บท 29
การร้องเพลงใหม่ฉลองชัยชนะ
นิมิต 9—วิวรณ์ 14:1-20
เรื่อง: ชน 144,000 คนอยู่กับพระเมษโปดกบนภูเขาซีโอน; เสียงประกาศของทูตสวรรค์ดังไปทั่วแผ่นดินโลก; พืชผลถูกเก็บเกี่ยว
เวลาที่สำเร็จเป็นจริง: ตั้งแต่ปี 1914 ถึงความทุกข์ลำบากครั้งใหญ่
1. เราได้เรียนรู้อะไรมาแล้วเกี่ยวกับวิวรณ์บท 7, 12, และ 13 และตอนนี้เราจะเรียนรู้เรื่องอะไร?
ช่างทำให้ชื่นใจเสียจริง ๆ เมื่อหันมาดูนิมิตถัดไปของโยฮัน! ตรงกันข้ามกับองค์การต่าง ๆ ของพญานาคซึ่งมีลักษณะเหมือนสัตว์ร้ายรูปร่างพิลึกพิกล บัดนี้เราเห็นผู้รับใช้ที่ภักดีของพระยะโฮวาและกิจกรรมต่าง ๆ ของเขาในระหว่างวันขององค์พระผู้เป็นเจ้า. (วิวรณ์ 1:10) พระธรรมวิวรณ์ 7:1, 3 ได้เผยให้เราเห็นว่า ลมแห่งความพินาศทั้งสี่ถูกยับยั้งไว้จนกว่าบรรดาผู้ทาสที่ถูกเจิม 144,000 คนได้รับตราประทับ. วิวรณ์ 12:17 (ล.ม.) แจ้งว่า “พงศ์พันธุ์ที่เหลือของนาง” ตกเป็นเป้าที่พญานาคคือซาตานเพ่งเล็งเป็นพิเศษในช่วงนั้น. และวิวรณ์บท 13 ให้ภาพชัดเจนถึงองค์การต่าง ๆ ทางการเมืองที่ซาตานตั้งขึ้นบนแผ่นดินโลกเพื่อก่อความกดดันและการข่มเหงอย่างรุนแรงแก่ผู้รับใช้ที่ซื่อสัตย์ของพระยะโฮวา. แต่ศัตรูตัวเอ้นี้ไม่อาจขัดขวางพระประสงค์ของพระเจ้าได้! ตอนนี้เราจะเรียนรู้ว่า ทั้งที่มีการกระทำที่ประสงค์ร้ายของซาตาน บรรดาชน 144,000 คนก็ได้รับการรวบรวมอย่างมีชัย.
2. โยฮันแสดงให้เราเห็นล่วงหน้าถึงตอนสุดท้ายที่น่ายินดีอะไรที่วิวรณ์ 14:1 และพระเมษโปดกคือผู้ใด?
2 โยฮัน และโดยทางท่าน ชนจำพวกโยฮันในสมัยนี้ ได้รับการแสดงให้เห็นล่วงหน้าถึงผลอันน่ายินดีนั้นดังนี้: “ข้าพเจ้าเห็นพระเมษโปดกทรงยืนอยู่บนภูเขาซีโอน และมีคนหนึ่งแสนสี่หมื่นสี่พันคนอยู่กับพระองค์ คนเหล่านี้มีพระนามของพระองค์และพระนามพระบิดาของพระองค์เขียนไว้บนหน้าผากพวกเขา.” (วิวรณ์ 14:1, ล.ม.) ดังที่เราเข้าใจแล้วว่า พระเมษโปดกนี้คือบุคคลเดียวกันกับมิคาเอลผู้ทรงชำระสวรรค์ให้สะอาดโดยการขับพญามารและพวกผีปิศาจของมันออกจากสวรรค์. พระองค์คือมิคาเอลซึ่งดานิเอลพรรณนาว่า ‘ยืนอยู่เพื่อเห็นแก่บุตรทั้งหลายแห่งชนชาติของ [พระเจ้า]’ ขณะท่านเตรียมตัว “จะยืนขึ้น” เพื่อดำเนินการลงโทษตามการพิพากษาอันชอบธรรมของพระยะโฮวา. (ดานิเอล 12:1, ล.ม.; วิวรณ์ 12:7, 9) ตั้งแต่ปี 1914 เป็นต้นมา พระเมษโปดกผู้ทรงสละตนเป็นเครื่องบูชาองค์นี้ของพระเจ้าได้ทรงยืนอยู่บนภูเขาซีโอนในฐานะเป็นกษัตริย์มาซีฮา.
3. “ภูเขาซีโอน” ที่พระเมษโปดกและชน 144,000 คนยืนอยู่นั้นคืออะไร?
