บท 2
อรรถบทอันยิ่งใหญ่ของคัมภีร์ไบเบิล
การตีความพระคัมภีร์ ข้อลึกลับในพระธรรมวิวรณ์ทำให้นักศึกษาคัมภีร์ไบเบิลผู้สุจริตใจต้องพิศวงงงงวยอยู่เป็นเวลานาน. เมื่อถึงเวลากำหนดของพระเจ้า ความลับเหล่านั้นจะต้องถูกไขออก แต่โดยวิธีใด, เมื่อไร, และแก่ใคร? เฉพาะแต่พระวิญญาณของพระเจ้าเท่านั้นที่จะทำให้ทราบถึงความหมายขณะที่เวลากำหนดใกล้เข้ามา. (วิวรณ์ 1:3) ความลับอันศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้นจะถูกเปิดเผยแก่เหล่าทาสผู้กระตือรือร้นของพระเจ้าบนแผ่นดินโลกเพื่อว่า พวกเขาจะมีกำลังเข้มแข็งในการกระทำให้การพิพากษาของพระองค์เป็นที่รู้จัก. (เทียบกับมัดธาย 13:10, 11.) เราไม่อ้างว่า คำอธิบายในหนังสือเล่มนี้ไม่มีทางผิดพลาดเลย. เช่นเดียวกับโยเซฟในกาลโบราณ เรากล่าวว่า “การตีความเป็นเรื่องของพระเจ้ามิใช่หรือ?” (เยเนซิศ 40:8, ล.ม.) อย่างไรก็ตาม เราเชื่อมั่นคงว่า คำอธิบายที่จัดให้มีในหนังสือนี้สอดคล้องลงรอยโดยตลอดกับคัมภีร์ไบเบิล และเผยให้เห็นถึงวิธีที่คำพยากรณ์อันสำคัญของพระเจ้าได้สำเร็จเป็นจริงในเหตุการณ์โลกแห่งสมัยวิกฤตินี้.
1. พระประสงค์อันใหญ่ยิ่งของพระยะโฮวาคืออะไร?
สุภาษิตข้อหนึ่งในคัมภีร์ไบเบิลกล่าวว่า “เบื้องปลายแห่งสิ่งใด ๆ ก็ดีกว่าเบื้องต้นแห่งสิ่งนั้น ๆ.” (ท่านผู้ประกาศ 7:8) ในพระธรรมวิวรณ์นี่เองที่เราอ่านเรื่องจุดสุดยอดที่น่าตื่นใจแห่งพระประสงค์อันยิ่งใหญ่ของพระยะโฮวาที่จะทำให้พระนามของพระองค์เป็นที่นับถืออันบริสุทธิ์ต่อหน้าสิ่งทรงสร้างทั้งมวล. ดังที่พระเจ้าได้ทรงประกาศครั้งแล้วครั้งเล่าโดยผู้พยากรณ์คนหนึ่งสมัยก่อนว่า “เขาทั้งหลายจะได้รู้ว่าเราคือยะโฮวา.”—ยะเอศเคล 25:17; 38:23.
2. พระธรรมวิวรณ์พร้อมด้วยพระธรรมเล่มอื่น ๆ ก่อนหน้านั้นของคัมภีร์ไบเบิล ช่วยเราให้ได้มาซึ่งความรู้อันน่าพอใจอะไร?
2 พระธรรมวิวรณ์บอกเราถึงตอนจบที่สำเร็จอย่างน่าชื่นชมของเรื่องราวต่าง ๆ ฉันใด ตอนเริ่มต้นของเรื่องราวก็ได้มีพรรณนาไว้ในพระธรรมเล่มแรก ๆ ของคัมภีร์ไบเบิลฉันนั้น. โดยการตรวจสอบบันทึกนั้น เราจะเข้าใจถึงประเด็นต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องและสามารถเข้าใจภาพรวมของพระประสงค์ของพระเจ้าได้. นั่นช่างน่าพอใจจริง ๆ! นอกจากนั้น เรื่องนี้น่าจะกระตุ้นเราให้ลงมือปฏิบัติ เพื่อเราจะมีส่วนในอนาคตอันวิเศษสุดซึ่งรอท่ามนุษยชาติ. (บทเพลงสรรเสริญ 145:16, 20) ถึงตอนนี้คงเหมาะที่จะพิจารณาภูมิหลังและอรรถบทของคัมภีร์ไบเบิลทั้งเล่ม เพื่อเราจะเข้าใจประเด็นสำคัญที่สุดซึ่งมนุษยชาติทั้งปวงเผชิญอยู่ในเวลานี้ รวมทั้งพระประสงค์ของพระเจ้าที่มีแถลงไว้อย่างชัดแจ้งว่าจะจัดการกับประเด็นนั้น.
3. คำพยากรณ์อะไรในพระธรรมเยเนซิศที่ได้ตั้งอรรถบทไว้สำหรับคัมภีร์ไบเบิลทั้งเล่ม รวมทั้งพระธรรมวิวรณ์ด้วย?
