จงต่อต้านซาตาน แล้วมันจะหนีไป!
“จงยอมตัวอยู่ใต้อำนาจพระเจ้า; แต่จงต่อต้านพญามาร แล้วมันจะหนีไปจากท่านทั้งหลาย.”—ยาโกโบ 4:7, ล.ม.
1, 2. (ก) ลักษณะเฉพาะตัวอะไรของพญามารที่เห็นได้จากถ้อยแถลงที่บันทึกไว้ในยะซายาบท 14? (ข) เราจะพิจารณาคำถามอะไรบ้าง?
พญามารเป็นแบบฉบับเรื่องความยโส. ความทะนงตัวของมันเห็นได้จากถ้อยคำที่บันทึกไว้โดยยะซายาผู้พยากรณ์ของพระเจ้า. มากกว่าหนึ่งศตวรรษก่อนที่บาบิโลนจะขึ้นมาเป็นมหาอำนาจโลกที่ยิ่งใหญ่ ยะซายาพูดแทนประชาชนของพระยะโฮวาในการแถลงถ้อยคำต่อไปนี้ต่อ “กษัตริย์ประเทศบาบูโลน” ว่า “เจ้าเคยพูดกับตัวเองว่า, ‘ข้าฯ จะเหาะขึ้นไปยังสรวงสวรรค์, ข้าฯ จะเขยิบที่นั่งของข้าฯ ขึ้นไปเหนือดาราทั้งหลายของพระเจ้า [บรรดากษัตริย์ในเชื้อวงศ์ดาวิด] . . . ข้าฯ จะทำตัวของข้าฯ ให้เสมอเหมือนท่านผู้ใหญ่ยิ่งสูงสุด.’ ” (ยะซายา 14:3, 4, 12-15; อาฤธโม 24:17) ความทะนงตัวของ “กษัตริย์ประเทศบาบูโลน” คล้ายกันกับน้ำใจของซาตาน “พระเจ้าของระบบนี้.” (2 โกรินโธ 4:4, ล.ม.) แต่ความยโสของซาตานจะลงเอยด้วยความหายนะ เช่นเดียวกับเชื้อวงศ์กษัตริย์บาบิโลนได้ถึงจุดจบอย่างน่าอดสู.
2 อย่างไรก็ตาม ตราบใดที่ซาตานยังคงดำรงอยู่ เราอาจเป็นห่วงเกี่ยวกับคำถามต่าง ๆ เช่น เราควรกลัวซาตานไหม? ทำไมมันจึงปลุกปั่นประชาชนให้ข่มเหงคริสเตียน? เราจะป้องกันไม่ให้มารมีชัยเหนือเราได้อย่างไร?
เราควรกลัวพญามารไหม?
3, 4. เหตุใดคริสเตียนผู้ถูกเจิมและสหายของพวกเขาจึงไม่กลัวพญามาร?
3 คริสเตียนผู้ถูกเจิมได้รับการหนุนใจอย่างมากจากคำตรัสของพระเยซูคริสต์ที่ว่า “อย่ากลัวต่อเหตุการณ์เหล่านั้นซึ่งเจ้าจะต้องทนเอา นี่แน่ะมารจะเอาพวกเจ้าบางคนใส่คุกไว้เพื่อจะได้ลองดูใจเจ้า และเจ้าทั้งหลายจะได้รับทุกข์ลำบากถึงสิบวัน. แต่เจ้าจงเป็นผู้สัตย์ซื่อตราบเท่าวันตาย, และเราจะให้เจ้ามีมงกุฎแห่งชีวิต.” (วิวรณ์ 2:10) ผู้ถูกเจิมและสหายของเขาที่มีความหวังทางแผ่นดินโลกไม่กลัวพญามาร. ที่พวกเขาไม่กลัวนี้ไม่ใช่เพราะมีความกล้ามาแต่กำเนิด. ที่พวกเขาไม่กลัวก็เพราะพวกเขายำเกรงพระเจ้าและ “วางใจในร่มปีกของพระองค์.”—บทเพลงสรรเสริญ 34:9; 36:7.
