ความซื่อสัตย์มั่นคงของคุณทำให้พระทัยของพระยะโฮวายินดี
“ศิษย์ของเราเอ๋ย, จงมีปัญญาขึ้น, และกระทำให้ใจของเรามีความยินดี; เพื่อเราจะมีคำตอบคนที่ตำหนิเราได้.”—สุภา. 27:11
1, 2. (ก) หนังสือโยบบอกเกี่ยวกับการท้าทายอะไรของซาตาน? (ข) มีอะไรที่แสดงให้เห็นว่าซาตานยังคงท้าทายพระยะโฮวาอยู่เรื่อยมาหลังจากสมัยของโยบ?
พระยะโฮวาทรงอนุญาตให้ซาตานทดสอบความซื่อสัตย์มั่นคงของโยบ ผู้รับใช้ที่ภักดีของพระองค์. ผลก็คือ โยบเสียฝูงปศุสัตว์, ลูก ๆ, และสุขภาพของท่าน. แต่เมื่อซาตานท้าทายความซื่อสัตย์มั่นคงของโยบ มันนึกถึงไม่เพียงแค่โยบคนเดียว. ซาตานอ้างว่า “หนังแทนหนัง จริงละ, คนย่อมสละอะไร ๆ ทุกสิ่งได้, เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนชีวิตของตนให้คงอยู่.” ข้อท้าทายดังกล่าวทำให้เกิดประเด็นหนึ่งขึ้นมาซึ่งเกี่ยวข้องไม่เพียงแค่โยบคนเดียวและเป็นประเด็นที่คงอยู่ต่อไปอีกนานหลังจากที่ท่านเสียชีวิตแล้ว.—โยบ 2:4
2 ประมาณ 600 ปีหลังจากที่โยบถูกทดสอบ โซโลมอนได้รับการดลใจให้เขียนว่า “ศิษย์ของเราเอ๋ย, จงมีปัญญาขึ้น, และกระทำให้ใจของเรามีความยินดี; เพื่อเราจะมีคำตอบคนที่ตำหนิเราได้.” (สุภา. 27:11) เห็นได้ชัดว่าในตอนนั้นซาตานยังคงท้าทายพระยะโฮวาอยู่. นอกจากนั้น เราเห็นในนิมิตที่ประทานแก่อัครสาวกโยฮันว่าซาตานกำลังกล่าวหาผู้รับใช้ของพระเจ้า หลังจากที่มันถูกขับไล่จากสวรรค์ซึ่งเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นภายหลังการสถาปนาราชอาณาจักรของพระเจ้าในปี 1914. ดังนั้น จนถึงทุกวันนี้ซึ่งเป็นช่วงสุดท้ายของยุคชั่วนี้แล้ว ซาตานก็ยังคงท้าทายความซื่อสัตย์มั่นคงของผู้รับใช้พระเจ้า!—วิ. 12:10
3. เราได้บทเรียนที่มีค่ายิ่งอะไรจากหนังสือโยบ?
3 ต่อไปนี้ ขอให้เราพิจารณาบทเรียนสำคัญสามประการที่เราได้จากหนังสือโยบ. ประการแรก การทดสอบโยบเผยให้เราทราบว่าใครคือศัตรูที่แท้จริงของมนุษย์และเป็นผู้ที่ทำให้เกิดการต่อต้านประชาชนของพระเจ้า. ศัตรูผู้นั้นคือซาตานพญามาร. ประการที่สอง ไม่ว่าเราอาจเผชิญกับการทดสอบเช่นไรก็ตาม การมีสายสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับพระเจ้าจะทำให้เราสามารถรักษาความซื่อสัตย์มั่นคง. ประการที่สาม เมื่อเกิดการทดสอบบางอย่าง พระเจ้าทรงช่วยเราให้อดทนได้เช่นเดียวกับที่พระองค์ทรงช่วยโยบ. ปัจจุบัน พระยะโฮวาทรงทำอย่างนี้โดยทางพระคำ, องค์การ, และพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระองค์.
