บทความศึกษา 15
เรียนจากคำพูดก่อนตายของพระเยซู
“นี่คือลูกรักของเรา เราพอใจในตัวเขามาก พวกเจ้าต้องเชื่อฟังเขา”—มธ. 17:5
เพลง 17 “ผมอยากช่วย”
ใจความสำคัญa
1-2. เกิดอะไรขึ้นบ้างก่อนที่พระเยซูจะตาย?
ตอนนั้นเป็นกลางวันของวันที่ 14 นิสาน ค.ศ. 33 หลังจากที่พระเยซูถูกกล่าวหาและถูกตัดสินว่ามีความผิดทั้ง ๆ ที่ไม่ได้ทำอะไรเลย ท่านก็ถูกเยาะเย้ย ถูกทรมาน และถูกตรึงบนเสา ทหารตอกตะปูทะลุฝ่ามือและเท้าของท่าน ทุก ๆ ครั้งที่ท่านสูดลมหายใจเข้าไป และทุก ๆ ครั้งที่ท่านพูดแต่ละคำออกมาทำให้ท่านรู้สึกเจ็บปวดมาก แต่พระเยซูต้องพูดเพราะท่านมีเรื่องสำคัญจะบอก
2 ให้เรามาดูว่าพระเยซูพูดอะไรบ้างตอนที่ท่านกำลังจะตายบนเสาทรมาน และเราจะเรียนอะไรได้จากคำพูดเหล่านั้น การทำอย่างนี้จะช่วยให้เรา ‘เชื่อฟังท่าน’—มธ. 17:5
“พ่อครับ ยกโทษให้พวกเขาด้วย”
3. พระเยซูอาจหมายถึงใครตอนที่ท่านบอกว่า “พ่อครับ ยกโทษให้พวกเขาด้วย”?
3 สิ่งที่พระเยซูพูด ตอนที่พระเยซูอยู่บนเสาทรมาน ท่านอธิษฐานว่า “พ่อครับ ยกโทษให้พวกเขาด้วย” พระเยซูอยากให้พ่อยกโทษให้ใคร? ประโยคถัดไปที่พระเยซูพูดทำให้เราได้คำตอบ ท่านบอกว่า “เพราะพวกเขาไม่รู้ว่ากำลังทำอะไรอยู่” (ลก. 23:33, 34) พระเยซูคงกำลังหมายถึงทหารโรมันที่ตอกตะปูบนมือและเท้าของท่าน พวกเขาไม่รู้ว่าท่านเป็นใครจริง ๆ และท่านอาจจะคิดถึงบางคนในฝูงชนด้วยที่เรียกร้องให้ท่านถูกประหารแต่จะกลับใจทีหลังและแสดงความเชื่อในตัวท่าน (กจ. 2:36-38) ถึงพระเยซูจะไม่สมควรตาย ท่านก็ไม่ได้โกรธหรือเคียดแค้นคนที่ทำให้ท่านต้องตาย (1 ปต. 2:23) แต่ท่านขอพระยะโฮวายกโทษให้พวกเขา
4. เราเรียนอะไรได้จากการที่พระเยซูเต็มใจให้อภัยคนที่ต่อต้านท่าน?
4 เราเรียนอะไรได้จากคำพูดของพระเยซู? เหมือนกับพระเยซู เราต้องเต็มใจให้อภัยคนอื่น (คส. 3:13) บางคนซึ่งรวมถึงญาติของเราอาจจะต่อต้านเรา เพราะพวกเขาไม่เข้าใจว่าทำไมเราถึงเชื่อแบบนี้หรือใช้ชีวิตแบบนี้ พวกเขาอาจจะใส่ร้ายเรา ทำให้เราขายหน้า ทำลายหนังสือของเรา หรือถึงกับขู่จะทำร้ายเราด้วยซ้ำ แทนที่เราจะเก็บความแค้นในใจ เราน่าจะขอพระยะโฮวาช่วยพวกเขาให้ยอมรับความจริงในคัมภีร์ไบเบิลซักวันหนึ่ง (มธ. 5:44, 45) บางครั้ง เราอาจจะรู้สึกว่าให้อภัยคนอื่นได้ยาก โดยเฉพาะถ้าสิ่งที่พวกเขาทำกับเรามันเลวร้ายมาก ๆ แต่ถ้าเราโกรธไม่หายและไม่ยอมให้อภัยพวกเขาซักที เราก็ทำร้ายตัวเอง พี่น้องหญิงคนหนึ่งบอกว่า “ฉันได้มาเข้าใจว่าการให้อภัยไม่ได้หมายความว่าฉันคิดว่าสิ่งที่พวกเขาทำเป็นสิ่งที่ถูกหรือฉันยอมให้ใครมาเอาเปรียบ แต่หมายความว่าฉันเลือกที่จะไม่โกรธพวกเขาอีกต่อไป” (สด. 37:8) ถ้าเราเลือกที่จะให้อภัย เราก็เลือกที่จะไม่ยอมให้เรื่องที่ไม่ดีมาทำให้เรารู้สึกแย่หรือยังโกรธอยู่—อฟ. 4:31, 32
“คุณจะได้อยู่กับผมในอุทยานแน่นอน”
5. พระเยซูสัญญาอะไรกับโจรคนหนึ่งที่ถูกตรึงข้าง ๆ ท่าน? และทำไมท่านถึงสัญญาแบบนั้น?
