คู่ควรจะถูกนำไปยังน้ำพุที่มีน้ำแห่งชีวิต
“พระเมษโปดก . . . จะทรงเลี้ยงดูพวกเขา และจะทรงนำพวกเขาไปยังน้ำพุทั้งหลายที่มีน้ำแห่งชีวิต.”—วิ. 7:17.
1. พระคำของพระเจ้าเรียกคริสเตียนผู้ถูกเจิมอย่างไร และพระเยซูประทานหน้าที่รับผิดชอบอะไรแก่พวกเขา?
พระคำของพระเจ้าเรียกคริสเตียนผู้ถูกเจิมซึ่งเอาใจใส่ดูแลผลประโยชน์ต่าง ๆ ของพระคริสต์บนแผ่นดินโลกว่า “ทาสสัตย์ซื่อและสุขุม.” เมื่อพระคริสต์ทรงตรวจตรา “ทาส” ในปี 1918 พระองค์ทรงพบว่าผู้ถูกเจิมเหล่านี้บนแผ่นดินโลกซื่อสัตย์ในการแจกจ่าย ‘อาหารฝ่ายวิญญาณในเวลาอันเหมาะ.’ ด้วยเหตุนั้น ในภายหลังพระเยซูผู้เป็นนายจึงทรงยินดีตั้งพวกเขา “ให้ดูแลทรัพย์สมบัติทั้งหมดของนาย.” (อ่านมัดธาย 24:45-47.) เหล่าผู้ถูกเจิมรับใช้ผู้นมัสการคนอื่น ๆ ของพระยะโฮวาบนแผ่นดินโลกในวิธีนี้ก่อนที่พวกเขาจะได้รับมรดกในสวรรค์.
2. จงอธิบายเรื่องทรัพย์สมบัติของพระเยซู.
2 เป็นเรื่องธรรมดาที่นายมีอำนาจจะใช้ทรัพย์สมบัติของตนตามที่เขาเลือก. ทรัพย์สมบัติของพระเยซูคริสต์ ผู้เป็นกษัตริย์ที่พระยะโฮวาทรงตั้งไว้ให้ครองราชย์ หมายถึงทุกสิ่งที่เกี่ยวข้องกับราชอาณาจักรและราษฎรซึ่งอยู่บนแผ่นดินโลก. ทรัพย์สมบัติดังกล่าวรวมถึง “ชนฝูงใหญ่” ที่อัครสาวกโยฮันเห็นในนิมิต. โยฮันพรรณนาชนฝูงใหญ่ไว้ดังนี้: “ข้าพเจ้าเห็นชนฝูงใหญ่ซึ่งไม่มีใครนับจำนวนได้ จากทุกประเทศ ทุกตระกูล ทุกชนชาติ และทุกภาษา ยืนอยู่ตรงหน้าราชบัลลังก์และเฉพาะพระพักตร์พระเมษโปดก พวกเขาสวมเสื้อคลุมยาวสีขาวและถือใบปาล์ม.”—วิ. 7:9.
3, 4. ชนฝูงใหญ่ได้รับสิทธิพิเศษอย่างสูงอย่างไร?
3 คนที่เป็นชนฝูงใหญ่เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มคนที่พระเยซูตรัสถึงว่าเป็น “แกะอื่น.” (โย. 10:16) พวกเขามีความหวังจะมีชีวิตตลอดไปบนแผ่นดินโลกที่เป็นอุทยาน. พวกเขาเชื่อมั่นว่าพระเยซู “จะทรงนำพวกเขาไปยังน้ำพุทั้งหลายที่มีน้ำแห่งชีวิต” และ “พระเจ้าจะทรงเช็ดน้ำตาทุกหยดจากตาของพวกเขา.” เพราะมีความหวังอย่างนั้น พวกเขาได้ “ซักเสื้อคลุมของตนและทำให้ขาวด้วยพระโลหิตของพระเมษโปดก.” (วิ. 7:14, 17) พวกเขาแสดงความเชื่อในเครื่องบูชาของพระเยซู และเพราะเหตุนั้นพวกเขาสวม ‘เสื้อคลุมขาว’ ในสายพระเนตรของพระเจ้า. พวกเขาได้รับการประกาศว่าชอบธรรมในฐานะมิตรของพระเจ้า เช่นเดียวกับอับราฮาม.