4 เหล่าสาวกของพระเยซูคริสต์ในสมัยแรกผู้ซึ่งไม่มีความกลัวพิสูจน์ตัวซื่อสัตย์จวบจนสิ้นชีวิต ทั้ง ๆ ที่พวกเขาเผชิญความทุกข์ลำบากหลายอย่าง. พวกเขาไม่จำนนต่อความกลัวที่ซาตานพญามารอาจก่อให้เกิดขึ้นแก่พวกเขา เนื่องจากรู้ดีว่าพระยะโฮวาจะไม่มีวันทอดทิ้งผู้ที่ซื่อสัตย์ภักดีต่อพระองค์. เช่นเดียวกัน แม้เผชิญการกดขี่ข่มเหงอย่างหนักในสมัยปัจจุบัน คริสเตียนผู้ถูกเจิมและสหายของพวกเขาที่อุทิศตัวแด่พระเจ้าก็ตั้งใจที่จะรักษาความซื่อสัตย์มั่นคงต่อพระองค์อย่างไม่เสื่อมคลาย. อย่างไรก็ดี อัครสาวกเปาโลบ่งชี้ว่าพญามารอาจทำให้เราตายได้. นั่นน่าจะทำให้เรากลัวมิใช่หรือ?
5. เราเรียนอะไรจากเฮ็บราย 2:14, 15?
5 เปาโลกล่าวว่าพระเยซู “รับเอาเลือดและเนื้อ” เพื่อว่า “โดยความตายของพระองค์ พระองค์จะทรงทำลายผู้ที่มีวิธีทำให้เกิดความตาย คือพญามาร และเพื่อว่าพระองค์จะทรงปลดปล่อยคนทั้งปวงซึ่งเนื่องจากกลัวความตาย ได้ตกเป็นทาสมาตลอดชีวิต.” (เฮ็บราย 2:14, 15, ล.ม.) ฐานะ “ผู้ที่มีวิธีทำให้เกิดความตาย” ซาตานเข้าครอบงำยูดาอิศการิโอด และใช้ผู้นำชาวยิวกับชาวโรมันในการประหารพระเยซู. (ลูกา 22:3; โยฮัน 13:26, 27) อย่างไรก็ตาม โดยการสิ้นพระชนม์เป็นเครื่องบูชา พระเยซูปลดปล่อยมนุษยชาติที่ผิดบาปให้พ้นจากการควบคุมของซาตาน และเปิดทางให้เราได้รับชีวิตนิรันดร์.—โยฮัน 3:16.
6, 7. ซาตานมีวิธีทำให้เกิดความตายถึงขีดไหน?
6 พญามารมีวิธีทำให้เกิดความตายถึงขีดไหน? ตั้งแต่ที่ซาตานเริ่มต้นทำชั่ว การโกหกและการชี้นำของมันทำให้เกิดความตายในหมู่มนุษย์. ที่เป็นเช่นนี้เนื่องจากอาดามทำบาปและจึงถ่ายทอดบาปและความตายสู่เผ่าพันธุ์มนุษย์. (โรม 5:12) นอกจากนี้ ตัวแทนของซาตานบนแผ่นดินโลกได้ข่มเหงผู้นมัสการพระยะโฮวา บางครั้งถึงขั้นเสียชีวิต เช่นเดียวกับที่พวกเขาทำกับพระเยซูคริสต์.
7 กระนั้นก็ตาม เราไม่ควรคิดว่าถ้าพญามารอยากฆ่าบุคคลใดบุคคลหนึ่งก็สามารถจะทำได้ตามใจมัน. พระเจ้าทรงปกป้องผู้ที่เป็นสมบัติของพระองค์และจะไม่ยอมให้ซาตานกวาดล้างผู้นมัสการแท้ให้หมดไปจากแผ่นดินโลก. (โรม 14:8) จริงอยู่ พระยะโฮวายอมให้ประชาชนทั้งสิ้นของพระองค์ถูกข่มเหง และพระองค์ยอมให้พวกเราบางคนสูญเสียชีวิตเนื่องด้วยการโจมตีของมาร. กระนั้น พระคัมภีร์เสนอความหวังอันยอดเยี่ยมในเรื่องการกลับเป็นขึ้นจากตายให้แก่คนที่มีชื่ออยู่ใน “หนังสือบันทึกความจำ” ของพระเจ้า—และมารจะไม่สามารถขัดขวางการกลับคืนสู่ชีวิตของพวกเขาได้เลย!—มาลาคี 3:16; โยฮัน 5:28, 29; กิจการ 24:15.
ทำไมซาตานจึงข่มเหงเรา?
8. ทำไมพญามารจึงนำการข่มเหงมาสู่ผู้รับใช้ของพระเจ้า?
