ความรักแท้ย่อมได้รับผลตอบแทน
“พระเจ้าไม่ใช่อธรรมที่จะทรงลืมการงานของท่านและความรักที่ท่านได้สำแดงต่อพระนามของพระองค์.”—เฮ็บราย 6:10 ล.ม.
1, 2. เหตุใดความรักแท้ให้ผลตอบแทนแก่เราเป็นส่วนตัว?
ความรักอย่างไม่เห็นแก่ตัวเป็นคุณลักษณะที่ใหญ่ยิ่ง สง่างามและล้ำค่าที่สุดซึ่งเราสามารถแสดงออกได้. ความรักชนิดนี้ (ภาษากรีก, อากาʹเป) เรียกร้องเอาจากเรามากและอย่างต่อเนื่อง. แต่เพราะเหตุที่เราถูกสร้างโดยพระเจ้าผู้ทรงไว้ซึ่งความยุติธรรมและความรัก เราจึงเห็นว่า ความรักอย่างไม่เห็นแก่ตัวนั้นมีผลตอบแทนแน่. ทำไมเป็นเช่นนี้?
2 เหตุผลหนึ่งที่ว่าความรักแท้ได้รับผลตอบแทนนั้นเกี่ยวโยงกับหลักไซโคโซแมติก คือว่าความคิดและอารมณ์มีผลกระทบต่อร่างกายของเรา. ผู้ชำนาญด้านความเครียดเคยพูดว่า “‘จงรักเพื่อนบ้านของตน’ เป็นข้อแนะนำทางการแพทย์ข้อหนึ่งที่สุขุมที่สุดเท่าที่เคยให้.” ใช่แล้ว “ชายผู้เมตตาย่อมทำดีให้เกิดแก่วิญญาณของเขาเอง.” (สุภาษิต 11:17) เกี่ยวกับความหมายคล้าย ๆ กันเช่นนี้มีถ้อยคำที่ว่า “คนที่มีศรัทธามักบริจาคจะสมบูรณ์ และผู้ใดที่รดน้ำให้ความชุ่มชื่นแก่เขา ตัวเองก็จะได้รับการรดน้ำดุจกัน.”—สุภาษิต 11:25; เทียบกับลูกา 6:38.
3. พระเจ้าทรงดำเนินการอย่างไรที่จะให้ความรักแท้มีผลตอบแทน?
3 นอกจากนั้น ความรักได้รับผลตอบแทนเพราะพระเจ้าทรงประทานบำเหน็จแก่คนที่ไม่เห็นแก่ตัว. เราอ่านว่า “คนที่เอ็นดูเผื่อแผ่แก่คนยากจนเปรียบเหมือนได้ให้พระยะโฮวายืมไป และพระเจ้าจะทรงตอบแทนคุณความดีของเขา.” (สุภาษิต 19:17) พยานพระยะโฮวาปฏิบัติสอดคล้องกับถ้อยแถลงนี้เมื่อพวกเขาประกาศข่าวดีเรื่องราชอาณาจักรของพระเจ้า. พวกเขารู้ว่า ‘พระเจ้าไม่ใช่อธรรมที่จะทรงลืมการงานของเขาและความรักที่เขาสำแดงต่อพระนามของพระองค์.’—เฮ็บราย 6:10.
ตัวอย่างที่ดีที่สุดสำหรับพวกเรา
4. ใครได้วางตัวอย่างที่ดียิ่งว่าความรักแท้มีผลตอบแทน และผู้นั้นกระทำโดยวิธีใด?
