บท 22
“นมัสการพระเจ้าเถอะ”
จุดสำคัญ ทบทวนใจความสำคัญของหนังสือเอเสเคียล และดูว่าเราจะเอาไปใช้อย่างไรในปัจจุบันและในอนาคต
1, 2. (ก) เราทุกคนต้องตัดสินใจเลือกในเรื่องอะไร? (ข) ทูตสวรรค์ที่ซื่อสัตย์ทำอย่างไรตอนที่ยอห์นจะนมัสการเขา?
เราแต่ละคนต้องตอบคำถามสำคัญที่ว่า เราจะนมัสการใคร? บางคนอาจบอกว่านี่เป็นเรื่องซับซ้อนและไม่รู้ว่าจะเลือกนมัสการพระเจ้าองค์ไหนดี แต่ที่จริงมีเพียง 2 ตัวเลือกเท่านั้นคือ นมัสการพระยะโฮวาพระเจ้าหรือนมัสการมารซาตาน
2 ซาตานอยากได้การนมัสการมาก เราเห็นเรื่องนี้ชัดเจนจากตอนที่มันพยายามล่อใจพระเยซู บท 1 ของหนังสือนี้พูดถึงการที่ซาตานเสนอสิ่งที่น่าดึงดูดใจมากให้พระเยซูคือ อำนาจเหนือประเทศทั้งหมดในโลก แล้วซาตานต้องการอะไรจากพระเยซู? มันขอท่านว่า “ก้มกราบผมครั้งหนึ่ง” (มธ. 4:9) ทูตสวรรค์ที่มาส่งข่าวให้อัครสาวกยอห์นไม่เหมือนกับซาตาน เขาไม่ยอมรับการนมัสการจากยอห์น (อ่านวิวรณ์ 22:8, 9) เมื่อยอห์นจะนมัสการเขา ทูตสวรรค์ที่ถ่อมตัวก็ห้ามยอห์นว่า “อย่าทำอย่างนั้น” เขาไม่ได้บอกว่า ‘นมัสการผมเถอะ’ แต่บอกว่า “นมัสการพระเจ้าเถอะ”
3. (ก) จุดประสงค์ของหนังสือนี้คืออะไร? (ข) ตอนนี้เราจะพิจารณาเรื่องอะไร?
3 หนังสือนี้มีจุดประสงค์เพื่อทำให้เราตั้งใจแน่วแน่ที่จะทำตามคำสั่งของทูตสวรรค์องค์นั้นที่บอกให้นมัสการพระยะโฮวาเพียงผู้เดียว (ฉธบ. 10:20; มธ. 4:10) ให้เรามาทบทวนสั้น ๆ ว่าเราได้เรียนอะไรเกี่ยวกับการนมัสการบริสุทธิ์จากคำพยากรณ์และนิมิตของเอเสเคียล จากนั้นเราจะดูเหตุการณ์ในอนาคตตอนที่ทุกคนบนโลกเจอการทดสอบครั้งสุดท้ายตามที่คัมภีร์ไบเบิลบอกไว้ การทดสอบนั้นจะเป็นการตัดสินว่าใครจะมีชีวิตอยู่และได้เห็นการนมัสการที่บริสุทธิ์ของพระยะโฮวาได้รับการฟื้นฟูอย่างเต็มที่ตลอดไป
จุดสำคัญ 3 อย่างในหนังสือเอเสเคียล
4. หนังสือเอเสเคียลเน้นจุดสำคัญ 3 อย่างอะไร?
4 หนังสือเอเสเคียลสอนเราว่าการนมัสการที่บริสุทธิ์ไม่ใช่แค่นมัสการแบบพอเป็นพิธี เราจำเป็นต้อง (1) นมัสการพระยะโฮวาผู้เดียวเท่านั้น (2) เป็นหนึ่งเดียวกันในการนมัสการเสมอ และ (3) แสดงความรักต่อคนอื่น ให้เรามาดูกันว่าคำพยากรณ์และนิมิตที่เราพิจารณาในหนังสือนี้เน้นจุดสำคัญ 3 อย่างนี้อย่างไร
อย่างแรก นมัสการพระยะโฮวาผู้เดียวเท่านั้น
5-9. เราได้เรียนอะไรเกี่ยวกับการภักดีต่อพระยะโฮวาเพียงผู้เดียว?
