คุณมีค่าในคลองพระเนตรของพระเจ้า!
“เราได้รักเจ้าด้วยความรักจนถึงเวลาไม่กำหนด ด้วยเหตุนั้นเราจึงจูงเจ้าด้วยความรักกรุณา.”—ยิระมะยา 31:3, ล.ม.
1. ทัศนะของพระเยซูต่อสามัญชนสมัยนั้นต่างกันอย่างไรกับทัศนะของพวกฟาริซาย?
พวกเขาสามารถเห็นประกายส่อความรักและห่วงใยในพระเนตรของพระองค์. บุรุษผู้นี้คือ พระเยซู ไม่เหมือนผู้นำทางศาสนาของพวกเขาแม้แต่น้อย พระองค์ทรงใฝ่พระทัย. พระองค์ทรงรู้สึกสงสารประชาชน “ด้วยเขาอิดโรยกระจัดกระจายไปดุจฝูงแกะไม่มีผู้เลี้ยง.” (มัดธาย 9:36) คาดหมายกันว่าผู้นำทางศาสนาของเขาควรเป็นผู้เลี้ยงที่มีความรัก ซึ่งเป็นตัวแทนพระเจ้าองค์เปี่ยมด้วยความรักและความเมตตา. แทนที่จะเป็นเช่นนั้น พวกเขากลับดูถูกสามัญชนประหนึ่งคนชั้นต่ำ—และถูกสาปแช่ง!a (โยฮัน 7:47-49; เทียบกับยะเอศเคล 34:4.) เห็นได้ชัดว่า ทัศนะที่เบี่ยงเบน ไม่เป็นตามหลักคัมภีร์ไบเบิลนั้นต่างกันลิบกับทัศนะของพระยะโฮวาที่มีต่อไพร่พลของพระองค์. พระองค์ตรัสแก่ชาติยิศราเอล ชนชาติของพระองค์ดังนี้: “เราได้รักเจ้าด้วยความรักจนถึงเวลาไม่กำหนด.”—ยิระมะยา 31:3, ล.ม.
2. สหายสามคนของโยบพยายามอย่างไรที่จะให้โยบเชื่อว่าตนเป็นคนไร้ค่าในคลองพระเนตรพระเจ้า?
2 ถึงกระนั้น พวกฟาริซายก็หาใช่พวกแรกไม่ที่พยายามจะทำให้ฝูงแกะที่พระยะโฮวาทรงรักนั้นคิดว่าตัวเองไร้ค่า. ขอพิจารณาตัวอย่างของโยบ. โยบเป็นคนชอบธรรมและปราศจากด่างพร้อยจำเพาะพระยะโฮวา แต่ “ผู้เล้าโลม” ทั้งสามคนได้พูดเป็นเชิงว่าโยบประพฤติผิดศีลธรรม เป็นคนออกหากที่เลวร้ายซึ่งน่าจะตายโดยไม่ให้เหลือร่องรอยเลย. พวกเขายืนยันว่า พระเจ้าไม่ถือว่าความชอบธรรมของโยบมีค่า เนื่องจากพระเจ้าก็ไม่ไว้ใจแม้แต่ทูตสวรรค์ของพระองค์ และทรงถือว่าแม้ฟ้าสวรรค์ก็ไม่สะอาด!—โยบ 1:8; 4:18; 15:15, 16; 18:17-19; 22:3.
3. ทุกวันนี้ซาตานพยายามใช้วิธีการอะไรเพื่อทำให้ผู้คนเชื่อว่าเขาเป็นคนไร้ค่าและไม่เป็นที่รัก?
3 ทุกวันนี้ ซาตานยังคงใช้ ‘อุบายแยบคาย’ นี้ คือการพยายามให้ผู้คนเชื่อว่าตนไม่เป็นที่รักของใคร ๆ และไร้ค่า. (เอเฟโซ 6:11, ล.ม., เชิงอรรถ) จริงอยู่ มันมักจะล่อใจผู้คนให้หลงใหลความหรูหราฟุ้งเฟ้อและความหยิ่งทะนงตน. (2 โกรินโธ 11:3) แต่มันดีใจเช่นกันเมื่อมันสามารถทำลายความนับถือตัวเองของคนที่ไม่มั่นคง. โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นจริงเช่นนั้นใน “สมัยสุดท้าย” อันวิกฤตนี้. สมัยปัจจุบันหลายคนเติบโตขึ้นมาในครอบครัวที่ “ไม่มีความรักตามธรรมชาติ” หลายคนต้องรับมือกับคนดุร้าย, คนเห็นแก่ตัว, และคนหัวดื้อทุกวันเป็นประจำ. (2 ติโมเธียว 3:1-5) การไม่ได้รับการปฏิบัติอย่างเป็นธรรม, อคติทางเชื้อชาติ, ความเกลียดชัง, หรือการถูกดูถูกนานหลายปี อาจเป็นสาเหตุให้บุคคลดังกล่าวคิดว่าตนเป็นคนไร้ค่า และไม่มีใครรักเขา. ชายผู้หนึ่งกล่าวดังนี้: “ผมไม่นึกรักใครและก็ไม่มีใครรักผม. ผมรู้สึกว่ายากที่จะเชื่อว่าพระเจ้าทรงใฝ่พระทัยในตัวผม.”
