แหล่งอ้างอิงสำหรับชีวิตและงานรับใช้—คู่มือประชุม
วันที่ 7-13 พฤศจิกายน
ความรู้ที่มีค่าจากคัมภีร์ไบเบิล | 2 พงศ์กษัตริย์ 5-6
“ผู้ที่อยู่ฝ่ายเรามีมากกว่าที่อยู่ฝ่ายเขา”
it-1-E น. 716 ว. 4
เอลีชา
อิสราเอลรอดพ้นจากการโจมตีของซีเรีย ในช่วงที่กษัตริย์เยโฮรัมปกครองอิสราเอล ซีเรียวางแผนลอบโจมตีอิสราเอล กษัตริย์เบนฮาดัดที่ 2 ของซีเรียวางแผนโจมตีหลายครั้งแต่ไม่เคยสำเร็จ เพราะเอลีชาบอกให้กษัตริย์เยโฮรัมรู้แผนการของซีเรียทุกอย่าง ตอนแรกเบนฮาดัดคิดว่ามีไส้ศึกอยู่ในค่าย แต่พอรู้เหตุผลที่แท้จริง เขาก็ส่งทหารกองใหญ่ไปที่เมืองโดธาน และล้อมเมืองด้วยม้ากับรถศึกเพื่อจับตัวเอลีชา ( รูป, เล่ม 1, น. 950) คนรับใช้ของเอลีชากลัวมาก แต่เอลีชาอธิษฐานขอพระเจ้าให้เปิดตาเขา “และเขาก็เห็นว่าภูเขาบริเวณนั้นเต็มไปด้วยม้าและรถศึกที่ดูเหมือนเปลวไฟล้อมรอบเอลีชาอยู่!” เมื่อทหารซีเรียเข้ามาใกล้ เอลีชาก็อธิษฐานขอให้สิ่งตรงกันข้ามเกิดขึ้นกับทหารซีเรีย เขาขอพระยะโฮวาว่า “โปรดทำให้คนพวกนี้ตาบอด” แล้วเอลีชาก็บอกพวกซีเรียว่า “ตามผมมา” แต่เอลีชาไม่ได้จูงพวกเขา นี่ทำให้เห็นว่าพวกเขาไม่ได้ตาบอดจริง ๆ แต่พวกเขาเป็นเหมือนคนตาบอดเพราะไม่รู้ว่าคนที่คุยกับพวกเขาคือเอลีชา และไม่รู้ว่าเอลีชาจะพาพวกเขาไปไหน—2พก 6:8-19
it-1-E น. 343 ว. 1
ตาบอด
เมื่อเอลีชาอธิษฐานขอพระยะโฮวา พระองค์ก็ทำให้ทหารซีเรียตาบอด ดูเหมือนว่านี่ไม่ใช่การตาบอดจริง ๆ เพราะถ้าทหารทั้งกองตาบอดจริง ๆ ก็จะต้องมีคนมาจูงมือพวกเขาไป แต่ตามบันทึกในพระคัมภีร์ เอลีชาแค่บอกพวกเขาว่า “พวกคุณมาผิดทางแล้ว ไม่ใช่เมืองนี้ ตามผมมา” ดังนั้น พวกซีเรียยังมองเห็นอยู่ แต่พวกเขาไม่เข้าใจว่าสิ่งที่เห็นคืออะไร พวกเขาเลยเป็นเหมือนคนตาบอด
วันที่ 14-20 พฤศจิกายน
ความรู้ที่มีค่าจากคัมภีร์ไบเบิล | 2 พงศ์กษัตริย์ 7-8
“พระยะโฮวาทำให้เรื่องไม่คาดคิดเกิดขึ้นได้”
it-1-E น. 716-717
เอลีชา
แต่ต่อมาเบนฮาดัดที่ 2 บุกมาล้อมกรุงสะมาเรีย นี่ไม่ใช่การลอบโจมตีแบบกองโจร แต่เขาพาทหารมาทั้งกองทัพ การล้อมกรุงสร้างความเดือดร้อนอย่างสาหัส จนมีคนหนึ่งมารายงานกษัตริย์อิสราเอลว่ามีผู้หญิงฆ่าลูกตัวเองกิน กษัตริย์เยโฮรัมลูกอาหับซึ่งเอลีชาเรียกว่า “ลูกฆาตกร” สาบานว่าจะฆ่าเอลีชาแต่ก็ทำไม่ได้ เมื่อเยโฮรัมมาถึงบ้านของเอลีชาพร้อมกับนายทหารของเขา