3 เป็นดังที่พระยะโฮวาตรัสไว้ล่วงหน้า: “ฝ่ายเราได้ตั้งกษัตริย์ของเราไว้ที่ซีโอนภูเขาบริสุทธิ์ของเรา.” (บทเพลงสรรเสริญ 2:6; 110:2) ภูเขานี้ไม่ได้หมายถึงภูเขาซีโอนทางแผ่นดินโลกนี้อีกต่อไป อันเป็นที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ของกรุงเยรูซาเลมทางแผ่นดินโลกซึ่งเป็นกรุงที่กษัตริย์ในราชวงศ์ดาวิดเคยครองราชย์. (1 โครนิกา 11:4-7; 2 โครนิกา 5:2) ไม่เป็นเช่นนั้น เพราะภายหลังการวายพระชนม์และคืนพระชนม์ในปีสากลศักราช 33 แล้ว พระเยซูถูกตั้งเป็นหินหัวมุมแห่งฐานรากบนภูเขาซีโอนฝ่ายสวรรค์ สถานที่ในสวรรค์ซึ่งพระยะโฮวาทรงกำหนดไว้เพื่อตั้ง “นครแห่งพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่ เยรูซาเลมฝ่ายสวรรค์.” ดังนั้น “ภูเขาซีโอน” ในที่นี้หมายถึงตำแหน่งอันสูงส่งของพระเยซูและเหล่ารัชทายาทร่วมซึ่งประกอบกันเป็นเยรูซาเลมฝ่ายสวรรค์ อันได้แก่ราชอาณาจักร. (เฮ็บราย 12:22, 28, ล.ม.; เอเฟโซ 3:6) นั่นคือฐานะกษัตริย์อันรุ่งโรจน์ที่พระยะโฮวาทรงยกพวกเขาขึ้นดำรงในระหว่างวันขององค์พระผู้เป็นเจ้า. ตลอดหลายศตวรรษ เหล่าคริสเตียนผู้ถูกเจิม ในฐานะ “หินอันมีชีวิต” ได้ตั้งใจคอยท่าจะได้ยืนอยู่บนภูเขาซีโอนฝ่ายสวรรค์ร่วมกับพระเยซูคริสต์เจ้าผู้ทรงสง่าราศีในราชอาณาจักรอันเกรียงไกรของพระองค์.—1 เปโตร 2:4-6; ลูกา 22:28-30; โยฮัน 14:2, 3.
4. เป็นไปอย่างไรที่ชน 144,000 คนยืนอยู่บนภูเขาซีโอนหมดทุกคน?
4 โยฮันเห็นไม่เพียงแต่พระเยซูเท่านั้น แต่เห็นคณะรัชทายาทร่วมแห่งราชอาณาจักรฝ่ายสวรรค์โดยครบถ้วนทั้ง 144,000 คนยืนอยู่บนภูเขาซีโอน. ณ เวลาที่นิมิตนั้นหมายถึง หลายคนในจำนวน 144,000 อยู่ในสวรรค์แล้ว แต่ไม่ใช่ทุกคน. ต่อมาในนิมิตเดียวกัน โยฮันเรียนรู้ว่า สิทธชนบางคนยังจะต้องเพียรอดทนและตายอย่างซื่อสัตย์. (วิวรณ์ 14:12, 13) ดังนั้น ปรากฏชัดแจ้งว่า บางคนในจำพวก 144,000 คนยังคงอยู่ในแผ่นดินโลก. ฉะนั้น เป็นไปได้อย่างไรที่โยฮันเห็นพวกเขาทั้งปวงยืนอยู่กับพระคริสต์บนภูเขาซีโอน?a นั่นคือในแง่ที่ว่า ในฐานะสมาชิกประชาคมแห่งคริสเตียนผู้ถูกเจิม คนเหล่านี้ “มาถึงภูเขาซีโอนและนครแห่งพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่ เยรูซาเลมฝ่ายสวรรค์.” (เฮ็บราย 12:22, ล.ม.) เหมือนเปาโลเมื่อคราวที่ท่านยังมีชีวิตอยู่บนแผ่นดินโลก—ในแง่ฝ่ายวิญญาณ—พวกเขาถูกยกชูขึ้นเพื่อร่วมสามัคคีกับพระเยซูคริสต์ในสวรรค์สถาน. (เอเฟโซ 2:5, 6) นอกจากนั้น ในปี 1919 พวกเขาตอบรับคำเชิญที่ว่า “ขึ้นมาบนนี้เถิด” และโดยนัยแล้ว “ขึ้นไปในเมฆและเข้าไปในสวรรค์.” (วิวรณ์ 11:12, ล.ม.) เมื่อคำนึงถึงข้อคัมภีร์เหล่านี้ เราจึงเห็นได้ว่า 144,000 คนทั้งหมด—พูดในด้านวิญญาณ—ได้อยู่ที่ภูเขาซีโอนกับพระเยซูคริสต์แล้ว.
5. ชื่อของผู้ใดถูกจารึกไว้บนหน้าผากของชน 144,000 คน และแต่ละชื่อมีความหมายสำคัญอย่างไร?
