จงยืนหยัดและหลีกเลี่ยงกับดักของซาตาน!
“จง . . . ยืนหยัดต้านทานกลอุบายของพญามาร.” —เอเฟ. 6:11
คุณจะตอบอย่างไร?
ผู้รับใช้ของพระยะโฮวาจะหลีกเลี่ยงกับดักของการนิยมวัตถุได้อย่างไร?
อะไรอาจช่วยคริสเตียนที่สมรสแล้วไม่ให้ตกหลุมพรางของการเล่นชู้?
เหตุใดคุณจึงเชื่อว่าเป็นประโยชน์ที่จะยืนหยัดต้านทานการนิยมวัตถุและการผิดศีลธรรมทางเพศ?
1, 2. (ก) เหตุใดซาตานไม่มีความปรานีต่อผู้ถูกเจิมและ “แกะอื่น”? (ข) ในบทความนี้เราจะพิจารณากับดักอะไรของซาตาน?
ซาตานพญามารไม่เคยปรานีมนุษย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่รับใช้พระยะโฮวา. ที่จริง ซาตานกำลังทำสงครามกับชนที่เหลือผู้ถูกเจิม. (วิ. 12:17) คริสเตียนที่เข้มแข็งเหล่านี้นำหน้าในงานประกาศเรื่องราชอาณาจักรในสมัยปัจจุบันและเปิดเผยว่าซาตานเป็นผู้ครองโลกนี้. นอกจากนั้น พญามารไม่มีความรักต่อ “แกะอื่น” ที่สนับสนุนเหล่าผู้ถูกเจิมและมีความหวังที่จะมีชีวิตนิรันดร์ ซึ่งเป็นความหวังที่มันไม่มีอีกต่อไป. (โย. 10:16) ไม่แปลกที่มันโกรธมาก! ไม่ว่าเราจะมีความหวังที่จะมีชีวิตในสวรรค์หรือบนแผ่นดินโลก ซาตานไม่สนใจในเรื่องสวัสดิภาพของเราอย่างแน่นอน. มันต้องการให้เราตกเป็นเหยื่อของมัน.—1 เป. 5:8
2 เพื่อจะบรรลุจุดประสงค์ของมัน ซาตานวางกับดักหรือบ่วงแร้วไว้หลายอย่าง. เนื่องจากมัน “ทำให้จิตใจของคนที่ไม่เชื่อมืดไป” พวกเขาจึงไม่ยอมรับข่าวดีและมองไม่เห็นกับดักเหล่านี้. อย่างไรก็ตาม พญามารยังจับบางคนที่ตอบรับข่าวสารเรื่องราชอาณาจักรด้วย. (2 โค. 4:3, 4) บทความก่อนแสดงให้เห็นวิธีที่เราสามารถหลีกเลี่ยงกับดักสามอย่างของซาตาน ซึ่งก็คือ (1) คำพูดที่ไม่ได้ควบคุม (2) ความกลัวและแรงกดดัน และ (3) ความรู้สึกผิดมากเกินควร. ตอนนี้ขอให้เรามาพิจารณาวิธีที่เราจะยืนหยัดต้านทานกับดักหรือบ่วงแร้วอีกสองอย่างที่ซาตานใช้ คือการนิยมวัตถุและการล่อใจให้เล่นชู้.
การนิยมวัตถุ—บ่วงแร้วที่รัดคอ
3, 4. ความวิตกกังวลกับชีวิตในยุคนี้อาจทำให้เรากลายเป็นคนนิยมวัตถุอย่างไร?
3 ในอุทาหรณ์เรื่องหนึ่งของพระเยซู พระองค์ตรัสถึงเมล็ดพืชที่หว่านลงกลางต้นไม้มีหนาม. พระองค์ทรงชี้ให้เห็นว่าใครคนหนึ่งอาจได้ยินพระคำ “แต่ความวิตกกังวลกับชีวิตในยุคนี้และอำนาจล่อลวงของทรัพย์สมบัติก็มาบดบังพระคำนั้น เขาจึงไม่เกิดผล.” (มัด. 13:22) ใช่แล้ว การนิยมวัตถุเป็นบ่วงแร้วอย่างหนึ่งที่ซาตานศัตรูของเราใช้.
