“เราจะอยู่กับพวกเจ้า”
“จะมีหลายคนค้นคว้าอย่างถี่ถ้วนและความรู้แท้จะอุดมบริบูรณ์.”—ดานิ. 12:4, ล.ม.
คุณจะตอบอย่างไร?
มีการเปิดเผย “ความรู้แท้” อย่างไรในสมัยปัจจุบัน?
คนที่ตอบรับความจริงได้กลายมาเป็น “หลายคน” ได้อย่างไร?
ความรู้ถ่องแท้มี “อุดมบริบูรณ์” โดยวิธีใด?
1, 2. (ก) เรารู้ได้อย่างไรว่าพระเยซูทรงอยู่กับคนที่เป็นราษฎรของพระองค์ในเวลานี้และจะทรงอยู่กับพวกเขาในอนาคต? (ข) ตามที่กล่าวไว้ในดานิเอล 12:4 (ล.ม.) การศึกษาพระคัมภีร์อย่างละเอียดจะก่อให้เกิดผลเช่นไร?
ขอให้นึกภาพว่าคุณอยู่ในโลกใหม่ที่เป็นอุทยาน. ทุกเช้าเมื่อคุณตื่นนอน คุณรู้สึกว่าได้พักผ่อนเต็มที่และกระตือรือร้นที่จะเริ่มวันใหม่. คุณไม่รู้สึกเจ็บปวดอะไร. ความอ่อนเปลี้ยที่คุณเคยมีก็หายไป. ประสาทสัมผัสทั้งหมดของคุณ—ไม่ว่าจะเป็นการมองเห็น การได้ยิน การได้กลิ่น การสัมผัส และการรับรส—ทำหน้าที่ได้อย่างสมบูรณ์แบบ. คุณมีกำลังวังชาเหลือเฟือ มีงานที่น่าเพลิดเพลิน มีเพื่อนมากมาย และไม่มีอะไรที่ทำให้กังวลอีกต่อไป. คุณจะชื่นชมกับพระพรเหล่านี้ได้เมื่ออยู่ภายใต้การปกครองของราชอาณาจักรของพระเจ้า. พระคริสต์เยซู กษัตริย์ที่พระเจ้าทรงแต่งตั้ง จะอวยพรราษฎรของพระองค์และสอนพวกเขาให้มีความรู้เกี่ยวกับพระยะโฮวา.
2 พระยะโฮวาจะทรงอยู่กับผู้รับใช้ที่ภักดีของพระองค์ขณะที่พวกเขามีส่วนร่วมในงานสอนที่จะครอบคลุมทั่วทั้งโลกในอนาคต. พระเจ้าและพระบุตรทรงอยู่กับเหล่าผู้ซื่อสัตย์มาแล้วหลายศตวรรษ. ก่อนจะขึ้นไปยังสวรรค์ พระเยซูทรงรับรองกับเหล่าสาวกที่ภักดีว่าพระองค์จะอยู่กับพวกเขา. (อ่านมัดธาย 28:19, 20) เพื่อจะมั่นใจในคำรับรองนี้มากขึ้น ขอให้เรามาพิจารณาประโยคหนึ่งของคำพยากรณ์ที่มีขึ้นโดยการดลใจจากพระเจ้าซึ่งเขียนที่บาบิโลนโบราณเมื่อกว่า 2,500 ปีมาแล้ว. ผู้พยากรณ์ดานิเอลเขียนเกี่ยวกับช่วงเวลาที่เรามีชีวิตอยู่นี้ซึ่งเป็น “ช่วงอวสาน” ว่า “จะมีหลายคนค้นคว้าอย่างถี่ถ้วนและความรู้แท้จะอุดมบริบูรณ์.” (ดานิ. 12:4, ล.ม.) การค้นคว้าอย่างถี่ถ้วนเช่นนั้นทำให้เกิดผลเป็นพระพรที่ยอดเยี่ยมจริง ๆ! คนที่ศึกษาพระคัมภีร์อย่างละเอียดจะได้รับความรู้แท้หรือความรู้ที่ถูกต้องเกี่ยวกับพระคำของพระเจ้า. คำพยากรณ์นี้ยังบอกด้วยว่าหลายคนจะมี “ความรู้แท้.” นอกจากนั้น ความรู้นี้จะมีอุดมบริบูรณ์. จะมีการแจกจ่ายความรู้นี้ไปอย่างกว้างขวางและหาอ่านได้ง่าย. เมื่อเราพิจารณาว่าคำพยากรณ์นี้สำเร็จเป็นจริงอย่างไร เราก็จะเห็นว่าพระเยซูทรงอยู่กับเหล่าสาวกของพระองค์ในทุกวันนี้และพระยะโฮวาทรงสามารถทำทุกสิ่งที่พระองค์สัญญาไว้ให้สำเร็จ.
