บท 42
ฟ้าสวรรค์ใหม่และแผ่นดินโลกใหม่
1. โยฮันพรรณนาถึงอะไรเมื่อทูตสวรรค์นำท่านกลับสู่ตอนต้นรัชสมัยพันปี?
นิมิตอันรุ่งโรจน์นี้ยังปรากฏต่อไปในขณะที่ทูตสวรรค์พาโยฮันกลับไปยังตอนต้นรัชสมัยพันปี. ท่านพรรณนาว่าอย่างไร? “แล้วข้าพเจ้าก็เห็นฟ้าสวรรค์ใหม่และแผ่นดินโลกใหม่ เพราะฟ้าสวรรค์เดิมและแผ่นดินโลกเดิมนั้นผ่านพ้นไปแล้ว และทะเลก็ไม่มีอีกต่อไป.” (วิวรณ์ 21:1, ล.ม.) ภาพที่ประทับใจปรากฏให้เห็น!
2. (ก) คำพยากรณ์ของยะซายาเกี่ยวกับฟ้าสวรรค์ใหม่และแผ่นดินโลกใหม่สำเร็จเป็นจริงกับชาวยิวที่ได้รับการฟื้นฟูในปี 537 ก่อนสากลศักราชนั้นอย่างไร? (ข) เราทราบอย่างไรว่า จะมีความสำเร็จเป็นจริงของคำพยากรณ์ของยะซายาอีกครั้ง และคำสัญญานี้สำเร็จเป็นจริงอย่างไร?
2 หลายร้อยปีก่อนสมัยของโยฮัน พระยะโฮวาตรัสกับยะซายาว่า “เพราะนี่แน่ะ เรากำลังสร้างฟ้าสวรรค์ใหม่และแผ่นดินโลกใหม่; และสิ่งก่อนนั้นจะไม่ระลึกถึงอีก ทั้งจะไม่คำนึงถึงในหัวใจ.” (ยะซายา 65:17, ล.ม.; 66:22) คำพยากรณ์นี้สำเร็จเป็นจริงครั้งแรกเมื่อชาวยิวที่ซื่อสัตย์กลับไปยังเยรูซาเลมในปี 537 ก่อนสากลศักราช หลังจากถูกเนรเทศไปอยู่ในกรุงบาบิโลน 70 ปี. ในการบูรณะฟื้นฟูคราวนั้น พวกเขาได้ประกอบเป็นสังคมที่สะอาด คือ “แผ่นดินโลกใหม่” ภายใต้ระบบการปกครองใหม่ คือ “ฟ้าสวรรค์ใหม่.” อย่างไรก็ตาม อัครสาวกเปโตรได้ชี้ถึงความสำเร็จเป็นจริงอีกครั้งหนึ่งของคำพยากรณ์นั้นในวันข้างหน้าโดยกล่าวว่า “แต่ว่ามีฟ้าสวรรค์ใหม่และแผ่นดินโลกใหม่ ซึ่งเรากำลังรอท่าอยู่ตามคำสัญญาของพระองค์ และซึ่งความชอบธรรมจะดำรงอยู่ที่นั่น.” (2 เปโตร 3:13, ล.ม.) บัดนี้โยฮันแสดงให้เห็นว่า คำสัญญานี้จะสำเร็จในระหว่างวันขององค์พระผู้เป็นเจ้า. “ฟ้าสวรรค์เดิมและแผ่นดินโลกเดิม” อันได้แก่ระบบที่ซาตานจัดขึ้นโดยมีโครงสร้างทางการปกครองที่ซาตานและผีปิศาจของมันครอบงำอยู่นั้นจะผ่านพ้นไป. “ทะเล” ที่บ้าคลั่งแห่งมนุษยชาติที่ชั่วช้าและกบฏจะไม่มีอีกต่อไป. “ฟ้าสวรรค์ใหม่และแผ่นดินโลกใหม่” คือสังคมโลกใหม่ภายใต้การปกครองใหม่คือราชอาณาจักรของพระเจ้าจะเข้ามาแทนที่.—เทียบกับวิวรณ์ 20:11.
3. (ก) โยฮันพรรณนาถึงสิ่งใด และเยรูซาเลมใหม่คืออะไร? (ข) เยรูซาเลมใหม่ “ลงมาจากสวรรค์” อย่างไร?
