การประชุมอนุสรณ์ทำให้เป็นหนึ่งเดียวกัน
“เมื่อพี่น้องอยู่ด้วยกันอย่างเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวก็เป็นเรื่องดีและน่าชื่นชมจริง ๆ”—สดุดี 133:1
1, 2. ในปี 2018 จะเกิดเหตุการณ์อะไรที่หลอมรวมพวกเราให้เป็นหนึ่งเดียวอย่างน่าทึ่ง และทำไมถึงเป็นอย่างนั้น? (ดูภาพแรก)
วันที่ 31 มีนาคม 2018 หลายล้านคนทั่วโลกจะเข้าร่วมเหตุการณ์สำคัญที่มีเพียงปีละครั้งเท่านั้น หลังจากดวงอาทิตย์ตกดินแล้ว พยานพระยะโฮวาและคนอื่น ๆ จะประชุมร่วมกันเพื่อระลึกถึงการเสียสละของพระเยซูเพื่อพวกเรา ทุกปี การประชุมอนุสรณ์เพื่อระลึกถึงการตายของพระเยซูทำให้ผู้คนเป็นหนึ่งเดียวกันได้อย่างน่าทึ่งจริง ๆ ไม่มีเหตุการณ์ไหนในโลกที่ทำได้ขนาดนี้
2 พระยะโฮวากับพระเยซูต้องมีความสุขมากแน่ ๆ ที่เห็นหลายล้านคนทั่วโลกเข้าร่วมเหตุการณ์พิเศษนี้ทุกชั่วโมงต่อเนื่องกันตามเวลาของแต่ละประเทศทั่วโลก คัมภีร์ไบเบิลบอกว่า “มีชนฝูงใหญ่ที่ไม่มีใครนับจำนวนได้ จากทุกประเทศ ทุกตระกูล ทุกชนชาติ และทุกภาษา” ตะโกนว่า “ความรอดมาจากพระเจ้าของเราผู้นั่งบนบัลลังก์ และมาจากลูกแกะของพระองค์” (วิวรณ์ 7:9, 10) น่าประทับใจจริง ๆ ที่การประชุมอนุสรณ์ทุกปีมีผู้คนมากมายมายกย่องพระยะโฮวาและพระเยซูที่ได้ทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่เพื่อพวกเรา
3. บทความนี้จะตอบคำถามอะไรบ้าง?
3 ในบทความนี้คุณจะพบคำตอบของคำถาม 4 ข้อนี้ (1) ฉันจะเตรียมตัวสำหรับการประชุมอนุสรณ์อย่างไรเพื่อจะได้รับประโยชน์จริง ๆ? (2) การประชุมอนุสรณ์ช่วยให้คนของพระเจ้าเป็นหนึ่งเดียวกันอย่างไร? (3) ตัวฉันเองจะมีส่วนอย่างไรเพื่อช่วยให้เกิดความเป็นหนึ่งเดียวกันในกลุ่มคนของพระเจ้า? (4) จะมีการประชุมอนุสรณ์ครั้งสุดท้ายไหม? แล้วจะมีเมื่อไร?
เราต้องทำอะไรบ้างเพื่อจะเตรียมตัวและได้รับประโยชน์จากการประชุมอนุสรณ์?
4. ทำไมการเข้าร่วมประชุมอนุสรณ์ถึงสำคัญมากสำหรับเรา?
