ความรักแบบไหนทำให้มีความสุขจริง ๆ?
“ประชาชนที่มีพระยะโฮวาเป็นพระเจ้าก็มีความสุข”—สดุดี 144:15
1. ทำไมเราถึงบอกได้ว่าเรากำลังมีชีวิตอยู่ในช่วงเวลาที่ไม่เหมือนกับสมัยไหนเลย?
เรามีชีวิตอยู่ในช่วงเวลาที่ไม่เหมือนกับสมัยไหนในประวัติศาสตร์มนุษย์ คัมภีร์ไบเบิลบอกล่วงหน้าไว้ว่าพระยะโฮวาจะรวบรวมชนฝูงใหญ่ “จากทุกประเทศ ทุกตระกูล ทุกชนชาติ และทุกภาษา” คนเหล่านั้นเป็น “ชาติใหญ่” ที่มีมากกว่า 8 ล้านคน พวกเขาเป็นประชาชนที่มีความสุขซึ่งกำลัง “ทำงานรับใช้ที่ศักดิ์สิทธิ์ให้พระองค์ทั้งวันทั้งคืน” (วิวรณ์ 7:9, 15; อิสยาห์ 60:22) ไม่เคยมีคนมากขนาดนี้มาก่อนที่ได้มารักพระเจ้าและรักเพื่อนมนุษย์
2. คนที่ไม่ได้เป็นเพื่อนกับพระเจ้ามีความรักผิด ๆ แบบไหน? (ดูภาพแรก)
2 ถึงอย่างนั้น คัมภีร์ไบเบิลยังบอกล่วงหน้าอีกว่า ในสมัยของเรา คนที่ไม่ใช่เพื่อนของพระเจ้าจะมีความรักแบบผิด ๆ ซึ่งเป็นความรักที่เห็นแก่ตัว อัครสาวกเปาโลบอกไว้ว่าในสมัยสุดท้าย ผู้คนจะ “รักตนเอง” “รักเงิน” และ “รักสนุกมากกว่ารักพระเจ้า” (2 ทิโมธี 3:1-4, พระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับอมตธรรมร่วมสมัย ) ความรักที่เห็นแก่ตัวแบบนี้ตรงกันข้ามกับความรักที่เรามีต่อพระเจ้า บางคนอาจคิดว่าการทำสิ่งต่าง ๆ เพื่อตัวเองจะทำให้เขามีความสุข แต่จริง ๆ แล้วไม่ใช่เลย ความรักแบบนี้ทำให้โลกมีแต่ความเห็นแก่ตัวและ “ความยุ่งยากลำบาก”
3. เราจะเรียนอะไรในบทความนี้? และทำไม?
3 อัครสาวกเปาโลรู้ว่าความรักที่เห็นแก่ตัวจะเป็นเรื่องธรรมดาที่เห็นกันอยู่ทั่วไป และความรักแบบนี้เป็นอันตรายสำหรับคริสเตียน เปาโลจึงเตือนพวกเขาให้ “อยู่ห่าง ๆ” หรืออย่าไปยุ่งกับคนที่มีความรักที่เห็นแก่ตัวแบบนั้น (2 ทิโมธี 3:5) ถึงอย่างนั้น เป็นไปไม่ได้ที่เราจะไม่ติดต่อเกี่ยวข้องกับพวกเขาเลย ดังนั้น เราต้องทำอะไรเพื่อจะป้องกันตัวเองไม่ให้มีความคิดเหมือนคนทั่วไป และทำให้พระยะโฮวาพระเจ้าแห่งความรักพอใจ? ให้เรามาดูความแตกต่างระหว่างความรักที่พระเจ้าอยากให้เรามีกับความรักที่พูดถึงใน 2 ทิโมธี 3:2-4 การทำอย่างนี้จะช่วยเราตรวจดูตัวเองว่าเราได้แสดงความรักแบบที่ถูกต้องไหม ซึ่งถ้าเรามีความรักแบบนี้ เราจะมีความสุขและรู้สึกพอใจกับชีวิตจริง ๆ
รักพระเจ้าหรือรักตัวเอง?
