บทหนึ่ง
“แม้ตายไปแล้วเขาก็ยังพูดอยู่”
1. ทำไมอาดามกับฮาวาเข้าไปในสวนเอเดนไม่ได้อีก และเฮเบลหวังในเรื่องใด?
เฮเบลมองดูฝูงแกะที่กำลังเล็มหญ้าอยู่อย่างมีความสุขขณะยืนอยู่บนไหล่เขา. จากจุดที่ฝูงแกะกินหญ้าอยู่ เขาอาจกวาดตาไปไกลจนเห็นแสงไฟอยู่ลิบ ๆ. เขารู้ว่าตรงนั้นมีกระบี่เพลิงหมุนอยู่ตลอดเวลาเพื่อกั้นทางเข้าสวนเอเดน. พ่อแม่ของเขาเคยอยู่ในสวนนั้น แต่ตอนนี้ไม่มีใครในครอบครัวเขาจะเข้าไปที่นั่นได้. ลองนึกภาพบรรยากาศยามเย็นขณะสายลมพัดผ่านเฮเบลและเขาแหงนหน้ามองฟ้าคิดถึงพระเจ้าผู้สร้างตัวเขา. เฮเบลอาจคิดว่ามีหนทางใดไหมที่จะประสานรอยร้าวระหว่างพระเจ้ากับมนุษย์. เขาหวังว่าสักวันหนึ่งเรื่องนี้จะเกิดขึ้นจริง.
2-4. เฮเบลพูดกับเราอย่างไร?
2 ทุกวันนี้เฮเบลพูดกับคุณอยู่. คุณได้ยินเสียงเขาไหม? คุณอาจคิดว่าเป็นไปไม่ได้. ลูกชายคนที่สองของอาดามตายไปนานแล้ว. ร่างกายของเขาก็เน่าเปื่อยกลายเป็นดินไปเกือบ 6,000 ปีแล้ว. พระคัมภีร์ยังบอกเราด้วยว่า “คนตายแล้วก็ไม่รู้อะไรเลย.” (ผู้ป. 9:5, 10) ยิ่งกว่านั้น ไม่มีการบันทึกคำพูดของเฮเบลในคัมภีร์ไบเบิลเลยแม้แต่คำเดียว. แล้วเฮเบลจะพูดกับเราได้อย่างไร?
3 อัครสาวกเปาโลได้รับการดลใจให้กล่าวถึงเฮเบลว่า “โดยความเชื่อ แม้ตายไปแล้วเขาก็ยังพูดอยู่.” (อ่านฮีบรู 11:4 ) ข้อนี้แสดงว่าเฮเบลพูดกับเราโดยทางความเชื่อ. เฮเบลเป็นมนุษย์คนแรกที่มีคุณลักษณะที่ดีเยี่ยมนี้. ความเชื่อของเฮเบลโดดเด่นมาก เขายังคงเป็นแบบอย่างที่ยอดเยี่ยมสำหรับเราในทุกวันนี้. ถ้าเราพิจารณาตัวอย่างของเฮเบลและพยายามเลียนแบบความเชื่อของเขา นั่นเท่ากับเฮเบลกำลังพูดกับเราจริง ๆ.
4 แต่เราจะเรียนรู้เรื่องของเฮเบลและความเชื่อของเขาได้อย่างไรในเมื่อพระคัมภีร์พูดถึงเขาน้อยมาก? ให้เรามาดูกัน.
เติบโตในสมัยที่โลกมีคนเพียงน้อยนิด
5. พระเยซูหมายความอย่างไรเมื่อตรัสว่าเฮเบลมีชีวิตอยู่ในช่วง “การวางรากของโลก”? (ดูเชิงอรรถด้วย)
5 เฮเบลเกิดมาในช่วงที่ประวัติศาสตร์มนุษย์เพิ่งเริ่มต้น. พระเยซูตรัสถึงเฮเบลว่ามีชีวิตอยู่ในช่วง “การวางรากของโลก.” (อ่านลูกา 11:50, 51 ) โลกที่พระเยซูตรัสถึงคือโลกแห่งมนุษยชาติที่มีความหวังจะได้รับการไถ่ถอนจากบาป. แม้เฮเบลจะเป็นมนุษย์คนที่สี่บนโลก แต่ดูเหมือนเขาจะเป็นคนแรกที่พระเจ้าเห็นว่าสามารถช่วยให้หลุดพ้นจากบาปได้.a เห็นชัดว่าช่วงที่เฮเบลเติบโตขึ้นไม่มีใครเป็นแบบอย่างที่ดีให้เขาเลย.