4 ทำไมการเข้าร่วมประชุมอนุสรณ์ถึงสำคัญมากสำหรับเรา? เหตุผลหนึ่งคือ การเข้าร่วมการประชุมต่าง ๆ เป็นวิธีหนึ่งที่เรานมัสการพระยะโฮวา เรามั่นใจได้ว่าพระยะโฮวาและพระเยซูสังเกตเห็นคนที่พยายามสุดความสามารถที่จะเข้าร่วมการประชุมที่สำคัญที่สุดนี้ของปี เราอยากให้พระยะโฮวาและพระเยซูเห็นว่าเราจะอยู่ที่การประชุมอนุสรณ์แน่นอน เว้นแต่จะมีอะไรบางอย่างที่ทำให้เป็นไปไม่ได้เลยที่เราจะไปประชุมอนุสรณ์ เมื่อเราพิสูจน์ด้วยการกระทำว่าการประชุมต่าง ๆ สำคัญกับเราขนาดไหน เราก็ทำให้พระยะโฮวามีเหตุผลเพิ่มขึ้นที่จะเก็บชื่อของเราไว้ใน “หนังสือที่บันทึกชื่อคนที่พระองค์จดจำ” หนังสือเล่มนี้มีอีกชื่อหนึ่งว่า “หนังสือรายชื่อคนที่จะได้ชีวิต” หนังสือนี้มีชื่อของทุกคนที่พระยะโฮวาอยากจะให้พวกเขาได้ชีวิตตลอดไป—มาลาคี 3:16; วิวรณ์ 20:15
5. ช่วงหลายสัปดาห์ก่อนการประชุมอนุสรณ์ คุณจะทำอะไรเพื่อ “ตรวจสอบตัวเองว่ายังใช้ชีวิตตามความเชื่อของคริสเตียนอยู่ไหม”?
5 ในช่วงหลายสัปดาห์ก่อนการประชุมอนุสรณ์ เราน่าจะใช้เวลามากขึ้นในการอธิษฐานและคิดใคร่ครวญว่าเราสนิทกับพระยะโฮวามากแค่ไหน (อ่าน 2 โครินธ์ 13:5) อัครสาวกเปาโลบอกคริสเตียนว่า “ให้พวกคุณคอยตรวจสอบตัวเองว่ายังใช้ชีวิตตามความเชื่อของคริสเตียนอยู่ไหม” เราจะทำแบบนั้นได้อย่างไร? เราต้องถามตัวเองว่า ‘ฉันเชื่อจริง ๆ ไหมว่านี่เป็นองค์การเดียวที่พระยะโฮวาเลือกให้ทำตามความประสงค์ของพระองค์? ฉันประกาศและสอนข่าวดีเต็มกำลังความสามารถของฉันไหม? สิ่งที่ฉันทำแสดงให้เห็นไหมว่าฉันเชื่อจริง ๆ ว่าตอนนี้เป็นสมัยสุดท้ายและการปกครองของซาตานใกล้จะจบแล้ว? ฉันไว้วางใจพระยะโฮวาและพระเยซูสุดหัวใจเหมือนตอนที่ฉันอุทิศตัวให้กับพระองค์ไหม?’ (มัทธิว 24:14; 2 ทิโมธี 3:1; ฮีบรู 3:14) การคิดถึงคำถามเหล่านี้จะช่วยให้เรา ‘ทดสอบตัวเองอยู่เรื่อย ๆ เพื่อพิสูจน์ว่าตัวเราเป็นคนอย่างไรจริง ๆ’
6. (ก) วิธีเดียวที่เราจะมีชีวิตตลอดไปได้คืออะไร? (ข) ผู้ดูแลคนหนึ่งทำอะไรทุกปีเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการประชุมอนุสรณ์ และคุณจะเลียนแบบเขาได้อย่างไร?