5 สิ่งที่พระเยซูพูด มีโจร 2 คนที่ถูกตรึงอยู่ข้างพระเยซู ตอนแรกทั้งสองคนพูดดูถูกท่าน แต่ทีหลังคนหนึ่งก็หยุดและคิดได้ว่าพระเยซู “ไม่ได้ทำอะไรผิดเลย” (มธ. 27:44; ลก. 23:40, 41) แล้วเขาก็พูดกับพระเยซูว่า “ท่านเยซู ตอนที่ท่านอยู่ในรัฐบาลของท่าน อย่าลืมผมนะครับ” (ลก. 23:42; เชิงอรรถ) คำพูดของเขาแสดงให้เห็นว่า เขาเชื่อว่าพระเยซูจะฟื้นขึ้นจากตายและจะปกครองเป็นกษัตริย์ในอนาคต ผู้ชายคนนี้มีความเชื่อมากจริง ๆ พระเยซูตอบเขาว่า “ผมขอบอกคุณวันนี้ว่า คุณจะได้อยู่กับผม [ไม่ใช่ในรัฐบาล แต่] ในอุทยานแน่นอน” (ลก. 23:43) สังเกตว่าพระเยซูใช้สรรพนามว่า “คุณ” และ “ผม” แสดงว่าพระเยซูกำลังสัญญาเรื่องนี้กับเขาเป็นส่วนตัว ที่พระเยซูให้ความหวังกับโจรที่กำลังจะตายคนนี้ได้ เพราะท่านรู้ว่าพ่อของท่านเป็นพระเจ้าที่เมตตา—สด. 103:8
6. เราเรียนอะไรได้จากสิ่งที่พระเยซูพูดกับโจรคนนั้น?
6 เราเรียนอะไรได้จากคำพูดของพระเยซู? พระเยซูเหมือนพ่อของท่านจริง ๆ ไม่มีผิด (ฮบ. 1:3) พระยะโฮวาพร้อมที่จะให้อภัยและอยากแสดงความเมตตากับเรา แต่เราต้องเสียใจจริง ๆ กับสิ่งไม่ดีที่เราเคยทำไปและแสดงความเชื่อในค่าไถ่ของพระเยซู (1 ยน. 1:7) แต่สำหรับบางคน เขาอาจจะไม่แน่ใจว่าพระยะโฮวาจะให้อภัยเขาจริง ๆ ไหม ถ้าบางครั้งคุณรู้สึกอย่างนั้น ให้คิดถึงเรื่องนี้ ก่อนที่พระเยซูจะตาย ท่านยังเมตตากับโจรที่เพิ่งจะแสดงความเชื่อในตัวท่าน แล้วผู้รับใช้ที่ซื่อสัตย์ที่พยายามทำทุกอย่างเพื่อจะเชื่อฟังพระยะโฮวาล่ะ พระยะโฮวาจะไม่เมตตาพวกเขามากยิ่งกว่านั้นเหรอ?—สด. 51:1; 1 ยน. 2:1, 2
“เขาเป็นลูกของแม่ . . . นี่คือแม่ของคุณ”
7. จากยอห์น 19:26, 27 พระเยซูพูดอะไรกับมารีย์และยอห์น? และทำไมท่านถึงพูดอย่างนั้น?