3 พระธรรมเยเนซิศ ซึ่งเป็นพระธรรมเล่มแรกของคัมภีร์ไบเบิล บอกถึง “เมื่อเดิม” และพรรณนาถึงสิ่งที่พระเจ้าทรงสร้าง รวมทั้งสิ่งทรงสร้างชิ้นเอกของพระองค์บนแผ่นดินโลกนี้ นั่นคือมนุษย์. พระธรรมเยเนซิศยังมีคำพยากรณ์แรกของพระเจ้า ซึ่งพระเจ้าเองได้ตรัสในสวนเอเดนประมาณ 6,000 ปีมาแล้ว. งูตัวหนึ่งเพิ่งถูกใช้เพื่อล่อลวงฮาวา หญิงคนแรก ผู้ซึ่งต่อมาได้ชักชวนอาดามสามีของเธอให้เข้าส่วนกับเธอในการละเมิดกฎหมายของพระยะโฮวาโดยการรับประทานจาก ‘ต้นไม้เกี่ยวกับความรู้เรื่องความดีและความชั่ว.’ ขณะพิพากษามนุษย์ที่ผิดบาปคู่นี้ พระเจ้าตรัสกับงูว่า “เราจะบันดาลให้เจ้ากับหญิงนี้, ทั้งเผ่าพันธุ์ของเจ้ากับเผ่าพันธุ์ของเรา [“หญิง,” ล.ม.] เป็นศัตรูกัน: เผ่าพันธุ์ของหญิงจะทำหัวของเจ้าให้ฟกช้ำ, และเจ้าจะทำให้ส้นเท้าของเขาฟกช้ำ.” (เยเนซิศ 1:1; 2:17; 3:1-6, 14, 15) คำพยากรณ์นั้นตั้งอรรถบทสำหรับคัมภีร์ไบเบิลทั้งเล่มรวมทั้งพระธรรมวิวรณ์ด้วย.
4. (ก) หลังจากพระเจ้าตรัสคำพยากรณ์แรกแล้ว มีอะไรเกิดขึ้นกับบิดามารดาคู่แรกของเรา? (ข) เกิดมีคำถามอะไรขึ้นเกี่ยวข้องกับคำพยากรณ์แรกนั้น และเหตุใดเราจำต้องทราบคำตอบ?
4 ทันทีหลังจากตรัสคำพยากรณ์แล้ว พระเจ้าได้ทรงขับบิดามารดาคู่แรกของเราออกจากสวนเอเดน. พวกเขาไม่มีความหวังจะได้ชีวิตนิรันดร์ในอุทยานอีกต่อไป พวกเขาจะต้องดำรงชีวิตอยู่ในแผ่นดินโลกที่ยังไม่ได้ถูกเตรียมไว้ซึ่งอยู่ภายนอก. ภายใต้คำตัดสินให้ตาย พวกเขาจะบังเกิดลูกหลานที่มีบาปติดตัว. (เยเนซิศ 3:23–4:1; โรม 5:12) กระนั้น คำพยากรณ์ในสวนเอเดนหมายความอย่างไร? มีใครเกี่ยวข้องด้วย? เกี่ยวโยงกับพระธรรมวิวรณ์อย่างไร? คำพยากรณ์นี้มีข่าวสารอะไรสำหรับเราในทุกวันนี้? เพื่อตัวเราจะรอดพ้นจากผลของเหตุการณ์น่าเศร้าซึ่งกระตุ้นพระยะโฮวาให้กล่าวคำพยากรณ์นั้น จึงนับว่าสำคัญอย่างยิ่งที่เราจะรู้คำตอบสำหรับคำถามเหล่านี้.
ตัวเอกต่าง ๆ ของเรื่อง
5. เมื่องูได้ล่อลวงฮาวา มีอะไรเกิดขึ้นซึ่งเกี่ยวข้องกับพระบรมเดชานุภาพและพระนามของพระเจ้า และการโต้แย้งนั้นจะถูกจัดการโดยวิธีใด?
5 คำพยากรณ์ในพระธรรมเยเนซิศ 3:15 ได้มีการแถลงแก่งูซึ่งได้โกหกฮาวา โดยแนะว่าเธอจะไม่ตายเพราะการไม่เชื่อฟังแต่กลับจะเป็นอิสระ เป็นพระเจ้าองค์หนึ่ง. ด้วยวิธีนั้นงูได้อ้างว่า พระยะโฮวาเป็นผู้ตรัสมุสาและบอกเป็นนัยว่า มนุษย์สามารถปรับปรุงฐานะของตนให้ดีขึ้นได้โดยการบอกปัดพระบรมเดชานุภาพของพระองค์. (เยเนซิศ 3:1-5) พระบรมเดชานุภาพของพระยะโฮวาจึงถูกท้าทายและพระนามบริสุทธิ์ของพระองค์ถูกเหยียบย่ำ. พระธรรมวิวรณ์พรรณนาถึงวิธีที่พระยะโฮวา ผู้พิพากษาองค์เที่ยงธรรม ทรงใช้การปกครองแห่งราชอาณาจักรของพระบุตรของพระองค์ พระเยซูคริสต์ เพื่อพิสูจน์ความถูกต้องแห่งพระบรมเดชานุภาพของพระองค์และขจัดคำตำหนิทั้งหมดที่มีต่อพระนามของพระองค์.—วิวรณ์ 12:10; 14:7.
6. พระธรรมวิวรณ์ชี้ตัวผู้ที่พูดกับฮาวาโดยทางงูนั้นอย่างไร?
6 สำหรับคำว่า “งู” นั้นหมายถึงงูจริง ๆ เท่านั้นไหม? หามิได้! พระธรรมวิวรณ์ชี้ให้เรารู้จักตัวกายวิญญาณชั่วที่ได้พูดผ่านงูตัวนั้น. มันคือ “พญานาคใหญ่ . . . งูตัวแรกเดิมซึ่งถูกเรียกว่าพญามารและซาตานที่ชักนำทั้งโลกให้หลงผิด” ผู้ซึ่ง “ได้ล่อลวงนางฮาวาด้วยอุบายของมัน.”—วิวรณ์ 12:9, ล.ม.; 2 โกรินโธ 11:3.
7. อะไรชี้ว่า ผู้หญิงในเยเนซิศ 3:15 นั้นเป็นฝ่ายแดนวิญญาณ?