4. ทำไมไม่ผิดที่เราจะรักตัวเองในแบบที่เหมาะสม?
4 เปาโลเขียนว่า “ผู้คนจะรักตนเอง” นี่หมายความว่าการรักตัวเองเป็นเรื่องผิดไหม? ไม่ใช่ มันเป็นเรื่องปกติที่จะรักตัวเองและมันก็เป็นเรื่องที่จำเป็นด้วย พระยะโฮวาสร้างเราให้เป็นแบบนั้น พระเยซูบอกว่า “ให้รักคนอื่นเหมือนรักตัวเอง” (มาระโก 12:31) นี่หมายความว่า เรารักคนอื่นไม่ได้ถ้าเราไม่รักตัวเอง คัมภีร์ไบเบิลยังบอกด้วยว่า “สามีก็เหมือนกัน ควรรักภรรยาเหมือนรักร่างกายตัวเอง ผู้ชายที่รักภรรยาก็รักตัวเอง ไม่มีผู้ชายคนไหนเกลียดร่างกายตัวเอง มีแต่จะดูแลและทะนุถนอม” (เอเฟซัส 5:28, 29) ดังนั้น เห็นได้ชัดว่าเราต้องรักตัวเองในแบบที่เหมาะสม
5. คนที่รักตัวเองมากเกินไปเป็นคนแบบไหน?
5 การรักตัวเองที่พูดถึงใน 2 ทิโมธี 3:2 ไม่ใช่ความรักที่ปกติหรือความรักในแบบที่ถูกต้อง แต่มันเป็นความรักที่เห็นแก่ตัว คนที่เป็นแบบนั้นจะคิดถึงตัวเองมากเกินไป (อ่านโรม 12:3) เขาสนใจตัวเองมากกว่าใครในโลก และพอมีอะไรผิดพลาดเกิดขึ้น เขาก็จะโทษคนอื่นแทนที่จะโทษตัวเอง หนังสืออธิบายคัมภีร์ไบเบิลเล่มหนึ่งเปรียบเทียบคนแบบนี้กับเม่นแคระ เม่นชนิดนี้จะม้วนตัวเป็นก้อนกลมคล้ายลูกบอลเพื่อจะได้รับความอบอุ่นจากขนนุ่ม ๆ ของมันเอง แต่คนอื่นก็ได้เห็นแต่หนามแหลม ๆ ของมัน คนที่รักตัวเองมากเกินไปก็เป็นเหมือนเม่นชนิดนี้แหละ คนแบบนี้ไม่ได้มีความสุขจริง ๆ
6. มีผลดีอะไรบ้างเมื่อเรามีความรักแบบที่พระเจ้าอยากให้เรามี?
6 นักวิชาการด้านคัมภีร์ไบเบิลบางคนเชื่อว่าที่เปาโลพูดถึงการรักตัวเองเป็นอย่างแรกก็เพราะความรักแบบนี้จะทำให้เกิดนิสัยไม่ดีอื่น ๆ ที่พูดถึงต่อจากนั้น แต่ความรักที่พระเจ้าอยากให้เรามีจะช่วยให้เรามีนิสัยที่ดีอื่น ๆ ด้วย คัมภีร์ไบเบิลแสดงให้เห็นว่าความรักแบบนี้เกี่ยวข้องกับความยินดี สันติสุข ความอดทนอดกลั้น ความกรุณา ความดี ความเชื่อ ความอ่อนโยน และการควบคุมตัวเอง (กาลาเทีย 5:22, 23) ผู้เขียนหนังสือสดุดีบอกไว้ว่า “ประชาชนที่มีพระยะโฮวาเป็นพระเจ้าก็มีความสุข” (สดุดี 144:15) พระยะโฮวาเป็นพระเจ้าที่มีความสุข และคนที่เป็นประชาชนของพระองค์ก็มีความสุขด้วย ไม่เหมือนกับคนที่รักตัวเองมากเกินไปที่คิดจะเอาแต่ได้ ผู้รับใช้พระยะโฮวามีความสุขเพราะเขาชอบให้คนอื่น—กิจการ 20:35
7. เราควรถามคำถามอะไรเพื่อจะรู้เกี่ยวกับความรักที่เรามีต่อพระเจ้า?