6. พ่อแม่ของเฮเบลเป็นคนอย่างไร?
6 แม้ว่าสังคมมนุษย์เพิ่งเริ่มต้น แต่อนาคตก็ดูมืดมนเหลือเกิน. อาดามและฮาวาพ่อแม่ของเฮเบลคงมีรูปร่างหน้าตางดงามและเต็มไปด้วยชีวิตชีวา. แต่พวกเขาทำผิดร้ายแรงต่อพระเจ้า ซึ่งพวกเขาก็รู้ตัวดี. พวกเขาเคยเป็นมนุษย์สมบูรณ์และมีความหวังจะมีชีวิตตลอดไป. แต่เมื่ออาดามกับฮาวาไม่เชื่อฟังพระยะโฮวาพระเจ้า พวกเขาจึงถูกไล่ออกจากสวนเอเดนอันงดงามที่เคยเป็นบ้านของพวกเขา. เนื่องจากพวกเขาคิดถึงความปรารถนาของตัวเองมากกว่าสิ่งอื่นและไม่สนใจแม้แต่อนาคตของลูกหลาน พวกเขาจึงต้องตายและไม่ได้เป็นมนุษย์สมบูรณ์อีกต่อไป.—เย. 2:15–3:24
7, 8. ฮาวาพูดอะไรเมื่อคายินเกิด และเธออาจนึกถึงอะไร?
7 เมื่อถูกไล่ไปอยู่นอกสวนเอเดน อาดามกับฮาวามีชีวิตลำบากมาก. ถึงกระนั้น เมื่อลูกชายคนแรกเกิดพวกเขาตั้งชื่อลูกว่าคายิน และฮาวาพูดว่า “ข้าพเจ้าได้บุตรคนนี้เพราะพระยะโฮวาเจ้า.” คำพูดของฮาวาแสดงว่าเธออาจนึกถึงคำสัญญาที่พระยะโฮวาตรัสไว้ในสวนเอเดนซึ่งเป็นคำพยากรณ์เกี่ยวกับหญิงคนหนึ่งที่จะให้กำเนิด “เผ่าพันธุ์” หรือผู้สืบเชื้อสายที่จะมาทำลายตัวชั่วร้ายซึ่งชักจูงอาดามกับฮาวาให้กบฏต่อพระเจ้า. (เย. 3:15; 4:1, 2) ฮาวาอาจคิดว่าเธอคือผู้หญิงในคำพยากรณ์นั้นและคายินคือผู้สืบเชื้อสายตามคำสัญญาของพระเจ้าก็ได้.
8 ถ้าฮาวาคิดเช่นนั้น เธอก็คิดผิดถนัด. นอกจากนั้น ถ้าฮาวากับอาดามสอนคายินให้คิดอย่างนั้นตั้งแต่เด็ก พวกเขาก็มีส่วนทำให้มนุษย์ไม่สมบูรณ์คนนี้กลายเป็นคนหยิ่ง. ต่อมา ฮาวาให้กำเนิดลูกคนที่สอง แต่ครั้งนี้เราไม่พบถ้อยคำใดเลยที่แสดงว่าเธอภูมิใจในลูกคนนี้. พวกเขาตั้งชื่อลูกว่าเฮเบล ซึ่งอาจแปลว่า “ลมหายใจ” หรือ “ความว่างเปล่า.” (เย. 4:2) การตั้งชื่อเช่นนี้แสดงว่าอาดามกับฮาวาคาดหวังในตัวเฮเบลน้อยกว่าคายินไหม? อาจเป็นไปได้.
9. พ่อแม่ในทุกวันนี้อาจเรียนอะไรได้จากพ่อแม่คู่แรก?