4 ใครได้วางตัวอย่างอันดีเยี่ยมว่าด้วยความรักแท้มีบำเหน็จ? ก็ไม่มีใครอื่นที่วางตัวอย่างเช่นนี้นอกจากพระเจ้าพระองค์เอง! พระองค์ “ทรงรักโลกแห่ง [มนุษยชาติ] มาก จนได้ประทานพระบุตรองค์เดียวของพระองค์.” (โยฮัน 3:16) การที่พระองค์ได้ประทานพระบุตรของพระเจ้าเพื่อคนที่รับรองเอาเครื่องบูชาไถ่อาจได้มีชีวิตนิรันดร์เช่นนั้น จริง ๆ แล้วเป็นการเสียสละอย่างมากมายของพระยะโฮวา และแสดงให้เห็นชัดแจ้งว่าพระองค์ทรงมีความรักและมีความเห็นอกเห็นใจ. เรื่องนี้เห็นได้อีกเปลาะหนึ่งจากข้อเท็จจริงที่พระองค์ ‘ทรงทุกข์พระทัยในความระทมทุกข์ทั้งสิ้นแห่งชาวยิศราเอลในอียิปต์.’ (ยะซายา 63:9) และคงเป็นความทุกข์ร้อนในพระทัยยิ่งกว่านั้นอีก เมื่อพระยะโฮวาทรงเห็นพระบุตรของพระองค์ทนทรมานบนหลัก ทั้งยังสดับเสียงร้องทูลว่า “พระเจ้าของข้าพเจ้า พระเจ้าของข้าพเจ้า ไฉนพระองค์จึงได้ทอดทิ้งข้าพเจ้าเสียเล่า?”—มัดธาย 27:46, ล.ม.
5. เกิดอะไรขึ้นเนื่องจากพระเจ้ารักมนุษยชาติมากถึงขนาดพระองค์มอบพระบุตรของพระองค์เป็นเครื่องบูชา?
5 พระยะโฮวาได้ประสบไหมว่า การที่พระองค์เองแสดงความรักแท้นั้นได้รับผลตอบแทน? แน่นอน. ที่เห็นได้ชัด ๆ คือ พระเจ้าสามารถให้คำตอบแก่ซาตานได้ซึ่ง ๆ หน้าเพียงไรเพราะพระเยซูได้พิสูจน์ความซื่อสัตย์มั่นคง ทั้ง ๆ ที่ซาตานปฏิบัติกับพระองค์สารพัดอย่างเท่าที่มันทำได้! (สุภาษิต 27:11) ที่จริง ทุกสิ่งซึ่งราชอาณาจักรของพระเจ้าจะดำเนินการให้ลุล่วงด้วยการขจัดการหมิ่นประมาทพระนามพระเจ้า การกอบกู้อุทยานขึ้นบนแผ่นดินโลก และการประทานชีวิตถาวรแก่คนนับล้าน ๆ เช่นนั้นก็เพราะพระเจ้าทรงรักมนุษยชาติมาก จนถึงกับทรงสละผู้ที่พระองค์รักยิ่งดังหฤทัยของพระองค์เป็นเครื่องบูชา.
ตัวอย่างอันดียิ่งของพระเยซู
6. ความรักได้กระตุ้นพระเยซูให้ทำอะไร?
6 ตัวอย่างที่ดีอีกรายหนึ่งซึ่งยืนยันว่าความรักแท้ย่อมมีบำเหน็จก็ได้แก่ตัวอย่างของพระเยซูคริสต์พระบุตรของพระเจ้า. พระองค์รักพระบิดาทางภาคสวรรค์และความรักเช่นนั้นกระตุ้นพระเยซูให้ทำตามพระประสงค์ของพระยะโฮวาไม่ว่าในเรื่องอะไรก็ตาม. (โยฮัน 14:31; ฟิลิปปอย 2:5-8) พระเยซูทรงสำแดงความรักต่อพระเจ้ามิได้ขาด ถึงแม้นบางครั้งพระองค์ทูลวิงวอนพระบิดาของพระองค์ ‘ด้วยเสียงดังและน้ำพระเนตรไหล.’—เฮ็บราย 5:7.
7. พระเยซูได้ประสบอย่างไรว่าความรักแท้นั้นมีผลตอบแทน?