เขาบอกว่า จะไม่รอความช่วยเหลือจากพระยะโฮวาอีกแล้ว เอลีชารับรองกับกษัตริย์ว่าวันรุ่งขึ้นจะมีอาหารมากมาย นายทหารของกษัตริย์เยาะเย้ยคำรับรองนี้ เอลีชาจึงพูดกับเขาว่า “แล้วคุณจะเห็น แต่จะไม่ได้กิน” พระยะโฮวาทำให้ทหารซีเรียในค่ายได้ยินเสียงม้าและรถศึกกองทัพใหญ่ พวกเขาเลยคิดว่ามีกองทัพของหลายชาติบุกมาสู้กับพวกเขา พวกซีเรียทิ้งค่ายกับเสบียงอาหารมากมายไว้ แล้วรีบหนีไป เมื่อกษัตริย์เยโฮรัมรู้ว่ากองทัพซีเรียหนีไปแล้ว เขาก็ให้นายทหารเฝ้าประตูเมืองไว้ แต่นายทหารคนนี้ถูกชาวอิสราเอลที่หิวโหยเหยียบตายที่ประตูเมืองตอนวิ่งกรูกันออกไปเอาอาหารในค่ายของซีเรีย นายทหารของเยโฮรัมได้เห็นอาหาร แต่ไม่ได้กิน—2พก 6:24-7:20
ค้นหาความรู้ที่มีค่าของพระเจ้า
it-2-E น. 195 ว. 7
ตะเกียง
กษัตริย์ที่สืบเชื้อสายจากดาวิด พระยะโฮวาพระเจ้าตั้งดาวิดเป็นกษัตริย์ของอิสราเอล และดาวิดก็พิสูจน์ให้เห็นว่าเขาเป็นผู้นำที่ฉลาดและปกครองตามการชี้นำของพระเจ้า เขาเลยถูกเรียกว่า “ตะเกียงของอิสราเอล” (2ซม 21:17) ตอนที่พระยะโฮวาทำสัญญาเรื่องรัฐบาลกับดาวิด พระองค์บอกว่า “บัลลังก์ของเจ้าจะคงอยู่ตลอดกาล” (2ซม 7:11-16) ดังนั้น กษัตริย์ในราชวงศ์ของดาวิดที่มาทางโซโลมอนจึงเป็นเหมือน “ตะเกียง” ของอิสราเอล—1พก 11:36; 15:4; 2พก 8:19; 2พศ 21:7
วันที่ 28 พฤศจิกายน–4 ธันวาคม
ความรู้ที่มีค่าจากคัมภีร์ไบเบิล | 2 พงศ์กษัตริย์ 11-12
“ผู้หญิงทะเยอทะยานและชั่วร้ายต้องถูกลงโทษ”
ค้นหาความรู้ที่มีค่าของพระเจ้า
it-1-E น. 1265-1266
เยโฮอาช
หลังจากนั้น กษัตริย์เยโฮอาชก็เจริญรุ่งเรืองตลอดช่วงที่มหาปุโรหิตเยโฮยาดายังมีชีวิตอยู่และคอยให้คำแนะนำเขาเหมือนพ่อแท้ ๆ เขาแต่งงานตอนอายุได้ 21 ปี และมีภรรยา 2 คน คนหนึ่งชื่อเยโฮอัดดาน เยโฮอาชมีลูกชายลูกสาวหลายคน ดังนั้น ราชวงศ์ของดาวิดที่เกือบจะถูกทำลายจนหมดสิ้นก็กลับมาแข็งแกร่งและคงอยู่เรื่อยมาจนถึงเวลาที่เมสสิยาห์มา—2พก 12:1-3; 2พศ 24:1-3; 25:1
วันที่ 12-18 ธันวาคม
ความรู้ที่มีค่าจากคัมภีร์ไบเบิล | 2 พงศ์กษัตริย์ 16-17
“ความอดทนของพระยะโฮวามีขีดจำกัด”
it-2-E น. 908 ว. 5
แชลมาเนเสอร์
