ราชรถฝ่ายสวรรค์ของพระยะโฮวากำลังเคลื่อนที่
“ฝ่ายกงจักรนั้น มีผู้ร้องว่าแก่กงจักร หูข้าพเจ้าได้ยินว่า โอกงจักร!”—ยะเอศเคล 10:13.
1. พระยะโฮวาทรงมียานพาหนะชนิดใด?
ในสมัยแห่งเครื่องบินไอพ่นอันโอ่อ่าหรูหรานี้ ผู้นำของโลกอาจคิดว่าพวกเขามีประสิทธิภาพในการเดินทางถึงขีดสูงสุด. แต่เมื่อ 2,600 ปีมาแล้ว พระยะโฮวาได้ทรงเปิดเผยว่าพระองค์ทรงมียานพาหนะอันเยี่ยมยอด ชนิดที่ไม่มีวิศวกรคนใดเคยได้เห็น. นั่นคือราชรถมหึมาน่าเกรงขาม! เป็นเรื่องน่าแปลกไหมที่พระผู้สร้างแห่งเอกภพทรงประทับในยานคล้ายรถเทียมม้า? เปล่าเลย เนื่องจากราชรถฝ่ายสวรรค์ของพระยะโฮวานั้นแตกต่างไปมากทีเดียวจากยานชนิดใด ๆ ที่มนุษย์จะคาดคิดได้.
2. ยะเอศเคลบท 1 พรรณนาภาพราชรถฝ่ายสวรรค์ของพระยะโฮวาไว้อย่างไร และผู้พยากรณ์นำความสนใจของเราไปสู่ใครเป็นอันดับแรก?
2 ในบท 1 แห่งคำพยากรณ์ของยะเอศเคล ให้ภาพพระยะโฮวาในขณะที่ประทับในราชรถฝ่ายสวรรค์อันมหึมา. ยานพาหนะสี่ล้ออันน่าเกรงขามนี้เคลื่อนที่ได้เองและสามารถกระทำสิ่งมหัศจรรย์ต่าง ๆ ได้. ยะเอศเคลได้เห็นราชรถฝ่ายสวรรค์นี้ในนิมิตเมื่อปี 613 ก่อนสากลศักราช เมื่อท่านอยู่ริมฝั่งคลองแห่งหนึ่งในกรุงบาบูโลนโบราณ. แรกทีเดียว ผู้พยากรณ์นำความสนใจของเราไปสู่บุคคลเหล่านั้นซึ่งเอาใจใส่ดูแลราชรถฝ่ายสวรรค์ของพระยะโฮวา. ขณะที่เราอ่าน ขอให้เราพยายามจินตนาการถึงภาพที่ท่านยะเอศเคลได้เห็น.
สิ่งมีชีวิตสี่ตน
3. ใบหน้าทั้งสี่ของคะรูบแต่ละตนนั้นแสดงถึงอะไร?
3 ยะเอศเคลแจ้งว่า: “ข้าพเจ้าเริ่มเห็น และนี่แน่ะ มีลมพายุกล้าพัดมาจากทิศเหนือ มีเมฆก้อนใหญ่และเปลวไฟวับวาบ และรอบเมฆนั้นสว่างไสว . . . และจากท่ามกลางไฟนั้นมีอะไรที่คล้ายดั่งสิ่งมีชีวิตสี่ตนออกมา.” (ยะเอศเคล 1:4, 5, ล.ม.) สิ่งมีชีวิตหรือคะรูบทั้งสี่นั้นแต่ละตนมีปีกสี่ปีกและหน้าสี่หน้า. พวกเขามีหน้าหนึ่งเป็นหน้าสิงโต ซึ่งแสดงถึงความยุติธรรมของพระยะโฮวา หน้าหนึ่งเป็นหน้าวัว ซึ่งแสดงถึงฤทธิ์อำนาจของพระเจ้า และหน้าหนึ่งเป็นหน้านกอินทรี ซึ่งแสดงถึงสติปัญญาของระองค์. พวกเขายังมีหน้าหนึ่งเป็นหน้ามนุษย์ด้วย ซึ่งแสดงถึงความรักของพระยะโฮวา.—พระบัญญัติ 32:4; โยบ 12:13; ยะซายา 40:26; ยะเอศเคล 1:10; 1 โยฮัน 4:8.
4. ทำไมพวกคะรูบจึงมีหน้าสี่หน้า และความเร็วของคะรูบนั้นเหมือนกับอะไร?
