทุกข์
14 ขอให้คิดถึงชาวคานาอัน พวกเขานมัสการรูปเคารพที่ไม่มีชีวิตแทนที่จะนมัสการพระเจ้าเที่ยงแท้ผู้มีชีวิตอยู่ สิ่งที่พวกเขาทำเป็นการลดศักดิ์ศรีของตัวเอง (สด. 115:4-8) พิธีกรรมอย่างหนึ่งในการนมัสการพระเท็จเหล่านั้นคือการทำผิดศีลธรรมทางเพศในแบบที่น่ารังเกียจ รวมทั้งการเอาลูกไปเผาบูชายัญ เหมือนกันเมื่อชาวอิสราเอลไม่สนใจพระยะโฮวาและเลือกนมัสการรูปเคารพ พวกเขาก็ลดศักดิ์ศรีของตัวเองและทำให้ครอบครัวเจ็บปวด (2 พศ. 28:1-4) พวกผู้นำของอิสราเอลไม่สนใจมาตรฐานที่ยุติธรรมของพระยะโฮวา พวกเขาใช้อำนาจในทางที่ผิดและกดขี่คนอ่อนแอที่ไม่มีทางสู้ (อสค. 34:1-4) พระยะโฮวาเตือนชาวอิสราเอลว่าพระองค์จะพิพากษาคนที่ทำไม่ดีกับเด็กและผู้หญิงที่ปกป้องตัวเองไม่ได้ (ฉธบ. 10:17, 18; 27:19) แต่ตรงกันข้าม พระยะโฮวาจะอวยพรประชาชนของพระองค์ถ้าพวกเขาซื่อสัตย์ภักดีต่อพระองค์และปฏิบัติต่อกันด้วยความยุติธรรม—1 พก. 10:4-9
15. เราได้บทเรียนอะไรเกี่ยวกับพระยะโฮวา?
15 บทเรียนคือ ไม่ใช่ความผิดของพระยะโฮวาเมื่อคนที่อ้างว่ารับใช้พระองค์ไม่สนใจมาตรฐานของพระองค์และทำไม่ดีกับประชาชนของพระองค์ แต่พระยะโฮวารักเราและสังเกตเห็นเมื่อเราไม่ได้รับความยุติธรรม พระองค์รู้ว่าเราเจ็บปวดขนาดไหน พระองค์เข้าใจเรามากยิ่งกว่าแม่ที่รู้ว่าลูกน้อยไม่สบายซะอีก (อสย. 49:15) แม้พระองค์จะไม่แทรกแซงเพื่อแก้ปัญหาของเราทันที แต่เมื่อถึงเวลา พระองค์จะจัดการคนที่ทำไม่ดีกับคนอื่นและไม่กลับใจ
มีการใช้กฎหมายของโมเสสอย่างไร?
16-18. กฎหมายของโมเสสใช้กับเรื่องอะไรบ้างในชีวิต? และเราได้บทเรียนอะไร?
16 กฎหมายของโมเสสครอบคลุมทุกด้านในชีวิตของชาวอิสราเอล จึงเป็นเรื่องสำคัญที่พวกผู้นำที่ได้รับการแต่งตั้งจะต้องตัดสินคดีของประชาชนของพระยะโฮวาอย่างยุติธรรม พวกเขาไม่ใช่แค่ตัดสินเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับการนมัสการเท่านั้น แต่ต้องจัดการกับความขัดแย้งและการทำผิดกฎหมายอื่น ๆ ด้วย ลองมาดูตัวอย่างต่อไปนี้
17 ถ้าชาวอิสราเอลคนหนึ่งฆ่าคนตาย เขาจะไม่ถูกตัดสินประหารชีวิตโดยอัตโนมัติ พวกผู้นำในเมืองที่เขาอาศัยอยู่จะสอบสวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนจะตัดสินว่าเขาควรมีโทษถึงตายหรือไม่ (ฉธบ. 19:2-7, 11-13) นอกจากนั้น พวกผู้นำต้องตัดสินคดีทั่วไปมากมายด้วย ตั้งแต่ปัญหาเรื่องการแบ่งเขตที่ดินไม่ลงตัว ไปจนถึงการจัดการปัญหาระหว่างสามีภรรยา (อพย. 21:35; ฉธบ. 22:13-19) เมื่อผู้นำมีความยุติธรรมและชาวอิสราเอลเชื่อฟังกฎหมาย ทุกคนก็จะได้ประโยชน์ และทั้งชาติอิสราเอลก็จะทำให้พระยะโฮวาได้รับคำสรรเสริญ—ลนต. 20:7, 8; อสย. 48:17, 18
18 บทเรียนคือ พระยะโฮวาสนใจสิ่งที่เราทำในทุกแง่มุมของชีวิต พระองค์อยากให้เราแสดงความยุติธรรมต่อกันและรักกัน พระองค์สังเกตสิ่งที่เราพูดและทำด้วยแม้แต่ที่บ้านของเราเอง—ฮบ. 4:13
19-21. (ก) พวกผู้นำของเมืองและผู้พิพากษาควรปฏิบัติต่อประชาชนของพระเจ้าอย่างไร? (ข) กฎหมายของโมเสสปกป้องประชาชนอย่างไร? และเราได้บทเรียนอะไรจากเรื่องนี้?