จำไว้เสมอว่าศัตรูที่แท้จริงคือใคร
4. ใครเป็นต้นเหตุของสภาพการณ์ต่าง ๆ ในโลกสมัยปัจจุบัน?
4 หลายคนไม่เชื่อว่าซาตานมีตัวตนอยู่จริง. ด้วยเหตุนั้น แม้ว่าพวกเขาอาจกังวลเมื่อเห็นสถานการณ์ต่าง ๆ ในโลก พวกเขาไม่เข้าใจว่าต้นเหตุที่แท้จริงคือซาตานพญามาร. จริงอยู่ มนุษย์เราเองเป็นต้นเหตุที่ทำให้เกิดภัยพิบัติหลายอย่าง. บิดามารดาแรกของเรา คืออาดามกับฮาวา เลือกที่จะไม่หมายพึ่งพระผู้สร้าง. และนับตั้งแต่นั้น ผู้คนในชั่วอายุต่อ ๆ มาก็ประพฤติอย่างที่ไม่ฉลาดอย่างยิ่ง. ถึงกระนั้น พญามารคือผู้ที่ล่อลวงฮาวาให้ขืนอำนาจพระเจ้า. มันคือผู้สร้างและควบคุมระบบโลกในหมู่มนุษย์ทั้งสิ้นที่ไม่สมบูรณ์และต้องตาย. เนื่องจากซาตานเป็น “พระเจ้าของระบบนี้” สังคมมนุษย์จึงมีลักษณะนิสัยพื้นฐานแบบเดียวกับมัน—หยิ่งยโส, ชอบโต้เถียง, อิจฉาริษยา, โลภ, หลอกลวง, และขืนอำนาจ. (2 โค. 4:4, เชิงอรรถ; 1 ติโม. 2:14; 3:6; อ่านยาโกโบ 3:14, 15) ลักษณะนิสัยเช่นนั้นทำให้เกิดความขัดแย้งกันทางการเมืองและศาสนา, ความเกลียดชัง, การทุจริต, และความยุ่งเหยิง ซึ่งมีส่วนอย่างมากที่ทำให้มนุษย์เราทุกข์ระทม.
5. เราต้องการทำอะไรกับความรู้อันล้ำค่าที่เรามี?
5 พวกเราที่เป็นผู้รับใช้ของพระยะโฮวามีความรู้ที่ล้ำค่าจริง ๆ! เรามีความเข้าใจว่าใครเป็นต้นเหตุที่ทำให้สภาพการณ์ในโลกเสื่อมลง. ด้วยเหตุนั้น เรารู้สึกถูกกระตุ้นใจให้เข้าร่วมในงานประกาศเพื่อบอกผู้คนให้รู้ว่าใครคือผู้ก่อปัญหาที่แท้จริงมิใช่หรือ? และเรามีความสุขที่ได้ยืนหยัดอยู่ฝ่ายพระยะโฮวาพระเจ้าองค์เที่ยงแท้และอธิบายให้คนอื่น ๆ ทราบวิธีที่พระองค์จะทำลายซาตานและขจัดความทุกข์ร้อนของมนุษย์ให้หมดไป.
6, 7. (ก) ใครเป็นต้นเหตุที่ทำให้มีการข่มเหงผู้นมัสการแท้? (ข) เราจะทำตามแบบอย่างของอะลีฮูได้โดยวิธีใด?