5 บท 3a นิมิตที่น่าตื่นตาตื่นใจที่มีรุ้งล้อมรอบพระยะโฮวาและพระองค์อยู่เหนือทูตสวรรค์ที่มีฤทธิ์อำนาจ ทำให้เรานึกเสมอถึงความจริงสำคัญที่ว่าพระเจ้าผู้มีพลังอำนาจสูงสุดเท่านั้นที่สมควรได้รับการนมัสการจากเรา—อสค. 1:4, 15-28
6 บท 5 น่าตกใจจริง ๆ ที่นิมิตเปิดเผยว่าวิหารของพระยะโฮวาถูกทำให้แปดเปื้อน! นิมิตนี้ทำให้เรารู้ว่าไม่มีอะไรรอดพ้นจากการสังเกตของพระยะโฮวาได้ พระองค์เห็นการกระทำที่ไม่ภักดีทุกอย่าง แม้แต่การกระทำที่มนุษย์ไม่เห็น เช่น พระองค์เห็นประชาชนแอบไปนมัสการรูปเคารพ การกระทำแบบนั้นทำให้พระยะโฮวาเจ็บปวดและพระองค์จะลงโทษคนเหล่านั้น—อสค. 8:1-18
7 บท 7 การประกาศคำพิพากษาต่อชาติรอบข้างที่ “พูดเยาะเย้ย” อิสราเอล เรื่องนี้พิสูจน์ว่าพระยะโฮวาจะจัดการคนที่ทำไม่ดีกับประชาชนของพระองค์ (อสค. 25:6) และเรายังได้บทเรียนเกี่ยวกับวิธีที่ชาติอิสราเอลติดต่อเกี่ยวข้องกับชาติเหล่านั้นว่า เราต้องภักดีต่อพระยะโฮวายิ่งกว่าสิ่งอื่น ๆ ทั้งหมด เราจะไม่ลดมาตรฐานของเราให้เป็นไปตามมาตรฐานของญาติที่ไม่ได้นมัสการพระยะโฮวา เราจะไม่ไว้วางใจทรัพย์สินเงินทอง ไม่อะลุ่มอล่วยเรื่องความเป็นกลางทางการเมืองโดยไปภักดีต่อรัฐบาลมนุษย์ เพราะเราต้องภักดีต่อพระยะโฮวาเท่านั้น
8 บท 13 และ 14 นิมิตเรื่องวิหารที่อยู่บนภูเขาที่สูงมากสอนว่า เราต้องทำตามมาตรฐานสูงของพระยะโฮวา และสอนว่าพระองค์เหนือกว่าพระอื่น ๆ ทั้งหมด—อสค. 40:1-48:35
9 บท 15 คำพยากรณ์ที่บอกว่าอิสราเอลและยูดาห์เป็นเหมือนโสเภณีเตือนให้เรารู้ว่า พระยะโฮวารังเกียจการเล่นชู้โดยนัยอย่างยิ่ง—อสค. บท 16 และ 23
อย่างที่สอง เป็นหนึ่งเดียวกันในการนมัสการเสมอ
10-14. มีการเน้นอย่างไรว่าเราต้องเป็นหนึ่งเดียวกันในการนมัสการเสมอ?