4 นอกจากนั้น เนื่องจากพระเจ้าทรงถือว่าชนฝูงใหญ่แห่งแกะอื่นที่เพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อย ๆ นี้ชอบธรรม พวกเขาจึงหวังได้ว่าจะรอดชีวิตผ่านการทำลายระบบนี้ในคราวความทุกข์ลำบากครั้งใหญ่. (ยโก. 2:23-26) พวกเขาสามารถเข้าใกล้พระยะโฮวา และในฐานะกลุ่มชน พวกเขามีความหวังอันยอดเยี่ยมที่จะรอดชีวิตผ่านอาร์มาเก็ดดอน. (ยโก. 4:8; วิ. 7:15) พวกเขาไม่แยกตัวเป็นเอกเทศ หากแต่เต็มใจรับใช้ตามการชี้นำของพระมหากษัตริย์ผู้อยู่ในสวรรค์และพี่น้องผู้ถูกเจิมที่อยู่บนแผ่นดินโลก.
5. บางคนจากชนฝูงใหญ่สนับสนุนเหล่าพี่น้องผู้ถูกเจิมของพระคริสต์อย่างไร?
5 คริสเตียนผู้ถูกเจิมได้ถูกโลกของซาตานต่อต้านอย่างรุนแรงมาโดยตลอดและจะถูกต่อต้านเช่นนั้นอยู่ต่อไป. อย่างไรก็ตาม พวกเขาสามารถหวังพึ่งการสนับสนุนจากสหายของพวกเขาที่เป็นชนฝูงใหญ่ได้. แม้ว่าคริสเตียนผู้ถูกเจิมในเวลานี้มีจำนวนน้อย แต่ชนฝูงใหญ่มีจำนวนเพิ่มขึ้นหลายแสนคนในแต่ละปี. ชนผู้ถูกเจิมไม่สามารถดูแลประชาคมคริสเตียนแต่ละแห่งซึ่งทั่วโลกมีประมาณ 100,000 ประชาคมด้วยตัวเองทั้งหมด. ด้วยเหตุนั้น การสนับสนุนอย่างหนึ่งที่ผู้ถูกเจิมได้รับจากแกะอื่นก็คือการที่ชายผู้มีคุณวุฒิจากชนฝูงใหญ่รับใช้เป็นผู้ปกครองในประชาคมต่าง ๆ. พวกเขาช่วยดูแลคริสเตียนหลายล้านคนในเวลานี้ที่ “ทาสสัตย์ซื่อและสุขุม” ได้รับมอบหมายให้ดูแล.
6. มีคำพยากรณ์ไว้อย่างไรว่าคริสเตียนผู้ถูกเจิมจะได้รับการสนับสนุนจากแกะอื่นสหายของพวกเขา?
6 ผู้พยากรณ์ยะซายาบอกล่วงหน้าไว้ว่าคริสเตียนผู้ถูกเจิมจะได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มใจจากแกะอื่นสหายของพวกเขา. ท่านเขียนว่า “พระเจ้าตรัสดังนี้ว่า ‘ทรัพยากร [“กรรมกรที่ไม่รับค่าจ้าง,” ล.ม.] ของอียิปต์และสินค้ากำไรของเอธิโอเปีย และคนเสบาคนร่างสูงจะมาหาเจ้า และเป็นของเจ้า เขาจะติดตามเจ้า.’ ” (ยซา. 45:14, ฉบับแปลใหม่) คริสเตียนในทุกวันนี้ที่มีความหวังจะอยู่บนแผ่นดินโลกดำเนินตามเหล่าผู้ถูกเจิมที่เป็นชนชั้นทาสและคณะกรรมการปกครอง ติดตามการนำของพวกเขา. ในฐานะ “กรรมกรที่ไม่รับค่าจ้าง” แกะอื่นใช้กำลังและทรัพยากรของตนด้วยความเต็มใจเพื่อสนับสนุนงานประกาศทั่วโลกที่พระคริสต์มอบหมายแก่เหล่าสาวกผู้ถูกเจิมที่อยู่บนแผ่นดินโลก.—กิจ. 1:8; วิ. 12:17.
7. ชนฝูงใหญ่กำลังได้รับการฝึกอบรมเพื่อรับเอาสิทธิพิเศษอะไรในอนาคต?
