คุณเห็นคุณค่าการสมรสซึ่งเป็นของประทานจากพระเจ้าจริง ๆ ไหม?
“ขอพระยะโฮวาทรงโปรดแก่เจ้าให้ต่างคนต่างมีที่อยู่ในเรือนของสามี.”—รูธ. 1:9
หาคำตอบสำหรับคำถามต่อไปนี้:
เหตุใดเราจึงกล่าวได้ว่าผู้รับใช้ของพระเจ้าในอดีตเห็นคุณค่าการสมรสซึ่งเป็นของประทาน?
เรารู้ได้อย่างไรว่าพระยะโฮวาทรงสนพระทัยว่าเราเลือกใครเป็นคู่สมรส?
คุณวางแผนว่าจะทำตามคำแนะนำอะไรจากคัมภีร์ไบเบิลในเรื่องการสมรส?
1. จงพรรณนาปฏิกิริยาของอาดามเมื่อพระเจ้าประทานภรรยาแก่เขา.
“นี่เป็นกระดูกแท้และเนื้อแท้ของเรา. จะต้องเรียกว่าหญิง, เพราะหญิงนี้ออกมาจากชาย.” (เย. 2:23) อาดาม มนุษย์คนแรก คงต้องมีความสุขจริง ๆ เมื่อเขาได้ภรรยา! ไม่แปลกเลยที่เขาพูดออกมาเป็นบทกวี! หลังจากที่พระยะโฮวาบันดาลให้อาดามหลับสนิท พระองค์ทรงสร้างหญิงที่งดงามขึ้นจากกระดูกซี่โครงซี่หนึ่งของเขา. หลังจากนั้น อาดามตั้งชื่อหญิงนี้ว่าฮาวา. พระเจ้าทรงประสานสองคนให้เป็นหนึ่งด้วยสายสมรสที่มีความสุข. เนื่องจากพระยะโฮวาทรงใช้ซี่โครงของอาดามเองเพื่อสร้างฮาวา ทั้งสองจึงใกล้ชิดกันยิ่งกว่าสามีภรรยาคู่ใด ๆ ในสมัยปัจจุบัน.
2. เหตุใดชายและหญิงจึงถูกดึงดูดให้เข้ามาหากัน?
2 ด้วยพระสติปัญญาที่ไม่มีใครเทียม พระยะโฮวาทรงใส่ความสามารถที่จะรักใคร่ผูกพันไว้ในตัวมนุษย์ ซึ่งเป็นสิ่งที่จะดึงดูดชายหญิงเข้ามาหากัน. สารานุกรม เดอะ เวิลด์ บุ๊ก กล่าวว่า “ชายหญิงที่แต่งงานกันคาดหวังที่จะมีความสัมพันธ์ทางเพศ รักใคร่และผูกพันกันอย่างยั่งยืน.” นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นท่ามกลางประชาชนของพระยะโฮวานับครั้งไม่ถ้วน.
พวกเขานับถือการสมรสซึ่งเป็นของประทาน
3. ยิศฮาคได้ภรรยาโดยวิธีใด?