4 หน้าทั้งสี่ของคะรูบแต่ละตนนั้นมองไปในสี่ทิศทาง หน้าละทิศทาง. ฉะนั้น คะรูบเหล่านั้นสามารถเปลี่ยนทางได้ในทันทีและติดตามใบหน้าที่มองไปในทิศทางที่ต้องการจะไป. แต่ความเร็วของคะรูบเหล่านั้นเหมือนกับอะไร? ช่างน่าทึ่ง คะรูบเหล่านั้นสามารถเคลื่อนที่ไปด้วยความเร็วของแสง! (ยะเอศเคล 1:14) ไม่มียานใดที่มนุษย์ได้ทำขึ้นที่เคยได้บรรลุถึงความเร็วขนาดนั้น.
5. ยะเอศเคลพรรณนาถึงวงล้อและขอบวงล้อของราชรถไว้อย่างไร?
5 ทันใดนั้น วงล้อของราชรถก็ปรากฏให้เห็น. วงล้อเหล่านั้นมีความพิเศษจริง ๆ! ข้อ 16 และ 18 (ล.ม.) กล่าวว่า: “รูปลักษณะและโครงสร้างของวงล้อเหล่านั้นเป็นเหมือนวงล้อซ้อนอยู่ในวงล้อ. ส่วนขอบล้อเหล่านั้นสูงน่าสะพึงกลัว; และขอบล้อทั้งสี่นั้นมีนัยน์ตาอยู่เต็มโดยรอบ.” วงล้อหนึ่ง ๆ เคียงข้างไปกับคะรูบแต่ละองค์จะเป็นสี่ล้อในตำแหน่งที่สัมพันธ์กัน. วงล้อเหล่านั้นเปล่งประกายดุจพลอยสีเหลืองทอง ดังพลอยสีเขียวเหลืองกึ่งโปร่งใสหรือโปร่งใส. สิ่งนี้เสริมความเจิดจ้าให้กับนิมิตอันรุ่งโรจน์นี้. เนื่องจากขอบล้อ “มีตาอยู่เต็มโดยรอบ” วงล้อเหล่านั้นจึงไม่ได้เคลื่อนที่ไปในทิศทางใด ๆ ก็ได้อย่างไม่มีจุดมุ่งหมาย. และวงล้อเหล่านั้นสูงใหญ่มหึมา ด้วยเหตุนั้น จึงสามารถมองเห็นได้ในระยะไกลโดยเพียงการหมุนบนแกนล้อเท่านั้น. วงล้อเหล่านั้น เหมือนกับคะรูบทั้งสี่นั้น สามารถเคลื่อนที่ได้รวดเร็วเช่นเดียวกับแสง.
วงล้อซ้อนในวงล้อ
6. (ก) เป็นอย่างไรที่ราชรถนั้นมีวงล้อซ้อนอยู่ในวงล้อ? (ข) วงล้อเหล่านั้นเคลื่อนที่ไปในทิศทางที่สอดคล้องกับอะไร?
6 มีสิ่งอื่นที่ผิดปกติ. วงล้อแต่ละวงมีวงล้อซ้อนอยู่ภายใน—แต่ละวงล้อมีเส้นผ่าศูนย์กลางเท่ากันซึ่งซ้อนขวางพอดีอยู่ในวงล้อหลัก. โดยวิธีนี้เท่านั้นที่สามารถกล่าวได้ว่าวงล้อเหล่านั้น “ไปได้ทั้งสี่ข้าง.” (ข้อ 17) วงล้อเหล่านั้นสามารถเปลี่ยนทิศทางได้โดยทันทีเนื่องจากมีด้านหนึ่งของวงล้อที่หันไปในแต่ละทิศทางหนึ่งอยู่แล้ว. วงล้อเหล่านั้นเคลื่อนที่ไปในทิศทางที่สอดคล้องกับการเคลื่อนที่ของคะรูบทั้งสี่นั้น. บนวงล้อทั้งสี่นั้น ตัวราชรถของพระเจ้าสามารถอยู่ข้างบนโดยสิ่งที่พยุงไว้ซึ่งมองไม่เห็นในทำนองเดียวกับยานอันทรงพลังที่ถูกพยุงไว้ด้วยอากาศที่หนุนรองอยู่ขณะที่ยานนั้นแล่นเหนือผิวน้ำ.
7. แหล่งแห่งพลังของวงล้อเหล่านั้นคืออะไร?