7 พระเยซูได้บำเหน็จไหมสำหรับความรักชนิดที่เสียสละตัวเองเช่นนั้น? พระองค์ได้รับจริง ๆ! ขอให้นึกถึงความโสมนัสยินดีของพระองค์จากการทำคุณความดีในช่วงที่พระองค์ทำการประกาศสั่งสอนสามปีครึ่ง. พระองค์ได้ทรงช่วยสงเคราะห์ผู้คนมากเพียงไรทั้งฝ่ายวิญญาณและฝ่ายร่างกาย! สำคัญที่สุด โดยการแสดงให้เห็นว่า คนสมบูรณ์สามารถธำรงความซื่อสัตย์ภักดีต่อพระเจ้าได้อย่างครบถ้วน ทั้ง ๆ ที่ซาตานทำทุกอย่างต่อต้านพระองค์. พระเยซูทรงมีความพอใจในการพิสูจน์ว่าพญามารเป็นผู้มุสา. ยิ่งกว่านั้น ในฐานะเป็นผู้รับใช้ที่ซื่อสัตย์ของพระเจ้า พระเยซูได้รับบำเหน็จที่ดีเลิศคือความเป็นอมตะเมื่อทรงฟื้นคืนพระชนม์รับชีวิตฝ่ายสวรรค์. (โรม 6:9; ฟิลิปปอย 2:9-11; 1 ติโมเธียว 6:15, 16; เฮ็บราย 1:3, 4) และช่างเป็นสิทธิพิเศษอันล้ำเลิศอะไรเช่นนั้นซึ่งพระองค์จะได้รับในไม่ช้า ณ อาร์มาเก็ดดอน และตลอดรัชสมัยพันปีแห่งการปกครองของพระองค์ เมื่อจะมีการกู้อุทยานขึ้นบนแผ่นดินโลก และจะมีหลายพันล้านคนถูกปลุกให้เป็นขึ้นจากตาย! (ลูกา 23:43) ไม่มีข้อสงสัย พระเยซูได้ประสบแล้วว่าความรักแท้ได้รับผลตอบแทน!
ตัวอย่างของเปาโล
8. เปาโลมีประสบการณ์อะไรเนื่องจากท่านมีความรักแท้ต่อพระยะโฮวาและต่อเพื่อนมนุษย์?
8 อัครสาวกเปโตรเคยถามพระเยซู ณ โอกาสหนึ่งว่า “นี่แหละ! ข้าพเจ้าได้สละสิ่งสารพัดติดตามพระองค์มา พวกข้าพเจ้าจะได้อะไรบ้าง?” คำตอบส่วนหนึ่งของพระเยซูคือ “ผู้ใดได้สละเรือนหรือพี่น้องชายหญิง หรือบิดามารดา หรือภรรยา บุตร และไร่นาเพราะนามของเรา ผู้นั้นจะได้ผลร้อยเท่า และจะได้ชีวิตนิรันดร์เป็นมรดกด้วย.” (มัดธาย 19:27-29) เราพบตัวอย่างหนึ่งซึ่งเด่นมากเกี่ยวกับเรื่องนี้ในอัครสาวกเปาโล ผู้ซึ่งได้รับพระพรหลายประการ ดังที่บันทึกไว้โดยเฉพาะอย่างยิ่งโดยลูกาในพระธรรมกิจการ. ความรักที่มีต่อพระเจ้าและต่อเพื่อนมนุษย์ทำให้เปาโลสละงานที่ทำอยู่ขณะนั้นฐานะเป็นฟาริซายอันมีเกียรติ. โปรดนึกถึงสิ่งซึ่งเปาโลอดทน การถูกโบยตี จวนเจียนจะตาย ภยันตรายต่าง ๆ อีกทั้งความคับแค้นขัดสนนานาประการ—ทั้งหมดนี้ก็เพราะความรักแท้ต่อพระเจ้าและงานรับใช้อันศักดิ์สิทธิ์ซึ่งทำถวายพระองค์นั่นเอง.—2 โกรินโธ 11:23-27.
9. เพราะเหตุที่เปาโลได้แสดงความรักแท้ให้ปรากฏ ท่านได้ผลตอบแทนอย่างไร?
9 พระยะโฮวาทรงประทานบำเหน็จแก่เปาโลไหมเนื่องจากตัวอย่างที่ดีในการแสดงความรักแท้? เอาละ ให้เรานึกถึงการทำงานรับใช้ของเปาโลว่าบังเกิดผลมากเพียงไร. ท่านสามารถก่อตั้งประชาคมคริสเตียนขึ้นในที่ต่าง ๆ หลายประชาคม. และการอัศจรรย์ต่าง ๆ มากมายเพียงไรซึ่งพระเจ้าให้อำนาจท่านกระทำ! (กิจการ 19:11, 12) อนึ่ง เปาโลได้รับสิทธิพิเศษเห็นนิมิตอันเกินอำนาจธรรมชาติและที่จะเขียนจดหมาย 14 ฉบับซึ่งเวลานี้เป็นส่วนแห่งคัมภีร์ภาคภาษากรีก. บำเหน็จเยี่ยมที่สุดคือการรับอมตชีพในสวรรค์. (1 โกรินโธ 15:53, 54; 2 โกรินโธ 12:1-7; 2 ติโมเธียว 4:7, 8) แน่นอน เปาโลประสบแล้วว่า พระเจ้าประทานรางวัลตอบแทนความรักแท้.