“ความรู้แท้” ได้รับการเปิดเผย
3. เกิดอะไรขึ้นกับ “ความรู้แท้” หลังจากที่เหล่าอัครสาวกเสียชีวิต?
3 หลังจากที่เหล่าอัครสาวกเสียชีวิต การออกหากจากศาสนาคริสเตียนแท้ที่มีบอกไว้ล่วงหน้าได้ก่อตัวขึ้นและแพร่ไปราวกับไฟ. (กิจ. 20:28-30; 2 เทส. 2:1-3) หลายศตวรรษหลังจากนั้น “ความรู้แท้” ก็ยังห่างไกลจากคำว่าอุดมบริบูรณ์ ทั้งในหมู่ผู้คนที่ไม่รู้จักคัมภีร์ไบเบิลเลยและท่ามกลางคนที่อ้างว่าเป็นคริสเตียนด้วย. แม้เหล่าหัวหน้าศาสนาในคริสต์ศาสนจักรอ้างว่าเชื่อพระคัมภีร์ แต่พวกเขาสอนคำสอนเท็จซึ่งเป็น “คำสอนของพวกปิศาจ” ที่หลู่เกียรติพระเจ้า. (1 ติโม. 4:1) ผู้คนทั่วไปยังคงอยู่ในสภาพที่ไม่รู้เรื่องพระเจ้า. พวกผู้ออกหากสอนคำสอนเท็จหลายอย่าง เช่น คำสอนที่ว่าพระเจ้าเป็นตรีเอกานุภาพ จิตวิญญาณเป็นอมตะ และพระเจ้าทรมานคนชั่วในไฟนรกชั่วกัปชั่วกัลป์.
4. คริสเตียนกลุ่มหนึ่งในทศวรรษ 1870 เริ่มค้นคว้าเพื่อจะได้ “ความรู้แท้” อย่างไร?
4 อย่างไรก็ตาม ในทศวรรษ 1870 ประมาณสี่สิบปีก่อน “สมัยสุดท้าย” จะเริ่มขึ้น คริสเตียนที่จริงใจกลุ่มเล็ก ๆ กลุ่มหนึ่งในเพนซิลเวเนีย สหรัฐอเมริกา ประชุมกันเพื่อศึกษาคัมภีร์ไบเบิลอย่างขยันขันแข็งและค้นคว้าเพื่อจะได้ “ความรู้แท้.” (2 ติโม. 3:1) พวกเขาเรียกตัวเองว่านักศึกษาคัมภีร์ไบเบิล. พวกเขาไม่ใช่ “คนมีปัญญาและคนฉลาด” ที่พระเยซูตรัสว่าพระเจ้าทรงซ่อนความรู้แท้ไว้จากคนเหล่านี้. (มัด. 11:25) พวกเขาเป็นคนถ่อมที่ปรารถนาอย่างจริงใจที่จะทำตามพระประสงค์ของพระเจ้า. พวกเขาอ่าน พิจารณา และใคร่ครวญข้อความในพระคัมภีร์อย่างละเอียดและจริงจัง. พวกเขายังเปรียบเทียบเนื้อความในข้อคัมภีร์ต่าง ๆ และตรวจสอบข้อเขียนของคนอื่น ๆ ที่ได้ค้นคว้าคล้าย ๆ กัน. ทีละเล็กทีละน้อย นักศึกษาคัมภีร์ไบเบิลเหล่านี้ได้เข้าใจความจริงที่ถูกปิดบังไว้เป็นเวลาหลายศตวรรษ.
5. จุดประสงค์ของชุดอนุสารคำสอนดั้งเดิมทางศาสนา คืออะไร?
