ทำไมเราต้อง “เกิดผลมากอยู่เรื่อย ๆ”?
“พ่อของผมจะได้รับการยกย่อง เมื่อพวกคุณเกิดผลมากอยู่เรื่อย ๆ และแสดงตัวว่าเป็นสาวกของผม”—ยอห์น 15:8
1, 2. (ก) ในคืนก่อนที่พระเยซูจะตาย ท่านคุยอะไรกับสาวก? (ดูภาพแรก) (ข) ทำไมถึงเป็นเรื่องสำคัญที่เราจะคิดถึงเหตุผลที่เราประกาศเสมอ? (ค) เราจะคุยอะไรกันในบทความนี้?
ในคืนก่อนที่พระเยซูจะตาย ท่านใช้เวลานานคุยกับอัครสาวก และท่านยืนยันกับพวกอัครสาวกว่าท่านรักพวกเขามาก ท่านพูดถึงตัวอย่างเปรียบเทียบเรื่องต้นองุ่นด้วยซึ่งเราได้เรียนไปแล้วในบทความก่อนหน้านี้ พระเยซูอยากให้กำลังใจพวกสาวกเพื่อให้พวกเขา “เกิดผลมากอยู่ในเรื่อย ๆ” ซึ่งก็คืออดทนประกาศเรื่องรัฐบาลของพระเจ้าต่อ ๆ ไป—ยอห์น 15:8
2 แต่พระเยซูก็ไม่ได้บอกสาวกแค่ว่าพวกเขาต้องทำอะไร ท่านยังบอกเหตุผลด้วยว่าทำไมพวกเขาต้องทำงานนี้ ท่านอธิบายว่าทำไมพวกเขาต้องประกาศต่อ ๆ ไป พวกเราในทุกวันนี้ก็ต้องคิดเรื่องนี้เสมอว่าทำไมเราต้องประกาศต่อ ๆ ไป เพราะการทำแบบนี้จะทำให้เราอดทนประกาศเพื่อ “ให้คนทุกชาติมีโอกาสได้ยิน” (มัทธิว 24:13, 14) ในบทความนี้เราจะเรียนเหตุผล 4 อย่างจากพระคัมภีร์ว่าทำไมเราต้องประกาศ และเราจะดูกันว่าพระยะโฮวาให้สิ่งดี ๆ 4 อย่างอะไรที่ช่วยให้เราเกิดผลอยู่เรื่อย ๆ
เรายกย่องพระยะโฮวา
3. (ก) ยอห์น 15:8 บอกว่าอะไรเป็นเหตุผลสำคัญที่สุดที่เราไปประกาศ? (ข) ในตัวอย่างเปรียบเทียบของพระเยซู ผลองุ่นหมายถึงอะไร? และทำไมการเปรียบเทียบแบบนี้ถึงเหมาะ?
3 เหตุผลสำคัญที่สุดที่เราไปประกาศก็คือเราอยากยกย่องพระยะโฮวาและทำให้ชื่อของพระองค์บริสุทธิ์และศักดิ์สิทธิ์ (อ่านยอห์น 15:1, 8) ตอนที่พระเยซูเล่าตัวอย่างเปรียบเทียบเรื่องต้นองุ่น ท่านอธิบายว่าผู้ดูแลต้นองุ่นหรือคนปลูกต้นองุ่นหมายถึงพระยะโฮวา ต้นองุ่นหมายถึงตัวท่านเอง กิ่งหมายถึงสาวก (ยอห์น 15:5) ดังนั้น จากตัวอย่างเปรียบเทียบนี้ ผลองุ่นหมายถึงผลจากสาวกของพระเยซูซึ่งก็คืองานประกาศที่พวกเขาทำ พระเยซูบอกกับอัครสาวกว่า “พ่อของผมจะได้รับการยกย่อง เมื่อพวกคุณเกิดผลมากอยู่เรื่อย ๆ” ถ้าต้นองุ่นให้ผลที่ดี คนปลูกก็ได้รับคำชม ถ้าเราทำงานประกาศเรื่องรัฐบาลของพระเจ้าอย่างสุดความสามารถ คนอื่นก็จะชมและยกย่องพระยะโฮวาเหมือนกัน—มัทธิว 25:20-23
4. (ก) เราจะทำให้ชื่อของพระเจ้าบริสุทธิ์และศักดิ์สิทธิ์อย่างไร? (ข) คุณรู้สึกอย่างไรที่ได้มีส่วนในการทำให้ชื่อของพระเจ้าบริสุทธิ์และศักดิ์สิทธิ์?
