“พระเนตรที่เปล่งประกาย” ของพระยะโฮวาตรวจสอบทุกคน
“พระเนตรที่เปล่งประกายของ [พระยะโฮวา] เองตรวจสอบบุตรแห่งมนุษย์ทั้งหลาย.”—เพลง. 11:4, ล.ม.
1. เราอยากคบกับคนแบบไหน?
คุณรู้สึกอย่างไรต่อคนที่สนใจคุณอย่างแท้จริง? เขาแสดงความเห็นอย่างตรงไปตรงมาเมื่อคุณขอความเห็น. เมื่อคุณจำเป็นต้องได้รับความช่วยเหลือ เขาพร้อมจะช่วยเต็มที่. เมื่อคุณจำเป็นต้องได้รับคำแนะนำ เขาให้คำแนะนำด้วยความรัก. (เพลง. 141:5; กลา. 6:1) คุณรู้สึกว่าคนแบบนี้น่าคบมิใช่หรือ? พระยะโฮวาและพระบุตรทรงเป็นบุคคลแบบนั้นแหละ. ที่จริง พระองค์ทั้งสองทรงสนพระทัยคุณยิ่งกว่ามนุษย์คนใด และไม่มีความเห็นแก่ตัวแม้แต่น้อยในแรงกระตุ้นของพระองค์; พระองค์ทรงต้องการช่วยคุณให้ “ยึดชีวิตแท้ไว้ให้มั่น.”—1 ติโม. 6:19; วิ. 3:19.
2. พระยะโฮวาทรงสนพระทัยผู้รับใช้ของพระองค์ถึงขนาดไหน?
2 ดาวิดผู้ประพันธ์เพลงสรรเสริญแสดงให้เห็นว่าพระยะโฮวาทรงสนพระทัยเราอย่างลึกซึ้งเมื่อท่านกล่าวว่า “พระเนตรของ [พระยะโฮวา] เองทรงเพ่งดู พระเนตรที่เปล่งประกายของพระองค์เองตรวจสอบบุตรแห่งมนุษย์ทั้งหลาย.” (เพลง. 11:4, ล.ม.) พระเจ้าไม่เพียงแค่ดูเรา แต่พระองค์ทรงตรวจสอบเรา. ดาวิดยังเขียนอีกด้วยว่า “พระองค์ได้ทรงทดลองใจของข้าพเจ้าดูแล้ว; ทั้งได้เสด็จมาเยี่ยมข้าพเจ้าในเวลากลางคืน . . . แต่หาได้พบความผิดไม่.” (เพลง. 17:3) เห็นได้ชัด ดาวิดตระหนักดีว่าพระยะโฮวาทรงสนพระทัยในตัวท่านอย่างลึกซึ้ง. ท่านรู้ว่าท่านจะทำให้พระยะโฮวาเสียพระทัยและไม่พอพระทัยหากฟูมฟักความคิดที่ผิด ๆ หรือปล่อยให้หัวใจคิดการร้าย. พระยะโฮวาทรงเป็นจริงสำหรับคุณเหมือนที่ทรงเป็นจริงสำหรับดาวิดไหม?
พระยะโฮวาทรงมองดูหัวใจ
3. พระยะโฮวาทรงแสดงทัศนะที่สมดุลอย่างไรต่อข้อบกพร่องต่าง ๆ ของเรา?
3 ส่วนสำคัญที่พระยะโฮวาทรงสนพระทัยก็คือตัวตนของเราจริง ๆ ที่หัวใจ. (เพลง. 19:14; 26:2) ด้วยความรัก พระองค์ไม่มุ่งสนใจกับข้อผิดพลาดเล็ก ๆ น้อย ๆ. ตัวอย่างเช่น เมื่อซาราห์ภรรยาของอับราฮามพูดอย่างไม่ตรงความจริงนักกับทูตสวรรค์ที่แปลงร่างเป็นมนุษย์ ดูเหมือนทูตสวรรค์องค์นั้นเห็นว่าเป็นเพราะเธอกลัวและเขินอายจึงเพียงแค่ว่ากล่าวเธอเบา ๆ. (เย. 18:12-15) เมื่อโยบ ปฐมบรรพบุรุษ ประกาศว่าท่าน “เป็นฝ่ายถูกยิ่งกว่าพระเจ้า” พระยะโฮวาก็ยังทรงอวยพรท่านต่อไปเนื่องจากทรงรู้ดีว่าโยบได้ทนทุกข์แสนสาหัสจากน้ำมือของซาตาน. (โยบ 32:2; 42:12) คล้ายกัน พระยะโฮวาไม่ทรงถือโทษคำพูดที่ตรงไปตรงมาของหญิงม่ายชาวเมืองซาเร็บตาที่พูดกับผู้พยากรณ์เอลียาห์. พระเจ้าทรงเข้าใจว่าเธอกำลังโศกเศร้าอย่างหนักที่สูญเสียบุตรซึ่งเธอมีเพียงคนเดียว.—1 กษัต. 17:8-24.