9 พ่อแม่ในทุกวันนี้อาจได้บทเรียนหลายอย่างจากอาดามกับฮาวาพ่อแม่คู่แรก. คุณกำลังหล่อหลอมลูกให้กลายเป็นคนหยิ่ง ทะเยอทะยาน และเห็นแก่ตัวโดยทางคำพูดและการกระทำของคุณไหม? หรือคุณจะสอนลูกให้รักพระยะโฮวาพระเจ้าและพยายามสร้างสายสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับพระองค์? น่าเสียดาย พ่อแม่คู่แรกไม่ได้ทำหน้าที่ของตนอย่างดี. ถึงกระนั้น ลูกหลานของพวกเขาก็ยังสามารถเป็นมิตรกับพระเจ้าได้.
เฮเบลมีความเชื่อได้อย่างไร?
10, 11. คายินกับเฮเบลทำงานอะไร และเฮเบลได้พัฒนาคุณลักษณะอะไร?
10 ขณะที่เด็กทั้งสองเติบโตขึ้น อาดามคงสอนพวกเขาให้ช่วยกันทำงานเพื่อความอยู่รอดของครอบครัว. เมื่อโตขึ้น คายินเป็นคนทำไร่ทำสวน ส่วนเฮเบลเป็นคนเลี้ยงแกะ.
11 อย่างไรก็ตาม เฮเบลทำสิ่งที่สำคัญกว่านั้น. ตลอดหลายปีที่เติบโตขึ้น เฮเบลได้พัฒนาความเชื่อในพระเจ้าซึ่งเป็นคุณลักษณะอันยอดเยี่ยมที่เปาโลกล่าวถึงในภายหลัง. แต่เฮเบลมีความเชื่อในพระยะโฮวาพระเจ้าได้อย่างไรในเมื่อไม่มีใครเป็นแบบอย่างที่ดีให้เขาเลย? ให้เราพิจารณาปัจจัยสามอย่างที่อาจช่วยเฮเบลให้พัฒนาความเชื่อที่เข้มแข็งในพระเจ้า.
12, 13. การสังเกตดูสิ่งทรงสร้างของพระยะโฮวาช่วยเฮเบลให้มีความเชื่อเข้มแข็งขึ้นเรื่อย ๆ อย่างไร?
12 สิ่งทรงสร้างของพระยะโฮวา. จริงอยู่ พระยะโฮวาได้สาปแช่งแผ่นดินให้มีต้นหนามและวัชพืชงอกขึ้นทำให้พืชที่มนุษย์เพาะปลูกไม่เจริญงอกงาม. แต่แผ่นดินก็ยังให้พืชผลมากพอที่จะเลี้ยงดูครอบครัวของเฮเบลได้. นอกจากนั้น พระเจ้าไม่ได้สาปแช่งสัตว์ต่าง ๆ ภูเขา ทะเลสาบ แม่น้ำลำธาร ทะเล ท้องฟ้า เมฆ ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และดวงดาว. ไม่ว่าจะมองไปที่ใด เฮเบลก็เห็นหลักฐานมากมายที่สะท้อนถึงความรักอันยิ่งใหญ่ สติปัญญา และคุณความดีของพระยะโฮวาพระเจ้า ผู้สร้างสรรพสิ่งทั้งปวง. (อ่านโรม 1:20 ) การใคร่ครวญสิ่งเหล่านี้ด้วยความสำนึกบุญคุณทำให้เฮเบลมีความเชื่อมากยิ่งขึ้น.
13 เฮเบลคงใช้เวลาใคร่ครวญเรื่องพระยะโฮวาเสมอ. ลองนึกภาพเฮเบลกำลังดูแลฝูงแกะของตน. แต่ละวันคนเลี้ยงแกะต้องเดินเป็นระยะทางไกล พาฝูงแกะที่เชื่องเดินขึ้นลงภูเขา ผ่านหุบเหวต่าง ๆ ข้ามแม่น้ำลำธารเพื่อหาทุ่งหญ้าเขียวสด แหล่งน้ำที่ดีที่สุด และที่ที่แกะจะพักได้อย่างปลอดภัย. ในบรรดาสัตว์ที่พระเจ้าสร้าง ดูเหมือนแกะจะเป็นสัตว์ที่ช่วยเหลือตัวเองได้น้อยที่สุดราวกับถูกสร้างมาเพื่อให้มนุษย์คอยปกป้องและนำทาง. การคอยดูแลแกะเช่นนี้อาจทำให้เฮเบลเห็นว่าตัวเขาเองก็จำเป็นต้องได้รับการชี้นำ การปกป้อง และการเอาใจใส่จากใครสักคนที่ฉลาดสุขุมและมีอำนาจสูงส่งกว่ามนุษย์. แน่นอน เฮเบลคงอธิษฐานเรื่องเหล่านี้บ่อย ๆ และนั่นคงทำให้เขามีความเชื่อเข้มแข็งขึ้นเรื่อย ๆ.