7 สิ่งที่พระเยซูพูด (อ่านยอห์น 19:26, 27) พระเยซูเป็นห่วงแม่ของท่านมาก เธอเป็นคนที่ดูแลท่านมาตั้งแต่เกิด แล้วตอนนี้ก็กำลังยืนอยู่ข้างท่านตอนที่ท่านกำลังจะตาย ไม่ใช่แค่นั้น เธอน่าจะเป็นม่ายด้วย จริง ๆ พระเยซูก็มีน้อง ๆ ที่จะคอยดูแลแม่ได้ แต่ใครจะคอยดูแลแม่ในด้านความเชื่อล่ะ เพราะไม่มีที่ไหนในคัมภีร์ไบเบิลที่บอกว่าตอนนั้นน้อง ๆ ของพระเยซูเข้ามาเป็นสาวกแล้ว? พระเยซูมองว่าคนที่นมัสการพระยะโฮวาก็เป็นเหมือนกับครอบครัวของท่าน และหนึ่งในนั้นก็คือยอห์น เขาเป็นอัครสาวกที่ซื่อสัตย์และเป็นเพื่อนที่สนิทที่สุดคนหนึ่งของพระเยซู (มธ. 12:46-50) พระเยซูก็เลยเลือกยอห์นให้ดูแลแม่ของท่านเพราะท่านรู้ว่าเขาจะคอยดูแลเธอด้านความเชื่อและช่วยเธอให้รับใช้พระเจ้าต่อ ๆ ไปได้ พระเยซูบอกกับมารีย์ว่า “แม่ครับ ตั้งแต่นี้ไปเขาเป็นลูกของแม่นะ” แล้วพระเยซูก็บอกกับยอห์นว่า “นี่คือแม่ของคุณ” ตั้งแต่นั้นมายอห์นก็คอยดูแลมารีย์เหมือนเป็นแม่ของเขาจริง ๆ ทั้งหมดนี้ทำให้เห็นว่าพระเยซูรักแม่ของท่านมาก
8. เราเรียนอะไรได้จากสิ่งที่พระเยซูพูดกับมารีย์และยอห์น?
8 เราเรียนอะไรได้จากคำพูดของพระเยซู? เราอาจจะสนิทกับพี่น้องคริสเตียนมากกว่าคนในครอบครัวของเราหรือญาติ ๆ ถึงญาติจะต่อต้านเราหรือถึงกับทิ้งเรา แต่พระเยซูสัญญาว่า ถ้าเราสนิทกับพระยะโฮวาและองค์การของพระองค์อยู่เสมอ เราจะ “ได้คืนอีก 100 เท่า” (มก. 10:29, 30) หลายคนจะเป็นเหมือนกับพ่อ แม่ ลูกชาย และลูกสาวของเรา คุณรู้สึกยังไงที่ได้อยู่ในครอบครัวคริสเตียนที่เป็นหนึ่งเดียวกันเพราะความเชื่อและความรักที่เรามีต่อพระยะโฮวาและต่อกันและกัน?—คส. 3:14; 1 ปต. 2:17
“พระเจ้าของผม ทำไมทิ้งผมไป?”
9. เราเรียนอะไรได้จากคำพูดของพระเยซูในมัทธิว 27:46?
9 สิ่งที่พระเยซูพูด ไม่นานก่อนที่พระเยซูจะตาย ท่านร้องออกมาว่า “พระเจ้า พระเจ้าของผม ทำไมทิ้งผมไป?” (มธ. 27:46) คัมภีร์ไบเบิลไม่ได้อธิบายว่าทำไมพระเยซูถึงพูดแบบนั้น แต่เราเรียนบางอย่างได้จากเรื่องนี้ อย่างหนึ่งก็คือพระเยซูกำลังทำให้คำพยากรณ์ที่สดุดี 22:1 เกิดขึ้นจริงb นอกจากนั้น เราเห็นว่าพระยะโฮวาไม่ได้ “ปกป้อง” ลูกของพระองค์ (โยบ 1:10) พระเยซูรู้ว่าพระยะโฮวายอมให้ท่านถูกทดสอบจนถึงที่สุด ไม่มีมนุษย์คนไหนเคยเจอการทดสอบที่หนักขนาดนี้มาก่อน และคำพูดของพระเยซูยังแสดงให้เห็นว่าท่านไม่ได้มีความผิดอะไรที่ทำให้ท่านสมควรตาย
10. เราเรียนอะไรได้จากสิ่งที่พระเยซูพูดกับพ่อของท่าน?