4, 5. พระยะโฮวาทรงแสดงความกรุณาอย่างไรในวิธีที่พระองค์ปฏิบัติต่ออะบีเมเล็ค?
4 เนื่องจากพระยะโฮวาทรงตรวจสอบหัวใจ พระองค์ทรงคำนึงถึงความรู้สึกของผู้คน แม้แต่คนที่ไม่มีความเชื่อ. ขอให้พิจารณาวิธีที่พระองค์ทรงปฏิบัติต่ออะบีเมเล็ค กษัตริย์ชาวฟิลิสตินแห่งเมืองฆะราร. เนื่องจากอะบีเมเล็คไม่รู้ว่าอับราฮามและซาราห์เป็นสามีภรรยากัน เขาจึงรับซาราห์มาเป็นภรรยาตน. อย่างไรก็ตาม ก่อนที่อะบีเมเล็คจะมีเพศสัมพันธ์กับเธอ พระยะโฮวาตรัสกับเขาโดยทางความฝันว่า “เราก็ทราบอยู่แล้วว่าเจ้าทำการนี้โดยใจสุจริตจริง; เรายังห้ามปรามเจ้าไว้มิให้ทำผิดต่อเรา. เหตุฉะนี้เราจึงไม่ปล่อยให้เจ้าถูกต้องหญิงนั้น. บัดนี้จงคืนเมียของผู้นั้นไปเสียเพราะเขาเป็นผู้พยากรณ์, และเขาจะอธิษฐานเพื่อเจ้า, แล้วเจ้าจะรอด.”—เย. 20:1-7.
5 แน่นอน หากพระยะโฮวาจะลงโทษอะบีเมเล็คซึ่งเป็นผู้นมัสการพระเท็จก็ย่อมจะทำได้. แต่พระเจ้าทรงเห็นว่าชายผู้นี้ทำอย่างสุจริตใจในโอกาสนี้. พระยะโฮวาทรงคำนึงถึงข้อเท็จจริงนี้ด้วยพระทัยกรุณาและบอกวิธีที่เขาจะได้รับการให้อภัยและ “จะรอด.” นี่คือพระเจ้าแบบที่คุณอยากนมัสการมิใช่หรือ?
6. พระเยซูทรงเลียนแบบพระบิดาอย่างไร?
6 พระเยซูทรงเลียนแบบพระบิดาอย่างสมบูรณ์แบบ โดยทรงมองส่วนดีของเหล่าสาวกและพร้อมจะให้อภัยข้อผิดพลาดของพวกเขา. (มโก. 10:35-45; 14:66-72; ลูกา 22:31, 32; โย. 15:15) เจตคติของพระเยซูสอดคล้องกับคำตรัสของพระองค์ซึ่งพบที่โยฮัน 3:17 ว่า “พระเจ้าไม่ได้ส่งพระบุตรมาในโลกเพื่อพิพากษาโลก แต่ส่งมาเพื่อช่วยโลกให้รอด.” ความรักที่พระยะโฮวาและพระเยซูทรงมีต่อเรานั้นลึกล้ำและสม่ำเสมอจริง ๆ. เราเห็นได้จากการที่พระองค์ทั้งสองทรงประสงค์ให้เราได้ชีวิต. (โยบ 14:15) ความรักแบบนี้เองที่ช่วยอธิบายว่าทำไมพระยะโฮวาทรงตรวจสอบเรา, พระองค์ทรงมองเราอย่างไร, และพระองค์ทรงลงมือกระทำอย่างไรให้สอดคล้องกับสิ่งที่พระองค์ทรงเห็น.—อ่าน 1 โย. 4:8, 19.
