มีใจอาสาสมัครและทำให้พระยะโฮวาได้รับคำสรรเสริญ
“ให้เราสรรเสริญพระยะโฮวาที่ชาวอิสราเอลอาสาไปสู้รบ”—วนฉ. 5:2
1, 2. (ก) เอลีฟัสกับบิลดัดบอกว่าพระเจ้ามองงานรับใช้ของเราอย่างไร? (ข) แต่จริง ๆ แล้วพระยะโฮวารู้สึกอย่างไร?
เมื่อ 3,000 กว่าปีมาแล้ว มีผู้ชาย 3 คนไปคุยกับโยบผู้รับใช้ที่ซื่อสัตย์ของพระเจ้า เอลีฟัสชาวเทมานซึ่งเป็นหนึ่งในสามคนนั้นถามโยบด้วยคำถามที่น่าสนใจว่า “มนุษย์จะมีค่าอะไรสำหรับพระเจ้า? คนรอบรู้จะมีประโยชน์อะไรกับพระองค์? ผู้มีพลังอำนาจสูงสุดสนใจด้วยหรือที่คุณเป็นคนดี? พระองค์ได้ประโยชน์อะไรหรือถ้าคุณซื่อสัตย์?” (โยบ 22:1-3) เห็นได้ชัดว่า เอลีฟัสเชื่อว่าคำตอบคือไม่ และบิลดัดชาวชูอาห์ก็เสริมอีกว่าเป็นไปไม่ได้ที่พระเจ้าจะมองว่ามนุษย์เป็นคนดี—อ่านโยบ 25:4
2 เอลีฟัสและบิลดัดพยายามทำให้โยบรู้สึกว่าที่โยบพยายามรับใช้พระยะโฮวาไม่มีค่าอะไรเลย พวกเขาอยากให้โยบเชื่อว่าในสายตาของพระเจ้าแล้ว มนุษย์ไม่ต่างอะไรกับผีเสื้อกลางคืนหรือหนอนตัวหนึ่ง (โยบ 4:19; 25:6) ดูเผิน ๆ แล้วเหมือนกับพวกเขาพูดแบบถ่อมตัว (โยบ 22:29) จริงอยู่ พระยะโฮวายิ่งใหญ่สูงสุดและมนุษย์เราต่ำต้อยมากเมื่อเทียบกับพระองค์ เหมือนตอนที่เรามองลงมาจากยอดเขาหรือมองลงมาจากหน้าต่างเครื่องบินเราเห็นมนุษย์ตัวเล็กนิดเดียวและดูเหมือนไม่มีค่าไม่มีความสำคัญอะไร แต่เมื่อเราพยายามรับใช้หรือทำงานหนักเพื่อรัฐบาลของพระเจ้า พระองค์รู้สึกว่าไม่มีค่าอะไรไหม? ไม่ใช่เลย พระยะโฮวาบอกเอลีฟัส บิลดัด และโศฟาร์ผู้ชายอีกคนว่าพวกเขากำลังพูดโกหก จากนั้น พระเจ้าก็บอกว่าพระองค์พอใจในตัวโยบ และเรียกโยบว่า “ผู้รับใช้ของเรา” (โยบ 42:7, 8) ดังนั้น เรามั่นใจได้ว่ามนุษย์ไม่สมบูรณ์แบบ ‘มีค่าสำหรับพระเจ้า’
“ท่านให้อะไรพระองค์”
3. เอลีฮูพูดอย่างไรเกี่ยวกับการที่มนุษย์พยายามรับใช้พระยะโฮวา? และจริง ๆ แล้วเขาหมายความว่าอย่างไร?