10 เราเรียนอะไรได้จากคำพูดของพระเยซู? เราต้องไม่คาดหมายว่าพระยะโฮวาจะปกป้องเราไม่ให้ถูกทดสอบ และเหมือนที่พระเยซูถูกทดสอบจนถึงที่สุด เราก็ต้องเตรียมพร้อมที่จะพิสูจน์ความซื่อสัตย์ของเราถึงแม้ว่าอาจจะต้องตายก็ตาม (มธ. 16:24, 25) แต่เรามั่นใจได้ว่าพระเจ้าจะไม่ยอมให้เราถูกทดสอบเกินกว่าที่เราจะทนได้ (1 คร. 10:13) บทเรียนอีกอย่างก็คือเราอาจจะต้องเจอกับความไม่ยุติธรรมเหมือนกับพระเยซู (1 ปต. 2:19, 20) เราไม่ได้ถูกข่มเหงเพราะทำอะไรผิด แต่เพราะเราไม่เป็นคนของโลกนี้และเราประกาศความจริง (ยน. 17:14; 1 ปต. 4:15, 16) พระเยซูเข้าใจว่าทำไมพระยะโฮวาถึงปล่อยให้ท่านเจอกับความลำบาก แต่บางครั้งผู้รับใช้ที่ซื่อสัตย์ของพระยะโฮวาอาจจะสงสัยว่าทำไมพระองค์ถึงปล่อยให้พวกเขาเจอกับเรื่องไม่ดีแบบนี้ (ฮบก. 1:3) พระยะโฮวาเป็นพระเจ้าที่เมตตาและอดทน พระองค์เข้าใจว่าที่ผู้รับใช้ของพระองค์รู้สึกอย่างนี้ไม่ใช่เพราะพวกเขาขาดความเชื่อ แต่พวกเขาต้องการกำลังใจที่มีแต่พระองค์เท่านั้นที่ให้ได้—2 คร. 1:3, 4
“หิวน้ำ”
11. ทำไมพระเยซูถึงบอกว่า “หิวน้ำ”?
11 สิ่งที่พระเยซูพูด (อ่านยอห์น 19:28) ทำไมพระเยซูถึงพูดว่า “หิวน้ำ”? ที่ท่านพูดอย่างนั้นก็ “เพื่อให้เป็นไปตามที่เขียนไว้ในพระคัมภีร์” ที่สดุดี 22:15 ซึ่งบอกว่า “ผมหมดแรงแล้ว ผมเป็นเหมือนเศษหม้อดินเผา ลิ้นของผมติดอยู่กับเพดานปาก” นอกจากนั้น สิ่งที่พระเยซูต้องเจอรวมทั้งความเจ็บปวดบนเสาทรมานต้องทำให้ท่านหิวน้ำมากแน่ ๆ เพราะอย่างนั้นท่านเลยต้องขอความช่วยเหลือ
12. เราเรียนอะไรได้จากตอนที่พระเยซูพูดว่า “หิวน้ำ”?
12 เราเรียนอะไรได้จากคำพูดของพระเยซู? พระเยซูไม่ได้คิดว่าการแสดงความรู้สึกออกมาจะทำให้ท่านดูอ่อนแอ เราก็ควรเลียนแบบท่านในเรื่องนี้ บางครั้งเราอาจไม่อยากขอความช่วยเหลือจากใคร แต่ถ้าจำเป็นจริง ๆ เราก็ไม่ควรลังเลที่จะขอความช่วยเหลือจากคนอื่น ตัวอย่างเช่น ถ้าเราแก่แล้วหรือสุขภาพไม่ค่อยดี เราน่าจะขอพี่น้องช่วยพาเราไปซื้อของหรือพาไปหาหมอ หรือถ้าเรารู้สึกท้อใจ เราอาจจะเล่าให้ผู้ดูแลหรือพี่น้องที่มีความเป็นผู้ใหญ่ฟังว่าเรารู้สึกยังไง พวกเขาจะพูด “คำพูดดี ๆ” ที่ทำให้เรามีกำลังใจมากขึ้นได้ (สภษ. 12:25) จำไว้ว่าพี่น้องแต่ละคนรักเรามากและอยากช่วยเรา “ในเวลาลำบาก” แต่พวกเขาไม่รู้ว่าเราคิดอะไรหรือรู้สึกยังไง เราเลยต้องบอกเขาเพื่อเขาจะช่วยเราได้—สภษ. 17:17
“สำเร็จแล้ว”
13. การที่พระเยซูรักษาความซื่อสัตย์จนวันตายทำให้ท่านทำอะไรได้สำเร็จบ้าง?
