บทสี่
การปรากฏและการล้มของรูปปั้นมหึมา
1. ทำไมเราควรสนใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้นหนึ่งทศวรรษหลังจากกษัตริย์นะบูคัดเนซัรได้นำดานิเอลและคนอื่น ๆ มาเป็นเชลย?
หนึ่งทศวรรษผ่านไปตั้งแต่ที่กษัตริย์นะบูคัดเนซัรได้นำดานิเอลและ “คนสำคัญ ๆ แห่งแผ่นดิน” ยูดาคนอื่น ๆ ไปเป็นเชลยในบาบูโลน. (2 กษัตริย์ 24:15, ล.ม.) ตอนที่ชายหนุ่มดานิเอลกำลังรับใช้ในราชสำนัก มีสถานการณ์ที่คุกคามชีวิตเกิดขึ้น. ทำไมเราควรสนใจเรื่องนี้? ก็เพราะว่าวิธีที่พระยะโฮวาทรงเข้าแทรกแซงเรื่องนี้ไม่เพียงแต่ช่วยชีวิตของดานิเอลและคนอื่น ๆ เท่านั้นแต่ยังช่วยให้เราเห็นภาพลำดับของมหาอำนาจโลกในคำพยากรณ์ของคัมภีร์ไบเบิลซึ่งดำเนินมาจนถึงสมัยของเรา.
กษัตริย์องค์หนึ่งเผชิญปัญหายุ่งยาก
2. นะบูคัดเนซัรฝันเชิงพยากรณ์เรื่องแรกเมื่อไร?
2 ผู้พยากรณ์ดานิเอลเขียนว่า “ครั้นปีที่สองในรัชกาลของราชานะบูคัศเนซัร, ราชานะบูคัศเนซัรได้ทรงพระสุบิน; และมีพระทัยเป็นทุกข์จนบรรทมไม่หลับ.” (ดานิเอล 2:1) ผู้ฝันคือนะบูคัดเนซัร กษัตริย์แห่งจักรวรรดิบาบูโลน. ท่านกลายเป็นผู้ปกครองโลกอย่างแท้จริงในปี 607 ก.ส.ศ. เมื่อพระยะโฮวาพระเจ้าทรงยอมให้ท่านทำลายกรุงยะรูซาเลมและพระวิหาร. ในปีที่สองแห่งการครองราชย์ฐานะผู้ปกครองโลกของนะบูคัดเนซัร (ปี 606/605 ก.ส.ศ.) พระเจ้าทรงให้ท่านฝันเห็นสิ่งที่น่ากลัว.
3. ใครไม่สามารถแก้ฝันของกษัตริย์ได้ และนะบูคัดเนซัรมีปฏิกิริยาอย่างไร?
3 ความฝันนี้รบกวนใจนะบูคัดเนซัรมากจนทำให้ท่านนอนไม่หลับ. เป็นธรรมดาที่ท่านกระวนกระวายอยากรู้ว่ามันมีความหมายอะไร. แต่ทว่ากษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่จำความฝันนั้นไม่ได้! ดังนั้น ท่านจึงสั่งให้คนทำเวทมนตร์, พ่อมด, หมอผีมาเฝ้าและท่านสั่งให้พวกเขาเล่าความฝันและแปลความหมายให้ท่านฟัง. งานนี้ยากเกินกว่าที่พวกเขาจะทำได้. การที่พวกเขาล้มเหลวทำให้นะบูคัดเนซัรโกรธมากจนถึงกับสั่งให้ “เอาตัวพวกโหร [“นักปราชญ์,” ล.ม.] ทั้งหมดในเมืองบาบูโลนไปฆ่าเสีย.” คำสั่งนี้ทำให้ดานิเอลเผชิญหน้ากับผู้ที่ได้รับมอบหมายให้เป็นเพชฌฆาต. เพราะเหตุใด? เพราะท่านและเพื่อนชาวฮีบรูสามคนของท่าน—ฮะนันยา, มิซาเอล, และอะซาระยา—ถูกนับรวมอยู่ในหมู่นักปราชญ์ของบาบูโลนด้วย.—ดานิเอล 2:2-14.
ดานิเอลมาช่วยให้รอด
4. (ก) ดานิเอลรู้เรื่องราวและความหมายของความฝันของนะบูคัดเนซัรได้อย่างไร? (ข) ดานิเอลได้พูดอะไรในการแสดงความหยั่งรู้ค่าต่อพระยะโฮวาพระเจ้า?
4 เมื่อได้รู้เหตุผลของคำสั่งที่โหดร้ายของนะบูคัดเนซัรแล้ว “ดานิเอลจึงได้เข้าเฝ้า, และได้ทูลขอกษัตริย์ให้เขามีโอกาสบ้าง, แล้วเขาจะแก้พระสุบินนั้นให้กษัตริย์ฟัง.” คำขอนี้ได้รับอนุมัติ. ดานิเอลกลับไปบ้าน แล้วท่านกับเพื่อนชาวฮีบรูสามคนของท่านทูลอธิษฐาน ร้องขอ “ความเมตตาจากพระเจ้าแห่งสรวงสวรรค์ในเรื่องเกี่ยวข้องกับความลับลึกนี้.” ในนิมิตคืนนั้นเอง พระยะโฮวาทรงเผยให้ดานิเอลทราบความลับลึกของความฝัน. ดานิเอลทูลด้วยความขอบพระคุณว่า “ขอให้พระนามของพระเจ้าจำเริญสืบ ๆ ไปเป็นนิจเถิด, ด้วยว่าสติปัญญาและเดชานุภาพเป็นของพระองค์. พระองค์ทรงสับเปลี่ยนกาลและฤดู; ทรงถอดและทรงตั้งกษัตริย์; ทรงประทานสติปัญญาให้แก่นักปราชญ์, และความรู้ให้แก่คนที่เข้าใจ. พระองค์ทรงไขสิ่งลึกซึ้งและลับลึกออกให้เห็นแจ้ง, พระองค์ทรงทราบอะไรอยู่ในความมืด, เพราะความสว่างได้อยู่กับพระองค์.” ดานิเอลสรรเสริญพระยะโฮวาเนื่องด้วยความหยั่งเห็นเข้าใจนั้น.—ดานิเอล 2:15-23.
5. (ก) เมื่ออยู่ต่อหน้ากษัตริย์ ดานิเอลได้ถวายพระเกียรติแด่พระยะโฮวาอย่างไร? (ข) ทำไมคำอธิบายของดานิเอลเป็นเรื่องน่าสนใจสำหรับพวกเราในสมัยนี้?
5 วันต่อมา ดานิเอลไปหาอะระโยค หัวหน้าราชองครักษ์ซึ่งได้รับมอบหมายให้ประหารนักปราชญ์ทุกคนในบาบูโลน. เมื่อรู้ว่าดานิเอลสามารถแก้ฝันนั้นได้ อะระโยครีบพาท่านไปเฝ้ากษัตริย์. ดานิเอลไม่ได้ถือว่าตัวเองควรได้รับเกียรติ ท่านทูลนะบูคัดเนซัรว่า “มีพระเจ้าอยู่องค์หนึ่งสถิตอยู่ในสรวงสวรรค์, ผู้ทรงสำแดงเรื่องลับลึกให้ประจักษ์แจ้งได้, และพระองค์นั้นก็ทรงสำแดงการซึ่งจะบังเกิดขึ้นในภายหน้าให้ราชานะบูคัศเนซัรรู้.” ดานิเอลพร้อมจะเปิดเผยไม่เพียงแค่อนาคตของจักรวรรดิบาบูโลนเท่านั้น แต่ยังพร้อมจะเปิดเผยเค้าโครงเหตุการณ์ของโลกตั้งแต่สมัยของนะบูคัดเนซัรจนถึงสมัยของเราและต่อไปในอนาคตด้วย.—ดานิเอล 2:24-30.