7 เราจะรู้ได้อย่างไรว่าเราเริ่มรักตัวเองมากกว่ารักพระเจ้า? ลองคิดถึงคำแนะนำที่ฉลาดนี้ดูสิ “อย่าทำอะไรด้วยน้ำใจชิงดีชิงเด่นหรือถือว่าตัวเองสำคัญ แต่ให้ถ่อมตัวและมองว่าคนอื่นดีกว่าตัวเอง อย่าเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัวเท่านั้น ให้เห็นแก่ประโยชน์ของคนอื่นด้วย” (ฟีลิปปี 2:3, 4) ดังนั้น เราอาจถามตัวเองว่า ‘ฉันทำตามคำแนะนำนี้ไหม? ฉันพยายามทำทุกอย่างที่พระเจ้าอยากให้ทำไหม? ฉันหาวิธีช่วยคนอื่นในประชาคมหรือที่เขตประกาศไหม?’ หลายครั้งมันไม่ใช่เรื่องง่ายที่เราจะสละเวลาและกำลังเพื่อคนอื่น นี่อาจหมายถึงเราต้องพยายามมากและเสียสละบางอย่างที่เราชอบ แต่ขอจำไว้ว่า ไม่มีอะไรทำให้เรามีความสุขได้มากเท่ากับการรู้ว่าพระเจ้าผู้ใหญ่ยิ่งสูงสุดในเอกภพพอใจในตัวเรา
8. พี่น้องบางคนได้ทำอะไรเพราะเขารักพระเจ้า?
8 พี่น้องบางคนรักพระเจ้าและอยากรับใช้พระองค์มากขึ้น จึงยอมลาออกจากงานที่มีรายได้ดีซึ่งอาจทำให้เขารวย ให้เรามาดูตัวอย่างของเอริกาที่เป็นหมอ เธอเลือกเป็นไพโอเนียร์แทนที่จะทุ่มเทให้กับงานอาชีพ เอริกากับสามีไปรับใช้ในหลายประเทศ เธอบอกว่า “การไปรับใช้ในเขตภาษาต่างประเทศทำให้เราได้ประสบการณ์ดี ๆ หลายอย่างและยังได้เพื่อนใหม่ด้วย สิ่งเหล่านี้ทำให้ชีวิตเรามีความหมายจริง ๆ” เอริกายังทำงานเป็นหมอ แต่เธอทุ่มเทเวลาและกำลังให้กับการสอนคนอื่นเรื่องพระยะโฮวาและการช่วยพี่น้อง เธอบอกว่าการทำอย่างนี้ทำให้เธอ “มีความสุขและรู้สึกพอใจกับชีวิตจริง ๆ”
ร่ำรวยในสวรรค์หรือบนโลก?
9. ทำไมคนที่รักเงินไม่มีความสุข?
9 เปาโลบอกว่าผู้คนจะ “รักเงิน” ไม่กี่ปีก่อนหน้านี้ไพโอเนียร์คนหนึ่งในไอร์แลนด์คุยกับผู้ชายคนหนึ่งเรื่องพระเจ้า ผู้ชายคนนั้นเปิดกระเป๋าสตางค์และชูแบงก์ขึ้นมาและบอกว่า “นี่ไงพระเจ้าของผม” ถึงแม้หลายคนไม่ได้พูดแบบนี้แต่ก็คิดแบบนี้จริง ๆ พวกเขารักเงินและทรัพย์สมบัติที่ซื้อมา แต่คัมภีร์ไบเบิลเตือนว่า “คนที่รักเงินไม่เคยพอใจกับเงินที่หามาได้ และคนที่รักสมบัติก็ไม่พอใจกับรายได้ของตัวเอง” (ปัญญาจารย์ 5:10) คนที่รักเงินไม่เคยพอใจกับเงินที่เขามี เขาอยากได้มากขึ้นเรื่อย ๆ และทุ่มเททั้งชีวิตเพื่อหาเงิน การทำแบบนั้นทำให้เขาต้อง “เจ็บปวดรวดร้าว”—1 ทิโมธี 6:9, 10
10. คัมภีร์ไบเบิลพูดอย่างไรเกี่ยวกับความรวยและความจน?