13 สิ่งที่พระเยซูพูด ประมาณบ่าย 3 โมงของวันที่ 14 นิสาน พระเยซูร้องเสียงดังว่า “สำเร็จแล้ว” (ยน. 19:30) ก่อนที่พระเยซูจะตาย ท่านรู้ว่าท่านได้ทำทุกอย่างตามที่พระยะโฮวาอยากให้ท่านทำแล้ว และการที่ท่านรักษาความซื่อสัตย์จนวันตายทำให้ท่านทำหลายอย่างได้สำเร็จ อย่างแรก พระเยซูพิสูจน์ว่าซาตานเป็นตัวโกหก และพิสูจน์ว่ามนุษย์สมบูรณ์สามารถรักษาความซื่อสัตย์ได้อย่างสมบูรณ์แบบไม่ว่าซาตานจะทำอะไรก็ตาม อย่างที่สอง พระเยซูสละชีวิตของท่านเป็นค่าไถ่ นี่ทำให้มนุษย์ไม่สมบูรณ์สามารถมีสายสัมพันธ์ที่ดีกับพระเจ้าได้และทำให้พวกเขามีความหวังที่จะมีชีวิตตลอดไป และอย่างที่สาม พระเยซูพิสูจน์ว่าพระยะโฮวามีสิทธิ์ที่จะปกครอง และท่านทำให้ชื่อเสียงของพระองค์พ้นข้อกล่าวหา
14. เราควรตั้งใจที่จะทำอะไรทุกวัน? ขออธิบาย
14 เราเรียนอะไรได้จากคำพูดของพระเยซู? เราต้องตั้งใจที่จะซื่อสัตย์ต่อพระยะโฮวาทุกวัน ให้เรามาดูสิ่งที่พี่น้องแมกซ์เวลล์ เฟรนด์ผู้สอนในโรงเรียนวอชเทาเวอร์ไบเบิลแห่งกิเลียดบรรยายในการประชุมนานาชาติ เขาพูดเกี่ยวกับความซื่อสัตย์ว่า “ถ้าคุณอยากจะพูดหรือทำอะไร อย่ารอจนถึงวันพรุ่งนี้ คุณแน่ใจเหรอว่าคุณจะอยู่ได้จนถึงวันพรุ่งนี้ ใช้ชีวิตในแต่ละวันให้เหมือนกับว่าเป็นโอกาสสุดท้ายที่คุณจะแสดงว่าคุณสมควรที่จะได้ชีวิตตลอดไป” ขอให้เราทำให้ทุก ๆ วันเป็นเหมือนกับว่าเรามีโอกาสสุดท้ายที่จะซื่อสัตย์ต่อพระยะโฮวา ถ้าเราทำอย่างนั้น ถึงเราจะต้องตายแต่เราจะพูดได้ว่า “พระยะโฮวา ฉันรักษาความซื่อสัตย์จนถึงที่สุดแล้ว ฉันพิสูจน์แล้วว่าซาตานเป็นตัวโกหก พระองค์เท่านั้นมีสิทธิ์ที่จะปกครอง ฉันได้ทำให้ชื่อเสียงของพระองค์พ้นข้อกล่าวหาแล้ว!”
“ผมขอฝากชีวิตไว้ในมือพ่อ”
15. จากลูกา 23:46 พระเยซูมั่นใจเรื่องอะไร?
15 สิ่งที่พระเยซูพูด (อ่านลูกา 23:46) พระเยซูพูดด้วยความมั่นใจว่า “พ่อครับ ผมขอฝากชีวิตไว้ในมือพ่อ” ที่พระเยซูพูดอย่างนั้นเพราะท่านรู้ว่าอนาคตของท่านขึ้นอยู่กับพระยะโฮวาและมั่นใจว่าพ่อจะไม่ลืมท่าน
16. คุณได้เรียนอะไรจากประสบการณ์ของพี่น้องชายอายุ 15?
