จงทำให้ชีวิตของคุณประสบความสำเร็จ!
“ความสุขมีแก่ผู้ที่ไม่ดำเนินตามคำแนะนำของคนชั่ว . . . ทุกสิ่งที่เขาทำจะสำเร็จ.”—บทเพลงสรรเสริญ 1:1, 3, ล.ม.
1. (ก) หนุ่มสาวมากมายในโลกมีทัศนะอย่างไรในเรื่องความสำเร็จ? (ข) คัมภีร์ไบเบิลพรรณนาเกี่ยวกับคนที่ประสบความสำเร็จไว้อย่างไร?
ความสำเร็จ—คำนี้มีความหมายเช่นไรต่อคุณ? เด็กหนุ่มคนหนึ่งกล่าวว่า “เป้าหมายสำคัญที่สุดของผมคือการประสบความสำเร็จในธุรกิจ.” เด็กสาวคนหนึ่งกล่าวว่า “ดิฉันใฝ่ฝันอยากจะมีครอบครัวที่เป็นสุข.” แต่เด็กสาวอีกคนหนึ่งบอกว่า “ดิฉันใฝ่ฝันก็เพียงแค่คอนโดหรู ๆ, รถสวย ๆ . . . ดิฉันสนใจแต่ตัวเองเท่านั้น.” ปัญหาคือไม่ว่าจะเงิน, หรือครอบครัว, หรือแม้แต่อาชีพที่รายได้ดี ล้วนไม่ใช่เครื่องวัดความสำเร็จที่แท้จริง. ที่บทเพลงสรรเสริญ 1:1-3 (ล.ม.) เราอ่านว่า “ความสุขมีแก่ผู้ที่ไม่ดำเนินตามคำแนะนำของคนชั่ว . . . ความปีติยินดีของเขาอยู่ในพระบัญญัติของพระยะโฮวา . . . ทุกสิ่งที่เขาทำจะสำเร็จ.”
2. จะพบความสำเร็จที่แท้จริงได้ที่ไหน และแนวทางเดียวที่จะประสบความสำเร็จที่แท้จริงได้คืออะไร?
2 ในที่นี้ คัมภีร์ไบเบิลสัญญาสิ่งซึ่งมนุษย์ไม่อาจให้ได้—คือ ความสำเร็จแท้! แต่คัมภีร์ไบเบิลไม่ได้กล่าวเกี่ยวกับผลประโยชน์ด้านการเงิน. คัมภีร์ไบเบิลเองเตือนไว้ว่า “การรักเงินเป็นรากแห่งสิ่งที่ก่อความเสียหายทุกชนิด.” (1 ติโมเธียว 6:10, ล.ม.) ความสำเร็จที่แท้จริงพบได้โดยการทำให้พระเจ้าพอพระทัย รวมทั้งการปฏิบัติตามกฎหมายของพระยะโฮวา. เฉพาะแต่โดยทำอย่างนี้เท่านั้นจึงจะนำมาซึ่งความอิ่มใจแท้และความสุขแท้ได้! อาจเป็นได้ที่ความคิดเกี่ยวกับการอยู่ภายใต้กฎหมายของพระยะโฮวาและการถูกสั่งว่าจะต้องทำอะไรดูเหมือนว่าไม่น่าพอใจเท่าใดนัก. กระนั้น พระเยซูตรัสว่า “ความสุขมีแก่ผู้ที่รู้สำนึกถึงความจำเป็นฝ่ายวิญญาณของตน.” (มัดธาย 5:3, ล.ม.) ไม่ว่าคุณตระหนักถึงข้อนี้หรือไม่ คุณถูกสร้างให้มีความต้องการฝ่ายวิญญาณ ซึ่งก็รวมถึงความต้องการอันฝังลึกที่จะรู้จักพระเจ้าและเข้าใจพระประสงค์ของพระองค์. ด้วยเหตุนั้น คุณสามารถประสบความสุขแท้ก็ต่อเมื่อคุณสนองความต้องการดังกล่าวและปฏิบัติตาม “พระบัญญัติของพระยะโฮวา” เท่านั้น.
เหตุที่เราจำเป็นต้องมีกฎหมายของพระเจ้า
3. เหตุใดเราควรมีความสุขในการยอมให้พระยะโฮวา ‘กำหนดก้าวเดินของเรา’?