5 ชน 144,000 คนไม่มีส่วนร่วมกับพวกผู้นมัสการสัตว์ร้าย ซึ่งถูกหมายไว้ด้วยเลขโดยนัย 666. (วิวรณ์ 13:15-18) ตรงกันข้าม ผู้ซื่อสัตย์ภักดีเหล่านี้มีพระนามของพระเจ้าและของพระเมษโปดกเขียนไว้ที่หน้าผากของเขา. ไม่ต้องสงสัย โยฮันซึ่งเป็นคนยิวได้เห็นพระนามของพระเจ้าเป็นอักษรฮีบรู יהרה.b เมื่อมีพระนามพระบิดาของพระเยซูเขียนโดยนัยไว้ที่หน้าผากของตน คนที่ได้รับการประทับตราเหล่านี้จึงทำให้คนทั้งปวงรู้ว่า พวกตนเป็นพยานของพระยะโฮวา ทาสของพระองค์. (วิวรณ์ 3:12) การที่พวกเขามีพระนามพระเยซูแสดงไว้ที่หน้าผากของเขาด้วยนั้นบ่งชี้ว่า พวกเขาได้รับรองเอาพระองค์เป็นเจ้าของ. พระองค์ทรงเป็น “สามี” ที่หมั้นไว้แล้ว และพวกเขาจะเป็น “เจ้าสาว” ของพระองค์ในกาลภายหน้า เป็น “คนถูกสร้างใหม่” ซึ่งรับใช้พระเจ้าด้วยมีความหวังจะได้ชีวิตในสวรรค์. (เอเฟโซ 5:22-24; วิวรณ์ 21:2, 9; 2 โกรินโธ 5:17) สัมพันธภาพอันใกล้ชิดที่พวกเขามีกับพระยะโฮวาและพระเยซูคริสต์นั้นมีผลกระทบต่อความคิดและการกระทำของเขา.
ร้องเพลงราวกับว่าเป็นเพลงใหม่
6. โยฮันได้ยินเสียงร้องเพลงอะไร และท่านพรรณนาถึงเสียงร้องนั้นอย่างไร?
6 ประสานกับเรื่องนี้ โยฮันแจ้งว่า “แล้วข้าพเจ้าก็ได้ยินเสียงจากสวรรค์ดุจเสียงน้ำไหลเชี่ยวและดุจเสียงฟ้าร้องดังสนั่น และเสียงที่ข้าพเจ้าได้ยินนั้นดุจเสียงพวกนักร้องซึ่งร้องเพลงคลอเสียงพิณที่ตนดีดอยู่. พวกเขาร้องเพลงราวกับว่าเป็นเพลงใหม่ตรงหน้าราชบัลลังก์นั้นและตรงหน้าสิ่งมีชีวิตทั้งสี่กับพวกผู้ปกครอง และไม่มีใครเรียนร้องเพลงนั้นได้นอกจากคนหนึ่งแสนสี่หมื่นสี่พันคนซึ่งถูกซื้อไว้แล้วจากแผ่นดินโลก.” (วิวรณ์ 14:2, 3, ล.ม.) ไม่แปลกเลยเมื่อโยฮันได้ยินเสียงชน 144,000 คนที่ร่วมร้องประสานเป็นเสียงเดียวอย่างไพเราะ ชวนให้นึกถึงเสียงน้ำตกอันดังสนั่นและเสียงฟ้าร้องกึกก้อง. น่าชื่นใจเสียนี่กระไรที่มีเสียงสดใสดั่งเสียงพิณเช่นนั้นคลอตามไปด้วย! (บทเพลงสรรเสริญ 81:2) จะมีนักร้องคณะไหนบนแผ่นดินโลกนี้อาจเทียบได้กับคณะนักร้องที่เลอเลิศเช่นนั้น?
7. (ก) เพลงใหม่ในวิวรณ์ 14:3 คืออะไร? (ข) เพลงในบทเพลงสรรเสริญ 149:1 เป็นเพลงใหม่อย่างไรในสมัยของเรา?
7 และ “เพลงใหม่” นี้คืออะไร? ดังที่เราสังเกตเห็นเมื่อพิจารณาวิวรณ์ 5:9, 10 เพลงนี้เกี่ยวข้องกับวัตถุประสงค์แห่งราชอาณาจักรของพระยะโฮวาและการจัดเตรียมอันดีวิเศษของพระองค์ ผ่านทางพระเยซูคริสต์ เพื่อตั้งอิสราเอลฝ่ายวิญญาณเป็น “อาณาจักรและปุโรหิตของพระเจ้า.” เป็นบทเพลงแห่งคำสรรเสริญแด่พระยะโฮวาที่ประกาศถึงสิ่งใหม่ซึ่งพระองค์ทรงทำให้สำเร็จโดยทางอิสราเอลของพระเจ้าและเพื่อประโยชน์ของเขา. (ฆะลาเตีย 6:16) สมาชิกแห่งอิสราเอลฝ่ายวิญญาณนี้ตอบรับคำเชิญของท่านผู้ประพันธ์บทเพลงสรรเสริญที่ว่า “ท่านทั้งหลาย จงสรรเสริญพระยะโฮวา. จงร้องเพลงบทใหม่ถวายพระยะโฮวา, จงสรรเสริญพระองค์ในสันนิบาตของพวกผู้ชอบธรรม. ให้พวกยิศราเอลชื่นชมในพระองค์ผู้ทรงสร้าง: ให้บุตรหลานของกรุงซีโอนยินดีในพระบรมมหากษัตริย์ของตน.” (บทเพลงสรรเสริญ 149:1, 2) จริงอยู่ ถ้อยคำดังกล่าวได้เขียนเมื่อหลายร้อยปีมาแล้ว แต่ในสมัยของเรา มีการร้องถ้อยคำเหล่านั้นด้วยความเข้าใจใหม่. ราชอาณาจักรมาซีฮาถือกำเนิดในปี 1914. (วิวรณ์ 12:10) ปี 1919 ประชาชนของพระยะโฮวาบนแผ่นดินโลกเริ่มประกาศ “คำแห่งแผ่นดินพระเจ้า” ด้วยความกระตือรือร้นอันแรงกล้าที่มีขึ้นใหม่ (มัดธาย 13:19) โดยได้รับพลังกระตุ้นจากข้อคัมภีร์ประจำปี 1919 (ยะซายา 54:17) และได้รับการหนุนกำลังใจจากการกลับคืนสู่อุทยานฝ่ายวิญญาณ ในปีนั้นพวกเขาได้เริ่ม ‘ร้องเพลงและมีดนตรีคลอเสียงแด่พระยะโฮวาในหัวใจของเขา.’—เอเฟโซ 5:19, ล.ม.
