บท 41
วันแห่งการพิพากษาของพระเจ้า—ยังผลเป็นความปีติยินดี!
นิมิต 15—วิวรณ์ 20:11–21:8
เรื่อง: การเป็นขึ้นจากตายของคนทั่วไป, วันพิพากษา, และพระพรแห่งฟ้าสวรรค์ใหม่และแผ่นดินโลกใหม่
เวลาที่สำเร็จเป็นจริง: รัชสมัยพันปี
1. (ก) มนุษยชาติสูญเสียอะไรไปเมื่ออาดามกับฮาวาทำบาป? (ข) พระประสงค์ของพระเจ้าในเรื่องใดที่ไม่เปลี่ยน และเราทราบได้อย่างไร?
ในฐานะเป็นมนุษย์ เราถูกสร้างให้มีชีวิตตลอดไป. หากอาดามและฮาวาเชื่อฟังพระบัญชาของพระเจ้า เขาทั้งสองก็คงไม่ตายเลย. (เยเนซิศ 1:28; 2:8, 16, 17; ท่านผู้ประกาศ 3:10, 11) แต่เมื่อเขาทั้งสองทำบาป พวกเขาจึงสูญเสียความสมบูรณ์และชีวิตทั้งสำหรับตนเองและลูกหลาน และความตายจึงครอบงำเหนือมนุษยชาติในฐานะศัตรูที่ไร้ความปรานี. (โรม 5:12, 14; 1 โกรินโธ 15:26) ถึงกระนั้น พระประสงค์ของพระเจ้าที่ให้มีมนุษย์สมบูรณ์อาศัยอยู่ตลอดไปบนแผ่นดินโลกที่เป็นอุทยานนั้นไม่ได้เปลี่ยนแปลง. เนื่องจากความรักอันยิ่งใหญ่ที่มีต่อมนุษยชาติ พระองค์ทรงส่งพระเยซูพระบุตรที่ได้รับกำเนิดองค์เดียวของพระองค์มายังแผ่นดินโลก ผู้ทรงมอบชีวิตมนุษย์สมบูรณ์ของพระองค์เป็นค่าไถ่สำหรับ “คนเป็นอันมาก” ซึ่งเป็นลูกหลานของอาดาม. (มัดธาย 20:28; โยฮัน 3:16) เวลานี้ พระเยซูสามารถใช้คุณค่าที่ชอบด้วยกฎหมายแห่งเครื่องบูชานี้ของพระองค์เพื่อนำมนุษย์ที่เชื่อกลับคืนสู่ชีวิตในสภาพสมบูรณ์บนแผ่นดินโลกที่เป็นอุทยาน. (1 เปโตร 3:18; 1 โยฮัน 2:2) ช่างเป็นเหตุผลอันยอดเยี่ยมจริง ๆ ที่มนุษยชาติจะ “มีความยินดีและชื่นชม”!—ยะซายา 25:8, 9.
2. โยฮันรายงานอะไรที่วิวรณ์ 20:11 และ “ราชบัลลังก์ใหญ่สีขาว” คืออะไร?
2 เมื่อซาตานถูกขังไว้ในขุมลึก รัชสมัยพันปีอันรุ่งโรจน์ของพระเยซูจะเริ่มขึ้น. เวลานี้จะเป็น “วัน” ซึ่งพระเจ้า “ประสงค์จะพิพากษาแผ่นดินโลกที่มีผู้คนอาศัยอยู่ด้วยความชอบธรรมโดยบุรุษผู้หนึ่งซึ่งพระองค์ได้ทรงแต่งตั้งไว้.” (กิจการ 17:31, ล.ม.; 2 เปโตร 3:8) โยฮันแจ้งว่า “แล้วข้าพเจ้าก็เห็นราชบัลลังก์ใหญ่สีขาวและผู้ที่ประทับบนราชบัลลังก์นั้น. แผ่นดินโลกและฟ้าสวรรค์หายวับไปจากสายพระเนตรพระองค์ และไม่มีที่สำหรับแผ่นดินโลกและฟ้าสวรรค์อีกเลย.” (วิวรณ์ 20:11, ล.ม.) “ราชบัลลังก์ใหญ่สีขาว” นี้คืออะไร? คงไม่อาจเป็นอะไรอื่นได้นอกจากพระที่นั่งแห่งการพิพากษาของ “พระเจ้าผู้ทรงพิพากษาคนทั้งปวง.” (เฮ็บราย 12:23) บัดนี้พระองค์จะทรงพิพากษามนุษยชาติในเรื่องที่ว่า ผู้ใดจะได้รับผลประโยชน์จากเครื่องบูชาไถ่ของพระเยซู.—มาระโก 10:45.