ความฝัน—ระลึกได้แล้ว
6, 7. เรื่องราวในความฝันที่ดานิเอลเล่าให้กษัตริย์ฟังเป็นอย่างไร?
6 นะบูคัดเนซัรตั้งใจฟังเมื่อดานิเอลอธิบายดังนี้: “ข้าแต่ราชา, นี่แน่ะ, ฝ่าพระบาทได้ทรงเห็นรูปใหญ่, รูปนี้ใหญ่และขึ้นเงามันขลับยืนอยู่ต่อพระพักตร์ฝ่าพระบาทท่าทางถมึงทึง. ศีรษะของรูปนั้นเป็นทองคำนพคุณ, อกและแขนเป็นเงิน, ท้องและโคนขาเป็นทองเหลือง [“ทองแดง,” ล.ม.], ขาเป็นเหล็ก, เท้าเป็นเหล็กปนดิน. ฝ่าพระบาททรงทอดพระเนตรดูอยู่จนมีหินก้อนหนึ่งถูกแงะออกโดยไม่เห็นมือ, กลิ้งปากระทบรูปโดนตอนเท้าซึ่งเป็นเหล็กปนดิน, เท้าเลยแตกเป็นท่อน ๆ ไป. แล้วเหล็ก, ดิน, ทองเหลือง [“ทองแดง,” ล.ม.], เงินและทองคำก็แตกหักเป็นท่อน ๆ ไปตามกัน, และกลายเป็นเหมือนแกลบบนลานข้าวในฤดูร้อนถูกลมพัดปลิวฟุ้งไปจนหาร่องรอยมันก็ไม่พบ; ส่วนหินก้อนนั้นซึ่งได้กระทบรูปก็ได้ขยายตัวโตขึ้นไปเป็นขุนเขาครอบเต็มพิภพ.”—ดานิเอล 2:31-35.
7 นะบูคัดเนซัรคงต้องตื่นเต้นสักเพียงไรที่ได้ฟังดานิเอลเล่าความฝันนั้น! แต่เดี๋ยวก่อน! พวกนักปราชญ์ของบาบูโลนจะรอดได้ก็ต่อเมื่อดานิเอลสามารถแก้ความฝันนั้น. ดานิเอลพูดแทนตัวท่านเองและเพื่อนชาวฮีบรูสามคนของท่าน ท่านประกาศว่า “นี่คือพระสุบิน, คราวนี้ข้าพเจ้าจะแก้พระสุบินให้ฝ่าพระบาทฟัง.”—ดานิเอล 2:36.
อาณาจักรที่มีลักษณะพิเศษอันโดดเด่น
8. (ก) ใครหรืออะไรที่ดานิเอลแปลว่าเป็นศีรษะทองคำ? (ข) ศีรษะทองคำปรากฏขึ้นเมื่อไร?
8 “ข้าแต่ราชา, ฝ่าพระบาทเป็นราชาของกษัตริย์ทั้งหลาย, พระเจ้าแห่งสรวงสวรรค์ได้ประทานอาณาจักร, อานุภาพ, อาชญาและสง่าราศีให้แก่ฝ่าพระบาท. แล้วยังได้ทรงมอบสิ่งเหล่านี้ไว้ในหัตถ์ของฝ่าพระบาทอีกด้วยคือ, มนุษย์, สัตว์จัตุบาทไม่ว่ามันจะอยู่ที่ไหน, ได้ทรงมอบให้ฝ่าพระบาทครอบครองมันสิ้นทั้งมวล. ศีรษะทองคำนั้นได้แก่ฝ่าพระบาทเอง.” (ดานิเอล 2:37, 38) ถ้อยคำเหล่านี้ใช้กับนะบูคัดเนซัรหลังจากที่พระยะโฮวาได้ทรงใช้ท่านให้ทำลายกรุงยะรูซาเลมในปี 607 ก.ส.ศ. ทั้งนี้เพราะกษัตริย์องค์ต่าง ๆ ที่ปกครองกรุงยะรูซาเลมมาจากเชื้อสายของดาวิด กษัตริย์ที่พระยะโฮวาทรงเจิม. กรุงยะรูซาเลมเป็นเมืองหลวงของยูดาซึ่งเล็งถึงราชอาณาจักรของพระเจ้าและเป็นตัวแทนของพระบรมเดชานุภาพของพระยะโฮวาเหนือแผ่นดินโลก. เมื่อเมืองนี้ถูกทำลายในปี 607 ก.ส.ศ. สิ่งซึ่งเล็งถึงราชอาณาจักรของพระเจ้านี้ก็ไม่มีอยู่ต่อไป. (1 โครนิกา 29:23; 2 โครนิกา 36:17-21) ทีนี้ มหาอำนาจโลกที่สืบต่อกันมา ซึ่งมีสัญลักษณ์เป็นส่วนต่าง ๆ ที่เป็นโลหะของรูปนี้ ก็สามารถปกครองโลกได้โดยไม่มีการแทรกแซงจากสิ่งซึ่งเล็งถึงราชอาณาจักรของพระเจ้า. ในฐานะเป็นศีรษะทองคำ โลหะที่มีค่ามากที่สุดดังที่รู้จักในยุคโบราณ นะบูคัดเนซัรเด่นเหนือใครเนื่องจากเป็นผู้โค่นล้มอาณาจักรนี้โดยที่ทำลายกรุงยะรูซาเลม.—ดู “กษัตริย์นักรบสร้างจักรวรรดิ” ในหน้า 63.
9. ศีรษะทองคำหมายถึงอะไร?
9 นะบูคัดเนซัรซึ่งครองราชย์เป็นเวลา 43 ปี เป็นต้นราชวงศ์ซึ่งปกครองจักรวรรดิบาบูโลน. ราชวงศ์นี้รวมถึงนะโบไนดัสบุตรเขยของท่านและเอวิลมะโรดัคบุตรคนโตของท่าน. ราชวงศ์นี้ปกครองต่อไปอีก 43 ปี จนกระทั่งเบละซาซัร บุตรของนะโบไนดัสสิ้นชีวิตในปี 539 ก.ส.ศ. (2 กษัตริย์ 25:27; ดานิเอล 5:30) ดังนั้น ศีรษะทองคำของรูปในความฝันนั้นไม่ได้หมายถึงแค่นะบูคัดเนซัรคนเดียวเท่านั้น แต่หมายถึงราชวงศ์ของบาบูโลนทั้งราชวงศ์.
10. (ก) ความฝันของนะบูคัดเนซัรบ่งชี้อย่างไรว่ามหาอำนาจบาบูโลนจะไม่ยืนยง? (ข) ผู้พยากรณ์ยะซายาบอกล่วงหน้าอย่างไรเกี่ยวกับผู้พิชิตบาบูโลน? (ค) มิโด-เปอร์เซียเป็นรองบาบูโลนในแง่ใด?