4 มีปัจจัยสองอย่างรวมกันที่บดบังพระคำ. ปัจจัยอย่างหนึ่งก็คือ “ความวิตกกังวลกับชีวิตในยุคนี้.” ใน “วิกฤตกาลซึ่งยากจะรับมือได้” นี้ มีหลายสิ่งที่อาจทำให้คุณวิตกกังวล. (2 ติโม. 3:1) เนื่องจากค่าครองชีพสูงขึ้นและอัตราการว่างงานเพิ่มขึ้น คุณอาจรู้สึกว่ายากที่จะหาเงินให้พอใช้จ่าย. นอกจากนั้น คุณอาจกังวลเกี่ยวกับอนาคตและอาจสงสัยว่า ‘ฉันจะมีเงินพอใช้หลังจากเกษียณแล้วไหม?’ เนื่องจากมีความกังวลอย่างนี้ บางคนจึงพยายามหาเงินให้ได้มาก ๆ โดยคิดว่าเงินจะช่วยให้ชีวิตของเขามั่นคง.
5. ‘อำนาจของทรัพย์สมบัติ’ อาจล่อลวงคนเราอย่างไร?
5 ปัจจัยอีกอย่างหนึ่งที่พระเยซูตรัสถึงคือ “อำนาจล่อลวงของทรัพย์สมบัติ.” ปัจจัยนี้กับความวิตกกังวลรวมกันอาจบดบังพระคำได้. คัมภีร์ไบเบิลยอมรับว่า “เงินก็เป็นเครื่องปกป้อง.” (ผู้ป. 7:12) แต่นับว่าไม่ฉลาดที่จะมุ่งแสวงหาทรัพย์สมบัติ. หลายคนพบว่ายิ่งเขาพยายามจะร่ำรวยมากเท่าไร บ่วงแร้วของการนิยมวัตถุก็จะยิ่งรัดแน่นขึ้นเท่านั้น. บางคนถึงกับกลายเป็นทาสของทรัพย์สมบัติ.—มัด. 6:24
6, 7. (ก) สถานการณ์แบบใดในที่ทำงานที่อาจทำให้คุณเกิดความปรารถนาจะร่ำรวย? (ข) คริสเตียนควรคำนึงถึงอะไรเมื่อนายจ้างเสนอให้ทำงานล่วงเวลา?
6 คุณอาจเริ่มมีความปรารถนาที่จะร่ำรวยโดยไม่ทันรู้ตัว. ตัวอย่างเช่น ขอให้พิจารณาฉากเหตุการณ์ต่อไปนี้. นายจ้างเข้ามาหาคุณและบอกว่า “ผมมีข่าวดี! บริษัทเราเพิ่งได้เซ็นสัญญางานใหญ่ชิ้นหนึ่ง. นี่หมายความว่าคุณจะต้องทำงานล่วงเวลาบ่อยหน่อยในช่วงสองสามเดือนข้างหน้านี้. แต่ผมรับรองได้เลยว่าคุณจะได้เงินคุ้ม.” คุณจะรู้สึกอย่างไรต่อข้อเสนอเช่นนี้? แน่นอน การหาเลี้ยงครอบครัวเป็นเรื่องสำคัญ แต่นี่ไม่ใช่หน้าที่รับผิดชอบเพียงอย่างเดียวที่คุณมี. (1 ติโม. 5:8) มีอีกหลายเรื่องที่คุณต้องคำนึงถึง. ต้องทำงานล่วงเวลามากน้อยขนาดไหน? งานที่บริษัทจะขัดขวางการทำกิจกรรมฝ่ายวิญญาณของคุณไหม เช่น การเข้าร่วมการประชุมและการนมัสการประจำครอบครัวตอนเย็น?