3. (ก) ข้อเท็จจริงที่ว่ามีการกล่าวถึงราชบัลลังก์ของพระเจ้าว่า “ใหญ่” และ “สีขาว” บ่งชี้ถึงอะไร? (ข) ใครจะทำการพิพากษาในวันแห่งการพิพากษา และโดยอาศัยอะไร?
3 ราชบัลลังก์ของพระเจ้า “ใหญ่” เป็นการเน้นถึงความยิ่งใหญ่ของพระยะโฮวาในฐานะองค์บรมมหิศร ส่วน “สีขาว” ชี้ให้ใส่ใจในความชอบธรรมปราศจากด่างพร้อยของพระองค์. พระองค์ทรงเป็นผู้พิพากษาขั้นสุดท้ายของมนุษยชาติ. (บทเพลงสรรเสริญ 19:7-11; ยะซายา 33:23; 51:5, 8) อย่างไรก็ตาม พระองค์ทรงมอบหมายงานพิพากษาแก่พระเยซูคริสต์: “พระบิดามิได้ทรงพิพากษาผู้ใด, แต่การพิพากษาทั้งสิ้นพระองค์ได้ทรงมอบไว้แก่พระบุตร.” (โยฮัน 5:22) พระเยซูทรงมีผู้สมทบ 144,000 คน ซึ่ง “ได้รับอำนาจให้พิพากษา . . . เป็นเวลาหนึ่งพันปี.” (วิวรณ์ 20:4, ล.ม.) แม้ว่าจะเป็นเช่นนั้น มาตรฐานของพระยะโฮวาก็เป็นเครื่องตัดสินว่า จะเกิดอะไรขึ้นกับแต่ละบุคคลในวันพิพากษา.
4. ที่ว่า “แผ่นดินโลกและฟ้าสวรรค์หายวับไป” หมายความอย่างไร?
4 ที่ว่า “แผ่นดินโลกและฟ้าสวรรค์หายวับไป” นั้นจะเป็นไปอย่างไร? นี่เป็นฟ้าสวรรค์เดียวกันกับที่ลับไปดุจม้วนหนังสือในตอนที่มีการแกะดวงตราที่หก ซึ่งก็คืออำนาจการปกครองของมนุษย์ที่ถูก “เก็บไว้สำหรับไฟเผา และสงวนไว้จนถึงวันแห่งการพิพากษาและวันพินาศแห่งบรรดาคนที่ดูหมิ่นพระเจ้า.” (วิวรณ์ 6:14; 2 เปโตร 3:7, ล.ม.) แผ่นดินโลกก็คือระบบที่ถูกจัดตั้งขึ้นซึ่งดำรงอยู่ใต้อำนาจการปกครองนี้. (วิวรณ์ 8:7) ความพินาศของสัตว์ร้ายและกษัตริย์ทั้งหลายแห่งแผ่นดินโลกกับกองทัพของกษัตริย์เหล่านี้ พร้อมกับคนที่รับเครื่องหมายของสัตว์ร้ายและคนที่นมัสการรูปของมันนั้นหมายถึงการหนีไปของฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลกนี้. (วิวรณ์ 19:19-21) เมื่อมีการลงโทษตามคำพิพากษาแก่แผ่นดินโลกและฟ้าสวรรค์ของซาตานแล้ว ผู้พิพากษาองค์ยิ่งใหญ่ก็ทรงประกาศถึงวันแห่งการพิพากษาอีกวันหนึ่ง.
วันพิพากษาหนึ่งพันปี
5. หลังจากแผ่นดินโลกเก่าและฟ้าสวรรค์เก่าหายวับไป ใครคือผู้ที่เหลืออยู่เพื่อจะถูกพิพากษา?
5 มีใครเหลือให้พิพากษาหลังจากแผ่นดินโลกเก่าและฟ้าสวรรค์เก่าหนีไป? ไม่ใช่ชนที่เหลือผู้ถูกเจิมแห่งชน 144,000 คน เพราะคนเหล่านี้ถูกพิพากษาและได้รับการประทับตราแล้ว. หากผู้ถูกเจิมคนใดยังมีชีวิตอยู่บนแผ่นดินโลกภายหลังอาร์มาเก็ดดอน พวกเขาก็ต้องตายหลังจากนั้นไม่นานและได้รับรางวัลในสวรรค์โดยการปลุกให้เป็นขึ้นจากตาย. (1 เปโตร 4:17; วิวรณ์ 7:2-4) อย่างไรก็ตาม ชนฝูงใหญ่นับล้าน ๆ ซึ่งในเวลานี้ได้ออกมาจากความทุกข์ลำบากครั้งใหญ่มายืนอยู่ “หน้าราชบัลลังก์” อย่างเด่นชัด. คนเหล่านี้ถูกนับว่าชอบธรรมแล้วเนื่องจากรอดชีวิตเพราะความเชื่อของพวกเขาในพระโลหิตที่พระเยซูทรงหลั่งออก แต่การพิพากษาพวกเขายังต้องดำเนินต่อไปตลอดพันปีขณะที่พระเยซูทรงนำพวกเขาไปยัง “น้ำพุทั้งหลายที่มีน้ำแห่งชีวิต.” ครั้นแล้ว เมื่อพวกเขาได้รับการฟื้นฟูสู่ความสมบูรณ์และได้รับการทดสอบหลังจากนั้น เขาจึงจะได้รับการประกาศว่าชอบธรรมในความหมายที่ครบถ้วนสมบูรณ์. (วิวรณ์ 7:9, 10, 14, 17, ล.ม.) เด็ก ๆ ที่รอดผ่านความทุกข์ลำบากครั้งใหญ่ และเด็ก ๆ ที่เกิดจากชนฝูงใหญ่ในช่วงรัชสมัยพันปีก็จำต้องได้รับการพิพากษาในระหว่างพันปีเช่นกัน.—เทียบกับเยเนซิศ 1:28; 9:7; 1 โกรินโธ 7:14.