10 ดานิเอลทูลนะบูคัดเนซัรว่า “ถัดจากฝ่าพระบาทไปจะเกิดอาณาจักรขึ้นอีกอาณาจักรหนึ่งซึ่งเป็นรองฝ่าพระบาทลงไป.” (ดานิเอล 2:39) อาณาจักรที่มีอกและแขนของรูปนั้นเป็นสัญลักษณ์จะปกครองต่อจากราชวงศ์ของนะบูคัดเนซัร. ก่อนหน้านั้นราว 200 ปี ยะซายาได้บอกล่วงหน้าถึงอาณาจักรนี้ ท่านถึงกับบอกชื่อของกษัตริย์แห่งอาณาจักรนี้ที่จะได้ชัยชนะ นั่นคือไซรัส. (ยะซายา 13:1-17; 21:2-9; 44:24–45:7, 13) นี่คือจักรวรรดิมิโด-เปอร์เซีย. ถึงแม้ว่ามิโด-เปอร์เซียได้พัฒนาอารยธรรมที่ยิ่งใหญ่ซึ่งไม่ได้เป็นรองจักรวรรดิบาบูโลน แต่อาณาจักรซึ่งมาทีหลังนี้มีสัญลักษณ์เป็นเงิน โลหะที่มีค่าน้อยกว่าทองคำ. อาณาจักรมิโด-เปอร์เซียเป็นรองมหาอำนาจบาบูโลนในแง่ที่อาณาจักรนี้ไม่ได้ชื่อว่าเป็นผู้โค่นล้มอาณาจักรยูดาซึ่งเล็งถึงราชอาณาจักรของพระเจ้ารวมทั้งเมืองหลวงคือกรุงยะรูซาเลม.
11. ราชวงศ์ของนะบูคัดเนซัรสิ้นสุดลงเมื่อไร?
11 ประมาณ 60 ปีหลังจากการแก้ฝันนั้น ดานิเอลเป็นพยานที่เห็นจุดจบของราชวงศ์ของนะบูคัดเนซัร. ดานิเอลอยู่ด้วยในคืนวันที่ 5/6 ตุลาคม ปี 539 ก.ส.ศ. เมื่อกองทัพของมิโด-เปอร์เซียพิชิตกรุงบาบูโลนที่ดูเหมือนไม่มีทางล่มจมและประหารกษัตริย์เบละซาซัร. พร้อมกับการตายของเบละซาซัร ศีรษะทองคำของรูปในความฝัน—จักรวรรดิบาบูโลน—ไม่มีอยู่อีกต่อไป.
เชลยถูกปล่อยตัวโดยอาณาจักรหนึ่ง
12. ราชโองการของไซรัสในปี 537 ก.ส.ศ. เป็นประโยชน์ต่อชาวยิวที่ถูกเนรเทศอย่างไร?
12 มิโด-เปอร์เซียขึ้นเป็นมหาอำนาจโลกแทนจักรวรรดิบาบูโลนในปี 539 ก.ส.ศ. ดาระยาศชาวมีเดียในวัย 62 ปีได้กลายเป็นผู้ปกครองคนแรกของเมืองบาบูโลนที่ถูกพิชิต. (ดานิเอล 5:30, 31) ท่านและไซรัสชาวเปอร์เซียปกครองจักรวรรดิมิโด-เปอร์เซียร่วมกันในช่วงเวลาสั้น ๆ. เมื่อดาระยาศสิ้นชีวิต ไซรัสกลายเป็นประมุขของจักรวรรดิเปอร์เซียแต่เพียงผู้เดียว. สำหรับชาวยิวในบาบูโลน การครองราชย์ของไซรัสหมายถึงการปลดปล่อยจากการเป็นเชลย. ในปี 537 ก.ส.ศ. ไซรัสมีราชโองการซึ่งอนุญาตให้ชาวยิวที่ถูกเนรเทศไปยังบาบูโลนกลับสู่มาตุภูมิของตนและสร้างกรุงยะรูซาเลมและพระวิหารของพระยะโฮวาขึ้นใหม่. อย่างไรก็ดี สิ่งซึ่งเล็งถึงราชอาณาจักรของพระเจ้าไม่ได้ถูกตั้งขึ้นอีกในยูดาและกรุงยะรูซาเลม.—2 โครนิกา 36:22, 23; เอษรา 1:1–2:2ก.
13. อกและแขนที่เป็นเงินของรูปในความฝันของนะบูคัดเนซัรเป็นภาพแสดงถึงอะไร?
13 อกและแขนที่เป็นเงินของรูปในความฝันนั้นเล็งถึงราชวงศ์ของกษัตริย์ชาวเปอร์เซียซึ่งเริ่มตั้งแต่ไซรัสมหาราช. ราชวงศ์นี้ดำรงอยู่นานกว่า 200 ปี. เชื่อกันว่าไซรัสสิ้นชีวิตขณะทำสงครามในปี 530 ก.ส.ศ. ในบรรดากษัตริย์ 12 องค์ที่สืบตำแหน่งต่อจากท่าน มีอย่างน้อย 2 องค์ที่ปฏิบัติอย่างดีต่อพลไพร่ที่ถูกเลือกสรรของพระยะโฮวา. คนหนึ่งคือ ดาระยาศที่ 1 (ชาวเปอร์เซีย) และอีกคนคือ อะระธาสัศธา (อาร์ทาเซอร์เซสที่ 1).
14, 15. ดาระยาศมหาราชและอะระธาสัศธาให้ความช่วยเหลืออะไรแก่ชาวยิว?
14 ดาระยาศที่ 1 เป็นกษัตริย์ในราชวงศ์เปอร์เซียองค์ที่สามต่อจากไซรัสมหาราช. สององค์ก่อนหน้านี้คือแคมบีซิสที่ 2 และบาร์ดิยาพี่ชายของท่าน (หรืออาจเป็นพระคนหนึ่งในพวกเมไจชื่อเกามาตาซึ่งมาแอบอ้างชื่อ). เมื่อถึงเวลาที่ดาระยาศที่ 1 หรืออีกชื่อคือดาระยาศมหาราชขึ้นครองบัลลังก์ในปี 521 ก.ส.ศ. งานสร้างพระวิหารในกรุงยะรูซาเลมขึ้นใหม่กำลังอยู่ภายใต้การสั่งห้าม. เมื่อดาระยาศได้พบเอกสารที่มีคำสั่งของไซรัสในหอหนังสือของเมืองเอกบาทานา ท่านไม่เพียงแต่ยกเลิกคำสั่งห้ามในปี 520 ก.ส.ศ. ท่านยังให้เงินจากคลังหลวงสำหรับงานสร้างพระวิหารขึ้นใหม่ด้วย.—เอษรา 6:1-12.
15 ผู้ปกครองชาวเปอร์เซียอีกคนหนึ่งที่ช่วยเหลือในเรื่องการบูรณะฟื้นฟูของชาวยิวคือ อะระธาสัศธา ซึ่งสืบตำแหน่งต่อจากอะหัศวะโรศ (เซอร์เซสที่ 1) บิดาของท่านในปี 475 ก.ส.ศ. อะระธาสัศธาได้รับฉายาว่าลอนกีมานุสเพราะมือขวาของท่านยาวกว่ามือซ้าย. ในปี 455 ก.ส.ศ. ปีที่ 20 แห่งรัชกาลของท่าน ท่านได้แต่งตั้งนะเฮมยาพนักงานเชิญจอกเสวยของท่านซึ่งเป็นชาวยิวให้เป็นผู้ว่าราชการแห่งยูดาและเพื่อสร้างกำแพงกรุงยะรูซาเลมขึ้นใหม่. การนี้ได้กำหนดจุดเริ่มต้นของ ‘เจ็ดสิบสัปดาห์แห่งปี’ ดังที่วางเค้าโครงไว้ในดานิเอลบทที่ 9 และกำหนดวันแห่งการมาปรากฏและการสิ้นพระชนม์ของพระมาซีฮา หรือพระคริสต์ เยซูชาวนาซาเร็ธ.—ดานิเอล 9:24-27; นะเฮมยา 1:1; 2:1-18.
16. มหาอำนาจมิโด-เปอร์เซียจบลงเมื่อไรและกษัตริย์องค์ไหนเป็นองค์สุดท้าย?