6 ซาตานไม่ได้เป็นต้นเหตุของความทุกข์โศกเศร้ามากมายในโลกนี้เท่านั้น แต่มันยังเป็นต้นเหตุที่ทำให้มีการต่อต้านประชาชนของพระเจ้าด้วย. มันตั้งใจแน่วแน่จะทดสอบเรา. พระเยซูคริสต์ทรงบอกอัครสาวกเปโตรว่า “ซีโมน ซีโมนเอ๋ย ซาตานต้องการเอาพวกเจ้าไว้เพื่อจะร่อนพวกเจ้าเหมือนข้าวสาลี.” (ลูกา 22:31) คล้ายกัน เราแต่ละคนที่ดำเนินตามรอยพระบาทของพระเยซูจะถูกทดสอบไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง. เปโตรเปรียบพญามารว่าเหมือนกับ “สิงโตคำราม [ซึ่ง] เสาะหาคนที่มันจะขม้ำกินเสีย.” และเปาโลกล่าวว่า “ทุกคนที่ปรารถนาจะดำเนินชีวิตด้วยความเลื่อมใสพระเจ้าในฐานะสาวกพระคริสต์เยซูจะถูกข่มเหงด้วย.”—1 เป. 5:8; 2 ติโม. 3:12
7 เมื่อมีเหตุการณ์ที่น่าเศร้าเกิดขึ้นกับเพื่อนร่วมความเชื่อ เราไม่ควรลงความเห็นว่าพระยะโฮวาเป็นต้นเหตุ. ดังที่เราพิจารณาไปแล้ว ซาตานคือศัตรูที่แท้จริง. แทนที่จะทำตัวเหินห่างจากพี่น้องที่ประสบทุกข์แบบเดียวกับผู้ปลอบโยนจอมปลอมทั้งสาม เราทำเหมือนกับอะลีฮูที่พูดกับโยบอย่างเพื่อนแท้. เราสนับสนุนพี่น้องของเราให้สู้กับซาตาน ซึ่งเป็นศัตรูของเราทุกคน. (สุภา. 3:27; 1 เทส. 5:25) เป้าหมายของเราก็คือ เพื่อช่วยเพื่อนผู้รับใช้ให้รักษาความซื่อสัตย์มั่นคง ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น และโดยทำอย่างนั้นพวกเขาจะทำให้พระทัยของพระยะโฮวายินดี.
8. เหตุใดซาตานไม่สามารถทำให้โยบเลิกถวายเกียรติแด่พระยะโฮวาได้?
8 สิ่งมีค่าอย่างแรกที่ซาตานจัดการทำให้โยบสูญเสียก็คือฝูงปศุสัตว์ของท่าน. สัตว์เหล่านั้นคงเป็นที่มาของรายได้สำหรับท่าน จึงเป็นสิ่งที่มีค่ามากสำหรับท่าน. แต่โยบใช้สัตว์เหล่านั้นในการนมัสการด้วย. หลังจากที่โยบทำพิธีชำระตัวบุตรแล้ว “ท่านได้ลุกขึ้นแต่เช้ามืดถวายจำนวนเครื่องบูชายัญเท่ากับจำนวนบุตรของท่าน. เพราะโยบได้กล่าวว่า, ‘ชะรอยบุตรของข้าพเจ้าคงจะได้ทำผิดมาแล้วและคงได้ละงดนับถือพระเจ้าชั่วคราวในใจของเขากระมัง,’ นี่แหละเป็นการปกติปฏิบัติของท่านโยบ.” (โยบ 1:4, 5) ดังนั้น โยบถวายสัตว์เป็นเครื่องบูชาแด่พระยะโฮวาเป็นประจำ. แต่เมื่อการทดสอบเริ่มขึ้น ท่านก็ทำอย่างนั้นไม่ได้อีกต่อไป. โยบไม่มี “ทรัพย์” ที่จะใช้เพื่อถวายเกียรติแด่พระยะโฮวาเสียแล้ว. (สุภา. 3:9) แต่ท่านสามารถถวายเกียรติแด่พระยะโฮวาด้วยริมฝีปากของท่าน และท่านได้ทำอย่างนั้น!
จงพัฒนาสายสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับพระยะโฮวา
9. สิ่งที่มีค่ามากที่สุดในชีวิตของเราคืออะไร?