10 บท 8 คำพยากรณ์หลายข้อสัญญาว่าพระยะโฮวาจะตั้ง “คนเลี้ยงแกะคนหนึ่ง” เพื่อดูแลประชาชนของพระองค์ เรื่องนี้เน้นว่าเราต้องทำงานอย่างมีสันติสุขและเป็นหนึ่งเดียวกันภายใต้การนำของพระเยซู—อสค. 34:23, 24; 37:24-28
11 บท 9 คำพยากรณ์ของเอเสเคียลที่บอกว่า ประชาชนของพระเจ้าได้รับการปลดปล่อยจากการเป็นเชลยของชาวบาบิโลนและได้รับการฟื้นฟูให้กลับบ้านเกิด เป็นประโยชน์จริง ๆ กับคนที่อยากทำให้พระยะโฮวาพอใจในทุกวันนี้ ผู้นมัสการแท้ของพระยะโฮวาต้องเลิกยุ่งเกี่ยวกับทุกสิ่งที่มาจากศาสนาเท็จ ถึงแม้เราจะมีภูมิหลังทางศาสนาต่างกัน มีฐานะทางการเงินต่างกัน หรือมาจากวัฒนธรรมต่างกัน แต่เราต้องเป็นหนึ่งเดียวกันเสมอเพราะนี่เป็นสิ่งที่บอกว่าเราเป็นประชาชนของพระเจ้า—อสค. 11:17, 18; 12:24; ยน. 17:20-23
12 บท 10 นิมิตเรื่องกระดูกแห้งที่กลับมีชีวิตเน้นเรื่องความเป็นหนึ่งเดียวกัน เรามีสิทธิพิเศษจริง ๆ ที่ได้อยู่ในกลุ่มผู้นมัสการแท้ที่ได้รับการฟื้นฟูและได้รับการชำระจนสะอาดแล้ว และตอนนี้ทำงานร่วมกันเหมือนเป็นกองทัพ—อสค. 37:1-14
13 บท 12 คำพยากรณ์เกี่ยวกับไม้ 2 ท่อนรวมเป็นท่อนเดียวเน้นเป็นพิเศษถึงความเป็นหนึ่งเดียวกัน ความเชื่อของเราเข้มแข็งขึ้นเมื่อได้เห็นว่าผู้ถูกเจิมและแกะอื่นทำให้คำพยากรณ์นี้เกิดขึ้นจริง! ถึงแม้จะอยู่ในโลกที่แตกแยกกันเพราะความเกลียดชังทางศาสนาและความขัดแย้งทางการเมือง แต่ความรักและความภักดีทำให้เราเป็นหนึ่งเดียวกัน—อสค. 37:15-23
14 บท 16 นิมิตเรื่องผู้ชายที่มีกล่องของเลขานุการกับผู้ชาย 6 คนที่มีอาวุธสำหรับทุบทำลายเตือนเราอย่างจริงจังว่า เมื่อ “ความทุกข์ยากลำบากครั้งใหญ่” มาถึง เฉพาะผู้นมัสการแท้เท่านั้นที่จะได้รับการทำเครื่องหมายเพื่อรอดชีวิต—มธ. 24:21; อสค. 9:1-11
อย่างที่สาม แสดงความรักต่อคนอื่น
15-18. ทำไมเราต้องแสดงความรักต่อ ๆ ไป และเราจะทำอย่างนั้นได้อย่างไร?
15 บท 4 นิมิตเรื่องสิ่งมีชีวิตทั้งสี่สอนเราเกี่ยวกับคุณลักษณะของพระยะโฮวา คุณลักษณะที่สำคัญที่สุดคือความรัก เมื่อเราพูดและทำทุกสิ่งด้วยความรัก เราก็พิสูจน์ว่าพระยะโฮวาเป็นพระเจ้าของเรา—อสค. 1:5-14; 1 ยน. 4:8
16 บท 6 และ 11 ความรักของพระเจ้ากระตุ้นพระองค์ให้แต่งตั้งคนเฝ้ายาม เช่น เอเสเคียล เพราะพระเจ้าเป็นความรัก พระองค์จึงไม่อยากให้ใครถูกทำลายเมื่อพระองค์ทำให้โลกที่ถูกซาตานครอบงำถึงจุดจบ (2 ปต. 3:9) เรามีสิทธิพิเศษที่จะแสดงความรักแบบพระเจ้าโดยการทำหน้าที่ของเราอย่างเต็มที่เพื่อสนับสนุนงานของคนเฝ้ายามในสมัยปัจจุบัน—อสค. 33:1-9