16 กษัตริย์องค์ที่หกซึ่งเป็นองค์สุดท้ายที่ครองบัลลังก์ของจักรวรรดิเปอร์เซียต่อจากอะระธาสัศธา คือดาระยาศที่ 3. การครองราชย์ของท่านจบลงอย่างกะทันหันในปี 331 ก.ส.ศ. เมื่อท่านพ่ายแพ้ยับเยินต่ออะเล็กซานเดอร์มหาราชที่เกากาเมลา ใกล้กับเมืองนีนะเวโบราณ. การพ่ายแพ้ครั้งนี้เป็นจุดจบของมหาอำนาจโลกมิโด-เปอร์เซียที่มีสัญลักษณ์เป็นส่วนที่เป็นเงินของรูปในความฝันของนะบูคัดเนซัร. มหาอำนาจใหม่ที่กำลังเกิดขึ้นยิ่งใหญ่กว่าในบางแง่ แต่ก็ด้อยกว่าในแง่อื่น. เรื่องนี้กระจ่างชัดขึ้นในขณะที่เราฟังดานิเอลแก้ความฝันของนะบูคัดเนซัรต่อไป.
อาณาจักรหนึ่ง—กว้างใหญ่แต่ด้อยกว่า
17-19. (ก) ท้องและโคนขาหมายถึงมหาอำนาจโลกใด และการครอบครองของมหาอำนาจนี้กว้างใหญ่แค่ไหน? (ข) ใครคืออะเล็กซานเดอร์ที่ 3? (ค) ภาษากรีกกลายเป็นภาษาสากลได้อย่างไร และภาษานี้เหมาะอย่างยิ่งสำหรับอะไร?
17 ดานิเอลทูลนะบูคัดเนซัรว่าท้องและโคนขาของรูปใหญ่นั้นเป็น “อาณาจักรที่สามเป็นทองเหลือง [“ทองแดง,” ล.ม.], ครอบครองทั่วทั้งพิภพ.” (ดานิเอล 2:32, 39) อาณาจักรที่สามนี้จะต่อจากบาบิโลเนียและมิโด-เปอร์เซีย. อย่างที่ทองแดงด้อยกว่าเงิน มหาอำนาจใหม่นี้จะด้อยกว่ามิโด-เปอร์เซียในแง่ที่ว่าอาณาจักรนี้จะไม่ได้รับเกียรติให้มีสิทธิพิเศษใด ๆ อย่างเช่น การปลดปล่อยพลไพร่ของพระยะโฮวา. อย่างไรก็ดี อาณาจักรที่เป็นเหมือนทองแดงจะ “ครอบครองทั่วทั้งพิภพ” บ่งชี้ว่า อาณาจักรนี้จะกว้างใหญ่กว่าทั้งบาบูโลนและมิโด-เปอร์เซีย. ข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์ยืนยันอย่างไรเกี่ยวกับมหาอำนาจนี้?
18 ไม่นานหลังจากได้รับราชบัลลังก์แห่งมาซิโดเนียในปี 336 ก.ส.ศ. ตอนที่อายุ 20 ปี อะเล็กซานเดอร์ที่ 3 ผู้ทะเยอทะยานได้เริ่มทำสงครามเพื่อพิชิตดินแดนต่าง ๆ. เนื่องจากความสำเร็จทางทหารของท่าน ท่านถูกเรียกว่า อะเล็กซานเดอร์มหาราช. เมื่อได้รับชัยชนะครั้งแล้วครั้งเล่า ท่านรุกต่อเข้าไปในดินแดนของเปอร์เซีย. เมื่อท่านเอาชนะดาระยาศที่ 3 ในการรบที่เกากาเมลาในปี 331 ก.ส.ศ. จักรวรรดิเปอร์เซียเริ่มล่มสลายและอะเล็กซานเดอร์ได้ตั้งกรีซเป็นมหาอำนาจใหม่ของโลก.
19 หลังจากได้ชัยชนะที่เกากาเมลา อะเล็กซานเดอร์ได้บุกต่อไปเพื่อจะตีเมืองหลวงต่าง ๆ ของเปอร์เซียคือ บาบูโลน, ซูซา, เพอร์เซโพลิส, และเอกบาทานา. เพื่อจะปราบจักรวรรดิเปอร์เซียที่เหลือให้ราบคาบ ท่านจึงรุกเอาชัยต่อไปถึงภาคตะวันตกของอินเดีย. มีการตั้งอาณานิคมชาวกรีกขึ้นในดินแดนที่ถูกพิชิต. ด้วยเหตุนี้ วัฒนธรรมและภาษากรีกจึงแพร่ขยายไปทั่วอาณาจักร. ที่จริง กรีซกลายเป็นจักรวรรดิที่ใหญ่กว่าทุกจักรวรรดิก่อนหน้านี้. ดังที่ดานิเอลบอกไว้ล่วงหน้า อาณาจักรที่เป็นเหมือนทองแดง “ครอบครองทั่วทั้งพิภพ.” ผลอย่างหนึ่งของเรื่องนี้คือ ภาษากรีก (คีนี) กลายเป็นภาษาสากล. ภาษานี้สามารถถ่ายทอดข้อความได้อย่างถูกต้อง จึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับการเขียนพระคัมภีร์ภาคภาษากรีกและสำหรับการเผยแพร่ข่าวดีเรื่องราชอาณาจักรของพระเจ้า.
20. เกิดอะไรขึ้นกับจักรวรรดิกรีกหลังจากอะเล็กซานเดอร์มหาราชสิ้นชีวิต?
20 อะเล็กซานเดอร์มหาราชอยู่ในฐานะผู้ปกครองโลกเพียงแค่แปดปี. ถึงแม้ว่าท่านยังหนุ่มแน่น อะเล็กซานเดอร์วัย 32 ปีล้มป่วยหลังจากเข้าร่วมงานเลี้ยงและสิ้นชีวิตไม่นานหลังจากนั้น คือในวันที่ 13 มิถุนายน 323 ก.ส.ศ. ต่อมาจักรวรรดิใหญ่ของท่านก็ถูกแบ่งเป็นสี่ส่วน ซึ่งนายพลของท่านสี่คนปกครองคนละส่วน. ด้วยเหตุนี้อาณาจักรที่ยิ่งใหญ่หนึ่งอาณาจักรจึงกลายเป็นสี่อาณาจักรซึ่งในที่สุดก็ถูกจักรวรรดิโรมันกลืนสิ้น. มหาอำนาจโลกที่เป็นเหมือนทองแดงอยู่ต่อมาจนถึงแค่ปี 30 ก.ส.ศ. เมื่ออาณาจักรสุดท้ายในสี่อาณาจักรนั้น ซึ่งก็คือราชวงศ์ปโตเลมีที่ปกครองอียิปต์—พ่ายแพ้แก่โรมในที่สุด.
อาณาจักรหนึ่งซึ่งจะตีฟาดทุบ
21. ดานิเอลพรรณนา “อาณาจักรที่สี่” อย่างไร?
21 ดานิเอลอธิบายเรื่องรูปในความฝันต่อไปดังนี้: “อาณาจักรที่สี่ [ต่อจากบาบูโลน, มิโด-เปอร์เซีย, และกรีซ] จะแข็งแกร่งดังเหล็ก; เหล็กตีอะไรต่ออะไรให้หัก, ฟาดอะไรต่ออะไรให้ยับบรรลัยลง, ทุบอะไรต่ออะไรให้ป่นปี้ฉันใด, อาณาจักรนี้ก็จะตีฟาดทุบใครต่อใครให้ย่อยยับลงฉันนั้น.” (ดานิเอล 2:40) เพราะความแข็งแกร่งและความสามารถที่จะบดขยี้ มหาอำนาจนี้จะเป็นเหมือนเหล็ก—แข็งกว่าจักรวรรดิที่มีทองคำ, เงิน, และทองแดงเป็นสัญลักษณ์. จักรวรรดิโรมันเป็นมหาอำนาจแบบนั้น.