3 อับราฮามผู้ซื่อสัตย์มีความนับถืออย่างสูงต่อการสมรส. ด้วยเหตุนั้น ท่านส่งคนรับใช้ที่อาวุโสที่สุดไปเมโสโปเตเมียเพื่อหาภรรยาให้ยิศฮาค. คนรับใช้ผู้นี้อธิษฐานขอให้พระยะโฮวาช่วย และทำงานมอบหมายได้สำเร็จ. ริบะคาห์ผู้เกรงกลัวพระเจ้าได้มาเป็นภรรยาที่รักของยิศฮาคและมีบทบาทในการจัดเตรียมของพระยะโฮวาในการคุ้มครองผู้สืบเชื้อสายของอับราฮาม. (เย. 22:18; 24:12-14, 67) เราไม่ควรลงความเห็นจากเรื่องนี้ว่า ใคร ๆ ก็อาจเป็นพ่อสื่อแม่ชักได้ถ้ามีเจตนาดีแม้ไม่ได้ถูกขอให้ช่วยก็ตาม. ในสังคมสมัยปัจจุบัน หลายคนเลือกคู่สมรสเอง. แน่นอน พระเจ้าไม่ได้เป็นผู้กำหนดว่าใครควรสมรสกับใคร แต่พระองค์จะทรงชี้นำคริสเตียนในเรื่องนี้และในแง่มุมอื่น ๆ ของชีวิตถ้าพวกเขาอธิษฐานขอการชี้นำและได้รับการทรงนำจากพระวิญญาณ.—กลา. 5:18, 25
4, 5. มีอะไรที่ทำให้คุณมั่นใจว่าหญิงชาวชูเลมกับชายเลี้ยงแกะมีความรู้สึกต่อกันเป็นพิเศษ?
4 สาวงามชาวชูเลมแห่งอิสราเอลโบราณไม่ต้องการให้ใครกดดันเธอให้เป็นมเหสีคนหนึ่งในบรรดามเหสีของกษัตริย์โซโลมอนซึ่งมีเป็นจำนวนมาก. เธอกล่าวว่า “บรรดาสตรีชาวเยรูซาเล็มเอ๋ย เรากำชับเจ้าว่า อย่าปลุกเร้าความรัก แต่ปล่อยให้เป็นไปตามครรลองของมัน.” (ไพเราะ. 8:4, ฉบับอมตธรรมร่วมสมัย ) หญิงสาวชาวชูเลมและชายเลี้ยงแกะคนหนึ่งมีความรู้สึกต่อกันเป็นพิเศษ. เธอกล่าวอย่างถ่อมใจว่า “ดิฉันเหมือนดอกฝรั่นในทุ่งชาโรน เหมือนดอกซ่อนกลิ่นในลุ่มแม่น้ำ.” แต่ชายเลี้ยงแกะตอบว่า “ดอกพลับพลึงท่ามกลางต้นกระชับนั้นอย่างไร ที่รักของฉันก็อยู่เด่นในท่ามกลางสาวอื่น ๆ อย่างนั้น”! (ไพเราะ. 2:1, 2, ฉบับ R73) ทั้งสองรักกันอย่างแท้จริง.
5 เนื่องจากหญิงชาวชูเลมและชายเลี้ยงแกะรักพระเจ้าเป็นอันดับแรก สายสมรสของทั้งสองคงจะเหนียวแน่นจริง ๆ. ที่จริง หญิงชาวชูเลมพูดกับชายเลี้ยงแกะผู้เป็นที่รักว่า “ให้ข้าเป็นเหมือนตราที่ประทับบนหัวใจเจ้า เหมือนตราที่ประทับบนแขนเจ้า เพราะความรักมีอำนาจมากเหมือนความตาย ความภักดีต่อคน ๆ เดียวคือสิ่งที่ความรักแท้ปรารถนาเสมออย่างที่หลุมศพเรียกหาคนตายเสมอ ความรักร้อนแรงเหมือนไฟ เหมือนเปลวไฟของยาห์ [เพราะมาจากพระยะโฮวา] สายน้ำหลายสายไม่อาจดับความรักได้ แม่น้ำกี่สายก็ไม่อาจพัดพาความรักไปได้.” (ไพเราะ. 8:6, 7, ล.ม.) เมื่อคิดเรื่องแต่งงาน ผู้รับใช้พระยะโฮวาควรเลือกคนที่มีมาตรฐานสูงและมีความผูกพันแบบเดียวกันนี้มิใช่หรือ?
การเลือกที่พระเจ้าทรงถือว่าสำคัญ
6, 7. เรารู้ได้อย่างไรว่าพระเจ้าทรงสนพระทัยว่าเราเลือกใครเป็นคู่สมรส?
