บทเก้า
พลังแห่งความหวังเรื่องการกลับเป็นขึ้นจากตาย
1. ถ้าไม่มีความหวังเรื่องการกลับเป็นขึ้นจากตาย จะมีความหวังอะไรสำหรับคนตาย?
คุณเคยสูญเสียผู้เป็นที่รักเนื่องจากความตายไหม? ถ้าไม่มีการกลับเป็นขึ้นจากตาย คงไม่มีความหวังที่จะได้พบพวกเขาอีก. พวกเขายังคงอยู่ในสภาพที่คัมภีร์ไบเบิลพรรณนาไว้ว่า “ส่วนคนตาย เขาไม่รับรู้อะไรเลย . . . เพราะไม่มีการงาน ทั้งไม่มีการวางแผน หรือความรู้หรือสติปัญญาในเชโอล [หลุมฝังศพ] ที่ซึ่งเจ้าจะไปนั้น.”—ท่านผู้ประกาศ 9:5, 10, ล.ม.
2. โอกาสอันน่าพิศวงอะไรที่เป็นไปได้โดยการกลับเป็นขึ้นจากตาย?
2 ด้วยพระเมตตา พระยะโฮวาทรงจัดให้มีการกลับเป็นขึ้นจากตายซึ่งเป็นการเปิดโอกาสอันประมาณค่ามิได้เพื่อผู้คนจำนวนมหาศาลที่ตายไปจะกลับเป็นขึ้นจากตายและมีชีวิตนิรันดร์. ทั้งนี้หมายความว่า คุณย่อมมีความหวังอันทำให้อบอุ่นใจที่ว่า สักวันหนึ่งในโลกใหม่ของพระเจ้า คุณจะได้อยู่ร่วมกันอีกกับผู้เป็นที่รักซึ่งหลับอยู่ในความตาย.—มาระโก 5:35, 41, 42; กิจการ 9:36-41.
3. (ก) การกลับเป็นขึ้นจากตายปรากฏว่าเป็นเรื่องสำคัญในทางใดบ้างในการทำให้พระประสงค์ของพระยะโฮวาบรรลุผลสำเร็จ? (ข) เมื่อใดโดยเฉพาะที่ความหวังเรื่องการกลับเป็นขึ้นจากตายเป็นแหล่งแห่งความเข้มแข็งสำหรับเรา?
3 เนื่องจากมีการกลับเป็นขึ้นจากตาย เราไม่จำเป็นต้องกลัวความตายจนเกินไป. โดยไม่ให้เกิดความเสียหายถาวรต่อเหล่าผู้รับใช้ที่ซื่อสัตย์ของพระองค์ พระยะโฮวาทรงยอมให้ซาตานใช้ความพยายามจนถึงขีดสุดเพื่อพิสูจน์ข้อกล่าวหาที่ประสงค์ร้ายของมันที่ว่า “คนย่อมสละอะไร ๆ ทุกสิ่งได้, เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนชีวิตของตนให้คงอยู่.” (โยบ 2:4) พระเยซูทรงซื่อสัตย์ต่อพระเจ้ากระทั่งถึงความตาย และดังนั้นพระเจ้าทรงปลุกพระองค์ขึ้นสู่ชีวิตทางภาคสวรรค์. ด้วยเหตุนี้ พระเยซูจึงสามารถเสนอคุณค่าแห่งเครื่องบูชาที่เป็นมนุษย์สมบูรณ์ของพระองค์ต่อหน้าราชบัลลังก์ในสวรรค์ของพระบิดา ซึ่งมีประโยชน์ในการช่วยชีวิตเรา. โดยการกลับเป็นขึ้นจากตาย ชน “ฝูงเล็ก” ในฐานะรัชทายาทร่วมกับพระคริสต์ มีความหวังที่จะอยู่กับพระองค์ในราชอาณาจักรฝ่ายสวรรค์. (ลูกา 12:32, ล.ม.) ส่วนคนอื่น ๆ นั้นมีความหวังเรื่องการกลับเป็นขึ้นจากตายสู่ชีวิตนิรันดร์บนแผ่นดินโลกที่เป็นอุทยาน. (บทเพลงสรรเสริญ 37:11, 29) คริสเตียนทุกคนพบว่า ความหวังเรื่องการกลับเป็นขึ้นจากตายจะเป็นแหล่งแห่งความเข้มแข็ง “มากกว่าปกติ” เมื่อพวกเขาประสบการทดลองที่ทำให้ต้องเผชิญหน้ากับความตาย.—2 โกรินโธ 4:7, ล.ม.