22. จักรวรรดิโรมันเป็นเหมือนเหล็กอย่างไร?
22 โรมบดขยี้จักรวรรดิกรีกและกลืนส่วนที่เหลือของมหาอำนาจมิโด-เปอร์เซียและบาบูโลน. โดยไม่แสดงความนับถือต่อราชอาณาจักรของพระเจ้าที่พระเยซูคริสต์ทรงประกาศ โรมประหารพระองค์บนหลักทรมานในปี ส.ศ. 33 ด้วยความพยายามที่จะทำลายศาสนาคริสเตียนแท้ โรมกดขี่ข่มเหงสาวกของพระเยซู. ยิ่งกว่านั้น ชาวโรมันยังทำลายกรุงยะรูซาเลมและพระวิหารของกรุงนั้นในปี ส.ศ. 70.
23, 24. นอกเหนือจากจักรวรรดิโรมันแล้ว ขาของรูปนั้นเป็นภาพเล็งถึงอะไรอีก?
23 ขาที่เป็นเหล็กของรูปในความฝันของนะบูคัดเนซัรเป็นภาพเล็งถึงไม่เพียงแค่จักรวรรดิโรมันเท่านั้นแต่ยังรวมถึงส่วนทางการเมืองที่แตกแขนงออกมาด้วย. ขอพิจารณาถ้อยคำเหล่านี้ในพระธรรมวิวรณ์ 17:10: “มีกษัตริย์เจ็ดองค์ แต่ห้าองค์ล่วงไปแล้ว, องค์หนึ่งเป็นอยู่เดี๋ยวนี้, และองค์หนึ่งยังไม่ได้เป็นขึ้นและเมื่อมาจะดำรงอยู่ชั่วขณะหนึ่ง.” ตอนที่อัครสาวกโยฮันบันทึกถ้อยคำเหล่านี้ ท่านถูกพวกโรมันเนรเทศไปอยู่ที่เกาะปัตโม. กษัตริย์ที่ล่วงไปแล้วห้าองค์หรือห้ามหาอำนาจได้แก่ อียิปต์, อัสซีเรีย, บาบูโลน, มิโด-เปอร์เซีย, และกรีซ. มหาอำนาจที่หก คือจักรวรรดิโรมัน กำลังเรืองอำนาจ. แต่จักรวรรดินี้ก็จะต้องล่วงไปด้วย และกษัตริย์องค์ที่เจ็ดก็จะขึ้นมาจากเขตแดนที่โรมยึดได้. มหาอำนาจนี้จะเป็นใคร?
24 ครั้งหนึ่งบริเตนเคยเป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดิโรมันซึ่งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือ. แต่เมื่อถึงปี 1763 บริเตนกลายเป็นจักรวรรดิอังกฤษ—อาณาจักรอังกฤษซึ่งครอบครองมหาสมุทรทั้งเจ็ดของโลก. เมื่อถึงปี 1776 อาณานิคมอเมริกัน 13 แห่งของจักรวรรดินี้ได้ประกาศเอกราชเพื่อจะตั้งประเทศสหรัฐอเมริกาขึ้น. อย่างไรก็ตาม หลายปีต่อมาบริเตนและสหรัฐฯได้กลายเป็นพันธมิตรกันทั้งในยามสงครามและในยามสันติ. ด้วยวิธีนี้ ส่วนผสมแองโกล-อเมริกันจึงเกิดขึ้นเป็นมหาอำนาจโลกที่เจ็ดในคำพยากรณ์ของคัมภีร์ไบเบิล. เช่นเดียวกับจักรวรรดิโรมัน มหาอำนาจแองโกล-อเมริกันได้พิสูจน์ว่า “แข็งแกร่งดังเหล็ก” คือแสดงอำนาจเหมือนเหล็ก. ขาที่เป็นเหล็กของรูปในความฝันนั้นจึงรวมทั้งจักรวรรดิโรมันและมหาอำนาจคู่แองโกล-อเมริกัน.
ส่วนผสมที่เปราะ
25. ดานิเอลกล่าวอย่างไรเกี่ยวกับเท้าและนิ้วเท้าของรูปนั้น?
25 ดานิเอลทูลนะบูคัดเนซัรต่อไปว่า “ดังที่ฝ่าพระบาททอดพระเนตรเห็นเท้าและนิ้วเท้าเป็นดินเหนียวของช่างปั้นหม้อบ้าง เป็นเหล็กบ้าง อาณาจักรนั้นจะปรากฏว่าแตกแยกกัน แต่ก็ยังปรากฏให้เห็นความแข็งของเหล็กปนอยู่บ้าง ดังที่ฝ่าพระบาททรงเห็นเหล็กปนกับดินเหนียวที่ชื้น. และดังที่นิ้วเท้าเป็นเหล็กบ้าง เป็นดินเหนียวบ้างฉันใด อาณาจักรนั้นจะแข็งแรงเป็นบางส่วนและเปราะเป็นบางส่วนฉันนั้น. ดังที่ฝ่าพระบาททอดพระเนตรเห็นเหล็กปนดินเหนียวที่ชื้น ทั้งสองอย่างนั้นจะเข้ามาปะปนกับบุตรหลานของมนุษยชาติ; แต่มันจะไม่ยึดติดกันและกัน เหมือนเหล็กไม่เข้ากันกับดินเหนียว.”—ดานิเอล 2:41-43, ล.ม.
26. การปกครองซึ่งมีเท้าและนิ้วเท้าเป็นภาพเล็งถึงนั้นปรากฏขึ้นเมื่อไร?
26 การสืบทอดของมหาอำนาจโลกซึ่งมีสัญลักษณ์เป็นส่วนต่าง ๆ ของรูปในความฝันของนะบูคัดเนซัรนั้นเริ่มต้นตั้งแต่ศีรษะลงไปจนถึงเท้า. ตามเหตุผลแล้ว เท้าและนิ้วเท้าที่เป็น “เหล็กปนกับดินเหนียวที่ชื้น” จะเป็นสัญลักษณ์ถึงการปกครองของมนุษย์ที่จะมีในระหว่าง “เวลาอวสาน.”—ดานิเอล 12:4, ล.ม.
27. (ก) เท้าและนิ้วเท้าที่เป็นเหล็กปนดินเหนียวเป็นภาพเล็งถึงสถานการณ์โลกแบบไหน? (ข) นิ้วเท้าทั้งสิบของรูปนั้นเป็นภาพเล็งถึงอะไร?
27 ช่วงต้นของศตวรรษที่ 20 จักรวรรดิอังกฤษปกครองประชากรหนึ่งในสี่ของโลก. จักรวรรดิอื่น ๆ ในยุโรปปกครองอีกหลายล้านคน. แต่สงครามโลกครั้งที่หนึ่งทำให้เกิดมีกลุ่มของชาติต่าง ๆ แทนที่จักรวรรดิ. หลังจากสงครามโลกครั้งที่สอง แนวโน้มนี้เพิ่มมากขึ้น. ในขณะที่ลัทธิชาตินิยมพัฒนาต่อไป จำนวนของชาติต่าง ๆ ในโลกก็เพิ่มสูงขึ้นอย่างน่าพิศวง. นิ้วเท้าทั้งสิบของรูปนั้นเป็นภาพเล็งถึงอำนาจและรัฐบาลทั้งหมดเหล่านั้นซึ่งมีอยู่ในเวลาเดียวกัน เพราะบางครั้งเลขสิบในคัมภีร์ไบเบิลหมายถึงความครบถ้วนทางแผ่นดินโลก.—เทียบกับเอ็กโซโด 34:28; มัดธาย 25:1; วิวรณ์ 2:10.