19 พระยะโฮวาไม่อยากให้ประชาชนของพระองค์ได้รับอิทธิพลที่ไม่ดีจากชาติที่อยู่รอบ ๆ พระองค์เลยสั่งให้ผู้นำและผู้พิพากษาของชาวอิสราเอลใช้กฎหมายอย่างยุติธรรมและไม่ลำเอียง พวกเขาต้องไม่ข่มขู่หรือก้าวร้าว แต่ต้องรักความยุติธรรม—ฉธบ. 1:13-17; 16:18-20
20 พระยะโฮวารักและเมตตาประชาชนของพระองค์ พระองค์เลยให้กฎหมายเพื่อปกป้องพวกเขาจากความไม่ยุติธรรม เช่น กฎหมายแทบไม่เปิดช่องให้มีการใส่ร้ายคนอื่น คนที่ถูกกล่าวหามีสิทธิ์จะรู้ว่าเขาโดนข้อกล่าวหาอะไร (ฉธบ. 19:16-19; 25:1) และก่อนที่เขาจะถูกตัดสินว่ามีความผิด ต้องมีพยานอย่างน้อย 2 ปาก (ฉธบ. 17:6; 19:15) แล้วถ้าชาวอิสราเอลคนหนึ่งทำผิด แต่มีคนเห็นแค่คนเดียวล่ะ? เขาไม่ควรคิดว่าจะรอดตัวไปได้เพราะพระยะโฮวาเห็นสิ่งที่เขาทำ ในครอบครัว คนที่เป็นพ่อได้รับอำนาจ แต่อำนาจของเขาก็จำกัด ถ้าเกิดความขัดแย้งบางอย่างในครอบครัว พวกผู้นำของเมืองมีสิทธิ์จัดการกับปัญหานั้นและตัดสินขั้นสุดท้าย—ฉธบ. 21:18-21
21 บทเรียนคือ พระยะโฮวาเป็นตัวอย่างที่สมบูรณ์แบบ พระองค์ทำแต่สิ่งที่ยุติธรรมเสมอ (สด. 9:7) พระองค์จะตอบแทนคนที่เชื่อฟังมาตรฐานของพระองค์ แต่จะลงโทษคนที่ใช้อำนาจในทางที่ผิด (2 ซม. 22:21-23; อสค. 9:9, 10) บางคนอาจทำชั่วและดูเหมือนว่าจะรอดตัวไปได้ แต่เมื่อถึงเวลาที่พระยะโฮวาเห็นว่าเหมาะสม พระองค์จะทำให้แน่ใจว่าพวกเขาจะถูกตัดสินลงโทษ (สภษ. 28:13) และถ้าพวกเขาไม่กลับใจ ไม่นานพวกเขาก็จะรู้ว่า “เป็นเรื่องน่าหวาดกลัวจริง ๆ ที่จะตกอยู่ในมือของพระเจ้าผู้มีชีวิตอยู่”—ฮบ. 10:30, 31
กฎหมายของโมเสสปกป้องใครเป็นพิเศษ?
22-24. (ก) กฎหมายของโมเสสปกป้องใครเป็นพิเศษ? และเราได้เรียนอะไรเกี่ยวกับพระยะโฮวา? (ข) มีคำเตือนอะไรในอพยพ 22:22-24?