8. เพราะเหตุใดจึงมีเพียงชน 144,000 คนเท่านั้นที่สามารถเรียนเพลงใหม่ในวิวรณ์ 14:3 ได้?
8 แต่ทำไมมีเพียง 144,000 คนเท่านั้นที่สามารถเรียนเพลงนั้นซึ่งมีกล่าวถึงในวิวรณ์ 14:3? ก็เพราะเพลงนั้นเกี่ยวโยงกับการที่พวกเขาได้รับการเลือกสรรเป็นทายาทแห่งราชอาณาจักรของพระเจ้า. พวกเขาเท่านั้นถูกรับเข้ามาเป็นเหล่าบุตรของพระเจ้าและได้รับการเจิมด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์. พวกเขาเท่านั้นที่ถูกซื้อจากแผ่นดินโลกเพื่อมาเป็นส่วนแห่งราชอาณาจักรฝ่ายสวรรค์ และพวกเขาเท่านั้น “จะเป็นปุโรหิต . . . และจะปกครองเป็นกษัตริย์” กับพระเยซูคริสต์เป็นเวลาหนึ่งพันปีเพื่อนำมนุษยชาติเข้าสู่ความสมบูรณ์. พวกเขาเท่านั้นที่ปรากฏให้เห็นว่า “ร้องเพลงราวกับว่าเป็นเพลงใหม่” ในที่ประทับของพระยะโฮวาทีเดียว.c ประสบการณ์และความหวังอันยอดเยี่ยมเหล่านี้ทำให้เขามีความหยั่งรู้ค่าโดยเฉพาะต่อราชอาณาจักร และทำให้เขาสามารถร้องเพลงใหม่อย่างที่ไม่มีใครอื่นจะร้องได้.—วิวรณ์ 20:6, ล.ม.; โกโลซาย 1:13; 1 เธซะโลนิเก 2:11, 12.
9. ชนฝูงใหญ่ตอบรับอย่างไรต่อเสียงร้องเพลงของชนผู้ถูกเจิม และโดยวิธีนั้นพวกเขาได้ทำให้คำชักชวนอะไรสำเร็จเป็นจริง?
9 อย่างไรก็ดี คนอื่นฟังเสียงร้องเพลงของพวกเขาและตอบรับ. ตั้งแต่ปี 1935 ชนฝูงใหญ่แห่งแกะอื่นซึ่งมากขึ้นเรื่อย ๆ ได้ยินเสียงเพลงฉลองชัยของพวกเขาและถูกกระตุ้นให้ร่วมกับพวกเขาในการโฆษณาราชอาณาจักรของพระเจ้า. (โยฮัน 10:16; วิวรณ์ 7:9) จริงอยู่ คนใหม่เหล่านี้ไม่สามารถเรียนร้องเพลงใหม่ได้ถูกต้องแม่นยำเหมือนผู้ร่วมปกครองในอนาคตแห่งราชอาณาจักรของพระเจ้าร้อง. แต่พวกเขาก็เช่นกันที่เปล่งเสียงสรรเสริญอันไพเราะแด่พระยะโฮวาซึ่งเป็นเพลงสดุดีเทิดทูนพระยะโฮวาที่พระองค์ทรงบันดาลให้มีสิ่งใหม่ ๆ ขึ้นมา. ด้วยวิธีนี้ เขาทำให้คำชักชวนของผู้ประพันธ์บทเพลงสำเร็จเป็นจริงที่ว่า “จงร้องเพลงบทใหม่ถวายแก่พระยะโฮวา: ให้ชนชาวแผ่นดินโลกทั้งสิ้นร้องเพลงถวายสรรเสริญพระยะโฮวา. จงร้องเพลงถวายแก่พระยะโฮวา, จงถวายชัยแก่พระนามของพระองค์; จงประกาศความรอดของพระองค์ทุก ๆ วันต่อไป. จงประกาศพระเกียรติของพระองค์ในท่ามกลางชนประเทศทั้งปวง, และประกาศการอัศจรรย์ของพระองค์ในท่ามกลางบรรดามนุษย์โลก. ดูกร พงศ์พันธุ์ของชนประเทศต่าง ๆ, จงถวายแก่พระยะโฮวา, จงถวายรัศมีและเดชานุภาพแก่พระองค์. จงกล่าวในท่ามกลางชนประเทศทั้งปวงว่า, พระยะโฮวาทรงครอบครองอยู่.”—บทเพลงสรรเสริญ 96:1-3, 7, 10; 98:1-9.
10. เป็นไปได้อย่างไรที่ชน 144,000 คนจะร้องเพลง “ตรงหน้า” ผู้ปกครอง 24 คนโดยนัย?