7 ขอให้คิดดูว่าอะไรสำคัญที่สุดสำหรับคุณ. ยอดเงินในบัญชีธนาคารที่เพิ่มขึ้น หรือสายสัมพันธ์ของคุณกับพระยะโฮวา? คุณจะเลิกให้ผลประโยชน์ของราชอาณาจักรมาเป็นอันดับแรกในชีวิตเพราะต้องการมีเงินมากขึ้นไหม? คุณมองเห็นไหมว่าการนิยมวัตถุจะส่งผลอย่างไรต่อคุณถ้าคุณละเลยสุขภาพฝ่ายวิญญาณของตัวคุณเองและครอบครัว? ถ้าเรื่องนี้กำลังเกิดขึ้นกับคุณ คุณจะยืนหยัดและหลีกเลี่ยงการนิยมวัตถุซึ่งเป็นเหมือนบ่วงแร้วที่รัดคอคุณได้อย่างไร?—อ่าน 1 ติโมเธียว 6:9, 10
8. มีตัวอย่างอะไรบ้างในพระคัมภีร์ที่ช่วยเราตรวจสอบรูปแบบชีวิตของเรา?
8 เพื่อจะหลีกเลี่ยงการนิยมวัตถุซึ่งเป็นเหมือนบ่วงแร้วที่รัดคอ ขอให้ตรวจสอบรูปแบบชีวิตของคุณเป็นระยะ ๆ. คุณคงไม่ต้องการเป็นเหมือนเอซาวที่ดูหมิ่นสิ่งฝ่ายวิญญาณ. (เย. 25:34; ฮีบรู 12:16) และเป็นเรื่องแน่นอนว่าคุณคงไม่อยากเป็นเหมือนชายหนุ่มผู้มั่งมีที่พระเยซูทรงเชิญให้ขายทรัพย์สมบัติของเขาแล้วแจกให้แก่คนยากจนและติดตามพระองค์. แทนที่จะทำตามคำเชิญ ชายผู้นี้ “ออกไปด้วยความทุกข์ใจเพราะเขามีทรัพย์สมบัติมาก.” (มัด. 19:21, 22) เนื่องจากติดบ่วงแร้วของทรัพย์สมบัติ ชายผู้นี้จึงพลาดโอกาสที่จะได้รับสิทธิพิเศษใหญ่หลวงที่จะติดตามบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดที่เคยมีชีวิตอยู่! เราควรระวังที่จะไม่สูญเสียสิทธิพิเศษของการเป็นสาวกของพระเยซูคริสต์.
9, 10. ดังที่กล่าวไว้ในพระคัมภีร์ เราควรมีทัศนะอย่างไรต่อสิ่งฝ่ายวัตถุ?