4 ชื่อของพระเจ้าบริสุทธิ์และศักดิ์สิทธิ์อยู่แล้ว เราไม่มีทางที่จะทำให้ชื่อนี้บริสุทธิ์และศักดิ์สิทธิ์มากขึ้นไปอีก แล้วตอนที่เราไปประกาศ เราทำให้ชื่อของพระเจ้าบริสุทธิ์และศักดิ์สิทธิ์อย่างไร? อิสยาห์บอกว่า “ขอให้จำไว้ว่า เฉพาะพระยะโฮวาผู้เป็นจอมทัพเท่านั้นที่เป็นองค์บริสุทธิ์” (อิสยาห์ 8:13) เราทำให้ชื่อของพระเจ้าบริสุทธิ์และศักดิ์สิทธิ์ เมื่อเราจำไว้เสมอว่าชื่อของพระยะโฮวายิ่งใหญ่กว่าทุกชื่อในเอกภพ และเมื่อเราช่วยคนอื่นให้เข้าใจว่าชื่อนี้บริสุทธิ์และศักดิ์สิทธิ์ (มัทธิว 6:9, เชิงอรรถ) อย่างเช่น ตอนที่เราสอนผู้คนเกี่ยวกับความจริงเรื่องพระยะโฮวา ไม่ว่าจะเป็นคุณลักษณะที่ยอดเยี่ยมของพระองค์หรือความต้องการของพระองค์ที่อยากให้มนุษย์อยู่บนโลกที่เป็นสวนอุทยานตลอดไป เราก็กำลังทำให้คนอื่นเห็นว่าสิ่งที่ซาตานพูดเกี่ยวกับพระเจ้านั้นไม่เป็นความจริง (ปฐมกาล 3:1-5) นอกจากนั้น เราทำให้ชื่อของพระเจ้าบริสุทธิ์และศักดิ์สิทธิ์ด้วยเมื่อเราช่วยคนอื่นให้รู้ว่าพระยะโฮวาสมควร “จะได้รับการยกย่องสรรเสริญ ความนับถือ และฤทธิ์อำนาจ” (วิวรณ์ 4:11) รูนซึ่งเป็นไพโอเนียร์มา 16 ปีแล้ว บอกว่า “ผมขอบคุณและเห็นค่าจริง ๆ ที่รู้ว่าผมมีสิทธิพิเศษที่ได้บอกคนอื่นเรื่องผู้สร้างเอกภพ มันทำให้ผมอยากประกาศต่อ ๆ ไปครับ”
เรารักพระยะโฮวาและลูกชายของพระองค์
5. (ก) อะไรเป็นเหตุผลที่เราไปประกาศตามที่บอกไว้ในยอห์น 15:9, 10? (ข) พระเยซูเน้นเรื่องความจำเป็นที่ต้องอดทนอย่างไร?
5 อ่านยอห์น 15:9, 10 เหตุผลที่ 2 ที่เราประกาศคือเรารักพระยะโฮวาและพระเยซู (มาระโก 12:30; ยอห์น 14:15) พระเยซูบอกสาวกของท่านว่าพวกเขาต้อง ‘ทำตัวเป็นที่รักของท่านเสมอ’ ทำไมพระเยซูถึงพูดแบบนั้น? ก็เพราะท่านรู้ว่าเพื่อจะใช้ชีวิตแบบคริสเตียนแท้ได้ พวกสาวกจะต้องอดทน ที่จริงในยอห์น 15:7-10 พระเยซูใช้คำว่า “เสมอ” หลายครั้งเพื่อช่วยให้สาวกรู้ว่าพวกเขาต้องอดทน
6. เราต้องทำตัวอย่างไรเพื่อแสดงให้เห็นว่าเราอยากเป็นที่รักของพระเยซูเสมอ?