9 ไม่ว่ารวยหรือจน หนุ่มหรือแก่ สุขภาพดีหรือไม่ดี เราสามารถพัฒนาสายสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับพระยะโฮวา. ไม่ว่าเราเผชิญการทดสอบอะไร การมีสายสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับพระเจ้าจะทำให้เราสามารถรักษาความซื่อสัตย์มั่นคงในส่วนของตัวเราเองและทำให้พระทัยของพระยะโฮวายินดี. แม้แต่บางคนที่มีความรู้เกี่ยวกับความจริงไม่มากก็ได้ยืนหยัดอย่างกล้าหาญและรักษาความซื่อสัตย์มั่นคง.
10, 11. (ก) พี่น้องหญิงคนหนึ่งของเราทำอย่างไรเมื่อถูกทดสอบความซื่อสัตย์มั่นคง? (ข) พี่น้องหญิงคนนี้ให้คำตอบที่ทรงพลังอะไรแก่ซาตาน?
10 ขอให้พิจารณาตัวอย่างของซิสเตอร์วาเลนตินา การ์นอฟสกายา คนหนึ่งในบรรดาพยานฯ มากมายที่รัสเซียซึ่งรักษาความซื่อสัตย์มั่นคงแม้เผชิญการทดสอบอย่างหนักเช่นเดียวกับโยบผู้ซื่อสัตย์. ในปี 1945 เมื่อเธออายุประมาณ 20 ปี มีพี่น้องชายคนหนึ่งประกาศกับเธอ. เขากลับมาคุยกับเธอเรื่องคัมภีร์ไบเบิลอีกสองครั้ง แต่หลังจากนั้นเธอก็ไม่พบเขาอีกเลย. ถึงกระนั้น วาเลนตินาเริ่มประกาศกับเพื่อนบ้าน. ผลก็คือ เธอถูกจับและถูกพิพากษาให้อยู่ในค่ายกักกันแปดปี. ในปี 1953 เธอถูกปล่อยตัวและทำงานประกาศต่อไปทันที. เธอถูกจับและถูกจำคุกอีกครั้ง—คราวนี้เป็นเวลาสิบปี. หลังจากอยู่ในค่ายกักกันแห่งหนึ่งหลายปี เธอถูกย้ายไปอยู่ที่ค่ายกักกันอีกแห่งหนึ่ง. ในค่ายแห่งนั้น มีพี่น้องหญิงบางคนที่มีคัมภีร์ไบเบิล. วันหนึ่งพี่น้องหญิงคนหนึ่งให้วาเลนตินาดูคัมภีร์ไบเบิล. ช่างเป็นช่วงเวลาที่น่าตื่นเต้นจริง ๆ! คิดดูสิว่า ก่อนหน้านั้นคัมภีร์ไบเบิลเพียงเล่มเดียวที่วาเลนตินาเคยเห็นก็คือเล่มที่อยู่ในมือของพี่น้องชายที่เคยประกาศกับเธอเมื่อปี 1945!
11 ในปี 1967 วาเลนตินาถูกปล่อยตัวเป็นอิสระและในที่สุดก็สามารถแสดงสัญลักษณ์การอุทิศตัวแด่พระยะโฮวาด้วยการรับบัพติสมาในน้ำ. เธอใช้เสรีภาพที่ได้รับอย่างกระตือรือร้นด้วยการเข้าร่วมในงานประกาศจนถึงปี 1969. ในปีนั้นเอง เธอถูกจับอีกครั้ง และคราวนี้เธอถูกพิพากษาจำคุกสามปี. ถึงกระนั้น วาเลนตินาก็ยังคงประกาศต่อไป. ก่อนเธอเสียชีวิตในปี 2001 เธอได้ช่วย 44 คนเรียนรู้ความจริง. เธอได้ใช้เวลาทั้งหมด 21 ปีในคุกและค่ายกักกัน. เธอเต็มใจเสียสละทุกสิ่ง รวมถึงเสรีภาพ เพื่อรักษาความซื่อสัตย์มั่นคง. เมื่อใกล้ถึงวาระสุดท้ายของชีวิต วาเลนตินากล่าวว่า “ดิฉันไม่เคยมีที่อยู่อาศัยของตัวเอง. ทรัพย์สินที่ดิฉันมีทั้งหมดอยู่ในกระเป๋าใบเดียว แต่ดิฉันมีความสุขและอิ่มใจพอใจในการรับใช้พระยะโฮวา.” วาเลนตินาได้ให้คำตอบที่ทรงพลังสักเพียงไรแก่ซาตานที่อ้างว่ามนุษย์จะไม่ภักดีต่อพระเจ้าถ้าเผชิญการทดสอบ! (โยบ 1:9-11) เราสามารถเชื่อมั่นว่าเธอได้ทำให้พระทัยของพระยะโฮวายินดีและพระองค์ทรงคอยท่าให้ถึงเวลาที่พระองค์จะปลุกวาเลนตินาและคนอื่น ๆ ที่ซื่อสัตย์จนวันตายให้กลับมีชีวิตอีกครั้ง.—โยบ 14:15
12. ความรักมีบทบาทอย่างไรในสายสัมพันธ์ของเรากับพระยะโฮวา?