7 พระธรรมเยเนซิศ 3:15 บอกต่อไปถึง “หญิง.” นี่เป็นฮาวาไหม? นางอาจคิดเช่นนั้น. (เทียบกับเยเนซิศ 4:1.) แต่การเป็นศัตรูกันซึ่งจะมีอยู่ยาวนานระหว่างฮาวากับซาตานย่อมเป็นไปไม่ได้ในเมื่อฮาวาได้เสียชีวิตไปเมื่อ 5,000 กว่าปีมาแล้ว. นอกจากนั้น เนื่องจากงูตัวที่พระยะโฮวาตรัสถึงเป็นกายวิญญาณที่ไม่ปรากฏแก่ตา เราน่าจะคาดหมายว่า หญิงนั้นจะเป็นฝ่ายแดนวิญญาณด้วย. พระธรรมวิวรณ์ 12:1, 2 ยืนยันข้อนี้ โดยแสดงให้เห็นว่า ผู้หญิงโดยนัยนี้คือองค์การฝ่ายสวรรค์ของพระยะโฮวาที่ประกอบด้วยเหล่ากายวิญญาณ.—โปรดดูยะซายา 54:1, 5, 13 ด้วย.
พงศ์พันธุ์สองฝ่ายเป็นปฏิปักษ์กัน
8. เหตุใดเราจึงควรสนใจอย่างยิ่งในสิ่งที่มีกล่าวในตอนนี้เกี่ยวด้วยพงศ์พันธุ์สองฝ่าย?
8 ต่อจากนั้นในเยเนซิศ 3:15 ก็กล่าวถึงพงศ์พันธุ์สองฝ่าย. เราน่าจะสนใจพงศ์พันธุ์เหล่านี้อย่างยิ่ง เพราะพงศ์พันธุ์เหล่านี้เกี่ยวข้องกับประเด็นสำคัญเรื่องอำนาจปกครองอันชอบธรรมเหนือแผ่นดินโลกนี้. เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับพวกเราแต่ละคน ไม่ว่าหนุ่มหรือแก่. คุณเห็นชอบกับพงศ์พันธุ์ไหน?
9. เป็นที่แน่ใจได้ว่า พงศ์พันธุ์ของงูจะรวมถึงอะไรด้วย?
9 แรกทีเดียวมีพงศ์พันธุ์หรือลูกหลานของงู. พวกนี้คือใคร? แน่ทีเดียวว่าจะต้องรวมถึงพวกกายวิญญาณซึ่งได้สมทบกับซาตานในการกบฏของมัน และซึ่ง “ถูกเหวี่ยงลงมา” พร้อมกับมันสู่อาณาบริเวณแผ่นดินโลก. (วิวรณ์ 12:9, ล.ม.) เนื่องจากซาตาน หรือเบละซะบูล เป็น “นายผี” จึงเห็นได้ชัดว่า พวกนั้นประกอบกันขึ้นเป็นองค์การของมันที่ไม่ปรากฏแก่ตา.—มาระโก 3:22; เอเฟโซ 6:12.
10. คัมภีร์ไบเบิลระบุตัวคนอื่น ๆ ว่าเป็นส่วนแห่งพงศ์พันธุ์ของซาตานอย่างไร?
10 นอกจากนั้น พระเยซูได้ตรัสกับพวกหัวหน้าศาสนายิวในสมัยพระองค์ว่า “ท่านทั้งหลายมาจากมารซึ่งเป็นพ่อของท่าน, และท่านใคร่จะทำตามความปรารถนาของพ่อของท่าน.” (โยฮัน 8:44) โดยการต่อต้านพระเยซูพระบุตรของพระเจ้า ผู้นำศาสนาเหล่านั้นแสดงให้เห็นว่า พวกเขาก็เป็นลูกหลานของซาตานเช่นกัน. พวกเขาเป็นส่วนแห่งพงศ์พันธุ์ของซาตาน และรับใช้มันเสมือนมันเป็นบิดาของเขา. ตลอดประวัติศาสตร์ มีมนุษย์จำนวนมากได้ระบุตัวเองทำนองเดียวกันโดยทำตามจุดประสงค์ของซาตาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการต่อต้านและข่มเหงสาวกของพระเยซู. โดยรวมแล้ว อาจบอกได้ว่า มนุษย์เหล่านี้เป็นส่วนแห่งองค์การของซาตานที่ปรากฏแก่ตาบนแผ่นดินโลก.—โปรดดูโยฮัน 15:20; 16:33; 17:15.
พงศ์พันธุ์ของหญิงได้รับการระบุตัว
11. ตลอดหลายศตวรรษ พระเจ้าได้ทรงเปิดเผยให้ทราบถึงอะไรที่เกี่ยวข้องกับพงศ์พันธุ์ของหญิง?
11 ในที่สุดคำพยากรณ์ที่เยเนซิศ 3:15 กล่าวถึงพงศ์พันธุ์ของหญิงนั้น. ขณะที่ซาตานกำลังขยายพงศ์พันธุ์ของมัน พระยะโฮวาทรงเตรียมการเพื่อ “ผู้หญิง” ของพระองค์หรือองค์การทางภาคสวรรค์ที่เปรียบเหมือนมเหสี เพื่อให้กำเนิดพงศ์พันธุ์. เป็นเวลาประมาณ 4,000 ปีที่พระยะโฮวาได้ทรงเปิดเผยให้มนุษย์ที่ซื่อสัตย์และเกรงกลัวพระเจ้าทราบเป็นลำดับถึงรายละเอียดเกี่ยวข้องกับการมาของพงศ์พันธุ์นั้น. (ยะซายา 46:9, 10) อับราฮาม, ยิศฮาค, ยาโคบ, และคนอื่น ๆ จึงสามารถสร้างความเชื่อในคำทรงสัญญาที่ว่า พงศ์พันธุ์นั้นจะมาปรากฏในวงศ์ของตน. (เยเนซิศ 22:15-18; 26:4; 28:14) บ่อยครั้งซาตานและสมุนของมันได้ข่มเหงผู้รับใช้เหล่านั้นของพระยะโฮวาเพราะเหตุเขามีความเชื่อที่ไม่เปลี่ยนแปร.—เฮ็บราย 11:1, 2, 32-38.