6 เราต้องทำตัวอย่างไรเพื่อแสดงให้เห็นว่าเราอยากเป็นที่รักของพระเยซูเสมอ? ก็โดยการเชื่อฟังท่านนั่นเอง พระเยซูไม่เคยขอให้เราทำสิ่งที่ท่านเองไม่เคยทำ ท่านบอกว่า “ผมทำตามคำสั่งของพระเจ้าผู้เป็นพ่อและเป็นที่รักของพระองค์เสมอ” (ยอห์น 15:10) พระเยซูเป็นตัวอย่างให้พวกเราจริง ๆ—ยอห์น 13:15
7. การเชื่อฟังเกี่ยวข้องกับความรักอย่างไร?
7 พระเยซูบอกชัดเจนเลยว่าการเชื่อฟังเกี่ยวข้องกับความรักโดยที่ท่านบอกว่า “ทุกคนที่รู้ว่าผมสั่งอะไรและทำตามก็รักผม” (ยอห์น 14:21) คำสั่งของพระเยซูมาจากพระยะโฮวา ดังนั้น เมื่อเราเชื่อฟังคำสั่งของพระเยซูที่ให้ไปประกาศ ก็แสดงว่าเรารักพระยะโฮวาด้วย (มัทธิว 17:5; ยอห์น 8:28) และเมื่อเราแสดงให้ทั้งพระยะโฮวาและพระเยซูเห็นว่าเรารักพระองค์ พระองค์ทั้งสองก็จะรักเราเสมอ
เราเตือนผู้คน
8, 9. (ก) อะไรเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่เราไปประกาศ? (ข) เอเสเคียล 3:18, 19 และ 18:23 ช่วยเราอย่างไรให้ประกาศต่อ ๆ ไป?
8 เหตุผลที่ 3 คือเราอยากเตือนผู้คนเรื่องวันของพระยะโฮวาที่กำลังจะมาถึง ในคัมภีร์ไบเบิลโนอาห์ถูกเรียกว่า “ผู้ประกาศ” (อ่าน 2 เปโตร 2:5) ก่อนที่น้ำจะท่วมโลก หนึ่งในเรื่องที่โนอาห์ประกาศจะต้องมีเรื่องวันที่พระเจ้าจะมาทำลายล้างโลกชั่วด้วยแน่ ๆ พระเยซูบอกว่า “ในช่วงก่อนน้ำท่วม ผู้คนกินดื่ม แต่งงานเป็นสามีภรรยากัน จนถึงวันที่โนอาห์เข้าไปในเรือ พวกนั้นไม่สนใจจนน้ำมาท่วมและกวาดพวกเขาไปจนหมด การประทับของ ‘ลูกมนุษย์’ ก็จะเป็นอย่างนั้นแหละ” (มัทธิว 24:38, 39) ทั้ง ๆ ที่คนส่วนใหญ่ไม่สนใจฟังโนอาห์ แต่เขาก็ยังประกาศคำเตือนของพระยะโฮวาอย่างซื่อสัตย์ต่อ ๆ ไป
9 ทุกวันนี้เราประกาศเรื่องรัฐบาลของพระเจ้าเพื่อให้โอกาสหลายคนได้รู้ว่าพระองค์จะทำอะไรให้มนุษย์บ้างในอนาคต เราก็เหมือนพระยะโฮวาที่อยากให้คนฟังข่าวดีและ “มีชีวิตอยู่” ตลอดไป (เอเสเคียล 18:23) เมื่อเราไปประกาศตามบ้านหรือในที่สาธารณะ เราเตือนผู้คนให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ว่ารัฐบาลของพระเจ้าจะมาทำลายล้างโลกชั่วนี้แล้ว—เอเสเคียล 3:18, 19; ดาเนียล 2:44; วิวรณ์ 14:6, 7
เรารักผู้คน
10. (ก) จากมัทธิว 22:39 อะไรเป็นเหตุผลที่เราไปประกาศ? (ข) เปาโลกับสิลาสช่วยผู้คุมในเมืองฟีลิบปีอย่างไร?