28, 29. (ก) ตามคำกล่าวของดานิเอล ดินเหนียวหมายถึงอะไร? (ข) อาจกล่าวอะไรได้เกี่ยวกับส่วนผสมของเหล็กและดินเหนียว?
28 ตอนนี้เราอยู่ใน “เวลาอวสาน” เรามาถึงช่วงที่เป็นเท้าของรูปนั้นแล้ว. บางรัฐบาลซึ่งเท้าและนิ้วเท้าของรูปนั้นที่เป็นเหล็กปนกับดินเหนียวเป็นภาพเล็งถึง เป็นเหมือนเหล็ก—คือเป็นรัฐบาลที่ใช้อำนาจหรือแบบทรราช. ส่วนบางรัฐบาลก็เป็นเหมือนดินเหนียว. ในทางใด? ดานิเอลผูกเรื่องดินเหนียวเข้ากับ “บุตรหลานของมนุษยชาติ.” (ดานิเอล 2:43, ล.ม.) ถึงแม้บุตรหลานของมนุษยชาติเป็นเหมือนดินเหนียวที่มีลักษณะเปราะ แต่การปกครองที่เป็นเหมือนเหล็กที่สืบต่อกันมาได้ถูกบังคับให้ฟังเสียงสามัญชนมากขึ้นเรื่อย ๆ ประชาชนเหล่านี้ก็อยากมีสิทธิ์มีเสียงในรัฐบาลที่ปกครองพวกเขา. (โยบ 10:9) แต่ไม่มีการยึดติดกันระหว่างการปกครองแบบที่ใช้อำนาจกับสามัญชน—เหมือนเหล็กกับดินเหนียวที่ไม่สามารถรวมกันได้. เมื่อถึงเวลาที่รูปนั้นพังทลาย โลกจะแตกแยกกันทางการเมืองอย่างแท้จริง!
29 สภาพที่แบ่งแยกของเท้าและนิ้วเท้าจะเป็นเหตุให้รูปนั้นทั้งรูปพังทลายลงไหม? จะเกิดอะไรขึ้นกับรูปนั้น?
จุดสุดยอดที่น่าตื่นเต้น!
30. จงพรรณนาจุดสุดยอดของความฝันของนะบูคัดเนซัร.
30 ขอพิจารณาจุดสุดยอดของความฝันนั้น. ดานิเอลทูลกษัตริย์ว่า “ฝ่าพระบาททรงทอดพระเนตรดูอยู่จนมีหินก้อนหนึ่งถูกแงะออกโดยไม่เห็นมือ, กลิ้งปากระทบรูปโดนตอนเท้าซึ่งเป็นเหล็กปนดิน, เท้าเลยแตกเป็นท่อน ๆ ไป. แล้วเหล็ก, ดิน, ทองเหลือง [“ทองแดง,” ล.ม.], เงินและทองคำก็แตกหักเป็นท่อน ๆ ไปตามกัน, และกลายเป็นเหมือนแกลบบนลานข้าวในฤดูร้อนถูกลมพัดปลิวฟุ้งไปจนหาร่องรอยมันก็ไม่พบ; ส่วนหินก้อนนั้นซึ่งได้กระทบรูปก็ได้ขยายตัวโตขึ้นไปเป็นขุนเขาครอบเต็มพิภพ.”—ดานิเอล 2:34, 35.
31, 32. ส่วนสุดท้ายในความฝันของนะบูคัดเนซัรบอกล่วงหน้าถึงเรื่องอะไร?
31 คำพยากรณ์ดำเนินต่อไปโดยอธิบายดังนี้: “ในสมัยเมื่อกษัตริย์เหล่านั้นกำลังเสวยราชย์อยู่, พระเจ้าแห่งสรวงสวรรค์จะทรงตั้งอาณาจักรอันหนึ่งขึ้น, ซึ่งจะไม่มีวันทำลายเสียได้, หรือผู้ใดจะชิงเอาอาณาจักรนี้ไปก็หาได้ไม่ [“จะไม่ถูกยกแก่ชนชาติอื่นใด,” ล.ม.]; แต่อาณาจักรนี้จะทำลายอาณาจักรอื่น ๆ ลงให้ย่อยยับและเผาผลาญเสียสิ้น, และอาณาจักรนี้จะดำรงอยู่เป็นนิจ. ตามที่ฝ่าพระบาททรงทอดพระเนตรเห็น, ว่ามีหินก้อนหนึ่งถูกแงะออกจากภูเขาโดยไม่เห็นมือใคร, ได้กลิ้งมากระแทกเหล็ก, ทองเหลือง [“ทองแดง,” ล.ม.], ดินเหนียว, เงินและทอง, ทำให้แตกไปเป็นชิ้น ๆ, พระเจ้าองค์ใหญ่ได้ทรงสำแดงเรื่องซึ่งจะบังเกิดมาในอนาคตให้ราชารู้, พระสุบินนั้นเป็นเรื่องจริง และคำแก้ของพระสุบินนั้นก็เป็นคำแน่นอน.”—ดานิเอล 2:44, 45.
32 เมื่อเห็นว่าความฝันของท่านถูกเรียกคืนสู่ความทรงจำและได้รับการอธิบายแล้ว นะบูคัดเนซัรยอมรับว่าพระเจ้าของดานิเอลเท่านั้นที่เป็น “พระผู้เป็นเจ้าของกษัตริย์ทั้งหลายและเป็นผู้เปิดเผยความลับ.” กษัตริย์ยังได้มอบตำแหน่งที่มีความรับผิดชอบสูงแก่ดานิเอลและเพื่อนชาวฮีบรูสามคนของท่านด้วย. (ดานิเอล 2:46-49, ล.ม.) กระนั้น อะไรคือความหมายในสมัยปัจจุบันของ ‘คำแก้ฝันที่แน่นอน’ ของดานิเอล?
“ขุนเขาครอบเต็มพิภพ”
33. “หิน” ถูกแงะออกมาจาก “ภูเขา” ใด และเมื่อไรและอย่างไรที่เหตุการณ์นี้เกิดขึ้น?
33 เมื่อ “เวลากำหนดของคนต่างประเทศ” สิ้นสุดลงในเดือนตุลาคม 1914 “พระเจ้าแห่งสรวงสวรรค์” ทรงสถาปนาราชอาณาจักรฝ่ายสวรรค์โดยตั้งพระเยซูคริสต์พระบุตรของพระองค์ผู้ได้รับการเจิมให้เป็น “พระมหากษัตริย์แห่งมหากษัตริย์ทั้งปวงและเจ้านายแห่งเจ้านายทั้งปวง.”a (ลูกา 21:24; วิวรณ์ 12:1-5; วิวรณ์ 19:16) ดังนั้น โดยฤทธิ์อำนาจของพระเจ้า ไม่ใช่โดยมือมนุษย์ “หิน” ซึ่งก็คือราชอาณาจักรมาซีฮา ถูกแงะออกจาก “ภูเขา” แห่งสากลบรมเดชานุภาพของพระยะโฮวา. รัฐบาลฝ่ายสวรรค์นี้อยู่ในพระหัตถ์ของพระเยซูคริสต์ ผู้ซึ่งได้รับอมตะชีพจากพระเจ้า. (โรม 6:9; 1 ติโมเธียว 6:15, 16) ดังนั้น “อาณาจักรขององค์พระผู้เป็นเจ้า [พระเจ้า] ของเรา, และของพระคริสต์ของพระองค์”—ซึ่งก็คือการสำแดงสากลบรมเดชานุภาพของพระยะโฮวา—จะไม่ถูกยกให้ใครอื่น. อาณาจักรนี้จะอยู่ตลอดไป.—วิวรณ์ 11:15.
