บทความศึกษา 18
อย่ายอมให้อะไรมาขัดขวางคุณไม่ให้ติดตามพระเยซู
“คนที่ไม่สงสัยในตัวผมก็มีความสุข”—มธ. 11:6
เพลง 54 “ทางที่ถูกอยู่ตรงนี้”
ใจความสำคัญa
1. อาจเกิดอะไรขึ้นกับบางคนตอนที่เขาเล่าเรื่องคัมภีร์ไบเบิลให้คนอื่นฟังเป็นครั้งแรก?
คุณจำความรู้สึกตอนที่คุณรู้ความจริงในคัมภีร์ไบเบิลเป็นครั้งแรกได้ไหม? คำสอนในคัมภีร์ไบเบิลชัดเจน เข้าใจง่าย และไม่มีอะไรซับซ้อน ตอนนั้นคุณคงคิดว่าคนอื่นคงอยากเรียนความจริงเหมือนกับคุณแน่ ๆ คุณมั่นใจว่าถ้าพวกเขาได้เรียน พวกเขาจะมีความสุขและมีความหวังที่ดีในอนาคต (สด. 119:105) คุณก็เลยรีบเล่าเรื่องที่คุณได้เรียนให้เพื่อน ๆ กับญาติ ๆ ของคุณฟัง แต่ปรากฏว่าพวกเขาไม่สนใจที่คุณพูดเลย
2-3. คนส่วนใหญ่ในสมัยของพระเยซูคิดยังไงกับท่านและสิ่งที่ท่านสอน?
2 เราไม่ต้องแปลกใจถ้ามีคนไม่สนใจตอนที่เราพูดเรื่องคัมภีร์ไบเบิล คนส่วนใหญ่ในสมัยของพระเยซูก็ไม่ยอมรับท่านทั้ง ๆ ที่ท่านทำการอัศจรรย์หลายอย่างที่แสดงว่าท่านต้องเป็นคนที่พระเจ้าใช้มาแน่ ๆ ตัวอย่างเช่น ถึงพวกผู้นำชาวยิวยอมรับว่าพระเยซูปลุกลาซารัสให้ฟื้นขึ้นจากตาย แต่พวกเขาก็ไม่ยอมรับว่าท่านเป็นเมสสิยาห์ และแถมยังหาทางฆ่าทั้งพระเยซูและลาซารัสด้วย—ยน. 11:47, 48, 53; 12:9-11
3 พระเยซูรู้ว่าคนส่วนใหญ่จะไม่ยอมรับว่าท่านเป็นเมสสิยาห์ (ยน. 5:39-44) ท่านบอกคนที่เป็นสาวกของยอห์นผู้ให้บัพติศมาว่า “คนที่ไม่สงสัยในตัวผมก็มีความสุข” (มธ. 11:2, 3, 6) แล้วทำไมหลายคนถึงไม่ยอมรับว่าท่านเป็นเมสสิยาห์ล่ะ?
4. เราจะคุยอะไรกันในบทความนี้?
4 ในบทความนี้และบทความหน้า เราจะมาดูเหตุผลหลายอย่างว่าทำไมหลายคนในสมัยของพระเยซูถึงไม่ยอมรับท่าน แล้วเราจะดูด้วยว่าทำไมหลายคนในทุกวันนี้ถึงไม่ฟังเรา และที่สำคัญที่สุด เราจะดูว่าเราต้องทำอะไรเพื่อจะเชื่อมั่นในพระเยซูและไม่ให้อะไรก็ตามมาขัดขวางเราไม่ให้ติดตามท่าน
(1) ภูมิหลังของพระเยซู
5. ทำไมบางคนถึงคิดว่าพระเยซูไม่ใช่เมสสิยาห์?
5 หลายคนไม่ยอมรับพระเยซูเพราะภูมิหลังของท่าน พวกเขายอมรับว่าพระเยซูสอนเก่งมากและทำการอัศจรรย์ได้หลายอย่าง แต่พวกเขาก็มองว่าท่านเป็นแค่ลูกชายของช่างไม้จน ๆ คนหนึ่งเท่านั้น นอกจากนั้นพระเยซูมาจากเมืองนาซาเร็ธที่เป็นเมืองเล็ก ๆ ที่ไม่ค่อยสำคัญอะไร ขนาดนาธานาเอลที่เป็นสาวกของพระเยซูยังเคยพูดว่า “จะมีอะไรดี ๆ มาจากนาซาเร็ธได้หรือ?” (ยน. 1:46) นาธานาเอลอาจจะคิดว่าเมืองนาซาเร็ธเป็นเมืองที่ไม่ค่อยมีอะไรน่าสนใจ หรือเขาอาจจะคิดถึงคำพยากรณ์ที่มีคาห์ 5:2 ที่บอกว่าเมสสิยาห์จะเกิดที่เบธเลเฮมไม่ใช่ที่นาซาเร็ธ
6. คนในสมัยพระเยซูน่าจะทำอะไรเพื่อจะรู้ว่าพระเยซูเป็นเมสสิยาห์จริง ๆ?