3 โยฮันพรรณนาต่อไปว่า “ข้าพเจ้าเห็นเมืองบริสุทธิ์ด้วย คือเห็นเยรูซาเลมใหม่ลงมาจากสวรรค์ เมืองนี้มาจากพระเจ้าและเตรียมพร้อมแล้วดุจเจ้าสาวที่แต่งตัวไว้สำหรับเจ้าบ่าว.” (วิวรณ์ 21:2, ล.ม.) เยรูซาเลมใหม่เป็นเจ้าสาวของพระคริสต์ ซึ่งประกอบด้วยคริสเตียนผู้ถูกเจิมที่รักษาความซื่อสัตย์ตราบเท่าวันตายและถูกปลุกให้เป็นกษัตริย์และปุโรหิตกับพระเยซูผู้ทรงสง่าราศี. (วิวรณ์ 3:12; 20:6) เช่นเดียวกับที่เยรูซาเลมทางแผ่นดินโลกได้เป็นที่ตั้งของรัฐบาลในอิสราเอลโบราณ เยรูซาเลมใหม่ที่สง่างามและเจ้าบ่าวของเธอก็ประกอบกันเป็นรัฐบาลของระบบใหม่. นี่คือฟ้าสวรรค์ใหม่. ‘เจ้าสาวลงมาจากสวรรค์’ ไม่ใช่ตามตัวอักษร แต่ในแง่ของการมุ่งความสนใจมายังแผ่นดินโลก. เจ้าสาวของพระเมษโปดกจะเป็นคู่เคียงที่ภักดีของพระองค์ในการดำเนินการปกครองอันชอบธรรมเหนือมนุษยชาติทั้งสิ้น. ช่างเป็นพระพรจริง ๆ สำหรับแผ่นดินโลกใหม่!
4. พระเจ้าทำสัญญาอะไรซึ่งคล้ายกับสัญญาที่พระองค์ทรงทำกับชาติอิสราเอลที่ถูกตั้งขึ้นใหม่?
4 โยฮันบอกเราต่อไปว่า “แล้วข้าพเจ้าได้ยินเสียงอันดังจากราชบัลลังก์นั้นบอกว่า ‘ดูเถิด! พลับพลาของพระเจ้าอยู่กับมนุษย์และพระองค์จะสถิตกับพวกเขา และพวกเขาจะเป็นประชาชนของพระองค์. พระเจ้าจะทรงอยู่กับพวกเขา.’” (วิวรณ์ 21:3, ล.ม.) เมื่อพระยะโฮวาทำสัญญาไมตรีโดยพระบัญญัติกับอิสราเอลซึ่งเป็นชนชาติใหม่ในเวลานั้น พระองค์ทรงสัญญาว่า “เราจะตั้งพลับพลาของเราไว้ท่ามกลางเจ้าทั้งหลาย และพระทัยของเราจะยินดีในเจ้าทั้งหลาย. และเราจะดำเนินในท่ามกลางเจ้าทั้งหลาย จะเป็นพระเจ้าของเจ้า และเจ้าทั้งหลายจะเป็นไพร่พลของเรา.” (เลวีติโก 26:11, 12) บัดนี้ พระยะโฮวาทรงทำสัญญาคล้ายกันกับมนุษย์ผู้ซื่อสัตย์. ระหว่างวันแห่งการพิพากษาพันปี พวกเขาจะได้เป็นประชาชนพิเศษจริง ๆ ของพระองค์.
5. (ก) พระเจ้าจะสถิตกับมนุษยชาติในช่วงรัชสมัยพันปีอย่างไร? (ข) พระเจ้าจะสถิตท่ามกลางมนุษยชาติภายหลังรัชสมัยพันปีอย่างไร?
5 ในช่วงรัชสมัยพันปี พระยะโฮวาจะ “สถิต” ท่ามกลางมนุษยชาติในการจัดเตรียมชั่วคราว โดยมีพระราชบุตรเยซูคริสต์เป็นผู้ดำเนินการแทนพระองค์. อย่างไรก็ตาม ในตอนสิ้นรัชสมัยพันปี เมื่อพระเยซูทรงมอบราชอาณาจักรแก่พระบิดาของพระองค์ ผู้แทนพระองค์หรือผู้กลางจะไม่จำเป็นอีกต่อไป. พระยะโฮวาจะสถิตกับ “ประชาชนของพระองค์” ทางฝ่ายวิญญาณโดยตรงและเป็นการถาวร. (เทียบกับโยฮัน 4:23, 24.) ช่างเป็นสิทธิพิเศษอันสูงส่งจริง ๆ สำหรับมนุษยชาติที่ได้รับการฟื้นฟู!