8 ถ้าเราเป็นผู้รับใช้ที่ภักดีต่อพระเจ้า ก็มีเหตุผลที่สำคัญที่ว่าทำไมมารจึงนำการข่มเหงมาสู่เรา. เป้าหมายของมันคือทำให้เราอะลุ่มอล่วยความเชื่อ. เรามีสัมพันธภาพอันล้ำค่ากับพระบิดาของเราผู้สถิตในสวรรค์ และซาตานต้องการจะทำลายสัมพันธภาพนั้นเสีย. นี่ไม่น่าจะทำให้เราประหลาดใจ. ในสวนเอเดน พระยะโฮวาบอกล่วงหน้าว่าจะมีการเป็นศัตรูกันระหว่าง “หญิง” กับ “งู” โดยนัย และระหว่าง “พงศ์พันธุ์” ของทั้งสองฝ่าย. (เยเนซิศ 3:14, 15, ล.ม.) พระคัมภีร์ระบุว่าพญามารคือ “งูตัวแรกเดิมนั้น” และเผยว่าบัดนี้มันมีเวลาเหลือน้อยและมีความโกรธยิ่งนัก. (วิวรณ์ 12:9, 12, ล.ม.) เนื่องจากความเป็นศัตรูกันระหว่าง “พงศ์พันธุ์” ทั้งสองยังคงดำเนินอยู่ ผู้ที่รับใช้พระยะโฮวาอย่างซื่อสัตย์จึงคาดหมายได้ว่าจะถูกข่มเหง. (2 ติโมเธียว 3:12) คุณรู้ถึงสาเหตุที่แท้จริงที่มีการข่มเหงเช่นนั้นจากซาตานไหม?
9, 10. มารได้ยกประเด็นอะไรขึ้นมา และความประพฤติของมนุษย์เกี่ยวข้องอย่างไรกับประเด็นดังกล่าว?
9 พญามารได้ยกประเด็นขึ้นมาในเรื่องสิทธิการปกครองเหนือเอกภพ. เกี่ยวข้องกับประเด็นดังกล่าว มันตั้งข้อสงสัยเรื่องความซื่อสัตย์มั่นคงของมนุษย์ต่อพระผู้สร้างของตน. ซาตานก่อให้เกิดการข่มเหงโยบบุรุษผู้ชอบธรรม. เพราะเหตุใด? เพื่อจะทำลายความซื่อสัตย์มั่นคงที่โยบมีต่อพระยะโฮวา. ภรรยาของโยบและ “ผู้เล้าโลมอันร้ายกาจ” อีกสามคนถูกใช้เพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ของพญามารในครั้งนั้น. ดังที่มีแสดงให้เห็นในพระธรรมโยบ พญามารท้าพระเจ้า อ้างว่าไม่มีมนุษย์สักคนจะรักษาความซื่อสัตย์ต่อพระองค์หากพระองค์อนุญาตให้มันทดลองผู้นั้น. แต่โยบรักษาความซื่อสัตย์มั่นคงอย่างไม่สั่นคลอน และโดยวิธีนี้เป็นการพิสูจน์ว่าซาตานพูดมุสา. (โยบ 1:8–2:9; 16:2; 27:5; 31:6) พญามารกดขี่ข่มเหงพยานพระยะโฮวาในทุกวันนี้เพื่อจะพยายามทำลายความซื่อสัตย์มั่นคงของพวกเขาและพิสูจน์ให้เห็นว่าคำท้าของมันเป็นความจริง.
10 การรู้ว่าพญามารนำการกดขี่ข่มเหงมาสู่เราก็เนื่องจากมันต้องการเหลือเกินที่จะทำลายความซื่อสัตย์มั่นคงที่เรามีต่อพระเจ้า สามารถช่วยเราได้อย่างแท้จริงที่จะกล้าหาญและเข้มแข็ง. (พระบัญญัติ 31:6) พระเจ้าของเรามีอำนาจสูงสุดในเอกภพ และพระองค์จะช่วยเราให้รักษาความซื่อสัตย์มั่นคง. ขอเราพยายามอยู่เสมอที่จะทำให้พระยะโฮวามีพระทัยยินดีด้วยการเป็นผู้รักษาความซื่อสัตย์มั่นคง เพื่อพระองค์จะมีคำตอบแก่ซาตานพญามารจอมเยาะเย้ยนั้น.—สุภาษิต 27:11.