3 เอลีฮูชายหนุ่มคนหนึ่งฟังโยบกับผู้ชาย 3 คนนั้นคุยกัน เมื่อพวกเขาพูดจบ เอลีฮูถามโยบว่า “ถ้าท่านทำดี ท่านให้อะไรพระองค์ หรือพระองค์ได้อะไรจากท่าน?” (โยบ 35:7) เอลีฮูกำลังบอกไหมว่าที่มนุษย์เราพยายามรับใช้พระเจ้าไม่มีค่าอะไรสำหรับพระองค์เลย? ไม่ใช่ ที่เราบอกอย่างนั้นได้เพราะพระยะโฮวาไม่ได้ตำหนิเอลีฮูเหมือนที่ตำหนิผู้ชาย 3 คนนั้น ที่จริง เอลีฮูกำลังหมายความว่าพระยะโฮวาไม่จำเป็นต้องได้รับการนมัสการจากเรา พระยะโฮวามีทุกอย่างอยู่แล้ว ไม่มีอะไรที่เราจะทำได้เพื่อให้พระองค์ร่ำรวยขึ้น หรือมีอำนาจมากขึ้น จะว่าไปแล้วคุณลักษณะและความสามารถที่ดีทุกอย่างที่เรามีก็มาจากพระเจ้าทั้งนั้น จริง ๆ แล้วพระองค์คอยสังเกตด้วยว่าเราจะใช้คุณลักษณะเหล่านั้นอย่างไร
4. พระยะโฮวารู้สึกอย่างไรเมื่อเห็นเราทำดีกับคนอื่น?
4 เมื่อเรารักและทำดีกับคนที่นมัสการพระยะโฮวา พระองค์ก็จะมองว่าการทำอย่างนี้เป็นเหมือนเรากำลังทำดีกับพระองค์ ที่สุภาษิต 19:17 บอกไว้ว่า “คนที่เมตตาคนจนก็เหมือนให้พระยะโฮวายืม พระองค์จะตอบแทนเขาสำหรับสิ่งที่เขาทำ” ทุกครั้งที่เราทำกับคนอื่นด้วยความกรุณาพระยะโฮวาก็สังเกตเห็น และถึงแม้พระองค์จะเป็นผู้สร้างเอกภพ พระองค์ก็ยังมองว่าสิ่งดีที่เราทำกับคนอื่นเป็นเหมือนการให้พระองค์ยืมไป พระเยซูลูกชายของพระองค์ยืนยันว่าพระองค์จะตอบแทนเราด้วยสิ่งดี ๆ มากมาย—อ่านลูกา 14:13, 14
5. เราจะคุยกันเกี่ยวกับคำถามอะไรบ้าง?
5 ในสมัยโบราณ พระยะโฮวาเชิญผู้พยากรณ์อิสยาห์ให้มาเป็นตัวแทนของพระองค์และรับใช้พระองค์ในแบบพิเศษ (อสย. 6:8-10) อิสยาห์ตอบรับคำเชิญนั้นด้วยความเต็มใจ เขาพูดว่า “ผมเองครับ ส่งผมไปเถอะ” ในทุกวันนี้ก็เหมือนกัน พระยะโฮวาให้โอกาสมนุษย์ที่ซื่อสัตย์ทุกคนมาทำงานกับพระองค์ ผู้รับใช้ของพระยะโฮวาจำนวนมากกำลังแสดงให้เห็นว่าพวกเขามีน้ำใจเหมือนอิสยาห์ พวกเขาเต็มใจรับใช้พระองค์ไม่ว่าจะทำงานอะไรหรือทำที่ไหน และยินดีทำไม่ว่าจะต้องเจอปัญหาและความยากลำบากอะไร แต่จะว่าอย่างไรถ้าบางคนคิดว่า ‘ฉันก็เห็นค่าที่พระยะโฮวาให้โอกาสฉันรับใช้พระองค์ด้วยความสมัครใจ แต่สิ่งที่ฉันทำมันมีความหมายอะไรจริง ๆ ไหม? ยังไงพระยะโฮวาก็ต้องทำทุกสิ่งให้สำเร็จอย่างที่พระองค์ต้องการอยู่แล้ว ฉันจะทำหรือไม่ก็ไม่มีความหมายไม่ใช่เหรอ?’ คุณเคยรู้สึกแบบเดียวกันนี้ไหม? ให้เรามาดูเรื่องราวของผู้รับใช้ที่ซื่อสัตย์ของพระยะโฮวาในอดีต 2 คนคือ เดโบราห์กับบาราค การใคร่ครวญเรื่องนี้จะช่วยเราตอบคำถามเหล่านี้ได้
พระเจ้าเปลี่ยนความกลัวให้เป็นความกล้า
6. ทำไมดูเหมือนว่ากองทัพของยาบินจะชนะชาวอิสราเอลได้อย่างง่ายดาย?