3 ผู้พยากรณ์ยิระมะยาเขียนดังนี้: “โอ้พระยะโฮวา, ข้าพเจ้ารู้อยู่ว่าทางที่มนุษย์จะไปนั้นไม่ได้อยู่ในตัวของตัว, ไม่ใช่ที่มนุษย์ซึ่งดำเนินนั้นจะได้กำหนดก้าวของตัวได้.” (ยิระมะยา 10:23) ข้อนี้เป็นความจริงกับมนุษย์ทุกคน ไม่ว่าหนุ่มหรือสูงอายุ. ไม่เพียงแต่เราขาดสติปัญญา, ประสบการณ์ และความรู้ที่จะชี้นำก้าวเดินของเราเอง; เราไม่มีสิทธิ ที่จะทำอย่างนั้นเสียด้วยซ้ำ. ที่วิวรณ์ 4:11 (ล.ม.) คัมภีร์ไบเบิลกล่าวว่า “พระยะโฮวาเจ้าข้า พระเจ้าของพวกข้าพเจ้า พระองค์คู่ควรจะได้รับสง่าราศีและเกียรติยศและฤทธิ์เดช เพราะพระองค์ได้ทรงสร้างสิ่งทั้งปวง และเนื่องด้วยพระทัยประสงค์ของพระองค์สิ่งเหล่านั้นจึงได้ดำรงอยู่และถูกสร้างขึ้น.” ในฐานะพระผู้สร้างของเรา พระยะโฮวาทรงเป็น “บ่อเกิดแห่งชีวิต.” (บทเพลงสรรเสริญ 36:9, ล.ม.) เนื่องด้วยเหตุนี้ พระองค์ทรงทราบดีกว่าใคร ๆ ในเรื่องวิธีที่เราควรใช้ชีวิตของเรา. ดังนั้น พระองค์ทรงตรากฎหมายขึ้นมาไม่ใช่เพื่อปล้นความยินดีไปจากเรา แต่เพื่อช่วยเราให้ได้รับประโยชน์จากชีวิต. (ยะซายา 48:17) หากคุณเพิกเฉยต่อกฎหมายของพระเจ้า นั่นก็เท่ากับคุณวางจุดหมายชีวิตตัวเองไว้ให้ประสบความล้มเหลว.
4. เหตุใดหนุ่มสาวจำนวนมากจึงทำลายชีวิตของตัวเอง?
4 ตัวอย่างเช่น คุณเคยสงสัยไหมว่าทำไมหนุ่มสาวมากมายทำลายชีวิตตัวเองด้วยยาเสพย์ติด, การประพฤติสำส่อน และสิ่งชั่วร้ายอื่น ๆ? บทเพลงสรรเสริญ 36:1, 2 อธิบายว่า “การล่วงละเมิดแห่งคนชั่วทำให้ข้าพเจ้าคิดในใจว่า, ความยำเกรงพระเจ้าไม่มีในแววตาของเขาเลย. เพราะเขาอวดยกย่องในแววตาของตนเองว่า, การชั่วของเขาจะไม่ปรากฏขึ้นและไม่เป็นที่เกลียดชัง.” เนื่องจากขาดสำนึกที่ดีในการแสดง “ความยำเกรงพระเจ้า” หนุ่มสาวหลายคนหลอกตัวเองให้หลงเชื่อว่าการประพฤติที่เสี่ยงอันตรายไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไร. ทว่า ในที่สุดพวกเขาต้องเผชิญกับกฎข้อนี้ที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลง: “คนใดหว่านอะไรลงก็จะเกี่ยวเก็บสิ่งนั้น; เพราะคนใดที่หว่านโดยคำนึงถึงเนื้อหนังของตนเองจะเกี่ยวเก็บการเปื่อยเน่าจากเนื้อหนังนั้น แต่คนที่หว่านโดยคำนึงถึงพระวิญญาณจะเกี่ยวเก็บชีวิตชั่วนิรันดร์จากพระวิญญาณนั้น.”—ฆะลาเตีย 6:7, 8, ล.ม.
‘การนับวันคืนทั้งหลาย’
5, 6. (ก) เหตุใดหนุ่มสาวควร ‘นับวันคืนทั้งหลายของตน’ และการทำอย่างนั้นหมายความเช่นไร? (ข) ‘การระลึกถึงพระผู้สร้างองค์ยิ่งใหญ่ของเรา’ หมายความเช่นไร?