9 เพื่อจะไม่กังวลมากเกินไปเกี่ยวกับสิ่งฝ่ายวัตถุ ขอให้เราเอาใจใส่คำกระตุ้นเตือนของพระเยซูที่ว่า “อย่าวิตกกังวลและพูดว่า ‘เราจะกินอะไร?’ หรือ ‘เราจะดื่มอะไร’ หรือ ‘เราจะสวมอะไร?’ เพราะสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ชนต่างชาติร้อนรนแสวงหา. ด้วยว่าพระบิดาของเจ้าทั้งหลายผู้สถิตในสวรรค์ทรงทราบว่าพวกเจ้าต้องมีสิ่งทั้งปวงนี้.”—มัด. 6:31, 32; ลูกา 21:34, 35
10 ถ้าเราไม่ต้องการตกเป็นเหยื่อของอำนาจล่อลวงของทรัพย์สมบัติ เราต้องคิดเหมือนกับอาฆูรผู้เขียนคัมภีร์ไบเบิลที่กล่าวว่า “ขออย่าให้ข้าพระองค์ยากจนหรือร่ำรวย. ขอประทานเพียงสิ่งจำเป็นแก่ข้าพระองค์.” (สุภา. 30:8, ฉบับแปลคอนเทมโพรารี อิงลิช) เห็นได้ชัดว่า อาฆูรเข้าใจว่าเขาจำเป็นต้องมีเงินในการดำรงชีพ แต่ก็เข้าใจด้วยว่าทรัพย์สมบัติมีอำนาจล่อลวงคนเราให้หลงได้. เราควรตระหนักว่าความวิตกกังวลกับชีวิตในยุคนี้และอำนาจล่อลวงของทรัพย์สมบัติอาจทำให้เราสูญเสียสายสัมพันธ์ที่มีกับพระยะโฮวาได้. ถ้าเรากังวลมากเกินไปเกี่ยวกับสิ่งฝ่ายวัตถุ เราอาจไม่มีเวลา กำลัง หรือแรงกระตุ้นที่จะแสวงหาผลประโยชน์ของราชอาณาจักร. ด้วยเหตุนั้น เราควรระมัดระวังเพื่อจะไม่ติดบ่วงแร้วของการนิยมวัตถุที่ซาตานวางไว้!—อ่านฮีบรู 13:5
การเล่นชู้ หลุมพรางที่แยบยล
11, 12. ในที่ทำงาน คริสเตียนอาจตกหลุมพรางของการเล่นชู้ได้อย่างไร?
11 พรานที่ต้องการจับสัตว์ที่แข็งแรงอาจขุดหลุมไว้ตามทางที่เหยื่อมักเดินผ่าน. เขาอาจคลุมปากหลุมนั้นด้วยกิ่งไม้และโรยดินบาง ๆ เพื่อพรางตา. การล่อใจอย่างหนึ่งที่ซาตานใช้ซึ่งได้ผลมากที่สุดมีลักษณะคล้ายกับหลุมพรางแบบนี้ นั่นคือการทำผิดศีลธรรมทางเพศ. (สุภา. 22:14; 23:27) คริสเตียนหลายคนตกหลุมพรางนี้โดยพาตัวเองไปอยู่ในสถานการณ์ที่ล่อแหลม. คริสเตียนที่สมรสแล้วบางคนพ่ายแพ้การล่อใจและทำผิดศีลธรรมหลังจากที่ได้สร้างความสัมพันธ์ในเชิงรัก ๆ ใคร่ ๆ กับคนที่ไม่ใช่คู่สมรสของตน.
12 ความสัมพันธ์ฉันชู้สาวที่ไม่ถูกต้องแบบนั้นอาจเกิดขึ้นได้ในที่ทำงาน. ที่จริง ผลการสำรวจครั้งหนึ่งเผยให้เห็นว่าในบรรดาคนที่มีเพศสัมพันธ์นอกสายสมรสนั้นมีผู้หญิงมากกว่าครึ่ง และผู้ชายเกือบ 3 ใน 4 ที่เล่นชู้กับเพื่อนร่วมงาน. งานอาชีพของคุณจำเป็นต้องติดต่อเกี่ยวข้องกับคนที่เป็นเพศตรงข้ามไหม? หากเป็นอย่างนั้น ความสัมพันธ์ของคุณกับพวกเขาเป็นแบบใด? คุณได้วางข้อจำกัดเอาไว้ว่าจะเกี่ยวข้องเฉพาะเรื่องงานและไม่ให้มากไปกว่านั้นไหม? ตัวอย่างเช่น หลังจากที่พูดคุยกันบ่อย ๆ กับเพื่อนร่วมงานผู้ชายคนหนึ่ง พี่น้องหญิงอาจเกิดความไว้เนื้อเชื่อใจเขาและถึงกับเล่าปัญหาในชีวิตสมรสให้เขาฟัง. ในอีกกรณีหนึ่ง หลังจากที่เริ่มเป็นมิตรและสนิทสนมกับเพื่อนร่วมงานหญิงคนหนึ่ง พี่น้องชายอาจคิดว่า “เธอชอบความคิดเห็นของผมและตั้งใจฟังเมื่อผมพูด. และเธอนับถือ ผม. ผมอยากให้ภรรยาปฏิบัติต่อผมแบบนี้บ้าง!” คุณเห็นไหมว่าคริสเตียนที่อยู่ในสถานการณ์ดังกล่าวอาจเสี่ยงที่จะเล่นชู้?