6 บาราคเป็นนักรบชาวอิสราเอล ส่วนเดโบราห์ก็เป็นผู้พยากรณ์หญิง เป็นเวลา 20 ปีที่กษัตริย์ยาบินของชาวคานาอัน “กดขี่ชาวอิสราเอลอย่างหนัก” กองทัพของยาบินโหดร้ายและไม่ปรานีใคร นี่ทำให้ชาวอิสราเอลที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านต่าง ๆ กลัวจนถึงกับต้องทิ้งบ้านหนีไป กองทัพของยาบินมีรถศึกซึ่งมีดุมล้อติดใบมีดโค้ง 900 คัน แต่ชาวอิสราเอลไม่มีอาวุธสำหรับต่อสู้และไม่มีอะไรเอาไว้ป้องกันตัวเองเลย—วนฉ. 4:1-3, 13; 5:6-8
7, 8. (ก) ในตอนแรก พระยะโฮวาสั่งให้บาราคทำอะไร? (ข) ชาวอิสราเอลเอาชนะกองทัพของยาบินได้อย่างไร? (ดูภาพแรก)
7 ชาวอิสราเอลดูอ่อนแอและเอาชนะได้ไม่ยากเมื่อเทียบกับกองทัพของยาบิน แต่พระยะโฮวาสั่งบาราคผ่านทางผู้พยากรณ์เดโบราห์ว่า “ให้รวบรวมคน 10,000 คนจากตระกูลนัฟทาลีและตระกูลเศบูลุน แล้วไปที่ภูเขาทาโบร์ เราจะให้สิเสราแม่ทัพของยาบินมาที่ลำน้ำคีโชนพร้อมกับรถศึกและกองทหารของเขา และเราจะมอบเขาไว้ในมือของเจ้า”—วนฉ. 4:4-7
8 มีการขอให้ชาวอิสราเอลอาสาสมัครมาร่วมต่อสู้ในครั้งนี้ และมีผู้ชายถึง 10,000 คนมาที่ภูเขาทาโบร์ จากนั้น บาราคและคนเหล่านี้ก็ไปต่อสู้กับศัตรูที่เมืองทาอานาค (อ่านผู้วินิจฉัย 4:14-16) พระยะโฮวาช่วยชาวอิสราเอลไหม? แน่นอน มีพายุฝนกระหน่ำลงมาจนทำให้พื้นของสมรภูมิรบมีแต่โคลน สถานการณ์นี้ทำให้ชาวอิสราเอลได้เปรียบ บาราคไล่ตามกองทัพของสิเสราไปไกลถึง 24 กิโลเมตร เขาไล่ตามไปถึงฮาโรเชธ ระหว่างทางรถรบของสิเสราติดหล่มโคลน สิเสราต้องวิ่งหนีไปที่ศาอานันนิมซึ่งอาจอยู่ใกล้กับเมืองเคเดช แล้วเขาก็เข้าไปซ่อนตัวอยู่ในเต็นท์ของผู้หญิงคนหนึ่งที่ชื่อยาเอล สิเสราเหนื่อยมากและหลับไปอย่างรวดเร็ว ตอนที่เขาหลับอยู่ยาเอลฆ่าเขาอย่างกล้าหาญ (วนฉ. 4:17-21) ในที่สุดพระยะโฮวาให้อิสราเอลมีชัยชนะเหนือศัตรูa
คนที่สมัครใจและไม่สมัครใจ
9. เราได้เรียนอะไรจากผู้วินิจฉัย 5:20, 21 เกี่ยวกับการต่อสู้กับสิเสรา?
9 เราสามารถเรียนรู้มากขึ้นเกี่ยวกับเหตุการณ์นั้นที่พูดถึงในผู้วินิจฉัยบท 4 โดยการอ่านบทถัดไป ที่ผู้วินิจฉัย 5:20, 21 บอกเราว่า “ดวงดาวก็สู้รบจากสวรรค์ ต่างก็สู้รบกับสิเสราจากวิถีโคจรของตัวเอง ลำน้ำคีโชนกวาดพวกเขาไป” นี่หมายความว่าทูตสวรรค์ได้ช่วยชาวอิสราเอลในการต่อสู้ครั้งนี้ไหม? หรือหมายความว่ามีอุกกาบาตตกลงมาใส่กองทัพของสิเสราไหม? คัมภีร์ไบเบิลไม่ได้บอกเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ดูเหมือนมีเหตุผลที่จะคิดว่าพระยะโฮวาช่วยประชาชนของพระองค์ให้รอดโดยทำให้ฝนตกหนักอย่างถูกที่ถูกเวลา เพื่อทำให้รถศึก 900 คันเคลื่อนที่ได้ยาก ที่จริงแล้ว ชัยชนะครั้งนี้ไม่ได้เกิดจากชาวอิสราเอล 10,000 คนนั้นที่สมัครใจมาสู้รบ แต่เป็นเพราะพระยะโฮวาต่างหาก ที่ผู้วินิจฉัย 4:14, 15 บอกเราถึง 3 ครั้งว่าพระยะโฮวาเป็นผู้ทำให้ชาวอิสราเอลได้รับชัยชนะ
10, 11. เมโรสคืออะไร? และทำไมถึงถูกสาปแช่ง?