6 พระยะโฮวาทรงสนพระทัยว่าคุณเลือกใครเป็นคู่สมรส. ชาวอิสราเอลได้รับพระบัญชาเกี่ยวกับพลเมืองชาวคะนาอันว่า “อย่าได้กระทำงานบ่าวสาวด้วยเขา. คือบุตรหญิงของเจ้า อย่ายกให้กับบุตรชายของเขา, และบุตรหญิงของเขาอย่ารับมาเป็นภรรยาบุตรชายของเจ้าเลย. ด้วยว่าจะให้บุตรชายของเจ้าหันหวนเสียจากเรา, ไปปฏิบัติพระอื่น ๆ พระยะโฮวาจึงจะทรงพิโรธต่อเจ้า, และทำลายเจ้าทั้งหลายเสียโดยเร็วพลัน.” (บัญ. 7:3, 4) หลายศตวรรษต่อมา เอษราซึ่งเป็นปุโรหิตประกาศว่า “เจ้าทั้งหลายได้หลงผิด, และได้รับผู้หญิงต่างประเทศมาเป็นภรรยากระทำให้การหลงผิดแห่งพวกยิศราเอลมากทวีขึ้น.” (เอษรา 10:10) และอัครสาวกเปาโลบอกเพื่อนคริสเตียนว่า “ภรรยาต้องอยู่กับสามีตราบที่เขามีชีวิตอยู่. แต่ถ้าสามีนางตายแล้ว นางก็มีอิสระจะแต่งงานกับคนที่นางต้องการ ถ้าเขาเป็นผู้ที่เชื่อในองค์พระผู้เป็นเจ้า.”—1 โค. 7:39
7 ถ้าผู้รับใช้ของพระยะโฮวาที่อุทิศตัวแล้วสมรสกับคนที่ไม่มีความเชื่อ นั่นย่อมเป็นการกระทำที่ไม่เชื่อฟังพระเจ้า. ชาวอิสราเอลในสมัยของเอษราประพฤติไม่ซื่อสัตย์โดยรับ “ผู้หญิงต่างประเทศมาเป็นภรรยา” และคงเป็นเรื่องผิดที่จะพยายามหาข้อแก้ตัวเพื่อจะไม่ทำตามพระบัญชาที่ชัดเจนในพระคัมภีร์. (เอษรา 10:10; 2 โค. 6:14, 15) คริสเตียนที่แต่งงานกับคนที่ไม่มีความเชื่อไม่ได้เป็นตัวอย่างที่ดีและไม่เห็นคุณค่าการสมรสซึ่งเป็นของประทานจากพระเจ้าอย่างแท้จริง. ถ้าเขาทำอย่างนั้นหลังจากรับบัพติสมาแล้ว เขาอาจสูญเสียสิทธิพิเศษบางอย่างในองค์การของพระเจ้า. และคงไม่สมเหตุผลที่จะคาดหมายว่าพระเจ้าจะทรงอวยพรขณะที่ยอมรับในคำอธิษฐานว่า ‘ข้าแต่พระยะโฮวา ข้าพเจ้าตั้งใจไม่เชื่อฟังพระองค์ แต่ขอพระองค์ทรงอวยพรข้าพเจ้าด้วยเถิด.’
พระยะโฮวาทรงรู้ดีที่สุด
8. จงอธิบายว่าทำไมเราควรทำตามคำแนะนำของพระเจ้าในเรื่องการสมรส.
8 ผู้สร้างเครื่องจักรรู้รายละเอียดทุกอย่างว่ามันทำงานอย่างไร. ถ้าเป็นเครื่องจักรที่คนซื้อต้องนำมาประกอบเอง ผู้สร้างสามารถให้รายละเอียดที่จำเป็นในการประกอบ. แต่จะว่าอย่างไรถ้าเราเพิกเฉยคำแนะนำและประกอบชิ้นส่วนต่าง ๆ ด้วยวิธีของเราเอง? ถึงแม้ว่าเครื่องนั้นอาจทำงานได้ แต่ก็อาจเกิดความเสียหายร้ายแรง. ดังนั้น ถ้าเราอยากจะมีชีวิตสมรสที่มีความสุข เราต้องทำตามคำแนะนำของพระยะโฮวา ผู้ก่อตั้งการสมรส.