“ขอทรงช่วยข้าพเจ้าทั้งหลายให้รอดพ้นจากตัวชั่วร้าย”
11. อะไรคือความหมายของคำขอที่ว่า “ขออย่านำข้าพเจ้าทั้งหลายเข้าสู่การทดลอง”?
11 การรักษาความซื่อสัตย์มั่นคงไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ และเรียกร้องการอธิษฐานอย่างจริงจัง. ถ้อยคำในคำอธิษฐานแบบอย่างช่วยได้เป็นพิเศษ. ส่วนหนึ่งของคำอธิษฐานนั้น พระเยซูกล่าวว่า “ขออย่านำข้าพเจ้าทั้งหลายเข้าสู่การทดลอง แต่ขอทรงช่วยข้าพเจ้าทั้งหลายให้รอดพ้นจากตัวชั่วร้าย.” (มัดธาย 6:13, ล.ม.) พระยะโฮวาไม่ล่อใจเราให้ทำบาป. (ยาโกโบ 1:13) อย่างไรก็ดี เมื่อพระคัมภีร์กล่าวในบางครั้งว่าพระองค์ทรงกระทำสิ่งนั้นสิ่งนี้หรือเป็นเหตุให้มันเกิดขึ้น ที่แท้แล้ว พระองค์เพียงแต่ยอมให้สิ่งเหล่านั้นเกิดขึ้น. (ประวัตินางรูธ 1:20, 21) ฉะนั้น โดยการอธิษฐานตามที่พระเยซูทรงชี้แนะ เราก็กำลังทูลขอพระยะโฮวาอย่าปล่อยให้เราพ่ายแพ้ต่อการล่อใจ. และพระองค์จะสดับฟังเราอย่างแท้จริง เพราะเรามีคำรับรองจากพระคัมภีร์ที่ว่า “พระเจ้าทรงสัตย์ซื่อ และพระองค์จะไม่ทรงให้ท่านถูกทดลองเกินที่ท่านจะทนได้ แต่เมื่อทรงยอมให้ท่านถูกทดลองนั้น พระองค์จะจัดทางออกให้ด้วย เพื่อท่านจะสามารถทนได้.”—1 โกรินโธ 10:13, ล.ม.
12. ทำไมเราจึงอธิษฐานว่า “ขอทรงช่วยข้าพเจ้าทั้งหลายให้รอดพ้นจากตัวชั่วร้าย”?
12 หลังจากที่กล่าวถึงการทดลองในคำอธิษฐานแบบอย่าง คัมภีร์ไบเบิลภาษาไทยได้แปลคำตรัสของพระเยซูดังนี้: “ขอให้พ้นจากซึ่งชั่วร้าย.” แต่พระคัมภีร์ฉบับแปลโลกใหม่แปลคำตรัสของพระเยซูอย่างถูกต้องว่า “ขอทรงช่วยข้าพเจ้าทั้งหลายให้รอดพ้นจากตัวชั่วร้าย.” (มัดธาย 6:13) อย่างไรก็ตาม วลีในพระคัมภีร์ที่ว่า ‘ช่วยให้รอดพ้นจาก’ ส่วนใหญ่จะใช้กับบุคคล และกิตติคุณของมัดธายกล่าวว่าพญามารเป็น “ผู้ทดลอง” คือเป็นบุคคล. (มัดธาย 4:3, 11) ดังนั้น จึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะอธิษฐานขอการช่วยให้รอดพ้นจาก “ตัวชั่วร้าย” คือซาตานพญามาร. มันพยายามใช้วิธีการต่าง ๆ ชักนำเราให้ทำบาปต่อพระเจ้า. (1 เธซะโลนิเก 3:5) เมื่อเราทูลขอว่า “ขอทรงช่วยข้าพเจ้าทั้งหลายให้รอดพ้นจากตัวชั่วร้าย” เรากำลังทูลขอพระบิดาของเราผู้สถิตในสวรรค์ให้ทรงนำเราและช่วยเราเพื่อว่าเราจะไม่พ่ายแพ้ต่อมาร.
อย่าให้มารมีชัยเหนือเรา
13, 14. ทำไมคริสเตียนในโครินท์ต้องเปลี่ยนวิธีที่พวกเขาปฏิบัติต่อชายคนหนึ่งในประชาคมที่ทำผิดศีลธรรม?