ความรักแท้มีผลตอบแทนในสมัยของเรา
10. การที่เราเข้ามาเป็นสาวกของพระเยซูและแสดงความรักต่อพระยะโฮวาเช่นนั้นอาจต้องเสียสละอะไร?
10 พยานพระยะโฮวาสมัยนี้ก็ได้ประสบเช่นกันว่าความรักแท้มีผลตอบแทน. การแสดงออกซึ่งความรักของเราต่อพระยะโฮวาโดยการยืนหยัดมั่นคงอยู่ฝ่ายพระองค์และโดยการเข้ามาเป็นสาวกของพระเยซูอาจทำให้เราถึงกับต้องสละชีวิตในฐานะเป็นผู้รักษาความจงรักภักดี. (เทียบกับวิวรณ์ 2:10.) ด้วยเหตุนี้เอง พระเยซูตรัสว่าเราควรคิดให้รอบคอบ. แต่เราไม่ทำอย่างนั้นเพื่อดูว่าการเป็นสาวกจะได้รับผลตอบแทนหรือไม่. ถ้าจะพูดให้ถูก เราคิดรอบคอบเพื่อจะเตรียมตัวที่จะยอมเสียไม่ว่าอะไรก็ตามให้กับการเป็นสาวก.—ลูกา 14:28.
11. เหตุใดบางคนจึงไม่อุทิศตัวแด่พระเจ้า?
11 ทุกวันนี้ ผู้คนมากมาย—นับล้าน ๆ คนทีเดียว—ที่เชื่อข่าวสารจากพระวจนะของพระเจ้าซึ่งพยานพระยะโฮวานำไปบอกแก่เขา. ทว่าคนเหล่านั้นรีรอไม่อุทิศตัวแด่พระเจ้าและรับบัพติสมา. ทั้งนี้เพราะเขาขาดความรักแท้ต่อพระเจ้าซึ่งคนอื่นมีไหม? หลายคนไม่ก้าวถึงขั้นจะอุทิศตัวรับบัพติสมาเพราะเขาต้องการตามใจคู่สมรสที่ไม่เชื่อ. บางคนไม่เข้ามาใกล้ชิดกับพระเจ้าเพราะเขามีแง่คิดแบบนักธุรกิจคนหนึ่งซึ่งบอกพยานฯว่า “ผมชอบบาป.” ดูเหมือนปัจเจกชนที่มีทัศนะดังกล่าวไม่หยั่งรู้ค่าทุกสิ่งทุกอย่างที่พระเจ้าและพระคริสต์ทรงกระทำเพื่อเขา.
12. วารสารวอชเทาเวอร์ เคยกล่าวไว้อย่างไรซึ่งชี้จุดสำคัญว่าความรู้ที่ได้ชักนำเราเข้าใกล้ชิดกับพระเจ้าด้วยความรักแท้นั้นมีผลตอบแทน?