10 แน่นอนว่าเราต้องมีเงิน และเงินเป็นเหมือนเครื่องป้องกันในระดับหนึ่ง (ปัญญาจารย์ 7:12) แต่เราจะมีความสุขได้จริง ๆ ไหมถ้าเรามีแค่สิ่งจำเป็นพื้นฐานในชีวิต? มีแน่นอน (อ่านปัญญาจารย์ 5:12) อากูร์ลูกชายยาเคห์เขียนว่า “ขออย่าให้ผมจนหรือรวย ขอให้ผมมีอาหารแค่พอกิน” ไม่ยากที่จะเข้าใจว่าทำไมผู้ชายคนนี้ไม่อยากจน เขาบอกว่าถ้าเขาจนเขาอาจถูกล่อใจให้ขโมย และการขโมยทำให้พระยะโฮวาเสียชื่อ แต่ทำไมเขาถึงไม่อยากรวยล่ะ? เขาบอกว่า “เพราะถ้าผมอิ่ม ผมจะไม่สนใจพระองค์และพูดว่า ‘พระยะโฮวาเป็นใครกัน?’” (สุภาษิต 30:8, 9) คุณคงรู้จักบางคนที่วางใจในเงินทองแทนที่จะวางใจในพระเจ้า
11. พระเยซูพูดถึงเงินว่าอย่างไร?
11 คนรักเงินไม่สามารถทำให้พระเจ้าพอใจได้ พระเยซูบอกว่า “ไม่มีใครเป็นทาสนาย 2 คนได้ เพราะเขาจะเกลียดนายคนหนึ่งและรักนายอีกคนหนึ่ง หรือจะภักดีต่อนายคนหนึ่งและดูถูกนายอีกคนหนึ่ง คุณจะเป็นทั้งทาสพระเจ้าและทาสทรัพย์สมบัติด้วยไม่ได้” ท่านยังบอกอีกว่า “เลิกสะสมทรัพย์สมบัติให้ตัวเองบนโลกได้แล้ว เพราะของพวกนี้ถูกมอดและสนิมกินได้ และถูกคนมาขโมยไปได้ แต่ให้สะสมทรัพย์สมบัติไว้ในสวรรค์ เพราะที่นั่นไม่มีมอดและสนิมมากิน และไม่มีคนมาขโมยไปได้”—มัทธิว 6:19, 20, 24
12. การใช้ชีวิตเรียบง่ายช่วยเราอย่างไรให้รับใช้พระเจ้า? ขอยกตัวอย่าง
12 ผู้รับใช้พระยะโฮวามากมายรู้สึกว่าการพยายามใช้ชีวิตเรียบง่ายทำให้มีเวลามากขึ้นในการรับใช้พระยะโฮวาและทำให้มีความสุขมากขึ้นด้วย แจ็คพี่น้องที่สหรัฐขายบ้านหลังใหญ่และธุรกิจของเขาเพื่อจะมาเป็นไพโอเนียร์กับภรรยา เขาบอกว่า “ผมรู้สึกยากจริง ๆ ที่จะทิ้งบ้านสวย ๆ ที่อยู่ชานเมือง” หลายปีที่ผ่านมา เขาหงุดหงิดกลับมาบ้านตลอดเพราะปัญหาจากที่ทำงาน เขาเล่าว่า “ภรรยาของผมที่เป็นไพโอเนียร์ประจำมีความสุขตลอดเวลา เธอชอบพูดว่า ‘ฉันมีเจ้านายที่ดีที่สุดในโลกเลย’ ตอนนี้ผมได้เป็นไพโอเนียร์แล้ว และเรา 2 คนมีเจ้านายเดียวกันคือพระยะโฮวา”
13. อะไรจะช่วยให้เรารู้ว่าเราคิดอย่างไรกับเงิน?