9. เหตุใดเราอาจกล่าวได้ว่าพระยะโฮวาทรงเข้าใจความรู้สึกเหงาและทรงรู้ว่าการสมรสอาจก่อให้เกิดความสุขได้มาก?
9 พระยะโฮวาทรงทราบทุกสิ่งเกี่ยวกับมนุษย์และการสมรส. พระองค์ทรงใส่ความต้องการทางเพศไว้ในตัวมนุษย์เพื่อพวกเขาจะ “บังเกิดทวีมากขึ้นทั่วทั้งแผ่นดิน.” (เย. 1:28) พระเจ้าทรงเข้าใจความรู้สึกเหงา เพราะก่อนที่จะสร้างผู้หญิงคนแรก พระองค์ตรัสว่า “ซึ่งมนุษย์ผู้นั้นจะอยู่คนเดียวก็ไม่เหมาะ; เราจะสร้างขึ้นอีกคนหนึ่ง, ให้เป็นคู่เคียงเหมาะกับเขา.” (เย. 2:18) พระยะโฮวาทรงตระหนักดีด้วยว่าสายสัมพันธ์ในชีวิตสมรสอาจก่อให้เกิดความยินดีได้มากเพียงไร.—อ่านสุภาษิต 5:15-18
10. คู่สมรสคริสเตียนควรคำนึงถึงอะไรบ้างในเรื่องเพศสัมพันธ์?
10 เนื่องจากเผ่าพันธุ์มนุษย์ได้รับบาปและความไม่สมบูรณ์ตกทอดมาจากอาดาม จึงไม่มีคู่สมรสคู่ใดในสมัยปัจจุบันที่สมบูรณ์แบบ. อย่างไรก็ตาม การสมรสอาจก่อให้เกิดความสุขอย่างแท้จริงได้ถ้าผู้รับใช้ของพระยะโฮวาทำตามพระคำของพระองค์. ตัวอย่างเช่น ขอให้พิจารณาคำแนะนำที่ชัดเจนของเปาโลเกี่ยวกับเพศสัมพันธ์ในชีวิตสมรส. (อ่าน 1 โครินท์ 7:1-5) พระคัมภีร์ไม่ได้เรียกร้องให้คู่สมรสมีเพศสัมพันธ์กันด้วยจุดประสงค์เพื่อให้กำเนิดบุตรเท่านั้น. เพศสัมพันธ์ยังสนองความต้องการทางอารมณ์และทางกายได้ด้วย. แต่พระเจ้าไม่พอพระทัยเพศสัมพันธ์แบบวิปริตผิดธรรมชาติอย่างแน่นอน. ไม่ต้องสงสัยเลยว่าสามีภรรยาคริสเตียนต้องการปฏิบัติต่อคู่ของตนในด้านที่สำคัญนี้ของชีวิตสมรสด้วยความอ่อนละมุน ซึ่งทำให้พวกเขาสามารถแสดงความรักแท้ต่อกันและกัน. และเป็นเรื่องแน่นอนว่าพวกเขาควรหลีกเลี่ยงการกระทำใด ๆ ก็ตามที่พระยะโฮวาไม่พอพระทัย.
11. การทำสิ่งต่าง ๆ ตามแนวทางของพระยะโฮวาทำให้รูทได้รับพระพรอย่างไร?