6 วิธีหนึ่งที่คุณสามารถเตรียมตัวสำหรับการประชุมอนุสรณ์ได้ คือการอ่านและการคิดใคร่ครวญบทความที่อธิบายว่าทำไมเหตุการณ์นี้ถึงสำคัญมาก (อ่านยอห์น 3:16; 17:3) วิธีเดียวที่เราจะมีชีวิตตลอดไปคือการรู้จักพระยะโฮวาและเชื่อในพระเยซูลูกชายของพระองค์ เพื่อจะเตรียมพร้อมสำหรับการประชุมอนุสรณ์ เราอาจเลือกเรื่องที่จะศึกษาส่วนตัวซึ่งช่วยให้เรารู้สึกใกล้ชิดกับพระยะโฮวาและพระเยซูมากขึ้น พี่น้องคนหนึ่งซึ่งเป็นผู้ดูแลมานานแล้วได้ทำแบบนั้น หลายปีมาแล้วเขาได้สะสมบทความจากหอสังเกตการณ์ ที่พูดถึงการประชุมอนุสรณ์และบทความที่พูดถึงความรักที่พระยะโฮวากับพระเยซูมีต่อพวกเรา พอถึงช่วงก่อนการประชุมอนุสรณ์ เขาจะอ่านบทความเหล่านี้อีกครั้งและคิดอย่างจริงจังว่าทำไมเหตุการณ์นี้ถึงสำคัญมาก แล้วถ้าเขาเจอบทความอื่น ๆ ที่เกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้ เขาก็จะเอามาสะสมเพิ่มอีก นอกจากนั้น เขายังอ่านคัมภีร์ไบเบิลในส่วนที่ให้อ่านสำหรับการประชุมอนุสรณ์และคิดอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับเรื่องนั้น ผู้ดูแลคนนี้บอกว่าทั้งหมดนี้ช่วยเขาให้เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ มากขึ้นทุกปี และที่สำคัญที่สุด การศึกษาส่วนตัวแบบนี้ทำให้เขารักพระยะโฮวาและพระเยซูมากขึ้น ถ้าคุณทำแบบเดียวกันนี้ คุณก็จะรักพระยะโฮวาและพระเยซูมากขึ้นเรื่อย ๆ คุณจะขอบคุณทุกอย่างที่พระองค์ทั้งสองทำเพื่อคุณ และคุณจะได้ประโยชน์มากขึ้นจากการประชุมอนุสรณ์
การประชุมอนุสรณ์ช่วยให้เราเป็นหนึ่งเดียวกัน
7. (ก) พระเยซูอธิษฐานเรื่องอะไรในคืนที่มีอาหารมื้อเย็นของพระคริสต์ครั้งแรก? (ข) อะไรแสดงว่าพระยะโฮวาตอบคำอธิษฐานของพระเยซู?
7 ในคืนที่มีอาหารมื้อเย็นของพระคริสต์ครั้งแรก พระเยซูได้อธิษฐานถึงพระยะโฮวาพ่อของท่านซึ่งเป็นคำอธิษฐานที่พิเศษมาก ท่านพูดว่าท่านกับพ่อของท่านเป็นหนึ่งเดียวกันซึ่งเป็นความสัมพันธ์ที่พิเศษจริง ๆ และท่านยังอธิษฐานขอให้พวกสาวกทั้งหมดของท่านเป็นหนึ่งเดียวกันด้วย (อ่านยอห์น 17:20, 21) พระยะโฮวาตอบคำอธิษฐานนี้ของลูกชายที่รักของพระองค์แน่นอน การประชุมอนุสรณ์แสดงว่าพยานพระยะโฮวาเป็นหนึ่งเดียวกันมากกว่าการประชุมอื่น วันนั้น หลายล้านคนตลอดทั่วโลกซึ่งมีเชื้อชาติและสีผิวต่างกันมาประชุมด้วยกันและแสดงให้เห็นว่าพวกเขาเชื่อว่าพระยะโฮวาส่งพระเยซูลูกชายของพระองค์มา ในบางประเทศ คนทั่วไปถือว่าเป็นเรื่องแปลกมากหรือถึงกับเป็นเรื่องไม่เหมาะสมด้วยซ้ำที่ผู้คนต่างเชื้อชาติจะมาประชุมทางศาสนาด้วยกัน แต่พระยะโฮวากับพระเยซูไม่รู้สึกแบบนั้นแต่กลับมองว่านั่นเป็นสิ่งที่ดีมาก
8. พระยะโฮวาบอกอะไรกับเอเสเคียล?