12 หากเรามีความหยั่งรู้ค่าจริง ๆ สำหรับทุกสิ่งที่พระเจ้าและพระเยซูคริสต์กระทำเพื่อเรา เราย่อมแสดงการหยั่งรู้ค่าโดยเต็มใจเสียสละไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตามเพื่อรับใช้พระบิดาของเราผู้สถิตในสวรรค์ แล้วเข้ามาเป็นสาวกของพระเยซู. เพราะการมีความรักต่อพระเจ้านี้เอง ชายหญิงจากทุกฐานะ ทุกวงการ—นักธุรกิจผู้ประสบความสำเร็จ บุคคลที่โด่งดังในวงการกีฬา และอื่น ๆ—จึงได้ยอมเปลี่ยนฐานะจากการแสวงเพื่อตัวเองมาสู่งานรับใช้ฝ่ายคริสเตียนอย่างอัครสาวกเปาโลได้กระทำ. และบุคคลดังกล่าวจะไม่ยอมรับอะไรอื่นแทนบำเหน็จต่าง ๆ จากการที่ได้มารู้จักและปฏิบัติพระเจ้า. วารสารวอชเทาเวอร์ (ภาษาอังกฤษ) เคยลงเรื่องนี้มาแล้วครั้งหนึ่งที่ว่า “บางครั้งเราตั้งคำถามขึ้นว่า จะมีพี่น้องสักกี่คนยอมรับเงินพันเหรียญดอลล่าร์เพื่อแลกกับสิ่งที่เขารู้ในด้านความจริง? ไม่มีสักคนยกมือ! ถ้าเสนอหมื่นเหรียญล่ะจะแลกไหม? ไม่มีเสียงตอบ! ถ้าล้านเหรียญล่ะ? ใครจะเอาทั้งโลก นี้แลกกับสิ่งที่ตนเรียนรู้เกี่ยวด้วยบุคลิกภาพของพระเจ้าและโครงการของพระองค์? ไม่มีใครเลย! แล้วเราก็พูดว่า ท่านสุภาพชน พวกท่านที่นี่ใช่ว่าขาดความอิ่มใจพอใจจริง ๆ ไม่. ถ้าท่านคิดว่าท่านมั่งมีถึงขนาด ท่านไม่รับสิ่งใดไว้แลกกับความรู้ของท่านเกี่ยวกับพระเจ้า เช่นนั้นแล้วท่านก็มั่งมีพอ ๆ กันกับพวกเรา.” (ฉบับ 15 ธันวาคม 1914 หน้า 377) ใช่แล้ว ความรู้ถ่องแท้เกี่ยวกับพระเจ้าและพระประสงค์ของพระองค์ทำให้เราเข้ามาใกล้พระองค์มากขึ้นด้วยความรักแท้ ซึ่งก็ได้ผลตอบแทนจริง.
13. เราควรมีทัศนะเช่นไรต่อการศึกษาส่วนตัว?
13 ถ้าเรารักพระเจ้า เราจะพยายามรู้จักและทำตามพระประสงค์ของพระองค์. (1 โยฮัน 5:3) เราจะมีทัศนะแบบเอาจริงเอาจังต่อการศึกษาส่วนตัว การอธิษฐาน การเข้าร่วมประชุมของคริสเตียน. กิจกรรมเหล่านี้เรียกร้องให้มีการเสียสละทั้งสิ้น เพราะเป็นการงานที่เกี่ยวข้องกับการใช้เวลา พลกำลัง และทรัพยากรอื่น ๆ. เราอาจต้องตัดสินใจเลือกระหว่างการดูโทรทัศน์กับการศึกษาค้นคว้าพระคัมภีร์เป็นส่วนตัว. แต่ฝ่ายวิญญาณนั้นเราเข้มแข็งมากขึ้นเพียงใด เราสามารถให้คำพยานได้คล่องกว่าเดิมเพียงใด และเราได้ความรู้จากการเข้าร่วมประชุมคริสเตียนมากเพียงใดเมื่อเราถือว่า การศึกษาดังกล่าวเป็นสิ่งที่ต้องทำอย่างจริงจัง ทั้งจัดเวลาสำหรับการศึกษาไว้ต่างหากอย่างเหมาะสม!—บทเพลงสรรเสริญ 1:1-3.
14. การอธิษฐานและสัมพันธภาพที่ดีกับพระเจ้ายะโฮวามีความสำคัญอย่างไร?
14 เราชื่นชมที่จะสนทนาเป็นประจำต่อพระบิดาของเราผู้สถิตในสวรรค์โดย ‘การเพียรอธิษฐาน’ ไหม? (โรม 12:12) หรือเรามักจะวุ่นกับงานเกินไป กระทั่งไม่สามารถจัดเวลาสำหรับสิทธิพิเศษอันมีค่าเช่นนี้ได้? ‘การอธิษฐานไม่หยุดหย่อน’ เป็นสิ่งจำเป็นเพื่อกระชับสัมพันธภาพระหว่างตัวเรากับพระเจ้ายะโฮวาให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น. (1 เธซะโลนิเก 5:17) และไม่มีอะไรเทียบได้กับสัมพันธภาพที่ดีกับพระยะโฮวาซึ่งจะช่วยเราเมื่อเผชิญการทดลอง. อะไรหรือที่ช่วยให้โยเซฟสามารถต้านทานเมื่อภรรยาโพติฟาได้ล่อท่านให้ทำชั่ว? และเพราะเหตุใดดานิเอลไม่เลิกอธิษฐานเมื่อกฎหมายของชาวมาดายและเปอร์เซียห้ามการอธิษฐานถึงพระยะโฮวา? (เยเนซิศ 39:7-16; ดานิเอล 6:4-11) สัมพันธภาพที่ดีกับพระเจ้าได้ช่วยคนเหล่านั้นให้มีชัย และพวกเราก็จะรับการช่วยให้มีชัยได้เช่นกัน!
