จงรักความชอบธรรมอย่างสุดหัวใจ
“ท่านรักความชอบธรรม.”—ฮีบรู 1:9
1. อะไรจะช่วยเราให้ดำเนินใน “ทางชอบธรรม”?
พระยะโฮวาทรงนำประชาชนของพระองค์ให้ดำเนินใน “ทางชอบธรรม” ด้วยพระคำและพระวิญญาณบริสุทธิ์. (เพลง. 23:3) แต่เนื่องจากเราไม่สมบูรณ์ เรามีแนวโน้มที่จะหันเหจากทางนี้. เพื่อจะกลับมาทำสิ่งที่ถูกต้องจำเป็นต้องตั้งใจแน่วแน่และพยายาม. อะไรจะช่วยเราให้ทำอย่างนั้นได้? เช่นเดียวกับพระเยซู เราต้องรัก การทำสิ่งที่ถูกต้อง.—อ่านฮีบรู 1:9
2. “ทางชอบธรรม” คืออะไร?
2 “ทางชอบธรรม” คืออะไร? ทางในที่นี้คือทางเท้าหรือทางเดินแคบ ๆ. “ทาง” เหล่านี้ถูกกำหนดไว้ตามมาตรฐานความชอบธรรมของพระยะโฮวา. ในภาษาฮีบรูและกรีก “ความชอบธรรม” หมายถึงสิ่งที่ “ซื่อตรง” ซึ่งแสดงนัยถึงการยึดหลักการด้านศีลธรรมอย่างเคร่งครัด. เนื่องจากพระยะโฮวาเป็น “ผู้ทรงความชอบธรรม” ผู้นมัสการพระองค์ยินดีให้พระองค์กำหนดแนวทางที่ซื่อตรงทางศีลธรรมที่พวกเขาควรดำเนิน.—ยิระ. 50:7, ล.ม.
3. เราจะเรียนรู้มากขึ้นเกี่ยวกับความชอบธรรมของพระเจ้าได้อย่างไร?
3 เพื่อพระเจ้าจะพอพระทัยเราอย่างแท้จริง เราต้องพยายามทำตามมาตรฐานอันชอบธรรมของพระองค์อย่างสุดหัวใจ. (บัญ. 32:4) นั่นเริ่มด้วยการเรียนรู้ทุกสิ่งที่เราเรียนได้เกี่ยวกับพระยะโฮวาพระเจ้าจากคัมภีร์ไบเบิล พระคำของพระองค์. ยิ่งเราเรียนรู้เกี่ยวกับพระองค์และเข้าใกล้พระองค์มากขึ้นทุก ๆ วัน เราก็จะรักความชอบธรรมของพระองค์มากขึ้น. (ยโก. 4:8) เราต้องยอมรับการชี้นำจากพระคำของพระเจ้าซึ่งมีขึ้นโดยการดลใจเมื่อเราจำเป็นต้องตัดสินใจเรื่องสำคัญ ๆ ในชีวิตด้วย.
จงแสวงหาความชอบธรรมของพระเจ้า
4. การแสวงหาความชอบธรรมของพระเจ้าเกี่ยวข้องกับอะไร?
4 อ่านมัดธาย 6:33. การแสวงหาความชอบธรรมของพระเจ้าเกี่ยวข้องไม่เพียงแค่การใช้เวลาประกาศข่าวดีเรื่องราชอาณาจักร. เพื่อพระยะโฮวาจะทรงยอมรับการรับใช้อันศักดิ์สิทธิ์ของเรา การประพฤติในชีวิตประจำวันของเราต้องสอดคล้องกับมาตรฐานอันสูงส่งของพระองค์. ทุกคนที่แสวงหาความชอบธรรมของพระยะโฮวาต้องทำอะไร? พวกเขาต้อง “สวมบุคลิกภาพใหม่ที่ถูกสร้างขึ้นตามที่พระเจ้าทรงประสงค์ ซึ่งประกอบด้วยความชอบธรรมและความภักดีที่แท้จริง.”—เอเฟ. 4:24
5. อะไรจะช่วยเราให้เอาชนะความท้อแท้ได้?