6, 7. (ก) โยฮันเปิดเผยถึงคำสัญญาอันยิ่งใหญ่อะไร และใครจะชื่นชมกับพระพรต่าง ๆ นั้น? (ข) ยะซายาพรรณนาอย่างไรถึงอุทยานทั้งทางฝ่ายวิญญาณและอุทยานธรรมชาติ?
6 โยฮันกล่าวต่อไปว่า “พระองค์จะทรงเช็ดน้ำตาทุกหยดจากตาพวกเขา ความตายจะไม่มีอีกเลย ความโศกเศร้าหรือเสียงร้องไห้เสียใจหรือความเจ็บปวดจะไม่มีอีกเลย. สิ่งที่เคยมีอยู่นั้นผ่านพ้นไปแล้ว.” (วิวรณ์ 21:4, ล.ม.) อีกครั้งหนึ่งที่เราระลึกถึงคำสัญญาซึ่งมีขึ้นโดยการดลใจก่อนหน้านี้. ยะซายาก็รอคอยเช่นกันถึงเวลาที่ความตายและความทุกข์โศกจะไม่มีอีกต่อไปและเวลาที่ความปลาบปลื้มยินดีจะเข้ามาแทนที่ความโศกเศร้า. (ยะซายา 25:8; 35:10; 51:11; 65:19) บัดนี้ โยฮันยืนยันว่า คำสัญญาเหล่านี้จะสำเร็จเป็นจริงอย่างยอดเยี่ยมในระหว่างวันแห่งการพิพากษาพันปี. ชนฝูงใหญ่จะชื่นชมกับพระพรต่าง ๆ ก่อน. “พระเมษโปดกซึ่งอยู่ตรงกลางราชบัลลังก์นั้น” ซึ่งยังคงบำรุงเลี้ยงพวกเขาต่อไป “จะทรงนำพวกเขาไปยังน้ำพุทั้งหลายที่มีน้ำแห่งชีวิต. แล้วพระเจ้าจะทรงเช็ดน้ำตาทุกหยดจากตาของพวกเขา.” (วิวรณ์ 7:9, 17, ล.ม.) แต่ในที่สุดคนทั้งปวงที่ถูกปลุกให้กลับเป็นขึ้นจากตายและสำแดงความเชื่อในการจัดเตรียมของพระยะโฮวาจะได้อยู่ที่นั่นกับพวกเขา ชื่นชมกับอุทยานซึ่งเป็นทั้งอุทยานฝ่ายวิญญาณและอุทยานธรรมชาติ.
7 ยะซายากล่าวว่า “ขณะนั้นตาของคนตาบอดจะเห็นได้ และหูของคนหูหนวกจะยินได้.” ใช่ “แล้วคนง่อยจะเต้นได้ดุจดังอีเก้ง และลิ้นของคนใบ้จะร้องเพลง.” (ยะซายา 35:5, 6) ในเวลานั้นอีกเช่นกัน “และเขาจะสร้างบ้านเรือนและจะได้อยู่เป็นแน่; และเขาจะทำสวนองุ่นแล้วได้กินผลแน่นอน. เขาจะไม่สร้างแล้วคนอื่นอยู่อาศัย; เขาจะไม่ปลูกแล้วคนอื่นได้กิน. เพราะอายุของต้นไม้จะเป็นอายุของพลเมืองของเรา; และผู้ถูกเลือกสรรของเราจะใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่จากการงานโดยน้ำมือของเขาเอง.” (ยะซายา 65:21, 22, ล.ม.) ดังนั้น พวกเขาจะไม่ถูกขจัดออกไปจากแผ่นดินโลก.
8. พระยะโฮวาเองตรัสเกี่ยวกับความเป็นจริงของคำสัญญาอันยิ่งใหญ่เหล่านี้ว่าอย่างไร?