เหตุที่การกลับเป็นขึ้นจากตาย เป็นพื้นฐานสำหรับความเชื่อของคริสเตียน
4. (ก) การกลับเป็นขึ้นจากตายเป็น “หลักคำสอนพื้นฐาน” ในแง่ใด? (ข) การกลับเป็นขึ้นจากตายมีความหมายอย่างไรต่อโลกโดยทั่วไป?
4 ดังที่บอกไว้ในเฮ็บราย 6:1, 2 (ล.ม.) การกลับเป็นขึ้นจากตายเป็น “หลักคำสอนพื้นฐาน.” เรื่องนี้เป็นส่วนฐานรากของความเชื่อ ถ้าเราไม่เชื่อเรื่องนี้ เราก็ไม่อาจเป็นคริสเตียนที่อาวุโสได้เลย. (1 โกรินโธ 15:16-19) อย่างไรก็ดี คำสอนของคัมภีร์ไบเบิลเรื่องการกลับเป็นขึ้นจากตายเป็นเรื่องแปลกสำหรับความคิดของโลกโดยทั่วไป. เมื่อขาดความสนใจในสิ่งฝ่ายวิญญาณ ผู้คนมากขึ้นเรื่อย ๆ มองเห็นแต่เพียงชีวิตนี้ว่าเป็นชีวิตจริง ๆ. พวกเขาจึงดำเนินชีวิตแบบที่มุ่งติดตามความเพลิดเพลิน. แล้วยังมีผู้ที่ยึดมั่นกับศาสนาตามจารีตประเพณีทั้งในและนอกคริสต์ศาสนาจักร ซึ่งคิดว่าคนเรามีบางสิ่งที่อมตะอยู่ในตัวเขา. แต่ความเชื่อนั้นไม่อาจลงรอยกับคำสอนของคัมภีร์ไบเบิลเรื่องการกลับเป็นขึ้นจากตาย เนื่องจากคงไม่จำเป็นต้องมีการกลับเป็นขึ้นตายถ้ามนุษย์มีบางสิ่งที่อมตะ ซึ่งยังดำรงอยู่ต่อไปหลังจากที่ร่างกายตายไปแล้ว. การพยายามผสมผสานแนวคิดทั้งสองเข้าด้วยกันมีแต่จะก่อให้เกิดความสับสนยิ่งกว่าก่อให้เกิดความหวัง. เราจะช่วยสุจริตชนซึ่งต้องการจะรู้ความจริงได้อย่างไร?
5. (ก) ก่อนที่คนเราจะเข้าใจเรื่องการกลับเป็นขึ้นจากตาย เขาจำต้องรู้อะไร? (ข) ข้อคัมภีร์ไหนที่คุณจะใช้อธิบายเรื่องจิตวิญญาณ? เรื่องสภาพของคนตาย? (ค) เราอาจทำอะไรถ้าบางคนใช้คัมภีร์ไบเบิลฉบับแปลที่ดูเหมือนปิดบังความจริง?
5 ก่อนที่คนเหล่านั้นจะเข้าใจว่าการกลับเป็นขึ้นจากตายเป็นการจัดเตรียมที่น่าพิศวงเช่นนั้น พวกเขาต้องมีความเข้าใจอย่างถูกต้องเรื่องจิตวิญญาณและสภาพของคนตาย. บ่อยครั้งข้อคัมภีร์เพียงไม่กี่ข้อก็พอจะทำให้เรื่องเหล่านี้กระจ่างชัดสำหรับผู้ที่อยากรู้ความจริงในคัมภีร์ไบเบิล. (เยเนซิศ 2:7; บทเพลงสรรเสริญ 146:3, 4; ยะเอศเคล 18:4) อย่างไรก็ดี คัมภีร์ไบเบิลฉบับแปลสมัยใหม่และฉบับที่แปลแบบถอดความบางฉบับปิดบังความจริงเรื่องจิตวิญญาณ. ฉะนั้น อาจจำเป็นต้องพิจารณาสำนวนภาษาเดิมที่ใช้ในคัมภีร์ไบเบิล.