12. (ก) เมื่อไรและพร้อมกับเหตุการณ์อะไรที่ส่วนสำคัญที่สุดแห่งพงศ์พันธุ์ของหญิงได้มาปรากฏ? (ข) พระเยซูทรงถูกเจิมเพื่อจุดประสงค์อะไร?
12 ในที่สุด ในปีสากลศักราช 29 พระเยซูมนุษย์สมบูรณ์ทรงเสนอพระองค์เองที่แม่น้ำยาระเดนและรับบัพติสมา. ณ ที่นั่นพระยะโฮวาทรงเจิมพระเยซูด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ ตรัสว่า “ท่านนี้เป็นบุตรที่รักของเรา เราชอบใจท่านมาก.” (มัดธาย 3:17) ที่นี่พระเยซูได้ถูกระบุว่าถูกส่งมาจากองค์การฝ่ายวิญญาณของพระเจ้าในภาคสวรรค์. อนึ่ง พระองค์ได้ถูกเจิมไว้เพื่อจะเป็นกษัตริย์แห่งราชอาณาจักรฝ่ายสวรรค์ซึ่งจะฟื้นฟูการปกครองเหนือแผ่นดินโลกในพระนามของพระยะโฮวา ทั้งนี้จะเป็นการจัดการขั้นเด็ดขาดในประเด็นเรื่องการปกครองหรือพระบรมเดชานุภาพ. (วิวรณ์ 11:15) ดังนั้น พระเยซูจึงทรงเป็นองค์สำคัญที่สุดแห่งพงศ์พันธุ์ของหญิง เป็นมาซีฮาที่มีการบอกไว้ล่วงหน้า.—เทียบกับฆะลาเตีย 3:16; ดานิเอล 9:25.
13, 14. (ก) ทำไมเราจึงไม่น่าจะแปลกใจที่ได้เรียนรู้ว่า พงศ์พันธุ์ของหญิงนั้นจะไม่ใช่เป็นเพียงบุคคลที่โดดเด่นแต่ผู้เดียว? (ข) มีกี่คนที่พระเจ้าทรงเลือกจากมวลมนุษยชาติให้มาเป็นพงศ์พันธุ์อันดับรอง และพวกเขาประกอบกันขึ้นเป็นองค์การชนิดใด? (ค) มีใครอีกที่ร่วมรับใช้เป็นเอกภาพกับพงศ์พันธุ์นั้น?
13 พงศ์พันธุ์ของหญิงจะเป็นเพียงบุคคลที่โดดเด่นผู้เดียวเท่านั้นไหม? เอาล่ะ พงศ์พันธุ์ของซาตานเป็นอย่างไร? คัมภีร์ไบเบิลระบุตัวพงศ์พันธุ์ของซาตานว่ารวมถึงเหล่าทูตสวรรค์ชั่วและมนุษย์ที่หลู่เกียรติพระเจ้า. ดังนั้นจึงไม่น่าทำให้เราแปลกใจที่เรียนรู้ว่า พระเจ้าทรงประสงค์จะเลือกมนุษย์ที่รักษาความซื่อสัตย์มั่นคงจำนวน 144,000 คนเพื่อให้เป็นปุโรหิตผู้ครอบครองร่วมกันกับพระคริสต์ พงศ์พันธุ์มาซีฮานั้น. พระธรรมวิวรณ์กล่าวถึงคนเหล่านี้เมื่อกล่าวว่าพญามาร ด้วยความเป็นปฏิปักษ์ต่อองค์การที่เปรียบเสมือนผู้หญิงของพระเจ้า จึง “ออกไปทำสงครามกับพงศ์พันธุ์ที่เหลือของนาง.”—วิวรณ์ 12:17, ล.ม.; 14:1-4.
14 ในคัมภีร์ไบเบิล คริสเตียนผู้ถูกเจิมถูกเรียกว่าเป็นพี่น้องของพระเยซู และในฐานะเป็นพี่น้องของพระองค์ พวกเขาจึงมีพระบิดาองค์เดียวกันและมีมารดาเดียวกัน. (เฮ็บราย 2:11) พระบิดาของพวกเขาคือพระยะโฮวาพระเจ้า. ฉะนั้น มารดาของพวกเขาต้องเป็น “ผู้หญิง” องค์การทางภาคสวรรค์ที่เปรียบเสมือนมเหสีของพระเจ้า. พวกเขากลายเป็นพงศ์พันธุ์อันดับรอง มีพระเยซูคริสต์เป็นพงศ์พันธุ์อันดับแรก. ประชาคมของคริสเตียนที่กำเนิดด้วยพระวิญญาณเหล่านี้บนแผ่นดินโลกประกอบขึ้นเป็นองค์การของพระเจ้าที่ปรากฏแก่ตาซึ่งรับใช้ภายใต้องค์การที่เปรียบเสมือนผู้หญิงของพระองค์ในสวรรค์ ที่ซึ่งพวกเขาจะอยู่ร่วมกับพระเยซูคริสต์เมื่อพวกเขาถูกปลุกขึ้นจากตาย. (โรม 8:14-17; ฆะลาเตีย 3:16, 29) แม้จะไม่เป็นส่วนของพงศ์พันธุ์นั้น แกะอื่นนับล้าน ๆ จากทุกชาติกำลังถูกรวบรวมเข้ามาเพื่อรับใช้ร่วมกับองค์การของพระเจ้าบนแผ่นดินโลก. คุณเป็นหนึ่งในแกะอื่นเหล่านี้ไหม? ถ้าเป็นอย่างนั้น ความหวังอันเปี่ยมด้วยความสุขของคุณคือชีวิตตลอดไปบนแผ่นดินโลกที่เป็นอุทยาน.—โยฮัน 10:16; 17:1-3.