7 วงล้อเหล่านั้นได้รับพลังนี้จากไหนเพื่อจะปฏิบัติงานให้สอดคล้องกับการเคลื่อนที่ของคะรูบทั้งสี่? จากพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้าองค์ทรงฤทธานุภาพทุกประการ. ในข้อ 20 (ล.ม.) กล่าวว่า: “ไม่ว่าพระวิญญาณมุ่งไปที่ไหน พวกเขาจะไปที่นั่น . . . วิญญาณของสิ่งมีชีวิตนั้นอยู่ในวงล้อเหล่านั้น.” พลังปฏิบัติการอันไม่ประจักษ์แก่ตาชนิดเดียวกันของพระเจ้าซึ่งมีอยู่ในคะรูบเหล่านั้นก็อยู่ในวงล้อเหล่านั้นด้วย.
8. มีการให้ชื่อวงล้อเหล่านั้นว่าอย่างไรและเพราะเหตุใด?
8 มีการกล่าวถึงวงล้อเหล่านั้นโดยใช้คำว่า “กงจักร.” (ยะเอศเคล 10:13) ประจักษ์ชัดว่าชื่อนี้สืบเนื่องมาจากสิ่งที่วงล้อแต่ละอันกระทำ. วงล้อเหล่านั้นกลิ้งไปหรือหมุนวนอยู่. การเรียกส่วนนี้ของราชรถฝ่ายสวรรค์โดยชื่อนั้นทำให้เราเอาใจใส่ในเรื่องความเร็วที่ราชรถฝ่ายสวรรค์เคลื่อนที่ไป. ถึงแม้ว่าวงล้อแห่งราชรถฝ่ายสวรรค์หมุนด้วยความเร็วสูงก็ตาม วงล้อนั้นก็สามารถมองเห็นเส้นทางที่จะไปได้เนื่องจากมีนัยน์ตาอยู่เต็ม.
9. ยะเอศเคลได้พรรณนาสิ่งที่อยู่เหนือสี่ล้อแห่งราชรถซึ่งเคลื่อนที่อย่างรวดเร็วนั้นไว้อย่างไร?
9 แต่บัดนี้ ให้เรามาดูสิ่งที่อยู่เหนือวงล้อทั้งสี่ที่สูงใหญ่น่าสะพึงกลัวและเคลื่อนที่อย่างรวดเร็วนั้น. ข้อ 22 ของพระธรรมยะเอศเคลบท 1 กล่าวว่า: “เหนือศีรษะของสิ่งมีชีวิตนั้นมีสิ่งที่แผ่ออกคล้ายน้ำแข็งที่ส่องแสงแวววาวน่าสะพึงกลัว กางเหนือศีรษะพวกเขา.” สิ่งที่แผ่ออกนั้น แม้จะแข็ง แต่ก็โปร่งใส “คล้ายกับน้ำแข็งที่ส่องแสงแวววาวน่าสะพึงกลัว.” สิ่งนั้นส่องประกายราวกับเพชรนับเป็นพัน ๆ เม็ดที่ต้องแสงอาทิตย์. ช่างน่าครั่นคร้ามเสียจริง ๆ!
ผู้ประทับราชรถองค์ทรงสง่าราศี
10. (ก) มีการพรรณนาถึงพระที่นั่งและพระองค์ผู้ประทับบนพระที่นั่งนั้นอย่างไร? (ข) ข้อเท็จจริงที่ว่าพระองค์ผู้ประทับบนราชรถนั้นถูกปกคลุมไว้ด้วยสง่าราศีนั้นแสดงถึงอะไร?
10 ประจักษ์ชัดว่าราชรถหยุดลงเพื่อผู้ที่ประทับมานั้นจะตรัสกับยะเอศเคล. เบื้องบนของสิ่งที่แผ่ออกนั้น มีสิ่งที่เป็นดั่งพระที่นั่ง มีลักษณะเหมือนพลอยซัฟไฟร์ สีน้ำเงินเข้ม. บนพระที่นั่งนั้นมีผู้หนึ่งซึ่งมีลักษณะปรากฏดังมนุษย์เดินดิน. รูปลักษณ์ของมนุษย์นั้นเป็นลักษณะปรากฏที่ดีที่สุดเพื่อช่วยยะเอศเคลให้หยั่งรู้เข้าใจถึงการปรากฏของพระเจ้าในที่นี้. แต่รูปลักษณ์ของมนุษย์นั้นถูกปกคลุมด้วยสง่าราศี ดังนั้น จึงรุ่งโรจน์โชติช่วงราวกับทองคำผสมเงินที่ส่งประกายแวววาว. ช่างงดงามเจิดจรัสจริง ๆ! จากบั้นเอวของรูปลักษณ์มนุษย์นี้ สง่าราศีอันงดงามนี้แผ่ออกไปทั้งเบื้องบนและเบื้องล่าง. ด้วยเหตุนั้น รูปลักษณ์ทั้งหมดจึงปกคลุมด้วยสง่าราศีอันสุกใส. สิ่งนี้แสดงว่าพระยะโฮวาทรงไว้ซึ่งสง่าราศีอันรุ่งโรจน์จนเหลือที่จะพรรณนาได้. ยิ่งกว่านั้น พร้อมกับพระองค์ผู้ประทับราชรถนั้นยังมีรุ้งอันงดงามอยู่ด้วย. เป็นรุ้งแห่งความสงบและสันติสุขที่มีมาภายหลังมรสุม! โดยมีเจตคติที่สงบสุขเช่นนั้น พระยะโฮวาทรงใช้พระสติปัญญา, ความยุติธรรม, ฤทธิ์อำนาจ และความรักซึ่งพระองค์ทรงมีอยู่ในแนวทางที่สมดุลครบถ้วนทุกประการ.