14, 15. สิ่งที่พระยะโฮวาบอกล่วงหน้าอาจทำให้เฮเบลใคร่ครวญถึงเรื่องใดบ้าง?
14 สิ่งที่พระยะโฮวาบอกล่วงหน้า. อาดามกับฮาวาคงเล่าให้ลูกชายฟังว่าเกิดอะไรขึ้นในสวนเอเดนซึ่งทำให้พวกเขาถูกไล่ออกจากสวน. ด้วยเหตุนี้ เฮเบลคงมีเรื่องมากมายให้ใคร่ครวญ.
15 พระยะโฮวาตรัสว่าแผ่นดินจะถูกสาปแช่ง. เฮเบลคงเห็นต้นหนามและวัชพืชงอกขึ้นอย่างที่พระเจ้าตรัสไว้. พระยะโฮวายังบอกล่วงหน้าด้วยว่าฮาวาจะเจ็บปวดมากเมื่อตั้งครรภ์และคลอดบุตร. ตอนที่น้อง ๆ เกิด เฮเบลคงได้เห็นว่าสิ่งที่พระเจ้าตรัสเป็นความจริง. พระยะโฮวารู้ล่วงหน้าว่าฮาวาจะเรียกร้องความรักความเอาใจใส่จากสามีอย่างมากและอาดามก็จะใช้อำนาจเหนือเธอ. เฮเบลคงได้เห็นสิ่งนี้เกิดขึ้นกับพ่อแม่ของเขาจริง ๆ. ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นคงทำให้เฮเบลเห็นว่าคำตรัสของพระยะโฮวาเชื่อถือได้อย่างไม่มีข้อสงสัย. เฮเบลจึงมีเหตุผลมากมายที่จะเชื่อสิ่งที่พระเจ้าบอกล่วงหน้าเกี่ยวกับ “เผ่าพันธุ์” หรือผู้สืบเชื้อสายที่จะมาแก้ไขความผิดพลาดที่เริ่มขึ้นในสวนเอเดน.—เย. 3:15-19
16, 17. เฮเบลได้เรียนรู้อะไรจากเครูบ?
16 ผู้รับใช้ของพระยะโฮวา. แม้ว่าไม่มีใครในครอบครัวเป็นตัวอย่างให้เฮเบล แต่ในเวลานั้น สิ่งทรงสร้างที่มีเชาวน์ปัญญาบนแผ่นดินโลกไม่ได้มีแต่มนุษย์. หลังจากอาดามกับฮาวาถูกไล่ออกจากสวนเอเดน พระยะโฮวาไม่อนุญาตให้พวกเขากับลูก ๆ เข้าไปในอุทยานเอเดนอีก. พระยะโฮวาตั้งเครูบ ทูตสวรรค์ที่มีตำแหน่งสูงมากให้คอยเฝ้าทางเข้าสวนและยังให้มีกระบี่เพลิงหมุนอยู่ตลอดเวลาด้วย.—อ่านเยเนซิศ 3:24
17 ลองนึกภาพว่าเฮเบลคงรู้สึกอย่างไรที่เห็นเครูบเหล่านี้ตั้งแต่เด็ก. ทูตสวรรค์ที่จำแลงกายเป็นมนุษย์คงดูน่าเกรงขามมากในสายตาของเฮเบล. “กระบี่” ที่มีไฟลุกโชนและหมุนอยู่ตลอดเวลาคงทำให้เขารู้สึกหวาดหวั่นไม่น้อย. ตั้งแต่เด็กจนโต เฮเบลเคยเห็นเครูบเหล่านั้นเบื่อหน่ายหรือละทิ้งหน้าที่ของตนไหม? ไม่. ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปกี่ปีหรือกี่สิบปี ทูตสวรรค์ที่มีฤทธิ์อำนาจและสติปัญญาเหล่านี้ยังยืนเฝ้าอยู่ที่เดิมทั้งวันทั้งคืน. นี่ช่วยให้เฮเบลรู้ว่าพระยะโฮวาพระเจ้าทรงมีผู้รับใช้ที่ชอบธรรมและซื่อสัตย์. เขาคงเห็นว่าเครูบเหล่านั้นภักดีและเชื่อฟังพระยะโฮวาเสมอ ซึ่งคนในครอบครัวเขาไม่มีคุณลักษณะเช่นนี้. ตัวอย่างของทูตสวรรค์คงเสริมความเชื่อของเฮเบลให้เข้มแข็งขึ้นอย่างแน่นอน.