4, 5. (ก) ทำไมความคิดที่ว่าตนเองไร้ค่าจึงขัดกับคัมภีร์ไบเบิล? (ข) อะไรเป็นผลลัพธ์ที่อันตรายอย่างหนึ่งเมื่อเราเชื่อว่าความบากบั่นพยายามของเราไม่มีค่าแต่อย่างใด?
4 ความคิดที่ว่าตัวเองไร้ค่าขัดกับแก่นแท้ของความจริงแห่งพระคำของพระเจ้า ซึ่งได้แก่คำสอนเรื่องค่าไถ่. (โยฮัน 3:16) ในเมื่อพระเจ้าได้ทรงเสียสละมากมายถึงเพียงนั้น คือชีวิตอันประเสริฐยิ่งของพระบุตรของพระองค์ เพื่อให้เรามีโอกาสได้ชีวิตนิรันดร์ แน่นอน พระองค์ต้องรักเรา แน่นอน เราต้องมีค่าในคลองพระเนตรของพระองค์!
5 ยิ่งกว่านั้น จะเป็นเรื่องน่าท้อใจเพียงไรถ้าเราคิดว่าเราไม่เป็นที่พอพระทัยพระเจ้า คิดว่าความบากบั่นของเราไม่มีคุณค่าอะไรเลย! (เทียบกับสุภาษิต 24:10.) โดยมีทัศนะในเชิงลบอย่างนี้ แม้แต่การหนุนกำลังใจด้วยเจตนาที่ดีโดยมุ่งหมายจะช่วยเราขยายงานรับใช้พระเจ้าเท่าที่เป็นไปได้ สำหรับบางคนอาจกลับดูเหมือนเป็นการตำหนิ? การหนุนใจเช่นนั้นอาจดูเหมือนจะสะท้อนความปักใจเชื่อของเราเองที่ว่า ไม่ว่าเราทำอะไรก็ยังไม่พออยู่ดี.
6. อะไรเป็นวิธีแก้ไขที่ดีที่สุดสำหรับการคิดถึงตัวเองในเชิงลบ?
6 ถ้าคุณรู้ตัวว่ามีความรู้สึกในแง่ลบเช่นนั้น ก็อย่าหมดหวัง. หลายคนในเราบางครั้งก็ตำหนิตัวเองอย่างไม่มีเหตุผล. และอย่าลืมว่า พระคำของพระเจ้ามีไว้เพื่อ “จัดการเรื่องราวให้เรียบร้อย” และ “เพื่อล้มคว่ำสิ่งที่ฝังรากลึก.” (2 ติโมเธียว 3:16, ล.ม.; 2 โกรินโธ 10:4, ล.ม.) อัครสาวกโยฮันเขียนว่า “เหตุฉะนั้นเราจึงรู้ว่าเราอยู่ฝ่ายความจริง, และจะได้ตั้งใจของเราให้แน่วแน่จำเพาะพระองค์. เพราะถึงแม้ว่าใจของเราเองปรับโทษตัวเรา, พระเจ้าก็ยังทรงเป็นใหญ่กว่าใจของเรา, และยังทรงทราบสารพัตรทุกสิ่ง.” (1 โยฮัน 3:19, 20) เช่นนั้นแล้ว ให้เราพิจารณาสามแนวทางซึ่งคัมภีร์ไบเบิลสอนว่าเราประเสริฐสำหรับพระยะโฮวา.
พระยะโฮวาทรงถือว่าคุณมีค่า
7. พระเยซูทรงสอนบรรดาคริสเตียนอย่างไรเกี่ยวด้วยคุณค่าของเขาในคลองพระเนตรของพระเจ้า?