7 ขณะที่สมาชิกของชนฝูงใหญ่ให้การสนับสนุนแก่พี่น้องผู้ถูกเจิม พวกเขากำลังได้รับการฝึกอบรมเพื่อจะเป็นรากฐานของสังคมมนุษย์ใหม่ซึ่งจะดำรงอยู่หลังอาร์มาเก็ดดอน. รากฐานดังกล่าวนี้ต้องหนักแน่นมั่นคง และสมาชิกของสังคมใหม่นี้ต้องเต็มใจและสามารถดำเนินการตามการชี้นำของผู้เป็นนาย. คริสเตียนแต่ละคนมีโอกาสจะแสดงให้เห็นว่าพระคริสต์เยซูผู้เป็นพระมหากษัตริย์สามารถใช้เขาได้. โดยแสดงความเชื่อและความภักดีในเวลานี้ เขาแสดงให้เห็นว่าพร้อมจะตอบรับเมื่อพระมหากษัตริย์ประทานการชี้นำแก่เขาในโลกใหม่.
ชนฝูงใหญ่พิสูจน์ความเชื่อของตน
8, 9. บรรดาชนฝูงใหญ่กำลังพิสูจน์ความเชื่อของตนอย่างไร?
8 แกะอื่นซึ่งเป็นสหายของประชาคมคริสเตียนผู้ถูกเจิมพิสูจน์ความเชื่อของตนในหลายทาง. ประการแรก พวกเขาสนับสนุนผู้ถูกเจิมในการประกาศข่าวดีเรื่องราชอาณาจักรของพระเจ้า. (มัด. 24:14; 28:19, 20) ประการที่สอง พวกเขาเต็มใจยอมทำตามการชี้นำของคณะกรรมการปกครอง.—ฮีบรู 13:17; อ่านซะคาระยา 8:23.
9 ประการที่สาม สมาชิกของชนฝูงใหญ่สนับสนุนพี่น้องผู้ถูกเจิมโดยดำเนินชีวิตประสานกับหลักการอันชอบธรรมของพระยะโฮวา. พวกเขาพยายามอย่างยิ่งที่จะพัฒนา “ความรัก ความยินดี สันติสุข ความอดกลั้นไว้นาน ความกรุณา ความดี ความเชื่อ ความอ่อนโยน การควบคุมตนเอง.” (กลา. 5:22, 23) ปัจจุบัน การแสดงคุณลักษณะเช่นนั้นในการดำเนินชีวิต แทนที่จะร่วมใน “การกระทำที่เกิดจากความปรารถนาของกายที่มีบาป” อาจไม่เป็นที่นิยมกันโดยทั่วไป. กระนั้น สมาชิกของชนฝูงใหญ่ตั้งใจแน่วแน่จะหลีกเลี่ยง “การผิดประเวณี การประพฤติที่ไม่สะอาด การประพฤติที่ไร้ยางอาย การไหว้รูปเคารพ การถือผี การเป็นศัตรูกัน การต่อสู้กัน การริษยากัน การบันดาลโทสะ การชิงดีชิงเด่นกัน การแตกแยกกัน การแยกเป็นนิกายต่าง ๆ การอิจฉากัน การดื่มจนเมามาย การเลี้ยงเฮฮาอย่างเลยเถิด และการต่าง ๆ ทำนองนี้.”—กลา. 5:19-21.
10. สมาชิกของชนฝูงใหญ่มีความตั้งใจแน่วแน่เช่นไร?
10 เนื่องจากเราไม่สมบูรณ์ อาจเป็นเรื่องยากที่จะแสดงผลพระวิญญาณ, หลีกเลี่ยงการกระทำที่เกิดจากความปรารถนาของกายที่มีบาป, และต้านทานแรงกดดันที่มาจากโลกของซาตาน. อย่างไรก็ตาม เราตั้งใจแน่วแน่ว่าจะไม่ยอมให้ความท้อแท้ใจเพราะความอ่อนแอของตัวเราเอง, ความล้มเหลวชั่วครั้งชั่วคราว, หรือข้อจำกัดทางกายทำให้ความเชื่อเราอ่อนลงหรือทำให้ความรักต่อพระยะโฮวาลดน้อยลงไป. เรารู้ว่าพระยะโฮวาจะทำตามที่พระองค์ทรงสัญญา คือพิทักษ์ชนฝูงใหญ่ให้รอดผ่านความทุกข์ลำบากครั้งใหญ่.
11. ซาตานพยายามใช้กลยุทธ์อะไรเพื่อทำให้ความเชื่อของคริสเตียนอ่อนลง?