5 คุณจะทำให้ชีวิตของคุณประสบความสำเร็จและ “เกี่ยวเก็บชีวิตชั่วนิรันดร์” ได้อย่างไร? โมเซเขียนดังนี้: “ในชั่วอายุของข้าพเจ้ามีสักเจ็ดสิบปีเท่านั้น, ถ้าแม้ว่ามีกำลังมากก็จะยืนได้ถึงแปดสิบปี . . . ไม่ช้าก็จะเสียไปและข้าพเจ้าทั้งหลายจะล่วงลับไป.” (บทเพลงสรรเสริญ 90:10) หากว่าเคยคิด คงมีน้อยครั้งที่คุณคิดถึงความตาย. ที่จริง หนุ่มสาวหลายคนประพฤติตัวราวกับว่าเขาอยู่ยงคงกระพัน. แต่โมเซชี้ให้เราเผชิญหน้ากับความเป็นจริงอันเจ็บปวดที่ว่าชีวิตนั้นสั้นนัก. ไม่มีแม้แต่หลักค้ำประกันว่าเราจะมีชีวิตถึง 70 หรือ 80 ปี. “วาระและเหตุการณ์ที่ไม่ได้คาดล่วงหน้า” อาจคร่าชีวิตแม้แต่คนที่ยังหนุ่มแน่นและสุขภาพดี. (ท่านผู้ประกาศ 9:11, ล.ม.) ดังนั้น คุณจะใช้ชีวิตที่มีค่ายิ่งที่คุณมีอยู่ในตอนนี้อย่างไร? โมเซอธิษฐานดังนี้: “ขอทรงโปรดสอนให้ข้าพเจ้านับวันคืนทั้งหลายของพวกข้าพเจ้าเป็น, เพื่อจะได้มีใจประกอบไปด้วยสติปัญญา.”—บทเพลงสรรเสริญ 90:12.
6 การนับวันคืนทั้งหลายของคุณหมายความอย่างไร? นั่นไม่ได้หมายความว่าคุณควรหมกมุ่นกับความคิดที่ว่าคุณจะอยู่ได้อีกนานเท่าใด. โมเซกำลังอธิษฐานขอให้พระยะโฮวาทรงสอนไพร่พลของพระองค์ถึงวิธีใช้ วันเวลาที่เหลือของตนในวิธีที่จะถวายเกียรติแด่พระองค์. คุณกำลังนับวันคืนทั้งหลายของคุณโดยถือว่าแต่ละวันเป็นเหมือนทรัพย์อันมีค่าที่จะใช้เพื่อถวายเกียรติแด่พระเจ้าไหม? คัมภีร์ไบเบิลให้กำลังใจแก่หนุ่มสาวดังนี้: “จงขจัดความกลัดกลุ้มจากหัวใจของเจ้า และจงป้องกันความวิบัติจากเนื้อหนังของเจ้า; เพราะว่าวัยหนุ่มและปฐมวัยแห่งชีวิตไร้ค่า. บัดนี้ จงระลึกถึงพระผู้สร้างองค์ยิ่งใหญ่ของเจ้าในช่วงวัยหนุ่มของเจ้า.” (ท่านผู้ประกาศ 11:10–12:1, ล.ม.) การระลึกถึงพระผู้สร้างของเรามีความหมายมากกว่าเพียงแค่ไม่ลืมว่าพระองค์ทรงพระชนม์อยู่. เมื่อชายที่เป็นอาชญากรวิงวอนพระเยซูว่า “ขอทรงระลึกถึงข้าพเจ้าเมื่อพระองค์เสด็จเข้าในราชอาณาจักรของพระองค์” เขาอยากให้พระเยซูทรงทำมากกว่าแค่จำชื่อเขาได้. เขาต้องการให้พระเยซูทรงลงมือกระทำด้วยการปลุกเขาให้เป็นขึ้นจากตาย! (ลูกา 23:42, ล.ม.; เทียบกับเยเนซิศ 40:14, 23; โยบ 14:13.) ในทำนองเดียวกัน การระลึกถึงพระยะโฮวาหมายรวมถึงการกระทำ คือการทำสิ่งที่พระองค์ทรงพอพระทัย. คุณพูดได้ไหมว่าคุณกำลังระลึกถึงพระยะโฮวา?
จงหลีกเลี่ยงการอิจฉาคนทำชั่ว
7. เหตุใดหนุ่มสาวบางคนเลือกที่จะลืมพระผู้สร้างของตน? จงยกตัวอย่าง.