7 ประการแรก คัมภีร์ไบเบิลสอนว่า เราแต่ละคนมีค่าในคลองพระเนตรของพระเจ้า. พระเยซูตรัสดังนี้: “นกกระจาบห้าตัวเขาขายหกสตางค์มิใช่หรือ และนกนั้นแม้สักตัวเดียวพระเจ้ามิได้ทรงลืมเลย. ถึงผมของท่านทั้งหลายก็ทรงนับไว้แล้วทุกเส้น. อย่ากลัวเลย, ท่านทั้งหลายประเสริฐกว่านกกะจาบหลายตัว.” (ลูกา 12:6, 7) ครั้งกระโน้น ประดานกที่นำมาขายเป็นอาหารนั้น ราคานกกระจาบถูกที่สุด กระนั้น ไม่มีสักตัวเดียวรอดสายพระเนตรของพระผู้สร้างไปได้. โดยวิธีนี้ จึงเป็นการวางพื้นฐานไว้สำหรับการเปรียบเทียบอย่างน่าทึ่ง นั่นคือ: เมื่อพูดถึงมนุษย์ซึ่งถือว่ามีค่ามากกว่านก พระเจ้าทรงทราบรายละเอียดทุกอย่าง. ประหนึ่งว่า ผมทุกเส้นบนศีรษะของเราทรงนับไว้แล้ว!
8. เหตุใดจึงสอดคล้องกับความเป็นจริงที่จะคิดว่าพระยะโฮวาสามารถนับผมทุกเส้นบนศีรษะของเรา?
8 ผมทุกเส้นก็ถูกนับอย่างนั้นหรือ? หากคุณสงสัยว่าอุทาหรณ์ของพระเยซูแง่นี้ไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง ขอพิจารณาว่า พระเจ้าทรงจำผู้รับใช้ที่ซื่อสัตย์ได้ครบถ้วน จนพระองค์สามารถปลุกเขาให้เป็นขึ้นจากตายได้—สร้างเขาขึ้นใหม่ในรายละเอียดทุกประการ รวมไปถึงรหัสพันธุกรรมที่ซับซ้อน และความทรงจำกับประสบการณ์ทั้งหมดของเขาตลอดเวลาหลายปี. การนับเส้นผมบนศีรษะคนเรา (โดยเฉลี่ยมีประมาณ 100,000 เส้น) เมื่อนำมาเปรียบเทียบกันก็เห็นได้ว่าเป็นเรื่องง่ายเสียเหลือเกิน!—ลูกา 20:37, 38.
เรามีค่าขนาดไหนในคลองพระเนตรของพระยะโฮวา?
9. (ก) คุณสมบัติบางอย่างอะไรบ้างที่พระยะโฮวาทรงถือว่ามีค่า? (ข) เพราะเหตุใดคุณคิดว่าคุณสมบัติดังกล่าวมีค่าต่อพระองค์?
9 ประการที่สอง คัมภีร์ไบเบิลสอนเราถึงสิ่งซึ่งพระยะโฮวาทรงเห็นว่ามีค่าในตัวเรา. พูดง่าย ๆ คือพระองค์ทรงชื่นชมในคุณสมบัติต่าง ๆ ที่ดีและความบากบั่นของเรา. กษัตริย์ดาวิดตรัสแก่ซะโลโมราชโอรสดังนี้: “พระยะโฮวาทรงตรวจพิจารณาหัวใจทุกคนและทรงสังเกตบรรดาแนวโน้มแห่งความคิด.” (1 โครนิกา 28:9, ล.ม.) ในขณะที่พระเจ้าทรงตรวจพิจารณาหัวใจมนุษย์นับพันล้านดวงในโลกที่เต็มไปด้วยความรุนแรง ความเกลียดชัง พระองค์คงต้องชื่นชมเพียงไรเมื่อได้พบหัวใจซึ่งรักสันติ, รักความจริง, และความชอบธรรม! (เทียบกับโยฮัน 1:47; 1 เปโตร 3:4.) เกิดอะไรขึ้นเมื่อพระเจ้าพบหัวใจที่เบ่งบานด้วยความรักที่มีต่อพระองค์ หัวใจซึ่งขวนขวายจะเรียนรู้เกี่ยวกับพระองค์และถ่ายทอดความรู้ดังกล่าวไปยังคนอื่น? พระยะโฮวาทรงแจ้งแก่เราที่มาลาคี 3:16 ว่า พระองค์ทรงสดับฟังคนเหล่านั้นที่พูดต่อกันและกันด้วยเรื่องพระองค์ และพระองค์ทรงมี “หนังสือบันทึกความจำ” เสียด้วยซ้ำสำหรับคนทั้งหลาย “ที่ได้ยำเกรงพระยะโฮวาและที่ได้ระลึกถึงพระนามของพระองค์.” คุณสมบัติเหล่านี้เป็นสิ่งมีค่าจำเพาะพระองค์!