11. นิมิตเกี่ยวกับราชรถและพระที่นั่งของพระยะโฮวามีผลกระทบอย่างไรต่อยะเอศเคล?
11 ราชรถและพระที่นั่งของพระยะโฮวาถูกห้อมล้อมไปด้วยแสงสว่างและสีสันอันงดงาม. ช่างตรงกันข้ามกันเสียจริงกับซาตาน เจ้าแห่งความมืดและความลึกลับ! และยะเอศเคลได้รับผลกระทบอย่างไรจากสิ่งเหล่านี้ทั้งหมด? “เมื่อข้าพเจ้าได้เห็นสิ่งนั้น แล้วข้าพเจ้าก็ซบหน้าลงกับพื้น และข้าพเจ้าเริ่มได้ยินเสียงตรัส.”—ยะเอศเคล 1:28, ล.ม.
สิ่งซึ่งราชรถเป็นภาพเล็งถึง
12. ราชรถฝ่ายสวรรค์ของพระยะโฮวาเป็นภาพเล็งถึงอะไร?
12 ราชรถอันมหัศจรรย์นั้นเป็นภาพเล็งถึงสิ่งใด? นั่นคือองค์การฝ่ายสวรรค์ของพระยะโฮวา. องค์การนี้ประกอบด้วยสิ่งมีชีวิตกายวิญญาณอันบริสุทธิ์ในแดนที่ไม่ประจักษ์ด้วยตา—คือเซราฟ, คะรูบ, และทูตสวรรค์. เนื่องจากพระยะโฮวาทรงเป็นพระเจ้าองค์สูงสุด บรรดากายวิญญาณทั้งสิ้นของพระองค์จึงอยู่ใต้พระองค์ และพระองค์ทรงขับขี่พวกเขาในแง่ของการปกครองด้วยความเมตตากรุณาและทรงใช้พวกเขาตามพระทัยประสงค์ของพระองค์.—บทเพลงสรรเสริญ 103:20.
13. (ก) เหตุใดจึงอาจกล่าวได้ว่าพระยะโฮวาทรงขับขี่องค์การของพระองค์? (ข) นิมิตเกี่ยวกับราชรถของพระยะโฮวาที่มีสี่ล้อซึ่งกำลังเคลื่อนที่นั้นมีผลกระทบคุณอย่างไร?
13 เสมือนดังประทับบนราชรถ พระยะโฮวาทรงขับขี่องค์การนี้ ทำให้องค์การเคลื่อนที่ไปในที่ซึ่งพระวิญญาณของพระองค์กระตุ้นให้เคลื่อนที่ไป. องค์การนี้ไม่ได้วิ่งเตลิดไปตามอำเภอใจ โดยปราศจากการควบคุมหรือการดูแลด้วยเชาวน์ปัญญา. พระเจ้าไม่ทรงปล่อยให้องค์การของพระองค์ดำเนินไปในทิศทางใด ๆ ก็ได้ที่องค์การนี้อยากจะไป. แต่องค์การนี้ติดตามการทรงนำของพระองค์. ทุกส่วนขององค์การนี้ดำเนินไปข้างหน้าด้วยกันอย่างมีเอกภาพเพื่อสัมฤทธิ์ผลเต็มที่ตามเป้าหมายของพระองค์. ช่างเป็นองค์การฝ่ายสวรรค์อันมหัศจรรย์จริง ๆ ที่มีการเปิดเผยโดยนิมิตแห่งราชรถฝ่ายสวรรค์ของพระยะโฮวาซึ่งมีสี่ล้อที่กำลังเคลื่อนที่นี้! สอดคล้องกับเรื่องนี้ องค์การของพระยะโฮวาได้มีการแสดงภาพว่าเป็นลักษณะสี่เหลี่ยม สมดุลอันดีเยี่ยม.