5 แม้ว่านักศึกษาคัมภีร์ไบเบิลตื่นเต้นกับสิ่งที่พวกเขาได้เรียนรู้ แต่พวกเขาไม่ทะนงตัวเพราะความรู้ใหม่ ที่ได้พบ และไม่ถือว่าเรื่องนี้เป็นความดีความชอบของตนเอง. (1 โค. 8:1) แทนที่จะเป็นอย่างนั้น พวกเขาจัดพิมพ์ชุดอนุสารที่ชื่อคำสอนดั้งเดิมทางศาสนา. อนุสารนี้มีจุดประสงค์ที่จะช่วยผู้อ่านให้คุ้นเคยกับความจริงที่บันทึกไว้ในคัมภีร์ไบเบิล. เนื้อหาของอนุสารแรกในชุดนี้เป็น “เรื่องอ่านเพิ่มเติมเพื่อช่วยเสริมการศึกษาคัมภีร์ไบเบิล โดยมีเป้าหมายที่จะขจัดประเพณีของมนุษย์ที่มาจากศาสนาเท็จให้หมดสิ้น และฟื้นฟูคำสอนดั้งเดิมที่องค์พระผู้เป็นเจ้าและเหล่าอัครสาวกเคยสอน.”—คำสอนดั้งเดิมทางศาสนา หมายเลข 1 เดือนเมษายน 1889 หน้า 32
6, 7. (ก) เราได้รับความช่วยเหลือให้เข้าใจความจริงอะไรนับตั้งแต่ทศวรรษ 1870? (ข) คุณเห็นคุณค่าความจริงอะไรเป็นพิเศษ?
6 ความจริงที่ถูกเปิดเผยนับตั้งแต่การเริ่มต้นเล็ก ๆ นั้นเมื่อร้อยกว่าปีที่แล้วช่างน่าทึ่งจริง ๆ!a ความจริงเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องทางวิชาการที่น่าเบื่อที่นักศาสนศาสตร์ถกกัน. ความจริงเหล่านี้เป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นและช่วยปลดปล่อยคนเราให้เป็นอิสระ ซึ่งทำให้ชีวิตเรามีความหมายและทำให้เรายินดีและมีความหวัง. ความจริงเหล่านี้ช่วยเราให้รู้จักพระยะโฮวา รู้จักบุคลิกภาพที่เปี่ยมด้วยความรักของพระองค์และรู้ว่าพระองค์ทรงมีพระประสงค์เช่นไร. ความจริงดังกล่าวยังอธิบายบทบาทของพระเยซูให้กระจ่าง ทำให้เข้าใจเหตุผลที่พระองค์ทรงถูกส่งมายังแผ่นดินโลกและสิ้นพระชนม์ และบอกว่าพระองค์กำลังทำอะไรอยู่ในขณะนี้. ความจริงอันล้ำค่าเหล่านี้เปิดเผยว่าทำไมพระเจ้าทรงยอมให้มีความชั่ว ทำไมเราจึงตาย เราควรอธิษฐานอย่างไร และเราจะมีความสุขแท้ได้อย่างไร.
7 ปัจจุบัน เราสามารถเข้าใจความหมายของคำพยากรณ์ต่าง ๆ ที่เป็น “ความลับ” มานานแต่กำลังสำเร็จเป็นจริงในเวลาอวสานนี้. (ดานิ. 12:9, ล.ม.) เราพบคำพยากรณ์เหล่านี้ในพระคัมภีร์ทั้งเล่ม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหนังสือกิตติคุณและหนังสือวิวรณ์. พระยะโฮวาทรงช่วยเราให้เข้าใจเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เราไม่อาจเห็นได้ด้วยตาด้วยซ้ำ เช่น การขึ้นครองราชย์ของพระเยซู สงครามในสวรรค์ และการเหวี่ยงซาตานลงมายังโลก. (วิ. 12:7-12) นอกจากนั้น พระเจ้าทรงช่วยเราให้เข้าใจความหมายของสิ่งที่เราเห็นได้ ด้วยตา เช่น สงคราม แผ่นดินไหว โรคระบาด การขาดแคลนอาหาร และผู้คนที่ไม่เลื่อมใสพระเจ้าซึ่งมีส่วนทำให้เกิด “วิกฤตกาลซึ่งยากจะรับมือได้.”—2 ติโม. 3:1-5; ลูกา 21:10, 11
8. เราควรยกย่องสรรเสริญใครสำหรับสิ่งต่าง ๆ ที่เราได้เห็นและได้ยิน?