18. อะไรบ้างจะช่วยเราให้มีความเชื่อที่เข้มแข็ง?
18 การได้ใคร่ครวญสิ่งที่พระยะโฮวาทรงเปิดเผยเกี่ยวกับพระองค์เองผ่านทางสิ่งทรงสร้าง สิ่งที่พระองค์บอกล่วงหน้า และจากตัวอย่างของทูตสวรรค์ คงทำให้ความเชื่อของเฮเบลเข้มแข็งขึ้นเรื่อย ๆ. ตัวอย่างของเฮเบลยังพูดอยู่หรือยังสอนบทเรียนแก่เรามิใช่หรือ? คนหนุ่มสาวคงได้กำลังใจเป็นพิเศษเมื่อรู้ว่าเขาสามารถพัฒนาความเชื่อแท้ในพระยะโฮวาพระเจ้าได้ไม่ว่าคนอื่นในครอบครัวจะดำเนินชีวิตอย่างไร. เนื่องจากทุกวันนี้เราเห็นสิ่งทรงสร้างที่น่าอัศจรรย์อยู่รอบตัว มีคัมภีร์ไบเบิลครบชุดให้อ่าน และมีตัวอย่างที่ดีของหลายคนที่แสดงความเชื่อในพระเจ้า เราจึงสามารถพัฒนาความเชื่อที่เข้มแข็งได้.
สิ่งที่ทำให้เครื่องบูชาของเฮเบลมีค่ามากกว่า
19. เฮเบลได้เข้าใจความจริงที่ลึกซึ้งอะไร?
19 เมื่อเฮเบลมีความเชื่อในพระยะโฮวามากขึ้น เขาก็ต้องการทำบางสิ่งเพื่อแสดงถึงความเชื่อของตน. แต่มนุษย์ธรรมดาจะถวายอะไรแก่พระผู้สร้างเอกภพได้? แน่ล่ะ พระเจ้าไม่ได้ต้องการของขวัญหรือความช่วยเหลือจากมนุษย์. ต่อมา เฮเบลได้เข้าใจความจริงที่ลึกซึ้งบางอย่างนั่นคือ ถ้าเขาถวายสิ่งที่ดีที่สุดแด่พระเจ้าและถวายด้วยเจตนาที่บริสุทธิ์ พระบิดาในสวรรค์ผู้เปี่ยมด้วยความรักจะยอมรับของถวายนั้นด้วยความพอพระทัย.
20, 21. คายินและเฮเบลถวายอะไรเป็นเครื่องบูชาแด่พระยะโฮวา และพระองค์ทรงรู้สึกอย่างไร?
20 เฮเบลเตรียมนำแกะบางตัวจากฝูงมาถวายพระเจ้า. ลูกแกะที่เขาเลือกล้วนเป็นแกะหัวปีที่สมบูรณ์. เฮเบลยังเลือกส่วนที่คิดว่าดีที่สุดของแกะเหล่านั้นไปถวายด้วย. คายินเองก็อยากได้รับความโปรดปรานและพระพรจากพระเจ้า เขาจึงเตรียมพืชผลมาถวาย. แต่เจตนาของเขาต่างจากเฮเบล. ความแตกต่างนี้เห็นได้ชัดตอนที่ทั้งสองถวายเครื่องบูชา.