6. คุณจะช่วยผู้คนให้เข้าใจความหมายของคำจิตวิญญาณได้อย่างไร?
6 คัมภีร์ไบเบิลฉบับแปลโลกใหม่ มีคุณค่าเป็นพิเศษในเรื่องนี้เนื่องจากแปลคำภาษาฮีบรูเนเฟช และคำภาษากรีกพซีเค ซึ่งมีความหมายเดียวกันได้อย่างถูกต้องแม่นยำ. ในภาคผนวกของฉบับแปลนี้ได้ลงข้อคัมภีร์หลายข้อที่มีสองคำนี้ปรากฏอยู่. คัมภีร์ไบเบิลฉบับแปลอื่น ๆ หลายฉบับแปลคำภาษาเดิมนี้ไม่ค่อยถูก. การวิเคราะห์วิธีที่คัมภีร์ไบเบิลใช้คำภาษาฮีบรูและกรีกที่มักแปลว่า “จิตวิญญาณ” จะช่วยผู้ศึกษาที่มีความจริงใจให้รู้ว่าคำภาษาเดิมนั้นหมายถึงทั้งคนและสัตว์. แต่สองคำนี้ไม่ได้ถ่ายทอดความคิดที่ว่าจิตวิญญาณเป็นสิ่งที่มองไม่เห็น จับต้องไม่ได้ ซึ่งออกจากร่างกายเมื่อเราตายและดำรงอยู่ต่อไป ณ ที่ใดที่หนึ่ง.
7. คุณจะอธิบายจากคัมภีร์ไบเบิลอย่างไรเกี่ยวกับสภาพของผู้ที่อยู่ในหลุมฝังศพทั่วไปของมนุษยชาติ? สภาพของผู้ที่อยู่ในเกเฮนนา?
7 คัมภีร์ไบเบิลฉบับแปลโลกใหม่ ยังเสมอต้นเสมอปลายในการแปลคำภาษาฮีบรู เชโอล ซึ่งมีความหมายอย่างเดียวกับคำภาษากรีกฮาเดส และเสมอต้นเสมอปลายในการใช้คำ “เกเฮนนา” สำหรับคำภาษากรีกเกเอนนา ด้วย. (บทเพลงสรรเสริญ 16:10; กิจการ 2:27) คัมภีร์ไบเบิลฉบับแปลโลกใหม่ แสดงให้เห็นชัดว่า ทั้งเชโอล และฮาเดส นั้นหมายถึงหลุมฝังศพทั่วไปของมนุษยชาติซึ่งเกี่ยวข้องกับความตาย มิใช่ชีวิต. (บทเพลงสรรเสริญ 89:48; วิวรณ์ 20:13) นอกจากนั้น พระคัมภีร์ยังชี้ให้เห็นถึงโอกาสที่จะได้ออกมาจากหลุมฝังศพดังกล่าวโดยการกลับเป็นขึ้นจากตาย. (โยบ 14:13; กิจการ 2:31) ตรงกันข้าม ไม่มีความหวังเรื่องชีวิตในอนาคตสำหรับผู้ที่ไปยังเกเฮนนา และไม่เคยมีการกล่าวถึงจิตวิญญาณประหนึ่งว่ายังดำรงอยู่ที่นั่นแบบที่รู้สึกตัว.—มัดธาย 10:28.
8. ความเข้าใจอย่างถูกต้องเรื่องการกลับเป็นขึ้นจากตายมีอิทธิพลต่อทัศนะและการกระทำของคนเราอย่างไร?