11 ชีวิตสมรสควรเปี่ยมด้วยความยินดีและความสุข. โดยเฉพาะบ้านของคริสเตียนน่าจะเป็นสถานที่พักผ่อนและสงบสุข. ขอให้พิจารณาสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อประมาณ 3,000 ปีที่แล้วเมื่อนาอะมีหญิงม่ายชรากับอะระฟาและรูท ซึ่งเป็นลูกสะใภ้ม่ายของนาง กำลังเดินทางจากโมอาบไปยังยูดาห์. นาอะมีบอกลูกสะใภ้ทั้งสองให้กลับบ้านเกิดของตน. รูทชาวโมอาบไม่ยอมทิ้งนาอะมี ซื่อสัตย์ต่อพระเจ้าองค์เที่ยงแท้ และได้รับการรับรองว่าจะมี ‘บำเหน็จอันเต็มบริบูรณ์แต่พระยะโฮวา ซึ่งนางได้มาพึ่งพระบารมีของพระองค์.’ (รูธ. 1:9; 2:12) รูทเห็นคุณค่าการสมรสซึ่งเป็นของประทานจากพระเจ้าอย่างยิ่ง และนางได้มาเป็นภรรยาของโบอัศชายสูงอายุซึ่งเป็นผู้นมัสการแท้ของพระยะโฮวา. เมื่อกลับเป็นขึ้นจากตายและมีชีวิตในโลกใหม่ของพระเจ้า นางคงจะปลื้มใจยินดีที่ได้รู้ว่านางได้เป็นบรรพสตรีของพระเยซูคริสต์. (มัด. 1:1, 5, 6; ลูกา 3:23, 32) การที่นางทำสิ่งต่าง ๆ ตามแนวทางของพระยะโฮวาทำให้นางได้รับพระพรมากมายจริง ๆ!
คำแนะนำที่ดีซึ่งทำให้ชีวิตสมรสประสบความสำเร็จ
12. เราจะพบคำแนะนำที่ดีในเรื่องการสมรสได้จากที่ไหน?
12 ผู้ก่อตั้งการสมรสทรงบอกสิ่งที่เราจำเป็นต้องรู้เพื่อจะมีชีวิตสมรสที่ประสบความสำเร็จ. ไม่มีมนุษย์คนใดรู้มากเท่าพระองค์. คัมภีร์ไบเบิลถูกต้องเสมอ และวิธีเดียวที่คนเราจะสามารถใส่ใจคำแนะนำที่ดีในเรื่องการสมรสก็คือเขาต้องยึดมั่นกับมาตรฐานที่พระคัมภีร์วางไว้. ตัวอย่างเช่น อัครสาวกเปาโลเขียนโดยได้รับการดลใจว่า “ให้พวกท่านแต่ละคนรักภรรยาเหมือนรักตัวเอง ส่วนภรรยาก็ควรนับถือสามีอย่างสุดซึ้ง.” (เอเฟ. 5:33) ไม่มีอะไรที่ผู้ใหญ่คริสเตียนจะไม่เข้าใจเมื่ออ่านคำแนะนำในคัมภีร์ไบเบิลเช่นนี้. ปัญหาก็คือ พวกเขาจะทำตามพระคำของพระยะโฮวาไหม? พวกเขาจะทำตามถ้าพวกเขาเห็นคุณค่าการสมรสอันเป็นของประทานจากพระเจ้าจริง ๆ.a
13. ผลอาจเป็นเช่นไรถ้าไม่ทำตามคำแนะนำที่ 1 เปโตร 3:7?
13 สามีคริสเตียนควรปฏิบัติต่อภรรยาด้วยความรัก. อัครสาวกเปโตรเขียนว่า “ท่านทั้งหลายที่เป็นสามี จงอยู่กับภรรยาต่อ ๆ ไปในลักษณะเดียวกันตามความรู้ ให้เกียรตินางเหมือนเป็นภาชนะที่อ่อนแอกว่า คือเพศหญิง เพราะท่านกับนางเป็นผู้รับชีวิตอันเป็นของประทานด้วยพระกรุณาอันใหญ่หลวงด้วยกัน เพื่อคำอธิษฐานของพวกท่านจะไม่ถูกขัดขวาง.” (1 เป. 3:7) คำอธิษฐานของสามีอาจถูกขัดขวางได้ถ้าเขาไม่ทำตามคำแนะนำของพระยะโฮวา. สภาพฝ่ายวิญญาณของทั้งสองคงได้รับผลเสียหาย โดยที่อาจทำให้เกิดความตึงเครียดอย่างมาก การทะเลาะกัน และการกระทำที่เกรี้ยวกราดรุนแรง.