21 ลูกชายทั้งสองของอาดามอาจตั้งแท่นบูชาในบริเวณที่เครูบมองเห็นได้ เพราะในเวลานั้นมีเพียงเครูบเหล่านี้เท่านั้นที่เป็นตัวแทนของพระยะโฮวาบนแผ่นดินโลก. พระยะโฮวาทรงรู้สึกอย่างไร? เราอ่านว่า “พระยะโฮวาทรงพอพระทัยเฮเบลและเครื่องบูชาของเขา.” (เย. 4:4) แต่พระเจ้าแสดงอย่างไรว่าพระองค์พอพระทัยเครื่องบูชาของเฮเบล คัมภีร์ไบเบิลไม่ได้บอก.
22, 23. เหตุใดพระยะโฮวาพอพระทัยเครื่องบูชาของเฮเบล?
22 ทำไมพระเจ้าพอพระทัยเครื่องบูชาของเฮเบล? ขึ้นอยู่กับชนิดของเครื่องบูชาไหม? อาจเป็นไปได้ เนื่องจากเฮเบลเลือกถวายสิ่งมีชีวิตและทำให้เลือดของมันไหลออกซึ่งเลือดนั้นหมายถึงชีวิต. เฮเบลรู้มาก่อนไหมว่าเครื่องบูชาแบบนี้มีค่ามาก? หลายพันปีต่อมาหลังจากสมัยของเฮเบล พระเจ้าทรงใช้เครื่องบูชาแกะที่สมบูรณ์ปราศจากตำหนิเป็นภาพแสดงถึงเครื่องบูชาที่สมบูรณ์ของพระบุตรผู้เป็น “พระเมษโปดกของพระเจ้า” ซึ่งต้องหลั่งโลหิตโดยปราศจากความผิดใด ๆ. (โย. 1:29; เอ็ก. 12:5-7) แต่เฮเบลคงไม่รู้เรื่องเหล่านี้เลย.
23 สิ่งที่เราแน่ใจได้คือ เฮเบลถวายสิ่งที่ดีที่สุดแด่พระเจ้า. พระยะโฮวาไม่เพียงพอพระทัยเครื่องบูชาของเขา แต่ยังพอพระทัยตัวเขาด้วย. เฮเบลถวายสิ่งที่ดีที่สุดแด่พระยะโฮวาเพราะเขารักพระองค์และมีความเชื่อแท้.
24. (ก) เครื่องบูชาที่คายินถวายเป็นสิ่งที่ไม่ดีไหม? (ข) คายินเป็นเหมือนผู้คนมากมายในทุกวันนี้อย่างไร?
24 ช่างต่างกันมากกับคายิน. คัมภีร์ไบเบิลบอกว่า “แต่คายินกับเครื่องบูชาของเขานั้น [พระยะโฮวา] ไม่พอพระทัยจะรับเลย.” (เย. 4:5) ที่เป็นเช่นนั้น ไม่ใช่เพราะเครื่องบูชาของคายินไม่ดี เนื่องจากต่อมาพระบัญญัติของพระเจ้าอนุญาตให้ถวายผลผลิตจากไร่นาเป็นเครื่องบูชาได้. (เลวี. 6:14, 15) แต่คัมภีร์ไบเบิลกล่าวถึงคายินว่า “การกระทำของเขาชั่ว.” (อ่าน 1 โยฮัน 3:12 ) เช่นเดียวกับผู้คนมากมายในทุกวันนี้ คายินคงคิดว่าแค่เขาแสดงความเลื่อมใสต่อพระเจ้าก็เพียงพอแล้ว. การกระทำของเขาหลังจากนั้นแสดงให้เห็นว่าเขาไม่ได้มีความเชื่อแท้หรือความรักต่อพระยะโฮวาเลย.
25, 26. พระยะโฮวาเตือนคายินในเรื่องใด แต่คายินทำอะไร?