17 บท 17 และ 18 พระยะโฮวารู้ว่าหลายคนจะปฏิเสธความเมตตาของพระองค์และจะพยายามกวาดล้างผู้นมัสการที่ภักดีต่อพระองค์ ความรักจะกระตุ้นพระยะโฮวาให้ปกป้องประชาชนเมื่อ “โกกแห่งแผ่นดินมาโกก” โจมตีคนที่ภักดีต่อพระองค์ ความรักต่อคนอื่นกระตุ้นให้เราเตือนผู้คนให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ให้พวกเขารู้ว่าพระยะโฮวาจะทำลายคนที่ข่มเหงประชาชนของพระองค์—อสค. 38:1-39:20; 2 ธส. 1:6, 7
18 บท 19, 20 และ 21 นิมิตเกี่ยวกับน้ำที่ให้ชีวิตและการแบ่งที่ดินเป็นส่วน ๆ ให้หลักฐานที่น่าทึ่งว่าพระยะโฮวารักผู้คนจริง ๆ นิมิตนี้บอกให้รู้ว่าการที่พระยะโฮวาแสดงความรักที่ยิ่งใหญ่โดยสละชีวิตลูกชายช่วยให้เรามีโอกาสได้รับการอภัยบาปและมีความสุขกับชีวิตที่สมบูรณ์แบบในครอบครัวของพระเจ้า หนึ่งในวิธีที่ดีที่สุดที่เราแสดงความรักต่อผู้คนคือ การบอกให้พวกเขารู้ถึงอนาคตที่ยอดเยี่ยมซึ่งพระยะโฮวาเตรียมไว้สำหรับคนที่แสดงความเชื่อในลูกชายของพระองค์—อสค. 45:1-7; 47:1-48:35; วว. 21:1-4; 22:17
ความถ่อมตัวที่โดดเด่นของพระคริสต์หลังจากปกครองหนึ่งพันปี
19. พระเยซูจะทำอะไรในช่วงหนึ่งพันปีที่ท่านปกครอง? (ดูกรอบ “เจอการทดสอบครั้งสุดท้าย”)
19 ในช่วงพันปีที่พระคริสต์ปกครอง ท่านจะทำให้หลายพันล้านคนกลับมีชีวิตอีก และท่านจะรักษาความเจ็บปวดที่มาจาก “ศัตรู . . . คือความตาย” (1 คร. 15:26; มก. 5:38-42; กจ. 24:15) ตลอดประวัติศาสตร์ของมนุษย์มีแต่เรื่องโศกเศร้าและการสูญเสียที่ทำให้ใจสลาย แต่เมื่อคนจากยุคสมัยต่าง ๆ กลับมีชีวิตอีก พระเยซูจะลบเรื่องเลวร้ายให้หมดไปและให้โอกาสคนที่ฟื้นขึ้นมาให้ทำเรื่องดี ๆ ท่านจะใช้คุณค่าจากเครื่องบูชาไถ่เพื่อลบล้างความเสียหายทุกอย่างที่เกิดจากความเจ็บป่วย สงคราม โรคภัย และการขาดแคลนอาหาร ยิ่งกว่านั้น ท่านจะช่วยกำจัดบาปที่เราได้รับจากอาดัมซึ่งเป็นต้นเหตุของความโศกเศร้าเสียใจทุกอย่าง (รม. 5:18, 19) พระเยซูจะ “ทำลายผลงานของมาร” ให้หมดไป (1 ยน. 3:8) แล้วจะมีอะไรมาแทนที่?
คนที่ฟื้นขึ้นมาจะมีโอกาสได้ทำเรื่องดี ๆ
20. พระเยซูและผู้ที่ร่วมปกครองทั้ง 144,000 คนจะแสดงความถ่อมตัวที่โดดเด่นอย่างไร? ขอให้อธิบาย (ดูภาพแรก)
20 อ่าน 1 โครินธ์ 15:24-28 เมื่อมนุษย์ทุกคนมีชีวิตที่สมบูรณ์ ทั้งโลกกลายเป็นสวนอุทยานแบบที่พระยะโฮวาตั้งใจไว้ตั้งแต่แรก พระเยซูและผู้ที่ร่วมปกครองทั้ง 144,000 คนจะแสดงความถ่อมตัวที่โดดเด่นโดยคืนการปกครองให้พระยะโฮวา พวกเขาจะเต็มใจและยินดีคืนอำนาจที่พวกเขามีตลอดพันปีให้พระยะโฮวา และสิ่งดีต่าง ๆ ที่รัฐบาลนี้ทำสำเร็จจะคงอยู่ตลอดไป
การทดสอบครั้งสุดท้าย
21, 22. (ก) โลกจะเป็นอย่างไรตอนสิ้นสุดพันปี? (ข) ทำไมพระยะโฮวาปล่อยซาตานกับพวกปีศาจออกมา?
