ผู้นำที่ขันแข็งของเราในปัจจุบัน
“พระองค์ทรงออกไปอย่างผู้มีชัยเพื่อทำให้ชัยชนะของพระองค์ครบถ้วน.”—วิ. 6:2
1, 2. (ก) คัมภีร์ไบเบิลพรรณนาอย่างไรเกี่ยวกับปฏิบัติการของพระคริสต์ในฐานะกษัตริย์นับตั้งแต่ปี 1914? (ข) พระคริสต์ทรงลงมือทำอะไรนับตั้งแต่พระองค์ขึ้นครองราชย์?
พระคริสต์ทรงขึ้นครองบัลลังก์เป็นกษัตริย์ในราชอาณาจักรมาซีฮาของพระยะโฮวาในปี 1914. ภาพของพระองค์ในความคิดของเราตอนนี้เป็นอย่างไร? พระองค์เป็นกษัตริย์ช่างคิดผู้นั่งอยู่บนบัลลังก์และชำเลืองลงมาที่โลกเป็นครั้งคราวเพื่อดูว่าประชาคมของพระองค์เป็นอย่างไรบ้างอย่างนั้นไหม? ถ้าคิดอย่างนั้น เราควรแก้ไขความคิดของเราเสียใหม่. บทเพลงสรรเสริญและหนังสือวิวรณ์พรรณนาว่าพระองค์ทรงเป็นกษัตริย์ผู้ขันแข็งที่ทรงม้าออกไป “เพื่อทำให้ชัยชนะของพระองค์ครบถ้วน” และดำเนินต่อ ๆ ไปจนบรรลุ “ความสำเร็จ” ในขั้นสุดท้าย.—วิ. 6:2; เพลง. 2:6-9; 45:1-4, ล.ม.
2 ปฏิบัติการแรกของพระคริสต์หลังจากขึ้นครองราชย์เป็นกษัตริย์คือการได้รับชัยชนะเหนือ “พญานาคกับเหล่าทูตสวรรค์ที่อยู่ฝ่ายมัน.” ในฐานะอัครทูตสวรรค์มิคาเอลซึ่งบัญชาการเหล่าทูตสวรรค์ พระคริสต์ทรงเหวี่ยงซาตานและทูตสวรรค์ที่อยู่ฝ่ายมันออกจากสวรรค์อันบริสุทธิ์และจำกัดให้พวกมันอยู่ในบริเวณแผ่นดินโลก. (วิ. 12:7-9) ต่อมา ในบทบาทที่เป็น “ทูตแห่งพันธสัญญา” ของพระยะโฮวา พระเยซูเสด็จมาพร้อมกับพระบิดาเพื่อตรวจตราพระวิหารฝ่ายวิญญาณ. (มลคี. 3:1, ฉบับ R73) พระองค์ทรงพิพากษาคริสต์ศาสนจักร ซึ่งเป็นส่วนที่น่าตำหนิที่สุดของ “บาบิโลนใหญ่” และพบว่ามีความผิดฐานทำให้โลหิตตกและผิดประเวณีฝ่ายวิญญาณกับระบบการเมืองของโลกนี้.—วิ. 18:2, 3, 24
ทรงชำระทาสของพระองค์ที่แผ่นดินโลกให้สะอาด
3, 4. (ก) พระคริสต์ทรงทำงานอะไรให้สำเร็จในฐานะ “ทูต” ของพระยะโฮวา? (ข) การตรวจตราพระวิหารเผยให้เห็นอะไร และในฐานะประมุขของประชาคมพระเยซูทรงแต่งตั้งใคร?