25 เมื่อเห็นว่าพระยะโฮวาไม่พอพระทัยเครื่องบูชาของตน คายินพยายามเรียนจากตัวอย่างของเฮเบลไหม? ไม่. เขาทั้งโกรธและเกลียดน้องชาย. พระยะโฮวามองออกว่าคายินรู้สึกอย่างไรและพยายามช่วยเขาแก้ไขความคิดของตน. พระองค์เตือนคายินว่าความโกรธแค้นเช่นนั้นอาจชักนำเขาให้ทำบาปร้ายแรงได้. พระองค์บอกคายินว่าถ้าเขาแก้ไขความคิดผิด ๆ เขาจะ “เป็นที่ยอมรับ” คือได้รับความพอพระทัยจากพระเจ้า.—เย. 4:6, 7, พระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับอมตธรรมร่วมสมัย
26 คายินไม่ฟังคำเตือนของพระเจ้า. เขาชวนเฮเบลเดินไปที่ทุ่งนา เฮเบลไปกับเขาเพราะรักและเชื่อใจพี่. เมื่อไปถึง คายินก็ทำร้ายและฆ่าเฮเบล. (เย. 4:8) ในแง่หนึ่ง เฮเบลถือว่าเป็นคนแรกที่ถูกฆ่าเพราะการข่มเหงทางศาสนาและเป็นคนแรกที่พลีชีพเพื่อความเชื่อ. เฮเบลตายไปแล้ว แต่เรื่องราวของเขาไม่จบแค่นั้น.
27. (ก) เหตุใดเรามั่นใจว่าเฮเบลจะได้รับการปลุกให้มีชีวิตอีกครั้ง? (ข) เราต้องทำอะไรเพื่อจะได้พบเฮเบล?
27 คัมภีร์ไบเบิลพรรณนาให้เห็นภาพว่าโลหิตของเฮเบลได้ร้องขอความยุติธรรมหรือการแก้แค้นจากพระยะโฮวาพระเจ้า. และพระเจ้าทรงให้ความยุติธรรมแก่เฮเบลโดยลงโทษคายินผู้ชั่วช้าเนื่องจากเขาทำผิดร้ายแรง. (เย. 4:9-12) ที่สำคัญ บันทึกเกี่ยวกับความเชื่อของเฮเบลยังพูดกับเราผ่านทางคัมภีร์ไบเบิลจนถึงทุกวันนี้. เฮเบลอาจเสียชีวิตตอนอายุราว ๆ 100 ปี ซึ่งถือว่าสั้นมากเมื่อเทียบกับคนอื่น ๆ ในสมัยนั้น แต่เฮเบลก็ใช้ชีวิตคุ้มค่าแล้ว. เฮเบลตายไปโดยรู้ว่าพระยะโฮวาพระบิดาในสวรรค์ทรงรักและโปรดปรานเขา. (ฮีบรู 11:4) ดังนั้น เรามั่นใจได้ว่าเฮเบลจะอยู่ในความทรงจำอันไร้ขีดจำกัดของพระยะโฮวาและรอคอยวันที่จะได้รับการปลุกให้มีชีวิตอีกครั้งในอุทยานบนแผ่นดินโลก. (โย. 5:28, 29) คุณจะได้พบเขาไหม? คุณจะมีโอกาสได้พบเขาถ้าคุณตั้งใจฟังสิ่งที่เฮเบลพูดและเลียนแบบความเชื่อที่โดดเด่นของเขา.
a สำนวน “การวางรากของโลก” ถ่ายทอดแนวคิดเกี่ยวกับการสืบเผ่าพันธุ์ หรืออีกนัยหนึ่งคือการให้กำเนิดลูกหลาน. ดังนั้น สำนวนนี้จึงเกี่ยวข้องกับบุตรที่เกิดจากมนุษย์คู่แรก. แต่ทำไมพระเยซูจึงบอกว่า “การวางรากของโลก” เริ่มจากเฮเบลแทนที่จะเป็นคายินลูกคนแรกของอาดามและฮาวา? คายินจงใจขัดขืนอำนาจของพระยะโฮวาพระเจ้าดังที่เห็นได้จากการกระทำและการตัดสินใจของเขา. ด้วยเหตุนี้ เราอาจกล่าวได้ว่าคายินจะไม่ได้รับการไถ่ถอนจากบาปหรือไม่ได้รับการปลุกให้เป็นขึ้นจากตายเช่นเดียวกับพ่อแม่ของเขา.