13 เพื่อจะรู้ว่าเราคิดอย่างไรกับเงิน เราต้องซื่อสัตย์กับตัวเองและถามว่า ‘การใช้ชีวิตของฉันแสดงว่าฉันเชื่อในสิ่งที่คัมภีร์ไบเบิลบอกเรื่องเงินจริง ๆ ไหม? การหาเงินเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตของฉันไหม? ฉันสนใจเรื่องเงินทองมากกว่าความสัมพันธ์ที่มีกับพระยะโฮวาและคนอื่น ๆ ไหม? ฉันเชื่อจริง ๆ ไหมว่าพระองค์จะให้สิ่งจำเป็นกับฉัน?’ เรามั่นใจได้ว่าพระยะโฮวาจะไม่ทำให้คนที่วางใจพระองค์ผิดหวังเลย—มัทธิว 6:33
รักพระยะโฮวาหรือรักความสนุกสนาน?
14. อะไรคือความคิดที่สมดุลในเรื่องความสนุกสนาน?
14 คัมภีร์ไบเบิลยังบอกล่วงหน้าด้วยว่าในสมัยสุดท้ายผู้คนจะ “รักสนุก” เหมือนที่เรารู้ว่าไม่ผิดที่จะรักตัวเองอย่างเหมาะสมและมีความคิดที่สมดุลในเรื่องเงิน มันก็ไม่ผิดที่เราจะมีความสุขกับชีวิตในแบบที่สมดุลด้วย บางคนเชื่อว่าเขาไม่ควรสนุกกับชีวิตเลย แต่พระยะโฮวาไม่ได้อยากให้เราเป็นแบบนั้น คัมภีร์ไบเบิลบอกผู้รับใช้ที่ซื่อสัตย์ของพระองค์ว่า “ไปเถอะ ไปกินอาหารให้มีความสุขและดื่มเหล้าองุ่นให้ชื่นใจ”—ปัญญาจารย์ 9:7
15. การรักความสนุกสนานหมายความว่าอย่างไร?
15 ที่ 2 ทิโมธี 3:4 คัมภีร์ไบเบิลพูดถึงคนที่รักความสนุกสนานแทนที่จะรักพระเจ้า ผู้เชี่ยวชาญคนหนึ่งบอกว่า “ข้อคัมภีร์นี้พูดถึงคนที่ไม่ได้รักพระเจ้าเลย ไม่ใช่พูดถึงคนที่รักพระองค์อยู่บ้าง” ดังนั้นคนที่รักความสนุกสนานต้องระวังให้ดี คัมภีร์ไบเบิลบอกว่าคนที่รักความสนุกสนานคือคนที่ยอมให้ “ความสนุกสนานมาครอบงำ”—ลูกา 8:14
16, 17. พระเยซูวางตัวอย่างที่ดีในเรื่องความสนุกสนานอย่างไร?
16 พระเยซูทำให้เราเห็นว่าการมีความสมดุลในเรื่องความสนุกสนานหมายความว่าอย่างไร ท่านไป “งานแต่งงาน” และ “งานเลี้ยงใหญ่” (ยอห์น 2:1-10; ลูกา 5:29) ตอนนั้น ที่งานแต่งงานมีเหล้าองุ่นไม่พอ พระเยซูจึงทำการอัศจรรย์เปลี่ยนน้ำเป็นเหล้าองุ่น ในอีกเหตุการณ์หนึ่ง ตอนที่ผู้คนวิพากษ์วิจารณ์พระเยซูเกี่ยวกับการกินและดื่ม ท่านก็แสดงให้เห็นชัดเจนว่าคนพวกนั้นไม่มีความสมดุลในเรื่องความสนุกสนาน—ลูกา 7:33-36
17 แต่ถึงอย่างนั้น พระเยซูไม่ได้ให้ความสนุกสนานสำคัญที่สุดในชีวิตของท่าน พระเยซูให้พระยะโฮวามาเป็นอันดับแรก และท่านทำทุกอย่างเพื่อช่วยคนอื่น พระเยซูเต็มใจตายอย่างเจ็บปวดบนเสาทรมานเพื่อช่วยมนุษย์ให้รอด ท่านบอกคนที่อยากติดตามท่านว่า “เมื่อคุณโดนคนอื่นข่มเหง ด่าว่า และใส่ร้ายเพราะติดตามผม คุณก็มีความสุข ดีใจได้เลย เพราะคุณจะได้รางวัลที่มีค่ามากในสวรรค์ พวกผู้พยากรณ์ในสมัยก่อนก็โดนข่มเหงเหมือนคุณนี่แหละ”—มัทธิว 5:11, 12
18. เราควรถามตัวเองอะไรบ้างเพื่อจะรู้ว่าเรารักความสนุกสนานมากแค่ไหน?