11 ถึงกระนั้น เราต้องคอยระวังอยู่เสมอเพราะเรารู้ว่าศัตรูที่แท้จริงของเราคือพญามาร และมันไม่เคยยอมแพ้ง่าย ๆ. (อ่าน 1 เปโตร 5:8.) มันพยายามใช้พวกผู้ออกหากและคนอื่น ๆ เพื่อชักชวนเราให้เชื่อว่าคำสอนที่เราประพฤติตามอยู่นั้นไม่เป็นความจริง. แต่ตามปกติแล้วกลยุทธ์นี้ใช้ไม่ได้ผล. คล้ายกัน แม้ว่าบางครั้งการข่มเหงทำให้งานประกาศช้าลงไปบ้าง แต่บ่อยครั้งนั่นกลับทำให้ความเชื่อของคนที่ถูกข่มเหงเข้มแข็งยิ่งขึ้น. ด้วยเหตุนั้น ซาตานจึงหันมาใช้อีกวิธีหนึ่งมากขึ้น ซึ่งเป็นวิธีที่มันคิดว่าน่าจะได้ผลมากกว่าในการทำให้ความเชื่อของเราอ่อนลง. มันฉวยประโยชน์จากความท้อใจของคริสเตียน. คริสเตียนในศตวรรษแรกได้รับคำเตือนให้ระวังอันตรายในลักษณะนี้เมื่อเปาโลบอกพวกเขาว่า “ท่านทั้งหลายจงพิจารณาดูพระองค์ผู้ทรงทนกับการพูดต่อต้านของคนบาปซึ่งการพูดนั้นกลับทำให้ตัวเขาเองเสียหาย.” เพราะเหตุใด? “เพื่อพวกท่านจะไม่เหนื่อยล้าและหมดกำลังใจ.”—ฮีบรู 12:3.
12. คำแนะนำในคัมภีร์ไบเบิลช่วยคนที่ท้อแท้ใจให้เข้มแข็งได้อย่างไร?
12 คุณเคยรู้สึกอยากเลิกรับใช้พระยะโฮวาไหม? คุณรู้สึกเป็นบางครั้งว่าคุณล้มเหลวไหม? หากเป็นอย่างนั้น อย่าปล่อยให้ซาตานใช้ความรู้สึกแบบนี้มาขัดขวางคุณในการรับใช้พระยะโฮวา. การศึกษาคัมภีร์ไบเบิลอย่างลึกซึ้ง, การอธิษฐานด้วยความรู้สึกแรงกล้า, และการเข้าร่วมการประชุมอย่างสม่ำเสมอ ตลอดจนการคบหาสมาคมกับคนที่มีความเชื่อเหมือนกันจะช่วยคุณให้เข้มแข็งและป้องกันคุณไว้ไม่ให้ “หมดกำลังใจ.” พระยะโฮวาทรงสัญญาไว้ว่าจะช่วยคนที่รับใช้พระองค์ได้กำลังคืนมา และเรามั่นใจคำสัญญาของพระองค์ได้. (อ่านยะซายา 40:30, 31.) จงจดจ่ออยู่กับกิจกรรมต่าง ๆ ของคริสเตียน. หลีกเลี่ยงสิ่งที่ใช้เวลามากซึ่งชักนำเราให้เขว และมุ่งเน้นในการช่วยเหลือผู้อื่น. เมื่อเป็นอย่างนั้น คุณจะเข้มแข็งและพร้อมจะอดทนได้แม้ว่าอาจท้อแท้ใจในบางครั้ง.—กลา. 6:1, 2.
รอดจากความทุกข์ลำบากเข้าสู่โลกใหม่
13. มีงานอะไรคอยอยู่สำหรับคนที่รอดผ่านอาร์มาเก็ดดอน?
13 ภายหลังอาร์มาเก็ดดอน คนไม่ชอบธรรมจำนวนมากมายที่ถูกปลุกให้เป็นขึ้นจากตายต้องได้รับการสอนในเรื่องแนวทางของพระยะโฮวา. (กิจ. 24:15) พวกเขาจะต้องเรียนรู้เกี่ยวกับเครื่องบูชาไถ่ของพระเยซู. นอกจากนั้น พวกเขาต้องได้รับการสอนให้แสดงความเชื่อในเครื่องบูชานั้นเพื่อจะรับประโยชน์จากเครื่องบูชาของพระเยซู. พวกเขาจะต้องปฏิเสธแนวคิดผิด ๆ ทางศาสนาที่เคยยึดมั่นมาก่อนและเลิกใช้ชีวิตแบบเดิม. พวกเขาต้องเรียนรู้ที่จะสวมบุคลิกภาพใหม่ที่บ่งบอกว่าเป็นคริสเตียนแท้. (เอเฟ. 4:22-24; โกโล. 3:9, 10) มีงานมากมายที่แกะอื่นทั้งหลายซึ่งรอดชีวิตผ่านอาร์มาเก็ดดอนต้องทำ. ช่างเป็นเรื่องน่ายินดีสักเพียงไรที่จะรับใช้พระยะโฮวาในงานดังกล่าว โดยไม่ต้องถูกกดดันและล่อใจจากโลกชั่วอย่างในปัจจุบันนี้!