15. เราควรมองการประชุมคริสเตียนอย่างไร และทำไม?
15 ทีนี้ เราถือเอาการร่วมประชุมห้านัดประจำสัปดาห์เป็นเรื่องจริงจังเพียงไร? เรายอมให้ความเหน็ดเหนื่อย ความเจ็บป่วยเล็ก ๆ น้อย ๆ หรือสภาพภูมิอากาศที่ไม่สู้ดีนักขัดขวางพันธกรณีของเราไหมที่จะไม่ละเลยการประชุมร่วมกับเพื่อนร่วมความเชื่อ? (เฮ็บราย 10:24, 25) ช่างกลึงชาวอเมริกันคนหนึ่งได้รับค่าจ้างสูง แต่เห็นว่างานที่ตนทำนั้นเป็นอุปสรรคต่อการเข้าร่วมการประชุมฝ่ายคริสเตียนครั้งแล้วครั้งเล่า. ฉะนั้น เขาตัดสินใจเปลี่ยนงาน ยอมเสียรายได้เพื่อตนจะสามารถเข้าร่วมประชุมได้อย่างสม่ำเสมอ. การประชุมต่าง ๆ ของเราส่งเสริมให้เราได้หนุนใจซึ่งกันและกัน และเสริมความเชื่อของกันและกันด้วย. (โรม 1:11, 12) ทั้งหมดที่กล่าวมาแล้ว เราประสบมิใช่หรือที่ว่า “คนที่หว่านมากจะเกี่ยวเก็บมาก”? (2 โกรินโธ 9:6) ถูกแล้ว การสำแดงความรักแท้ในแนวทางดังกล่าวมีผลตอบแทนจริง ๆ.
ความรักแท้กับงานประกาศสั่งสอนของเรา
16. อาจมีผลเช่นไรเมื่อความรักกระตุ้นเราให้คำพยานอย่างไม่เป็นทางการ?
16 ความรักกระตุ้นพวกเราให้ประกาศข่าวดีฐานะเป็นไพร่พลของพระยะโฮวา. เป็นต้นว่าความรักกระตุ้นเราทำการประกาศอย่างไม่เป็นทางการ. เราอาจรีรอที่จะให้คำพยานอย่างไม่เป็นทางการ แต่ความรักจะกระตุ้นเราให้พูด. ที่จริง ความรักจะทำให้เรานึกหาวิธีเริ่มสนทนาด้วยความผ่อนหนักผ่อนเบา แล้วจากนั้นก็วกเข้าหาเรื่องราชอาณาจักร. เพื่อเป็นตัวอย่าง: ครั้งหนึ่งตอนอยู่ในเครื่องบิน คริสเตียนผู้ปกครองได้ที่นั่งข้าง ๆ บาทหลวงคาทอลิก. ทีแรก ผู้ปกครองเริ่มเลียบเคียงถามบาทหลวงอย่างไม่ร้าวราน. อย่างไรก็ดี เมื่อบาทหลวงจะลงจากเครื่องบิน เพราะติดใจเรื่องสนทนาเขาจึงรับหนังสือของเราไปสองเล่ม. นับว่าได้ผลดีอะไรเช่นนั้นสำหรับการให้คำพยานอย่างไม่เป็นทางการ!
17, 18. ความรักจะกระตุ้นเราให้ทำอะไรเมื่อคำนึงถึงงานรับใช้ของคริสเตียน?