8 ใจของเราคงจะเต็มไปด้วยภาพงดงามเกี่ยวกับวันข้างหน้าขณะที่เราใคร่ครวญคำสัญญาเหล่านี้! การจัดเตรียมอันยอดเยี่ยมมีไว้สำหรับมนุษยชาติที่ซื่อสัตย์ภายใต้การปกครองด้วยความรักจากสวรรค์. คำสัญญาเหล่านั้นดีเกินกว่าจะเป็นจริงไหม? คำสัญญาเหล่านั้นเป็นเพียงความฝันของชายชราคนหนึ่งที่ถูกเนรเทศไปอยู่บนเกาะปัตโมสกระนั้นหรือ? พระยะโฮวาเองทรงตอบว่า “พระองค์ผู้ประทับบนราชบัลลังก์นั้นตรัสว่า ‘ดูเถิด! เรากำลังสร้างทุกสิ่งขึ้นใหม่.’ พระองค์ตรัสอีกว่า ‘จงเขียนไว้เถิด เพราะถ้อยคำเหล่านี้เชื่อถือได้และเป็นความจริง.’ แล้วพระองค์ตรัสกับข้าพเจ้าว่า ‘ถ้อยคำเหล่านี้สำเร็จแล้ว! เราเป็นอัลฟาและโอเมกา เป็นเบื้องต้นและเบื้องปลาย.’”—วิวรณ์ 21:5, 6ก, ล.ม.
9. เพราะเหตุใดจึงอาจมองดูพระพรเหล่านี้ในอนาคตว่าเป็นสิ่งแน่นอนในเรื่องการบรรลุความเป็นจริง?
9 ราวกับว่าพระยะโฮวาเองทรงลงพระปรมาภิไธยในหนังสือค้ำประกันหรือหนังสือแสดงกรรมสิทธิ์ให้มนุษยชาติที่ซื่อสัตย์สำหรับพระพรเหล่านี้ในอนาคต. แล้วใครเล่าจะบังอาจแคลงใจในผู้ค้ำประกันพระองค์นี้? คำสัญญาเหล่านี้ของพระยะโฮวาเป็นสิ่งแน่นอนถึงขนาดที่พระองค์ตรัสราวกับว่า คำสัญญาเหล่านี้สำเร็จเป็นจริงแล้ว: “สำเร็จแล้ว!” พระยะโฮวามิได้เป็น “อัลฟาและโอเมกา ผู้เป็นอยู่เดี๋ยวนี้ ผู้เป็นอยู่ในกาลก่อน และเป็นผู้ซึ่งจะมา ผู้มีฤทธานุภาพทุกประการ” หรอกหรือ? (วิวรณ์ 1:8, ล.ม.) พระองค์ทรงเป็นเช่นนั้นจริง ๆ! พระองค์เองทรงแถลงว่า “เราเป็นเบื้องต้น, และเราเป็นเบื้องปลาย, และนอกจากเราไม่มี [“พระเจ้า,” ล.ม.] เลย.” (ยะซายา 44:6) ในฐานะเช่นนั้น พระองค์ทรงสามารถดลใจให้มีการกล่าวคำพยากรณ์และทำให้คำพยากรณ์เหล่านั้นสำเร็จเป็นจริงตามรายละเอียดทุกอย่าง. ช่างเป็นการเสริมความเชื่อให้มั่นคงจริง ๆ! ดังนั้น พระองค์จึงทรงสัญญาว่า “ดูเถิด! เรากำลังสร้างทุกสิ่งขึ้นใหม่”! แทนที่จะสงสัยว่า สิ่งมหัศจรรย์เหล่านี้จะเกิดขึ้นจริง ๆ หรือไม่ เราน่าจะนึกสงสัยว่า ‘โดยส่วนตัวแล้ว ฉันต้องทำอะไรเพื่อจะได้รับพระพรเช่นนั้น?’
“น้ำ” สำหรับผู้ที่กระหาย
10. “น้ำ” อะไรที่พระยะโฮวาทรงเสนอให้ และน้ำนี้หมายถึงอะไร?