10 เหตุผลที่ 4 ที่เราประกาศต่อ ๆ ไปคือ เรารักผู้คน (มัทธิว 22:39) ความรักแบบนี้ช่วยให้เราประกาศต่อ ๆ ไปเพราะเรารู้ว่าคนเราอาจเปลี่ยนใจถ้าสถานการณ์ในชีวิตเปลี่ยน ตัวอย่างเช่น ตอนที่เปาโลกับสิลาสถูกคนที่ต่อต้านจับขังคุกในเมืองฟีลิบปี ประมาณเที่ยงคืนมีแผ่นดินไหวเกิดขึ้น ทำให้คุกสั่นสะเทือนและประตูทุกบานก็เปิดออก ผู้คุมเลยคิดว่านักโทษหนีไปหมดแล้ว เขากลัวมากถึงขนาดคิดจะฆ่าตัวตาย เปาโลเลยตะโกนห้ามเขาว่า “อย่าทำร้ายตัวเองเลย” ผู้คุมถามว่า “ผมต้องทำอะไรผมถึงจะรอดได้?” เปาโลกับสิลาสบอกเขาว่า ‘ให้เชื่อในพระเยซูผู้เป็นนาย แล้วคุณจะรอด’—กิจการ 16:25-34
11, 12. (ก) ตัวอย่างของผู้คุมสอนอะไรเราเรื่องงานประกาศ? (ข) ทำไมเราถึงอยากประกาศต่อ ๆ ไป?
11 เรื่องผู้คุมสอนอะไรเราในเรื่องงานประกาศ? ผู้คุมคนนี้เริ่มเปลี่ยนความคิดและขอความช่วยเหลือหลังจากเกิดแผ่นดินไหว คล้ายกันในทุกวันนี้ ถึงผู้คนอาจจะไม่ฟังเราในตอนแรก แต่เมื่อมีเรื่องร้าย ๆ เกิดขึ้นในชีวิต เขาอาจเปลี่ยนใจและต้องการความช่วยเหลือก็ได้ เช่น บางคนอาจรู้สึกช็อคมากที่ต้องออกจากงานที่ทำมานานแล้ว หรือผิดหวังอย่างมากที่ต้องหย่าร้าง บางคนเสียใจมากที่ตัวเองป่วยหรือคนที่รักตายจากไป พอเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น หลายคนอาจเริ่มมีคำถามเกี่ยวกับชีวิตอย่างที่พวกเขาไม่เคยคิดมาก่อน และอาจเป็นครั้งแรกที่พวกเขาสนใจฟังเรื่องความหวังดี ๆ ที่พวกเราไปประกาศ
12 ถ้าเราประกาศอย่างซื่อสัตย์ต่อ ๆ ไป เราก็จะมีโอกาสประกาศกับผู้คนตอนที่เขาพร้อมจะฟังและสนใจความหวังจากคัมภีร์ไบเบิล (อิสยาห์ 61:1) ชาร์ลอตต์ที่เป็นไพโอเนียร์มา 38 ปีแล้วบอกว่า “คนทุกวันนี้เคว้งคว้างหาทางออกไม่ได้ พวกเขาต้องมีโอกาสที่จะได้ยินข่าวดี” อีวอร์ซึ่งเป็นไพโอเนียร์มา 34 ปีแล้วก็บอกว่า “มีคนมากมายอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนที่ผิดหวังกับชีวิตและรู้สึกแย่มาก ฉันอยากช่วยคนพวกนั้น นี่แหละที่กระตุ้นฉันให้ประกาศ” ความรักที่เรามีต่อผู้คนคือเหตุผลที่ดีที่เราจะประกาศต่อ ๆ ไป
สิ่งดี ๆ ที่พระเจ้าให้เพื่อช่วยเราอดทน
13, 14. (ก) พระเจ้าให้สิ่งดี ๆ อะไรที่พูดถึงในยอห์น 15:11? (ข) เราจะมีความสุขเหมือนที่พระเยซูมีได้อย่างไร? (ค) ความสุขจะช่วยเราในงานรับใช้อย่างไร?
13 ในคืนก่อนที่พระเยซูจะตาย ท่านบอกว่าพระเจ้าให้บางสิ่งที่ช่วยให้อัครสาวกเกิดผลต่อ ๆ ไป มันคืออะไร? และจะช่วยเราทุกวันนี้ได้อย่างไร?