3 การตรวจตราของพระยะโฮวาและ “ทูต” ของพระองค์ยังเผยให้เห็นด้วยว่ามีกลุ่มหนึ่งที่เป็นคริสเตียนแท้ซึ่งไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของคริสต์ศาสนจักรอยู่ที่ลานพระวิหารทางแผ่นดินโลกของพระวิหารฝ่ายวิญญาณนั้น. อย่างไรก็ตาม แม้แต่คริสเตียนแท้ผู้ถูกเจิมเหล่านี้ หรือ “ลูกชายทั้งหลายของพวกเลวี” ก็จำเป็นต้องได้รับการชำระให้สะอาด. เป็นดังที่ผู้พยากรณ์มาลาคีได้บอกไว้ล่วงหน้าว่า “พระองค์ [พระยะโฮวา] จะนั่งลงเหมือนช่างหลอมช่างถลุงเงิน. พระองค์จะถลุงลูกชายทั้งหลายของพวกเลวีดุจดังถลุงทองและเงินเพื่อเขาทั้งหลายจะถวายเครื่องบูชาแก่พระยะโฮวาด้วยน้ำใสใจบริสุทธิ์.” (มลคี. 3:3) พระยะโฮวาทรงใช้ “ทูตแห่งพันธสัญญา” คือพระคริสต์เยซู ให้ชำระอิสราเอลฝ่ายวิญญาณเหล่านี้ให้สะอาด.
4 ถึงกระนั้น พระคริสต์ทรงพบว่าคริสเตียนผู้ถูกเจิมที่ซื่อสัตย์กลุ่มเดียวกันนี้กำลังพยายามทำอย่างเต็มที่เพื่อจัดให้มีอาหารฝ่ายวิญญาณตามเวลาสำหรับครอบครัวผู้นมัสการแท้. นับตั้งแต่ปี 1879 เป็นต้นมา ไม่ว่าจะประสบปัญหาหรืออุปสรรคใด ๆ ก็ตาม พวกเขาได้จัดพิมพ์ความจริงในคัมภีร์ไบเบิลเกี่ยวกับราชอาณาจักรของพระเจ้าในวารสารนี้มาโดยตลอด. พระเยซูทรงพยากรณ์ว่า เมื่อพระองค์ “มาถึง” เพื่อตรวจตราคนรับใช้ของพระองค์ระหว่าง “ช่วงสุดท้ายของยุค” พระองค์จะพบว่าทาสกำลังให้ “อาหารแก่พวกเขาในเวลาอันเหมาะ.” พระองค์จะประกาศว่าทาสนั้นจะมีความสุขและ “ตั้งเขาให้ดูแลทรัพย์สมบัติทั้งหมดของนาย” บนแผ่นดินโลก. (มัด. 24:3, 45-47) ในฐานะประมุขของประชาคมคริสเตียน พระคริสต์ทรงใช้ “ทาสสัตย์ซื่อและสุขุม” ให้ดูแลผลประโยชน์ของราชอาณาจักรบนแผ่นดินโลก. พระองค์ทรงชี้นำ “คนรับใช้” ซึ่งเป็นผู้ถูกเจิมและ “แกะอื่น” สหายของพวกเขาโดยทางคณะกรรมการปกครอง.—โย. 10:16
การเก็บเกี่ยวผลจากแผ่นดินโลก
5. ในนิมิตที่อัครสาวกโยฮันเห็น พระมหากษัตริย์ทรงทำอะไร?
5 อัครสาวกโยฮันเห็นนิมิตเกี่ยวกับสิ่งอื่นที่พระมหากษัตริย์แห่งราชอาณาจักรมาซีฮาจะทำใน “วันขององค์พระผู้เป็นเจ้า” หลังจากที่ทรงขึ้นครองราชย์ในปี 1914. โยฮันเขียนว่า “แล้วข้าพเจ้าก็เห็นเมฆขาวและมีผู้หนึ่งเหมือนบุตรมนุษย์ทรงนั่งบนเมฆนั้น พระองค์ทรงสวมมงกุฎทองคำและทรงถือเคียวคมกริบอันหนึ่ง.” (วิ. 1:10; 14:14) โยฮันได้ยินทูตสวรรค์องค์หนึ่งของพระยะโฮวาบอกผู้เก็บเกี่ยวผู้นี้ให้ตวัดเคียวเพราะ ‘ผลที่จะเก็บเกี่ยวจากแผ่นดินโลกสุกเต็มที่แล้ว.’—วิ. 14:15, 16
6. พระเยซูตรัสว่าจะเกิดอะไรขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป?