8 เป็นเรื่องง่ายที่เราจะเข้าใจว่าพระเยซูทรงหมายถึงอะไรเมื่อพระองค์บอกเหล่าสาวกว่า “ผู้ที่เห็นสิ่งที่พวกเจ้าเห็นก็มีความสุข. ด้วยเราบอกพวกเจ้าว่า ผู้พยากรณ์หลายคนและกษัตริย์หลายองค์ปรารถนาจะเห็นสิ่งที่พวกเจ้าเห็นแต่ไม่ได้เห็น และปรารถนาจะได้ยินสิ่งที่พวกเจ้าได้ยินแต่ไม่ได้ยิน.” (ลูกา 10:23, 24) เรายกย่องสรรเสริญพระยะโฮวาพระเจ้าที่ทรงทำให้เราเห็นและได้ยินสิ่งเหล่านั้นได้. และเรารู้สึกขอบคุณสักเพียงไรที่ “ผู้ช่วยนั้น” ซึ่งก็คือพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้า ถูกส่งมาเพื่อชี้นำเหล่าสาวกของพระเยซู “ให้เข้าใจความจริงทั้งหมด”! (อ่านโยฮัน 16:7, 13) ขอให้เราเห็นคุณค่า “ความรู้แท้” เสมอและบอกความรู้นั้นแก่คนอื่น ๆ อย่างไม่เห็นแก่ตัว!
“หลายคน” ตอบรับ “ความรู้แท้”
9. มีคำประกาศเชิญอะไรในวารสารหอสังเกตการณ์ เดือนเมษายน 1881?
9 ในเดือนเมษายน 1881 ยังไม่ถึงสองปีหลังจากการตีพิมพ์วารสารหอสังเกตการณ์ ฉบับแรก มีคำประกาศในวารสารนี้เชิญ 1,000 คนให้มาเป็นผู้ประกาศ. บทความนั้นกล่าวว่า “สำหรับคนที่จัดได้ที่จะอุทิศเวลาของตนครึ่งหนึ่งหรือมากกว่านั้นให้แก่งานขององค์พระผู้เป็นเจ้า เราอยากเสนอแนะแผนอย่างหนึ่ง . . . ดังต่อไปนี้: ให้พวกคุณออกไปตามเมืองน้อยใหญ่ ตามที่จะสามารถไปได้. ในฐานะคอลพอร์เทอร์หรือผู้เผยแพร่กิตติคุณ จงเสาะหาคริสเตียนที่จริงใจในทุกแห่งหนซึ่งคุณจะพบว่าพวกเขาหลายคนมีใจร้อนรนเพื่อพระเจ้า แต่ไม่สอดคล้องกับความรู้ที่ถูกต้อง. จงพยายามบอกคนเหล่านี้ให้รู้จักพระกรุณาคุณอันเหลือล้นของพระบิดาและความงดงามแห่งพระคำของพระองค์.”
10. ผู้คนตอบสนองอย่างไรต่อคำประกาศเชิญให้มาเป็นผู้ประกาศเต็มเวลา?
10 คำประกาศเชิญนั้นแสดงให้เห็นว่านักศึกษาคัมภีร์ไบเบิลกลุ่มนี้ตระหนักว่างานสำคัญอย่างหนึ่งของคริสเตียนแท้คือการประกาศข่าวดี. แต่การที่พวกเขาประกาศเชิญเพื่อจะมีผู้ประกาศเต็มเวลา 1,000 คนนั้นเป็นการมองในแง่บวกทีเดียว เนื่องจากในเวลานั้นมีผู้เข้าร่วมการประชุมของนักศึกษาคัมภีร์ไบเบิลแค่ไม่กี่ร้อยคน. แต่หลังจากได้อ่านอนุสารหรือวารสาร หลายคนยอมรับว่าสิ่งที่เขาอ่านเป็นความจริงและตอบรับคำเชิญนั้นทันที. ตัวอย่างเช่น ในปี 1882 หลังจากที่ได้อ่านหอสังเกตการณ์ ฉบับหนึ่งและหนังสือเล่มเล็กเล่มหนึ่งที่จัดพิมพ์โดยนักศึกษาคัมภีร์ไบเบิล ผู้อ่านคนหนึ่งที่อยู่ในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เขียนว่า “ขอช่วยสอนผมให้รู้วิธีประกาศและรู้ว่าจะประกาศเรื่องอะไรเพื่อจะทำงานที่พระเจ้าทรงประสงค์และทำงานที่พระองค์ทรงอวยพรให้สำเร็จ.”