14 ความสุข การประกาศเป็นภาระไหม? ไม่เลย ตอนที่พระเยซูพูดถึงตัวอย่างเปรียบเทียบเรื่องต้นองุ่นจบแล้ว ท่านบอกว่าถ้าเราไปประกาศเราจะมีความสุขเหมือนที่ท่านมี (อ่านยอห์น 15:11) มันจะเป็นไปได้อย่างไร? ในตัวอย่างเปรียบเทียบ พระเยซูอธิบายว่าต้นองุ่นหมายถึงตัวท่านเอง และกิ่งหมายถึงสาวก กิ่งจะได้น้ำกับสารอาหารก็ต่อเมื่อกิ่งนั้นติดอยู่กับต้น ก็เหมือนกันถ้าเราติดสนิทกับท่านและพยายามเลียนแบบท่านให้มากที่สุด เราก็จะมีความสุขเหมือนที่พระเยซูมี ซึ่งเป็นความสุขที่ได้จากการทำตามความประสงค์ของพระเจ้า (ยอห์น 4:34; 17:13; 1 เปโตร 2:21) ฮาเนซึ่งเป็นไพโอเนียร์มากกว่า 40 ปีแล้วบอกว่า “หลังจากที่ฉันได้ไปประกาศฉันมีความสุขจริง ๆ และความสุขนี่แหละที่เป็นแรงผลักดันให้ฉันอยากรับใช้พระยะโฮวาต่อ ๆ ไป” ความสุขจะทำให้เรามีพลังประกาศต่อ ๆ ไป แม้ว่าคนส่วนใหญ่จะไม่ฟังก็ตาม—มัทธิว 5:10-12
15. (ก) พระเจ้าให้สิ่งดี ๆ อะไรที่พูดถึงในยอห์น 14:27? (ข) การที่เรามีความสงบใจช่วยเราอย่างไรให้ประกาศต่อ ๆ ไป?
15 ความสงบใจ (อ่านยอห์น 14:27) ก่อนหน้านี้ในคืนก่อนที่พระเยซูจะตาย ท่านบอกกับอัครสาวกว่า “ผมให้พวกคุณมีความสงบสุข” ความสงบสุขที่พระเยซูให้จะช่วยให้เราประกาศต่อ ๆ ไปได้อย่างไร? เมื่อเราประกาศ เรารู้ว่าเราทำให้พระยะโฮวาและพระเยซูมีความสุข การรู้แบบนี้ทำให้เราสงบใจ และความสงบใจนี่เองที่ช่วยให้เรามีพลังที่จะอดทนประกาศต่อไปได้ (สดุดี 149:4; โรม 5:3, 4; โคโลสี 3:15) อุลฟ์ซึ่งเป็นไพโอเนียร์มา 45 ปีแล้วบอกว่า “ถึงการประกาศจะทำให้ผมเหนื่อย แต่มันทำให้ผมรู้สึกพอใจกับชีวิตและรู้ว่าชีวิตมีความหมายจริง ๆ” เรารู้สึกขอบคุณจริง ๆ ที่เราสงบใจได้เสมอ
16. (ก) พระเจ้าให้สิ่งดี ๆ อะไรที่พูดถึงในยอห์น 15:15? (ข) อัครสาวกจะเป็นเพื่อนกับพระเยซูต่อ ๆ ไปได้อย่างไร?
16 การได้เป็นเพื่อนกับพระเยซู หลังจากที่พระเยซูบอกว่าอยากให้พวกอัครสาวกมีความสุข ท่านอธิบายความสำคัญของการแสดงความรักที่ไม่เห็นแก่ตัว (ยอห์น 15:11-13) จากนั้น ท่านก็บอกว่า “ผมเรียกพวกคุณว่าเพื่อน” มันสุดยอดจริง ๆ ที่ได้เป็นเพื่อนกับพระเยซู! แต่พวกเขาจะเป็นเพื่อนกับพระเยซูต่อ ๆ ไปได้อย่างไร? ท่านบอกว่า “ให้พวกคุณเกิดผลต่อ ๆ ไป” ซึ่งหมายถึงให้พวกเขาประกาศต่อ ๆ ไป (อ่านยอห์น 15:14-16) ประมาณสองปีก่อนหน้านั้นพระเยซูเน้นว่าพวกเขาต้องประกาศตอนที่ท่านบอกกับอัครสาวกว่า “เมื่อไปประกาศ ให้พูดว่า ‘รัฐบาลสวรรค์มาใกล้แล้ว” (มัทธิว 10:7) ดังนั้น ในคืนก่อนที่ท่านจะตาย ท่านจึงเน้นกับพวกสาวกอีกครั้งว่าพวกเขาต้องประกาศต่อ ๆ ไป ซึ่งเป็นงานที่พวกเขาทำมาตลอด (มัทธิว 24:13; มาระโก 3:14) พระเยซูรู้ว่าการทำตามคำสั่งของท่านไม่ใช่เรื่องง่าย แต่มีอีกสิ่งหนึ่งที่จะช่วยพวกสาวกให้ประกาศต่อ ๆ ไปและเป็นเพื่อนกับท่านเสมอ สิ่งนั้นคืออะไร?