8 เมื่อเรื่องเหล่านี้เป็นที่เข้าใจแล้ว ผู้คนจะได้รับการช่วยให้เข้าใจว่าการกลับเป็นขึ้นจากตายอาจมีความหมายเพียงไรสำหรับเขา. เขาจะเริ่มหยั่งรู้ค่าความรักของพระยะโฮวาที่ทรงทำการจัดเตรียมอันน่าพิศวงเช่นนั้น. ความโศกเศร้าของผู้ที่สูญเสียผู้เป็นที่รักเนื่องจากความตายย่อมจะลดน้อยลงโดยความคาดหวังด้วยความยินดีที่จะได้อยู่ร่วมกันอีกในโลกใหม่ของพระเจ้า. การเข้าใจเรื่องเหล่านี้ยังเป็นกุญแจสำคัญที่จะช่วยให้เข้าใจความหมายของการวายพระชนม์ของพระคริสต์อีกด้วย. คริสเตียนในศตวรรษแรกตระหนักว่า การกลับเป็นขึ้นจากตายของพระเยซูคริสต์เป็นพื้นฐานสำหรับความเชื่อของคริสเตียน และเปิดทางสำหรับการกลับเป็นขึ้นจากตายของผู้อื่น. พวกเขาประกาศด้วยใจแรงกล้าเรื่องการกลับเป็นขึ้นจากตายของพระเยซูและความหวังที่เกิดจากเรื่องนี้. ดังนั้น ผู้คนในสมัยนี้ที่หยั่งรู้ค่าเรื่องการกลับเป็นขึ้นจากตายจะแบ่งปันความจริงนี้แก่ผู้อื่นด้วยความกระตือรือร้น.—กิจการ 5:30-32; 10:42, 43.
การใช้ ‘กุญแจแห่งฮาเดส’
9. พระเยซูทรงใช้ “กุญแจแห่งความตายและแห่งฮาเดส” ครั้งแรกอย่างไร?
9 ทุกคนที่ร่วมสมทบกับพระคริสต์ในราชอาณาจักรฝ่ายสวรรค์ของพระองค์ต้องเสียชีวิตในที่สุด. แต่พวกเขารู้ดีถึงคำรับรองที่พระองค์ให้ไว้เมื่อตรัสว่า “เราเคยตาย แต่นี่แน่ะ! เรามีชีวิตอยู่ตลอดไปเป็นนิตย์ และเรามีกุญแจแห่งความตายและแห่งฮาเดส.” (วิวรณ์ 1:18, ล.ม.) พระองค์หมายความว่าอย่างไร? พระองค์ชี้ถึงประสบการณ์ของพระองค์เอง. พระองค์ก็สิ้นพระชนม์เช่นกัน. แต่พระเจ้ามิได้ละพระองค์ไว้ในฮาเดส. ในวันที่สาม พระยะโฮวาเองทรงปลุกพระเยซูขึ้นสู่ชีวิตที่เป็นกายวิญญาณและประทานอมตชีพแก่พระองค์. (กิจการ 2:32, 33; 10:40) นอกจากนั้น พระเจ้าทรงมอบ “กุญแจแห่งความตายและแห่งฮาเดส” แก่พระเยซูเพื่อใช้ในการปลดปล่อยคนอื่น ๆ จากหลุมฝังศพโดยทั่วไปของมนุษยชาติ และจากผลกระทบแห่งบาปของอาดาม. เนื่องจากพระองค์มีกุญแจเหล่านั้น พระเยซูจึงสามารถปลุกเหล่าผู้ติดตามที่ซื่อสัตย์ของพระองค์จากความตาย. พระองค์ปลุกสมาชิกผู้ถูกเจิมแห่งประชาคมของพระองค์ก่อน และให้ของประทานอันมีค่าแห่งอมตชีพในภาคสวรรค์แก่เขา ดังที่พระบิดาได้ประทานแก่พระองค์.—โรม 6:5; ฟิลิปปอย 3:20, 21.
10. การกลับเป็นขึ้นจากตายของคริสเตียนผู้ถูกเจิมที่ซื่อสัตย์เกิดขึ้นเมื่อไร?