6. (ก) โยฮันเห็นฝูงชนประเภทใด และถ้อยคำ “ผู้ใหญ่ผู้น้อย” แสดงถึงอะไร? (ข) ชนหลายล้านที่นับประมาณมิได้ในความทรงจำของพระเจ้าน่าจะถูกนำออกมาอย่างไรอย่างไม่ต้องสงสัย?
6 อย่างไรก็ตาม โยฮันสังเกตเห็นฝูงชนซึ่งมีจำนวนมากกว่าชนฝูงใหญ่ที่รอดชีวิตนั้นมากนัก. ฝูงชนนั้นจะมีจำนวนเป็นพัน ๆ ล้านเลยทีเดียว! “แล้วข้าพเจ้าเห็นคนตายทั้งผู้ใหญ่ผู้น้อยยืนอยู่ต่อหน้าราชบัลลังก์นั้น และม้วนหนังสือทั้งหลายถูกคลี่ออก.” (วิวรณ์ 20:12ก, ล.ม.) “ผู้ใหญ่ผู้น้อย” นี้ครอบคลุมถึงมนุษย์ที่มีชื่อเสียงเด่นและมนุษย์ที่ด้อยกว่าซึ่งเคยมีชีวิตอยู่และตายไปบนแผ่นดินโลกนี้ในช่วง 6,000 ปีที่ผ่านมา. ในกิตติคุณที่อัครสาวกโยฮันเขียนไม่นานหลังจากพระธรรมวิวรณ์ พระเยซูตรัสถึงพระบิดาว่า “ได้ประทานให้ [พระเยซู] มีอำนาจที่จะพิพากษา เพราะพระองค์ทรงเป็นบุตรมนุษย์. อย่าประหลาดใจในข้อนี้ เพราะจะมีเวลาที่บรรดาผู้ซึ่งอยู่ในอุโมงค์รำลึกจะได้ยินพระสุรเสียงของพระองค์ และจะออกมา.” (โยฮัน 5:27-29, ล.ม.) ช่างเป็นโครงการที่น่าพิศวงอะไรเช่นนี้—การขจัดความตายและหลุมฝังศพตลอดประวัติศาสตร์ทั้งสิ้น! ไม่ต้องสงสัย ชนหลายล้านที่นับประมาณมิได้เหล่านั้นซึ่งอยู่ในความทรงจำของพระเจ้าจะถูกนำออกมาทีละเล็กทีละน้อย เพื่อว่าชนฝูงใหญ่ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกันแล้วมีจำนวนน้อยจะสามารถจัดการกับปัญหาต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นเนื่องจากในตอนแรก ๆ ผู้ที่ได้รับการปลุกให้เป็นขึ้นจากตายอาจจะยังทำตามแบบชีวิตเดิม ๆ ของพวกเขาอยู่ พร้อมกับความอ่อนแอและทัศนะฝ่ายเนื้อหนังของแบบชีวิตนั้น.
ใครบ้างที่ถูกปลุกและถูกพิพากษา?
7, 8. (ก) ม้วนหนังสืออะไรถูกคลี่ออก และเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้น? (ข) จะไม่มีการกลับเป็นขึ้นจากตายสำหรับใคร?