7 หนุ่มสาวหลายคนเลือกที่จะลืมพระยะโฮวาเพราะเขารู้สึกว่าการเป็นพยานฯ นั้นจำกัดเกินไป. พี่น้องชายคนหนึ่งที่สเปนนึกถึงความรู้สึกของเขาเมื่อครั้งเป็นวัยรุ่นว่า “ผมถูกดึงดูดให้เข้าไปหาโลก เพราะทางแห่งความจริงดูเหมือนว่าลำบากและเข้มงวดเกินไป. การอยู่ในความจริงหมายถึงการนั่ง, การศึกษา, การไปประชุม, การใส่เนกไท และผมไม่ชอบทำอะไร ๆ แบบนี้.” บางครั้งคุณรู้สึกว่าคุณพลาดโอกาสบางอย่างไปเนื่องจากคุณรับใช้พระเจ้าไหม? คุณอาจแปลกใจก็ได้หากได้ทราบว่าผู้เขียนคัมภีร์ไบเบิลคนหนึ่งเคยมีความรู้สึกแบบเดียวกันนี้เอง. โปรดเปิดพระคัมภีร์ของคุณและอ่านเพลงสรรเสริญบท 73.
8. เหตุใดอาซาฟ “ริษยาคนอหังการ”?
8 ให้เราตรวจสอบเพลงสรรเสริญบทนี้ในรายละเอียดบางอย่าง. ข้อ 2 และ 3 กล่าวว่า “ฝ่ายข้าพเจ้าเล่า, เท้าของข้าพเจ้าแทบหลุดแล้ว; ย่างเท้าของข้าพเจ้าแทบจะพลาดพลั้งลงไปแล้ว. เพราะว่าข้าพเจ้าได้ริษยาคนอหังการในเมื่อข้าพเจ้าเห็นความจำเริญของเขา.” ตามข้อความจ่าหน้า เพลงสรรเสริญบทนี้เขียนโดยอาซาฟ. ท่านเป็นนักดนตรีชาวเลวีและมีชีวิตในสมัยเดียวกับกษัตริย์ดาวิด. (1 โครนิกา 25:1, 2; 2 โครนิกา 29:30) แม้ว่าท่านได้รับสิทธิพิเศษรับใช้ในพระวิหารของพระเจ้า ท่านเริ่ม “ริษยา” พวกคนที่โอ้อวดการกระทำของตนเองที่ไม่เคารพกฎหมาย. อะไร ๆ ดูเหมือนจะเป็นใจให้แก่พวกเขาไปเสียทั้งนั้น; พวกเขาดูเหมือนจะมีสุขสันติและมั่นคงดี. ที่จริง สิ่งที่ดูเหมือนเป็นความสำเร็จของพวกเขานั้น “มากเกินกว่าที่ใจเขาจะปรารถนา.” (ข้อ 5, 7) พวกเขาคุยถึงความเก่งกล้าสามารถของตนอย่าง “มักใหญ่ใฝ่สูง” คือพูดอย่างยโสโอหัง. (ข้อ 8) “เขาอ้าปากกล่าวหยาบช้าต่อฟ้าสวรรค์, และลิ้นของเขาร้องป่าวไปทั่วแผ่นดินโลก” กล่าวคือไม่คำนึงถึงใครทั้งสิ้น ไม่ว่าในสวรรค์หรือบนแผ่นดินโลก.—ข้อ 9.
9. หนุ่มสาวคริสเตียนบางคนในปัจจุบันอาจรู้สึกคล้าย ๆ กับอาซาฟอย่างไร?
9 อาจจะกล่าวได้อย่างเดียวกันสำหรับเพื่อน ๆ ของคุณที่โรงเรียน. คุณอาจได้ยินพวกเขาโอ้อวดอย่างไร้ยางอายถึงความคะนองทางเพศของเขา, งานเลี้ยงสังสรรค์ที่ปราศจากการเหนี่ยวรั้ง, และการหมกมุ่นกับการใช้เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์และยาเสพย์ติด. เมื่อคุณเปรียบเทียบแบบชีวิตที่พวกเขาเรียกกันว่าเป็นความเพลิดเพลินกับทางแคบที่คุณต้องดำเนินในฐานะคริสเตียน บางครั้งคุณอาจรู้สึก “ริษยาคนอหังการ.” (มัดธาย 7:13, 14) อาซาฟเองรู้สึกอย่างนั้นถึงขนาดที่ท่านอุทานออกมาว่า “การที่ข้าพเจ้าได้ชำระใจของข้าพเจ้า, และได้ล้างมือให้หมดจด, ก็เสียเวลาเปล่า ๆ: เพราะข้าพเจ้าต้องรับความทุกข์ลำบากวันยังค่ำ.” (ข้อ 13, 14) ใช่แล้ว ท่านเริ่มสงสัยคุณค่าของการรับใช้พระเจ้าและการดำเนินชีวิตอย่างซื่อตรง.