17, 18. (ก) พระเจ้าให้สิ่งดี ๆ อะไรที่พูดถึงในยอห์น 15:7? (ข) สิ่งนี้ช่วยสาวกของพระเยซูอย่างไร? (ค) พระเจ้าให้สิ่งดี ๆ อะไรบ้างเพื่อช่วยเราในทุกวันนี้?
17 คำอธิษฐานได้รับคำตอบ พระเยซูบอกว่า “ไม่ว่าพวกคุณขออะไร ก็จะเป็นไปตามนั้น” (ยอห์น 15:7, 16) คำสัญญานี้ต้องให้กำลังใจอัครสาวกจริง ๆ a ในตอนนั้นพวกเขายังไม่เข้าใจชัดเจนว่าใกล้ถึงเวลาที่พระเยซูจะต้องตายแล้ว ดังนั้น พอถึงเวลาที่ท่านตายพวกเขาก็อาจจะรู้สึกว่าไม่เหลือใคร แต่มันก็ไม่ได้เป็นอย่างนั้นเพราะพระยะโฮวาพร้อมจะตอบคำอธิษฐานของพวกเขาและช่วยให้พวกเขาทำงานประกาศต่อ ๆ ไปได้ และพระองค์ก็ทำแบบนั้นจริง ๆ ไม่นานหลังจากที่พระเยซูตาย พวกอัครสาวกอธิษฐานขอพระยะโฮวาช่วยพวกเขาให้มีความกล้าหาญ และพระองค์ก็ตอบคำอธิษฐานของพวกเขา—กิจการ 4:29, 31
18 ในทุกวันนี้ก็เหมือนกัน เมื่อเราอดทนประกาศต่อ ๆ ไปเราก็เป็นเพื่อนกับพระเยซูเสมอ เรามั่นใจว่าพระยะโฮวาพร้อมจะตอบคำอธิษฐานของเราและจะช่วยเราเมื่อเรารู้สึกว่างานประกาศไม่ใช่เรื่องง่าย (ฟีลิปปี 4:13) เราขอบคุณพระยะโฮวาที่ตอบคำอธิษฐานของเรา และให้เราได้เป็นเพื่อนกับพระเยซู สิ่งดี ๆ ทั้งหมดนี้ที่มาจากพระยะโฮวาจะช่วยให้เราเกิดผลต่อ ๆ ไป—ยากอบ 1:17
19. (ก) ทำไมเราประกาศต่อ ๆ ไป? (ข) อะไรจะช่วยเราให้ทำงานมอบหมายที่พระเจ้าให้เราได้สำเร็จ?
19 ในบทความนี้เราได้เรียน 4 เหตุผลที่เราประกาศต่อ ๆ ไปคือ (1) เราอยากยกย่องพระยะโฮวาและทำให้ชื่อของพระองค์บริสุทธิ์และศักดิ์สิทธิ์ (2) เรารักพระยะโฮวาและพระเยซู (3) เราอยากเตือนผู้คน และ (4) เรารักผู้คน นอกจากนั้น เรายังได้เรียนเกี่ยวกับสิ่งดี ๆ 4 อย่างที่ช่วยให้เราสามารถทำงานมอบหมายจากพระเจ้าได้สำเร็จคือ (1) ความสุข (2) ความสงบใจ (3) การที่เราได้เป็นเพื่อนกับพระเยซู และ (4) คำอธิษฐานของเราได้รับคำตอบ พระยะโฮวามีความสุขมากที่เห็นเราพยายามอย่างเต็มที่ที่จะ “เกิดผลมากอยู่เรื่อย ๆ”
a ตอนนั้นที่พระเยซูพูดกับอัครสาวก ท่านย้ำกับพวกเขาหลายครั้งว่าพระยะโฮวาจะตอบคำอธิษฐานของพวกเขา—ยอห์น 14:13; 15:7, 16; 16:23