10 คริสเตียนผู้ถูกเจิมที่ซื่อสัตย์ถูกปลุกให้เป็นขึ้นจากตายสู่สวรรค์เมื่อไร? คัมภีร์ไบเบิลระบุว่า การเป็นขึ้นจากตายแบบนั้นเริ่มขึ้นแล้ว. อัครสาวกเปาโลอธิบายว่า พวกเขาจะถูกปลุกขึ้นมา ‘ระหว่างการประทับของพระคริสต์’ ซึ่งการประทับนั้นเริ่มขึ้นในปี 1914. (1 โกรินโธ 15:23, ล.ม.) ระหว่างการประทับของพระองค์ในเวลานี้ เมื่อเหล่าผู้ซื่อสัตย์ที่ได้รับการเจิมสำเร็จการงานทางแผ่นดินโลกแล้ว พวกเขาไม่จำเป็นต้องรออยู่ในความตายจนกระทั่งการเสด็จกลับขององค์พระผู้เป็นเจ้าของพวกเขา. ทันทีที่เสียชีวิต พวกเขาจะถูกปลุกให้เป็นกายวิญญาณ โดยถูก “เปลี่ยนในชั่วขณะเดียว ในกะพริบตาเดียว.” พวกเขาช่างมีความสุขอะไรเช่นนี้ เนื่องจากผลแห่งการงานที่ดีที่เขาได้ทำนั้นก็ “ติดตามเขาไป”!—1 โกรินโธ 15:51, 52, ล.ม.; วิวรณ์ 14:13.
11. การกลับเป็นขึ้นจากตายอะไรจะมีสำหรับผู้คนทั่วไป และจะเริ่มเมื่อไร?
11 แต่การกลับเป็นขึ้นจากตายของรัชทายาทแห่งราชอาณาจักรสู่ชีวิตฝ่ายสวรรค์นั้นมิใช่การกลับเป็นขึ้นจากตายเพียงอย่างเดียวเท่านั้น. ข้อเท็จจริงที่ว่า การที่วิวรณ์ 20:6 (ล.ม.) เรียกการกลับเป็นขึ้นจากตายแบบนั้นว่า “การกลับเป็นขึ้นจากตายที่หนึ่ง” นั่นย่อมแสดงว่า การกลับเป็นขึ้นจากตายอีกอย่างหนึ่งต้องตามมา. ผู้ที่ได้ประโยชน์จากการกลับเป็นขึ้นจากตายอย่างหลังนี้จะมีโอกาสที่น่ายินดีเรื่องชีวิตนิรันดร์บนแผ่นดินโลกที่เป็นอุทยาน. การกลับเป็นขึ้นจากตายเช่นว่านี้จะเกิดขึ้นเมื่อไร? พระธรรมวิวรณ์แสดงว่า สิ่งนี้จะเกิดขึ้นหลังจาก “แผ่นดินโลกและฟ้าสวรรค์” ซึ่งได้แก่ระบบชั่วในปัจจุบันพร้อมด้วยผู้มีอำนาจปกครองถูกขจัดออกไปแล้ว. อวสานของระบบเก่านี้มาใกล้มากแล้ว. หลังจากนั้น ณ เวลากำหนดของพระเจ้า การกลับเป็นขึ้นจากตายบนแผ่นดินโลกจะเริ่มขึ้น.—วิวรณ์ 20:11, 12, ล.ม.
12. ใครจะรวมอยู่ในท่ามกลางเหล่าผู้ซื่อสัตย์ที่จะได้รับการปลุกขึ้นมาสู่ชีวิตบนแผ่นดินโลก และเหตุใดจึงเป็นโอกาสอันน่าตื่นเต้น?