10 ชน 144,000 คนร้องเพลง “ตรงหน้า” พวกผู้ปกครองโดยวิธีใด ในเมื่อผู้ปกครอง 24 คนก็คือชน 144,000 ในสง่าราศีฝ่ายสวรรค์? ตอนเริ่มวันขององค์พระผู้เป็นเจ้า คนเหล่านั้นที่ “ตายร่วมสามัคคีกับพระคริสต์” กลับฟื้นขึ้นจากตายเป็นกายวิญญาณ. ฉะนั้น ในขณะนี้คริสเตียนผู้ถูกเจิมที่ซื่อสัตย์ซึ่งได้ชัยชนะแล้วจึงอยู่ในสวรรค์ กล่าวโดยนัยคือทำหน้าที่ซึ่งเปรียบได้กับหน้าที่ของ 24 แผนกของผู้เฒ่าผู้แก่ที่เป็นปุโรหิต. พวกเขาถูกนับรวมอยู่ในนิมิตแสดงถึงองค์การฝ่ายสวรรค์ของพระยะโฮวา. (1 เธซะโลนิเก 4:15, 16; 1 โครนิกา 24:1-18; วิวรณ์ 4:4; 6:11) ดังนั้น ชนที่เหลือแห่งชน 144,000 คนที่ยังคงอยู่บนแผ่นดินโลกจึงร้องเพลงใหม่ต่อหน้า หรืออยู่ในสายตาพี่น้องของเขาในสวรรค์ซึ่งถูกปลุกขึ้นจากตายแล้ว.
11. ทำไมจึงกล่าวถึงผู้ถูกเจิมที่มีชัยว่าเป็นผู้ปกครอง 24 คน และเป็นชน 144,000 คนด้วย?
11 อนึ่ง ตรงจุดนี้เราอาจถามว่า ทำไมจึงได้กล่าวถึงผู้มีชัยชนะที่ถูกเจิมเหล่านี้ว่าเป็นผู้ปกครอง 24 คนโดยนัยและเป็นชนจำพวก 144,000 คนด้วย? ทั้งนี้เพราะพระธรรมวิวรณ์มองกลุ่มเดียวนี้จากสองแง่มุมต่างกัน. ผู้ปกครอง 24 คนเหล่านั้นปรากฏให้เห็นในตำแหน่งสูงเยี่ยมอยู่รอบราชบัลลังก์พระยะโฮวาตลอดเวลา ถูกตั้งไว้ในตำแหน่งกษัตริย์และปุโรหิตในสวรรค์. พวกเขาเป็นสัญลักษณ์แสดงถึงชนกลุ่ม 144,000 คนทั้งหมดในตำแหน่งฝ่ายสวรรค์ แม้เวลานี้มีชนที่เหลือจำนวนเล็กน้อยยังอยู่บนแผ่นดินโลก. (วิวรณ์ 4:4, 10; 5:5-14; 7:11-13; 11:16-18) อย่างไรก็ดี วิวรณ์บท 7 มุ่งความสนใจที่ชน 144,000 คนในฐานะที่ถูกนำออกมาจากมนุษยชาติ ทั้งยังได้เน้นวัตถุประสงค์ดีเยี่ยมที่พระยะโฮวาจะทรงประทับตราชนอิสราเอลฝ่ายวิญญาณเป็นรายบุคคลจนครบจำนวน และประทานความรอดแก่ชนฝูงใหญ่ไม่จำกัดจำนวน. วิวรณ์บท 14 แสดงภาพการยืนยันว่าชนจำพวกราชอาณาจักรจำนวนครบถ้วนแห่งผู้มีชัย 144,000 คนจะร่วมชุมนุมกับพระเมษโปดกบนภูเขาซีโอน. ส่วนคุณสมบัติที่ต้องบรรลุเพื่อจะถูกนับเป็นชนจำนวน 144,000 คนก็มีแจ้งไว้เช่นกัน ดังที่เราจะพิจารณาต่อไปนี้.d
ผู้ติดตามพระเมษโปดก
12. (ก) โยฮันพรรณนาต่อไปอย่างไรเกี่ยวกับชน 144,000 คน? (ข) มีการกล่าวถึงชน 144,000 คนว่าเป็นคนบริสุทธิ์ในความหมายเช่นไร?
12 ในคำพรรณนาของท่านต่อไปเกี่ยวกับชน 144,000 คนซึ่ง “ถูกซื้อไว้แล้วจากแผ่นดินโลก” โยฮันบอกพวกเราดังนี้: “คนเหล่านี้เป็นคนที่ไม่มีมลทินเนื่องจากการข้องแวะกับผู้หญิงพวกเขาเป็นคนบริสุทธิ์. คนเหล่านี้เป็นคนที่เฝ้าติดตามพระเมษโปดกไม่ว่าพระองค์จะเสด็จไปที่ไหน. คนเหล่านี้ถูกซื้อจากท่ามกลางมนุษย์เป็นผลแรกเพื่อถวายแด่พระเจ้าและพระเมษโปดก และไม่มีคำมุสาจากปากพวกเขา พวกเขาปราศจากตำหนิ.” (วิวรณ์ 14:4, 5, ล.ม.) ข้อเท็จจริงที่ว่า ชน 144,000 คนเป็น “คนบริสุทธิ์” ไม่ได้หมายความว่าสมาชิกของชนกลุ่มนี้จำต้องไม่แต่งงานขณะที่เป็นมนุษย์. อัครสาวกเปาโลเขียนไปยังคริสเตียนซึ่งถูกเรียกเป็นฝ่ายสวรรค์ว่า ถึงแม้การที่คริสเตียนครองความเป็นโสดมีข้อได้เปรียบ แต่ภายใต้บางสภาพการณ์ การจะสมรสก็ดีกว่า. (1 โกรินโธ 7:1, 2, 36, 37) สิ่งที่บอกลักษณะเฉพาะของชนจำพวกนี้คือความบริสุทธิ์ฝ่ายวิญญาณ. พวกเขาหลีกเว้นการผิดประเวณีฝ่ายวิญญาณกับการเมืองของโลกและกับศาสนาเท็จ. (ยาโกโบ 4:4; วิวรณ์ 17:5) ในฐานะที่ถูกหมั้นไว้เป็นเจ้าสาวของพระคริสต์ พวกเขาได้รักษาตัวให้บริสุทธิ์ “ปราศจากติเตียนในท่ามกลางคนชาติคดโกงและดื้อด้าน.”—ฟิลิปปอย 2:15.