ทรงตรวจสอบด้วยสายพระเนตรที่เปี่ยมด้วยความรัก
7. พระยะโฮวาทรงตรวจสอบเราโดยมีเจตนาอย่างไร?
7 ดังนั้น เป็นเรื่องไม่ถูกต้องจริง ๆ ที่จะคิดว่าพระยะโฮวาทรงเป็นเหมือนตำรวจที่เพ่งมองลงมาจากสวรรค์เพื่อจะจับเราเมื่อเราทำผิด! ซาตานต่างหากที่จ้องมองเราด้วยสายตาที่ดูแคลนและกล่าวหาเรา. (วิ. 12:10) แม้แต่เมื่อไม่มีแรงกระตุ้นที่ไม่ดี มันก็อ้างว่ามี! (โยบ 1:9-11; 2:4, 5) ผู้ประพันธ์เพลงสรรเสริญเขียนเกี่ยวกับพระเจ้าดังนี้: “ข้าแต่พระยะโฮวา, ถ้าหากพระองค์จะทรงจดจำการอสัตย์อธรรมทั้งหมดไว้, ใครจะทนไหว?” (เพลง. 130:3) คำตอบก็คือ ไม่มีใครจะทนไหว! (ผู้ป. 7:20) แทนที่จะทำอย่างนั้น พระยะโฮวาทรงเฝ้ามองเราด้วยสายพระเนตรที่เมตตาการุญของพระบิดาที่เอื้ออาทรซึ่งต้องการปกป้องเหล่าบุตรที่พระองค์รักให้พ้นอันตราย. บ่อยครั้ง พระองค์ทรงช่วยเราให้รู้ถึงข้อบกพร่องและข้ออ่อนแอของตัวเองเพื่อจะหลีกเลี่ยงการทำให้ตัวเราเองเสียหาย.—เพลง. 103:10-14; มัด. 26:41.
8. พระยะโฮวาทรงแนะนำและตีสอนผู้รับใช้ของพระองค์อย่างไร?
8 พระเจ้าทรงแสดงความรักโดยทางคำแนะนำและการตีสอนที่ประทานแก่เราทั้งที่อยู่ในพระคัมภีร์และในอาหารฝ่ายวิญญาณที่ “ทาสสัตย์ซื่อและสุขุม” จัดให้. (มัด. 24:45; ฮีบรู 12:5, 6) นอกจากนั้น พระยะโฮวาประทานความช่วยเหลืออีกโดยทางประชาคมคริสเตียนและ “ของประทานในลักษณะมนุษย์.” (เอเฟ. 4:8) ยิ่งกว่านั้น พระยะโฮวาทรงเฝ้าดูวิธีที่เราตอบสนองต่อการที่พระองค์ทรงอบรมสั่งสอนเราแบบบิดาสอนบุตร และพระองค์ประทานความช่วยเหลือเพิ่มเติมแก่เรา. บทเพลงสรรเสริญ 32:8 (ล.ม.) กล่าวว่า “เราจะทำให้เจ้ามีความหยั่งเห็นเข้าใจ และสั่งสอนเจ้าในทางที่เจ้าควรดำเนิน. เราจะให้คำแนะนำพร้อมกับเฝ้าดูเจ้า.” ดังนั้น นับว่าสำคัญจริง ๆ ที่เราจะฟังพระยะโฮวาเสมอ! เราจำเป็นต้องถ่อมตัวลงเฉพาะพระพักตร์พระองค์ โดยตระหนักว่าพระองค์ทรงเป็นพระครูและพระบิดาผู้เปี่ยมด้วยความรัก.—อ่านมัดธาย 18:4.
9. เราควรหลีกเลี่ยงลักษณะนิสัยแบบใด และเพราะเหตุใด?