5 ขณะที่เราพยายามดำเนินชีวิตตามมาตรฐานอันชอบธรรมของพระเจ้า บางครั้งเราอาจรู้สึกท้อใจเพราะข้อบกพร่องของเราเอง. อะไรจะช่วยเราให้เอาชนะความท้อแท้ที่ทำให้หมดแรงและเรียนรู้ที่จะรักและประพฤติในทางชอบธรรม? (สุภา. 24:10) เราต้องเข้าเฝ้าพระยะโฮวาเป็นประจำโดยการอธิษฐาน “ด้วยหัวใจซื่อตรงและด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยมซึ่งเกิดจากความเชื่อ.” (ฮีบรู 10:19-22) ไม่ว่าเราเป็นคริสเตียนผู้ถูกเจิมหรือมีความหวังทางแผ่นดินโลก เราแสดงความเชื่อในเครื่องบูชาไถ่ของพระเยซูคริสต์และในการทำหน้าที่เป็นมหาปุโรหิตผู้ยิ่งใหญ่. (โรม 5:8; ฮีบรู 4:14-16) เคยมีการกล่าวในฉบับแรกของวารสารนี้เกี่ยวกับผลที่เกิดจากพระโลหิตที่พระเยซูทรงหลั่งออก. (1 โย. 1:6, 7) บทความนั้นกล่าวว่า “มีข้อเท็จจริงอยู่อย่างหนึ่งที่ว่า เมื่อมองวัตถุสีแดงเข้มผ่านกระจกสีแดงในที่ที่มีแสง จะเห็น วัตถุนั้นเป็นสีขาว; ดังนั้น แม้ว่าบาปของเราเป็นเหมือนสีแดงเข้ม แต่เมื่อเรามาอยู่ในจุดที่พระเจ้าทรงมองบาปของเราผ่านพระโลหิต ของพระคริสต์ บาปนั้นก็จะถูกมองว่าเป็นสีขาว.” (ฉบับกรกฎาคม 1879 หน้า 6 [ภาษาอังกฤษ]) ช่างเป็นการจัดเตรียมที่ยอดเยี่ยมจริง ๆ ที่พระยะโฮวาทรงทำเพื่อเราโดยอาศัยเครื่องบูชาไถ่ของพระบุตรที่รักของพระองค์!—ยซา. 1:18
จงตรวจสอบยุทธภัณฑ์ฝ่ายวิญญาณของคุณ
6. เหตุใดจึงสำคัญมากที่เราจะตรวจสอบยุทธภัณฑ์ฝ่ายวิญญาณของเรา?
6 เราต้องเอา “ความชอบธรรมสวมเป็นเกราะป้องกันอก” ทุกเวลา เพราะความชอบธรรมเป็นส่วนหนึ่งที่จำเป็นของยุทธภัณฑ์ฝ่ายวิญญาณจากพระเจ้า. (เอเฟ. 6:11, 14) ไม่ว่าเราเพิ่งอุทิศตัวแด่พระยะโฮวาหรือรับใช้พระองค์มานานหลายสิบปีแล้ว นับว่าสำคัญมากที่เราจะตรวจสอบยุทธภัณฑ์ฝ่ายวิญญาณของเราทุกวัน. เพราะเหตุใด? เพราะพญามารและเหล่าปิศาจถูกเหวี่ยงลงมายังบริเวณแผ่นดินโลก. (วิ. 12:7-12) ซาตานโกรธและมันรู้ว่ามีเวลาจำกัด. ด้วยเหตุนั้น มันโจมตีประชาชนของพระเจ้ารุนแรงยิ่งขึ้น. เราเห็นความสำคัญของการเอา “ความชอบธรรมสวมเป็นเกราะป้องกันอก” ไหม?
7. เราจะประพฤติอย่างไรถ้าเราเห็นความสำคัญของการเอา “ความชอบธรรมสวมเป็นเกราะป้องกันอก”?
7 เกราะป้องกันอกช่วยป้องกันหัวใจ. เนื่องจากเราเป็นมนุษย์ไม่สมบูรณ์ หัวใจโดยนัยของเรามักไว้ใจไม่ได้และกระตุ้นให้ทำอย่างสิ้นคิด. (ยิระ. 17:9) เนื่องจากหัวใจเรามักกระตุ้นให้เราทำสิ่งผิด จึงสำคัญที่หัวใจเราต้องได้รับการฝึกและการตีสอน. (เย. 8:21) ถ้าเราเห็นความสำคัญที่ต้องเอา “ความชอบธรรมสวมเป็นเกราะป้องกันอก” เราจะไม่ถอดเกราะนี้ออกชั่วคราวด้วยการเลือกหาความบันเทิงจากสิ่งที่พระเจ้าทรงเกลียดชัง; หรือเราจะไม่ปล่อยความคิดให้เพ้อฝันในเรื่องการกระทำผิด. เราจะไม่ผลาญเวลาอันมีค่าไปกับการดูโทรทัศน์มากเกินไป. แทนที่จะทำอย่างนั้น เราจะพยายามทำสิ่งที่พระยะโฮวาพอพระทัยต่อ ๆ ไป. แม้แต่ถ้าเราสะดุดล้มลงด้วยการยอมแพ้แก่ความปรารถนาทางกายที่ไม่ชอบธรรมไปชั่วขณะหนึ่ง เราก็จะลุกขึ้นมาใหม่โดยอาศัยความช่วยเหลือจากพระยะโฮวา.—อ่านสุภาษิต 24:16
8. เหตุใดเราจำเป็นต้องมี “โล่ใหญ่แห่งความเชื่อ”?