10, 11. (ก) อะไรทำให้อาซาฟเปลี่ยนความคิด? (ข) ผู้ทำผิดยืนอยู่ “ในที่ลื่น” อย่างไร? จงยกตัวอย่าง.
10 น่ายินดี อาซาฟไม่ได้ตกอยู่ในสภาพจิตใจที่ท้อแท้เช่นนี้นานนัก. ท่านได้เริ่มตระหนักอย่างรวดเร็วว่าสิ่งที่ดูเหมือนเป็นสันติสุขของคนชั่วนั้นไม่ใช่อะไรอื่นนอกจากภาพลวงตา และเป็นเพียงสันติสุขชั่วคราวเท่านั้น! ท่านอุทานดังนี้: “แท้ที่จริง พระองค์ทรงให้เขายืนในที่ลื่น. พระองค์ทรงกระทำให้เขาลงถึงความพินาศ. โอ้โฮ เขากลับกลายเป็นเป้าแห่งความประหลาดใจในชั่วประเดี๋ยวเดียว! เขาก้าวไปถึงจุดจบของเขา และถูกนำไปยังปลายทางของเขาโดยสิ่งที่น่ากลัวที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลัน!” (ข้อ 18, 19, ล.ม.) เพื่อนรุ่นเดียวกันกับคุณหลายคนยืนอยู่ใน “ที่ลื่น” เช่นกัน. ไม่เร็วก็ช้าการประพฤติที่ไม่เลื่อมใสพระเจ้าของพวกเขาก็จะตามทันพวกเขา ซึ่งก็อาจยังผลเป็นการตั้งครรภ์ที่ไม่พึงประสงค์, โรคติดต่อทางเพศ, หรือแม้แต่การติดคุกหรือความตาย! ที่แย่ยิ่งกว่านั้น พวกเขาตีตัวออกห่างจากพระเจ้า.—ยาโกโบ 4:4.
11 พยานฯ วัยรุ่นคนหนึ่งที่สเปนประสบความจริงในเรื่องนี้ด้วยตนเอง. เธอใช้ชีวิตในวัยสาวของเธอด้วยการตีสองหน้า เข้าไปมั่วสุมกับกลุ่มหนุ่มสาวที่ไม่เลื่อมใสพระเจ้า. หลังจากนั้นไม่นาน เธอตกหลุมรักกับคนหนึ่งในกลุ่มนี้ซึ่งติดยาเสพย์ติด. แม้ว่าเธอเองไม่ได้ร่วมใช้ยาด้วย แต่เธอซื้อยาให้เขา. เธอยอมรับว่า “ดิฉันช่วยฉีดยาให้เขาเสียด้วยซ้ำ.” ยังดีที่พี่น้องหญิงคนนี้ได้สติและฟื้นฟูสุขภาพฝ่ายวิญญาณ. แต่เธอก็ต้องตกใจสุดขีดเมื่อมารู้ในเวลาต่อมาว่าเพื่อนชายที่ใช้ยาเสพย์ติดคนนั้นเสียชีวิตไปแล้วด้วยโรคเอดส์. ใช่แล้ว เป็นดังที่ผู้ประพันธ์เพลงสรรเสริญกล่าวไว้ ผู้คนที่ไม่เลื่อมใสพระเจ้ายืนอยู่ “ในที่ลื่น.” บางคนอาจเสียชีวิตอย่างไม่คาดคิดเนื่องด้วยแบบชีวิตที่เหลวไหลเสเพล. สำหรับคนที่เหลือ เว้นเสียแต่ว่าพวกเขาเปลี่ยนวิถีชีวิตของตน ในอนาคตอันใกล้นี้พวกเขาจะต้องพบกับ “การปรากฏของพระเยซูเจ้าจากสวรรค์พร้อมด้วยเหล่าทูตสวรรค์มีฤทธิ์ของพระองค์ ในไฟที่ลุกโชน ขณะที่พระองค์ทรงแก้แค้นคนที่ไม่รู้จักพระเจ้าและคนที่ไม่เชื่อฟังข่าวดีเรื่องพระเยซูเจ้าของเรา.”—2 เธซะโลนิเก 1:7, 8, ล.ม.