12 ใครจะรวมอยู่ด้วยในการกลับเป็นขึ้นจากตายบนแผ่นดินโลกนี้? ในท่ามกลางพวกเขาจะมีผู้รับใช้ที่ซื่อสัตย์ของพระยะโฮวาตั้งแต่ยุคแรก ๆ ชายและหญิงซึ่งเนื่องจากความเชื่ออันเข้มแข็งในเรื่องการกลับเป็นขึ้นจากตาย “ไม่ยอมรับการปลดปล่อยโดยค่าไถ่บางอย่าง.” กล่าวคือ พวกเขาไม่ยอมอะลุ่มอล่วยความซื่อสัตย์มั่นคงที่มีต่อพระเจ้าเพื่อหลีกเลี่ยงความตายอันทารุณก่อนเวลาอันควร. ช่างน่ายินดีจริง ๆ ที่จะได้รู้จักพวกเขาเป็นส่วนตัว และได้ยินจากพวกเขาโดยตรงถึงรายละเอียดที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ต่าง ๆ ซึ่งมีการบันทึกไว้ย่อ ๆ ในคัมภีร์ไบเบิล! ผู้ที่จะได้รับการปลุกให้กลับมีชีวิตบนแผ่นดินโลกยังจะมีเฮเบล พยานผู้ซื่อสัตย์คนแรกของพระยะโฮวา; ฮะโนคและโนฮา ผู้ประกาศข่าวสารคำเตือนของพระเจ้าโดยปราศจากความกลัวก่อนเกิดมหาอุทกภัย; อับราฮามและซาราซึ่งต้อนรับทูตสวรรค์; โมเซซึ่งได้รับมอบพระบัญญัติ ณ ภูเขาไซนาย. เหล่าผู้พยากรณ์ที่กล้าหาญ อย่างเช่น ยิระมะยา ซึ่งเห็นพินาศกรรมของกรุงเยรูซาเลมเมื่อปี 607 ก่อน ส.ศ.; และโยฮันผู้ให้บัพติสมาซึ่งได้ยินเสียงของพระเจ้าเองตรัสว่าพระเยซูเป็นบุตรของพระองค์. นอกจากนั้น ยังจะมีชายหญิงผู้ภักดีอีกหลายคนซึ่งตายไประหว่างยุคสุดท้ายแห่งระบบชั่วในปัจจุบัน.—เฮ็บราย 11:4-38, ล.ม.; มัดธาย 11:11.
13, 14. (ก) จะมีอะไรเกิดขึ้นกับฮาเดสและคนตายที่อยู่ในนั้น? (ข) ใครจะรวมอยู่ด้วยในการกลับเป็นขึ้นจากตายนี้ และเพราะเหตุใด?
13 ต่อมา คนอื่น ๆ นอกจากเหล่าผู้รับใช้ที่ซื่อสัตย์ของพระเจ้าจะได้รับการปลุกให้เป็นขึ้นจากตายเช่นกัน ไม่มีใครถูกละไว้ในหลุมฝังศพโดยทั่วไปของมนุษยชาติ. หลุมฝังศพจะคืนคนตายออกมาถึงขนาดไหนนั้นเห็นได้จากการที่พระเยซูจะใช้ ‘กุญแจแห่งฮาเดส’ เพื่อเห็นแก่มนุษยชาติ. เรื่องนี้มีแสดงให้เห็นในนิมิตที่ปรากฏแก่อัครสาวกโยฮันซึ่งท่านเห็นฮาเดส “ถูกเหวี่ยงลงในบึงไฟ.” (วิวรณ์ 20:14, ล.ม.) นั่นหมายความอย่างไร? นั่นหมายความว่า ฮาเดส ซึ่งก็คือหลุมฝังศพโดยทั่วไปของมนุษยชาตินั้นจะถูกทำลายโดยสิ้นเชิง. ฮาเดสจะไม่มีอีกต่อไป ถูกทำให้ว่างเปล่าปราศจากคนตาย เพราะนอกจากจะมีการปลุกบรรดาผู้นมัสการที่ซื่อสัตย์ของพระยะโฮวาแล้ว ด้วยความเมตตา พระเยซูจะนำแม้กระทั่งคนไม่ชอบธรรมกลับขึ้นมา. พระคำของพระเจ้าให้คำรับรองแก่เราว่า “จะมีการกลับเป็นขึ้นจากตายทั้งของคนชอบธรรมและคนไม่ชอบธรรม.”—กิจการ 24:15, ล.ม.