11, 12. (ก) เรามีจุดมุ่งหมายอะไรที่เหมือนกันกับเหล่าคอลพอร์เทอร์? (ข) คอลพอร์เทอร์ก่อตั้ง “ชั้นเรียน” หรือประชาคมอย่างไร?
11 เมื่อถึงปี 1885 มีนักศึกษาคัมภีร์ไบเบิลประมาณ 300 คนร่วมในการรับใช้เป็นคอลพอร์เทอร์. ผู้รับใช้เต็มเวลาเหล่านี้มีจุดมุ่งหมายแบบเดียวกับเราในทุกวันนี้ คือสอนคนให้เป็นสาวกของพระเยซูคริสต์. อย่างไรก็ตาม วิธีการสอนของพวกเขาไม่เหมือนกับวิธีที่เราสอน. ปัจจุบัน ตามปกติเรานำการศึกษาคัมภีร์ไบเบิลกับคนหนึ่งในแต่ละครั้ง โดยสอนเป็นรายบุคคล. แล้วเราก็จะเชิญนักศึกษาคัมภีร์ไบเบิลให้สมทบกับประชาคมที่มีอยู่แล้ว. แต่ในสมัยโน้น เหล่าคอลพอร์เทอร์จะเสนอหนังสือแล้วก็รวบรวมผู้สนใจให้มาศึกษาพระคัมภีร์ด้วยกันเป็นกลุ่ม. แทนที่จะนำการศึกษากับแต่ละคน พวกเขาจะก่อตั้ง “ชั้นเรียน” หรือประชาคมขึ้น.
12 ตัวอย่างเช่น ในปี 1907 คอลพอร์เทอร์กลุ่มหนึ่งออกสำรวจในเมืองหนึ่งเพื่อจะหาคนที่มีหนังสือรุ่งอรุณแห่งรัชสมัยพันปี (ซึ่งถูกเรียกด้วยว่าคู่มือการศึกษาพระคัมภีร์) อยู่แล้ว. หอสังเกตการณ์ รายงานว่า “พวกเขารวบรวม [ผู้สนใจ] เหล่านี้ให้มาร่วมการประชุมเล็ก ๆ ในบ้านหลังหนึ่งของพวกเขา. คอลพอร์เทอร์พิจารณาเรื่อง ‘แผนการของพระเจ้าเกี่ยวกับยุคต่าง ๆ’ กับพวกเขาในวันอาทิตย์ทั้งวัน และในวันอาทิตย์ถัดไปเขาก็จะกระตุ้นผู้สนใจให้เข้าร่วมการประชุมเป็นประจำ.” ในปี 1911 พี่น้องของเราปรับขั้นตอนในการทำงาน. มีผู้รับใช้เดินทาง 58 คนที่ได้รับมอบหมายเป็นพิเศษให้บรรยายสาธารณะทั่วประเทศสหรัฐและแคนาดา. พี่น้องเหล่านี้ได้ชื่อและที่อยู่ของผู้สนใจที่เข้าฟังคำบรรยายและจัดให้พวกเขามาประชุมกันในบ้านส่วนตัวเพื่อก่อตั้ง “ชั้นเรียน” ใหม่ ๆ. เมื่อถึงปี 1914 ก็มีประชาคมของนักศึกษาคัมภีร์ไบเบิลทั่วโลกประมาณ 1,200 ประชาคม.
13. คุณประทับใจอะไรเกี่ยวกับขอบเขตของ “ความรู้แท้” ในทุกวันนี้?