ยึดครองอิสราเอล ในช่วงที่กษัตริย์โฮเชยาปกครองอิสราเอล กษัตริย์แชลมาเนเสอร์ที่ 5 ยกทัพเข้ามาในปาเลสไตน์ โฮเชยาตกอยู่ใต้อำนาจเขาและต้องส่งของบรรณาการให้ทุกปี (2พก 17:1-3) แต่ภายหลังโฮเชยาเลิกส่งของบรรณาการและไปสมคบคิดกับกษัตริย์โสแห่งอียิปต์ กษัตริย์แชลมาเนเสอร์จึงจับโฮเชยาไปขังไว้ในคุกและล้อมกรุงสะมาเรียอยู่ 3 ปี จนในที่สุดกรุงสะมาเรียที่มีกำแพงแน่นหนาก็ถูกยึดและชาวอิสราเอลถูกกวาดต้อนไปเป็นเชลย—2พก 17:4-6; 18:9-12; เทียบกับ ฮชย 7:11; อสค 23:4-10
it-1-E น. 414-415
การเป็นเชลย
เหตุผลที่อาณาจักรอิสราเอล 10 ตระกูลทางเหนือกับอาณาจักรยูดาห์ 2 ตระกูลทางใต้ต้องเป็นเชลยก็คือ พวกเขาทิ้งการนมัสการพระยะโฮวาและไปนมัสการพระเท็จ (ฉธบ 28:15, 62-68; 2พก 17:7-18; 21:10-15) พระยะโฮวาพยายามช่วยพวกเขาโดยส่งผู้พยากรณ์ไปเตือนหลายครั้งแต่พวกเขาไม่ฟัง (2พก 17:13) เยโรโบอัมกษัตริย์องค์แรกของอาณาจักรอิสราเอล 10 ตระกูลได้นำการนมัสการเท็จเข้ามาในแผ่นดิน และไม่มีกษัตริย์องค์ไหนเลยที่ปกครองต่อจากเขากำจัดการนมัสการเท็จออกไปอย่างสิ้นเชิง ส่วนยูดาห์อาณาจักรทางใต้ที่เป็นเหมือนพี่น้องกับอิสราเอลก็ไม่ฟังคำเตือนของพระยะโฮวา และไม่ได้บทเรียนจากการล่มสลายและเป็นเชลยของอาณาจักรอิสราเอล (ยรม 3:6-10) ในที่สุด ประชาชนของทั้งสองอาณาจักรก็ถูกจับไปเป็นเชลยและถูกเนรเทศไปอยู่ในหลายดินแดน
ค้นหาความรู้ที่มีค่าของพระเจ้า
it-2-E น. 847
ชาวสะมาเรีย
คำว่า “ชาวสะมาเรีย” ปรากฏในคัมภีร์ไบเบิลครั้งแรกหลังจากกรุงสะมาเรียของอาณาจักร 10 ตระกูลถูกพิชิตในปี 740 ก่อน ค.ศ. คำนี้หมายถึงคนที่อาศัยอยู่ในอาณาจักรอิสราเอลทางเหนือก่อนถูกอัสซีเรียพิชิต มีการใช้คำนี้เพื่อแยกพวกเขาออกจากคนต่างชาติที่อัสซีเรียพามาอยู่ที่นี่ (2พก 17:29) ดูเหมือนว่าอัสซีเรียไม่ได้เนรเทศชาวอิสราเอลทั้งหมดออกไปจากแผ่นดินเพราะบันทึกที่ 2 พงศาวดาร 34:6-9 (เทียบกับ 2พก 23:19, 20) ทำให้รู้ว่าในช่วงที่กษัตริย์โยสิยาห์ปกครองยูดาห์ยังมีชาวอิสราเอลเหลืออยู่ในแผ่นดิน ในเวลาต่อมา คำว่า “ชาวสะมาเรีย” หมายถึงลูกหลานของคนที่หลงเหลืออยู่ในสะมาเรียและคนต่างชาติที่อัสซีเรียพามาอยู่ที่นี่ ดังนั้น คงจะมีบางคนเป็นลูกหลานของชาวอิสราเอลที่แต่งงานกับคนต่างชาติในสะมาเรีย แต่หลังจากนั้น คำว่า ชาวสะมาเรีย เกี่ยวข้องกับศาสนามากกว่าเชื้อชาติหรือเขตการปกครอง คำนี้หมายถึงคนที่นับถือศาสนาที่เฟื่องฟูในแถบเมืองเชเคมและสะมาเรียโบราณ ซึ่งคนที่นับถือศาสนานี้มีความเชื่อต่างกันมากกับคนที่นับถือศาสนายิว—ยน 4:9