14, 15. จงพรรณนาเกี่ยวกับการแลกเปลี่ยนข้อมูลกันระหว่างผู้รอดชีวิตผ่านความทุกข์ลำบากครั้งใหญ่กับบรรดาคนชอบธรรมที่ถูกปลุกให้เป็นขึ้นจากตาย.
14 ผู้รับใช้ที่ซื่อสัตย์ของพระยะโฮวาซึ่งตายไปก่อนสมัยที่พระเยซูทรงทำงานรับใช้บนแผ่นดินโลกจะมีเรื่องให้เรียนรู้มากมายในเวลานั้น. พวกเขาจะได้รู้ว่าใครคือพระมาซีฮาที่ทรงสัญญาซึ่งพวกเขาเฝ้าคอยอยู่นานแต่ไม่มีโอกาสได้เห็น. ตอนที่มีชีวิตอยู่ในสมัยโน้น พวกเขาแสดงให้เห็นอยู่แล้วถึงความเต็มใจจะรับการสอนจากพระยะโฮวา. ขอให้นึกดูว่าจะน่ายินดีและเป็นเกียรติสักเพียงไรที่จะช่วยสอนพวกเขาหลายเรื่อง เช่น ให้อธิบายแก่ดานิเอลเกี่ยวกับความสำเร็จเป็นจริงของคำพยากรณ์ที่ท่านเองเป็นคนบันทึกแต่ไม่เข้าใจ!—ดานิ. 12:8, 9.
15 แน่นอน แม้ว่าผู้ถูกปลุกให้เป็นขึ้นจากตายจะเรียนรู้มากมายหลายเรื่องจากเรา แต่เราก็จะมีคำถามมากมายที่อยากถามเขาเหมือนกัน. พวกเขาจะช่วยเราให้รู้รายละเอียดในเหตุการณ์ทั้งหลายที่คัมภีร์ไบเบิลกล่าวถึงแต่ไม่ได้อธิบายอย่างละเอียด. ขอให้นึกดูว่าจะน่าตื่นเต้นสักเพียงไรที่จะรู้รายละเอียดในเรื่องส่วนตัวของพระเยซูจากโยฮันผู้ให้บัพติสมาซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องของพระองค์! ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเรื่องต่าง ๆ ที่เราเรียนรู้จากพยานที่ซื่อสัตย์เช่นนั้นจะทำให้เราเข้าใจพระคำของพระเจ้ามากขึ้นกว่าเดิม. ผู้รับใช้ที่ซื่อสัตย์ของพระยะโฮวาที่ตายไปแล้ว—รวมถึงบรรดาชนฝูงใหญ่ที่ตายไปในช่วงเวลาอวสาน—จะได้รับ “การปลุกให้เป็นขึ้นจากตายที่ดีกว่า.” พวกเขาเริ่มงานรับใช้พระยะโฮวาในโลกที่ถูกซาตานครอบงำ. จะเป็นเรื่องน่ายินดีสักเพียงไรที่พวกเขาจะรับใช้ต่อไปในสภาพแวดล้อมที่ดีกว่าเดิมมากในโลกใหม่!—ฮีบรู 11:35; 1 โย. 5:19.
16. ตามที่มีคำพยากรณ์บอกไว้ จะมีการดำเนินการอย่างไรในวันพิพากษา?