9 ในทางกลับกัน ขอเราอย่ามีใจแข็งกระด้างเพราะความหยิ่ง, เพราะขาดความเชื่อ, หรือเพราะ “อำนาจล่อลวงของบาป.” (ฮีบรู 3:13; ยโก. 4:6) บ่อยครั้ง ลักษณะนิสัยเหล่านี้เริ่มเกิดขึ้นเมื่อคนเราฟูมฟักความคิดหรือความปรารถนาที่ไม่ดี. เขาอาจถึงขั้นปฏิเสธคำแนะนำที่เหมาะสมจากพระคัมภีร์ด้วยซ้ำ. ร้ายยิ่งกว่านั้นอีก เขาอาจยึดติดกับทัศนคติหรือแนวทางที่ไม่ดีของตัวเองจนถึงขั้นตั้งตัวเป็นศัตรูกับพระเจ้า ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นก็น่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง! (สุภา. 1:22-31) ขอให้พิจารณาตัวอย่างของคายิน บุตรหัวปีของอาดามและฮาวา.
พระยะโฮวาทรงเห็นทุกสิ่งและดำเนินการอย่างสอดคล้องตามนั้น
10. เหตุใดพระยะโฮวาไม่พอพระทัยของถวายของคายิน และคายินแสดงปฏิกิริยาอย่างไร?
10 เมื่อคายินและเฮเบลต่างนำของถวายมาถวายแด่พระยะโฮวา พระองค์ทรงสนพระทัยไม่เฉพาะของถวายแต่ทรงพิจารณาแรงกระตุ้นของทั้งสองด้วย. ผลก็คือ พระเจ้าทรงแสดงความเห็นชอบกับของถวายของเฮเบลซึ่งถวายด้วยความเชื่อ แต่ไม่พอพระทัยของถวายของคายินซึ่งมีอะไรบางอย่างที่แสดงว่าเขาขาดความเชื่อ. (เย. 4:4, 5; ฮีบรู 11:4) แทนที่จะเรียนรู้จากเหตุการณ์ดังกล่าวและเปลี่ยนเจตคติ คายินโกรธน้องชายมาก.—เย. 4:6.
11. คายินแสดงอย่างไรว่าหัวใจของเขาทรยศ และเรื่องนี้ให้บทเรียนอะไรแก่เรา?
11 พระยะโฮวาทรงสังเกตว่าคายินมีทัศนะที่เป็นอันตรายและตรัสกับเขาอย่างที่ทรงคำนึงถึงความรู้สึกของเขา เพื่อชี้ให้เห็นว่าถ้าเขาทำดีเขาก็จะมีเหตุที่จะยินดี. น่าเสียดาย คายินเพิกเฉยคำแนะนำของพระผู้สร้างและฆ่าน้องชาย. หัวใจชั่วของคายินเห็นได้จากกิริยาท่าทีที่ไม่นับถือเมื่อเขาตอบคำถามของพระเจ้าที่ว่า “เฮเบลน้องชายของเจ้าอยู่ที่ไหน?” คายินตอบอย่างขัดเคืองว่า “ข้าพเจ้าไม่ทราบ ข้าพเจ้าเป็นผู้เลี้ยงรักษาน้องหรือ?” (เย. 4:7-9) หัวใจคนเราทรยศได้มากจริง ๆ ถึงกับทำให้คนเราปฏิเสธคำแนะนำที่มาจากพระเจ้าโดยตรง! (ยิระ. 17:9) ด้วยเหตุนั้น ให้เราเรียนจากเรื่องราวแบบนี้และรีบตัดความคิดและความปรารถนาที่ผิด ๆ ออกไป. (อ่านยาโกโบ 1:14, 15.) หากเรารับคำแนะนำจากพระคัมภีร์ ขอให้เราขอบคุณและมองคำแนะนำนั้นว่าเป็นหลักฐานแสดงถึงความรักของพระยะโฮวา.
ไม่มีบาปที่เป็นความลับ
12. พระยะโฮวาทรงแสดงปฏิกิริยาอย่างไรต่อการกระทำผิด?