วิธีที่การเป็นศัตรูกันขยายตัวขึ้น
15. (ก) จงพรรณนาถึงการขยายตัวของพงศ์พันธุ์ของซาตานทั้งที่เป็นมนุษย์และทูตสวรรค์. (ข) เกิดอะไรขึ้นกับพงศ์พันธุ์ของซาตานในช่วงมหาอุทกภัยสมัยโนฮา?
15 พงศ์พันธุ์ที่เป็นมนุษย์ของซาตานเริ่มปรากฏในช่วงต้น ๆ ของประวัติศาสตร์มนุษยชาติทีเดียว. ตัวอย่างคือคายิน มนุษย์คนแรกที่คลอด “ที่มาจากมารนั้นและได้ฆ่าน้องของตัว” คือเฮเบล. (1 โยฮัน 3:12) ต่อมา ฮะโนคได้กล่าวถึงการที่พระยะโฮวาจะเสด็จมา “พร้อมกับผู้บริสุทธิ์ของพระองค์หลายหมื่น เพื่อจะได้ทรงพิพากษาปรับโทษคนทั้งปวง และทรงบันดาลให้ทุรชนคนบาปทั้งปวงในท่ามกลางเขารู้สึกตัวถึงการอธรรมของตนที่เขาได้กระทำด้วยใจชั่ว, และรู้สึกตัวถึงการหยาบช้าทั้งหมดซึ่งทุรชนคนบาปทั้งหลายนั้นได้กล่าวใส่ความพระองค์.” (ยูดา 14, 15) ยิ่งกว่านั้น ทูตสวรรค์ที่กบฏได้สมทบกับซาตานและกลายเป็นส่วนแห่งพงศ์พันธุ์ของมัน. พวกเหล่านี้ “ได้ทิ้งถิ่นฐานอันเหมาะแก่ตน” ในสวรรค์เพื่อแปลงร่างเป็นมนุษย์มีเลือดเนื้อและแต่งงานกับบุตรสาวของมนุษย์. พวกเหล่านี้ทำให้เกิดลูกพันธุ์ผสมที่เหนือมนุษย์ซึ่งชอบใช้อำนาจบาตรใหญ่. โลกสมัยนั้นเต็มไปด้วยความรุนแรงและความชั่วช้า จึงถูกพระเจ้าทำลายเสียด้วยน้ำท่วมใหญ่ มนุษย์ที่รอดมีเพียงโนฮาผู้ซื่อสัตย์และครอบครัวของท่านเท่านั้น. ทูตสวรรค์ที่ขัดขืน—ตอนนี้เป็นผีปิศาจภายใต้การควบคุมของซาตาน—ถูกบังคับให้ละทิ้งภรรยาที่เป็นมนุษย์และลูก ๆ พันธุ์ผสมที่ถูกทำลายไป. พวกมันคืนร่างเดิม กลับสู่แดนวิญญาณที่ซึ่งพวกมันรอการลงโทษตามคำพิพากษาของพระเจ้าแก่ซาตานและพงศ์พันธุ์ของมันซึ่งกำลังคืบใกล้เข้ามาอย่างรวดเร็ว.—ยูดา 6; เยเนซิศ 6:4-12; 7:21-23; 2 เปโตร 2:4, 5.
16. (ก) ทรราชคนใดได้ปรากฏตัวขึ้นหลังมหาอุทกภัย และเขาแสดงอย่างไรว่าเขาเป็นส่วนแห่งพงศ์พันธุ์ของซาตาน? (ข) พระเจ้าทรงขัดขวางพวกที่คิดจะสร้างหอแห่งบาบิโลนอย่างไร?
16 ไม่นานหลังจากน้ำท่วมใหญ่ มีทรราชชื่อนิมโรดปรากฏขึ้นบนแผ่นดินโลก. คัมภีร์ไบเบิลพรรณนาว่า เขาเป็น “พรานมีกำลังมากต่อพระพักตร์ [“ต่อต้าน,” ล.ม.] พระยะโฮวา”—เป็นส่วนแห่งพงศ์พันธุ์ของงูอย่างแท้จริง. เขาได้แสดงน้ำใจกบฏเหมือนซาตานและสร้างเมืองบาเบล หรือบาบิโลน เป็นการขัดขืนพระประสงค์ของพระยะโฮวาที่ให้มนุษยชาติกระจายไปเต็มแผ่นดินโลก. เขาคิดจะให้มีหอใหญ่ซึ่งจะ “มียอดเทียมฟ้า” เป็นจุดเด่นของบาบิโลน. พระเจ้าทรงขัดขวางพวกที่คิดจะสร้างหอนี้. พระองค์ทรงทำให้ภาษาของพวกเขาสับสนไปและ “ให้เขาพลัดพรากจากที่นั่นไปทั่วพื้นแผ่นดินโลก” แต่ทรงปล่อยให้เมืองบาบิโลนดำรงอยู่ต่อไป.—เยเนซิศ 9:1; 10:8-12; 11:1-9.
อำนาจทางการเมืองปรากฏ
17. ขณะที่มนุษย์ทวีจำนวนขึ้น ลักษณะที่ไม่ดีอะไรของสังคมมนุษย์ได้ปรากฏขึ้น และยังผลให้มีจักรวรรดิอันไพศาลอะไรบ้างเกิดขึ้น?