7 โยฮันกล่าวเพิ่มเติมว่า “แต่มีม้วนหนังสืออีกม้วนหนึ่งถูกคลี่ออก คือม้วนหนังสือแห่งชีวิต. แล้วคนตายก็ถูกพิพากษาตามสิ่งที่เขียนไว้ในม้วนหนังสือทั้งหลายตามการกระทำของตน. ทะเลได้ยอมปล่อยคนที่ตายในทะเล ความตายและหลุมศพก็ยอมปล่อยคนตายที่อยู่ในนั้น แล้วพวกเขาก็ถูกพิพากษาเป็นรายบุคคลตามการกระทำของตน.” (วิวรณ์ 20:12ข, 13, ล.ม.) เป็นภาพที่น่าตื่นตะลึงจริง ๆ! ‘ทะเล, ความตาย, และหลุมศพ’ ล้วนแต่มีส่วนด้วย แต่ขอให้สังเกตว่า คำเหล่านี้ไม่ได้แยกต่างหากกัน.a โยนาได้พูดถึงตนเองว่าอยู่ในเชโอลหรือฮาเดส (หลุมศพ) เมื่ออยู่ในท้องปลากลางทะเล. (โยนา 2:2) ถ้าบุคคลหนึ่งตกอยู่ในเงื้อมมือของความตายซึ่งสืบทอดมาจากอาดาม บุคคลนั้นย่อมอยู่ในหลุมศพด้วย. ถ้อยคำเชิงพยากรณ์เหล่านี้ให้การรับรองอย่างหนักแน่นว่าจะไม่มีใครถูกมองข้าม.
8 แน่นอน ผู้ที่จะไม่ถูกปลุกให้เป็นขึ้นจากตายนั้นมีจำนวนที่ไม่อาจรู้ได้. ในกลุ่มนั้นก็คงจะมีพวกอาลักษณ์และฟาริซายที่ไม่กลับใจซึ่งปฏิเสธพระเยซูและเหล่าอัครสาวก, “คนละเลยกฎหมาย” ในศาสนา, และคริสเตียนผู้ถูกเจิมที่ได้ “หลงไป.” (2 เธซะโลนิเก 2:3, ล.ม.; เฮ็บราย 6:4-6, ฉบับแปลใหม่; มัดธาย 23:29-33) นอกจากนี้พระเยซูตรัสถึงผู้ที่เป็นเยี่ยงแพะ ณ อวสานของโลกซึ่งเข้าไปอยู่ใน “ไฟซึ่งไหม้อยู่เป็นนิตย์ที่เตรียมไว้สำหรับมารและทูตสวรรค์ของมัน” นั่นคือ “การตัดขาดเป็นนิตย์.” (มัดธาย 25:41, 46, ล.ม.) ไม่มีการปลุกให้เป็นขึ้นจากตายสำหรับคนเหล่านี้!
9. อัครสาวกเปาโลบ่งชี้อย่างไรว่า บางคนจะได้รับความโปรดปรานเป็นพิเศษในการกลับเป็นขึ้นจากตาย และชนเหล่านี้รวมถึงใครบ้าง?
9 ในทางตรงกันข้าม บางคนจะได้รับความโปรดปรานเป็นพิเศษในการกลับเป็นขึ้นจากตาย. อัครสาวกเปาโลชี้ถึงเรื่องนี้เมื่อท่านพูดว่า “ข้าพเจ้ามีความหวังใจในพระเจ้า . . . ว่าคนทั้งปวงทั้งคนชอบธรรมและคนที่ไม่ชอบธรรมจะเป็นขึ้นมาจากความตาย.” (กิจการ 24:15) ในการกลับเป็นขึ้นจากตายบนแผ่นดินโลก “คนชอบธรรม” จะหมายรวมถึงชายหญิงที่ซื่อสัตย์ในสมัยโบราณ เช่น อับราฮาม, ราฮาบ, และคนอื่น ๆ อีกหลายคน ซึ่งได้รับการประกาศว่าชอบธรรมถึงขนาดได้ชื่อว่าเป็นมิตรกับพระเจ้า. (ยาโกโบ 2:21, 23, 25) แกะอื่นที่ชอบธรรมซึ่งตายด้วยความซื่อสัตย์ต่อพระยะโฮวาในสมัยปัจจุบันก็จะอยู่ในกลุ่มเดียวกันนี้. อาจเป็นไปได้ว่า ผู้ที่รักษาความซื่อสัตย์มั่นคงเหล่านั้นทั้งหมดจะได้รับการปลุกให้เป็นขึ้นจากตายในช่วงต้น ๆ ของรัชสมัยพันปีของพระเยซู. (โยบ 14:13-15; 27:5; ดานิเอล 12:13; เฮ็บราย 11:35, 39, 40) ไม่ต้องสงสัย ผู้ชอบธรรมที่เป็นขึ้นจากตายเหล่านี้หลายคนจะได้รับมอบหมายสิทธิพิเศษในการดูแลงานการฟื้นฟูอันยิ่งใหญ่ในอุทยาน.—บทเพลงสรรเสริญ 45:16; เทียบกับยะซายา 32:1, 16-18; 61:5; 65:21-23.
10. เกี่ยวกับคนที่ได้รับการปลุกให้เป็นขึ้นจากตาย ใครคือ “คนที่ไม่ชอบธรรม”?