14 คนไม่ชอบธรรมเหล่านี้มิได้ถูกปลุกขึ้นมาเพียงเพื่อพิพากษาให้ตายอีก. ในสภาพแวดล้อมอันชอบธรรมซึ่งจะมีอยู่ทั่วทั้งโลกภายใต้ราชอาณาจักรของพระเจ้า พวกเขาจะได้รับการช่วยให้นำชีวิตเข้ามาประสานกับแนวทางของพระยะโฮวา. นิมิตนั้นแสดงว่า “ม้วนหนังสือแห่งชีวิต” จะถูกเปิดออก. ดังนั้น พวกเขาจะมีโอกาสทำให้ชื่อของตนถูกจดลงในหนังสือนั้น. พวกเขาจะ “ถูกพิพากษาเป็นรายบุคคลตามการกระทำของตน” ที่ทำหลังจาก กลับเป็นขึ้นจากตาย. (วิวรณ์ 20:12, 13, ล.ม.) ดังนั้น เมื่อดูจากแง่คิดเกี่ยวกับผลขั้นสุดท้าย การกลับเป็นขึ้นจากตายของเขาอาจปรากฏว่าเป็น ‘การเป็นขึ้นมาสู่ชีวิต’ และจะมิใช่ ‘การเป็นขึ้นมาสู่การพิพากษา’ อย่างที่ไม่อาจเลี่ยงได้.—โยฮัน 5:28, 29, ล.ม.
15. (ก) ใครจะไม่ถูกปลุกให้เป็นขึ้นจากตาย? (ข) ความรู้เรื่องความจริงเกี่ยวกับการกลับเป็นขึ้นจากตายน่าจะมีผลกระทบต่อเราอย่างไร?
15 อย่างไรก็ดี มิใช่ทุกคนที่เคยมีชีวิตอยู่และตายไปจะได้รับการปลุกให้เป็นขึ้น. บางคนได้ทำบาปอย่างที่ให้อภัยไม่ได้. คนเช่นนั้นไม่ได้อยู่ในฮาเดส แต่อยู่ในเกเฮนนา ที่ซึ่งพวกเขาจะประสบกับความพินาศตลอดกาล. คนเหล่านี้ยังรวมถึงผู้ที่จะถูกประหารใน “ความทุกข์ลำบากใหญ่ยิ่ง” ซึ่งบัดนี้มาใกล้แล้ว. (มัดธาย 12:31, 32; 23:33; 24:21, 22; 25:41, 46; 2 เธซะโลนิเก 1:6-9) ฉะนั้น ขณะที่พระยะโฮวาทรงแสดงความเมตตาเป็นพิเศษในการปล่อยคนตายจากฮาเดส ความหวังเรื่องการกลับเป็นขึ้นจากตายมิได้เป็นมูลเหตุให้เราไม่สนใจไยดีวิธีที่เราดำเนินชีวิตในขณะนี้. การกลับเป็นขึ้นจากตายไม่ใช่สำหรับผู้ที่จงใจขัดขืนพระบรมเดชานุภาพของพระยะโฮวา. ความรู้นี้ควรกระตุ้นเราให้แสดงว่าเราหยั่งรู้ค่าอย่างลึกซึ้งต่อพระกรุณาอันไม่พึงได้รับของพระเจ้าโดยดำเนินชีวิตตามพระทัยประสงค์ของพระองค์.
ได้รับการเสริมกำลังโดยความหวังเรื่องการกลับเป็นขึ้นจากตาย
16. โดยวิธีใดที่ความหวังเรื่องการกลับเป็นขึ้นจากตายเป็นแหล่งที่เสริมกำลังเราอย่างมาก?
16 พวกเราที่เชื่อเรื่องการกลับเป็นขึ้นจากตายย่อมจะได้รับการเสริมกำลังอย่างมากจากความหวังดังกล่าว. ปัจจุบันนี้ เมื่อเราใกล้จะถึงบั้นปลายของชีวิต เรารู้ว่าเราไม่อาจเลื่อนความตายออกไปได้อย่างไม่มีเวลากำหนด ไม่ว่าจะใช้วิธีทางการแพทย์ใด ๆ ก็ตาม. (ท่านผู้ประกาศ 8:8) ถ้าเรารับใช้พระยะโฮวาและองค์การของพระองค์ด้วยความภักดี เราจะสามารถมองไปยังอนาคตด้วยความมั่นใจอย่างเต็มที่. เราทราบว่าโดยการกลับเป็นขึ้นจากตาย เราจะมีชีวิตอีกในเวลากำหนดของพระเจ้า. และช่างจะเป็นชีวิตอันแสนวิเศษ! “ชีวิตจริง ๆ” ดังที่อัครสาวกเปาโลเรียก.—1 ติโมเธียว 6:19; เฮ็บราย 6:10-12.