13 เมื่อเปาโลกระตุ้นให้คริสเตียนในเมืองโครินท์เรื่องการให้อภัย ท่านเขียนว่า “ถ้าพวกท่านจะยกโทษของผู้ใด, ข้าพเจ้าก็ยกโทษของผู้นั้นด้วย แม้ข้าพเจ้ายกโทษของคนใด, ข้าพเจ้าได้ยกโทษของคนนั้นเพราะเห็นแก่ท่านทั้งหลายต่อพระพักตร์พระคริสต์, เพื่อซาตานจะมิได้ชัยชนะแก่เรา ด้วยเรารู้อุบายของมันแล้ว.” (2 โกรินโธ 2:10, 11) มารมีชัยเหนือพวกเราได้ในหลายทาง แต่ทำไมเปาโลจึงเขียนดังที่กล่าวไปนี้?
14 เปาโลได้ว่ากล่าวคริสเตียนในโครินท์ที่พวกเขาปล่อยให้ชายคนหนึ่งที่ทำผิดศีลธรรมอยู่ในประชาคมต่อไป. นี่คงจะทำให้ซาตานชอบใจเพราะประชาคมกลายเป็นที่ตำหนิติเตียนเนื่องจากการยอมให้กับ “การผิดนั้นถึงแม้ท่ามกลางพวกต่างประเทศก็ยังไม่เคยมีเลย.” ในที่สุด ผู้กระทำผิดถูกตัดสัมพันธ์. (1 โกรินโธ 5:1-5, 11-13) ต่อมาชายคนนั้นกลับใจ. หากคริสเตียนในโครินท์ไม่ยอมให้อภัยชายผู้นั้นและรับเขาสู่ฐานะเดิม มารจะมีชัยเหนือพวกเขาในอีกทางหนึ่ง. ในทางใด? ก็ที่พวกเขาจะเป็นคนใจคอโหดร้ายและไร้ความเมตตาเหมือนอย่างซาตานเอง. หากชายที่กลับใจนั้น “จมลงในความทุกข์เหลือล้น” และไม่นมัสการพระเจ้าอีกต่อไป เหล่าผู้ปกครองโดยเฉพาะที่ต้องรับผิดชอบเรื่องนี้ในระดับหนึ่งจำเพาะพระยะโฮวาพระเจ้าผู้ทรงเมตตา. (2 โกรินโธ 2:7; ยาโกโบ 2:13; 3:1) แน่นอน คงไม่มีคริสเตียนแท้คนใดอยากจะเลียนแบบซาตานโดยการเป็นคนใจคอโหดร้าย, ใจไม้ไส้ระกำ, และไร้ความเมตตา.
ได้รับการปกป้องด้วยยุทธภัณฑ์จากพระเจ้า
15. เราทำสงครามชนิดใด และชัยชนะขึ้นอยู่กับอะไร?
15 ถ้าเราอยากจะได้รับการช่วยให้รอดพ้นจากพญามาร เราต้องทำสงครามฝ่ายวิญญาณต่อสู้กับอำนาจวิญญาณชั่ว. ชัยชนะของเราในการต่อสู้ดังกล่าวขึ้นอยู่กับการสวม “ยุทธภัณฑ์ครบชุดจากพระเจ้า.” (เอเฟโซ 6:11-18, ล.ม.) ยุทธภัณฑ์นี้รวมถึงการเอา “ความชอบธรรมสวมเป็นเกราะหน้าอก.” (เอเฟโซ 6:14, ล.ม.) กษัตริย์ซาอูลของชาติอิสราเอลโบราณไม่เชื่อฟังพระเจ้า และได้รับผลเสียหายจากการที่พระวิญญาณบริสุทธิ์ไม่อยู่กับท่านอีกต่อไป. (1 ซามูเอล 15:22, 23) แต่ถ้าเราดำเนินในทางชอบธรรมและสวมยุทธภัณฑ์ฝ่ายวิญญาณครบชุด เราจะได้รับพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้าและได้รับการปกป้องที่จำเป็นให้พ้นจากซาตานและพวกปิศาจ ทูตสวรรค์ชั่วบริวารของมัน.—สุภาษิต 18:10.
16. เราจะได้รับการปกป้องให้พ้นจากอำนาจวิญญาณชั่วเรื่อยไปได้อย่างไร?