8 ในฐานะคนของพระยะโฮวา เราไม่แปลกใจที่เราเป็นหนึ่งเดียวกันแบบนี้ พระยะโฮวาบอกล่วงหน้าผ่านเอเสเคียลว่าเรื่องนี้จะเกิดขึ้น พระองค์บอกให้เอเสเคียลถือไม้สองท่อน ท่อนหนึ่ง “สำหรับยูดาห์” และอีกท่อนหนึ่ง “สำหรับโยเซฟ” และให้เอาไม้ทั้งสองท่อนมารวมกัน (อ่านเอเสเคียล 37:15-17) “คำถามจากผู้อ่าน” ในหอสังเกตการณ์ กรกฎาคม 2016 อธิบายว่า “พระยะโฮวาให้ผู้พยากรณ์เอเสเคียลบอกล่วงหน้าว่า คนของพระองค์จะกลับมาที่แผ่นดินซึ่งพระองค์ได้สัญญาไว้และพวกเขาจะรวมตัวเป็นชาติเดียวกันอีกครั้งหนึ่ง คำพยากรณ์นั้นยังบอกล่วงหน้าด้วยว่าคนที่นมัสการพระเจ้าในช่วงสมัยสุดท้ายจะเป็นหนึ่งเดียวกันเหมือนกับเป็นชนชาติหนึ่ง”
9. ในการประชุมอนุสรณ์ทุกปี เราได้เห็นความเป็นหนึ่งเดียวกันตามที่บอกไว้ในเอเสเคียลอย่างไร?
9 ตั้งแต่ปี 1919 พระยะโฮวาเริ่มทำสิ่งนี้โดยค่อย ๆ จัดระเบียบและรวบรวมผู้ถูกเจิมอีกครั้ง พวกเขาเป็นเหมือนไม้ “สำหรับยูดาห์” จากนั้น คนที่มีความหวังจะมีชีวิตตลอดไปบนโลกก็เริ่มเข้ามาสมทบกับผู้ถูกเจิมมากขึ้น พวกเขาเป็นเหมือนไม้ “สำหรับโยเซฟ” พระยะโฮวาสัญญาว่าจะรวมไม้สองท่อนนี้ให้ “กลายเป็นท่อนเดียวกัน” ในมือของพระองค์ (เอเสเคียล 37:19) พระองค์รวมผู้ถูกเจิมกับ “แกะอื่น” ให้เป็น “ฝูงเดียว” (ยอห์น 10:16; เศคาริยาห์ 8:23) ทุกวันนี้ ทั้งสองกลุ่มนี้เป็นหนึ่งเดียวกันและรับใช้พระยะโฮวาด้วยกัน พวกเขามีกษัตริย์องค์เดียวคือพระเยซูคริสต์ซึ่งในคำพยากรณ์ของเอเสเคียลเรียกท่านว่า “ดาวิดผู้รับใช้ของพระเจ้า” (เอเสเคียล 37:24, 25) ในการประชุมอนุสรณ์ทุกปี เมื่อเรามาประชุมกันเพื่อระลึกถึงการตายของพระเยซู เราได้เห็นความเป็นหนึ่งเดียวกันของทั้งสองกลุ่มนี้ตามที่บอกไว้ล่วงหน้าในเอเสเคียล แต่ตัวเราเองจะมีส่วนอย่างไรเพื่อช่วยให้เกิดความเป็นหนึ่งเดียวกันในกลุ่มคนของพระเจ้าและรักษามันเอาไว้?
ตัวเราเองจะมีส่วนอย่างไรเพื่อช่วยให้เกิดความเป็นหนึ่งเดียวกัน?
10. เราจะช่วยให้เกิดความเป็นหนึ่งเดียวกันในกลุ่มคนของพระเจ้าได้อย่างไร?