12 บางคนอาจคิดว่าถ้าไม่มีใครเห็นเขาทำผิด เขาก็จะไม่ถูกลงโทษ. (เพลง. 19:12) ในแง่หนึ่ง บาปที่เป็นความลับอย่างนั้นไม่มีอยู่จริง ๆ. “ทุกสิ่งถูกเปิดเผยและปรากฏแจ้งแก่พระเนตรของพระองค์ผู้ซึ่งเราต้องให้การ.” (ฮีบรู 4:13) พระยะโฮวาทรงเป็นผู้พิพากษาที่พิจารณาดูแรงกระตุ้นในส่วนลึกที่สุดของเรา และพระองค์ทรงแสดงปฏิกิริยาต่อการทำผิดด้วยวิธีที่สะท้อนถึงความยุติธรรมอย่างสมบูรณ์แบบ. พระองค์ทรงเป็น “พระเจ้าผู้เปี่ยมด้วยพระกรุณาและพระคุณ พระองค์กริ้วช้า ทรงบริบูรณ์ด้วยความรักมั่นคง และความสัตย์จริง.” กระนั้น กับคนที่ไม่กลับใจ พระองค์จะ “ไม่ทรงละเว้นการลงโทษอย่างแน่นอน” เมื่อคนนั้น “จงใจทำบาป” หรือแสดงชัดว่ามีเจตคติที่คดโกงและมีเล่ห์เหลี่ยม. (เอ็ก. 34:6, 7, ฉบับแปล 2002; ฮีบรู 10:26) ข้อเท็จจริงนี้เห็นได้จากปฏิกิริยาของพระยะโฮวาที่ทรงแสดงต่ออาคานและต่ออะนานีอัสและสัปฟีเร.
13. ดูเหมือนว่าการคิดอย่างผิด ๆ มีส่วนทำให้อาคานทำชั่วอย่างไร?
13 อาคานฝ่าฝืนพระบัญชาของพระเจ้าโดยตรงด้วยการเอาทรัพย์ที่ยึดจากเมืองเยริโคมาซ่อนไว้ในเต็นท์ของเขา โดยที่ดูเหมือนว่าครอบครัวของเขารู้เห็นเป็นใจด้วย. เมื่อความผิดของเขาถูกเปิดโปง อาคานแสดงให้เห็นว่าเขารู้ดีว่าสิ่งที่เขาทำเป็นเรื่องร้ายแรง เพราะเขากล่าวว่า “ข้าพเจ้าได้ผิดต่อพระยะโฮวา.” (ยโฮ. 7:20) อาคานเพาะหัวใจชั่วเช่นเดียวกับคายิน. ในกรณีของอาคาน ความโลภเป็นสาเหตุหลักและความโลภนี้เองที่มีส่วนทำให้เขาไม่ซื่อสัตย์. เนื่องจากของที่ยึดจากเยริโคเป็นของพระยะโฮวา จึงเท่ากับว่าอาคานขโมยจากพระเจ้า และการทำอย่างนี้ทำให้เขาและครอบครัวต้องชดใช้ด้วยชีวิต.—ยโฮ. 7:25.
14, 15. เหตุใดอะนานีอัสและสัปฟีเรจึงสมควรถูกพระเจ้าลงโทษ และเราได้บทเรียนอะไรจากเรื่องนี้?
14 อะนานีอัสและสัปฟีเรภรรยาของเขาเป็นสมาชิกประชาคมคริสเตียนยุคแรกในกรุงเยรูซาเลม. หลังวันเพนเทคอสต์สากลศักราช 33 มีการตั้งกองทุนเพื่อดูแลความจำเป็นด้านวัตถุของผู้มีความเชื่อใหม่ที่มาจากดินแดนห่างไกลซึ่งอยู่ต่ออีกระยะหนึ่งในกรุงเยรูซาเลม. กองทุนนี้ได้รับการสนับสนุนโดยการบริจาคด้วยใจสมัคร. อะนานีอัสขายที่ดินและบริจาคส่วนหนึ่งของเงินที่ได้เพื่อสมทบกองทุน. แต่เขาทำทีให้ผู้อื่นเข้าใจว่าเขาได้บริจาคเงินทั้งหมดที่ขายที่ดินได้ โดยที่ภรรยาก็รู้เรื่องนี้ดี. ไม่ต้องสงสัย สามีภรรยาคู่นี้ต้องการได้รับความนับถือเป็นพิเศษภายในประชาคม. แต่การกระทำของทั้งสองเป็นการหลอกลวง. พระยะโฮวาทรงเปิดโปงการหลอกลวงนี้ให้อัครสาวกเปโตรทราบด้วยวิธีอัศจรรย์ และท่านสอบถามอะนานีอัสว่าทำไมเขาทำเรื่องหลอกลวงเช่นนั้น. เมื่อได้ยินอย่างนั้นแล้ว อะนานีอัสก็ล้มลงตาย. ไม่นานหลังจากนั้น สัปฟีเรก็ตายเช่นกัน.—กิจ. 5:1-11.