ถูกแต่งตั้งเป็นคนยาม
14. ยะเอศเคลเป็นภาพเล็งถึงใคร?
14 แต่ใครล่ะที่ยะเอศเคลเป็นภาพเล็งถึง? จากข้อเท็จจริงในประวัติศาสตร์ เป็นที่เห็นได้ชัดเจนว่าส่วนแห่งพยานพระยะโฮวาผู้ได้รับการเจิมด้วยพระวิญญาณนั้นได้สมทบกับราชรถฝ่ายสวรรค์. ด้วยเหตุนั้น ยะเอศเคลจึงเป็นภาพเล็งถึงบรรดาผู้ถูกเจิมแห่งพยานพระยะโฮวาตั้งแต่ปี 1919 ได้เป็นอย่างดี. องค์การฝ่ายสวรรค์ของพระเจ้าได้เข้ามามีความเกี่ยวพันทางฝ่ายวิญญาณกับพวกชนที่เหลือผู้ถูกเจิมในปีนั้นเอง เพื่อทำให้พวกเขาฟื้นตัวขึ้นมาเป็นพยานของพระยะโฮวาแก่โลกทั้งสิ้น. (เทียบวิวรณ์ 11:1–12.) เวลานั้น องค์การที่เปรียบเสมือนราชรถกำลังเคลื่อนที่อยู่ เช่นเดียวกับในทุกวันนี้. ที่จริงแล้ว วงล้อแห่งการรุดหน้าของราชรถกำลังหมุนเร็วขึ้นกว่าแต่ก่อน. พระยะโฮวาทรงขับไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว!
15. พระสุรเสียงของพระองค์ผู้ประทับราชรถฝ่ายสวรรค์นั้นกล่าวว่าอย่างไร และยะเอศเคลได้รับมอบหมายหน้าที่อะไร?
15 ยะเอศเคลปรารถนาจะทราบสาเหตุที่ราชรถได้มาอยู่เบื้องหน้าท่านและหยุดอยู่. ท่านก็ได้ทราบเมื่อมีเสียงตรัสกับท่านจากพระองค์ผู้ประทับบนราชรถนั้น. ด้วยความตื่นตะลึงต่อภาพอันมหัศจรรย์น่าครั่นคร้ามนั้น ยะเอศเคลก็ได้หมอบกายลงกับพื้น. ฟังอยู่ในขณะที่พระสุรเสียงแห่งพระองค์ผู้ประทับราชรถนั้นตรัสว่า: “บุตรมนุษย์เอ๋ย จงยืนขึ้นเพื่อเราจะกล่าวกับเจ้า.” (ยะเอศเคล 2:1) ครั้นแล้วพระยะโฮวาทรงมอบหมายให้ยะเอศเคลเป็นคนยามและให้เตือนพวกเรือนกบฏยิศราเอล. ท่านยังได้รับมอบหมายให้กล่าวในพระนามแห่งพระเจ้าด้วยซ้ำ. ชื่อยะเอศเคลมีความหมายว่า “พระเจ้าทรงชูกำลัง.” ฉะนั้น พระเจ้านั่นเองที่ทรงชูกำลังชนจำพวกยะเอศเคลและส่งพวกเขาออกไป แต่งตั้งเขาให้เป็นคนยามเฝ้ามองคริสต์ศาสนจักร.
16, 17. (ก) นิมิตเกี่ยวกับราชรถฝ่ายสวรรค์เป็นประโยชน์แก่ยะเอศเคลอย่างไร? (ข) ในสมัยของเรานี้ ความเข้าใจเกี่ยวกับนิมิตเรื่องราชรถฝ่ายสวรรค์มีผลกระทบต่อชนจำพวกยะเอศเคลกับชนฝูงใหญ่อย่างไร?