13. บางคนในประชาคมอาจเริ่มมีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวที่ไม่ถูกต้องได้อย่างไร?
13 ความสัมพันธ์ฉันชู้สาวที่ไม่ถูกต้องอาจเกิดขึ้นในประชาคมได้ด้วย. ขอให้พิจารณาเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงกับคู่สมรสคู่หนึ่ง. แดเนียลและซาราห์ภรรยาของเขาaเป็นไพโอเนียร์ประจำ. ดังที่แดเนียลเองกล่าว เขาเป็น “ผู้ปกครองที่ปฏิเสธไม่เป็น.” เขายินดีตอบรับสิทธิพิเศษทุกอย่างในประชาคม. เขานำการศึกษาพระคัมภีร์กับชายหนุ่มห้าคน และมีสามคนที่รับบัพติสมา. พี่น้องใหม่สามคนนี้จำเป็นต้องได้รับความช่วยเหลือด้านอารมณ์อย่างมาก. เนื่องจากแดเนียลยุ่งอยู่กับงานมอบหมายหลายอย่างในประชาคม ซาราห์จึงต้องให้ความช่วยเหลือแก่พวกเขาอยู่บ่อย ๆ. แต่ซาราห์เองก็ต้องการได้รับการเกื้อหนุนด้านอารมณ์ด้วย และเธอได้รับจากนักศึกษาของแดเนียล. สถานการณ์ดังกล่าวได้กลายเป็นเหมือนหลุมพรางที่เป็นอันตราย. แดเนียลกล่าวว่า ‘เดือนแล้วเดือนเล่าที่ภรรยาผมทุ่มเทแรงกายแรงใจเพื่อช่วยคนอื่น เธอจึงจำเป็นต้องได้รับการเกื้อหนุนด้านอารมณ์และฝ่ายวิญญาณ. ในช่วงนั้น ผมไม่ได้ดูแลเอาใจใส่เธอ. สถานการณ์แบบนี้นำไปสู่ความหายนะ. ภรรยาผมเล่นชู้กับชายหนุ่มคนหนึ่งที่ผมเคยนำการศึกษา. ผมยุ่งมากจนไม่ได้สังเกตว่าสายสัมพันธ์ของเธอกับพระยะโฮวาเริ่มอ่อนลง.’ คุณจะหลีกเลี่ยงหายนะเช่นนั้นได้อย่างไร?
14, 15. อะไรอาจช่วยคริสเตียนที่สมรสแล้วให้หลีกเลี่ยงการเล่นชู้?
14 เพื่อจะหลีกเลี่ยงการเล่นชู้ ขอให้ใคร่ครวญถึงความหมายของข้อผูกมัดของการสมรส. พระเยซูตรัสว่า “ที่พระเจ้าทรงผูกมัดไว้ด้วยกันแล้วนั้นอย่าให้มนุษย์ทำให้แยกจากกันเลย.” (มัด. 19:6) คุณไม่ควรคิดว่าสิทธิพิเศษในองค์การของพระเจ้าสำคัญยิ่งกว่าคู่สมรสของคุณ. นอกจากนั้น ถ้าคุณอยู่ห่างจากคู่สมรสบ่อย ๆ โดยไม่มีเหตุจำเป็นจริง ๆ สายสัมพันธ์ในชีวิตสมรสของคุณอาจเริ่มอ่อนลง และคุณอาจถูกล่อใจให้เล่นชู้.