6 คัมภีร์ไบเบิลบอกอะไร? ผู้พยากรณ์อิสยาห์บอกล่วงหน้าว่า พวกศัตรูของพระเยซูจะไม่ “สนใจรายละเอียดความเป็นมาของ [เมสสิยาห์]” (อสย. 53:8) จริง ๆ แล้วรายละเอียดเหล่านี้มีการบอกล่วงหน้าไว้นานมาแล้ว และถ้าพวกเขาใช้เวลาหาข้อเท็จจริง พวกเขาก็จะรู้ว่าพระเยซูเกิดที่เบธเลเฮม และท่านเป็นลูกหลานของกษัตริย์ดาวิด (ลก. 2:4-7) ถ้าอย่างนั้น พระเยซูก็เกิดที่เดียวกันกับที่มีคาห์ 5:2 ได้พยากรณ์ไว้ แล้วปัญหาคืออะไร? พวกเขาตัดสินพระเยซูเร็วเกินไปทั้ง ๆ ที่ยังไม่มีข้อเท็จจริงทั้งหมด เพราะอย่างนี้พวกเขาเลยไม่ยอมรับท่าน
7. ทำไมหลายคนถึงไม่ยอมรับพยานพระยะโฮวา?
7 เราเห็นปัญหาเดียวกันในทุกวันนี้ไหม? ใช่ คนของพระเจ้าส่วนใหญ่ไม่ได้รวยและไม่ได้มีหน้ามีตาในสังคม พวกเขา “เป็นคนธรรมดาไม่มีการศึกษา” (กจ. 4:13) บางคนคิดว่าพยานฯ ไม่ควรจะสอนคัมภีร์ไบเบิลเพราะพวกเขาไม่ได้เรียนในโรงเรียนสอนศาสนา ส่วนบางคนก็คิดว่าพยานพระยะโฮวาเป็น “ศาสนาของคนอเมริกัน” ทั้ง ๆ ที่มีพยานฯ แค่ 1 ใน 7 เท่านั้นที่อยู่ในอเมริกา บางคนยังบอกอีกว่าพยานพระยะโฮวาไม่เชื่อพระเยซู และบางคนก็หาว่าพยานพระยะโฮวาเป็น “พวกคอมมิวนิสต์” “สายลับของอเมริกา” หรือ “พวกคลั่งศาสนา” หลายคนได้ยินเรื่องพวกนี้และไม่ได้รู้ข้อเท็จจริงทั้งหมด พวกเขาก็เลยไม่อยากเข้ามาเป็นพยานฯ
8. จากกิจการ 17:11 ผู้คนต้องทำอะไรถ้าพวกเขาอยากรู้ว่าใครเป็นคนของพระเจ้าในทุกวันนี้?
8 ผู้คนในทุกวันนี้ต้องทำอะไร? พวกเขาต้องหาข้อเท็จจริง ลูกาผู้เขียนคัมภีร์ไบเบิลก็ทำอย่างนั้น เขา “ตั้งใจที่จะค้นคว้าทุกสิ่งตั้งแต่ต้นอย่างละเอียดถี่ถ้วน” เขาอยากให้ผู้อ่าน “มั่นใจ” ว่าสิ่งที่พวกเขาได้ยินเกี่ยวกับพระเยซู “เป็นความจริง” (ลก. 1:1-4) ชาวยิวในเมืองเบโรอาก็ทำเหมือนกับลูกา เมื่อพวกเขาได้ยินเรื่องราวของพระเยซู พวกเขาก็ค้นคว้าพระคัมภีร์ภาคภาษาฮีบรูอย่างละเอียดเพื่อจะมั่นใจว่าสิ่งที่พวกเขาได้ยินเกี่ยวกับพระเยซูเป็นความจริง (อ่านกิจการ 17:11) เหมือนกัน ผู้คนในทุกวันนี้ต้องหาข้อเท็จจริงและต้องเปรียบเทียบสิ่งที่พยานฯ สอนกับสิ่งที่คัมภีร์ไบเบิลบอก พวกเขาต้องค้นดูว่าพยานฯ ทำอะไรบ้างและทำตามที่สอนหรือเปล่า ถ้าพวกเขาพยายามค้นคว้าและหาข้อเท็จจริงทั้งหมด พวกเขาก็จะไม่หลับหูหลับตาเชื่อความคิดหรือคำพูดที่ไม่จริงของคนอื่น
(2) พระเยซูไม่ยอมทำการอัศจรรย์เพื่อโอ้อวด
9. เมื่อพระเยซูไม่ยอมทำการอัศจรรย์ในท้องฟ้า ผลเป็นยังไง?