16 นิมิตเกี่ยวกับราชรถฝ่ายสวรรค์ได้ทำให้ยะเอศเคลทั้งมีสติและตื่นตะลึง แต่ก็ยังเป็นการเตรียมท่านไว้สำหรับงานมอบหมายของท่านในฐานะเป็นคนยามเพื่อจะป่าวประกาศคำเตือนเกี่ยวกับพินาศกรรมที่จะมีมาเหนือกรุงยะรูซาเลม. สิ่งเดียวกันนั้นได้เป็นจริงกับชนจำพวกคนยามในทุกวันนี้. ความเข้าใจของพวกเขาในเรื่องนิมิตเกี่ยวกับราชรถฝ่ายสวรรค์ซึ่งกำลังเคลื่อนที่ได้มีผลกระทบอย่างมากต่อชนที่เหลือแห่งผู้ถูกเจิม. ในปี 1931 พวกเขาได้เรียนรู้มากขึ้นเกี่ยวกับนิมิตที่ยะเอศเคลได้เห็น ดังที่มีเผยให้ทราบในหนังสือการเชิดชู เล่มที่หนึ่ง. ดังนั้น พวกเขาจึงเปี่ยมด้วยความหยั่งรู้เข้าใจอย่างจริงจังซึ่งเห็นได้จากการที่วารสารวอชเทาเวอร์ ตั้งแต่ฉบับวันที่ 15 ตุลาคม 1931 จนถึงฉบับวันที่ 1 สิงหาคม 1950 ได้ลงภาพราชรถฝ่ายสวรรค์ในนิมิตของยะเอศเคลตามมโนภาพของจิตรกรไว้ที่มุมขวาบนของหน้าปก. ด้วยเหตุนี้เอง ชนจำพวกยะเอศเคลได้ปฏิบัติการตามงานมอบหมายที่ได้ให้แก่พวกเขา และพวกเขาได้ทำการรับใช้ในฐานะคนยาม ป่าวประกาศคำเตือนของพระเจ้าออกไป. เวลาแห่งพินาศกรรมอันร้อนแรงของคริสต์ศาสนจักรซึ่งมาจากพระยะโฮวาผู้ประทับบนราชรถฝ่ายสวรรค์ของพระองค์นั้นยิ่งใกล้เข้ามาเต็มทีแล้ว!
17 ปัจจุบัน “ชนฝูงใหญ่” แห่งคนที่เป็นเยี่ยงแกะได้เข้ามาสมทบกับชนที่เหลือผู้ถูกเจิม. (วิวรณ์ 7:9) พวกเขากำลังร่วมกันป่าวประกาศออกไปถึงคำเตือนเกี่ยวกับพินาศกรรมซึ่งจะมีมาเหนือคริสต์ศาสนจักรและระบบอันชั่วช้าแห่งสิ่งต่าง ๆ นี้ทั้งสิ้น. งานให้คำเตือนนี้กำลังดำเนินไปอย่างรวดเร็ว และดังที่มีแสดงให้เห็นโดยวิวรณ์ 14:6, 7 เหล่าทูตสวรรค์กำลังสนับสนุนงานนี้อยู่.
การเคลื่อนไปพร้อมกับราชรถฝ่ายสวรรค์
18. จะต้องทำอะไรบ้างเพื่อจะได้รับการสนับสนุนจากพวกทูตสวรรค์ต่อ ๆ ไป และเราควรรู้สึกไวต่ออะไร?
18 ทูตสวรรค์ที่อ่อนน้อมเหล่านั้นปฏิบัติการร่วมกันในฐานะเป็นส่วนแห่งองค์การฝ่ายสวรรค์ของพระเจ้าในขณะที่ร่วมมือกับบรรดาผู้รับใช้ของพระยะโฮวาบนแผ่นดินโลกนี้ ในการทำให้หน้าที่มอบหมายในการประกาศคำเตือนเรื่องการพิพากษาของพระเจ้านั้นให้สำเร็จ. หากเราปรารถนาการคุ้มครองและการชี้นำจากทูตสวรรค์ผู้รับใช้พระเจ้าที่มีฤทธิ์เหล่านี้ต่อ ๆ ไปละก็ เราก็เช่นกันจะต้องปฏิบัติการร่วมกันและก้าวให้ทันกับกงจักรอันมีความหมายเป็นนัยนั้น. ยิ่งกว่านั้น ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งแห่งองค์การที่เห็นได้ของพระยะโฮวาซึ่งกำลังปฏิบัติงานเคียงคู่ไปกับราชรถฝ่ายสวรรค์ของพระองค์นั้น เราจะต้องตื่นตัวต่อการทรงนำของพระวิญญาณของพระเจ้า. (เทียบกับฟิลิปปอย 2:13.) หากเราเป็นพยานของพระยะโฮวา เราต้องดำเนินไปในทิศทางเดียวกันกับราชรถฝ่ายสวรรค์. เราต้องไม่ทำงานในจุดประสงค์ที่ขัดกันกับราชรถฝ่ายสวรรค์นั้นอย่างเด็ดขาด. เมื่อได้รับการชี้นำในแนวที่เราควรดำเนิน เราก็ควรปฏิบัติตามการชี้นำนั้น. เมื่อเป็นเช่นนี้ ประชาคมก็จะไม่มีการแบ่งแยก.—1 โกรินโธ 1:10.