6 วลี “ผลที่จะเก็บเกี่ยวจากแผ่นดินโลก” นี้ทำให้เรานึกถึงอุทาหรณ์ของพระเยซูเรื่องข้าวสาลีกับวัชพืช. พระเยซูทรงเปรียบพระองค์เองกับชายที่หว่านเมล็ดข้าวสาลีในที่นาของตนโดยมีเป้าหมายจะเก็บเกี่ยวพืชผลอันได้แก่ข้าวดีทั้งหมด ซึ่งหมายถึง “เหล่าบุตรแห่งราชอาณาจักร” คือคริสเตียนแท้ผู้ถูกเจิมที่จะร่วมปกครองกับพระองค์ในราชอาณาจักร. แต่เมื่อถึงตอนกลางคืน ศัตรูซึ่งได้แก่ “พญามาร” ได้มาหว่านวัชพืชหรือ “เหล่าบุตรของตัวชั่วร้าย” ลงในที่นานั้น. ผู้หว่านพืชสั่งคนงานให้ปล่อยข้าวสาลีและวัชพืชเติบโตไปด้วยกันจนกระทั่งถึงเวลาเกี่ยวใน “ช่วงสุดท้ายของยุค.” ถึงตอนนั้น พระองค์จะส่งทูตสวรรค์ไปคัดแยกวัชพืชออกจากข้าวสาลี.—มัด. 13:24-30, 36-41
7. พระคริสต์กำลัง ‘เก็บเกี่ยวผลจากแผ่นดินโลก’ อย่างไร?
7 เป็นจริงตามนิมิตที่ให้แก่โยฮัน พระเยซูทรงทำงานเกี่ยวตลอดทั่วโลกเรื่อยมาจนกระทั่งเวลานี้. ‘การเก็บเกี่ยวผลจากแผ่นดินโลก’ เริ่มด้วยการรวบรวมชนที่เหลือของ 144,000 คนที่เป็น “เหล่าบุตรแห่งราชอาณาจักร” ซึ่งตามอุทาหรณ์ของพระเยซูก็คือ “ข้าวสาลี.” ความแตกต่างระหว่างคริสเตียนแท้กับคริสเตียนปลอมเริ่มเห็นได้ชัดขึ้นเรื่อย ๆ หลังสงครามโลกครั้งที่ 1 จนทำให้เกิด ‘การเก็บเกี่ยวผลจากแผ่นดินโลก’ ส่วนที่สอง ซึ่งก็คือการรวบรวมแกะอื่น. คนเหล่านี้ไม่ใช่ “เหล่าบุตรแห่งราชอาณาจักร” หากแต่เป็น “ชนฝูงใหญ่” ซึ่งประกอบด้วยบรรดาราษฎรที่ยินดีอยู่ใต้การปกครองของราชอาณาจักร. พวกเขาถูกเก็บเกี่ยวจาก “ทุกประเทศทุกชาติทุกภาษา.” พวกเขาอ่อนน้อมต่อราชอาณาจักรมาซีฮาซึ่งประกอบด้วยพระคริสต์เยซูกับ “เหล่าผู้บริสุทธิ์” 144,000 คนซึ่งจะสมทบกับพระองค์ในรัฐบาลที่อยู่ในสวรรค์.—วิ. 7:9, 10; ดานิ. 7:13, 14, 18
การนำประชาคม
8, 9. (ก) มีอะไรที่แสดงว่าพระคริสต์ทรงเห็นไม่เพียงแค่ความประพฤติของทั้งประชาคมแต่ทรงเห็นรูปแบบชีวิตของสมาชิกแต่ละคนด้วย? (ข) ดังที่เห็นในภาพหน้า 26 “สิ่งลึกซึ้งของซาตาน” อะไรที่เราควรหลีกเลี่ยง?
8 เราเห็นแล้วในบทความก่อนหน้านี้ว่าพระคริสต์ทรงเฝ้าสังเกตสภาพฝ่ายวิญญาณของแต่ละประชาคมในศตวรรษแรกแห่งสากลศักราชอย่างใกล้ชิดขนาดไหน. ในสมัยของเรา ในฐานะพระมหากษัตริย์ผู้ครองราชย์ที่ได้รับมอบ “อำนาจทั้งสิ้นในสวรรค์และบนแผ่นดินโลก” พระคริสต์ผู้นำของเราทรงเป็นประมุขผู้ขันแข็งที่นำหน้าประชาคมตลอดทั่วโลกและผู้ดูแลของประชาคมเหล่านั้น. (มัด. 28:18; โกโล. 1:18) พระยะโฮวา “ทรงตั้งพระองค์เป็นประมุขเหนือทุกสิ่งเพื่อประโยชน์ของประชาคม” แห่งผู้ถูกเจิม. (เอเฟ. 1:22) ในฐานะประมุข พระองค์ทรงเห็นทุกสิ่งที่เกิดขึ้นภายในประชาคมของพยานพระยะโฮวากว่า 100,000 ประชาคม.