10 พระยะโฮวาเองทรงเป็นผู้แถลงว่า “เราจะให้น้ำจากน้ำพุที่มีน้ำแห่งชีวิตแก่ผู้ที่กระหายโดยไม่คิดค่า.” (วิวรณ์ 21:6ข, ล.ม.) เพื่อจะดับความกระหายนั้น คนเราจำต้องสำนึกถึงความต้องการฝ่ายวิญญาณของตนและเต็มใจจะรับ “น้ำ” ที่พระยะโฮวาทรงจัดไว้. (ยะซายา 55:1; มัดธาย 5:3) “น้ำ” อะไร? พระเยซูเองทรงตอบคำถามนั้นเมื่อทรงให้คำพยานกับผู้หญิงคนหนึ่งที่ข้างบ่อน้ำในซะมาเรีย. พระองค์ทรงบอกเธอว่า “ผู้ใดที่ดื่มน้ำซึ่งเราจะให้แก่เขานั้นจะไม่กระหายอีกเลย แต่น้ำซึ่งเราจะให้เขานั้นจะกลายเป็นบ่อน้ำพุพลุ่งขึ้นในตัวเขาเพื่อให้ชีวิตนิรันดร์.” “น้ำพุที่มีน้ำแห่งชีวิต” นั้นไหลมาจากพระเจ้าโดยผ่านทางพระคริสต์ในฐานะเป็นการจัดเตรียมของพระองค์เพื่อฟื้นฟูมนุษยชาติสู่ชีวิตสมบูรณ์. เช่นเดียวกับหญิงชาวซะมาเรีย เราน่าจะกระหายเพียงไรที่จะดื่มจากบ่อน้ำนั้นอย่างเต็มที่! และเช่นเดียวกับหญิงผู้นั้น เราควรพร้อมจะละความสนใจทางโลกเพื่อบอกข่าวดีนี้แก่คนอื่น ๆ!—โยฮัน 4:14, 15, 28, 29, ล.ม.
เหล่าผู้ที่ชนะ
11. พระยะโฮวาทรงทำสัญญาอะไร และถ้อยคำเหล่านั้นใช้กับผู้ใดก่อน?
11 ผู้ที่ดื่มจาก “น้ำ” ที่ยังความสดชื่นจะต้องได้ชัยชนะด้วย ดังที่พระยะโฮวาตรัสต่อไปว่า “ผู้ที่ชนะจะได้รับสิ่งเหล่านี้ และเราจะเป็นพระเจ้าของเขา และเขาจะเป็นบุตรของเรา.” (วิวรณ์ 21:7, ล.ม.) คำสัญญานี้คล้ายคลึงกับคำสัญญาต่าง ๆ ที่มีอยู่ในข่าวสารถึงประชาคมทั้งเจ็ด ดังนั้น ถ้อยคำเหล่านี้จะต้องใช้กับสาวกผู้ถูกเจิมก่อน. (วิวรณ์ 2:7, 11, 17, 26-28; 3:5, 12, 21) พี่น้องฝ่ายวิญญาณของพระคริสต์ตลอดยุคต่าง ๆ รอคอยสิทธิพิเศษแห่งการเป็นส่วนของเยรูซาเลมใหม่อย่างใจจดใจจ่อ. หากพวกเขามีชัยอย่างที่พระเยซูทรงมีชัย ความหวังของพวกเขาก็จะเป็นจริง.—โยฮัน 16:33.
12. คำสัญญาของพระยะโฮวาที่วิวรณ์ 21:7 จะสำเร็จเป็นจริงแก่ชนฝูงใหญ่อย่างไร?
12 ชนฝูงใหญ่จากทุกชาติก็รอคอยคำสัญญานี้ด้วย. พวกเขาเช่นกันต้องชนะ คือรับใช้พระเจ้าด้วยความภักดีจนกระทั่งผ่านพ้นความทุกข์ลำบากครั้งใหญ่. แล้วพวกเขาจึงจะได้รับมรดกทางแผ่นดินโลก คือ ‘ราชอาณาจักรซึ่งตระเตรียมไว้สำหรับพวกเขาตั้งแต่การวางรากฐานโลก.’ (มัดธาย 25:34, ล.ม.) คนเหล่านี้พร้อมทั้งแกะอื่นทางแผ่นดินโลกขององค์พระผู้เป็นเจ้า ซึ่งผ่านการทดสอบในตอนสิ้นพันปีถูกเรียกว่า “เหล่าผู้บริสุทธิ์.” (วิวรณ์ 20:9, ล.ม.) พวกเขาจะมีสัมพันธภาพอันศักดิ์สิทธิ์ในฐานะบุตรกับพระยะโฮวาพระเจ้าพระผู้สร้างของเขา ในฐานะสมาชิกแห่งสากลองค์การของพระองค์.—ยะซายา 66:22; โยฮัน 20:31; โรม 8:21.