17 ในบาบิโลนได้ปรากฏลักษณะต่าง ๆ ของสังคมมนุษย์ที่ขยายตัวและต่อต้านพระบรมเดชานุภาพของพระยะโฮวา. หนึ่งในลักษณะเหล่านั้นคือด้านการเมือง. ขณะที่มนุษย์ทวีจำนวนมากขึ้น มนุษย์คนอื่น ๆ ที่ทะเยอทะยานได้เลียนแบบตัวอย่างของนิมโรดในการยึดอำนาจ. มนุษย์ก็เริ่มมีอำนาจเหนือมนุษย์อันก่อความเสียหายแก่เขา. (ท่านผู้ประกาศ 8:9, ล.ม.) ตัวอย่างเช่น ในสมัยของอับราฮาม เมืองโซโดม โกโมร์ราห์ และเมืองใกล้เคียงตกอยู่ภายใต้การปกครองของกษัตริย์แห่งเมืองซีนารและประเทศอื่น ๆ ในแดนไกล. (เยเนซิศ 14:1-4) ในที่สุด ผู้ชาญฉลาดทางทหารและการปกครองได้สร้างจักรวรรดิอันไพศาลเพื่อความมั่งคั่งและเกียรติของตนเอง. คัมภีร์ไบเบิลกล่าวถึงจักรวรรดิเหล่านี้บางจักรวรรดิ เช่น อียิปต์, อัสซีเรีย, บาบิโลน, เมโด-เปอร์เซีย, กรีซ, และโรม.
18. (ก) ประชาชนของพระเจ้ามีทัศนะเช่นไรต่อผู้ปกครองทางการเมือง? (ข) ในบางครั้งผู้มีอำนาจทางการเมืองได้รับใช้เพื่อผลประโยชน์ของพระเจ้าอย่างไร? (ค) ผู้ปกครองทางการเมืองหลายคนเคยแสดงตัวอย่างไรว่า เขาเป็นส่วนแห่งพงศ์พันธุ์ของซาตาน?
18 พระยะโฮวาทรงปล่อยให้อำนาจทางการเมืองเหล่านั้นดำรงอยู่ และประชาชนของพระองค์แสดงความเชื่อฟังในขอบเขตจำกัดต่ออำนาจเหล่านี้เมื่อพวกเขาอาศัยอยู่ในดินแดนที่อำนาจเหล่านั้นปกครองอยู่. (โรม 13:1, 2) บางครั้ง อำนาจทางการเมืองถึงกับรับใช้เพื่อส่งเสริมพระประสงค์ของพระเจ้าหรือเพื่อป้องกันประชาชนของพระองค์. (เอษรา 1:1-4; 7:12-26; กิจการ 25:11, 12; วิวรณ์ 12:15, 16) อย่างไรก็ดี ผู้ปกครองทางการเมืองหลายคนได้ต่อต้านการนมัสการแท้อย่างร้ายกาจ แสดงตนเป็นส่วนแห่งพงศ์พันธุ์ของซาตาน.—1 โยฮัน 5:19.
19. มีการให้ภาพมหาอำนาจโลกต่าง ๆ ไว้อย่างไรในพระธรรมวิวรณ์?
19 ส่วนใหญ่แล้ว การปกครองของมนุษย์ล้มเหลวอย่างน่าเศร้าในการนำความสุขมาสู่มนุษย์เราหรือในการแก้ปัญหาของพวกเรา. พระยะโฮวาได้ทรงปล่อยให้มนุษยชาติทดลองรัฐบาลทุกรูปแบบ แต่พระองค์ไม่ทรงเห็นด้วยกับการฉ้อโกงหรือวิธีที่รัฐบาลต่าง ๆ ปกครองประชาชนอย่างผิด ๆ. (สุภาษิต 22:22, 23) พระธรรมวิวรณ์ให้ภาพมหาอำนาจต่าง ๆ ที่กดขี่ของโลกว่าประกอบกันเป็นสัตว์ร้ายที่เย่อหยิ่งและน่ากลัว.—วิวรณ์ 13:1, 2.
พวกพ่อค้าที่เห็นแก่ตัว
20, 21. กลุ่มที่สองที่ต้องถูกนับรวมกับพวก “นายทหารชั้นผู้ใหญ่” และ “คนที่มีกำลัง” ว่าเป็นส่วนของพงศ์พันธุ์ชั่วร้ายของซาตานนั้นคือใคร และเพราะเหตุใด?
20 พันธมิตรใกล้ชิดกับพวกผู้นำทางการเมืองอันได้แก่พวกพ่อค้าขี้ฉ้อก็ได้ปรากฏตัวขึ้น. บันทึกต่าง ๆ ที่ขุดพบในซากปรักหักพังของเมืองบาบิโลนโบราณแสดงว่า การดำเนินธุรกิจที่เอารัดเอาเปรียบจากสภาพการณ์ที่ย่ำแย่ของเพื่อนมนุษย์นั้นมีอย่างดาษดื่นในสมัยนั้น. พวกพ่อค้าของโลกได้สืบต่อการหาผลกำไรอย่างเห็นแก่ตัวมาจนทุกวันนี้ เมื่อในหลายดินแดนมีน้อยคนที่กลายเป็นคนร่ำรวยมากในขณะที่ผู้คนส่วนใหญ่ทนทุกข์เพราะความยากแค้น. ในยุคอุตสาหกรรมนี้ พวกพ่อค้าและผู้ผลิตได้รับผลประโยชน์มากโดยผลิตอาวุธสงครามเพื่อการทำลายที่ร้ายกาจจำนวนมากให้แก่อำนาจต่าง ๆ ทางการเมือง รวมทั้งอาวุธที่มีอำนาจทำลายในวงกว้างซึ่งปัจจุบันเป็นเรื่องหนึ่งที่น่าเป็นห่วงมาก. คนใหญ่คนโตที่ละโมบทางธุรกิจเหล่านั้นและพวกอื่น ๆ ในกลุ่มนั้น ต้องถูกนับรวมกับพวก “นายทหารชั้นผู้ใหญ่” และ “คนที่มีกำลัง” ว่าเป็นส่วนแห่งพงศ์พันธุ์ที่ชั่วช้าของซาตาน. พวกเขาเป็นส่วนขององค์การบนแผ่นดินโลกที่พระเจ้าและพระคริสต์พิพากษาให้สมควรถูกประหาร.—วิวรณ์ 19:18, ล.ม.