10 วิธีแรกที่เราจะช่วยให้เกิดความเป็นหนึ่งเดียวกันในกลุ่มคนของพระเจ้าคืออะไร? คือการพยายามเต็มที่ที่จะเป็นคนถ่อมตัว ตอนที่พระเยซูอยู่บนโลก ท่านบอกพวกสาวกว่าพวกเขาต้องถ่อมตัว (มัทธิว 23:12) คนทั่วไปในโลกมักคิดว่าตัวเองสำคัญกว่าคนอื่น แต่ถ้าเราถ่อมตัว เราจะนับถือพี่น้องที่นำหน้าในประชาคมและเชื่อฟังคำแนะนำของพวกเขา การทำอย่างนี้สำคัญมากเพื่อช่วยให้ประชาคมเป็นหนึ่งเดียวกัน และที่สำคัญที่สุด ถ้าเราถ่อมตัว เราก็จะทำให้พระยะโฮวาพอใจ เพราะพระองค์ “ต่อต้านคนหยิ่ง แต่พระองค์แสดงความกรุณาที่ยิ่งใหญ่ต่อคนอ่อนน้อมถ่อมตน”—1 เปโตร 5:5
11. การคิดใคร่ครวญเกี่ยวกับขนมปังกับเหล้าองุ่นในการประชุมอนุสรณ์ช่วยให้เราเป็นหนึ่งเดียวกันได้อย่างไร?
11 แล้ววิธีที่ 2 ที่เราจะช่วยให้เกิดความเป็นหนึ่งเดียวกันคืออะไร? คือการคิดใคร่ครวญอย่างละเอียดว่าขนมปังกับเหล้าองุ่นหมายถึงอะไรจริง ๆ เราน่าจะคิดใคร่ครวญเรื่องนี้ก่อนการประชุมอนุสรณ์ และยิ่งในคืนนั้นเราควรจะคิดเรื่องนี้เป็นพิเศษ (1 โครินธ์ 11:23-25) ขนมปังไม่ใส่เชื้อหมายถึงร่างกายที่สมบูรณ์แบบของพระเยซูที่ท่านสละเป็นเครื่องบูชา เหล้าองุ่นแดงหมายถึงเลือดของท่าน แต่เราต้องทำมากกว่าแค่เข้าใจความจริงพื้นฐานนี้ เราต้องจำไว้ว่าเครื่องบูชาไถ่ของพระเยซูเกี่ยวข้องกับการกระทำด้วยความรักที่ยิ่งใหญ่ที่สุด 2 อย่าง นั่นคือ พระยะโฮวาให้ลูกชายมาตายเพื่อเรา และพระเยซูเต็มใจสละชีวิตของท่านเพื่อเรา เมื่อเราคิดใคร่ครวญว่าพระยะโฮวาและพระเยซูรักเราขนาดไหน นั่นจะทำให้เรารักพระองค์ทั้งสอง และความรักของเราที่มีต่อพระยะโฮวาจะทำให้เราเป็นหนึ่งเดียวกันมากขึ้น
12. เรื่องราวเกี่ยวกับกษัตริย์และทาสแสดงอย่างไรว่า พระเยซูบอกชัดเจนว่าพระยะโฮวาอยากให้เราให้อภัยคนอื่น?