22 กฎหมายของโมเสสยังปกป้องบางคนเป็นพิเศษ เช่น ลูกกำพร้า แม่ม่าย และคนต่างชาติ คนเหล่านี้ไม่สามารถปกป้องตัวเองได้ พระเจ้าบอกผู้พิพากษาในอิสราเอลว่า “คุณต้องให้ความยุติธรรมเมื่อตัดสินคดีความของคนต่างชาติหรือลูกกำพร้าพ่อและอย่ายึดเสื้อคลุมของแม่ม่ายมาเป็นของประกันการกู้ยืม” (ฉธบ. 24:17) พระยะโฮวารักและเป็นห่วงคนที่อ่อนแอที่สุดในชุมชน และพระองค์จะลงโทษคนที่ทำไม่ดีกับพวกเขา—อ่านอพยพ 22:22-24
23 นอกจากนั้น กฎหมายยังปกป้องครอบครัวจากการทำผิดกฎหมายของพระเจ้าในเรื่องเพศ เช่น ห้ามการมีเพศสัมพันธ์ระหว่างญาติใกล้ชิดทุกรูปแบบ (ลนต. 18:6-30) แต่ชาติอื่นรอบ ๆ ชาติอิสราเอลไม่เป็นอย่างนั้น พวกเขายอมและถึงขั้นสนับสนุนให้มีการทำสิ่งที่เลวร้ายแบบนั้น ประชาชนของพระยะโฮวาต้องมองว่าสิ่งเหล่านี้เป็นการทำผิดกฎหมายเหมือนที่พระยะโฮวามอง มันเป็นการกระทำที่น่ารังเกียจ
24 บทเรียนคือ พระยะโฮวาอยากให้ผู้มีอำนาจที่พระองค์แต่งตั้งเอาใจใส่คนที่อยู่ภายใต้การดูแลของเขา พระองค์เกลียดการทำผิดกฎหมายในเรื่องเพศและอยากทำให้แน่ใจว่าทุกคนโดยเฉพาะคนที่อ่อนแอที่สุดได้รับการปกป้องและได้รับความยุติธรรม
กฎหมายที่เป็น “เงาของสิ่งดี ๆ ที่จะมีมา”
25-26. (ก) ทำไมเราบอกได้ว่าความรักและความยุติธรรมเป็นเหมือนลมหายใจและชีวิต? (ข) บทความถัดไปของบทความชุดนี้จะพูดถึงเรื่องอะไร?
25 ความรักและความยุติธรรมเป็นเหมือนลมหายใจและชีวิต ทั้งสองอย่างนี้ต้องอยู่คู่กันเสมอบนโลก จะขาดอย่างใดอย่างหนึ่งไม่ได้ เมื่อเรามั่นใจว่าพระยะโฮวาให้ความยุติธรรมกับเรา เราก็จะรักพระองค์มากขึ้น และเมื่อเรารักพระองค์และมาตรฐานที่ถูกต้องชอบธรรมของพระองค์ สิ่งเหล่านี้จะกระตุ้นเราให้รักคนอื่นและปฏิบัติกับคนอื่นด้วยความยุติธรรม
26 กฎหมายของโมเสสช่วยให้ชาวอิสราเอลมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับพระยะโฮวามากขึ้น แต่ประชาชนของพระองค์ก็ไม่จำเป็นต้องเชื่อฟังกฎหมายนี้อีกต่อไปเมื่อพระเยซูมาทำให้กฎหมายนี้สิ้นสุดลง และมีสิ่งที่ดีกว่าเข้ามาแทน (รม. 10:4) เปาโลเรียกกฎหมายของโมเสสว่า “เงาของสิ่งดี ๆ ที่จะมีมา” (ฮบ. 10:1) “สิ่งดี ๆ” เหล่านี้มีอะไรบ้าง? บทความถัดไปของบทความชุดนี้จะให้คำตอบ และจะช่วยเราให้เห็นว่าความรักและความยุติธรรมสำคัญอย่างไรในประชาคมคริสเตียน
เพลง 109 รักสุดหัวใจ
a นี่เป็นบทความแรกในบทความชุด 4 เรื่องที่จะอธิบายว่า ทำไมเรามั่นใจได้ว่าพระยะโฮวารักและเป็นห่วงเรา บทความอีก 3 เรื่องที่เหลือจะอยู่ในหอสังเกตการณ์ เดือนพฤษภาคม 2019 ชื่อของบทความเหล่านั้นคือ “ความรักและความยุติธรรมในประชาคมคริสเตียน” “ความรักและความยุติธรรมช่วยปกป้องให้พ้นจากความชั่วร้าย” และ “จะปลอบโยนคนที่เคยถูกทำร้ายทางเพศได้อย่างไร?”
b อธิบายคำศัพท์ พระยะโฮวาให้กฎหมายกับชาวอิสราเอลผ่านทางโมเสส 600 ข้อรวมทั้งกฎหมายข้ออื่น ๆ ด้วย กฎหมายเหล่านี้ถูกเรียกว่า “กฎหมายของโมเสส” หรือ “บัญญัติ” นอกจากนั้น หนังสือ 5 เล่มแรกของคัมภีร์ไบเบิล (ตั้งแต่ปฐมกาลถึงเฉลยธรรมบัญญัติ) ก็มักจะถูกเรียกว่ากฎหมายของโมเสสด้วย บางครั้ง มีการใช้คำว่ากฎหมายของโมเสสเมื่อพูดถึงพระคัมภีร์ภาคภาษาฮีบรูทั้งหมด
c คำอธิบายภาพ แม่ชาวอิสราเอลกำลังเตรียมอาหารและคุยกับลูกสาวอย่างมีความสุข ส่วนด้านหลัง พ่อกำลังสอนลูกชายให้ดูแลแกะ
d คำอธิบายภาพ พวกผู้นำซึ่งอยู่ที่ประตูเมืองกำลังช่วยแม่ม่ายและลูกของเธอที่ถูกพ่อค้าเอารัดเอาเปรียบ