12 มิตรภาพของเรากับพระยะโฮวามีรากฐานอยู่ที่ความรักซึ่งเรามีต่อพระองค์. เราชื่นชมคุณลักษณะของพระเจ้าและทำทุกอย่างที่เราทำได้เพื่อจะดำเนินชีวิตสอดคล้องกับพระประสงค์ของพระองค์. ตรงกันข้ามกับสิ่งที่พญามารอ้าง เราแสดงความรักของเราต่อพระยะโฮวาด้วยความสมัครใจและอย่างไม่มีเงื่อนไข. ความรักอย่างที่ออกมาจากหัวใจแบบนี้เสริมเราให้เข้มแข็งเพื่อจะรักษาความซื่อสัตย์มั่นคงเมื่อถูกทดสอบ. ในส่วนของพระยะโฮวาเอง พระองค์ “ระวังรักษามรคาแห่งสิทธชนทั้งหลายของพระองค์.”—สุภา. 2:8; เพลง. 97:10
13. พระยะโฮวาทรงมองสิ่งที่เราทำเพื่อพระองค์อย่างไร?
13 ความรักกระตุ้นเราให้ถวายเกียรติแด่พระนามพระยะโฮวา ไม่ว่าเราอาจรู้สึกว่าทำได้จำกัดขนาดไหนก็ตาม. พระองค์ทรงเห็นแรงกระตุ้นที่ดีในหัวใจเราและไม่ทรงตำหนิเราถ้าเราไม่สามารถทำทุกสิ่งที่เราอยากจะทำ. สิ่งที่พระองค์ทรงถือว่าสำคัญไม่ได้มีเพียงแค่ว่าเราทำอะไร แต่ทำไมเราจึงทำสิ่งนั้นด้วย. แม้ว่าโยบเป็นทุกข์โศกเศร้าและต้องอดทนมาก ท่านกล่าวกับผู้ที่กล่าวหาท่านในเรื่องความรักที่ท่านมีต่อวิถีทางของพระยะโฮวา. (อ่านโยบ 10:12; 28:28) ในบทสุดท้ายของหนังสือโยบ พระเจ้าทรงแสดงพระพิโรธต่ออะลีฟาศ, บิลดัด, และโซฟาร์ เนื่องจากพวกเขาไม่ได้พูดความจริง. ในขณะเดียวกัน พระยะโฮวาทรงแสดงให้เห็นว่าพระองค์ทรงพอพระทัยโยบโดยตรัสถึงท่านสี่ครั้งว่า “ผู้ทาสของเรา” และโดยสั่งท่านให้ช่วยทูลขอเพื่อผู้ทำผิดทั้งสาม. (โยบ 42:7-9) ขอให้เราประพฤติในแนวทางที่พระยะโฮวาจะทรงมองดูเราด้วยความโปรดปรานเช่นเดียวกัน.
พระยะโฮวาทรงสนับสนุนผู้รับใช้ที่ซื่อสัตย์
14. พระยะโฮวาทรงช่วยแก้ไขความคิดของโยบโดยวิธีใด?