34. ราชอาณาจักรของพระเจ้ากำเนิด “ในสมัยเมื่อกษัตริย์เหล่านั้นกำลังเสวยราชย์อยู่” ในทางใด?
34 การกำเนิดของราชอาณาจักรนี้มีขึ้น “ในสมัยเมื่อกษัตริย์เหล่านั้นกำลังเสวยราชย์อยู่.” (ดานิเอล 2:44) นี่ไม่ใช่แค่เหล่ากษัตริย์ซึ่งมีนิ้วเท้าทั้งสิบของรูปนั้นเป็นภาพแสดงถึง แต่ยังหมายถึงกษัตริย์ที่มีสัญลักษณ์เป็นเหล็ก, ทองแดง, เงิน, และทองคำอีกด้วย. ถึงแม้ว่าจักรวรรดิบาบูโลน, เปอร์เซีย, กรีก, และโรมันได้ล่วงไปแล้วในฐานะมหาอำนาจโลก ส่วนที่เหลือของจักรวรรดิเหล่านี้ยังคงมีอยู่ในปี 1914. ตอนนั้นจักรวรรดิออตโตมันแห่งตุรกียึดครองเขตแดนของบาบูโลน และรัฐบาลแห่งชาติปฏิบัติงานอยู่ในเปอร์เซีย (อิหร่าน), กรีซ, และกรุงโรม อิตาลี.
35. “หิน” จะพุ่งชนรูปนั้นเมื่อไร และรูปนี้จะแหลกละเอียดถึงขนาดไหน?
35 อีกไม่นานราชอาณาจักรฝ่ายสวรรค์ของพระเจ้าจะพุ่งชนที่เท้าของรูปโดยนัย. ผลคืออาณาจักรทุกอาณาจักรซึ่งรูปนั้นเป็นภาพเล็งถึงจะหักเป็นชิ้น ๆ และนำอาณาจักรเหล่านั้นมาถึงจุดจบ. ที่จริง ณ “สงครามในวันใหญ่ของพระเจ้าผู้ทรงฤทธิ์” ที่ “หิน” นั้นจะพุ่งชนด้วยความแรงที่มากถึงขนาดที่รูปนั้นจะแหลกเป็นผุยผงและลมพายุของพระเจ้าจะพัดมันไปเหมือนแกลบบนลานข้าว. (วิวรณ์ 16:14, 16) และแล้ว เหมือนหินที่ขยายตัวโตขึ้นเป็นขุนเขาและครอบเต็มพิภพ ราชอาณาจักรของพระเจ้าจะกลายเป็นขุนเขาแห่งรัฐบาลซึ่งจะมีผลกระทบไปทั่ว “พิภพ.”—ดานิเอล 2:35.
36. ทำไมจึงกล่าวได้ว่าราชอาณาจักรมาซีฮาเป็นรัฐบาลที่มีเสถียรภาพ?
36 ถึงแม้ว่าราชอาณาจักรมาซีฮาจะเป็นฝ่ายสวรรค์ ราชอาณาจักรนี้จะขยายอำนาจไปทั่วทั้งลูกโลกของเราเพื่อเป็นพระพรสำหรับผู้อาศัยอยู่ในแผ่นดินโลกซึ่งเชื่อฟังทุกคน. รัฐบาลที่มีเสถียรภาพนี้ “จะไม่มีวันถูกทำลาย” หรือ “ถูกยกแก่ชนชาติอื่นใด.” ไม่เหมือนกับอาณาจักรของผู้ปกครองที่เป็นมนุษย์ซึ่งกำลังจะสิ้นชีวิต “อาณาจักรนี้จะคงอยู่จนเวลาไม่กำหนด” ตลอดไป. (ดานิเอล 2:44, ล.ม.) ขอให้คุณได้รับสิทธิพิเศษในการเป็นประชากรของราชอาณาจักรนี้ตลอดกาล.
[เชิงอรรถ]
a ดูบท 6 ของหนังสือนี้.
คุณได้เรียนรู้อะไร?
• ส่วนต่าง ๆ ของรูปปั้นมหึมาในความฝันของนะบูคัดเนซัรเป็นภาพแสดงถึงมหาอำนาจโลกอะไรบ้าง?
• เท้าและนิ้วทั้งสิบที่เป็นเหล็กปนกับดินเหนียวแสดงถึงสถานการณ์โลกแบบไหน?
• “หิน” ถูกแงะออกมาจาก “ภูเขา” อะไร และเมื่อไร?
• “หิน” จะพุ่งชนรูปนั้นเมื่อไร?
[กรอบ/ภาพหน้า 63-67]
กษัตริย์นักรบสร้างจักรวรรดิ
มกุฎราชกุมารแห่งบาบูโลนและกองทหารของท่านทำลายกองกำลังอียิปต์ของฟาโรห์นะโคที่คาร์เคมิช ในซีเรีย. พวกอียิปต์ที่พ่ายแพ้หนีลงใต้ไปยังประเทศอียิปต์ และพวกบาบูโลนก็ไล่ตามพวกเขาไป. แต่มีข่าวมาจากบาบูโลนซึ่งทำให้เจ้าชายที่กำลังได้ชัยชนะจำต้องหยุดจากการไล่ตาม. ข่าวนั้นคือ นะโบโพลัสซาร์ บิดาของท่านได้สิ้นชีวิตแล้ว. นะบูคัดเนซัรได้มอบหมายแม่ทัพของท่านให้รับหน้าที่นำเชลยและของที่ยึดได้กลับไป และท่านรีบกลับไปรับราชบัลลังก์ซึ่งว่างลง.
โดยวิธีนี้ นะบูคัดเนซัรจึงสืบทอดราชบัลลังก์แห่งบาบูโลนในปี 624 ก.ส.ศ. และกลายมาเป็นผู้ปกครองคนที่สองของจักรวรรดิ นีโอบาบูโลน. ระหว่างการครองราชย์ 43 ปี ท่านยึดเขตแดนที่เคยเป็นของมหาอำนาจอัสซีเรียและขยายเขตแดนของท่านออกไป ยึดเอาซีเรียทางเหนือและปาเลสไตน์ทางตะวันตก ลงไปจนถึงชายแดนของอียิปต์.—ดูแผนที่.
ในปีที่สี่แห่งการครองราชย์ (ปี 620 ก.ส.ศ.) นะบูคัดเนซัรยึดยูดาเป็นเมืองขึ้นของท่าน. (2 กษัตริย์ 24:1) สามปีต่อมา การกบฏของชาวยูดาทำให้พวกบาบูโลนยกมาล้อมกรุงยะรูซาเลม. นะบูคัดเนซัรนำยะโฮยาคิน, ดานิเอล, และคนอื่น ๆ ไปเป็นเชลยที่บาบูโลน. กษัตริย์องค์นี้ยังนำภาชนะบางชิ้นจากพระวิหารของพระยะโฮวาไปด้วย. ท่านตั้งซิดคียา ลุงของยะโฮยาคินเป็นเจ้าประเทศราชแห่งยูดา.—2 กษัตริย์ 24:2-17; ดานิเอล 1:6, 7.
ต่อมาซิดคียาก็กบฏด้วย โดยไปเป็นพันธมิตรกับอียิปต์. นะบูคัดเนซัรล้อมกรุงยะรูซาเลมอีก และในปี 607 ก.ส.ศ. ท่านเจาะทะลวงกำแพง, เผาพระวิหาร, และทำลายกรุงนี้. ท่านประหารบุตรของซิดคียาทั้งหมดและทำให้ซิดคียาตาบอดและตีตรวนท่าน เพื่อจะนำซิดคียาไปบาบูโลนในฐานะนักโทษ. นะบูคัดเนซัรจับประชาชนส่วนใหญ่ไปเป็นเชลยและขนภาชนะที่ยังเหลืออยู่ในพระวิหารไปยังบาบูโลน. “ชาวยูดาก็ถูกกวาดเอาเป็นเชลยจากแผ่นดินของตน.”—2 กษัตริย์ 24:18–25:21.