19. (ก) เช่นเดียวกับวงล้อแห่งราชรถฝ่ายสวรรค์มีนัยน์ตาอยู่เต็มโดยรอบ พลไพร่ของพระยะโฮวาต้องตื่นตัวต่ออะไรอยู่เสมอ? (ข) อะไรคือแนวทางที่เราพึงปฏิบัติในช่วงเวลาแห่งความยุ่งยากสับสนเหล่านี้?
19 ตาซึ่งอยู่รอบ ๆ วงล้อแห่งราชรถของพระเจ้านั้นชี้ถึงความตื่นตัวอยู่เสมอ. เช่นเดียวกับที่องค์การฝ่ายสวรรค์ที่เตรียมพร้อมอยู่เสมอ ดังนั้น เราจึงต้องอยู่พร้อมเสมอจะสนับสนุนองค์การทางภาคโลกนี้ของพระยะโฮวา. ในประชาคม เราสามารถแสดงการสนับสนุนนั้นได้โดยร่วมมือกับผู้ปกครองในประชาคม. (เฮ็บราย 13:17) และในช่วงเวลาแห่งความวุ่นวายสับสนเหล่านี้ ชนคริสเตียนจำเป็นต้องติดสนิทอยู่กับองค์การของพระยะโฮวา. เราไม่ต้องการจะวางใจในการแปลความหมายเหตุการณ์ต่าง ๆ ด้วยตนเอง เพราะถ้าเป็นเช่นนั้นเราก็คงไม่ดำเนินไปพร้อมกับราชรถฝ่ายสวรรค์ของพระยะโฮวา. ให้เราถามตนเองอยู่เสมอว่า ‘ราชรถฝ่ายสวรรค์กำลังเคลื่อนไปในทางใด?’ ถ้าเราเคลื่อนไปข้างหน้าพร้อมกับองค์การที่เห็นได้ของพระเจ้าแล้ว เราก็จะกำลังเคลื่อนไปพร้อมกับองค์การของพระเจ้าส่วนที่ไม่ประจักษ์แก่ตาด้วยเช่นกัน.
20. อัครสาวกเปาโลได้ให้คำแนะนำอันดีเยี่ยมอะไรไว้ที่ฟิลิปปอย 3:13–16?
20 เกี่ยวด้วยเรื่องนี้ เปาโลเขียนไว้ว่า: “พี่น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้ายังไม่ถือว่าข้าพเจ้าเองได้ฉวยเอาสิ่งนั้นไว้แล้ว; แต่มีสิ่งหนึ่งที่เกี่ยวข้อง: [คือ] ลืมสิ่งต่าง ๆ ที่อยู่เบื้องหลังและโน้มตัวออกไปหาสิ่งที่อยู่ข้างหน้า ข้าพเจ้าบากบั่นมุ่งไปสู่เป้าหมายเพื่อจะได้รางวัลซึ่งพระเจ้าทรงเรียกให้ขึ้นไปโดยทางพระเยซูคริสต์. เหตุฉะนั้น ให้เราทั้งหลายทุกคนที่เป็นผู้อาวุโสแล้วมีทัศนะอย่างนี้; และหากท่านมีแนวโน้มที่จะมีทัศนะอย่างอื่นอย่างใดอย่างหนึ่ง พระเจ้าจะทรงเปิดเผย [ทัศนะ] ดังกล่าวให้ท่าน. เราได้ก้าวหน้ามาถึงขั้นไหนแล้วก็ตาม จงให้เราดำเนินอย่างมีระเบียบในกรอบเดียวกันนี้ต่อไป.”—ฟิลิปปอย 3:13–16, ล.ม.
21. โดยการปฏิบัติตามระเบียบอะไรที่ทำให้เป็นไปได้ที่จะทำความก้าวหน้าฝ่ายวิญญาณไปพร้อมกับองค์การของพระเจ้า?