21 พระยะโฮวาจะทำสิ่งที่ไม่ธรรมดาซึ่งทำให้เห็นว่าพระองค์มั่นใจในประชาชนของพระองค์บนโลกจริง ๆ พระองค์จะให้ซาตานและพวกปีศาจออกมาจากขุมลึกที่พวกมันถูกขังอยู่หนึ่งพันปี (อ่านวิวรณ์ 20:1-3) พวกมันจะได้เห็นโลกแตกต่างอย่างมากจากที่พวกมันเคยเห็น ก่อนอาร์มาเกดโดนมนุษย์ส่วนใหญ่ถูกซาตานชักนำ พวกเขาแตกแยกกันเพราะความเกลียดชังและอคติ (วว. 12:9) แต่ตอนสิ้นสุดหนึ่งพันปี มนุษย์ทุกคนจะนมัสการพระยะโฮวาอย่างเป็นหนึ่งเดียวกัน เป็นครอบครัวที่มีความรัก และทั่วทั้งโลกจะเป็นสวนอุทยานที่มีสันติสุข
22 ทำไมพระยะโฮวาถึงปล่อยตัวชั่วร้ายอย่างซาตานและพวกปีศาจออกมาในโลกที่สะอาดแล้ว? เพราะคนส่วนใหญ่ที่มีชีวิตอยู่ตอนสิ้นสุดพันปียังไม่เคยเจอการทดสอบความภักดีที่ผู้รับใช้ที่ซื่อสัตย์ของพระยะโฮวาเคยเจอ คนส่วนใหญ่ตายไปก่อนจะรู้จักพระยะโฮวาและถูกปลุกให้ฟื้นขึ้นจากตายในสวนอุทยาน พระยะโฮวาไม่ใช่แค่ให้ชีวิตกับพวกเขา แต่ยังให้พวกเขามีทุกสิ่งที่จำเป็นเพื่อจะมีชีวิตอยู่และมีความสัมพันธ์ที่ดีกับพระองค์ คนเหล่านี้ยังไม่เคยเจอกับการชักจูงให้ทำสิ่งที่เลวร้าย พวกเขาเจอแต่คนดี ๆ ที่รักพระยะโฮวาและรับใช้พระองค์ ซาตานจึงอาจกล่าวหาได้ว่าคนที่ฟื้นขึ้นจากตายเหล่านี้รับใช้พระเจ้าก็เพราะพระองค์ปกป้องและอวยพรพวกเขา ซึ่งเป็นข้อกล่าวหาแบบเดียวกับที่มันเคยกล่าวหาโยบ (โยบ 1:9, 10) ดังนั้น ก่อนที่พระยะโฮวาจะบันทึกชื่อของเราอย่างถาวรในหนังสือรายชื่อคนที่จะได้ชีวิต พระองค์จะให้โอกาสเราได้พิสูจน์ข้อกล่าวหานั้น เพื่อแสดงว่าเราภักดีต่อพระองค์และให้พระองค์เป็นพ่อในสวรรค์และเป็นพระเจ้าองค์ยิ่งใหญ่สูงสุดของเรา—วว. 20:12, 15
23. แต่ละคนต้องเจอกับการทดสอบอะไร?
23 ซาตานจะมีเวลาสั้น ๆ ที่จะล่อลวงมนุษย์ให้เลิกรับใช้พระเจ้า การทดสอบนั้นจะเป็นอะไร? ไม่ต้องสงสัย เราทุกคนจะเจอการทดสอบเหมือนที่อาดัมกับเอวาเคยเจอ คือ ต้องเลือกว่าจะยอมรับมาตรฐานของพระยะโฮวา สนับสนุนการปกครองของพระองค์และนมัสการพระองค์ หรือจะกบฏต่อพระยะโฮวาและสนับสนุนซาตาน
24. ทำไมคนที่กบฏตอนสิ้นสุดพันปีถูกเรียกว่าโกกและมาโกก?