9 บางคนในสมัยของพระเยซูไม่ได้อยากได้ยินแค่คำสอนของท่านเท่านั้น แต่พวกเขาอยากให้ท่านพิสูจน์ว่าท่านเป็นเมสสิยาห์โดย “ทำการอัศจรรย์ในท้องฟ้า” (มธ. 16:1) ที่พวกเขาอยากให้พระเยซูทำอย่างนั้นอาจจะเป็นเพราะพวกเขาเข้าใจคำพยากรณ์ที่ดาเนียล 7:13, 14 ผิด ตอนนั้นมันยังไม่ใช่เวลาที่พระยะโฮวาต้องการให้คำพยากรณ์นี้เกิดขึ้นจริง สิ่งที่พระเยซูสอนน่าจะพอแล้วที่จะทำให้พวกเขามั่นใจว่าท่านเป็นเมสสิยาห์ แต่พอพระเยซูไม่ยอมทำการอัศจรรย์อย่างที่พวกเขาอยากเห็น พวกเขาก็ไม่ยอมรับท่าน—มธ. 16:4
10. พระเยซูทำให้คำพยากรณ์ของอิสยาห์เกี่ยวกับเมสสิยาห์เกิดขึ้นจริงยังไง?
10 คัมภีร์ไบเบิลบอกอะไร? อิสยาห์พยากรณ์เกี่ยวกับเมสสิยาห์ว่า “เขาจะไม่ร้องหรือตะโกน และเขาจะไม่ส่งเสียงดังให้ผู้คนได้ยินตามถนน” (อสย. 42:1, 2) พระเยซูทำงานรับใช้ด้วยความเจียมตัว ท่านไม่ได้สร้างวิหารใหญ่โต หรือใส่ชุดประจำตำแหน่ง หรืออยากให้ผู้คนเรียกท่านด้วยตำแหน่งพิเศษทางศาสนา แม้แต่ตอนที่พระเยซูกำลังจะถูกตัดสินประหารชีวิต ท่านก็ไม่ยอมทำการอัศจรรย์เพื่อทำให้กษัตริย์เฮโรดพอใจ (ลก. 23:8-11) ตอนที่พระเยซูอยู่บนโลกไม่ใช่ว่าท่านไม่ทำการอัศจรรย์เลย แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตของท่านก็คือการประกาศข่าวดี ท่านบอกสาวกของท่านว่า “เพราะที่ผมมาก็เพื่อทำงานนี้”—มก. 1:38
11. ทุกวันนี้หลายคนชอบอะไร?
11 เราเห็นปัญหาเดียวกันในทุกวันนี้ไหม? ใช่ หลายคนในทุกวันนี้ชอบโบสถ์หรือวัดที่ใหญ่โตและตกแต่งหรูหรา ชอบผู้นำศาสนาที่มีตำแหน่งสูง ๆ และชอบฉลองเทศกาลที่ตัวเองก็ไม่รู้ว่ามีต้นตอมาจากไหน แต่สิ่งเหล่านั้นก็ไม่ได้ช่วยให้พวกเขาได้เรียนเกี่ยวกับพระเจ้าและความประสงค์ของพระองค์เลย ในทางกลับกัน คนที่มาประชุมกับพยานฯ ได้เรียนว่าพระยะโฮวาอยากให้พวกเขาทำอะไร หอประชุมของเราไม่ได้หรูหราอะไรแต่ก็สะอาดและใช้งานได้ดี คนที่นำหน้าในประชาคมก็ไม่ได้ใส่ชุดพิเศษอะไรหรือไม่ได้มีตำแหน่งอะไรทางศาสนา แต่สิ่งที่เราเชื่อและสอนมาจากคัมภีร์ไบเบิล ถึงอย่างนั้น หลายคนก็ยังไม่สนใจสิ่งที่เราสอนเพราะพวกเขาคิดว่าการนมัสการของเราเป็นแบบเรียบง่ายเกินไปและไม่มีการฉลองเทศกาลอะไรแบบที่พวกเขาชอบ และเราก็สอนสิ่งที่พวกเขาไม่อยากฟัง
12. จากฮีบรู 11:1, 6 เราต้องทำอะไรเพื่อจะมีความเชื่อ?