8 “โล่ใหญ่แห่งความเชื่อ” เป็นส่วนหนึ่งของยุทธภัณฑ์ฝ่ายวิญญาณของเรา. เราสามารถใช้ความเชื่อ “ดับลูกศรเพลิงทั้งหมดของตัวชั่วร้ายนั้นได้.” (เอเฟ. 6:16) เมื่อเป็นเช่นนั้น ความเชื่อและความรักอย่างสุดหัวใจที่มีต่อพระยะโฮวาก็จะช่วยเราให้ประพฤติตามความชอบธรรมและรักษาตัวอยู่บนเส้นทางสู่ชีวิตนิรันดร์. ยิ่งเราเรียนรู้ที่จะรักพระยะโฮวามากเท่าไร เราก็เห็นค่าความชอบธรรมของพระองค์มากเท่านั้น. แต่จะว่าอย่างไรสำหรับสติรู้สึกผิดชอบของเรา? สติรู้สึกผิดชอบช่วยเราอย่างไรในการพยายามรักความชอบธรรม?
จงรักษาสติรู้สึกผิดชอบอันดี
9. เราได้รับประโยชน์อย่างไรจากการรักษาสติรู้สึกผิดชอบอันดี?
9 เมื่อรับบัพติสมา เราทูลขอพระยะโฮวาเพื่อจะมี “สติรู้สึกผิดชอบอันดี.” (1 เป. 3:21) เพราะเรามีความเชื่อในค่าไถ่ พระโลหิตของพระเยซูจึงปิดคลุมบาปของเราและด้วยเหตุนั้นเราจึงมีฐานะที่สะอาดเฉพาะพระพักตร์พระเจ้า. แต่เพื่อจะรักษาฐานะที่สะอาดเช่นนั้นไว้ได้ เราจำเป็นต้องรักษาสติรู้สึกผิดชอบที่ดีไว้เสมอ. บางครั้ง ถ้าสติรู้สึกผิดชอบเตือนเรา เราควรรู้สึกขอบคุณที่สติรู้สึกผิดชอบของเราทำหน้าที่ได้ดี. การกระตุ้นเตือนเช่นนั้นแสดงว่าสติรู้สึกผิดชอบของเรายังไม่ตายด้านในเรื่องแนวทางอันชอบธรรมของพระยะโฮวา. (1 ติโม. 4:2) แต่สติรู้สึกผิดชอบอาจมีบทบาทมากกว่านั้นสำหรับคนที่ปรารถนาจะรักความชอบธรรม.
10, 11. (ก) จงเล่าประสบการณ์ที่แสดงว่าทำไมเราควรฟังสติรู้สึกผิดชอบที่ได้รับการฝึกจากคัมภีร์ไบเบิล. (ข) เหตุใดความรักที่เรามีต่อความชอบธรรมจึงทำให้เรายินดีอย่างยิ่ง?
10 เมื่อเราทำอะไรผิด สติรู้สึกผิดชอบของเราอาจตำหนิหรือทำให้เราทุกข์ใจ. เยาวชนคนหนึ่งหลงไปจาก “ทางชอบธรรม.” เขาติดสื่อลามกและเริ่มสูบกัญชา. เขารู้สึกผิดเมื่อเข้าร่วมการประชุมและรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนหน้าซื่อใจคดเมื่อไปประกาศ เขาจึงเลิกทำกิจกรรมเหล่านี้ของคริสเตียน. เขาเล่าว่า “แต่ผมไม่คิดเลยว่าสติรู้สึกผิดชอบของผมจะกระตุ้นให้ผมแก้ไขการกระทำของตัวเอง.” เขากล่าวต่อไปว่า “ผมใช้ชีวิตอย่างโง่เขลาแบบนั้นประมาณสี่ปี.” แล้วเขาก็เริ่มคิดที่จะกลับมาหาแนวทางของความจริง. แม้เขาคิดว่าพระยะโฮวาคงจะไม่ฟังคำอธิษฐานของเขา แต่เขาก็ยังอธิษฐานและขอพระองค์ทรงให้อภัย. ไม่ถึงสิบนาทีหลังจากนั้น แม่ก็มาเยี่ยมเขาและสนับสนุนให้เขาเข้าร่วมการประชุมอีกครั้งหนึ่ง. เขาไปที่หอประชุมราชอาณาจักรและขอผู้ปกครองคนหนึ่งช่วยนำการศึกษาเขา. ในเวลาต่อมา เขารับบัพติสมาและรู้สึกขอบคุณพระยะโฮวาที่ช่วยชีวิตเขาไว้.