16 เมื่อถึงจุดหนึ่งระหว่างวันพิพากษา ม้วนหนังสือจะถูกคลี่ออก. ม้วนหนังสือเหล่านี้จะถูกใช้เป็นพื้นฐานร่วมกับคัมภีร์ไบเบิลในการพิพากษาทุกคนที่มีชีวิตอยู่ว่าเขาสมควรได้รับชีวิตนิรันดร์หรือไม่. (อ่านวิวรณ์ 20:12, 13.) ในตอนสิ้นสุดวันพิพากษา แต่ละคนจะมีโอกาสเหลือเฟือที่จะแสดงจุดยืนของตนในประเด็นสากลบรมเดชานุภาพ. เขาจะยอมตัวอยู่ใต้การปกครองของราชอาณาจักรและยอมให้พระเมษโปดกนำเขาไปถึง “น้ำพุทั้งหลายที่มีน้ำแห่งชีวิต” ไหม? หรือเขาจะขัดขืนไม่ยอมให้ราชอาณาจักรของพระเจ้าปกครองเขา? (วิ. 7:17; ยซา. 65:20) ถึงตอนนั้น ทุกคนบนแผ่นดินโลกจะมีโอกาสตัดสินใจเป็นส่วนตัว โดยไม่ได้รับผลกระทบจากบาปที่ตกทอดมาหรือจากสภาพแวดล้อมที่ไม่ดี. ไม่มีใครจะตั้งข้อสงสัยใด ๆ ได้อีกว่าการพิพากษารอบสุดท้ายของพระยะโฮวาเที่ยงธรรมหรือไม่. เฉพาะคนชั่วเท่านั้นจะถูกทำลายอย่างถาวร.—วิ. 20:14, 15.
17, 18. คริสเตียนผู้ถูกเจิมและแกะอื่นมองวันพิพากษาด้วยความคาดหวังอันน่ายินดีเช่นไร?
17 เนื่องจากพระเจ้าทรงถือว่าพวกเขาคู่ควรจะได้รับราชอาณาจักร คริสเตียนผู้ถูกเจิมในปัจจุบันจึงคอยท่าจะได้ร่วมปกครองในระหว่างวันพิพากษาด้วยใจจดจ่อ. พวกเขาจะได้รับสิทธิพิเศษอันยิ่งใหญ่จริง ๆ! ความคาดหวังนี้กระตุ้นพวกเขาให้ทำตามคำแนะนำที่เปโตรให้แก่พี่น้องของพวกเขาในศตวรรษแรก ที่ว่า “จงพยายามจนสุดกำลังเพื่อให้การทรงเรียกและทรงเลือกพวกท่านเป็นสิ่งแน่นอนสำหรับพวกท่านเอง เพราะถ้าพวกท่านทำสิ่งเหล่านี้ต่อ ๆ ไป พวกท่านจะไม่มีวันล้มพลาดเลย. ที่จริง โดยวิธีนี้ท่านทั้งหลายจะได้เข้าราชอาณาจักรนิรันดร์ของพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้า และพระผู้ช่วยให้รอดของเราอย่างมีเกียรติ.”—2 เป. 1:10, 11.
18 แกะอื่นร่วมยินดีกับพี่น้องผู้ถูกเจิม. พวกเขาตั้งใจแน่วแน่จะสนับสนุนเหล่าผู้ถูกเจิม. ในฐานะมิตรของพระเจ้าในปัจจุบัน พวกเขาถูกกระตุ้นให้รับใช้พระเจ้าอย่างสุดกำลัง. ในระหว่างวันพิพากษา พวกเขาจะยินดีสนับสนุนการจัดเตรียมต่าง ๆ ของพระเจ้าอย่างสุดหัวใจขณะที่พระเยซูทรงนำพวกเขาไปสู่น้ำพุแห่งชีวิต. และในที่สุด พวกเขาจะถูกจัดว่าคู่ควรจะเป็นผู้รับใช้ที่อยู่บนแผ่นดินโลกของพระยะโฮวาตลอดไป!—โรม 8:20, 21; วิ. 21:1-7.
คุณจำได้ไหม?
• ทรัพย์สมบัติของพระเยซูหมายรวมถึงอะไรบ้าง?
• ชนฝูงใหญ่สนับสนุนพี่น้องผู้ถูกเจิมอย่างไร?
• ชนฝูงใหญ่ได้รับสิทธิพิเศษอะไรและพวกเขามีความคาดหวังในเรื่องใด?
• คุณมองวันพิพากษาอย่างไร?
[ภาพหน้า 25]
แกะอื่นทั้งหลายได้ซักเสื้อคลุมของตนและทำให้ขาวด้วยพระโลหิตของพระเมษโปดก
[ภาพหน้า 27]
คุณอยากเรียนรู้เรื่องใดบ้างจากเหล่าผู้ซื่อสัตย์ที่ถูกปลุกให้เป็นขึ้นจากตาย?