16 เราเรียนอะไรได้จากคำพูดของพระเยซู? ให้คุณฝากชีวิตไว้กับพระยะโฮวาไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม เพื่อจะทำอย่างนั้นได้คุณต้อง “วางใจพระยะโฮวาสุดหัวใจ” (สภษ. 3:5) ให้มาดูประสบการณ์ของพี่น้องอายุ 15 ที่ชื่อโจชัว ถึงเขาจะป่วยหนักแต่เขาก็ไม่ยอมรับการรักษาที่ขัดกับกฎหมายของพระเจ้า ไม่นานก่อนเขาจะตายเขาบอกกับแม่ว่า “แม่ครับ ผมอยู่ในพระหัตถ์ของพระยะโฮวา . . . ผมสามารถบอกสิ่งต่อไปนี้กับแม่ด้วยความมั่นใจ ผมรู้ว่าพระยะโฮวาจะทรงนำผมกลับมาอย่างแน่นอนโดยการกลับเป็นขึ้นจากตาย พระองค์ทรงอ่านหัวใจของผมออก และผมรักพระองค์จริง ๆ ครับ”c เราทุกคนควรถามตัวเองว่า ‘ถ้าฉันเจอการทดสอบที่ทำให้ฉันอาจจะต้องตาย ฉันจะยังซื่อสัตย์ต่อพระยะโฮวา ฝากชีวิตไว้กับพระองค์ และไว้ใจว่าพระองค์จะไม่ลืมฉันไหม?’
17-18. เราได้บทเรียนอะไรบ้าง? (ดูกรอบ “เราเรียนอะไรได้จากคำพูดก่อนตายของพระเยซู?” ด้วย)
17 เราได้บทเรียนสำคัญหลายอย่างจากคำพูดก่อนตายของพระเยซู คำพูดของท่านเตือนเราว่า เราต้องให้อภัยคนอื่นและมั่นใจว่าพระยะโฮวาจะให้อภัยเรา ถึงเราจะรู้สึกเป็นสิทธิพิเศษจริง ๆ ที่ได้อยู่ในครอบครัวคริสเตียนที่พร้อมจะช่วยเหลือเรา แต่ถ้าเราต้องการความช่วยเหลือ เราต้องไม่ลังเลที่จะขอความช่วยเหลือจากพวกเขา และไม่ว่าเราจะต้องเจอกับปัญหาอะไรก็ตามเรารู้ว่าพระยะโฮวาจะช่วยเราให้อดทนได้แน่นอน นอกจากนั้น เป็นเรื่องสำคัญที่เราจะใช้ชีวิตในแต่ละวันให้เหมือนกับว่าเป็นโอกาสสุดท้ายที่เราจะซื่อสัตย์ต่อพระยะโฮวา และเรามั่นใจว่าถ้าเราฝากชีวิตไว้กับพระองค์ พระองค์จะไม่มีวันลืมเราและจะปลุกเราให้ฟื้นขึ้นจากตายแน่นอน
18 เราเห็นเลยว่าคำพูดก่อนตายของพระเยซูมีบทเรียนหลายอย่างให้กับเราจริง ๆ ถ้าเราเอาบทเรียนเหล่านี้ไปใช้ เราก็กำลัง ‘เชื่อฟัง [พระเยซู]’ อย่างที่พระยะโฮวาบอกให้เราทำ—มธ. 17:5
เพลง 126 ให้ตื่นตัว มั่นคง และเข้มแข็ง
a มัทธิว 17:5 บอกว่าพระยะโฮวาอยากให้เราฟังลูกชายของพระองค์ ในบทความนี้เราจะดูบทเรียนหลายอย่างที่เราได้จากคำพูดของพระเยซูตอนที่ท่านกำลังจะตายบนเสาทรมาน
b สำหรับเหตุผลต่าง ๆ ที่เป็นไปได้ว่าทำไมพระเยซูถึงยกสดุดี 22:1 มาพูด ดูบทความ “คำถามจากผู้อ่าน” ในเล่มนี้
c ดูบทความ “ความเชื่อของโจชัวชัยชนะของสิทธิเด็ก” ในตื่นเถิด! ฉบับ 8 กุมภาพันธ์ 1995