10, 11. (ก) โดยวิธีใดบางคนอาจมองข้ามหลักฐานที่บ่งว่าพระยะโฮวาประเมินค่าคุณสมบัติที่ดีของเขา? (ข) ตัวอย่างอะบียาแสดงให้เห็นอย่างไรว่า พระยะโฮวาทรงถือว่าคุณสมบัติต่าง ๆ ที่ดีทุกระดับมีค่า?
10 แต่หัวใจที่นึกตำหนิตัวเองอาจคัดค้านหลักฐานดังกล่าวเกี่ยวด้วยคุณค่าของเราในคลองพระเนตรพระเจ้า. หัวใจที่ตำหนิตัวเองอาจคอยกระซิบอยู่เรื่อยว่า ‘มีคนอื่นอีกมากมายที่เพียบพร้อมด้วยคุณสมบัติเหมาะจะเป็นตัวอย่างมากกว่าฉัน. พระยะโฮวาคงต้องผิดหวังเพียงใดเมื่อพระองค์เปรียบเทียบฉันกับคนเหล่านั้น!’ พระยะโฮวาไม่ได้เปรียบเทียบผู้รับใช้ของพระองค์ ทั้งไม่เข้มงวดเกินไป, หรือวางกฎเกณฑ์ไว้อย่างเคร่งครัด. (ฆะลาเตีย 6:4) พระองค์อ่านใจมนุษย์ด้วยความสุขุมคัมภีรภาพอันล้ำลึก และพระองค์ทรงถือว่าคุณสมบัติต่าง ๆ ที่ดีทุกระดับนั้นมีค่า.
11 ตัวอย่างเช่น ในตอนที่พระยะโฮวาทรงมีประกาศิตว่าเชื้อวงศ์กษัตริย์ยาระบะอามที่ออกหากจะต้องถูกประหารเสียสิ้น จะถูกขจัดออกไปดุจ ‘มูลสัตว์’ พระองค์ทรงรับสั่งว่า ในบรรดาราชบุตรของกษัตริย์ มีเพียงอะบียาเท่านั้นจะได้รับการฝังถูกต้องตามประเพณี. เพราะเหตุใด? “เพราะพระยะโฮวาพระเจ้าแห่งยิศราเอลได้พบความดีบ้างในตัวท่าน.” (1 กษัตริย์ 14:10, 13) ทั้งนี้หมายความว่า อะบียาเป็นผู้นมัสการที่ซื่อสัตย์ของพระยะโฮวาหรือ? อาจไม่ใช่อย่างนั้น เพราะท่านก็ได้ตายเหมือนคนอื่น ๆ ในเชื้อวงศ์ของท่านซึ่งชั่วช้า. (พระบัญญัติ 24:16) กระนั้น พระยะโฮวาทรงประเมินค่าสิ่งซึ่งพระองค์ทรงเห็นในหัวใจของอะบียาที่มี “ความดีอยู่บ้าง” และทรงดำเนินการให้เป็นไปตามนั้น. หนังสือข้อคิดเห็นของแมตทิว เฮนรีเกี่ยวด้วยคัมภีร์ไบเบิลทั้งเล่ม (ภาษาอังกฤษ) ให้ข้อสังเกตว่า “เมื่อมีความดีอยู่บ้าง ความดีนั้นจะถูกค้นพบ: พระเจ้าผู้ทรงค้นหาคุณสมบัติที่ดีในตัวเราจะเห็นความดีนั้นแม้มีเพียงเล็กน้อย และทรงพอพระทัยกับความดีนั้น.” และอย่าลืมว่า ถ้าพระเจ้าทรงพบว่าคุณมีคุณสมบัติที่ดีอยู่บ้าง พระองค์สามารถพัฒนาคุณสมบัตินั้นให้ดีขึ้นได้ ตราบใดที่คุณพยายามรับใช้พระองค์อย่างซื่อสัตย์.
12, 13. (ก) บทเพลงสรรเสริญ 139:3 แสดงให้เห็นอย่างไรว่าพระยะโฮวาถือว่าความบากบั่นของเรามีค่า? (ข) อาจกล่าวได้ในแง่ไหนว่าพระยะโฮวาทรงฝัดร่อนกิจกรรมของเรา?