15 อะนานีอัสและสัปฟีเรไม่ได้หลงผิดชั่ววูบเพราะความอ่อนแอ. ทั้งสองวางแผนและโกหกเพื่อหลอกอัครสาวกให้เข้าใจผิด. ร้ายยิ่งกว่านั้น ทั้งสอง ‘หาทางหลอกลวงพระวิญญาณบริสุทธิ์และพระเจ้า.’ ปฏิกิริยาของพระยะโฮวาแสดงให้เห็นอย่างไม่มีข้อสงสัยเลยว่าพระองค์ทรงพร้อมจะปกป้องประชาคมไว้จากพวกคนหน้าซื่อใจคด. “การตกอยู่ในพระหัตถ์พระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่เป็นเรื่องน่ากลัว” อย่างแท้จริง!—ฮีบรู 10:31.
จงรักษาตัวซื่อสัตย์มั่นคงทุกเวลา
16. (ก) ซาตานพยายามอย่างไรเพื่อทำให้ประชาชนของพระเจ้าเสื่อมทราม? (ข) พญามารใช้วิธีอะไรบ้างเพื่อทำให้ผู้คนในท้องถิ่นของคุณเสื่อมทราม?
16 ซาตานกำลังทำทุกสิ่งที่มันทำได้เพื่อทำให้เราเสื่อมทรามและสูญเสียความพอพระทัยจากพระยะโฮวา. (วิ. 12:12, 17) เจตนาอันชั่วร้ายของพญามารเห็นได้อย่างชัดเจนในโลกนี้ซึ่งหมกมุ่นอยู่กับเรื่องเพศที่ผิดศีลธรรมและความรุนแรง. เดี๋ยวนี้ผู้คนสามารถดูสื่อลามกได้ง่าย ๆ โดยทางคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่น ๆ. ขอเราอย่าพ่ายแพ้แก่การโจมตีของซาตาน. แทนที่จะเป็นอย่างนั้น ขอให้เรามีทัศนคติแบบเดียวกับดาวิดผู้ประพันธ์เพลงสรรเสริญซึ่งเขียนว่า “ข้าพเจ้าจะประพฤติโดยสติปัญญาตามทางดีรอบคอบ. . . . ข้าพเจ้าจะประพฤติด้วยใจสุจริตภายในเคหาของข้าพเจ้า.”—เพลง. 101:2.
17. (ก) เหตุใดเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมพระยะโฮวาจะทรงเปิดเผยบาปที่ถูกปิดซ่อน? (ข) เราควรตั้งใจแน่วแน่เช่นไร?
17 ปัจจุบัน พระยะโฮวาไม่ทรงเปิดโปงบาปร้ายแรงและการหลอกลวงด้วยวิธีอัศจรรย์แบบที่บางครั้งพระองค์ทรงทำในสมัยอดีต. ถึงกระนั้น พระองค์ทรงเห็นทุกสิ่งและพระองค์ทรงเปิดเผยสิ่งที่ถูกปิดซ่อนเมื่อถึงเวลาและตามวิธีของพระองค์เอง. เปาโลกล่าวว่า “บาปของบางคนปรากฏชัด ทำให้เขาถูกพิพากษาโดยเร็ว แต่บาปของคนอื่นปรากฏภายหลัง.” (1 ติโม. 5:24) ปัจจัยอันดับแรกที่กระตุ้นพระยะโฮวาให้เปิดเผยการกระทำที่ไม่ดีคือความรัก. พระองค์ทรงรักประชาคมและทรงประสงค์จะปกป้องประชาคมไว้ให้บริสุทธิ์สะอาด. นอกจากนั้น พระองค์ยังแสดงความเมตตาด้วยต่อคนที่พลาดพลั้งทำบาปแต่ว่าในตอนนี้ได้กลับใจอย่างแท้จริง. (สุภา. 28:13) ดังนั้น ให้เราพยายามรักษาหัวใจที่ครบถ้วนต่อพระเจ้าและปฏิเสธอิทธิพลที่เสื่อมทรามทุกชนิด.