12. โดยวิธีใดชายหนุ่มคนหนึ่งที่ญี่ปุ่นได้มามองเห็นว่าเป็นเรื่องโง่เขลาที่จะอิจฉาคนทำผิด?
12 ดังนั้น ช่างโง่เขลาเพียงไรที่จะอิจฉา “คนที่ไม่รู้จักพระเจ้า”! จริง ๆ แล้ว ควรจะอิจฉาคนที่รู้จักพระยะโฮวาและมีความหวังจะมีชีวิตตลอดไปต่างหาก. พี่น้องหนุ่มคนหนึ่งที่ญี่ปุ่นได้มาตระหนักถึงความจริงดังกล่าว. เมื่อเขายังเยาว์ เขาก็เช่นกัน “ต้องการอิสระมากขึ้น.” เขาอธิบายว่า “ผมคิดว่าผมพลาดบางสิ่งบางอย่างไป. แล้วผมก็คิดได้ว่าชีวิตผมจะเป็นอย่างไรหากปราศจากความจริง. ผมวาดมโนภาพได้เลยว่าตัวเองคงจะมีชีวิตสัก 70 หรือ 80 ปีแล้วก็ตายไป. แต่พระยะโฮวาทรงเสนอความหวังชีวิตชั่วนิรันดร์! การตระหนักเช่นนี้ช่วยผมให้หยั่งรู้ค่าสิ่งที่ผมมีอยู่จริง ๆ.” ถึงกระนั้น การรักษาตัวซื่อสัตย์ขณะที่ถูกแวดล้อมด้วยผู้คนที่ไม่เคารพกฎหมายของพระเจ้าไม่ใช่เรื่องง่ายเลย. มีอะไรบ้างที่คุณจะทำได้เพื่อต้านทานแรงกดดันดังกล่าว?
จงระวังการคบหาสมาคมของคุณ!
13, 14. เหตุใดจึงสำคัญที่จะต้องเลือกการคบหาสมาคมให้ดี?
13 ให้เรามาดูคำพรรณนาเกี่ยวกับคนที่ประสบความสำเร็จกันอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งบันทึกไว้ที่บทเพลงสรรเสริญ 1:1-3 (ล.ม.) ดังนี้: “ความสุขมีแก่ผู้ที่ไม่ดำเนินตามคำแนะนำของคนชั่ว และไม่ได้ยืนอยู่ในทางของคนบาป และไม่ได้นั่งอยู่ในที่นั่งของคนเยาะเย้ย. แต่ความปีติยินดีของเขาอยู่ในพระบัญญัติของพระยะโฮวา และเขาอ่านพระบัญญัติของพระองค์ด้วยออกเสียงแผ่วเบาทั้งกลางวันและกลางคืน. และเขาจะกลายเป็นดุจต้นไม้ที่ปลูกไว้ริมธารน้ำ ซึ่งเกิดผลตามฤดู และใบก็ไม่เหี่ยวแห้ง และทุกสิ่งที่เขาทำจะสำเร็จ.”
14 ก่อนอื่น พึงสังเกตว่าผู้ที่คุณคบหาสมาคมด้วยนั้นมีบทบาทสำคัญ. สุภาษิต 13:20 (ล.ม.) กล่าวว่า “บุคคลที่ดำเนินกับคนมีปัญญาก็จะเป็นคนมีปัญญา แต่คนที่คบกับคนโฉดเขลาย่อมจะรับความเสียหาย.” ทั้งนี้มิได้หมายความว่าต้องทำเย็นชา, ไม่เป็นมิตร หรือหยาบคายต่อหนุ่มสาวที่ไม่ใช่พยานพระยะโฮวา. คัมภีร์ไบเบิลกล่าวกระตุ้นเราให้รักเพื่อนบ้านและ “อยู่อย่างสันติกับคนทั้งปวง.” (โรม 12:18, ล.ม.; มัดธาย 22:39) อย่างไรก็ตาม คุณอาจพบว่าตัวเอง ‘กำลังดำเนินตามคำแนะนำ’ ของคนที่ไม่ได้ติดตามมาตรฐานของคัมภีร์ไบเบิลหากคุณคบสนิทเกินไปกับคนเหล่านี้.