21 คำ “กรอบ” ในที่นี้ไม่ได้หมายความถึงกฎเกณฑ์ไม่ดีซึ่งเราไม่สามารถทำให้ตนเองหลุดพ้นออกมาได้. บรรดาผู้รับใช้ของพระยะโฮวามีระเบียบอันดีที่พวกเขาใช้ในการทำความก้าวหน้าทางฝ่ายวิญญาณ. เป็นระเบียบของการใช้เวลาในการศึกษาพระคัมภีร์เป็นส่วนตัว, การเข้าร่วมการประชุมประจำประชาคม, การประกาศสั่งสอนข่าวดีเรื่องราชอาณาจักรอย่างสม่ำเสมอ และการสะท้อนให้เห็นถึงคุณลักษณะต่าง ๆ ขององค์การฝ่ายสวรรค์ของพระเจ้า. การปฏิบัติตามระเบียบเหล่านั้นทำให้พวกเขาสามารถติดตามการทรงนำขององค์การซึ่งเปรียบเสมือนราชรถฝ่ายสวรรค์ของพระยะโฮวาได้. โดยการมุ่งมั่นดำเนินในวิธีนี้ เราก็จะบรรลุเป้าหมายของเรา ไม่ว่าจะเป็นรางวัลแห่งชีวิตอมตะทางภาคสวรรค์หรือชีวิตนิรันดรในอุทยานบนแผ่นดินโลกนี้ก็ตาม.
22. (ก) เพื่อให้ชนที่เหลือผู้ถูกเจิมกับชนฝูงใหญ่แห่งแกะอื่นได้รับการจัดให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน จะต้องมีการทำอะไร? (ข) อะไรที่ไม่อาจหนีพ้นการสังเกตของพระยะโฮวาไปได้?
22 ดังที่โยฮัน 10:16 ระบุว่า “แกะอื่น” และชนจำพวกยะเอศเคลจะถูกจัดให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน. ดังนั้น จึงเป็นสิ่งสำคัญยิ่งที่ทุกคนในองค์การของพระยะโฮวาจะยึดมั่นเต็มที่ในความหมายและความสำคัญแห่งนิมิตซึ่งมีบันทึกในยะเอศเคลบทที่หนึ่งหากพวกเขาจะดำเนินร่วมกับราชรถฝ่ายสวรรค์ของพระเจ้า. นิมิตนี้ช่วยเราให้ตระหนักว่าเราควรจะดำเนินไปอย่างที่สอดคล้องประสานกับองค์การของพระเจ้า ทั้งที่ประจักษ์แก่ตาและที่ไม่ประจักษ์แก่ตา. เช่นเดียวกัน จงจดจำไว้ว่าพระยะโฮวา “ทรงทอดพระเนตรไปทั่วพิภพโลก เพื่อจะสำแดงว่าพระองค์ทรงฤทธานุภาพสถิตอยู่กับคนทั้งปวงที่มีใจซื่อสัตย์สุจริตต่อพระองค์.” (2 โครนิกา 16:9) ไม่มีสักสิ่งเดียวที่จะรอดพ้นจากการสังเกตของพระยะโฮวาได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสิ่งใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับพระประสงค์ของพระองค์ในการพิสูจน์พระองค์เองว่าเป็นองค์บรมหิศรแห่งเอกภพ.
23. ขณะที่ราชรถของพระยะโฮวาเคลื่อนที่ เราต้องทำอะไร?
23 ปัจจุบันนี้ราชรถฝ่ายสวรรค์ของพระยะโฮวากำลังเคลื่อนที่อยู่. ในอีกไม่ช้าทุกสิ่งจะถูกทำให้มีสง่าราศีอย่างที่สอดคล้องกับพระองค์ผู้ทรงสง่าราศีซึ่งประทับบนราชรถนั้น—ทั้งหมดจะเป็นการเชิดชูพระองค์ในฐานะองค์บรมหิศรแห่งเอกภพ. บรรดาเซราฟ, คะรูบ, และทูตสวรรค์กำลังหนุนหลังเราในงานประกาศสั่งสอนอันกว้างใหญ่ไพศาลไปทั่วโลกที่เราทำอยู่. ฉะนั้น จงให้เราก้าวไปข้างหน้าพร้อมกับองค์การทางภาคสวรรค์ของพระยะโฮวา. แต่เราจะสามารถก้าวให้ทันกับราชรถฝ่ายสวรรค์ซึ่งเคลื่อนที่ไปอย่างรวดเร็วนั้นได้อย่างไร?
คุณจะตอบอย่างไร?
▫ คุณลักษณะต่าง ๆ อะไรบ้างที่มีแสดงไว้โดยสิ่งมีชีวิตทั้งสี่ซึ่งยะเอศเคลได้เห็น?
▫ ราชรถฝ่ายสวรรค์ของพระยะโฮวาเป็นภาพเล็งถึงสิ่งใด?
▫ ผู้พยากรณ์ยะเอศเคลเป็นภาพเล็งถึงใคร?
▫ ความเข้าใจเกี่ยวกับราชรถฝ่ายสวรรค์ของพระยะโฮวามีผลกระทบชนจำพวกยะเอศเคลและชนฝูงใหญ่อย่างไร?