13. เพราะเหตุใดชน 144,000 คนจึงเป็นเจ้าสาวที่เหมาะสมสำหรับพระเยซูคริสต์ และโดยวิธีใดพวกเขาจึง “เฝ้าติดตามพระเมษโปดกไม่ว่าพระองค์จะเสด็จไปที่ไหน”?
13 นอกจากนั้น “ไม่มีคำมุสาจากปากพวกเขา.” ในเรื่องนี้ เขาเป็นเหมือนพระเยซูคริสต์ พระมหากษัตริย์ของพวกเขา. ในฐานะมนุษย์สมบูรณ์ “พระองค์ไม่ได้ทรงทำบาป คำหลอกลวงก็ไม่มีในพระโอษฐ์ของพระองค์.” (1 เปโตร 2:21, 22, ล.ม.) ด้วยการเป็นคนสัตย์จริงและปราศจากด่างพร้อย ชน 144,000 คนจึงถูกเตรียมไว้เป็นเจ้าสาวที่บริสุทธิ์สำหรับมหาปุโรหิตของพระยะโฮวา. เมื่อพระเยซูทรงอยู่บนแผ่นดินโลก พระองค์ทรงเชิญบุคคลที่มีหัวใจเป็นธรรมให้ติดตามพระองค์ไป. (มาระโก 8:34; 10:21; โยฮัน 1:43) ผู้ที่ตอบรับก็ได้เลียนแบบการดำเนินชีวิตของพระองค์และเชื่อฟังคำสั่งสอนของพระองค์. ฉะนั้น ในช่วงชีวิตของพวกเขาทางแผ่นดินโลก เขา “เฝ้าติดตามพระเมษโปดกไม่ว่าพระองค์จะเสด็จไปที่ไหน” ขณะที่พระองค์ทรงนำทางพวกเขาผ่านโลกของซาตาน.
14. (ก) เป็นไปอย่างไรที่ชน 144,000 คนเป็น “ผลแรกเพื่อถวายแด่พระเจ้าและพระเมษโปดก”? (ข) ในความหมายเช่นไรที่ชนฝูงใหญ่ก็เป็นผลแรกเช่นกัน?
14 ชน 144,000 คน “ถูกซื้อไว้แล้วจากแผ่นดินโลก” “ถูกซื้อจากท่ามกลางมนุษย์.” พวกเขาถูกรับเป็นบุตรของพระเจ้า และภายหลังการปลุกให้คืนชีพแล้ว เขาจะไม่เป็นมนุษย์มีเลือดเนื้ออีกต่อไป. ดังกล่าวไว้ในข้อ 4 คนเหล่านี้เป็น “ผลแรกเพื่อถวายแด่พระเจ้าและพระเมษโปดก.” จริง ย้อนไปในศตวรรษแรก พระเยซูทรงเป็น “ผลแรกในพวกคนทั้งหลายที่ได้ล่วงหลับไป.” (1 โกรินโธ 15:20, 23) แต่ชน 144,000 คนเป็น “ผลแรกบางอย่าง” จากมนุษย์ที่ไม่สมบูรณ์ ถูกซื้อโดยเครื่องบูชาของพระเยซู. (ยาโกโบ 1:18, ล.ม.) ถึงกระนั้น การเก็บรวบรวมผลจากมวลมนุษย์ไม่เสร็จสิ้นไปพร้อมกับพวกเขา. พระธรรมวิวรณ์ระบุงานเก็บเกี่ยวชนฝูงใหญ่จำนวนนับไม่ถ้วนซึ่งร้องเสียงดังว่า “ความรอดมาจากพระเจ้าของเราผู้ประทับบนราชบัลลังก์ และมาจากพระเมษโปดก.” ชนฝูงใหญ่นี้จะรอดชีวิตผ่านความทุกข์ลำบากครั้งใหญ่ และขณะที่เขารับการบำรุงให้สดชื่นด้วย “น้ำพุทั้งหลายที่มีน้ำแห่งชีวิต” อย่างต่อเนื่อง เขาก็จะถูกยกระดับขึ้นสู่การเป็นมนุษย์สมบูรณ์อยู่บนแผ่นดินโลก. ภายหลังความทุกข์ลำบากครั้งใหญ่ ฮาเดสจะถูกทำให้ว่างเปล่า และอีกหลายล้านคนนับไม่ถ้วนจะได้รับการปลุกให้เป็นขึ้นจากตายและมีโอกาสดื่มน้ำแห่งชีวิตจากแหล่งเดียวกัน. เมื่อนึกถึงข้อนี้ คงไม่ผิดที่จะเรียกชนฝูงใหญ่ว่าเป็นผลแรกของแกะอื่น—เขาเป็นพวกแรกที่ “ได้ซักเสื้อคลุมของตนและทำให้ขาวด้วยพระโลหิตของพระเมษโปดก” ด้วยความหวังจะอยู่ตลอดไปบนแผ่นดินโลก.—วิวรณ์ 7:9, 10, 14, 17; 20:12, 13, ล.ม.