13 ปัจจุบัน ทั่วโลกมีประมาณ 109,400 ประชาคม และมีพี่น้องชายหญิงประมาณ 895,800 คนรับใช้เป็นไพโอเนียร์. ในเวลานี้มีเกือบแปดล้านคนตอบรับ “ความรู้แท้” และใช้ความรู้นั้นในชีวิตของตน. (อ่านยะซายา 60:22)b นั่นเป็นเรื่องที่น่าประทับใจเป็นพิเศษ เนื่องจากพระเยซูทรงบอกล่วงหน้าว่าสาวกของพระองค์จะตกเป็น “เป้าแห่งความเกลียดชังจากคนทั้งปวง” เพราะพระนามของพระองค์. พระองค์ยังตรัสด้วยว่าเหล่าสาวกของพระองค์จะถูกข่มเหง ถูกจำคุก และแม้แต่ถูกฆ่า. (ลูกา 21:12-17) แม้ว่าถูกต่อต้านขัดขวางจากซาตาน พวกปิศาจ และพวกผู้ต่อต้านที่เป็นมนุษย์ ประชาชนของพระยะโฮวาประสบความสำเร็จอย่างใหญ่หลวงในการสอนคนให้เป็นสาวกซึ่งเป็นงานที่พวกเขาได้รับมอบหมาย. ในปัจจุบัน พวกเขาประกาศ “ไปทั่วแผ่นดินโลกที่มีคนอาศัยอยู่” ตั้งแต่ป่าเขตร้อนไปจนถึงทุ่งราบทุนดราที่หนาวจัด ในภูมิภาคที่เป็นภูเขา ในทะเลทราย ในเมืองใหญ่ ๆ และในชนบทที่ทุรกันดารที่สุด. (มัด. 24:14) พวกเขาไม่มีทางทำอย่างนี้ได้สำเร็จหากพระเจ้าไม่ทรงหนุนหลัง.
‘ความรู้แท้มีอุดมบริบูรณ์’
14. “ความรู้แท้” เป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางโดยอาศัยสิ่งพิมพ์อย่างไร?
14 “ความรู้แท้” มีอุดมบริบูรณ์ได้ก็เพราะมีหลายคนกำลังประกาศข่าวดี. นอกจากนั้น ความรู้แท้ยังมีอุดมบริบูรณ์ได้เพราะสิ่งพิมพ์ต่าง ๆ ด้วย. ในเดือนกรกฎาคม 1879 นักศึกษาคัมภีร์ไบเบิลเริ่มพิมพ์วารสารนี้เป็นฉบับแรกโดยใช้ชื่อว่าหอสังเกตการณ์แห่งซีโอนและผู้ป่าวประกาศถึงการประทับของพระคริสต์ (ภาษาอังกฤษ). วารสารฉบับแรกนี้ ซึ่งจ้างบริษัทเอกชนพิมพ์ มียอดพิมพ์ 6,000 ฉบับและพิมพ์ในภาษาอังกฤษภาษาเดียว. ชาลส์ เทซ รัสเซลล์ ซึ่งขณะนั้นอายุ 27 ปีได้รับเลือกให้เป็นบรรณาธิการ โดยมีนักศึกษาคัมภีร์ไบเบิลอาวุโสอีกห้าคนทำหน้าที่เป็นผู้จัดจำหน่าย. ปัจจุบัน มีการพิมพ์หอสังเกตการณ์ ใน 195 ภาษา. วารสารนี้มียอดจำหน่ายมากที่สุดในโลก คือ 42,182,000 ฉบับในแต่ละงวด. วารสารที่มียอดจำหน่ายสูงสุดเป็นอันดับสองคือตื่นเถิด! ซึ่งเป็นวารสารที่ออกคู่กัน โดยมียอดจำหน่าย 41,042,000 ฉบับใน 84 ภาษา. นอกจากนั้น มีการพิมพ์หนังสือและคัมภีร์ไบเบิลประมาณ 100 ล้านเล่มในแต่ละปี.
15. การดำเนินงานของเราในการพิมพ์ได้รับการสนับสนุนทางการเงินอย่างไร?