15 แต่ถ้าคุณเป็นผู้ปกครอง คุณควรดูแลฝูงแกะมิใช่หรือ? อัครสาวกเปโตรเขียนว่า “จงบำรุงเลี้ยงฝูงแกะของพระเจ้าซึ่งอยู่ในความดูแลของท่านทั้งหลาย ไม่ใช่โดยฝืนใจ แต่ด้วยความเต็มใจ ไม่ใช่เพราะอยากได้ผลประโยชน์ แต่ด้วยความกระตือรือร้น.” (1 เป. 5:2) แน่นอน พี่น้องในประชาคมซึ่งอยู่ในความดูแลของคุณไม่ควรถูกละเลย. ถึงกระนั้น คุณไม่ควรทำหน้าที่ผู้ปกครองจนลืมทำหน้าที่สามีที่ดี. นับว่าไม่มีเหตุผลหรือแม้แต่เป็นอันตรายด้วยซ้ำที่จะมุ่งสนใจในการบำรุงเลี้ยงพี่น้องในประชาคม แต่กลับปล่อยให้คู่สมรส “อดอยาก.” แดเนียลกล่าวว่า ‘คุณไม่ควรยุ่งเกินไปกับการทำหน้าที่รับผิดชอบจนครอบครัวของคุณเองได้รับความเสียหาย.’
16, 17. (ก) คริสเตียนที่สมรสแล้วอาจทำอะไรได้บ้างเพื่อให้ทุกคนในที่ทำงานรู้ว่าเขาไม่ต้องการสร้างความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกับใครอื่น? (ข) จงยกตัวอย่างบทความในวารสารของเราที่อาจช่วยคริสเตียนให้หลีกเลี่ยงการเล่นชู้.
16 วารสารหอสังเกตการณ์ และตื่นเถิด! ให้คำแนะนำที่ดีเพื่อช่วยคริสเตียนที่สมรสแล้วให้หลีกเลี่ยงการเล่นชู้. ตัวอย่างเช่น หอสังเกตการณ์ ฉบับ 15 กันยายน 2006 ให้คำแนะนำต่อไปนี้: “ในที่ทำงานและที่อื่น ๆ จงระวังสถานการณ์ที่อาจส่งเสริมให้เกิดความสนิทชิดเชื้อกับเพศตรงข้าม. ตัวอย่างเช่น การทำงานนอกเวลาอย่างใกล้ชิดกับบางคนที่เป็นเพศตรงข้ามอาจนำไปสู่การล่อใจได้. ในฐานะชายหรือหญิงที่สมรสแล้ว คุณควรทำให้ชัดเจนด้วยคำพูดและท่าทีว่าคุณสมรสแล้วและไม่ต้องการสร้างความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกับใครอื่น. ในฐานะคนที่ดำเนินด้วยความเลื่อมใสพระเจ้า คุณย่อมจะไม่ต้องการเชื้อเชิญให้คนอื่นสนใจตัวคุณอย่างไม่เหมาะสมด้วยการเกี้ยวพานหรือด้วยการแต่งกายและประดับตัวอย่างไม่สุภาพเรียบร้อย. . . . การติดหรือวางรูปคู่สมรสและลูกไว้ในที่ทำงานจะช่วยเตือนใจตัวคุณเองและคนอื่น ๆ ให้เห็นว่าคุณให้ความสำคัญแก่ครอบครัวมากขนาดไหน. จงตั้งใจแน่วแน่ว่าจะไม่กระตุ้น—หรือแม้แต่จะยอม—ให้ใครมาเกี้ยวพานเด็ดขาด.”