11 การทำสิ่งที่ถูกต้องทำให้เรารู้สึกยินดีอย่างยิ่ง. ขณะเราเรียนรู้ที่จะรักความชอบธรรม และประพฤติในทางชอบธรรมอย่างเต็มที่ยิ่งขึ้น เราจะมีความยินดีมากขึ้นในการทำสิ่งที่พระบิดาของเราผู้อยู่ในสวรรค์พอพระทัย. และคิดดูสิ! เวลาที่มนุษย์ทั้งสิ้นจะมีแต่ความยินดีเพราะมีสติรู้สึกผิดชอบที่ดีใกล้เข้ามาแล้ว; พวกเขาจะสะท้อนให้เห็นคุณลักษณะของพระเจ้าอย่างสมบูรณ์แบบ. ด้วยเหตุนั้น ตอนนี้ขอให้เราปลูกฝังความรักต่อความชอบธรรมให้ลึกลงไปในหัวใจเราและทำให้พระยะโฮวาทรงยินดี.—สุภา. 23:15, 16
12, 13. เราจะฝึกสติรู้สึกผิดชอบของเราได้อย่างไร?
12 เราจะฝึกสติรู้สึกผิดชอบของเราได้อย่างไร? เมื่อเราศึกษาพระคัมภีร์และหนังสือที่อาศัยคัมภีร์ไบเบิลเป็นหลัก เป็นเรื่องสำคัญที่จะจำไว้ว่า “ใจของคนชอบธรรมตรึกตรองก่อนแล้วจึงตอบ.” (สุภา. 15:28) ให้เรามาพิจารณาว่าการทำเช่นนี้เป็นประโยชน์อย่างไรเมื่อเรามีข้อสงสัยเกี่ยวกับงานอาชีพ. ถ้างานบางอย่างขัดกับข้อเรียกร้องในพระคัมภีร์อย่างชัดเจน เราส่วนใหญ่ก็จะตอบสนองอย่างรวดเร็วต่อการชี้นำที่ได้รับทางทาสสัตย์ซื่อและสุขุม. แต่เมื่อข้อสงสัยของเราเกี่ยวกับงานอาชีพไม่มีคำตอบที่ชัดเจน เราควรหาหลักการในคัมภีร์ไบเบิล, ใคร่ครวญ, และอธิษฐานในเรื่องนั้น.a เราควรพิจารณาหลักการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น หลักการที่ว่าเราต้องระวังที่จะไม่ทำสิ่งที่ขัดกับสติรู้สึกผิดชอบของคนอื่น. (1 โค. 10:31-33) โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เราควรสนใจหลักการที่เกี่ยวข้องกับสายสัมพันธ์ของเรากับพระเจ้า. ถ้าเรามีสายสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับพระยะโฮวาอย่างแท้จริง ก่อนอื่นเราจะถามตัวเองว่า ‘ถ้าฉันทำงานนี้ นั่นจะทำให้พระยะโฮวาเสียพระทัยหรือเจ็บปวดพระทัยไหม?’—เพลง. 78:40, 41
13 เมื่อเตรียมการศึกษาหอสังเกตการณ์ หรือการศึกษาพระคัมภีร์ประจำประชาคม เราควรจำไว้เสมอถึงความจำเป็นที่จะใคร่ครวญข้อมูลที่เรากำลังพิจารณา. เรามักขีดเส้นใต้คำตอบสำหรับคำถามแล้วก็ดูข้อถัดไปอย่างรวดเร็วไหม? การเตรียมการศึกษาเช่นนั้นคงไม่ช่วยให้เรารักความชอบธรรมอย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้นหรือช่วยให้เรามีสติรู้สึกผิดชอบที่ไว. ถ้าเราต้องการจะรักความชอบธรรม เราจำเป็นต้องศึกษาอย่างขยันขันแข็งและใคร่ครวญสิ่งที่เราอ่านในพระคำของพระเจ้า. ไม่มีทางลัดในเรื่องการเรียนรู้ที่จะรักความชอบธรรมอย่างสุดหัวใจ!