17 นอกจากนั้น ความรักแท้ยังกระตุ้นเราให้เข้าส่วนเป็นประจำในงานประกาศตามบ้านเรือนและงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมฝ่ายคริสเตียน. ถึงขนาดที่เราสามารถให้คำชี้แจงเรื่องราวของพระคัมภีร์ได้ เราก็จะนำเกียรติยศมาสู่พระเจ้ายะโฮวาและจะช่วยบุคคลที่เปรียบเสมือนแกะให้เข้าสู่เส้นทางอันนำไปถึงชีวิตนิรันดร์. (เทียบกับมัดธาย 7:13, 14.) ถึงแม้นเราไม่อาจให้คำชี้แจงเรื่องพระคัมภีร์ได้ก็ตาม แต่ความบากบั่นของเราจะไม่ไร้ประโยชน์. การที่เราไปปรากฏตัวที่บ้านของประชาชนก็ถือว่าเราเป็นพยานอยู่แล้ว และตัวเราเองก็ได้ประโยชน์จากงานรับใช้ เพราะเราไม่สามารถประกาศสัจธรรมแห่งคัมภีร์ไบเบิลได้โดยไม่มีการเสริมความเชื่อให้มั่นคง. จริง การไปประกาศตามบ้านเรือนต้องอาศัยความถ่อมใจ ‘ทำทุกสิ่งเพื่อเห็นแก่กิตติคุณ เพื่อเราจะได้เข้าส่วนกับคนอื่น ๆ ในกิตติคุณนั้น.’ (1 โกรินโธ 9:19-23) แต่เพราะความรักต่อพระเจ้าและต่อเพื่อนมนุษย์ เราจึงถ่อมตนใช้ความพยายามและก็ได้รับพระพรอุดมมากมายเป็นรางวัล.—สุภาษิต 10:22.
18 อีกอย่างหนึ่ง ผู้รับใช้ของพระยะโฮวาจำต้องมีความรักแท้เพื่อตระหนักถึงการกลับเยี่ยมผู้คนซึ่งสนใจในสัจธรรมแห่งพระคัมภีร์. การนำการศึกษาพระคัมภีร์แต่ละสัปดาห์ ครั้งแล้วครั้งเล่านานเป็นเดือน ๆ เป็นการแสดงความรักต่อพระเจ้าและต่อเพื่อนบ้าน เพราะงานนี้ต้องใช้เวลา ความบากบั่นและค่าพาหนะในการเยี่ยม. (มาระโก 12:28-31) แต่ครั้นเมื่อเราเห็นหนึ่งคนในจำนวนนักศึกษาพระคัมภีร์ก้าวหน้าถึงขั้นรับบัพติสมา และมิหนำซ้ำเข้าสู่งานรับใช้เต็มเวลาด้วย เรามั่นใจได้จริงมิใช่หรือว่าความรักแท้มีผลตอบแทน?—เทียบกับ 2 โกรินโธ 3:1-3.
19. ความรักมีส่วนสัมพันธ์อย่างไรกับงานรับใช้เต็มเวลา?
19 ความรักอย่างไม่เห็นแก่ตัวย่อมกระตุ้นเราให้สละความสะดวกสบายเพื่อเห็นแก่งานรับใช้เต็มเวลา หากมีทางเป็นไปได้ที่เราจะเข้าร่วมกิจกรรมด้านนี้. พยานพระยะโฮวาจำนวนพัน ๆ คนให้การเป็นพยานว่า การสำแดงความรักถึงขนาดนั้นให้มีรางวัลตอบแทนอย่างดียิ่ง. ถ้าสภาพการณ์อำนวยให้คุณมีส่วนในงานรับใช้เต็มเวลา แต่คุณไม่ฉวยเอาโอกาสที่เปิดให้เช่นนั้น คุณก็ไม่รู้ว่าคุณพลาดพระพรมากเพียงใด.—เทียบกับมาระโก 10:29, 30.
ผลตอบแทนอื่น ๆ
20. ความรักช่วยเราอย่างไรที่จะเป็นคนที่ให้อภัยผู้อื่น?