10 แล้วใครกันที่เป็น “คนที่ไม่ชอบธรรม” ซึ่งมีกล่าวถึงในกิจการ 24:15? คนเหล่านี้จะรวมถึงมนุษยชาติจำนวนมากที่ตายไปตลอดประวัติศาสตร์ โดยเฉพาะคนเหล่านั้นที่มีชีวิตอยู่ใน “เวลาเมื่อมนุษย์ยังโฉดเขลาอยู่.” (กิจการ 17:30) เนื่องจากถิ่นกำเนิดหรือช่วงเวลาที่เขามีชีวิตอยู่ คนเหล่านี้ไม่มีโอกาสเรียนรู้ที่จะเชื่อฟังเพื่อทำตามพระทัยประสงค์ของพระยะโฮวา. นอกจากนี้ อาจมีบางคนซึ่งได้ยินข่าวสารแห่งความรอดแต่ไม่ได้ตอบรับอย่างเต็มที่ในตอนนั้น หรือผู้ที่ตายไปก่อนจะก้าวหน้าถึงขั้นอุทิศตัวและรับบัพติสมา. เมื่อกลับเป็นขึ้นจากตายแล้ว คนเหล่านั้นจะต้องปรับเปลี่ยนความคิดและวิถีชีวิตของพวกเขาต่อไปหากพวกเขาต้องการรับประโยชน์จากโอกาสที่จะได้รับชีวิตนิรันดร์.
ม้วนหนังสือแห่งชีวิต
11. (ก) “ม้วนหนังสือแห่งชีวิต” คืออะไร และชื่อของใครถูกบันทึกไว้ในม้วนหนังสือนี้? (ข) เพราะเหตุใดม้วนหนังสือแห่งชีวิตจึงถูกคลี่ออกในระหว่างรัชสมัยพันปี?
11 โยฮันพูดถึง “ม้วนหนังสือแห่งชีวิต.” นี่คือบันทึกเกี่ยวกับคนที่มีความหวังจะได้รับชีวิตนิรันดร์จากพระยะโฮวา. ชื่อของพี่น้องที่ถูกเจิมของพระเยซู, ของชนฝูงใหญ่, และของผู้ซื่อสัตย์ในสมัยโบราณ เช่น โมเซ ถูกบันทึกอยู่ในม้วนหนังสือนี้. (เอ็กโซโด 32:32, 33; ดานิเอล 12:1; วิวรณ์ 3:5) ส่วนคน “ไม่ชอบธรรม” ที่เป็นขึ้นมาจากตายในเวลานั้นยังไม่มีชื่ออยู่ในม้วนหนังสือแห่งชีวิตสักคนเดียว ดังนั้น ม้วนหนังสือแห่งชีวิตจะถูกคลี่ออกในระหว่างรัชสมัยพันปีเพื่อให้มีการเขียนชื่อของคนอื่น ๆ ที่บรรลุคุณสมบัติ. คนที่ไม่มีชื่อเขียนอยู่ในม้วนหนังสือแห่งชีวิตจะถูก “โยนลงในบึงไฟ.”—วิวรณ์ 20:15, ล.ม.; เทียบกับเฮ็บราย 3:19.
12. อะไรจะกำหนดว่า บุคคลหนึ่งจะมีชื่อถูกเขียนไว้ในม้วนหนังสือแห่งชีวิตที่ถูกคลี่ออกหรือไม่ และผู้พิพากษาที่พระยะโฮวาทรงแต่งตั้งได้วางตัวอย่างไว้อย่างไร?
12 แล้วอะไรจะกำหนดว่า บุคคลหนึ่งจะมีชื่อเขียนอยู่ในม้วนหนังสือแห่งชีวิตที่ถูกคลี่ออกในเวลานั้นหรือไม่? ปัจจัยสำคัญก็จะเหมือนกับในสมัยของอาดามและฮาวา คือการเชื่อฟังพระยะโฮวา. ดังที่อัครสาวกโยฮันเขียนถึงเพื่อนคริสเตียนที่รักว่า “โลกกับความปรารถนาของโลกกำลังผ่านพ้นไป แต่ผู้ที่ทำตามพระทัยประสงค์ของพระเจ้าจะดำรงอยู่ตลอดไปเป็นนิตย์.” (1 โยฮัน 2:4-7, 17) ในเรื่องของการเชื่อฟัง ผู้พิพากษาที่พระยะโฮวาทรงแต่งตั้งได้วางแบบอย่างไว้ดังนี้: “ถึงแม้พระองค์ [พระเยซู] ทรงเป็นพระบุตร พระองค์ได้ทรงเรียนรู้การเชื่อฟังจากสิ่งต่าง ๆ ที่พระองค์ทนเอา; และครั้นภายหลังพระองค์ถูกทำให้สมบูรณ์ พระองค์จึงได้เป็นผู้รับผิดชอบต่อความรอดนิรันดร์แก่คนทั้งปวงที่เชื่อฟังพระองค์.”—เฮ็บราย 5:8, 9, ล.ม.