12 วิธีที่ 3 ที่เราจะช่วยให้เกิดความเป็นหนึ่งเดียวกันคืออะไร? คือการพร้อมจะให้อภัยคนอื่น เมื่อเราทำแบบนั้น เราก็แสดงให้เห็นว่าเรารู้สึกขอบคุณที่พระยะโฮวาอภัยบาปให้กับเราโดยอาศัยเครื่องบูชาของพระเยซู พระเยซูเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับกษัตริย์และทาสเพื่อแสดงให้เห็นว่าทำไมการให้อภัยถึงสำคัญ ขอให้อ่านมัทธิว 18:23-34 และถามตัวเองว่า: ‘พออ่านเรื่องนี้แล้วฉันรู้สึกอยากทำตามที่พระเยซูสอนไหม? ฉันอดทนและเข้าใจพี่น้องของฉันไหม? ฉันพร้อมจะให้อภัยคนที่ทำให้ฉันรู้สึกไม่ดีไหม?’ จริงอยู่ที่ความผิดบางอย่างร้ายแรงกว่าความผิดอย่างอื่น และเนื่องจากเราเป็นมนุษย์ที่ไม่สมบูรณ์แบบ เราอาจรู้สึกยากมากที่จะให้อภัยความผิดบางอย่าง แต่เรื่องราวของพระเยซูสอนเราว่าพระยะโฮวาอยากให้เราทำอะไร (อ่านมัทธิว 18:35) พระเยซูบอกชัดเจนว่าพระยะโฮวาจะไม่ยกโทษให้เราถ้าเราไม่ยกโทษให้พี่น้องเมื่อเขากลับใจจริง ๆ นี่เป็นเรื่องที่เราต้องคิดให้ดี ความเป็นหนึ่งเดียวกันเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ดังนั้น ถ้าเราอยากจะรักษามันไว้ เราต้องให้อภัยคนอื่นอย่างที่พระเยซูสอนเรา
13. เมื่อเรารักษาสันติสุขกับคนอื่น เราจะช่วยให้เกิดความเป็นหนึ่งเดียวกันได้อย่างไร?
13 เมื่อเราให้อภัยคนอื่น เราจะมีสันติสุขกับพี่น้องเสมอ อัครสาวกเปาโลบอกว่าเราควรพยายามเต็มที่ที่จะเป็นหนึ่งเดียวกันกับพี่น้องและอยู่ร่วมกันอย่างมีสันติสุข (เอเฟซัส 4:3) ดังนั้น ในช่วงการประชุมอนุสรณ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในคืนนั้น ขอให้คิดใคร่ครวญอย่างจริงจังว่าคุณปฏิบัติกับคนอื่นอย่างไร ให้ถามตัวเองว่า ‘ใคร ๆ ก็รู้กันว่าฉันเป็นคนหายโกรธเร็วไหม? คนอื่นเห็นไหมว่าฉันพยายามอย่างมากที่จะสร้างสันติและช่วยให้เกิดความเป็นหนึ่งเดียวกัน?’ คุณต้องคิดใคร่ครวญคำถามเหล่านี้อย่างจริงจัง
14. เราจะแสดงอย่างไรว่าเรา “ยอมทนกันและกันด้วยความรัก”?
14 วิธีที่ 4 ที่เราจะช่วยให้เกิดความเป็นหนึ่งเดียวกันคืออะไร? คือการเลียนแบบพระยะโฮวาในการแสดงความรัก (1 ยอห์น 4:8) เราจะไม่พูดว่า “ฉันคงต้องรักพวกเขาเพราะพวกเขาเป็นพี่น้อง แต่จริง ๆ แล้วฉันไม่ชอบขี้หน้าพวกเขาเลย” ถ้าเราคิดอย่างนี้เราก็ไม่ได้ทำตามคำแนะนำของเปาโลที่ให้ “ยอมทนกันและกันด้วยความรัก” (เอเฟซัส 4:2) ขอสังเกตว่าเปาโลไม่ได้บอกว่าเราควร “ยอมทนกันและกัน” เท่านั้น แต่เขาบอกว่าเราต้องทำ “ด้วยความรัก” ที่จริง การยอมทนกับการยอมทนด้วยความรักมันต่างกัน ในประชาคมของเรามีคนที่มีภูมิหลังหลากหลาย และพระยะโฮวาชักนำพวกเขาทุกคนให้มาหาพระองค์ (ยอห์น 6:44) ดังนั้น พระองค์ต้องเห็นเหตุผลที่ดีหลายอย่างที่จะรักพวกเขา ถ้าพี่น้องของเรามีค่าพอที่จะได้รับความรักจากพระเจ้า เรามีสิทธิ์อะไรที่จะไปตัดสินว่าพวกเขาไม่มีค่าพอที่จะได้รับความรักจากเรา? เราควรเต็มใจรักพวกเขาอย่างที่พระยะโฮวาอยากให้ทำ—1 ยอห์น 4:20, 21
การประชุมอนุสรณ์ครั้งสุดท้ายจะเกิดขึ้นเมื่อไร?