21 นอกจากการเมืองที่ฉ้อฉลและการพาณิชย์ที่โลภแล้ว ยังต้องผนวกองค์ประกอบที่สามแห่งสังคมมนุษย์ไว้ด้วยซึ่งสมควรแก่การพิพากษาลงโทษโดยพระเจ้า. ส่วนนี้คืออะไร? คุณอาจแปลกใจในสิ่งที่พระธรรมวิวรณ์เปิดเผยเกี่ยวกับองค์กรนี้ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีทั่วโลก.
บาบิโลนใหญ่
22. ศาสนาชนิดใดที่เกิดขึ้นในบาบิโลนโบราณ?
22 การสร้างเมืองบาบิโลนดั้งเดิมขึ้นนั้นไม่ใช่เป็นเพียงองค์กรทางการเมืองเท่านั้น. เนื่องจากเมืองนี้ถูกตั้งขึ้นโดยขัดขืนต่อพระบรมเดชานุภาพของพระยะโฮวา ศาสนาจึงเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย. ที่จริงแล้ว บาบิโลนโบราณได้กลายเป็นบ่อเกิดของการไหว้รูปเคารพทางศาสนา. พระของเมืองนี้สอนหลักคำสอนที่หลู่เกียรติพระเจ้า เช่น เรื่องการคงอยู่ของจิตวิญญาณมนุษย์หลังความตายและที่ว่า ต่อจากนั้นจะมีสถานที่สำหรับทรมานอันสยดสยองตลอดชั่วนิรันดร์ ซึ่งมีพวกผีปิศาจเป็นผู้ควบคุม. พวกเขาส่งเสริมการบูชาสัตว์ต่าง ๆ รวมทั้งเทพเจ้าและเทพธิดาอีกมากมาย. พวกเขาปั้นเรื่องเทพนิยายขึ้น เพื่ออธิบายการกำเนิดของโลกและมนุษย์ และดำเนินพิธีกรรมและการบูชายัญต่าง ๆ ที่เสื่อมทราม โดยทึกทักเอาเองว่าเพื่อรับประกันความอุดมสมบูรณ์ของการเกิดบุตรและพืชผล รวมทั้งชัยชนะในสงคราม.
23. (ก) เมื่อกระจัดกระจายไปจากบาบิโลนนั้น ผู้คนได้นำเอาอะไรไปด้วย และมีผลอย่างไร? (ข) พระธรรมวิวรณ์กล่าวถึงจักรวรรดิโลกแห่งศาสนาเท็จโดยใช้ชื่ออะไร? (ค) ศาสนาเท็จได้ทำการต่อสู้กับสิ่งใดอยู่ตลอดมา?
23 ขณะที่กลุ่มชนที่ใช้ภาษาต่าง ๆ จากบาบิโลนกระจายไปทั่วแผ่นดินโลก พวกเขาได้นำศาสนาแบบบาบิโลนไปด้วย. ดังนั้น พิธีกรรมและความเชื่อต่าง ๆ ที่คล้ายคลึงกับของบาบิโลนโบราณจึงแพร่หลายอยู่ในหมู่ผู้คนที่อาศัยในยุโรป, แอฟริกา, อเมริกา, ตะวันออกไกล, และทะเลใต้ และความเชื่อเหล่านี้หลายอย่างยังคงมีจนถึงทุกวันนี้. ดังนั้น จึงเหมาะสมเมื่อพระธรรมวิวรณ์อ้างถึงจักรวรรดิศาสนาเท็จที่ครอบคลุมทั่วโลกว่าเป็นเมืองซึ่งมีชื่อว่า บาบิโลนใหญ่. (วิวรณ์ บท 17, 18) ไม่ว่าจะอยู่ที่ใด ศาสนาเท็จได้ก่อให้เกิดผู้นำทางศาสนาที่กดขี่, การเชื่อถือโชคลาง, การรู้เท่าไม่ถึงการณ์, และการประพฤติผิดศีลธรรม. ศาสนาเท็จเป็นเครื่องมือที่ทรงอำนาจในมือของซาตานตลอดมา. บาบิโลนใหญ่ได้ต่อสู้อย่างรุนแรงเสมอมากับการนมัสการแท้ของพระยะโฮวาเจ้าองค์บรมมหิศร.
24. (ก) งูสามารถทำให้พงศ์พันธุ์ของหญิงนั้นฟกช้ำที่ส้นเท้าได้อย่างไร? (ข) เหตุใดอาการบาดเจ็บของพงศ์พันธุ์ของหญิงนั้นจึงมีพรรณนาว่าเป็นเพียงการบาดเจ็บที่ส้นเท้า?