20 อีกทางหนึ่งซึ่งความรักแท้ได้ผลตอบแทนคือความรักช่วยเราเป็นคนให้อภัยผู้อื่น. ใช่แล้ว ความรัก “ไม่จดจำความเสียหาย.” อันที่จริง “ความรักปกปิดความผิดไว้มากมาย.” (1 โกรินโธ 13:5; 1 เปโตร 4:8, ล.ม.) “มากมาย” หมายถึงบาปหลายอย่างมิใช่หรือ? และการให้อภัยคนอื่นย่อมมีผลตอบแทนมากเพียงไร! เมื่อคุณเป็นฝ่ายให้อภัย ทั้งคุณและคนที่ทำผิดต่อคุณต่างก็รู้สึกสบายใจขึ้น. แต่ที่สำคัญมากกว่านั้นคือ นอกเสียจากเราได้ให้อภัย คนที่ทำผิดต่อเราแล้วเท่านั้น หาไม่แล้วเราไม่อาจคาดหมายได้ว่าพระยะโฮวาจะให้อภัยพวกเรา.—มัดธาย 6:12; 18:23-35.
21. ความรักแท้ช่วยเราอย่างไรที่จะเป็นคนอ่อนน้อมเชื่อฟัง?
21 ยิ่งกว่านั้น ความรักแท้มีผลตอบแทนในข้อที่ว่าความรักทำให้เราเป็นคนอ่อนน้อมเชื่อฟัง. ถ้าเรารักพระยะโฮวา เราจะถ่อมตัวยอมอยู่ใต้พระหัตถ์อันทรงฤทธิ์ของพระองค์. (1 เปโตร 5:6) ความรักต่อพระองค์จะกระตุ้นเราให้ยอมเชื่อฟังเครื่องมือที่พระองค์สรรไว้เฉพาะ อันได้แก่ “บ่าวสัตย์ซื่อและฉลาดสุขุม.” ทั้งนี้หมายรวมถึงการอยู่ใต้อำนาจบุคคลซึ่งนำหน้าในประชาคม. การเช่นนี้มีผลตอบแทนเพราะหากไม่ทำเช่นนั้นจะเป็น “ความเสียหาย” แก่เรา. (มัดธาย 24:45-47; เฮ็บราย 13:17) แน่ละ หลักการนี้ซึ่งเกี่ยวกับการยินยอมเชื่อฟังยังคงหมายรวมถึงการปฏิบัติในวงครอบครัวด้วย. แนวทางดังกล่าวมีผลตอบแทนเพราะทำให้ครอบครัวมีความชื่นชมยินดี สันติสุข และความปรองดองกันขณะที่เราเองก็มีความอิ่มใจพอใจเมื่อเรารู้ว่าเราทำให้พระเจ้าพอพระทัย.—เอเฟโซ 5:22; 6:1-3.
22. เราจะมีความสุขอย่างแท้จริงได้อย่างไร?
22 เช่นนั้นแล้วเห็นชัดแจ้งว่า คุณลักษณะใหญ่ที่สุดที่เราสามารถจะพัฒนาได้คือ อะกาʹเป ความรักอย่างไม่เห็นแก่ตัว ความรักที่อาศัยหลักการ. และไม่มีความแคลงใจเลยที่ว่าความรักแท้มีผลตอบแทน. ฉะนั้น เราจะเป็นสุขจริง ๆ ถ้าเราพัฒนาและสำแดงคุณลักษณะนี้ให้ปรากฏในขอบข่ายที่กว้างขวางมากขึ้นเพื่อสง่าราศีแห่งพระยะโฮวาพระเจ้าของเราผู้ทรงเปี่ยมด้วยความรัก.
คุณจะตอบอย่างไร?
▫ พระเจ้ายะโฮวาได้ทรงสำแดงความรักแท้ในทางใดบ้าง?
▫ พระเยซูคริสต์ทรงสำแดงความรักให้ประจักษ์โดยวิธีใด?
▫ อัครสาวกเปาโลได้วางตัวอย่างอะไรในการแสดงความรักแท้?
▫ พยานพระยะโฮวาได้แสดงความรักโดยวิธีใด?
▫ ทำไมคุณจึงกล่าวว่าความรักแท้มีผลตอบแทน?
[รูปภาพหน้า 16]
ความรักของพระยะโฮวาต่อมนุษยชาติได้กระตุ้นพระองค์ให้สละพระบุตร เพื่อเราอาจจะได้รับชีวิตนิรันดร์. คุณหยั่งรู้ค่าความรักแท้ดังกล่าวไหม?