หิวกระหายความชอบธรรม
14. พระยะโฮวาพระเจ้าและพระเยซูคริสต์ทรงประสงค์ให้เรารู้สึกอย่างไรเมื่อทำงานรับใช้อันศักดิ์สิทธิ์?
14 พระยะโฮวาพระเจ้าและพระเยซูคริสต์ทรงประสงค์ให้เรามีความสุขเมื่อเราทำงานรับใช้อันศักดิ์สิทธิ์. อะไรจะช่วยเราให้มีความสุข? ความรักที่มีต่อความชอบธรรมนั่นเอง! ในคำเทศน์บนภูเขา พระเยซูตรัสว่า “ผู้ที่หิวกระหายความชอบธรรมก็มีความสุข เพราะเขาจะได้อิ่มหนำ.” (มัด. 5:6) ถ้อยคำดังกล่าวมีความสำคัญเช่นไรสำหรับคนที่ปรารถนาจะรักความชอบธรรม?
15, 16. ความหิวกระหายฝ่ายวิญญาณจะได้รับการตอบสนองโดยวิธีใด?
15 โลกที่เราอยู่นี้ถูกปกครองโดยตัวชั่วร้าย. (1 โย. 5:19) ถ้าเราอ่านหนังสือพิมพ์ไม่ว่าจะของประเทศใด เราจะเห็นรายงานความโหดร้ายและความรุนแรงอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน. คนชอบธรรมรู้สึกเป็นทุกข์เมื่อพิจารณาความไร้มนุษยธรรมที่มนุษย์ทำต่อมนุษย์. (ผู้ป. 8:9) ในฐานะคนที่รักพระยะโฮวา เรารู้ว่าพระองค์ผู้เดียวเท่านั้นที่สามารถสนองความหิวกระหายฝ่ายวิญญาณของคนที่ปรารถนาจะเรียนรู้ความชอบธรรม. ในไม่ช้า คนที่ไม่เลื่อมใสพระเจ้าจะถูกขจัดออกไป และผู้รักความชอบธรรมจะไม่ต้องประสบความทุกข์ที่เกิดจากคนที่ฝ่าฝืนกฎหมายและการกระทำที่ชั่วช้าของพวกเขาอีกต่อไป. (2 เป. 2:7, 8) นั่นเป็นเรื่องที่จะทำให้รู้สึกโล่งใจสักเพียงไร!
16 ในฐานะผู้รับใช้ของพระยะโฮวาและสาวกของพระเยซูคริสต์ เราตระหนักว่าทุกคนที่หิวกระหายความชอบธรรม “จะได้อิ่มหนำ.” พวกเขาจะอิ่มใจอย่างเต็มที่โดยทางการจัดเตรียมของพระเจ้าในเรื่องฟ้าสวรรค์ใหม่และแผ่นดินโลกใหม่ซึ่ง “จะมีความชอบธรรมอยู่จริง.” (2 เป. 3:13) ดังนั้น ขอเราอย่าได้ท้อใจหรืองุนงงที่การกดขี่และความรุนแรงได้พรากเอาความชอบธรรมไปจากโลกของซาตานนี้. (ผู้ป. 5:8) พระยะโฮวา องค์ใหญ่ยิ่งสูงสุด ทรงรู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้และในไม่ช้าพระองค์จะทรงช่วยผู้รักความชอบธรรมให้รอด.
จงรับประโยชน์จากการรักความชอบธรรม
17. มีผลประโยชน์อะไรบ้างที่เกิดจากการรักความชอบธรรม?