16 เพื่อจะได้รับการปกป้องให้พ้นภัยจากอำนาจวิญญาณชั่วอยู่เรื่อยไป สิ่งหนึ่งที่เราต้องทำก็คือ การอ่านและศึกษาพระคำของพระเจ้าเป็นประจำ ใช้ประโยชน์จากหนังสือต่าง ๆ ที่ “คนต้นเรือนสัตย์ซื่อ” จัดเตรียมไว้ให้. (ลูกา 12:42) โดยการทำเช่นนั้น เราจะบรรจุจิตใจของเราด้วยสิ่งฝ่ายวิญญาณที่ก่อประโยชน์ ซึ่งสอดคล้องกับคำแนะนำของเปาโลที่ว่า “พี่น้องทั้งหลาย, สิ่งใดที่จริง, สิ่งใดที่น่านับถือ, สิ่งใดที่ยุติธรรม, สิ่งใดที่บริสุทธิ์, สิ่งใดที่น่ารัก, สิ่งใดที่น่าฟัง, คือถ้ามีความดีประการใด, ถ้ามีการน่าสรรเสริญประการใด, ก็จงใคร่ครวญสิ่งเหล่านี้.”—ฟิลิปปอย 4:8.
17. อะไรจะช่วยเราให้เป็นผู้ประกาศข่าวดีที่มีประสิทธิภาพ?
17 พระยะโฮวาช่วยเราให้ “เอาความพร้อมในการประกาศข่าวดีแห่งสันติสุขมาสวมเป็นรองเท้า.” (เอเฟโซ 6:15, ล.ม.) การเข้าร่วมการประชุมคริสเตียนเป็นประจำช่วยเตรียมเราให้พร้อมที่จะประกาศข่าวดีเรื่องราชอาณาจักรของพระเจ้า. เราได้รับความชื่นชมยินดีสักเพียงไรจากการได้ช่วยคนอื่น ๆ ให้เรียนรู้ความจริงของพระเจ้าและได้รับเสรีภาพฝ่ายวิญญาณ! (โยฮัน 8:32) “ดาบแห่งพระวิญญาณ คือพระคำของพระเจ้า” เป็นอาวุธที่จำเป็นสำหรับป้องกันตัวจากคำสอนผิด ๆ และ “คว่ำสิ่งที่ฝังรากลึก.” (เอเฟโซ 6:17, ล.ม.; 2 โกรินโธ 10:4, 5, ล.ม.) การใช้คัมภีร์ไบเบิลพระคำของพระเจ้าที่เป็นลายลักษณ์อักษรได้อย่างคล่องแคล่วช่วยเราให้สอนความจริงและปกป้องเราไม่ให้พ่ายแพ้ต่ออุบายของมาร.
18. เราจะ “ยืนมั่นต่อต้านยุทธอุบายของพญามาร” ได้อย่างไร?
18 เปาโลเริ่มการพิจารณาเรื่องยุทธภัณฑ์ฝ่ายวิญญาณของเราโดยกล่าวว่า “จงรับเอาพลังต่อ ๆ ไปในองค์พระผู้เป็นเจ้าและในพลานุภาพแห่งฤทธิ์เดชของพระองค์. จงสวมยุทธภัณฑ์ครบชุดจากพระเจ้า เพื่อท่านจะสามารถยืนมั่นต่อต้านยุทธอุบาย [“การกระทำอันมีเล่ห์เหลี่ยม,” เชิงอรรถ] ของพญามารได้.” (เอเฟโซ 6:10, 11, ล.ม.) คำกรีกที่ได้รับการแปลในที่นี้ว่า “ยืนมั่น” เกี่ยวข้องกับการที่ทหารยืนอยู่ในตำแหน่งของเขา. เรายืนหยัดในการต่อสู้ฝ่ายวิญญาณ แม้ว่าซาตานใช้วิธีการอันมีเล่ห์เหลี่ยมหลากหลายวิธีเพื่อทำลายเอกภาพของเรา, ทำให้คำสอนของเราเสียหาย, หรือทำลายความซื่อสัตย์มั่นคงของเราต่อพระเจ้า. แต่จนถึงขณะนี้การโจมตีของพญามารไม่เคยบรรลุผลสำเร็จ—และจะไม่มีวันบรรลุผลสำเร็จเลย!a
จงต่อต้านพญามาร แล้วมันจะหนีไป
19. อะไรคือวิธีหนึ่งในการต่อต้านพญามาร?