15. มีความสอดคล้องกันอย่างไรระหว่างผลแรกต่าง ๆ สามอย่างกับงานฉลองเทศกาลต่าง ๆ ตามพระบัญญัติของโมเซ?
15 ผลแรกทั้งสามอย่างนี้ (พระเยซูคริสต์, ชน 144,000 คน, และชนฝูงใหญ่) มีความสอดคล้องกันอย่างน่าสนใจกับเทศกาลต่าง ๆ ที่มีการฉลองตามบัญญัติของโมเซในสมัยก่อน. วันที่ 16 เดือนไนซาน ในระหว่างเทศกาลรับประทานขนมไม่มีเชื้อ มีการถวายข้าวบาร์เลย์ฟ่อนหนึ่งอันเป็นผลแรกจากการเกี่ยวแด่พระยะโฮวา. (เลวีติโก 23:6-14) วันที่ 16 เดือนไนซานคือวันที่พระเยซูได้รับการปลุกให้คืนพระชนม์. หลังจากวันที่ 16 เดือนไนซาน 50 วัน ตกในเดือนที่สาม ชาวอิสราเอลฉลองเทศกาลผลต้นฤดูเกี่ยวข้าวสาลี. (เอ็กโซโด 23:16; เลวีติโก 23:15, 16) เทศกาลนี้ต่อมาเรียกกันว่าเทศกาลเพนเทคอสต์ (มาจากคำภาษากรีกซึ่งหมายถึง “ที่ห้าสิบ”) และในวันเพนเทคอสต์ปีสากลศักราช 33 นั้นเอง ที่สมาชิกรุ่นแรกของชน 144,000 คนได้รับการเจิมด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์. ในที่สุด ในเดือนที่เจ็ดเมื่อรวบรวมผลจากการเก็บเกี่ยวทั้งหมดแล้วก็มีเทศกาลตั้งทับอาศัย เป็นวาระแห่งการขอบพระคุณด้วยความชื่นชมยินดีเมื่อชาวอิสราเอลอยู่ในทับที่ทำด้วยใบปาล์มและสิ่งอื่น ๆ เจ็ดวัน. (เลวีติโก 23:33-43) ตรงกับเรื่องนี้ ชนฝูงใหญ่ซึ่งเป็นส่วนแห่งการรวบรวมครั้งสำคัญนั้นก็แสดงการขอบพระคุณอยู่ตรงหน้าราชบัลลังก์โดย “ถือใบปาล์ม.”—วิวรณ์ 7:9, ล.ม.
การประกาศข่าวดีนิรันดร์
16, 17. (ก) โยฮันเห็นทูตสวรรค์บินอยู่ที่ไหน และทูตสวรรค์กำลังทำการประกาศเรื่องอะไร? (ข) มีใครเกี่ยวข้องอยู่ด้วยในงานประกาศราชอาณาจักร และประสบการณ์อะไรที่แสดงให้เห็นเรื่องนี้?
16 โยฮันบันทึกต่อไปดังนี้: “แล้วข้าพเจ้าเห็นทูตสวรรค์อีกองค์หนึ่งบินอยู่กลางท้องฟ้า ท่านมีข่าวดีนิรันดร์จะประกาศซึ่งเป็นข่าวที่น่ายินดีแก่คนเหล่านั้นที่อยู่บนแผ่นดินโลก รวมทั้งแก่ทุกประเทศ ทุกตระกูล ทุกภาษา และทุกชนชาติ ท่านกล่าวด้วยเสียงอันดังว่า ‘จงเกรงกลัวพระเจ้าและสรรเสริญพระองค์ เพราะเวลาที่พระองค์จะทรงพิพากษามาถึงแล้ว และจงนมัสการพระองค์ผู้ทรงสร้างฟ้าสวรรค์ แผ่นดินโลก ทะเล และน้ำพุทั้งหลาย.’” (วิวรณ์ 14:6, 7, ล.ม.) ทูตสวรรค์บินอยู่ “กลางท้องฟ้า” ที่ซึ่งนกทั้งหลายบินนั่นแหละ. (เทียบกับวิวรณ์ 19:17, ล.ม.) ฉะนั้น เสียงของทูตสวรรค์จึงได้ยินไปทั่วโลก. เสียงประกาศทั่วโลกของทูตสวรรค์องค์นี้จะแผ่ไปในขอบเขตที่ยิ่งใหญ่กว่าข่าวที่ถ่ายทอดทางโทรทัศน์สักปานใด!