10 ตอนนี้ ขอเราดูเหตุการณ์ที่น่าสนใจด้วยกัน หลังจากชาวอิสราเอลได้ชัยชนะ เดโบราห์กับบาราคร้องเพลงสรรเสริญพระยะโฮวาว่า “ทูตสวรรค์ของพระยะโฮวาบอกว่า ‘ให้สาปแช่งเมโรส ใช่แล้ว ให้สาปแช่งชาวเมืองนั้นเพราะพวกเขาไม่มาช่วยพระยะโฮวา ไม่มาช่วยพระยะโฮวากับพวกนักรบ’”—วนฉ. 5:23
11 เราเห็นหลักฐานชัดเจนว่าเมโรสถูกสาปแช่งเพราะเราไม่เห็นร่องรอยอะไรเกี่ยวกับเมืองเมโรสหลงเหลืออยู่เลย เมโรสอาจเป็นเมืองที่ไม่มีใครสมัครใจมาทำสงครามร่วมกับบาราค ตอนนั้นมีถึง 10,000 คนอาสาต่อสู้กับชาวคานาอัน ดังนั้น คนที่อาศัยในเมโรสคงต้องได้ยินคำเชิญให้มาเข้าร่วมในสงครามนี้แน่ ๆ หรืออาจเป็นไปได้ที่เมโรสคือเมืองที่สิเสราหนีไปซ่อนตัวให้พ้นจากบาราค ชาวเมโรสควรถือโอกาสนั้นจับสิเสราแต่กลับไม่ได้ทำ พวกเขาอาจเห็นนักรบคนนั้นวิ่งหนีเอาชีวิตรอดบนถนนในเมือง และพวกเขาก็น่าจะทำอะไรบางอย่างเพื่อทำให้ความต้องการของพระเจ้าสำเร็จ และถ้าพวกเขาทำ พระองค์ก็จะตอบแทนพวกเขาแน่ ๆ ทั้ง ๆ ที่พวกเขามีโอกาสทำบางอย่างให้พระยะโฮวาแต่พวกเขากลับไม่ได้ทำอะไรเลย ดูเหมือนว่าชาวเมโรสแตกต่างกับยาเอลมาก เพราะยาเอลลงมือทำอย่างกล้าหาญจริง ๆ—วนฉ. 5:24-27
12. ในผู้วินิจฉัย 5:9, 10 พูดถึงความคิดที่แตกต่างกันสองอย่างอะไร? และเรื่องนี้น่าจะมีผลกระทบกับพวกเราอย่างไร?
12 ในผู้วินิจฉัย 5:9, 10 เราเห็นว่าคนที่อาสาสมัคร 10,000 คนมีความคิดแตกต่างกันมากกับคนที่ไม่อาสาสมัคร เดโบราห์กับบาราคสรรเสริญ “ผู้บัญชาการของอิสราเอลซึ่งอาสาไปสู้รบร่วมกับประชาชน” คนที่มีใจอาสาสมัครเหล่านี้แตกต่างอย่างมากกับพวกคนที่ “ขี่ลาสีน้ำตาลอ่อน” ซึ่งรู้สึกว่าตัวเองสำคัญเกินกว่าจะมาทำงานอาสาสมัครนี้ มีการแสดงภาพว่าพวกเขา “นั่งบนพรมเนื้อดี” และ “เดินตามถนน” มีความสุขกับชีวิตที่สะดวกสบาย ซึ่งแตกต่างอย่างมากกับคนที่เต็มใจอาสาสมัครไปกับบาราคเพื่อทำสงครามในภูเขาทาโบร์ที่มีแต่หินและหุบเขาคีโชนที่เต็มไปด้วยหนองน้ำ ดังนั้น คนที่อยากมีชีวิตสะดวกสบายต้องคิดให้ดี พวกเขาต้องคิดอย่างจริงจังว่าได้พลาดโอกาสอะไรไปบ้างที่ไม่ได้สมัครใจทำงานของพระยะโฮวา ในทุกวันนี้พวกเราทุกคนก็ต้องตรวจสอบว่าเราคิดอย่างไรเกี่ยวกับงานรับใช้พระเจ้า
13. น้ำใจอาสาสมัครของคนในตระกูลเศบูลุนและนัฟทาลีแตกต่างอย่างไรกับคนในตระกูลรูเบน ดาน และอาเชอร์?