9 พระเยซูทรงส่งข่าวสารไปยังประชาคมทิอาทิราโบราณว่า “บุตรของพระเจ้าผู้มีตาดุจเปลวไฟ . . . พูดอย่างนี้ ‘เรารู้ว่าเจ้าทำอะไร.’ ” (วิ. 2:18, 19) พระองค์ทรงตำหนิสมาชิกของประชาคมนี้ที่ใช้ชีวิตแบบผิดศีลธรรมและทำตามใจตัวเองโดยบอกพวกเขาว่า “เราเป็นผู้ตรวจดูไตและหัวใจ และเราจะให้พวกเจ้าแต่ละคนตามการกระทำของพวกเจ้า.” (วิ. 2:23) คำตรัสนี้แสดงให้เห็นว่าพระคริสต์ไม่เพียงสังเกตความประพฤติโดยรวมของแต่ละประชาคม แต่ยังสังเกตเห็นรูปแบบชีวิตของสมาชิกแต่ละคนด้วย. พระเยซูทรงชมเชยคริสเตียนในเมืองทิอาทิรา “ที่ไม่รู้จักสิ่งที่เขาเรียกกันว่า ‘สิ่งลึกซึ้งของซาตาน.’ ” (วิ. 2:24) ปัจจุบัน พระองค์พอพระทัยคนเหล่านั้น ทั้งคนหนุ่มสาวและผู้สูงอายุ ที่ไม่ขุดค้น “สิ่งลึกซึ้งของซาตาน” ทางอินเทอร์เน็ตหรือวิดีโอเกมที่รุนแรงหรือปล่อยใจไปตามการหาเหตุผลของมนุษย์. พระองค์ทรงมีความสุขสักเพียงไรที่เห็นความพยายามและการเสียสละของคริสเตียนจำนวนมากในทุกวันนี้ที่ติดตามการนำของพระองค์ในทุกแง่มุมของชีวิตอย่างเต็มที่!
10. มีการพรรณนาไว้อย่างไรเกี่ยวกับการที่พระคริสต์ทรงชี้นำผู้ปกครองประชาคม แต่พวกเขาจำเป็นต้องตระหนักในเรื่องอะไร?
10 พระคริสต์ทรงดูแลประชาคมของพระองค์บนแผ่นดินโลกด้วยความรักโดยทางผู้ปกครองที่ได้รับการแต่งตั้ง. (เอเฟ. 4:8, 11, 12) ในศตวรรษแรก ผู้ดูแลทั้งหมดได้รับการเจิมด้วยพระวิญญาณ. หนังสือวิวรณ์พรรณนาว่าพวกเขาเป็นดาวในพระหัตถ์ขวาของพระคริสต์. (วิ. 1:16, 20) ปัจจุบัน ผู้ปกครองส่วนใหญ่ในประชาคมเป็นแกะอื่น. พวกเขาได้รับการแต่งตั้งหลังจากที่มีการอธิษฐานและได้รับการชี้นำจากพระวิญญาณบริสุทธิ์; ดังนั้น จึงถือได้ว่าพวกเขาก็อยู่ภายใต้การชี้นำของพระคริสต์หรืออยู่ในพระหัตถ์ของพระองค์ด้วย. (กิจ. 20:28) แต่พวกเขาตระหนักว่าพระคริสต์ทรงใช้คริสเตียนผู้ถูกเจิมกลุ่มเล็ก ๆ ในฐานะคณะกรรมการปกครองเพื่อนำหน้าและชี้นำเหล่าสาวกของพระองค์บนแผ่นดินโลก.—อ่านกิจการ 15:6, 28-30
“พระเยซูเจ้า เชิญเสด็จมาเถิด”
11. เหตุใดเราจึงกระตือรือร้นที่จะเห็นผู้นำของเราเสด็จมาโดยเร็ว?