15. เรารู้ได้อย่างไรว่าจะมีการประชุมอนุสรณ์ครั้งสุดท้าย?
15 วันหนึ่งเราจะประชุมอนุสรณ์เป็นครั้งสุดท้าย เรารู้ได้อย่างไร? เปาโลบอกคริสเตียนผู้ถูกเจิมว่า ทุกปีที่พวกเขาระลึกถึงการตายของพระเยซู พวกเขาก็ “ประกาศการตายของผู้เป็นนายจนกว่าท่านจะมา” (1 โครินธ์ 11:26) พระเยซูพูดถึง ‘การมา’ ของท่านด้วยตอนที่ท่านพยากรณ์เกี่ยวกับสมัยสุดท้าย เมื่อพูดถึงความทุกข์ยากลำบากครั้งใหญ่ที่ใกล้เข้ามา ท่านบอกว่า “จะมีสัญญาณในท้องฟ้าที่บอกให้รู้ว่า ‘ลูกมนุษย์’ กำลังมา แล้วคนทุกชาติทั่วโลกจะร้องไห้คร่ำครวญ และพวกเขาจะเห็น ‘ลูกมนุษย์’ มาบนเมฆในท้องฟ้าด้วยอำนาจและรัศมีแรงกล้า และท่านจะส่งพวกทูตสวรรค์ของท่านออกไปพร้อมกับเสียงแตรดังสนั่น และทูตสวรรค์จะรวบรวมคนที่พระเจ้าเลือกไว้จากทั้งสี่ทิศ จากขอบฟ้าด้านหนึ่งถึงขอบฟ้าอีกด้านหนึ่ง” (มัทธิว 24:29-31) พระเยซูจะ “รวบรวมคนที่พระเจ้าเลือก” ตอนที่ท่านพาคริสเตียนผู้ถูกเจิมทั้งหมดที่ยังเหลืออยู่บนโลกไปสวรรค์ เหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้นหลังจากความทุกข์ยากลำบากครั้งใหญ่เริ่มต้น แต่จะเกิดก่อนสงครามอาร์มาเกดโดน ในสงครามนี้พระเยซูกับผู้ถูกเจิม 144,000 คนจะต่อสู้กับกษัตริย์ทั้งหลายบนโลกและจะชนะ (วิวรณ์ 17:12-14) เราจะประชุมอนุสรณ์ครั้งสุดท้ายก่อนที่พระเยซู “มา” รวบรวมผู้ถูกเจิม
16. ทำไมคุณตั้งใจที่จะไปประชุมอนุสรณ์ปีนี้ให้ได้?
16 ขอให้คุณไปประชุมอนุสรณ์วันที่ 31 มีนาคม 2018 ให้ได้ และขอพระยะโฮวาช่วยให้คุณทำหน้าที่ของคุณ เพื่อที่เราซึ่งเป็นประชาชนของพระองค์จะเป็นหนึ่งเดียวกัน (อ่านสดุดี 133:1) สักวันหนึ่งเราจะได้ประชุมอนุสรณ์ครั้งสุดท้าย จนกว่าจะถึงวันนั้น ให้เราแสดงว่าการประชุมอนุสรณ์ที่ทำให้เราเป็นหนึ่งเดียวกันอย่างมีความสุขนั้นเป็นการประชุมที่พิเศษมากสำหรับเรา