นะบูคัดเนซัรยังได้พิชิตเมืองตุโรโดยล้อมเมืองนี้—เป็นการล้อมที่นานถึง 13 ปี. ในระหว่างการล้อม ศีรษะของทหารของท่านก็ “ล้าน” ไปเพราะเสียดสีกับหมวกเหล็ก และไหล่ของพวกเขาก็ “ถลอก” จากการแบกวัสดุที่จะใช้ก่อสร้างเครื่องล้อมเมือง. (ยะเอศเคล 29:18, ฉบับแปลใหม่) ในที่สุด ตุโรยอมจำนนต่อกองกำลังของบาบูโลน.
กษัตริย์บาบูโลนเป็นนักยุทธศาสตร์ที่เฉลียวฉลาดอย่างเห็นได้ชัด. หนังสืออ้างอิงบางเล่ม โดยเฉพาะที่มีต้นตอจากบาบูโลน ยังพรรณนาว่าท่านเป็นกษัตริย์ที่ยุติธรรมด้วย. ในขณะที่พระคัมภีร์ไม่ได้บอกอย่างเจาะจงว่านะบูคัดเนซัรยุติธรรม ผู้พยากรณ์ยิระมะยากล่าวว่า ถึงแม้ซิดคียาได้กบฏ แต่ท่านจะได้รับการปฏิบัติอย่างยุติธรรม “ถ้าแม้นท่านจะออกไปหาเจ้านายแห่งกษัตริย์เมืองบาบูโลน.” (ยิระมะยา 38:17, 18) และหลังจากกรุงยะรูซาเลมถูกทำลาย นะบูคัดเนซัรปฏิบัติกับยิระมะยาด้วยความนับถือ. เกี่ยวกับยิระมะยา กษัตริย์สั่งว่า “จงเอาตัวยิระมะยาไป, แลพิทักษ์รักษาท่านไว้โดยดี, แลอย่าได้ทำอันตรายแก่ท่านเลย, แต่จงกระทำแก่ท่านตามที่ยิระมะยาจะบอกให้กระทำนั้น.”—ยิระมะยา 39:11, 12; 40:1-4.
ในฐานะนักบริหาร นะบูคัดเนซัรมองออกอย่างรวดเร็วถึงคุณสมบัติและความสามารถของดานิเอลและเพื่อนสามคนของท่าน—คือซัดรัค, เมเซ็ค, และอะเบ็ดนะโค—ซึ่งชื่อภาษาฮีบรูของพวกเขาคือฮะนันยา, มิซาเอล, และอะซาระยา. กษัตริย์จึงใช้พวกเขาในตำแหน่งที่ต้องรับผิดชอบในอาณาจักรของท่าน.—ดานิเอล 1:6, 7, 19-21; 2:49.
ความเลื่อมใสด้านศาสนาของนะบูคัดเนซัรมีให้เป็นพิเศษแก่มาร์ดุก เทพเจ้าองค์สูงสุดของบาบูโลน. กษัตริย์ถวายเกียรติแก่มาร์ดุกสำหรับการพิชิตทุกครั้งของท่าน. ที่บาบูโลน ท่านสร้างและตกแต่งวิหารแด่มาร์ดุกและวิหารอื่น ๆ สำหรับเทพเจ้าของบาบูโลน. รูปทองคำซึ่งตั้งบนที่ราบดูราอาจอุทิศแด่มาร์ดุก. และดูเหมือนว่านะบูคัดเนซัรจะพึ่งการเสี่ยงทายอย่างมากเมื่อวางแผนปฏิบัติการทางทหาร.
นะบูคัดเนซัรยังภูมิใจในการบูรณะกรุงบาบูโลน กรุงที่ใหญ่ที่สุดในบรรดากรุงที่มีกำแพงในเวลานั้น. โดยสร้างกำแพงเมืองใหญ่มโหฬารสองชั้นต่อจากบิดาของท่านจนแล้วเสร็จ นะบูคัดเนซัรทำให้กรุงนี้ดูเหมือนจะไม่มีทางถูกพิชิตได้. กษัตริย์ซ่อมแซมวังเก่าในใจกลางของเมืองและสร้างวังฤดูร้อนห่างไปทางเหนือประมาณสองกิโลเมตร. เพื่อจะทำให้ราชินีชาวมีเดียของท่านพอใจ เนื่องจากนางคิดถึงป่าเขาลำเนาไพรที่บ้านเกิดของนาง มีรายงานว่านะบูคัดเนซัรได้สร้างสวนลอย—ซึ่งจัดเป็นหนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์เจ็ดอย่างของโลกโบราณ.
“กรุงบาบูโลนใหญ่ไพศาลนี้มิใช่หรือที่เราได้สร้างไว้ให้เป็นราชฐานด้วยอานุภาพอันใหญ่หลวงของเรา, ไว้เป็นที่ผดุงสง่าราศีแห่งรัชของเรา?” กษัตริย์โอ้อวดออกมาวันหนึ่งขณะที่ท่านเดินในราชวังของบาบูโลน. “ตรัสยังไม่ทันขาดคำ” ท่านก็วิกลจริตไป. ไม่สามารถปกครองเป็นเวลาเจ็ดปี ท่านกินพืชอย่างที่ดานิเอลได้บอกไว้ล่วงหน้า. เมื่อช่วงเวลานี้หมดไป อาณาจักรก็กลับคืนสู่นะบูคัดเนซัร ซึ่งครองราชย์จนกระทั่งสิ้นชีวิตในปี 582 ก.ส.ศ.—ดานิเอล 4:30-36.
คุณได้เรียนรู้อะไร?
จะพูดถึงนะบูคัดเนซัรได้อย่างไรในฐานะ
• นักยุทธศาสตร์?
• นักบริหาร?
• ผู้นมัสการมาร์ดุก?
• นักก่อสร้าง?
[แผนที่]
(รายละเอียดดูจากหนังสือ)
จักรวรรดิบาบูโลน
ทะเลแดง
ยะรูซาเลม
แม่น้ำยูเฟรทิส
แม่น้ำไทกริส
นีนะเว
ซูซา
บาบูโลน
อูระ
[ภาพ]
กรุงบาบูโลน กรุงที่ใหญ่ที่สุดในบรรดากรุงที่มีกำแพงในเวลานั้น
[ภาพ]
มังกรเป็นสัญลักษณ์ของมาร์ดุก
[ภาพ]
สวนลอยแห่งบาบูโลนอันโด่งดัง
[แผนผัง/ภาพหน้า 56]
(รายละเอียดดูจากหนังสือ)
มหาอำนาจโลกในคำพยากรณ์ของดานิเอล
รูปปั้นมหึมา (ดานิเอล 2:31-45)
บาบิโลเนีย ตั้งแต่ปี 607 ก.ส.ศ.
มิโด-เปอร์เซีย ตั้งแต่ปี 539 ก.ส.ศ.
กรีซ ตั้งแต่ปี 331 ก.ส.ศ.
โรม ตั้งแต่ปี 30 ก.ส.ศ.
มหาอำนาจแองโกล-อเมริกัน ตั้งแต่ปี ส.ศ. 1763
โลกที่แตกแยกทางการเมือง ในเวลาอวสาน
[ภาพเต็มหน้า 47]
[ภาพเต็มหน้า 58]