15 งานที่ใหญ่โตอย่างยิ่งนี้ได้รับการสนับสนุนทางการเงินโดยการบริจาคด้วยใจสมัคร. (อ่านมัดธาย 10:8) แค่เรื่องนี้เรื่องเดียวก็นับว่าน่าทึ่งแล้วสำหรับคนที่อยู่ในวงการอุตสาหกรรมการพิมพ์ที่เข้าใจเรื่องค่าใช้จ่ายสำหรับเครื่องพิมพ์ กระดาษ หมึก และวัสดุอื่น ๆ. พี่น้องชายคนหนึ่งซึ่งทำหน้าที่จัดซื้อวัสดุสิ่งของสำหรับการพิมพ์ของสมาคมฯ ทั่วทั้งโลกกล่าวว่า “ผู้คนในวงการธุรกิจที่มาเยี่ยมชมโรงพิมพ์ของเรารู้สึกทึ่งเมื่อเห็นว่าโรงพิมพ์ที่มีจำนวนการผลิตสูงและก้าวหน้าทางเทคโนโลยีเช่นนี้ได้รับการสนับสนุนทางการเงินโดยการบริจาคด้วยใจสมัคร. พวกเขายังประทับใจอย่างมากด้วยเมื่อเห็นว่าแรงงานที่ปฏิบัติหน้าที่ในเบเธลของเราเป็นคนหนุ่มสาวที่มีความสุข.”
ความรู้ของพระเจ้าจะเต็มแผ่นดินโลก
16. การเปิดเผย “ความรู้แท้” มีจุดมุ่งหมายอะไร?
16 “ความรู้แท้” มีอุดมบริบูรณ์โดยมีจุดมุ่งหมายที่ดีอย่างหนึ่ง. พระเจ้าทรงประสงค์จะให้ “คนทุกชนิดรอดและได้รับความรู้ถ่องแท้เรื่องความจริง.” (1 ติโม. 2:3, 4) พระยะโฮวาทรงประสงค์ให้ผู้คนรู้จักความจริงเพื่อพวกเขาจะนมัสการพระองค์ได้อย่างถูกต้องและได้รับพระพรจากพระองค์. โดยการประกาศและการสอน “ความรู้แท้” พระยะโฮวาได้ทรงรวบรวมชนที่เหลือที่ซื่อสัตย์แห่งคริสเตียนผู้ถูกเจิม. นอกจากนั้น พระองค์กำลังรวบรวม “ชนฝูงใหญ่” จาก “ทุกประเทศ ทุกตระกูล ทุกชนชาติ และทุกภาษา” ซึ่งมีความหวังที่จะมีชีวิตตลอดไปบนแผ่นดินโลก.—วิ. 7:9
17. การขยายเติบโตของการนมัสการแท้ทำให้เราสรุปได้เช่นไร?
17 การขยายเติบโตของการนมัสการแท้ในช่วง 130 ปีที่ผ่านไปทำให้เราสรุปได้อย่างมั่นใจว่าพระเจ้าและพระเยซูคริสต์ กษัตริย์ที่พระองค์ทรงแต่งตั้ง ได้อยู่กับผู้รับใช้ของพระยะโฮวาบนแผ่นดินโลกนี้ โดยทรงชี้นำ ปกป้อง จัดระเบียบ และสอนพวกเขา. การเติบโตนี้ยังเสริมความเชื่อมั่นว่าคำสัญญาต่าง ๆ ของพระยะโฮวาสำหรับอนาคตจะสำเร็จเป็นจริงอย่างแน่นอน. “แผ่นดินโลกจะเต็มไปด้วยความรู้ฝ่ายพระยะโฮวาดุจน้ำท่วมเต็มมหาสมุทร.” (ยซา. 11:9) เมื่อถึงตอนนั้น มนุษยชาติจะได้รับพระพรอย่างมากมาย!
[เชิงอรรถ]
a คุณจะได้รับประโยชน์จากการชมดีวีดีพยานพระยะโฮวา—ผู้ปฏิบัติตามความเชื่อ ภาค 1: ออกมาจากความมืด และพยานพระยะโฮวา—ผู้ปฏิบัติตามความเชื่อ ภาค 2: ‘ให้แสงสว่างส่องออกมา.’
b โปรดดูหอสังเกตการณ์ 1 กรกฎาคม 2002 หน้า 19 วรรค 16; หนังสือคำพยากรณ์ของยะซายาห์—ความสว่างสำหรับมวลมนุษยชาติ เล่ม 2 (ภาษาอังกฤษ) หน้า 320.
[ภาพหน้า 6]
นักศึกษาคัมภีร์ไบเบิลรุ่นแรก ๆ เป็นคนถ่อมซึ่งปรารถนาอย่างจริงใจที่จะทำตามพระประสงค์ของพระเจ้า
[ภาพหน้า 7]
พระยะโฮวาทรงเห็นคุณค่าความพยายามของคุณในการแพร่กระจาย “ความรู้แท้” ของพระองค์