12 พระยะโฮวาทรงประเมินค่าความบากบั่นของเราด้วยวิธีคล้าย ๆ กัน. ที่บทเพลงสรรเสริญ 139:1-3 (ล.ม.) เราอ่านดังนี้: “ข้าแต่พระยะโฮวา พระองค์ได้ทรงพินิจพิเคราะห์ดูข้าพเจ้า และพระองค์ทรงรู้จักข้าพเจ้า. พระองค์เองทรงทราบเมื่อข้าพเจ้านั่งลงและลุกขึ้น. พระองค์ได้ทรงพิจารณาดูความคิดของข้าพเจ้าจากที่ห่างไกล. การเดินทางของข้าพเจ้าและการเหยียดตัวนอนของข้าพเจ้า พระองค์ได้ทรงวัดแล้ว และพระองค์ทรงคุ้นเคยแม้กระทั่งวิถีทางทั้งปวงของข้าพเจ้า.” ฉะนั้น พระยะโฮวาทรงทราบการกระทำทุกอย่างของเรา. แต่พระองค์ไม่เพียงแต่ทราบเท่านั้น. ในภาษาฮีบรู วลีที่ว่า “พระองค์ทรงคุ้นเคยแม้กระทั่งวิถีทางทั้งปวงของข้าพเจ้า” อาจให้ความหมายทำนองนี้ก็ได้ว่า “พระองค์ทรงจดจำวิถีทางทั้งปวงของข้าพเจ้าไว้ในจิตใจ” หรือ “พระองค์ทรงทะนุถนอมวิถีทางทั้งปวงของข้าพเจ้า.” (เทียบกับมัดธาย 6:19, 20.) กระนั้น พระยะโฮวาจะทะนุถนอมวิถีทางของเราได้อย่างไรในเมื่อเราเป็นคนไม่สมบูรณ์และผิดบาปนัก?
13 น่าสนใจ ตามที่ผู้คงแก่เรียนบางคนกล่าว เมื่อดาวิดบันทึกว่าพระยะโฮวาได้ทรง “วัด” การเดินทางและการเหยียดตัวนอนของท่านไว้แล้ว ภาษาฮีบรูตามตัวอักษรหมายถึง “ร่อน” หรือ “ฝัด.” หนังสืออ้างอิงเล่มหนึ่งตั้งข้อสังเกตว่า “นั่นหมายถึง . . . การฝัดเอาฟางออกและให้เหลือเพียงเมล็ดข้าว—เก็บไว้แต่สิ่งมีคุณค่า. ดังนั้น ข้อนี้จึงหมายความว่า โดยนัยแล้วพระเจ้าได้ฝัดร่อน ดาวิด . . . พระองค์ได้ทรงฝัดเอาเศษฟางหรือสิ่งไม่มีค่าออกไป และดูแลเก็บเอาเฉพาะสิ่งซึ่งเป็นของแท้และมีค่า.” หัวใจที่ตำหนิตัวเองอาจฝัดเอาการกระทำต่าง ๆ ของเราไปในทางตรงข้าม, ด่าประณามการผิดพลาดในอดีตอย่างไม่ปรานี และลบล้างสัมฤทธิผลของเราราวกับว่าไม่มีค่าแม้แต่น้อย. ทว่าพระยะโฮวาทรงอภัยบาปของเราถ้าเรากลับใจจริง ๆ พร้อมกับมุ่งมั่นจะไม่ทำผิดซ้ำอีก. (บทเพลงสรรเสริญ 103:10-14; กิจการ 3:19) พระองค์ทรงฝัดร่อนเราแล้วและทรงจดจำการงานอันดีของเรา. ที่จริงพระองค์ทรงจำการดีไว้ตลอดไปตราบเท่าที่เราซื่อสัตย์ต่อพระองค์. พระองค์ทรงถือว่าที่จะลืมการดีของเราเป็นการไม่ชอบธรรม และไม่มีวันที่พระองค์จะไม่ชอบธรรม.—เฮ็บราย 6:10.
14. อะไรแสดงว่าพระยะโฮวาทรงถือว่าการงานของเราที่เกี่ยวข้องกับงานรับใช้ฝ่ายคริสเตียนนั้นมีค่า?
14 การงานที่ดีที่พระเจ้าทรงถือว่ามีคุณค่านั้นมีอะไรบ้าง? ที่แท้แล้ว อะไรก็ตามที่เราทำในการเลียนแบบพระเยซูคริสต์ พระบุตรของพระองค์. (1 เปโตร 2:21) แน่นอน งานหนึ่งที่สำคัญมากคือการกระจายข่าวดีเรื่องราชอาณาจักรของพระเจ้า. เราอ่านที่โรม 10:15 ดังนี้: “เท้าของคนเหล่านั้นที่ประกาศกิตติคุณแห่งความสุข และบอกข่าวซึ่งทำให้มีความยินดีนั้นก็งามสักเท่าใด!” ขณะที่ตามปกติแล้ว เราอาจไม่นึกว่าเท้าของเราอันเป็นอวัยวะธรรมดา ๆ นั้น “งาม” คำที่เปาโลใช้ ณ ที่นี่เป็นคำเดียวกับที่ใช้ในคัมภีร์ฉบับกรีกเซ็ปตัวจินต์ เพื่อพรรณนาถึงนางริบะคา, ราเฮ็ล, และโยเซฟ—คนทั้งสามได้ชื่อว่าเป็นคนรูปงาม. (เยเนซิศ 26:7; 29:17; 39:6) ดังนั้น การที่เรามีส่วนร่วมทำงานรับใช้พระยะโฮวาพระเจ้าของเราจึงเป็นความงดงามและมีค่าในคลองพระเนตรของพระองค์.—มัดธาย 24:14; 28:19, 20.