การคลี่ม้วนหนังสืออื่น ๆ
13. เหล่าผู้ที่กลับเป็นขึ้นจากตายต้องแสดงตนว่าเชื่อฟังอย่างไร และพวกเขาต้องทำตามหลักการอะไรบ้าง?
13 ผู้ที่กลับเป็นขึ้นจากตายเหล่านี้ต้องแสดงการเชื่อฟังอย่างไร? พระเยซูเองทรงชี้ถึงพระบัญญัติใหญ่สองข้อ โดยตรัสว่า “พระบัญญัติที่เป็นเอกเป็นใหญ่กว่าบัญญัติทั้งปวงนั้นคือว่า ‘ดูก่อนพวกยิศราเอล จงฟังเถิด พระยะโฮวาพระเจ้าของเราเป็นพระเจ้าองค์เดียว จงรักพระองค์ผู้เป็นพระเจ้าด้วยสุดใจสุดจิตต์ของเจ้า ด้วยสุดความคิดและด้วยสิ้นสุดกำลังของเจ้า.’ และบัญญัติที่สองนั้นคือ ‘จงรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง.’” (มาระโก 12:29-31) นอกจากนี้ ยังมีหลักการที่พระยะโฮวาทรงกำหนดไว้อย่างดีซึ่งพวกเขาจะต้องปฏิบัติตาม เช่น ไม่ลักขโมย ไม่พูดปด ไม่ฆ่าคน และไม่ประพฤติผิดศีลธรรม.—1 ติโมเธียว 1:8-11; วิวรณ์ 21:8.
14. ม้วนหนังสืออื่น ๆ อะไรบ้างที่ถูกคลี่ออก และม้วนหนังสือเหล่านั้นมีอะไรเขียนไว้?
14 อย่างไรก็ตาม โยฮันเพิ่งกล่าวถึงม้วนหนังสืออื่น ๆ ซึ่งจะถูกคลี่ออกในช่วงรัชสมัยพันปี. (วิวรณ์ 20:12) ม้วนหนังสือเหล่านี้จะเป็นอะไร? ในบางโอกาส พระยะโฮวาทรงมีพระบัญชาที่เจาะจงสำหรับสถานการณ์เฉพาะอย่าง. ตัวอย่างเช่น ในสมัยโมเซ พระองค์ประทานพระบัญญัติโดยละเอียดเป็นชุดซึ่งหมายถึงชีวิตสำหรับชนอิสราเอลหากพวกเขาเชื่อฟัง. (พระบัญญัติ 4:40; 32:45-47) ในช่วงศตวรรษแรก มีการให้พระบัญชาใหม่เพื่อช่วยผู้ซื่อสัตย์ให้ปฏิบัติตามหลักการของพระยะโฮวาภายใต้ระบบคริสเตียน. (มัดธาย 28:19, 20; โยฮัน 13:34; 15:9, 10) ตอนนี้ โยฮันแจ้งว่า ผู้ที่ตายแล้วจะ “ถูกพิพากษาตามสิ่งที่เขียนไว้ในม้วนหนังสือทั้งหลายตามการกระทำของตน.” ฉะนั้น จึงเห็นได้ชัดว่า การคลี่ม้วนหนังสือเหล่านี้จะเป็นการประกาศถึงข้อเรียกร้องโดยละเอียดของพระยะโฮวาสำหรับมนุษยชาติในระหว่างพันปีนั้น. โดยการนำกฎและข้อบัญญัติต่าง ๆ ในม้วนหนังสือเหล่านั้นไปใช้ในชีวิต มนุษย์ที่เชื่อฟังจะทำให้วันเวลาของตนยืนยาวออกไป แล้วบรรลุชีวิตนิรันดร์ในที่สุด.
15. จำเป็นต้องมีการรณรงค์การศึกษาชนิดใดในระหว่างการปลุกให้เป็นขึ้นจากตาย และอาจเป็นได้ว่าการกลับเป็นขึ้นจากตายจะดำเนินไปอย่างไร?