12 เราต้องทำอะไร? อัครสาวกเปาโลบอกคริสเตียนที่อยู่ในกรุงโรมว่า “ความเชื่อจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อได้ยินข่าวดี และคนจะได้ยินข่าวดีก็ต่อเมื่อมีคนไปประกาศเรื่องพระคริสต์” (รม. 10:17) ถ้าเราอยากมีความเชื่อ เราต้องศึกษาคัมภีร์ไบเบิลไม่ใช่ไปฉลองเทศกาลที่ไม่ได้เป็นไปตามคำสอนในคัมภีร์ไบเบิลไม่ว่าเทศกาลเหล่านั้นจะดูน่าสนุกและน่าสนใจมากแค่ไหน คัมภีร์ไบเบิลบอกว่า “ถ้าไม่มีความเชื่อก็ไม่มีทางทำให้พระเจ้าพอใจได้” ฉะนั้น เราต้องทำให้ความเชื่อของเราเข้มแข็งโดยมีความรู้ที่ถูกต้อง (อ่านฮีบรู 11:1, 6) เราไม่จำเป็นต้องเห็นการอัศจรรย์เพื่อจะพิสูจน์ว่าเราเจอความจริงแล้ว การที่เราศึกษาค้นคว้าคำสอนในคัมภีร์ไบเบิลจะทำให้เรามีความเชื่อเข้มแข็งขึ้น และนี่ก็พอแล้วที่จะทำให้เรามั่นใจและไม่สงสัยว่าสิ่งที่เราเชื่อเป็นความจริง
(3) พระเยซูไม่ได้ทำตามธรรมเนียมหลายอย่างของชาวยิว
13. ทำไมหลายคนถึงไม่ยอมรับพระเยซู?
13 ในสมัยพระเยซู พวกสาวกของยอห์นผู้ให้บัพติศมาไม่เข้าใจว่าทำไมสาวกของพระเยซูถึงไม่ยอมถือศีลอดอาหาร แต่พระเยซูบอกว่าตอนที่ท่านยังอยู่ พวกเขาไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้น (มธ. 9:14-17) นอกจากนั้น พวกฟาริสีกับพวกคนที่ต่อต้านพระเยซูก็ต่อว่าท่านที่ท่านไม่ยอมทำตามธรรมเนียมของพวกเขา พวกเขาโกรธมากตอนที่ท่านรักษาคนในวันสะบาโต (มก. 3:1-6; ยน. 9:16) พวกเขาทำเป็นพูดว่าเคร่งครัดเรื่องกฎวันสะบาโต แต่กลับปล่อยให้คนมาค้าขายในวิหาร แถมยังโมโหตอนที่พระเยซูมาว่าพวกเขา (มธ. 21:12, 13, 15) และยังมีคนที่อยู่ในที่ประชุมของชาวยิวในเมืองนาซาเร็ธที่ไม่ยอมรับท่านด้วย พระเยซูไม่ได้ทำอย่างที่พวกเขาหวังไว้ แต่กลับใช้ตัวอย่างในประวัติศาสตร์ของชาติอิสราเอลเพื่อแสดงให้เห็นว่าพวกเขาเป็นคนเห็นแก่ตัวและขาดความเชื่อ พวกเขาก็เลยโกรธมาก (ลก. 4:16, 25-30) พระเยซูไม่ได้ทำอย่างที่หลายคนคาดหมาย พวกเขาเลยไม่ยอมรับท่าน—มธ. 11:16-19
14. ทำไมพระเยซูถึงตำหนิธรรมเนียมของมนุษย์ที่ไม่ได้เป็นไปตามหลักพระคัมภีร์?