18 เราจะรู้ได้อย่างไรว่าเรารักความสนุกสนานมากแค่ไหน? เราต้องถามตัวเองว่า ‘ความบันเทิงและความสนุกสนานสำคัญกับฉันมากกว่าการไปประชุมหรือไปรับใช้ไหม? ฉันเต็มใจสละบางอย่างที่ฉันชอบเพื่อจะรับใช้พระยะโฮวาไหม? ตอนที่ฉันเลือกความบันเทิงฉันคิดไหมว่าพระองค์มองสิ่งที่ฉันเลือกอย่างไร?’ เพราะเรารักพระยะโฮวาและอยากทำให้พระองค์มีความสุข เราจะไม่ใช่แค่ไม่ทำสิ่งที่รู้แน่ ๆ อยู่แล้วว่าผิด แต่เราจะไม่ทำแม้แต่สิ่งที่เราคิดว่าอาจทำให้พระองค์ไม่พอใจ—อ่านมัทธิว 22:37, 38
เราจะมีความสุขได้อย่างไร?
19. ใครที่ไม่มีวันมีความสุขได้จริง ๆ?
19 โลกของซาตานทำให้ผู้คนทนทุกข์มา 6,000 ปีแล้ว ตอนนี้เรากำลังอยู่ในสมัยสุดท้าย โลกนี้เต็มไปด้วยคนที่รักแต่ตัวเอง รักเงิน และรักความสนุกสนาน พวกเขาคิดจะเอาแต่ได้และให้ความต้องการของตัวเองเป็นเรื่องสำคัญในชีวิต แต่คนเหล่านั้นไม่ได้มีความสุขจริง ๆ ตรงกันข้าม คัมภีร์ไบเบิลบอกว่า “คนที่มีพระเจ้าของยาโคบเป็นผู้ช่วยก็มีความสุข คือคนที่หวังพึ่งพระยะโฮวาพระเจ้าของเขา”—สดุดี 146:5
20. การรักพระเจ้าทำให้คุณมีความสุขอย่างไร?
20 ผู้รับใช้พระยะโฮวารักพระองค์มาก และทุกปีมีผู้คนมากมายเข้ามารู้จักและรักพระองค์ด้วย นี่เป็นข้อพิสูจน์ว่ารัฐบาลของพระเจ้ากำลังปกครองอยู่ อีกไม่นานรัฐบาลนี้จะช่วยให้เราได้รับพรต่าง ๆ มากมายอย่างที่เราคาดไม่ถึง และถ้าเราทำสิ่งที่พระยะโฮวาบอก เราก็กำลังทำให้พระองค์มีความสุขและเราเองก็จะมีความสุขด้วย นี่เป็นความสุขแท้ คนที่รักพระยะโฮวาจะมีความสุขตลอดไป ในบทความหน้า เราจะดูด้วยกันเกี่ยวกับนิสัยไม่ดีบางอย่างที่เป็นผลจากการมีความรักที่เห็นแก่ตัว จากนั้น เราจะดูว่านิสัยที่ไม่ดีเหล่านี้ตรงข้ามกับนิสัยดี ๆ ของคนที่รับใช้พระยะโฮวาอย่างไร