17 บทเพลงสรรเสริญ 146:8 เน้นผลประโยชน์ที่ดีเยี่ยมของการดำเนินในทางชอบธรรม. ผู้ประพันธ์เพลงสรรเสริญร้องเพลงว่า “พระยะโฮวาทรงรักคนชอบธรรม.” ลองนึกภาพดูสิ! พระผู้ใหญ่ยิ่งสูงสุดแห่งเอกภพทรงรักเราเพราะเรารักความชอบธรรม! เนื่องจากพระยะโฮวาทรงรักเรา เราจึงมั่นใจว่าพระองค์จะทรงจัดเตรียมสิ่งจำเป็นให้เราขณะที่เราให้ผลประโยชน์ของราชอาณาจักรสำคัญเป็นอันดับแรกในชีวิตเสมอ. (อ่านบทเพลงสรรเสริญ 37:25; สุภาษิต 10:3) ในที่สุด โลกทั้งโลกจะมีแต่คนที่รักความชอบธรรม. (สุภา. 13:22) สำหรับประชาชนของพระเจ้าส่วนใหญ่ บำเหน็จสำหรับการประพฤติชอบธรรมจะได้แก่ความชื่นชมยินดีอย่างใหญ่หลวงและชีวิตที่ไม่สิ้นสุดในโลกอันสวยงามที่เป็นอุทยาน. แม้แต่ในเวลานี้ คนที่รักความชอบธรรมของพระเจ้าได้รับบำเหน็จโดยมีความสงบสุขในใจซึ่งส่งเสริมความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันในครอบครัวและในประชาคม.—ฟิลิป. 4:6, 7
18. เราต้องทำอะไรต่อ ๆ ไปขณะที่เราคอยท่าวันของพระยะโฮวา?
18 ขณะที่เราคอยท่าให้ถึงวันใหญ่ของพระยะโฮวา เราต้องแสวงหาความชอบธรรมของพระองค์ต่อ ๆ ไป. (ซฟัน. 2:2, 3) ด้วยเหตุนั้น ขอให้เราแสดงความรักแท้ต่อแนวทางอันชอบธรรมของพระยะโฮวาพระเจ้า. การทำอย่างนั้นรวมถึงการเอา “ความชอบธรรมสวมเป็นเกราะป้องกันอก” ไว้เสมอเพื่อปกป้องหัวใจโดยนัยของเรา. เราจำเป็นต้องรักษาสติรู้สึกผิดชอบอันดีไว้ด้วย ซึ่งจะทำให้เรามีความยินดีและทำให้พระทัยของพระเจ้ายินดี.—สุภา. 27:11
19. เราควรตั้งใจแน่วแน่จะทำอะไร และบทความถัดไปจะพิจารณาอะไร?
19 “พระยะโฮวาทรงทอดพระเนตรไปทั่วพิภพโลก, เพื่อจะสำแดงว่าพระองค์ทรงฤทธานุภาพสถิตอยู่กับคนทั้งปวงที่มีใจซื่อสัตย์สุจริตต่อพระองค์.” (2 โคร. 16:9) ถ้อยคำดังกล่าวทำให้เรารู้สึกสบายใจสักเพียงไรขณะที่เราทำสิ่งถูกต้องแม้เผชิญความไร้เสถียรภาพ, ความรุนแรง, และความชั่วที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ในโลกที่ยุ่งยากนี้! จริงอยู่ แนวทางชอบธรรมของเราอาจทำให้มวลมนุษยชาติที่เหินห่างจากพระเจ้าแปลกใจ. แต่เราเองได้รับประโยชน์อย่างมากจากการยึดมั่นความชอบธรรมของพระยะโฮวา. (ยซา. 48:17; 1 เป. 4:4) ดังนั้น ให้เราตั้งใจแน่วแน่ที่จะรักความชอบธรรมอย่างสุดหัวใจ และประพฤติตามความชอบธรรมต่อ ๆ ไปซึ่งจะทำให้เรายินดี. อย่างไรก็ตาม การรักความชอบธรรมอย่างสุดหัวใจยังเกี่ยวข้องกับการที่เราต้องเกลียดการชั่วด้วย. บทความถัดไปจะแสดงให้เราเห็นว่านั่นหมายถึงอะไร.
[เชิงอรรถ]
a สำหรับการพิจารณาหลักการในคัมภีร์ไบเบิลที่เกี่ยวกับคำถามในเรื่องงานอาชีพ โปรดดูหอสังเกตการณ์ 15 เมษายน 1999 หน้า 28-29.
คุณจะตอบอย่างไร?
• เหตุใดการเห็นคุณค่าของค่าไถ่จึงจำเป็นเพื่อจะรักความชอบธรรม?
• เหตุใดจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่เราต้องเอา “ความชอบธรรมสวมเป็นเกราะป้องกันอก”?
• เราจะฝึกสติรู้สึกผิดชอบของเราได้โดยวิธีใด?
[ภาพหน้า 26]
สติรู้สึกผิดชอบที่ได้รับการฝึกช่วยเราเมื่อต้องตัดสินใจในเรื่องงานอาชีพ