17 บทความที่ชื่อ “ความซื่อสัตย์ต่อคู่สมรสหมายความอย่างไรจริง ๆ?” ในตื่นเถิด! ฉบับเมษายน 2009 เตือนให้ระวังอย่าสร้างภาพขึ้นในใจถึงการมีเพศสัมพันธ์กับคนอื่นที่ไม่ใช่คู่สมรสของตน. บทความนี้ชี้ให้เห็นว่าการสร้างจินตนาการทางเพศเช่นนั้นจะทำให้เป็นไปได้มากขึ้นที่คุณอาจเล่นชู้. (ยโก. 1:14, 15) ถ้าคุณแต่งงานแล้ว คงดีที่คุณจะทบทวนคำแนะนำเหล่านี้ด้วยกันกับคู่ของคุณเป็นครั้งคราว. พระยะโฮวาทรงเป็นผู้ก่อตั้งการสมรส และการสมรสเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์. การจัดเวลาไว้เพื่อคุยกับคู่ของคุณเกี่ยวกับชีวิตสมรสเป็นวิธีที่ดีที่แสดงให้เห็นว่าคุณเห็นคุณค่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์.—เย. 2:21-24
18, 19. (ก) การเล่นชู้ทำให้เกิดผลเสียหายเช่นไร? (ข) ความซื่อสัตย์ในชีวิตสมรสทำให้เกิดผลดีเช่นไร?
18 ถ้าคุณถูกล่อใจให้สร้างความสัมพันธ์ฉันชู้สาวที่ไม่ถูกต้อง จงใคร่ครวญถึงผลเสียหายของการผิดประเวณีและการเล่นชู้. (สุภา. 7:22, 23; กลา. 6:7) คนที่ทำผิดประเวณีทำให้พระยะโฮวาไม่พอพระทัยและทำให้คู่สมรสรวมทั้งตัวเขาเองเจ็บปวดใจ. (อ่านมาลาคี 2:13, 14) ในอีกด้านหนึ่ง ขอให้ใคร่ครวญถึงผลประโยชน์ที่คุณจะได้รับหากรักษาตัวให้บริสุทธิ์สะอาด. คุณไม่เพียงจะมีความหวังเรื่องชีวิตนิรันดร์ แต่จะมีชีวิตที่ดีที่สุดในเวลานี้ รวมทั้งมีสติรู้สึกผิดชอบที่สะอาดด้วย.—อ่านสุภาษิต 3:1, 2
19 ผู้ประพันธ์เพลงสรรเสริญร้องเพลงว่า “คนทั้งปวงที่รักกฎหมายของ [พระเจ้า] มีความสุขมาก และเหตุที่จะสะดุดกะดากแก่เขาไม่มีเลย.” (เพลง. 119:165) ดังนั้น จงรักความจริงและ “เฝ้าระวังให้ดี จะได้ไม่ประพฤติอย่างคนไร้ปัญญา แต่ประพฤติอย่างคนมีปัญญา” ในสมัยที่ชั่วช้านี้. (เอเฟ. 5:15, 16) เส้นทางชีวิตที่เราเดินอยู่เต็มไปด้วยกับดักที่ซาตานวางไว้เพื่อจับผู้นมัสการแท้. แต่พระยะโฮวาทรงเตรียมเราไว้ให้พร้อมเพื่อป้องกันตัวเราเอง. พระองค์ทรงประทานทุกสิ่งที่เราจำเป็นต้องมีเพื่อจะ “ยืนหยัด” และ “ดับลูกศรเพลิงทั้งหมดของตัวชั่วร้าย”!—เอเฟ. 6:11, 16
[เชิงอรรถ]
a ชื่อสมมุติ.
[ภาพหน้า 26]
อย่าให้การนิยมวัตถุมาทำลายสายสัมพันธ์ของคุณกับพระยะโฮวา
[ภาพหน้า 29]
การเกี้ยวเล่น ๆ หรือการยอมให้ใคร มาเกี้ยวอาจนำไปสู่การเล่นชู้ได้