15 จำเป็นต้องมีการรณรงค์การศึกษาตามระบอบของพระเจ้าออกไปอย่างกว้างขวางจริง ๆ! ในปี 2005 พยานพระยะโฮวาตลอดทั่วโลกนำการศึกษาคัมภีร์ไบเบิลโดยเฉลี่ยแล้วมากกว่า 6,061,534 รายในดินแดนต่าง ๆ. แต่ในระหว่างการปลุกให้เป็นขึ้นจากตาย จะมีการนำการศึกษานับล้าน ๆ รายจนนับไม่ถ้วนอย่างไม่ต้องสงสัย โดยอาศัยคัมภีร์ไบเบิลและม้วนหนังสือใหม่ ๆ! ประชาชนทั้งปวงของพระเจ้าจะต้องเป็นครูและต้องพยายามสุดความสามารถ. เหล่าผู้ที่กลับเป็นขึ้นจากตาย ขณะที่ทำความก้าวหน้า ก็จะร่วมในโครงการสอนอันใหญ่โตนี้อย่างไม่ต้องสงสัย. เป็นไปได้ว่า การกลับเป็นขึ้นจากตายจะดำเนินไปในแนวที่คนที่มีชีวิตอยู่อาจจะมีความชื่นชมในการต้อนรับและสอนสมาชิกในครอบครัวและผู้ที่รู้จักกันมาก่อน ผู้ซึ่งจะต้อนรับและสอนคนอื่น ๆ ต่อไปอีก. (เทียบกับ 1 โกรินโธ 15:19-28, 58.) พยานพระยะโฮวากว่าหกล้านคนซึ่งกำลังแข็งขันในการกระจายความจริงในทุกวันนี้กำลังวางรากฐานที่ดีสำหรับสิทธิพิเศษต่าง ๆ ที่พวกเขาหวังจะได้รับในช่วงที่มีการกลับเป็นขึ้นจากตาย.—ยะซายา 50:4; 54:13.
16. (ก) ชื่อของใครบ้างจะไม่มีเขียนไว้ในม้วนหนังสือแห่งชีวิต? (ข) ใครคือคนที่การกลับเป็นขึ้นจากตายของเขาจะปรากฏว่าเป็นการเป็นขึ้น “สู่ชีวิต”?
16 พระเยซูตรัสถึงการกลับเป็นขึ้นจากตายบนแผ่นดินโลกว่า “ผู้ที่ได้ทำการดีจะเป็นขึ้นมาสู่ชีวิต ผู้ที่ได้ทำการชั่วก็จะเป็นขึ้นมาสู่การพิพากษา.” ในที่นี้ “ชีวิต” และ “การพิพากษา” มีความแตกต่างกัน แสดงว่าผู้ที่กลับเป็นขึ้นจากตายที่ “ทำการชั่ว” หลังจากได้รับการสอนในคัมภีร์ที่มีขึ้นโดยการดลใจและในม้วนหนังสือต่าง ๆ นั้นจะถูกพิพากษาว่าไม่คู่ควรกับชีวิต. ชื่อของพวกเขาจะไม่มีเขียนอยู่ในม้วนหนังสือแห่งชีวิต. (โยฮัน 5:29, ล.ม.) คงจะเป็นเช่นนั้นกับผู้ที่เคยติดตามแนวทางอันสัตย์ซื่อ แต่แล้วด้วยเหตุผลบางประการ ได้หันเหออกไปในระหว่างรัชสมัยพันปีด้วย. ชื่อถูกลบออกได้. (เอ็กโซโด 32:32, 33) ในทางกลับกัน ผู้ที่ทำตามสิ่งที่เขียนไว้ในม้วนหนังสือเหล่านั้นด้วยความเชื่อฟังจะรักษาชื่อของตนให้อยู่ในบันทึกที่มีการจารึกไว้ นั่นคือม้วนหนังสือแห่งชีวิต แล้วมีชีวิตอยู่ต่อไป. สำหรับพวกเขาแล้ว การกลับเป็นขึ้นจากตายจะปรากฏว่าเป็นการเป็นขึ้นมา “สู่ชีวิต.”
จุดจบของความตายและหลุมศพ
17. (ก) โยฮันพรรณนาถึงปฏิบัติการอันวิเศษอะไร? (ข) เมื่อไรที่หลุมศพว่างเปล่า? (ค) เมื่อไรที่ความตายอันเนื่องจากอาดามจะถูก “โยนลงในบึงไฟ”?