14 โยบรักษาความซื่อสัตย์มั่นคงแม้ว่าท่านเป็นคนไม่สมบูรณ์. ในบางครั้ง เมื่อถูกกดดันอย่างหนัก ท่านแสดงทัศนะที่ไม่ถูกต้อง. ตัวอย่างเช่น ท่านกล่าวกับพระยะโฮวาว่า “ข้าพระองค์ร้องทูลพระองค์และพระองค์หาทรงตอบข้าพระองค์ไม่ . . . พระองค์ทรงข่มเหงข้าพระองค์ด้วยพระหัตถ์ทรงฤทธิ์ของพระองค์.” นอกจากนั้น โยบให้ความสำคัญมากเกินไปในการพิสูจน์ว่าตัวท่านเองไม่ผิดเมื่อท่านกล่าวว่า “ข้าพระองค์มิได้เป็นคนอธรรม” และ “ในมือของข้าไม่มีความทารุณเลยและคำอธิษฐานของข้าก็บริสุทธิ์.” (โยบ 10:7; 16:17; 30:20, 21) อย่างไรก็ดี พระยะโฮวาทรงช่วยโยบอย่างกรุณาโดยทรงตั้งคำถามหลายข้ออย่างต่อเนื่องเพื่อช่วยโยบให้เลิกหมกมุ่นสนใจแต่ตัวเอง. คำถามเหล่านั้นยังทำให้ท่านเห็นความล้ำเลิศของพระเจ้าและความต่ำต้อยของมนุษย์ชัดเจนยิ่งขึ้นด้วย. โยบตอบรับการชี้นำนั้นและแก้ไขความคิดของตัวเอง.—อ่านโยบ 40:8; 42:2, 6
15, 16. พระยะโฮวาทรงช่วยผู้รับใช้ของพระองค์ในปัจจุบันโดยวิธีใดบ้าง?
15 พระยะโฮวายังทรงช่วยชี้แนวทางและแนะนำอย่างกรุณาและหนักแน่นแก่ผู้รับใช้ของพระองค์ในปัจจุบันด้วย. นอกจากนั้น เรายังได้รับประโยชน์ในเรื่องที่สำคัญหลายประการ. ตัวอย่างเช่น พระเยซูคริสต์ทรงถวายพระองค์เองเป็นเครื่องบูชาไถ่ และโดยวิธีนั้นจึงวางพื้นฐานไว้สำหรับการให้อภัยบาป. โดยอาศัยเครื่องบูชานั้น เราสามารถมีสายสัมพันธ์ใกล้ชิดกับพระเจ้าแม้ว่าเราเป็นคนไม่สมบูรณ์. (ยโก. 4:8; 1 โย. 2:1) เมื่อเผชิญการทดสอบ เราอธิษฐานขอพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้าให้ช่วยค้ำจุนและเสริมกำลังเรา. นอกจากนั้น เรามีคัมภีร์ไบเบิลครบชุด และถ้าเราอ่านพระคัมภีร์และใคร่ครวญเนื้อหาที่อ่าน เราก็กำลังเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการทดสอบความเชื่อ. การศึกษาช่วยเราให้เข้าใจประเด็นเรื่องสิทธิของพระเจ้าในการปกครองเอกภพและความซื่อสัตย์มั่นคงของตัวเราเอง.
16 นอกจากนั้น เราได้รับประโยชน์อย่างมากจากการที่เราเป็นส่วนหนึ่งในภราดรภาพทั่วโลกที่พระยะโฮวาประทานอาหารฝ่ายวิญญาณเลี้ยงดูโดยทาง “ทาสสัตย์ซื่อและสุขุม.” (มัด. 24:45-47) ในแต่ละประชาคมของพยานพระยะโฮวาซึ่งมีทั้งหมดประมาณ 100,000 ประชาคม มีการจัดการประชุมที่สอนเราและเสริมกำลังเราให้พร้อมเผชิญการทดสอบความเชื่อซึ่งอาจเกิดขึ้น. เราเห็นเรื่องนี้ได้จากประสบการณ์ที่เกิดขึ้นกับชีลา พยานฯ วัยรุ่นคนหนึ่งซึ่งอยู่ที่เยอรมนี.