19 เราสามารถประสบผลสำเร็จในการต่อสู้ฝ่ายวิญญาณกับพญามารและกองกำลังวิญญาณชั่วที่อยู่ใต้การบัญชาการของมัน. ไม่มีเหตุผลที่จะต้องกลัวซาตานจนตัวสั่น เพราะสาวกยาโกโบเขียนว่า “จงยอมตัวอยู่ใต้อำนาจพระเจ้า; แต่จงต่อต้านพญามาร แล้วมันจะหนีไปจากท่านทั้งหลาย.” (ยาโกโบ 4:7, ล.ม.) วิธีหนึ่งในการต่อต้านซาตานและเหล่าวิญญาณชั่วที่สมคบกับมันคือไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับอำนาจลึกลับหรือการใช้เวทมนตร์และผู้คนที่ถือปฏิบัติสิ่งเหล่านั้น. พระคัมภีร์แสดงอย่างชัดเจนว่าผู้รับใช้ของพระยะโฮวาต้องปฏิเสธการดูฤกษ์ยาม หรือการยุ่งเกี่ยวกับโหราศาสตร์, เทพพยากรณ์, และลัทธิภูตผีปิศาจ. ถ้าเราหมกมุ่นในกิจกรรมฝ่ายวิญญาณและเข้มแข็งในความเชื่อ เราก็ไม่จำเป็นต้องกลัวถ้ามีบางคนจะใช้เวทมนตร์เพื่อทำร้ายเรา.—อาฤธโม 23:23; พระบัญญัติ 18:10-12; ยะซายา 47:12-15; กิจการ 19:18-20.
20. เราจะต่อต้านพญามารได้โดยวิธีใด?
20 เรา “ต่อต้านพญามาร” ด้วยการยึดมั่นกับมาตรฐานและความจริงในคัมภีร์ไบเบิล และโดยการยืนหยัดต่อต้านมัน. โลกไปกันได้กับซาตานเพราะมันเป็นพระเจ้าของโลกนี้. (2 โกรินโธ 4:4) ฉะนั้น เราจึงไม่รับเอาลักษณะนิสัยอย่างโลก เช่น ความหยิ่งทะนง, การเห็นแก่ตัว, การผิดศีลธรรม, ความรุนแรง, และการนิยมวัตถุ. เราทราบว่าพญามารหนีไปจากพระเยซูเมื่อพระองค์ต้านทานการโจมตีของมันโดยใช้พระคัมภีร์เมื่อถูกล่อใจในถิ่นทุรกันดาร. (มัดธาย 4:4, 7, 10, 11) เช่นเดียวกัน ซาตานจะ ‘หนีไปจากเรา’ ด้วยความพ่ายแพ้ หากเรายอมตัวอยู่ใต้อำนาจพระยะโฮวาอย่างเต็มที่และพึ่งอาศัยพระองค์โดยการอธิษฐาน. (เอเฟโซ 6:18) ด้วยการหนุนหลังจากพระยะโฮวาพระเจ้าและพระบุตรที่รักของพระองค์ ไม่มีผู้ใด—แม้แต่พญามาร—จะก่อผลเสียหายแก่เราได้อย่างถาวร!—บทเพลงสรรเสริญ 91:9-11.
[เชิงอรรถ]
a สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเรื่องยุทธภัณฑ์ฝ่ายวิญญาณจากพระเจ้า ดูวารสารหอสังเกตการณ์ ฉบับ 15 พฤษภาคม 1992, หน้า 21-23.
คุณจะตอบอย่างไร?
• เราควรกลัวซาตานพญามารไหม?
• ทำไมซาตานจึงกดขี่ข่มเหงคริสเตียน?
• ทำไมเราจึงอธิษฐานขอการช่วยให้รอดพ้นจาก “ตัวชั่วร้าย”?
• เราจะประสบผลสำเร็จในสงครามฝ่ายวิญญาณได้อย่างไร?
[ภาพหน้า 26]
สาวกของพระคริสต์ในสมัยแรกซึ่งไม่มีความกลัวพิสูจน์ตัวซื่อสัตย์จวบจนสิ้นชีวิต
[ภาพหน้า 27]
พญามารไม่สามารถขัดขวางการเป็นขึ้นจากตายของผู้ที่อยู่ในความทรงจำของพระยะโฮวา
[ภาพหน้า 28]
คุณอธิษฐานขอการช่วยให้รอดพ้นจาก “ตัวชั่วร้าย” ไหม?
[ภาพหน้า 29]
คุณกำลังสวม “ยุทธภัณฑ์ครบชุดจากพระเจ้า” ไหม?