24 อ่านวิวรณ์ 20:7-10 น่าสังเกตว่า คนที่กบฏตอนสิ้นสุดพันปีถูกเรียกว่าโกกและมาโกก พวกเขามีนิสัยเหมือนพวกกบฏที่เอเสเคียลพยากรณ์ว่าจะโจมตีประชาชนของพระเจ้าในช่วงความทุกข์ยากลำบากครั้งใหญ่ ในคำพยากรณ์ของเอเสเคียล “โกกแห่งแผ่นดินมาโกก” หมายถึงประเทศต่าง ๆ ซึ่งต่อต้านการปกครองของพระยะโฮวา (อสค. 38:2) คล้ายกัน ในวิวรณ์บอกว่าพวกที่กบฏตอนสิ้นสุดพันปีที่พระคริสต์ปกครองมาจาก “ประเทศต่าง ๆ” เรารู้ว่าในช่วงพันปีที่พระคริสต์ปกครอง การแบ่งแยกเป็นประเทศต่าง ๆ จะหมดไป มนุษย์ทุกคนจะเป็นประชาชนของรัฐบาลพระเจ้าเพียงรัฐบาลเดียว เราทุกคนจะรวมกันเป็นชาติเดียว เพราะฉะนั้น การเรียกพวกกบฏว่า “โกกและมาโกก” และบอกว่าพวกเขามาจาก “ประเทศต่าง ๆ” จึงเป็นการพยากรณ์ว่าซาตานจะประสบความสำเร็จในการทำให้ประชาชนของพระเจ้าบางส่วนแตกแยกกัน ไม่มีใครถูกบังคับให้เลือกฝ่ายซาตาน มนุษย์ที่สมบูรณ์แบบทุกคนจะต้องเลือกเอง
25, 26. คนที่ร่วมกบฏกับซาตานจะมีมากแค่ไหน และจะเกิดอะไรขึ้นกับพวกเขา?
25 คนที่ร่วมกบฏกับซาตานจะมีมากแค่ไหน? พวกเขาจะมีมากมายเหมือนกับ “เม็ดทรายในทะเล” แต่การใช้คำนี้ไม่ได้หมายความว่ามนุษย์ส่วนใหญ่จะกลายเป็นกบฏ ทำไมถึงบอกอย่างนั้น? ขอให้นึกถึงคำสัญญาที่พระยะโฮวาบอกอับราฮัมว่าเขาจะมีลูกหลานมากมาย “เหมือนเม็ดทรายที่ชายทะเล” (ปฐก. 22:17, 18) แต่ลูกหลานที่ว่านี้สุดท้ายแล้วมีจำนวน 144,001 คน (กท. 3:16, 29) ถึงแม้จำนวนจะมากพอสมควร แต่ก็ยังน้อยมากเมื่อเทียบกับจำนวนมนุษย์ทั้งหมด เช่นเดียวกัน คนที่เลือกสนับสนุนซาตานอาจมีจำนวนมากพอที่จะสังเกตได้ แต่ก็ไม่ได้มากมายมหาศาลจนครอบงำคนทั้งหมด คนที่กบฏเหล่านั้นไม่ใช่ภัยคุกคามใหญ่โตสำหรับผู้รับใช้ที่ภักดีของพระยะโฮวา
26 คนที่ร่วมกบฏจะถูกทำลายอย่างรวดเร็วไปพร้อมกับซาตานและพวกปีศาจ พวกเขาจะถูกกำจัดให้หมดสิ้นไปและไม่มีโอกาสจะกลับมามีชีวิตอีก การตัดสินใจที่ผิดพลาดของพวกเขาและผลที่เกิดจากการตัดสินใจนั้นจะเป็นเครื่องเตือนใจทุกคนตลอดไป—วว. 20:10
27-29. คนที่ผ่านการทดสอบครั้งสุดท้ายจะมีอนาคตแบบไหน?
27 ในทางกลับกัน คนที่ผ่านการทดสอบครั้งสุดท้ายจะมีชื่อบันทึกไว้อย่างถาวรใน “หนังสือรายชื่อคนที่จะได้ชีวิต” (วว. 20:15) จากนั้น ลูก ๆ ที่ภักดีในครอบครัวของพระยะโฮวาจะนมัสการพระองค์แบบที่พระองค์สมควรจะได้รับ
28 ขอให้คิดถึงชีวิตในตอนนั้น คุณจะได้ทำงานที่ทำให้มีความสุขและจะมีเพื่อนดี ๆ มากมาย จะไม่มีอะไรมาทำให้คุณและคนที่คุณรักต้องทุกข์ทรมานอีกต่อไป คุณเองจะมีฐานะคู่ควรที่จะอยู่ต่อหน้าพระยะโฮวาเพราะบาปของคุณถูกกำจัดไปหมดแล้ว ทุกคนจะเป็นเพื่อนกับพระเจ้าได้โดยไม่มีข้อจำกัดอีกต่อไป และสิ่งสำคัญที่สุดคือ การนมัสการที่บริสุทธิ์ทั้งในสวรรค์และบนโลกจะกลับมาสมบูรณ์แบบอีกครั้ง นั่นจะเป็นการฟื้นฟูการนมัสการที่บริสุทธิ์ในขั้นสูงสุด!