13 อาสาสมัคร 10,000 คนมีโอกาสเห็นกับตาตัวเองว่าพระยะโฮวาคือผู้มีอำนาจปกครองสูงสุด พวกเขาสามารถเล่าให้คนอื่นฟังเกี่ยวกับ “สิ่งดีงามที่พระยะโฮวาทำ” (วนฉ. 5:11) ในทางตรงกันข้าม คนในตระกูลรูเบน ดาน และอาเชอร์สนใจแต่ความมั่งคั่งร่ำรวยของตัวเอง พวกเขาสนใจฝูงสัตว์ เรือ และท่าเรือของพวกเขามากกว่าสนใจการทำงานให้พระเจ้า (วนฉ. 5:15-17) แต่ไม่ใช่ทุกตระกูลจะเป็นแบบนั้น คนในตระกูลเศบูลุนและนัฟทาลี “เอาชีวิตเข้ามาเสี่ยงต่อความตาย” เพื่อช่วยเดโบราห์กับบาราค (วนฉ. 5:18) เราได้บทเรียนสำคัญจากวิธีคิดที่แตกต่างกันเกี่ยวกับน้ำใจอาสาสมัครของพวกเขา
“ให้เราสรรเสริญพระยะโฮวา”
14. เราจะแสดงอย่างไรว่าเราสนับสนุนอำนาจปกครองสูงสุดของพระยะโฮวา?
14 ในทุกวันนี้ แม้เราจะไม่ได้ทำสงครามจริง ๆ เพื่อสนับสนุนอำนาจปกครองสูงสุดของพระยะโฮวา แต่เราก็แสดงว่าสนับสนุนการปกครองของพระเจ้าได้โดยการประกาศอย่างกล้าหาญและกระตือรือร้น เราต้องการพี่น้องอาสาสมัครเพื่อทำงานของพระยะโฮวามากกว่าที่เคยเป็นมา พี่น้องชายหญิงหลายล้านคนและคนหนุ่มสาวเข้าร่วมงานอาสาสมัครรับใช้เต็มเวลาในรูปแบบต่าง ๆ ตัวอย่างเช่น หลายคนรับใช้เป็นไพโอเนียร์ ทำงานในเบเธล ช่วยงานก่อสร้างหอประชุม ทำงานอาสาสมัครในการประชุมหมวดและการประชุมภูมิภาค พี่น้องผู้ดูแลบางคนทำงานหนักในคณะกรรมการประสานงานกับโรงพยาบาล และบางคนก็ช่วยจัดการประชุมใหญ่ เรามั่นใจได้ว่าพระยะโฮวาเห็นค่าความเต็มใจของพวกเราในการรับใช้พระองค์ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบไหน และมั่นใจว่าพระองค์จะไม่มีวันลืมงานที่พวกเราทำ—ฮบ. 6:10
15. เราควรทำอย่างไรเพื่อจะมั่นใจว่าเราจะรักษาความกระตือรือร้นในงานรับใช้พระยะโฮวาเสมอ?
15 เราต้องตรวจสอบตัวเองว่าเราคิดอย่างไรเกี่ยวกับงานอาสาสมัคร เราอาจถามตัวเองว่า ‘ฉันชอบให้คนอื่นทำงานส่วนใหญ่ แต่ฉันทำแค่นิด ๆ หน่อย ๆ ไหม? ฉันมักจะเป็นห่วงเกี่ยวกับเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ มากกว่าการรับใช้พระยะโฮวาไหม? ฉันกำลังเลียนแบบความเชื่อและความกล้าหาญของบาราค เดโบราห์ ยาเอล และอาสาสมัคร 10,000 คนโดยการใช้ทุกสิ่งที่ฉันมีเพื่อรับใช้พระยะโฮวาไหม? ฉันกำลังคิดเกี่ยวกับการย้ายไปต่างจังหวัดหรือต่างประเทศเพื่อจะหาเงินได้มากขึ้นและมีชีวิตที่สะดวกสบายขึ้นไหม? ถ้าเป็นอย่างนั้น ฉันอธิษฐานถึงพระยะโฮวาไหมว่าถ้าฉันย้ายไปมันจะมีผลต่อครอบครัวและประชาคมของฉันยังไง?’b
16. ถึงแม้พระยะโฮวามีทุกสิ่งอยู่แล้ว แต่เราสามารถให้อะไรพระองค์ได้อีก?