17. จงยกตัวอย่างที่แสดงให้เห็นว่าเป็นเรื่องฉลาดสุขุมที่จะปฏิบัติตามคำแนะนำจากองค์การของพระยะโฮวาในปัจจุบันอย่างเคร่งครัด.
17 วันหนึ่งที่โรงเรียน ในช่วงที่ครูไม่อยู่ เพื่อนนักเรียนในห้องของชีลาตกลงกันว่าจะลองเล่นกระดานผีกัน. ชีลาออกจากห้องเรียนทันที และภายหลังเมื่อเธอได้ยินว่ามีอะไรเกิดขึ้นเธอก็รู้สึกดีใจที่ได้ทำอย่างนั้น. ขณะที่เล่นกระดานผีกันอยู่นั้น นักเรียนบางคนรู้สึกว่ามีผีมาอยู่ใกล้ ๆ แล้วก็หนีกันกระเจิงอย่างอกสั่นขวัญหาย. แต่อะไรช่วยชีลาให้ตัดสินใจออกจากห้องอย่างรวดเร็วอย่างนั้น? ชีลาอธิบายว่า “ก่อนเกิดเหตุการณ์นี้ไม่นาน ได้มีการพิจารณาในการประชุมที่หอประชุมเกี่ยวกับอันตรายของกระดานผี. หนูก็เลยรู้ว่าต้องทำอะไร. หนูอยากทำให้พระยะโฮวาพอพระทัย เหมือนที่พระคัมภีร์บอกไว้ในสุภาษิต 27:11.” นับว่าดีจริง ๆ ที่ชีลาเข้าร่วมการประชุมและตั้งใจฟังระเบียบวาระการประชุม!
18. คุณเองตั้งใจแน่วแน่ว่าจะทำอะไร?
18 ให้เราแต่ละคนตั้งใจแน่วแน่ว่าจะปฏิบัติตามการชี้นำที่เราได้รับจากองค์การของพระเจ้า. โดยเข้าร่วมการประชุม, อ่านคัมภีร์ไบเบิล, ศึกษาหนังสือที่อาศัยคัมภีร์ไบเบิลเป็นหลัก, อธิษฐาน, และคบหากับเพื่อนคริสเตียนที่อาวุโสเป็นประจำ เราก็จะได้รับการชี้นำและการค้ำจุนที่จำเป็นต้องได้รับ. พระยะโฮวาทรงประสงค์ให้เราได้รับชัยชนะ และพระองค์ทรงเชื่อมั่นว่าเราจะภักดีต่อพระองค์ต่อ ๆ ไป. ช่างเป็นสิทธิพิเศษสักเพียงไรที่เราได้เชิดชูพระนามพระยะโฮวา, รักษาความซื่อสัตย์มั่นคง, และทำให้พระทัยของพระยะโฮวายินดี!
คุณจำได้ไหม?
• ซาตานเป็นต้นเหตุของสภาพการณ์และการทดสอบเช่นไร?
• สิ่งที่มีค่ามากที่สุดในชีวิตของเราคืออะไร?
• มิตรภาพที่เรามีกับพระยะโฮวามีอะไรเป็นรากฐาน?
• พระยะโฮวาทรงค้ำจุนเราในปัจจุบันด้วยวิธีใดบ้าง?
[ภาพหน้า 8]
คุณรู้สึกถูกกระตุ้นให้บอกความรู้อันล้ำค่าที่คุณมีแก่คนอื่น ๆ ไหม?
[ภาพหน้า 9]
เราสามารถช่วยเพื่อนผู้นมัสการให้รักษาความซื่อสัตย์มั่นคง
[ภาพหน้า 10]
วาเลนตินาเต็มใจเสียสละทุกสิ่งเพื่อรักษาความซื่อสัตย์มั่นคง