24 ในฐานะเป็นส่วนที่น่าตำหนิที่สุดแห่งพงศ์พันธุ์ของงู พวกอาลักษณ์และฟาริซายในศาสนายูดายศตวรรษแรกได้นำหน้าในการข่มเหงและท้ายที่สุดก็ในการฆ่าตัวแทนอันดับแรกแห่งพงศ์พันธุ์ของหญิง. ดังนั้น งูได้ “ทำให้ส้นเท้าของเขา [“พงศ์พันธุ์” นั้น] ฟกช้ำ.” (เยเนซิศ 3:15; โยฮัน 8:39-44; กิจการ 3:12, 15) เหตุใดเรื่องนี้จึงถูกพรรณนาว่าเป็นเพียงแค่บาดแผลที่ส้นเท้า? ทั้งนี้เพราะบาดแผลนี้มีผลต่อพงศ์พันธุ์ผู้นั้นเพียงชั่วคราวบนแผ่นดินโลกเท่านั้น. ความเสียหายนี้ไม่เป็นการถาวรเพราะพระยะโฮวาได้ทรงปลุกพระเยซูให้ฟื้นคืนพระชนม์ในวันที่สามและได้ยกพระองค์ขึ้นสู่ชีวิตกายวิญญาณ.—กิจการ 2:32, 33; 1 เปโตร 3:18.
25. (ก) พระเยซูผู้ทรงสง่าราศีได้ทรงจัดการกับซาตานและทูตสวรรค์ซึ่งอยู่ฝ่ายมันแล้วอย่างไร? (ข) การกำจัดพงศ์พันธุ์ของซาตานทางแผ่นดินโลกจะมีขึ้นเมื่อไร? (ค) การที่พงศ์พันธุ์ของผู้หญิงของพระเจ้าจะทำให้ “หัว” งูนั้น คือซาตาน ฟกช้ำไปจะหมายถึงอะไร?
25 ขณะนี้พระเยซูคริสต์ผู้ทรงสง่าราศีประทับที่เบื้องขวาพระหัตถ์ของพระเจ้า ทรงพิพากษาศัตรูของพระยะโฮวา. พระองค์ได้ลงมือจัดการกับซาตานและเหล่าทูตสวรรค์ฝ่ายมันแล้ว โดยเหวี่ยงพวกมันลงมาและจำกัดกิจการของพวกมันให้อยู่บนแผ่นดินโลกเท่านั้น—ซึ่งเป็นสาเหตุที่ความวิบัติทวีขึ้นในสมัยของเรา. (วิวรณ์ 12:9, 12) แต่จะมีการกำจัดพงศ์พันธุ์ของซาตานบนแผ่นดินโลกดังที่บอกไว้ล่วงหน้า เมื่อพระเจ้าจะทรงลงโทษตามคำพิพากษาแก่บาบิโลนใหญ่และส่วนอื่นทั้งหมดแห่งองค์การของซาตานบนแผ่นดินโลก. ในที่สุด พระเยซูคริสต์ พงศ์พันธุ์แห่งผู้หญิงของพระเจ้า จะทำให้ “หัว” ของซาตาน งูเฒ่าเจ้าเล่ห์นั้นฟกช้ำ และนั่นจะหมายถึงการทำลายอย่างสิ้นเชิงและการกำจัดมันให้สิ้นสูญจากกิจการของมนุษย์เลยทีเดียว.—โรม 16:20.
26. ทำไมจึงสำคัญอย่างยิ่งที่เราจะพิจารณาคำพยากรณ์ในพระธรรมวิวรณ์?
26 เรื่องราวทั้งหมดนี้จะเกิดขึ้นอย่างไร? นั่นคือสิ่งที่พระธรรมวิวรณ์เปิดเผยให้เราทราบ. เหตุการณ์ต่าง ๆ ถูกเปิดเผยแก่เราโดยชุดภาพนิมิต ทำให้เด่นชัดขึ้นด้วยสัญลักษณ์ต่าง ๆ ที่โดดเด่น. ให้เราตรวจสอบคำพยากรณ์อันสำคัญยิ่งนี้อย่างจดจ่อ. ที่จริงแล้ว เราจะได้รับความสุขถ้าเราฟังและทำตามถ้อยคำที่เขียนไว้ในพระธรรมวิวรณ์! โดยการทำอย่างนั้น เราจะมีส่วนร่วมในการถวายพระเกียรติแด่พระนามของพระยะโฮวาองค์บรมมหิศรและจะได้รับพระพรไม่รู้สิ้นสุดจากพระองค์. โปรดอ่านต่อไปและปฏิบัติตามสิ่งที่คุณได้เรียนรู้อย่างสุขุม. นั่นอาจหมายถึงความรอดของคุณได้ในช่วงเวลาแห่งจุดสุดยอดในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ.
[กรอบ/ภาพหน้า 13]
บันทึกรูปลิ่มโบราณเกี่ยวกับการดำเนินธุรกิจ
หนังสือข้อเขียนโบราณจากตะวันออกใกล้ เรียบเรียงโดย เจมส์ บี. พริตชาร์ด ให้รายการข้อกฎหมายที่เรียบเรียงโดยฮัมมูราบิแห่งสมัยบาบิโลนไว้เกือบ 300 มาตรา. ข้อกฎหมายเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงความจำเป็นที่จะห้ามการทุจริตอย่างโจ่งแจ้งที่ดูเหมือนว่าแผ่ซ่านไปทั่ววงการธุรกิจในสมัยโน้น. ยกตัวอย่าง มาตราหนึ่งบอกว่า “หากเจ้าของที่ดินคนใดได้ซื้อหรือเขาได้รับมาเพื่อเก็บรักษาไว้ซึ่งเงินหรือทอง หรือทาสชายหรือทาสหญิงหรือโคหรือแกะหรือลาหรือทรัพย์สิ่งของใด ๆ จากมือของบุตรชายของเจ้าของที่ดินหรือทาสของเจ้าของที่ดินโดยปราศจากพยานและหนังสือสัญญา เนื่องจากเจ้าของที่ดินผู้นั้นเป็นขโมย เขาจะต้องถูกประหาร.”