14 คัมภีร์ไบเบิลบอกอะไร? พระยะโฮวาใช้ผู้พยากรณ์อิสยาห์ให้บอกว่า “ชนชาตินี้ดีแต่พูดว่าจะมาหาเรา พวกเขานับถือเราแต่ปาก แต่ในใจของเขาไม่ได้เป็นอย่างนั้นเลย ที่เขาเคารพยำเกรงเราก็เพียงเพราะทำตามกฎเกณฑ์ของมนุษย์ที่สอนกันมา” (อสย. 29:13) พระเยซูทำถูกแล้วที่ท่านตำหนิธรรมเนียมที่ไม่ได้เป็นไปตามหลักพระคัมภีร์ คนที่คิดว่าธรรมเนียมและกฎต่าง ๆ ที่มนุษย์ตั้งขึ้นสำคัญกว่าคัมภีร์ไบเบิลก็ไม่ยอมรับพระยะโฮวาและเมสสิยาห์ที่พระองค์ใช้มา
15. ทำไมหลายคนในทุกวันนี้ไม่ชอบพยานฯ?
15 เราเห็นปัญหาเดียวกันในทุกวันนี้ไหม? ใช่ หลายคนไม่พอใจที่พยานฯ ไม่ไปฉลองเทศกาลด้วยกันกับพวกเขา เช่น วันเกิดหรือวันปีใหม่ ส่วนบางคนโมโหที่เราไม่ฉลองอะไรที่เกี่ยวกับการแสดงความรักชาติหรือทำตามธรรมเนียมในงานศพที่ไม่เป็นไปตามหลักการในคัมภีร์ไบเบิล พวกเขาอาจจะเชื่อจริง ๆ ว่าพวกเขานมัสการพระเจ้าในแบบที่ถูกต้อง แต่จริง ๆ แล้วพวกเขาไม่มีทางทำให้พระเจ้าพอใจได้เลยถ้าพวกเขาชอบธรรมเนียมของโลกมากกว่าคำสอนในคัมภีร์ไบเบิล—มก. 7:7-9
16. จากสดุดี 119:97, 113, 163-165 เราต้องทำอะไร? และไม่ทำอะไร?
16 เราต้องทำอะไร? เพื่อจะไม่ให้อะไรมาขัดขวางเราไม่ให้ติดตามพระเยซู เราต้องรักกฎหมายของพระยะโฮวาและหลักการของพระองค์ให้มาก ๆ (อ่านสดุดี 119:97, 113, 163-165) ถ้าเรารักพระยะโฮวา เราก็จะไม่ไปยุ่งกับธรรมเนียมที่พระองค์ไม่ชอบ เราต้องไม่รักอย่างอื่นมากกว่ารักพระองค์
(4) พระเยซูไม่ได้มาเพื่อแก้ปัญหาการเมือง
17. อะไรทำให้หลายคนไม่ยอมรับพระเยซู?
17 บางคนในสมัยพระเยซูอยากให้มีการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง พวกเขาคิดว่าเมสสิยาห์จะมาช่วยพวกเขาให้หลุดพ้นจากการปกครองของรัฐบาลโรมที่กดขี่ แต่พอพวกเขาพยายามตั้งพระเยซูให้เป็นกษัตริย์ ท่านกลับปฏิเสธ (ยน. 6:14, 15) ส่วนพวกปุโรหิตและคนอื่น ๆ ก็กลัวว่าพระเยซูจะพยายามเปลี่ยนแปลงการปกครอง แล้วพวกโรมันก็จะไม่พอใจ และจะมายึดอำนาจไปจากพวกเขา เราเห็นชัดเลยว่าชาวยิวหลายคนเป็นห่วงเรื่องการเมือง พวกเขาเลยไม่ยอมรับพระเยซู
18. คำพยากรณ์อะไรเกี่ยวกับเมสสิยาห์ที่หลายคนไม่สนใจ?
18 คัมภีร์ไบเบิลบอกอะไร? ถึงจะมีคำพยากรณ์หลายข้อที่บอกว่าในที่สุดเมสสิยาห์จะเป็นกษัตริย์ที่ได้ชัยชนะ แต่ก็มีคำพยากรณ์ข้ออื่น ๆ ที่บอกว่าก่อนที่ท่านจะเป็นอย่างนั้น ท่านจะต้องตายเพื่อไถ่บาป (อสย. 53:9, 12) แล้วทำไมชาวยิวถึงคาดหมายผิด ๆ เกี่ยวกับเมสสิยาห์? ก็เพราะพวกเขาสนใจแต่คำพยากรณ์ที่พวกเขาชอบ แต่พอเป็นคำพยากรณ์ที่ทำให้เห็นว่าปัญหาของพวกเขาจะยังไม่ได้รับการแก้ไขในตอนนั้น พวกเขาก็ไม่สนใจ—ยน. 6:26, 27
19. อะไรทำให้หลายคนในทุกวันนี้ไม่ชอบเรา?