14. ภรรยาที่น่ารักอาจมีส่วนทำให้ชีวิตครอบครัวเป็นเช่นไร?
14 ภรรยาที่ได้รับการชี้นำจากพระคำของพระยะโฮวาและพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระองค์อาจมีส่วนช่วยอย่างมากในการทำให้บ้านเป็นสถานที่ที่สงบสุขและมีความสุข. เป็นเรื่องธรรมดาที่สามีผู้ยำเกรงพระเจ้าจะรักภรรยาและปกป้องเธอทั้งทางกายและฝ่ายวิญญาณ. เธอปรารถนาอย่างยิ่งที่จะได้รับความรักจากสามี เธอจึงแสดงคุณลักษณะที่ดีซึ่งช่วยให้เขารักเธอมากยิ่งขึ้น. สุภาษิต 14:1 กล่าวว่า “สตรีที่มีปัญญาทุกคนย่อมก่อสร้างบ้านเรือนของตนขึ้น; แต่ผู้ที่โฉดเขลาย่อมรื้อบ้านลงด้วยมือตนเอง.” ภรรยาที่สุขุมและเปี่ยมด้วยความรักมีส่วนอย่างมากในการทำให้ครอบครัวประสบความสำเร็จและมีความสุข. เธอยังแสดงให้เห็นด้วยว่าเธอเห็นคุณค่าการสมรสซึ่งเป็นของประทานจากพระเจ้าจริง ๆ.
15. เราพบคำแนะนำอะไรในเอเฟโซส์ 5:22-25?
15 สามีและภรรยาที่สังเกตตัวอย่างของพระเยซูในการปฏิบัติต่อประชาคมและนำมาใช้ในชีวิตสมรสของตนแสดงให้เห็นว่าพวกเขาเห็นคุณค่าการสมรสซึ่งเป็นของประทานจากพระเจ้า. (อ่านเอเฟโซส์ 5:22-25) คู่สมรสที่รักกันอย่างแท้จริงจะไม่ปล่อยให้ความหยิ่ง การนิ่งเงียบไม่ยอมพูดด้วยแบบเด็ก ๆ หรือนิสัยอื่น ๆ ที่ไม่เหมาะกับคริสเตียนมาทำลายชีวิตสมรสของพวกเขา. พระยะโฮวาทรงอวยพรคู่สมรสเหล่านี้!
อย่าให้ผู้ใดทำให้พวกเขาแยกจากกัน
16. เหตุใดคริสเตียนบางคนจึงรักษาตัวเป็นโสด?
16 แม้ว่าคนส่วนใหญ่วางแผนจะแต่งงานเมื่อถึงเวลาหนึ่งในชีวิต ผู้รับใช้บางคนของพระยะโฮวายังเป็นโสดเพราะพวกเขาไม่พบคู่ที่ตนพอใจและที่พระยะโฮวาพอพระทัย. ส่วนบางคนมีของประทานแห่งการเป็นโสดจากพระเจ้า ซึ่งทำให้พวกเขาทุ่มเทตัวในการรับใช้พระยะโฮวาได้โดยไม่มีสิ่งที่ทำให้พวกเขาห่วงหน้าพะวงหลังเหมือนกับคนที่สมรสแล้ว. แน่นอน คริสเตียนต้องรักษาตัวเป็นโสดโดยอยู่ในขอบเขตที่พระยะโฮวาทรงกำหนด.—มัด. 19:10-12; 1 โค. 7:1, 6, 7, 17
17. (ก) เราควรจำคำตรัสอะไรของพระเยซูเกี่ยวกับการสมรส? (ข) ถ้าคริสเตียนคนใดเริ่มโลภอยากได้คู่สมรสของคนอื่น เขาหรือเธอควรทำอะไรโดยไม่ชักช้า?