13, 14. เพื่อจะได้รับมรดกตามคำสัญญาอันยิ่งใหญ่ของพระเจ้า เราต้องหลีกเว้นกิจปฏิบัติอะไรบ้างอย่างเด็ดเดี่ยว และเพราะเหตุใด?
13 โดยคำนึงถึงความหวังอันยิ่งใหญ่นี้ จึงเป็นสิ่งสำคัญจริง ๆ ที่พยานพระยะโฮวาจะรักษาตัวให้สะอาดพ้นจากสิ่งด่างพร้อยแห่งโลกของซาตานในขณะนี้! เราจำต้องเข้มแข็ง เด็ดเดี่ยว และตั้งใจแน่วแน่จนพญามารไม่มีทางฉุดลากเราเข้าสู่กลุ่มคนที่พระยะโฮวาเองทรงพรรณนาไว้ในที่นี้ว่า “แต่สำหรับคนขลาด คนไม่มีความเชื่อ คนที่น่าสะอิดสะเอียนเนื่องด้วยความโสโครกของพวกเขา พวกฆาตกร คนผิดประเวณี คนถือผี คนไหว้รูปเคารพ และคนโกหกทั้งหลายนั้น พวกเขาจะได้รับส่วนของตนในบึงที่มีไฟและกำมะถันลุกไหม้อยู่. นี่หมายถึงความตายชนิดที่สอง.” (วิวรณ์ 21:8, ล.ม.) ใช่แล้ว ผู้ที่จะรับมรดกต้องหลีกเว้นกิจปฏิบัติต่าง ๆ ที่ได้ทำให้ระบบเก่านี้เปรอะเปื้อน. เขาจะต้องมีชัยชนะโดยรักษาความซื่อสัตย์แม้เผชิญความกดดันและการล่อใจทุกอย่าง.—โรม 8:35-39.
14 คริสต์ศาสนจักร แม้จะอ้างว่าเป็นเจ้าสาวของพระคริสต์ แต่มีกิจปฏิบัติอันน่าสะอิดสะเอียนต่าง ๆ ที่โยฮันพรรณนาไว้ในที่นี้เป็นลักษณะเฉพาะ. ดังนั้น คริสต์ศาสนจักรจึงต้องลงไปสู่ความพินาศนิรันดร์พร้อมกับส่วนที่เหลือของบาบิโลนใหญ่. (วิวรณ์ 18:8, 21) ในทำนองเดียวกัน คนใดในผู้ถูกเจิมหรือชนฝูงใหญ่ซึ่งทำกิจปฏิบัติที่ชั่วร้ายเหล่านั้น หรือเริ่มสนับสนุนกิจปฏิบัติเช่นนั้น จะเสี่ยงกับความพินาศตลอดไป. หากพวกเขายังยืนกรานทำสิ่งเหล่านั้น พวกเขาจะไม่ได้รับมรดกตามคำสัญญา. และในแผ่นดินโลกใหม่ ใคร ๆ ที่พยายามนำกิจปฏิบัติดังกล่าวเข้ามาจะถูกทำลายโดยฉับพลัน สู่ความตายชนิดที่สองโดยไม่มีความหวังจะกลับเป็นขึ้นจากตายอีก.—ยะซายา 65:20.
15. ใครที่โดดเด่นในฐานะผู้ชนะ และวิวรณ์ถูกนำสู่จุดสุดยอดอันล้ำเลิศพร้อมกับนิมิตอะไร?
15 พระเยซูคริสต์พระเมษโปดก และเจ้าสาว 144,000 คนของพระองค์ คือเยรูซาเลมใหม่ จะโดดเด่นในฐานะผู้ชนะ. ดังนั้น จึงเป็นการเหมาะสมสักเพียงไรที่พระธรรมวิวรณ์จะถูกนำสู่จุดสุดยอดอันสูงส่งด้วยภาพล้ำเลิศภาพสุดท้ายของเยรูซาเลมใหม่! บัดนี้ โยฮันพรรณนานิมิตสุดท้าย.
[ภาพหน้า 302]
ในสังคมโลกใหม่ จะมีงานและมิตรภาพที่น่าเพลิดเพลินยินดีสำหรับทุกคน