17. อะไรจะช่วยเราให้รักษาความซื่อสัตย์มั่นคงต่อพระยะโฮวา?
17 การที่รู้ว่ามีการกลับเป็นขึ้นจากตายและรู้จักผู้ที่เป็นแหล่งแห่งการจัดเตรียมเช่นนั้นช่วยให้เราเข็มแข็งในความเชื่อ. สิ่งนี้เสริมกำลังเราให้ภักดีต่อพระเจ้าแม้ว่าถูกคุกคามด้วยความตายโดยน้ำมือของผู้ข่มเหงที่ใช้ความรุนแรง. นานมาแล้วที่ซาตานใช้เรื่องการกลัวตายก่อนเวลาอันควรเป็นวิธียึดเหนี่ยวผู้คนให้เป็นทาส. แต่พระเยซูมิได้มีความกลัวเช่นนั้น. พระองค์พิสูจน์ความซื่อสัตย์ต่อพระยะโฮวาจนสิ้นพระชนม์. โดยทางเครื่องบูชาไถ่ของพระองค์ พระเยซูได้จัดเตรียมวิธีปลดปล่อยผู้อื่นจากความกลัวเช่นนั้น.—เฮ็บราย 2:14, 15.
18. อะไรได้ช่วยเหล่าผู้รับใช้ของพระยะโฮวาให้สร้างสมประวัติอันดีเรื่องความซื่อสัตย์มั่นคง?
18 เนื่องจากความเชื่อของพวกเขาทั้งในเรื่องการจัดเตรียมเครื่องบูชาไถ่ของพระคริสต์ และเรื่องการกลับเป็นขึ้นจากตาย เหล่าผู้รับใช้ของพระยะโฮวาได้สั่งสมประวัติอันโดดเด่นฐานะผู้รักษาความภักดี. เมื่อตกอยู่ภายใต้ความกดดัน พวกเขาได้พิสูจน์ว่า “พวกเขาไม่ได้รักจิตวิญญาณของตน” มากกว่าที่รักพระยะโฮวา. (วิวรณ์ 12:11, ล.ม.) ด้วยความฉลาดสุขุม พวกเขามิได้ละทิ้งหลักการคริสเตียนเพื่อพยายามรักษาชีวิตปัจจุบันให้รอด. (ลูกา 9:24, 25) พวกเขารู้ว่าแม้ต้องสูญเสียชีวิตของตนในขณะนี้เนื่องจากการสนับสนุนพระบรมเดชานุภาพของพระยะโฮวาด้วยความภักดี พระองค์จะประทานบำเหน็จแก่พวกเขาโดยการปลุกให้เป็นขึ้นจากตาย. คุณมีความเชื่อชนิดนั้นไหม? คุณจะมีความเชื่อเช่นนั้นได้ถ้าคุณรักพระยะโฮวาจริง ๆ และถ้าคุณใส่ใจต่อความหมายที่แท้จริงของความหวังเรื่องการกลับเป็นขึ้นจากตาย.
การอภิปรายทบทวน
• เหตุใดผู้คนต้องมีความเข้าใจเรื่องสภาพของคนตายก่อนที่เขาจะเข้าใจเรื่องการกลับเป็นขึ้นจากตาย?
• ใครจะถูกปลุกให้เป็นขึ้นจากตาย และความรู้นี้มีผลกระทบต่อเราอย่างไร?
• ความหวังเรื่องการกลับเป็นขึ้นจากตายเสริมกำลังเราอย่างไร?
[ภาพหน้า 84, 85]
พระยะโฮวาทรงสัญญาว่าจะมีการกลับเป็นขึ้นจากตายทั้งของคนชอบธรรมและคนไม่ชอบธรรม