จงรักษาหัวใจที่ครบถ้วน
18. กษัตริย์ดาวิดต้องการให้ราชบุตรรู้สึกอย่างไรต่อพระเจ้า?
18 กษัตริย์ดาวิดกล่าวกับโซโลมอนราชบุตรของท่านว่า “จงรู้จักพระเจ้าแห่งบิดาของเจ้าและรับใช้พระองค์ด้วยหัวใจครบถ้วนและด้วยใจชื่นบาน ด้วยว่าพระยะโฮวาทรงตรวจดูหัวใจทุกคนและทรงสังเกตแนวโน้มแห่งความคิดทุกอย่าง.” (1 โคร. 28:9, ล.ม.) ดาวิดต้องการให้ราชบุตรไม่เพียงแค่มีความเชื่อในพระเจ้า. ท่านต้องการให้โซโลมอนซาบซึ้งในความสนพระทัยอย่างลึกซึ้งของพระยะโฮวาต่อผู้รับใช้ของพระองค์. คุณรู้สึกขอบพระคุณพระยะโฮวาอย่างนั้นไหม?
19, 20. ตามบทเพลงสรรเสริญ 19:7-11 อะไรช่วยดาวิดให้เข้าใกล้พระเจ้า และเราจะเลียนแบบดาวิดได้อย่างไร?
19 พระยะโฮวาทรงรู้ว่าผู้คนที่มีแนวโน้มถูกต้องจะถูกชักนำให้เข้ามาหาพระองค์และความรู้เกี่ยวกับคุณลักษณะที่งดงามของพระองค์จะทำให้พวกเขารู้สึกใกล้ชิดกับพระองค์. ด้วยเหตุนั้น พระยะโฮวาทรงประสงค์ให้เรารู้จักพระองค์และคุ้นเคยอย่างดีกับบุคลิกภาพอันยอดเยี่ยมของพระองค์. เราจะทำอย่างนั้นได้โดยวิธีใด? โดยศึกษาพระคำของพระองค์และโดยได้รับพระพรจากพระองค์ในชีวิตของเรา.—สุภา. 10:22; โย. 14:9.
20 คุณอ่านพระคำของพระเจ้าทุก ๆ วันด้วยความสำนึกขอบคุณและอธิษฐานขอความช่วยเหลือจากพระองค์เพื่อจะปฏิบัติตามพระคำนั้นไหม? คุณเห็นคุณค่าของการดำเนินชีวิตโดยอาศัยหลักการในคัมภีร์ไบเบิลไหม? (อ่านบทเพลงสรรเสริญ 19:7-11.) หากเป็นอย่างนั้น ความเชื่อและความรักของคุณต่อพระองค์ก็จะเพิ่มพูนขึ้นเรื่อย ๆ. และเมื่อเป็นอย่างนั้น พระองค์จะเข้ามาใกล้คุณยิ่งขึ้น และจะทรงคอยช่วยเหลือคุณประหนึ่งว่าทรงจับมือของคุณไว้ให้เดินไป. (ยซา. 42:6; ยโก. 4:8) ดังนั้น เห็นได้ชัดว่าพระยะโฮวาจะพิสูจน์ว่าพระองค์ทรงรักคุณโดยอวยพรคุณและปกป้องคุณทางฝ่ายวิญญาณขณะคุณดำเนินในทางแคบที่นำไปสู่ชีวิต.—เพลง. 91:1, 2; มัด. 7:13, 14.
คุณจะตอบอย่างไร?
• เหตุใดพระยะโฮวาทรงตรวจสอบเรา?
• อะไรทำให้บางคนกลายเป็นศัตรูกับพระเจ้า?
• เราจะแสดงได้โดยวิธีใดว่าพระยะโฮวาทรงเป็นจริงสำหรับเรา?
• เราจะรักษาหัวใจที่ครบถ้วนต่อพระเจ้าได้อย่างไร?
[ภาพหน้า 4]
พระยะโฮวาทรงเฝ้าดูเราเช่นเดียวกับบิดาที่ห่วงใยบุตรอย่างไร?
[ภาพหน้า 5]
เราได้บทเรียนอะไรจากตัวอย่างของอะนานีอัส?
[ภาพหน้า 6]
อะไรจะช่วยเราให้รับใช้พระยะโฮวาด้วยหัวใจครบถ้วนอยู่เสมอ?