17 ไม่ว่าเราเป็นโสดหรือสมรสแล้ว เราทุกคนต้องจำคำตรัสของพระเยซูไว้ ที่ว่า “พวกเจ้าไม่ได้อ่านหรือว่าพระองค์ [พระเจ้า] ผู้ทรงสร้างมนุษย์ในตอนเริ่มต้นนั้นได้สร้างให้เป็นชายและหญิง แล้วตรัสว่า ‘ด้วยเหตุนี้ผู้ชายจะจากบิดามารดาไปผูกพันใกล้ชิดกับภรรยา และทั้งสองจะเป็นเนื้อหนังเดียวกัน’? พวกเขาจึงไม่เป็นสองอีกต่อไป แต่เป็นเนื้อหนังเดียวกัน. ฉะนั้น ที่พระเจ้าทรงผูกมัดไว้ด้วยกันแล้วนั้นอย่าให้มนุษย์ทำให้แยกจากกันเลย.” (มัด. 19:4-6) การโลภอยากได้คู่สมรสของคนอื่นเป็นบาป. (บัญ. 5:21) ถ้าคริสเตียนคนใดเริ่มเพาะความปรารถนาที่เป็นความละโมบเช่นนั้น เขาหรือเธอควรรีบขจัดความปรารถนาที่ไม่สะอาดเช่นนั้นออกไป แม้จะต้องเจ็บปวดใจมากเพราะเขาเองได้ปล่อยให้มีความปรารถนาที่เห็นแก่ตัวเกิดขึ้น. (มัด. 5:27-30) เป็นเรื่องสำคัญที่จะแก้ไขความคิดเช่นนั้นและข่มห้ามความปรารถนาที่ผิดบาปของหัวใจที่ไว้ใจไม่ได้.—ยิระ. 17:9
18. เราควรรู้สึกอย่างไรเกี่ยวกับการสมรสซึ่งเป็นของประทานจากพระเจ้า?
18 แม้แต่หลายคนที่แทบไม่รู้อะไรหรือไม่รู้เลยเกี่ยวกับพระยะโฮวาพระเจ้าและการสมรสซึ่งเป็นของประทานอันยอดเยี่ยมจากพระองค์ก็ยังนับถือสายสมรส. ยิ่งกว่านั้นสักเท่าไรที่เราซึ่งเป็นผู้ที่อุทิศตัวแด่พระยะโฮวา “พระเจ้าผู้มีความสุข” ควรจะชื่นชมยินดีในการจัดเตรียมทุกอย่างของพระองค์ และแสดงให้เห็นว่าเราเห็นคุณค่าการสมรสซึ่งเป็นของประทานจากพระเจ้าจริง ๆ!—1 ติโม. 1:11
[เชิงอรรถ]
a สำหรับการพิจารณาอย่างละเอียดเกี่ยวกับการสมรส โปรดดูหนังสือ “เป็นที่รักของพระเจ้าเสมอ” บท 10 และ 11.
[คำโปรยหน้า 6]
ชีวิตสมรสที่ดีนำคำสรรเสริญมาสู่พระยะโฮวาและทำให้ทุกคนในครอบครัวมีความสุขมาก
[ภาพหน้า 5]
รูทแสดงให้เห็นว่านางเห็นคุณค่าการสมรสซึ่งเป็นของประทานจากพระเจ้า
[ภาพหน้า 7]
คุณแสดงให้เห็นว่าคุณเห็นคุณค่าการสมรสซึ่งเป็นของประทานจากพระยะโฮวาจริง ๆ ไหม?