วันที่ 19-25 ธันวาคม
ความรู้ที่มีค่าจากคัมภีร์ไบเบิล | 2 พงศ์กษัตริย์ 18-19
“วิธีที่ผู้ต่อต้านใช้เพื่อทำให้ความเชื่อเราอ่อนแอลง”
ปป74-E น. 177 ว. 1
ตอน 2—เยอรมนี
น่าสนใจว่าหน่วยเอสเอสมักจะใช้วิธีที่สกปรกเพื่อหลอกล่อให้พยานฯ เซ็นชื่อในเอกสารปฏิเสธความเชื่อ แต่หลายครั้งพอเซ็นแล้ว พวกเอสเอสก็ยังกลั่นแกล้งและทำไม่ดีกับเขายิ่งกว่าตอนที่ยังไม่เซ็นอีก พี่น้องคาร์ล เคียร์ช เล่าว่า “เจ้าหน้าที่ใช้เล่ห์เหลี่ยมกับพยานพระยะโฮวามากกว่าใคร ๆ ในค่ายกักกัน พวกเขาเชื่อว่าการทำแบบนี้สามารถหลอกล่อให้พยานฯ เซ็นชื่อในเอกสารปฏิเสธความเชื่อได้ พวกเขาพูดหลายครั้งให้เราเซ็น บางคนก็เซ็นแต่พอเซ็นแล้วส่วนใหญ่ก็ต้องรอเป็นปีกว่าจะถูกปล่อยตัว และในระหว่างนี้เขาก็ถูกพวกเอสเอสเยาะเย้ยถากถางต่อหน้าคนอื่น บอกว่าพวกเขาเป็นคนทรยศและขี้ขลาด และก่อนจะถูกปล่อยตัว พวกเขายังถูกบังคับให้เดินวนรอบพี่น้องที่ซื่อสัตย์ด้วย”
ค้นหาความรู้ที่มีค่าของพระเจ้า
it-1-E น. 155 ว. 4
โบราณคดี
ตัวอย่างหนึ่งคือ บันทึกในคัมภีร์ไบเบิลบอกว่ากษัตริย์เซนนาเคอริบของอัสซีเรียถูกฆ่าโดยลูกชาย 2 คนคืออัดรัมเมเลคกับชาเรเซอร์ แล้วเอสาร์ฮัดโดนซึ่งเป็นลูกชายอีกคนหนึ่งของเขาก็ขึ้นเป็นกษัตริย์แทน (2พก 19:36, 37) แต่พงศาวดารของบาบิโลนบอกว่า ในปีที่ 20 เดือนเทเบท เซนนาเคอริบถูกฆ่าโดยลูกชายคนหนึ่งที่ก่อกบฏ ทั้งเบอรอสซุส นักบวชชาวบาบิโลนในศตวรรษที่ 3 ก่อน ค.ศ. และนะโบไนดัส กษัตริย์บาบิโลนในศตวรรษที่ 6 ก่อน ค.ศ. ได้บันทึกตรงกันว่า เซนนาเคอริบถูกลอบสังหารโดยลูกชายของเขาแค่คนเดียว แต่ในเวลาต่อมามีการค้นพบชิ้นส่วนแท่งปริซึมของเอสาร์ฮัดโดน ลูกชายที่ปกครองต่อจากเซนนาเคอริบ ในชิ้นส่วนที่เขาบันทึกนี้บอกชัดเจนว่า พี่น้องของเขา (มากกว่า 1 คน) ก่อกบฏและฆ่าพ่อจากนั้นก็หนีไป ฟีลิป บิเบอร์เฟลด์ เขียนในหนังสือเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของชาวยิว (Universal Jewish History, 1948, เล่ม 1 น. 27) ว่า “พงศาวดารของบาบิโลนที่เรียกว่านะโบนิดกับบันทึกของเบอรอสซุสให้ข้อมูลไม่ถูกต้อง เฉพาะบันทึกในคัมภีร์ไบเบิลเท่านั้นที่พิสูจน์ว่าถูกต้อง ข้อความจารึกของเอสาร์ฮัดโดนยืนยันความถูกต้องนี้แม้แต่รายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ และเห็นได้ชัดว่าบันทึกในคัมภีร์ไบเบิลเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของชาวบาบิโลนและอัสซีเรียถูกต้องกว่าบันทึกของชาวบาบิโลนเองด้วยซ้ำ นี่ทำให้เห็นว่าเป็นเรื่องสำคัญจริง ๆ ที่ต้องคิดให้ดีว่าจะเชื่ออะไรเมื่อมีการค้นพบข้อมูลทางประวัติศาสตร์ที่ขัดแย้งกับบันทึกในคัมภีร์ไบเบิลแม้จะเขียนขึ้นในยุคสมัยเดียวกันก็ตาม
วันที่ 26 ธันวาคม–1 มกราคม
ความรู้ที่มีค่าจากคัมภีร์ไบเบิล | 2 พงศ์กษัตริย์ 20-21
“คำอธิษฐานกระตุ้นให้พระยะโฮวาลงมือช่วย”
ip-1-E น. 394 ว. 23
พระยะโฮวาตอบแทนกษัตริย์องค์หนึ่งเพราะเขามีความเชื่อ
23 ช่วงที่เซนนาเคอริบบุกมาโจมตียูดาห์ครั้งแรก เฮเซคียาห์ป่วยหนัก และอิสยาห์บอกเขาว่าเขากำลังจะตาย (อิสยาห์ 38:1 ) กษัตริย์เฮเซคียาห์ที่อายุ 39 ปีรู้สึกสิ้นหวัง เขาไม่ได้เป็นห่วงแค่สุขภาพของตัวเองเท่านั้นแต่ยังเป็นห่วงอนาคตของประชาชนด้วย กองทัพอัสซีเรียกำลังจะบุกเข้ามาในเยรูซาเล็มและยูดาห์แล้ว ถ้าเฮเซคียาห์ตาย ใครจะนำทัพไปต่อสู้กับศัตรู? ตอนนั้นเฮเซคียาห์ยังไม่มีลูกชายที่จะเป็นกษัตริย์ต่อจากเขา เฮเซคียาห์เลยอธิษฐานอย่างจริงจังไม่ละลด ขอให้พระยะโฮวาเมตตาเขา—อิสยาห์ 38:2, 3
ค้นหาความรู้ที่มีค่าของพระเจ้า
it-2-E น. 240 ว. 1
ไม้วัดระดับ
ไม้วัดระดับเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้การก่อสร้างอาคารได้มาตรฐาน หรือใช้ทดสอบดูว่าอาคารหลังนั้นยังใช้งานได้อยู่ไหม พระยะโฮวาบอกล่วงหน้าว่า “เราจะเอาสายวัดที่เคยใช้วัดสะมาเรียและไม้วัดระดับที่เคยใช้กับราชวงศ์อาหับมาใช้กับเยรูซาเล็ม” พระยะโฮวาเคยวัดสะมาเรียและราชวงศ์ของอาหับ และเห็นว่าพวกเขาชั่วร้ายไม่มีศีลธรรม พวกเขาเลยถูกทำลาย และตอนนี้ก็ถึงเวลาที่พระเจ้าจะพิพากษาเยรูซาเล็มกับผู้ปกครองในกรุงนี้เพื่อเปิดโปงความชั่วร้ายของพวกเขาและปล่อยให้กรุงนี้ถูกทำลายในปี 607 ก่อน ค.ศ. (2พก 21:10-13; 10:11) พระยะโฮวาใช้อิสยาห์ไปบอกผู้ปกครองที่ชั่วร้ายและอวดดีในกรุงเยรูซาเล็มว่าพวกเขาจะเจอหายนะ พระองค์บอกว่า “เราจะใช้ความยุติธรรมเป็นสายวัด และใช้ความดีงามเป็นไม้วัดระดับ” มาตรฐานความยุติธรรมและความดีงามที่แท้จริงจะทำให้รู้ว่าใครเป็นผู้รับใช้ของพระเจ้าจริง ๆ และใครไม่ใช่ ซึ่งสุดท้ายพระเจ้าจะตัดสินว่าใครที่พระองค์จะปกป้องคุ้มครองและใครที่สมควรถูกทำลาย—อสย 28:14-19