ผลประโยชน์ของการอ่านคัมภีร์ไบเบิล
15. หนุ่มสาวจะปลูกฝังความปรารถนาที่จะอ่านคัมภีร์ไบเบิลได้อย่างไร?
15 ผู้ประพันธ์เพลงสรรเสริญยังสังเกตด้วยว่า คนที่ประสบความสำเร็จมีใจยินดีในการอ่านพระบัญญัติของพระเจ้า “ด้วยออกเสียงแผ่วเบาทั้งกลางวันและกลางคืน.” (บทเพลงสรรเสริญ 1:1, 2, ล.ม.) จริงอยู่ คัมภีร์ไบเบิลไม่ใช่หนังสือเบาสมอง และเนื้อความในนั้น ‘มีบางเรื่องที่เข้าใจยาก.’ (2 เปโตร 3:16, ล.ม.) แต่การอ่านคัมภีร์ไบเบิลไม่จำเป็นต้องเป็นเรื่องน่าเบื่อหน่าย. เป็นไปได้ที่จะ “ปลูกฝังความปรารถนาจะได้น้ำนมอันไม่มีอะไรเจือปน” แห่งพระคำของพระเจ้า. (1 เปโตร 2:2, ล.ม.) ลองอ่านเพียงวันละนิดวันละหน่อย. จุดไหนที่คุณไม่เข้าใจ จงค้นคว้าในเรื่องนั้น. หลังจากนั้น ให้นึกถึงเรื่องที่คุณได้อ่านไป. (บทเพลงสรรเสริญ 77:11, 12) ถ้าคุณรวบรวมสมาธิไม่ค่อยได้ ลองอ่าน “ด้วยออกเสียงแผ่วเบา.” ไม่ช้า คุณก็จะรักการอ่านคัมภีร์ไบเบิลมากขึ้นอย่างแน่นอน. พี่น้องหญิงวัยรุ่นคนหนึ่งที่บราซิลเล่าว่า “พระยะโฮวาดูเหมือนว่าทรงอยู่ห่างไกลจากดิฉันเสมอ. แต่หลายเดือนมานี้ ดิฉันได้ปรับปรุงการศึกษาส่วนตัวและการอ่านคัมภีร์ไบเบิล. เดี๋ยวนี้ดิฉันรู้สึกว่าสัมพันธภาพของตัวเองกับพระยะโฮวาแน่นแฟ้นขึ้น. พระองค์ทรงเป็นจริงยิ่งขึ้นสำหรับดิฉัน.”
16. เราจะได้รับประโยชน์มากขึ้นจากการประชุมประจำประชาคมได้อย่างไร?
16 การเข้าร่วมการประชุมประจำประชาคมเป็นอีกวิธีหนึ่งด้วยที่สำคัญเพื่อการเติบโตฝ่ายวิญญาณของคุณ. ถ้าคุณ ‘เอาใจใส่ว่าคุณฟังอย่างไร’ คุณก็จะสามารถได้รับการหนุนกำลังใจอย่างมาก. (ลูกา 8:18, ล.ม.) บางครั้งคุณรู้สึกไหมว่าการประชุมไม่ค่อยน่าสนใจ? เอาละ ถามตัวเองดูว่า ‘ฉัน ทำอะไรได้บ้างเพื่อให้การประชุมน่าสนใจ? ฉันเอาใจใส่ไหม? ฉันเตรียมตัวไหม? ฉันออกความคิดเห็นไหม?’ ที่จริง คัมภีร์ไบเบิลบอกเราให้ “พิจารณาดูกันและกันเพื่อเร้าใจให้เกิดความรักและการกระทำที่ดี . . . ชูใจซึ่งกันและกัน.” (เฮ็บราย 10:24, 25, ล.ม.) เพื่อจะทำอย่างนี้ คุณต้องเข้าส่วนร่วม! แน่นอน เพื่อจะมีส่วนร่วม คุณต้องศึกษาล่วงหน้า. พี่น้องหญิงวัยรุ่นคนหนึ่งยอมรับว่า “การเข้าร่วมการประชุมเป็นเรื่องง่ายขึ้นจริง ๆ เมื่อดิฉันมีการเตรียมตัว.”