16 พระยะโฮวาให้เกียรติเราจริง ๆ โดยให้เรามีโอกาสสนับสนุนการปกครองของพระองค์ ตั้งแต่สมัยอาดัมกับเอวา ซาตานอยากให้มนุษย์อยู่ฝ่ายมันและต่อต้านพระยะโฮวา แต่ถ้าเราสนับสนุนการปกครองของพระยะโฮวา เราก็กำลังแสดงให้ซาตานเห็นว่าเราอยู่ฝ่ายพระองค์ ถ้าเรามีความเชื่อและความซื่อสัตย์ต่อพระองค์ สิ่งนี้จะกระตุ้นเราให้อาสาสมัครทำงานรับใช้พระองค์ซึ่งจะทำให้พระองค์มีความสุข (สภษ. 23:15, 16) และถ้าเราเชื่อฟังและสนับสนุนพระยะโฮวาอย่างซื่อสัตย์ พระองค์ก็จะตอบคำเยาะเย้ยของซาตานได้ (สภษ. 27:11) ดังนั้น สิ่งที่เราให้พระยะโฮวาได้ก็คือการเชื่อฟัง และพระองค์ถือว่านี่เป็นสิ่งที่มีค่ามากและทำให้พระองค์มีความสุขจริง ๆ
17. ผู้วินิจฉัย 5:31 บอกเราอย่างไรเกี่ยวกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต?
17 อีกไม่นาน ทั้งโลกจะมีแต่คนที่สนับสนุนการปกครองของพระยะโฮวามากกว่าการปกครองอื่น ๆ พวกเรารอคอยให้วันนั้นมาถึง พวกเรารู้สึกเหมือนเดโบราห์กับบาราคที่ร้องเพลงว่า “พระยะโฮวาพระเจ้า ขอให้ศัตรูของพระองค์พินาศไป แต่ขอให้คนที่รักพระองค์ส่องแสงแรงกล้าเหมือนดวงตะวัน” (วนฉ. 5:31) สิ่งนี้จะเกิดขึ้นตอนที่พระยะโฮวาทำให้โลกของซาตานถึงจุดจบ และตอนที่สงครามอาร์มาเกดโดนเริ่มต้น พระยะโฮวาจะไม่ต้องขอให้มนุษย์คนไหนอาสาสมัครมาช่วยทำลายศัตรูของพระองค์ เราจะมีหน้าที่แค่ ‘ยืนเฉย ๆ แล้วดูพระยะโฮวาช่วยพวกเราให้รอด’ (2 พศ. 20:17) ส่วนในตอนนี้ เรามีโอกาสยอดเยี่ยมที่ได้สนับสนุนการปกครองของพระยะโฮวาอย่างกล้าหาญและกระตือรือร้น
18. น้ำใจอาสาสมัครของเราจะเป็นประโยชน์กับคนอื่นอย่างไร?
18 เดโบราห์และบาราคร้องเพลงแห่งชัยชนะโดยการสรรเสริญพระยะโฮวาไม่ใช่มนุษย์ พวกเขาเริ่มต้นร้องว่า “ให้เราสรรเสริญพระยะโฮวาที่ชาวอิสราเอลอาสาไปสู้รบ” (วนฉ. 5:1, 2) คล้ายกัน ตอนที่เรารับใช้พระยะโฮวาไม่ว่าจะเป็นรูปแบบไหน คนอื่น ๆ ก็อาจได้รับกำลังใจที่จะ “สรรเสริญพระยะโฮวา” ด้วยเหมือนกัน
a ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่น่าตื่นเต้นนี้ได้ในบทความ“ข้าพเจ้าเจริญขึ้นเป็นมารดาแห่งพวกยิศราเอล” ในหอสังเกตการณ์ 1 สิงหาคม 2015 น. 12-15
b ดูบทความ “กังวลเรื่องเงิน” ในหอสังเกตการณ์ 1 กรกฎาคม 2015