15, 16. เหตุใดพระยะโฮวาทรงถือว่าความอดทนของเรามีค่า และถ้อยคำของกษัตริย์ดาวิดที่บทเพลงสรรเสริญ 56:8 ตอกย้ำข้อเท็จจริงนี้อย่างไร?
15 คุณสมบัติอีกประการหนึ่งที่พระเจ้าทรงถือว่ามีค่าคือความอดทนของเรา. (มัดธาย 24:13) อย่าลืมว่า ซาตานต้องการให้คุณละทิ้งพระยะโฮวา. แต่ละวันที่คุณยังคงซื่อสัตย์ภักดีต่อพระยะโฮวาเป็นอีกวันหนึ่งที่คุณได้ให้คำตอบต่อการท้าทายของซาตาน. (สุภาษิต 27:11) บางครั้ง การอดทนไม่ใช่เรื่องง่าย. ปัญหาด้านสุขภาพ, ความยากลำบากด้านการเงิน, ความกลัดกลุ้ม, และอุปสรรคอื่น ๆ อาจยังความยุ่งยากให้แต่ละวันที่ผ่านไป. ความอดทนในยามผจญความทุกข์ยากดังกล่าวมีค่าเป็นพิเศษจำเพาะพระยะโฮวา. ด้วยเหตุนี้ กษัตริย์ดาวิดจึงทูลขอพระยะโฮวาเก็บน้ำตาของท่านไว้ใน ‘ถุงหนัง’ โดยนัย ท่านถามอย่างมั่นใจว่า “น้ำตานั้นก็จดไว้ในบัญชีของพระองค์แล้วไม่ใช่หรือ?” (บทเพลงสรรเสริญ 56:8) จริง ๆ แล้ว พระยะโฮวาทรงถือว่าน้ำตาทุกหยดมีค่าและพระองค์ทรงระลึกถึงน้ำตาและความลำเค็ญทั้งปวงซึ่งเราทนรับเนื่องจากการรักษาความซื่อสัตย์ภักดีต่อพระองค์. สิ่งเหล่านี้จึงมีค่าในคลองพระเนตรของพระองค์เช่นกัน.
16 เมื่อคำนึงถึงคุณสมบัติที่ดีหลายประการและความบากบั่นของเรา เห็นได้ชัดเพียงไรว่าพระยะโฮวาทรงพบหลายสิ่งที่มีค่าในเราแต่ละคน! ไม่ว่าโลกของซาตานปฏิบัติต่อเราอย่างไร พระยะโฮวาทรงถือว่าเรามีค่าและเป็นส่วนแห่ง “สิ่งน่าปรารถนาแห่งชาติทั้งปวง.”—ฮาฆี 2:7, ล.ม.
สิ่งที่พระยะโฮวาทรงกระทำเพื่อยืนยันความรักของพระองค์
17. ทำไมเครื่องบูชาไถ่ของพระคริสต์น่าจะทำให้เรามั่นใจว่า พระยะโฮวาและพระเยซูทรงรักเราเป็นรายบุคคล?
17 ประการที่สาม พระยะโฮวาทรงกระทำหลายอย่างเพื่อยืนยันความรักของพระองค์ที่มีต่อเรา. แน่นอน เครื่องบูชาไถ่ของพระคริสต์เป็นคำตอบอันหนักแน่นที่สุดต่อคำโกหกของซาตานที่ว่าเราไม่มีค่าหรือไม่เป็นที่รักของใคร ๆ. เราไม่ควรลืมว่า การสิ้นพระชนม์อย่างเจ็บปวดบนหลักทรมานที่พระเยซูได้ประสบ และความปวดร้าวยิ่งกว่านั้นที่พระยะโฮวาต้องทนเอาขณะเฝ้าเพ่งมองพระบุตรที่รักสิ้นพระชนม์ จึงเป็นหลักฐานยืนยันความรักที่พระเจ้าและพระเยซูมีต่อเรา. ยิ่งกว่านั้น ความรักนั้นทรงให้แก่เราเป็นส่วนตัว. อัครสาวกเปาโลได้มองดูว่าเป็นเช่นนั้น เพราะท่านเขียนดังนี้: “พระบุตรของพระเจ้า . . . ผู้ได้ทรงรักข้าพเจ้า, และได้ประทานพระองค์เองเพื่อข้าพเจ้า.”—ฆะลาเตีย 2:20.