17 ทุกคนได้รับคำเตือนให้กลัว ไม่ใช่สัตว์ร้ายหรือรูปของมัน แต่ให้กลัวพระยะโฮวา ผู้ทรงฤทธานุภาพยิ่งใหญ่กว่าสัตว์ร้ายโดยนัยตัวใด ๆ ที่อยู่ในความควบคุมของซาตานอย่างหาที่เปรียบไม่ได้. ทั้งนี้เพราะพระยะโฮวาได้ทรงสร้างสวรรค์และแผ่นดินโลก และมาบัดนี้ก็ถึงเวลาที่พระองค์จะทรงพิพากษาแผ่นดินโลก! (เทียบกับเยเนซิศ 1:1; วิวรณ์ 11:18.) เมื่ออยู่บนแผ่นดินโลก พระเยซูได้ทรงพยากรณ์ถึงสมัยของเราดังนี้: “และข่าวดีเรื่องราชอาณาจักรนี้จะได้รับการประกาศทั่วทั้งแผ่นดินโลกที่มีคนอาศัยอยู่ เพื่อเป็นพยานแก่ทุกชาติ; และครั้นแล้วอวสานจะมาถึง.” (มัดธาย 24:14, ล.ม.) ประชาคมคริสเตียนผู้ถูกเจิมกำลังทำงานมอบหมายนี้ให้บรรลุผล. (1 โกรินโธ 9:16; เอเฟโซ 6:15) ตอนนี้พระธรรมวิวรณ์เผยให้เห็นว่า เหล่าทูตสวรรค์ก็ร่วมในงานประกาศนี้เช่นกัน. บ่อยครั้งเพียงใดที่ปรากฏว่า ทูตสวรรค์ได้นำพยานพระยะโฮวาไปยังบ้านของบางคนที่เป็นทุกข์ใจซึ่งกำลังต้องการความช่วยเหลือทางฝ่ายวิญญาณ ถึงกับอธิษฐานขอด้วยซ้ำ!
18. ตามคำประกาศของทูตสวรรค์ที่บินอยู่กลางท้องฟ้า เวลาสำหรับสิ่งใดได้มาถึง และใครจะทำการประกาศต่อไป?
18 ดังที่ทูตสวรรค์ซึ่งบินอยู่กลางท้องฟ้าได้ประกาศ ชั่วโมงแห่งการพิพากษาได้มาถึง. บัดนี้ พระเจ้าจะทรงพิพากษาเรื่องอะไร? ผู้คนจะรู้สึกแปลบหูด้วยเสียงประกาศโดยทูตสวรรค์ องค์ที่สอง, ที่สาม, ที่สี่, และองค์ที่ห้า.—ยิระมะยา 19:3.
[เชิงอรรถ]
a ดังที่ 1 โกรินโธ 4:8 แสดงให้เห็น คริสเตียนผู้ถูกเจิมไม่ได้ปกครองเป็นกษัตริย์ขณะที่อยู่บนแผ่นดินโลกนี้. แต่อย่างไรก็ตาม ดังบริบทที่วิวรณ์ 14:3, 6, 12, 13 พวกเขาร่วมในการร้องเพลงใหม่โดยการประกาศข่าวดีขณะที่เพียรอดทนจนถึงที่สุดแห่งการงานทางแผ่นดินโลกของเขา.
b สิ่งนี้มีการสนับสนุนโดยการใช้ชื่อในภาษาฮีบรูในนิมิตอื่น ๆ พระเยซูได้รับชื่อภาษาฮีบรูว่า “อาบัดโดน” (หมายความว่า “การทำลาย”) และทรงลงโทษตามการพิพากษา ณ สถานที่ซึ่ง “มีชื่อในภาษาฮีบรูว่า ฮาร์มาเกโดน.”—วิวรณ์ 9:11; 16:16, ล.ม.
c ข้อคัมภีร์นั้นกล่าวว่า “ราวกับว่า เป็นเพลงใหม่” เนื่องจากตัวบทเพลงเองมีการบันทึกไว้ด้วยถ้อยคำเชิงพยากรณ์ในกาลโบราณ. แต่ไม่มีผู้ใดมีคุณสมบัติจะร้องเพลงนี้. บัดนี้ พร้อมด้วยการสถาปนาราชอาณาจักรและการปลุกเหล่าผู้บริสุทธิ์ให้เป็นขึ้นมา ความเป็นจริงต่าง ๆ ก็ได้ปรากฏขึ้นในความสำเร็จเป็นจริงของคำพยากรณ์เหล่านั้น และจึงถึงเวลาที่จะเปล่งเสียงร้องเพลงนั้นออกมาด้วยความสง่างามทุกประการ.
d อาจเทียบสภาพการณ์นี้กับสภาพการณ์ของทาสสัตย์ซื่อและสุขุมซึ่งแจกจ่ายอาหารแก่คนรับใช้ทั้งหลายตามเวลาที่สมควร. (มัดธาย 24:45) ชนจำพวกทาสในลักษณะเป็นหมู่คณะมีหน้าที่รับผิดชอบในการแจกจ่ายอาหาร แต่เหล่าคนรับใช้ คือสมาชิกแต่ละคน แห่งคณะนั้น ได้รับการเลี้ยงดูโดยรับการจัดเตรียมฝ่ายวิญญาณนั้น. พวกเขาเป็นกลุ่มเดียวกันแต่มีการกล่าวถึงด้วยถ้อยคำที่ต่างกัน—คือทั้งรวมกันและเป็นรายบุคคล.
[ภาพหน้า 202, 203]
144,000
ผู้ปกครอง 24 คน
รัชทายาทร่วมของพระเมษโปดก พระเยซูคริสต์ ดังที่มองเห็นได้จากสองแง่มุมที่ต่างกัน