29 คุณอยากจะเห็นช่วงเวลาที่ยิ่งใหญ่นั้นไหม? คุณจะได้เห็นถ้าคุณเอาบทเรียนสำคัญทั้ง 3 อย่างของหนังสือเอเสเคียลไปใช้ในชีวิต คือ นมัสการพระยะโฮวาผู้เดียวเท่านั้น เป็นหนึ่งเดียวกันในการนมัสการเสมอ และแสดงความรักต่อคนอื่น คำพยากรณ์ของเอเสเคียลยังมีบทเรียนที่สำคัญมากอีกเรื่องหนึ่งซึ่งเป็นเรื่องสุดท้าย บทเรียนนั้นคืออะไร?
“รู้ว่าเราคือยะโฮวา”
30, 31. การประกาศว่า “พวกเขาจะต้องรู้ว่าเราคือยะโฮวา” มีความหมายอย่างไรสำหรับ (ก) ศัตรูของพระเจ้า? (ข) ประชาชนของพระเจ้า?
30 หนังสือเอเสเคียลตลอดทั้งเล่ม มีการประกาศหลายต่อหลายครั้งว่า “พวกเขาจะต้องรู้ว่าเราคือยะโฮวา” (อสค. 6:10; 39:28) สำหรับศัตรูของพระเจ้านี่เป็นคำประกาศที่หมายถึงสงครามและความตาย นอกจากพวกเขาจะต้องจำใจยอมรับว่าพระยะโฮวามีอยู่จริงแล้ว พวกเขายังต้องจำใจเรียนรู้อีกอย่างหนึ่งด้วย นั่นคือ ชื่อที่ยิ่งใหญ่ของพระองค์หมายความว่า “พระองค์ทำให้เป็น” “พระยะโฮวาผู้เป็นจอมทัพ” จะเป็น “นักรบที่เก่งกาจ” มาต่อสู้พวกเขา (1 ซม. 17:45; อพย. 15:3) พวกเขาจะได้เข้าใจความจริงที่สำคัญเกี่ยวกับพระยะโฮวาที่ว่า ไม่มีอะไรขัดขวางความประสงค์ของพระองค์ได้ แต่มาเข้าใจตอนนี้ก็สายไปแล้ว
31 สำหรับประชาชนของพระเจ้า คำประกาศที่ว่า “พวกเขาจะต้องรู้ว่าเราคือยะโฮวา” จะหมายถึงสันติสุขและชีวิต พระยะโฮวาจะทำให้เราเป็นแบบที่พระองค์อยากให้เป็นตั้งแต่แรกคือ เป็นลูกชายลูกสาวที่แสดงคุณลักษณะของพระองค์ได้อย่างสมบูรณ์แบบ (ปฐก. 1:26) ตอนนี้พระยะโฮวาเป็นพ่อที่รักเราและเป็นผู้เลี้ยงแกะที่คอยปกป้อง อีกไม่นานพระองค์จะเป็นกษัตริย์ผู้พิชิต ก่อนเวลานั้นจะมาถึงขอให้เราเอาใจใส่คำพยากรณ์ของเอเสเคียล ให้เราพิสูจน์ว่าเรารู้จักพระยะโฮวาและมาตรฐานของพระองค์ด้วยคำพูดและการกระทำของเราในแต่ละวัน เมื่อความทุกข์ยากลำบากครั้งใหญ่มาถึงเราจะไม่กลัว แต่จะยืดตัวตรงและเชิดหน้าขึ้นเพราะรู้ว่าพระเจ้าจะมาช่วยให้รอดแล้ว (ลก. 21:28) ในระหว่างนี้ ขอให้เราช่วยผู้คนทุกหนแห่งให้รู้จักและรักพระเจ้าองค์เดียวผู้สมควรได้รับการนมัสการ พระเจ้าผู้มีชื่อที่ยิ่งใหญ่กว่าทุกชื่อในเอกภพ นั่นคือ พระยะโฮวา—อสค. 28:26
a เลขบทหมายถึงบทต่าง ๆ ของหนังสือนี้