18. พระยะโฮวาทรงชักนำเราไปถึงพระคริสต์นั้นในแง่ไหน?
18 พระยะโฮวาทรงพิสูจน์ให้เห็นว่าพระองค์มีความรักต่อเรา โดยการช่วยเราแต่ละคนรับประโยชน์จากเครื่องบูชาไถ่ของพระคริสต์. พระเยซูตรัสที่โยฮัน 6:44 (ล.ม.) ว่า “ไม่มีผู้ใดจะมาถึงเราได้เว้นแต่พระบิดาผู้ทรงใช้เรามาจะชักนำเขา.” โดยการประกาศเผยแพร่ ซึ่งแผ่ไปถึงเราแต่ละคน และโดยทางพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระองค์ ซึ่งพระยะโฮวาทรงใช้เพื่อช่วยให้เราเข้าใจและปฏิบัติตามความจริงต่าง ๆ ฝ่ายวิญญาณทั้ง ๆ ที่เรามีความบกพร่องและเป็นมนุษย์ไม่สมบูรณ์ พระยะโฮวาเองทรงนำเราไปถึงพระบุตรของพระองค์และความหวังเกี่ยวด้วยชีวิตนิรันดร์. ด้วยเหตุนี้ พระยะโฮวาจึงสามารถตรัสถึงเราเหมือนพระองค์ได้ตรัสเกี่ยวกับชาวยิศราเอลว่า “เราได้รักเจ้าด้วยความรักจนถึงเวลาไม่กำหนด ด้วยเหตุนั้นเราจึงจูงเจ้าด้วยความรักกรุณา.”—ยิระมะยา 31:3, ล.ม.
19. เหตุใดสิทธิพิเศษของการอธิษฐานควรทำให้เรามั่นใจในเรื่องความรักที่พระยะโฮวาทรงมีต่อเรา?
19 ถึงกระนั้น บางทีโดยทางสิทธิพิเศษในการอธิษฐาน เราประสบความรักของพระยะโฮวาในวิธีที่ใกล้ชิดสนิทสนมมากที่สุด. พระองค์ทรงเชิญเราทุกคนให้อธิษฐานต่อพระองค์ “อย่างไม่ละลด.” (1 เธซะโลนิเก 5:17, ล.ม.) พระองค์ทรงสดับ! พระองค์ได้รับสมญานามเสียด้วยซ้ำว่า “ผู้สดับคำอธิษฐาน.” (บทเพลงสรรเสริญ 65:2) พระองค์หาได้มอบตำแหน่งนี้แก่ใคร ๆ ไม่ แม้แต่พระบุตรของพระองค์. คิดดูซิ: พระผู้สร้างแห่งเอกภพทรงเร่งเร้าให้เราเข้าเฝ้าพระองค์ด้วยการอธิษฐานอย่างสะดวกใจ. บางทีคำวิงวอนของคุณอาจถึงกับกระตุ้นพระยะโฮวาให้กระทำสิ่งซึ่งมิฉะนั้นพระองค์อาจไม่กระทำก็ได้.—เฮ็บราย 4:16; ยาโกโบ 5:16; ดูยะซายา 38:1-16.
20. เหตุใดความรักของพระเจ้าที่มีต่อเราจึงหาใช่ข้ออ้างเพื่อให้ความสำคัญแก่ตัวเอง หรือถือตัวเองเป็นใหญ่?
20 คริสเตียนผู้มีทัศนะสมดุลย่อมไม่ถือเอาหลักฐานที่พระเจ้าแสดงความรักนับถือเช่นนั้นมาเป็นข้ออ้างว่าตัวเองสำคัญเกินกว่าที่เป็นอยู่จริง ๆ. เปาโลเขียนว่า “โดยพระกรุณาอันไม่พึงได้รับที่ทรงประทานให้ข้าพเจ้า ข้าพเจ้าบอกทุกคนท่ามกลางท่านทั้งหลายว่า อย่าคิดถึงตัวเองเกินกว่าที่จำเป็นจะคิดนั้น; แต่คิดอย่างที่จะมีสุขภาพจิตดี แต่ละคนตามขนาดแห่งความเชื่อที่พระเจ้าได้ทรงประทานให้เขา.” (โรม 12:3, ล.ม.) ฉะนั้น ขณะที่เราได้รับความสุขจากความอบอุ่นด้วยความรักแห่งพระบิดาของเราผู้สถิตในสวรรค์ จงให้เรามีสุขภาพจิตดี และพึงจำไว้ว่า ความรักกรุณาของพระเจ้าเป็นสิ่งที่ไม่พึงได้รับ.—เทียบกับลูกา 17:10.