17 ถัดจากนั้น โยฮันพรรณนาถึงอะไรบางอย่างที่วิเศษจริง ๆ! “แล้วความตายและหลุมศพก็ถูกโยนลงในบึงไฟ. บึงไฟนี้หมายถึงความตายชนิดที่สอง. นอกจากนั้น คนที่ไม่มีชื่อเขียนไว้ในหนังสือแห่งชีวิตก็ถูกโยนลงในบึงไฟ.” (วิวรณ์ 20:14, 15, ล.ม.) ก่อนที่วันแห่งการพิพากษาพันปีจะสิ้นสุดลง “ความตายและหลุมศพ” จะถูกขจัดอย่างสิ้นเชิง. เหตุใดจึงต้องกินเวลาหนึ่งพันปี? หลุมศพทั่วไป (ฮาเดส) ของมนุษยชาติ จะว่างเปล่าเมื่อคนสุดท้ายในความทรงจำของพระเจ้าถูกปลุกให้เป็นขึ้นจากตาย. แต่ตราบเท่าที่ยังมีผู้เป็นมลทินเนื่องจากบาปที่สืบทอดกันมา ความตายอันเนื่องจากอาดามก็ยังคงอยู่ในผู้นั้น. คนทั้งหลายเหล่านั้นที่กลับเป็นขึ้นจากตายบนแผ่นดินโลก เช่นเดียวกับชนฝูงใหญ่ที่รอดผ่านอาร์มาเก็ดดอน จำต้องเชื่อฟังสิ่งที่จารึกไว้ในม้วนหนังสือเหล่านั้นจนกว่าจะมีการใช้คุณค่าแห่งค่าไถ่ของพระเยซูในการขจัดความเจ็บป่วย, ความชรา, และความบกพร่องอย่างอื่นทางพันธุกรรมให้หมดไปอย่างสิ้นเชิง. แล้วความตายที่เกิดจากอาดามพร้อมกับหลุมศพก็จะถูก “โยนลงในบึงไฟ.” ความตายและหลุมศพจะอันตรธานตลอดไป!
18. (ก) อัครสาวกเปาโลพรรณนาอย่างไรถึงผลสำเร็จของการที่พระเยซูทรงปกครองเป็นกษัตริย์? (ข) พระเยซูทรงทำอะไรกับครอบครัวมนุษย์ที่สมบูรณ์? (ค) มีอะไรอื่นเกิดขึ้นอีก ณ ตอนสิ้นสุดพันปี?
18 ดังนั้น โครงการที่อัครสาวกเปาโลพรรณนาในจดหมายที่ท่านมีไปถึงชาวโกรินโธนั้นจะเสร็จสมบูรณ์ ที่ว่า “เพราะพระองค์ [พระเยซู] ต้องปกครองเป็นกษัตริย์ จนกว่าพระเจ้าจะปราบศัตรูทั้งสิ้นให้อยู่ใต้พระบาทของพระองค์. ในฐานะเป็นศัตรูสุดท้าย ความตาย [ที่เกิดจากอาดาม] จะถูกปราบให้สิ้น.” แล้วจะเกิดอะไรขึ้นถัดจากนั้น? “เมื่อสารพัดสิ่งจะถูกทำให้อยู่ใต้พระองค์ แล้วพระบุตรก็เช่นกันจะยอมตัวอยู่ใต้พระองค์ผู้นั้นซึ่งได้ทำให้สารพัดสิ่งอยู่ใต้พระองค์.” อีกนัยหนึ่งก็คือ พระเยซูจะทรง “มอบราชอาณาจักรแด่พระเจ้าและพระบิดาของพระองค์.” (1 โกรินโธ 15:24-28, ล.ม.) ใช่แล้ว เมื่อพระเยซูทรงปราบความตายที่เกิดจากอาดามโดยใช้คุณค่าแห่งเครื่องบูชาไถ่ของพระองค์แล้ว พระองค์จะทรงมอบครอบครัวมนุษย์ที่สมบูรณ์แด่พระยะโฮวา พระบิดาของพระองค์. เห็นได้ชัดว่า ณ จุดนี้ ในตอนสิ้นสุดของพันปีนั้นซาตานจะถูกปล่อยออกมา และจะมีการทดสอบครั้งสุดท้ายเกิดขึ้นเพื่อตัดสินว่า ชื่อของใครจะถูกบันทึกไว้เป็นการถาวร ในม้วนหนังสือแห่งชีวิต. “จงบากบั่นอย่างแข็งขัน” เพื่อว่าชื่อของคุณจะได้อยู่ในชื่อเหล่านั้นด้วย!—ลูกา 13:24, ล.ม.; วิวรณ์ 20:5.
[เชิงอรรถ]
a คนเหล่านั้นที่ถูกปลุกขึ้นมาจากทะเลคงไม่รวมถึงผู้คนที่เสื่อมทรามซึ่งอาศัยอยู่บนแผ่นดินโลกที่ถูกกวาดล้างออกไปในคราวมหาอุทกภัยในสมัยโนฮา. ความพินาศในครั้งนั้นเป็นแบบเด็ดขาด ดังที่จะเป็นในการสำเร็จโทษตามการพิพากษาของพระยะโฮวาในคราวความทุกข์ลำบากครั้งใหญ่.—มัดธาย 25:41, 46; 2 เปโตร 3:5-7.
[ภาพหน้า 298]
“คนไม่ชอบธรรม” ที่เป็นขึ้นจากตายซึ่งเชื่อฟังและปฏิบัติตามม้วนหนังสือที่มีการคลี่ออกในช่วงรัชสมัยพันปีนั้นอาจมีชื่อของเขาจารึกไว้ในม้วนหนังสือแห่งชีวิตด้วยเช่นกัน