การติดตามแนวทางของพระเจ้านำไปสู่ความสำเร็จ
17. ผู้ที่ขยันอ่านคัมภีร์ไบเบิลเป็น “ดุจต้นไม้ที่ปลูกไว้ริมธารน้ำ” อย่างไร?
17 ผู้ประพันธ์เพลงสรรเสริญพรรณนาต่อไปอีกเกี่ยวกับคนที่ประสบความสำเร็จว่าเป็น “ดุจต้นไม้ที่ปลูกไว้ริมธารน้ำ.” ธารน้ำอาจหมายถึงคูคลองที่ใช้รดน้ำต้นไม้ในสวนผลไม้. (ยะซายา 44:4) การอ่านคัมภีร์ไบเบิลทุกวันเป็นเหมือนการติดสนิทอยู่กับแหล่งแห่งการค้ำจุนและให้ความสดชื่นซึ่งไม่มีวันเหือดแห้ง. (ยิระมะยา 17:8) คุณจะได้รับความเข้มแข็งทุก ๆ วันไปในการอดทนการทดลองและความยากลำบาก. เมื่อได้เรียนรู้ถึงพระดำริของพระยะโฮวาแล้ว คุณก็จะมีสติปัญญาที่จำเป็นในการตัดสินใจอย่างสุขุม.
18. อะไรที่สามารถรับประกันความสำเร็จของคนหนุ่มสาวในการรับใช้พระยะโฮวา?
18 ในบางครั้ง การรับใช้พระยะโฮวาอาจดูเหมือนว่ายาก. แต่อย่ารู้สึกว่ายากเกินจะรับไหว. (พระบัญญัติ 30:11) คัมภีร์ไบเบิลสัญญากับคุณว่า ‘ทุกสิ่งที่คุณทำจะสำเร็จ’ ในระยะยาว ตราบใดที่เป้าหมายหลักของคุณคือการทำให้พระยะโฮวาพอพระทัยและทำให้พระทัยของพระองค์ยินดี! (สุภาษิต 27:11) และจำไว้ว่า คุณไม่ได้อยู่เพียงลำพัง. คุณมีพระยะโฮวาและพระเยซูคริสต์คอยสนับสนุนอยู่. (มัดธาย 28:20; เฮ็บราย 13:5) พระองค์ทั้งสองทรงทราบถึงความกดดันที่คุณเผชิญ และจะไม่ทรงทิ้งคุณเลย. (บทเพลงสรรเสริญ 55:22) นอกจากนี้ คุณยังได้รับการสนับสนุนจาก “สังคมแห่งพี่น้องทั้งสิ้น” และจากบิดามารดาของคุณด้วยหากท่านเป็นผู้ยำเกรงพระเจ้า. (1 เปโตร 2:17, ล.ม.) ด้วยการสนับสนุนเช่นนั้น พร้อมกับความตั้งใจแน่วแน่และความพยายามของคุณ คุณจะชื่นชมกับชีวิตที่ประสบความสำเร็จไม่เพียงในเวลานี้แต่ตลอดกาลเลยทีเดียว!
คำถามเพื่อทบทวน
▫ ความสำเร็จที่แท้จริงคืออะไร?
▫ เหตุใดเราจำเป็นต้องให้พระยะโฮวาทรงชี้นำก้าวเดินของเรา?
▫ หนุ่มสาวจะ ‘นับวันคืนทั้งหลายของตน’ ได้อย่างไร?
▫ ทำไมจึงเป็นเรื่องโง่เขลาที่จะอิจฉาคนทำผิด?
▫ การอ่านคัมภีร์ไบเบิลทุกวันและการเข้าร่วมการประชุมเป็นประจำจะช่วยหนุ่มสาวให้เพลิดเพลินกับชีวิตที่ประสบผลสำเร็จได้อย่างไร?
[รูปภาพหน้า 20]
เนื่องจากพวกเขาขาดสำนึกที่ดีในการแสดง “ความยำเกรงพระเจ้า” หนุ่มสาวหลายคนจึงมีพฤติกรรมที่ก่อความเสียหาย
[รูปภาพหน้า 22]
หนุ่มสาวมักลืมไปว่าการกระทำของเขาย่อมมีผลเกิดขึ้นตามมา
[รูปภาพหน้า 23]
จงปลูกฝังนิสัยรักการอ่านคัมภีร์ไบเบิล
[รูปภาพหน้า 23]
คุณจะเพลิดเพลินกับการประชุมได้มากขึ้นถ้าคุณเข้าส่วนร่วม