19 เราเห็นปัญหาเดียวกันในทุกวันนี้ไหม? ใช่ หลายคนไม่ชอบเราเพราะเราไม่ยุ่งเรื่องการเมือง พวกเขาคิดว่าเราควรจะลงคะแนนเลือกตั้ง แต่ถ้าเราเลือกผู้นำที่เป็นมนุษย์ก็แสดงว่าเราปฏิเสธพระยะโฮวา (1 ซม. 8:4-7) บางคนคิดว่าเราน่าจะไปสร้างโรงเรียน สร้างโรงพยาบาล หรือทำงานการกุศลอย่างอื่นเพื่อช่วยสังคม พวกเขาเลยไม่ชอบเราเพราะเราสนใจแต่การประกาศแทนที่จะพยายามแก้ปัญหาของโลก
20. จากคำพูดของพระเยซูที่มัทธิว 7:21-23 อะไรควรเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตของเรา?
20 เราต้องทำอะไร? (อ่านมัทธิว 7:21-23) เพื่อจะไม่ให้อะไรมาขัดขวางเราไม่ให้ติดตามพระเยซู เราต้องให้งานที่พระเยซูสั่งให้เราทำเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิต (มธ. 28:19, 20) เราต้องไม่ยุ่งอยู่กับการแก้ปัญหาของสังคมหรือสนใจเกี่ยวกับการเมืองจนไม่ให้ความสำคัญกับงานนี้ ถึงเราจะรักผู้คนและเป็นห่วงปัญหาของพวกเขา แต่เรารู้ว่าวิธีที่ดีที่สุดที่จะช่วยพวกเขาก็คือสอนพวกเขาเกี่ยวกับรัฐบาลของพระเจ้า และช่วยพวกเขาให้สนิทกับพระองค์
21. เราควรตั้งใจที่จะทำอะไร?
21 ในบทความนี้ เราได้คุยกันเกี่ยวกับ 4 เหตุผลที่ทำให้หลายคนในสมัยของพระเยซูไม่ยอมรับท่าน และอาจทำให้บางคนในทุกวันนี้ไม่ยอมรับสาวกของท่านด้วย แต่มีแค่ 4 อย่างนี้ไหมที่เราต้องระวัง? ไม่ใช่ ในบทความหน้าเราจะมาดูเหตุผลอีก 4 อย่างด้วยกัน ขอให้เราตั้งใจที่จะไม่ปฏิเสธพระเยซูแต่รักษาความเชื่อของเราให้เข้มแข็งไว้อยู่เสมอ
เพลง 56 เลือกเองว่าจะเดินในทางของความจริง
a ทั้ง ๆ ที่พระเยซูเป็นครูที่เก่งที่สุดในโลก แต่คนส่วนใหญ่ในสมัยนั้นกลับไม่ยอมรับท่าน ในบทความนี้เราจะมาดู 4 เหตุผลว่าทำไมถึงเป็นแบบนั้น เราจะดูด้วยว่าทำไมหลายคนถึงไม่ชอบสิ่งที่สาวกแท้ของพระเยซูในทุกวันนี้พูดและทำ นอกจากนั้น เราจะดูว่าเราต้องทำอะไรเพื่อจะเชื่อมั่นในพระเยซูและไม่ให้อะไรก็ตามมาขัดขวางเราไม่ให้ติดตามท่าน บทความนี้และบทความหน้าจะเป็นประโยชน์โดยเฉพาะสำหรับคนที่ยังลังเลว่าจะเป็นพยานพระยะโฮวาหรือเปล่า
b คำอธิบายภาพ ฟีลิปบอกให้นาธานาเอลไปหาพระเยซู
c คำอธิบายภาพ พระเยซูประกาศข่าวดี
d คำอธิบายภาพ พระเยซูรักษาผู้ชายมือลีบ พวกคนที่ต่อต้านมองดูท่านอยู่
e คำอธิบายภาพ พระเยซูปลีกตัวไปอยู่ที่ภูเขาคนเดียว