21. คำโกหกอะไรที่มาจากซาตานซึ่งเราพึงต่อต้านเรื่อยไป และความจริงอะไรเกี่ยวเนื่องกับพระเจ้าที่เราต้องตริตรองอยู่เสมอ?
21 ขอให้เราแต่ละคนบากบั่นทำทุกสิ่งเท่าที่ทำได้เพื่อต้านทานความคิดทุกอย่างที่ซาตานส่งเสริมในโลกเก่าที่กำลังจะสิ้นสุดลง. นั่นรวมถึงการบอกปัดแนวคิดที่ว่าเราไม่มีค่าหรือไม่มีใครรักเรา. ถ้าชีวิตในระบบนี้ได้สอนคุณให้มองตัวเองประหนึ่งอุปสรรคที่ใหญ่เกินกว่าความรักอันใหญ่ยิ่งของพระเจ้าจะเอาชนะได้, หรือให้มองการงานอันดีของคุณว่าไม่มีความสำคัญพอที่จะสังเกตเห็น แม้แต่ในสายพระเนตรของพระองค์ที่มองเห็นทุกสิ่ง, หรือมองดูบาปของคุณว่ามากมายจนกระทั่งการวายพระชนม์ของพระบุตรองค์ประเสริฐของพระเจ้าก็ไม่สามารถลบล้างได้เช่นนั้นละก็ คุณถูกหลอกเสียแล้ว. จงปฏิเสธคำโกหกต่าง ๆ ดังกล่าวด้วยความสะอิดสะเอียนอย่างสาสม! ขอให้เราจำใส่ใจไว้เสมอถึงถ้อยคำที่รับการดลใจที่อัครสาวกเปาโลกล่าวไว้ในโรม 8:38, 39 ที่ว่า “ข้าพเจ้าเชื่อมั่นคงว่า, แม้ความตาย, หรือชีวิต, หรือทูตสวรรค์, หรือผู้มีบรรดาศักดิ์, หรือสิ่งซึ่งมีอยู่เดี๋ยวนี้, หรือสิ่งซึ่งจะเป็นมาภายหน้า, หรือฤทธิ์เดชทั้งหลาย, หรือความสูง, หรือความลึก, หรือสิ่งใด ๆ อื่นที่ทรงสร้างแล้ว, จะไม่อาจกระทำให้เราทั้งหลายขาดจากความรักของพระเจ้าซึ่งมีอยู่ในพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเราทั้งหลาย.”
[เชิงอรรถ]
a อันที่จริง พวกเขาบอกปัดคนยากจนโดยใช้คำที่แสดงถึงการดูถูก “อัม-ฮาอาʹเรตส์” หรือ “คนบ้านนอก.” ผู้คงแก่เรียนคนหนึ่งกล่าวว่า พวกฟาริซายสอนไม่ให้ฝากของมีค่าไว้กับคนเหล่านี้ ไม่ควรเชื่อคำให้การของเขา ไม่ควรต้อนรับเขาเป็นแขก ไม่ควรเป็นแขกของเขา ทั้งไม่ควรซื้อของจากเขา. ผู้นำทางศาสนาพูดว่า หากยกลูกสาวตัวเองให้แต่งงานกับคนจำพวกนี้ก็เท่ากับว่าปล่อยลูกสาวที่ถูกมัดและช่วยตัวเองไม่ได้ไว้กับสัตว์ร้าย.
คุณคิดอย่างไร?
▫ ทำไมซาตานพยายามจะให้เราเชื่อว่าเราเป็นคนไร้ค่าและไม่เป็นที่รัก?
▫ พระเยซูทรงสอนอย่างไรว่าพระยะโฮวาทรงถือว่าเราแต่ละคนมีค่า?
▫ เราทราบอย่างไรว่าพระยะโฮวาถือว่าคุณสมบัติที่ดีของเรามีค่า?
▫ เราแน่ใจได้อย่างไรว่าพระยะโฮวาทรงถือว่าความบากบั่นของเรามีค่า?
▫ โดยวิธีใดพระยะโฮวาทรงยืนยันความรักของพระองค์ที่มีต่อเราเป็นรายบุคคล?
[รูปภาพหน้า 13]
พระยะโฮวาทรงสังเกตเห็นและระลึกถึงผู้ที่คิดรำพึงถึงพระนามของพระองค์