11 ในการเปิดเผยแก่อัครสาวกโยฮัน พระเยซูตรัสหลายครั้งว่าพระองค์กำลังรีบเสด็จมา. (วิ. 2:16; 3:11; 22:7, 20) ไม่ต้องสงสัยว่าที่พระองค์ตรัสนั้นหมายถึงการเสด็จมาเพื่อสำเร็จโทษตามการพิพากษาต่อบาบิโลนใหญ่และระบบชั่วที่เหลือของซาตาน. (2 เทส. 1:7, 8) ด้วยความกระตือรือร้นที่จะเห็นความสำเร็จของเหตุการณ์อันยอดเยี่ยมทั้งหมดที่มีบอกไว้ล่วงหน้า อัครสาวกโยฮันผู้ชราแล้วร้องออกมาว่า “อาเมน! พระเยซูเจ้า เชิญเสด็จมาเถิด.” พวกเราซึ่งมีชีวิตอยู่ในเวลาอวสานของระบบชั่วนี้ก็ปรารถนาอย่างยิ่งที่จะเห็นผู้นำและพระมหากษัตริย์เสด็จมาด้วยอำนาจแห่งราชอาณาจักรเพื่อทำให้พระนามของพระบิดาได้รับความนับถืออันบริสุทธิ์และพิสูจน์ว่าการปกครองของพระยะโฮวาถูกต้อง.
12. พระคริสต์จะทำงานอะไรให้แล้วเสร็จก่อนที่ลมแห่งการทำลายล้างจะถูกปล่อยออกมา?
12 ก่อนที่พระเยซูจะเสด็จมาทำลายองค์การที่เห็นได้ด้วยตาของซาตาน สมาชิกกลุ่มสุดท้ายของอิสราเอลฝ่ายวิญญาณ 144,000 คนจะได้รับการประทับตราในขั้นสุดท้าย. คัมภีร์ไบเบิลกล่าวไว้อย่างชัดเจนว่าลมแห่งการทำลายล้างระบบของซาตานจะไม่ถูกปล่อยออกมาก่อนการประทับตราชน 144,000 คนนี้จะครบถ้วน.—วิ. 7:1-4
13. พระคริสต์จะทำให้การประทับของพระองค์ปรากฏชัดอย่างไรในขั้นแรกของ “ความทุกข์ลำบากใหญ่”?
13 “การประทับ” ของพระคริสต์นับตั้งแต่ปี 1914 ผ่านไปโดยที่ผู้คนในโลกส่วนใหญ่ไม่สังเกต. (2 เป. 3:3, 4) แต่ในไม่ช้า พระองค์จะทรงทำให้การประทับของพระองค์ปรากฏชัดโดยสำเร็จโทษส่วนต่าง ๆ ของระบบของซาตานตามการพิพากษาของพระยะโฮวา. การทำลาย “ผู้ละเมิดกฎหมายของพระเจ้า” คือพวกนักเทศน์นักบวชแห่งคริสต์ศาสนจักร จะเป็นการ “แสดงว่าพระองค์ประทับอยู่” อย่างแน่นอน. (อ่าน 2 เทสซาโลนิเก 2:3, 8) การทำลายดังกล่าวจะให้ข้อพิสูจน์อย่างหนักแน่นว่าพระคริสต์ได้ทรงลงมือปฏิบัติการในฐานะองค์ผู้พิพากษาที่ได้รับการแต่งตั้งจากพระยะโฮวา. (อ่าน 2 ติโมเธียว 4:1) การทำลายล้างส่วนที่น่าชิงชังที่สุดของบาบิโลนใหญ่จะเกิดขึ้นก่อนการทำลายล้างจักรวรรดิโลกแห่งศาสนาเท็จที่ชั่วช้าทั้งหมด. พระยะโฮวาจะทรงดลใจผู้นำทางการเมืองให้ทำลายหญิงแพศยาโดยนัยนี้. (วิ. 17:15-18) นั่นจะเป็นขั้นแรกของ “ความทุกข์ลำบากใหญ่.”—มัด. 24:21
14. (ก) เหตุใดขั้นแรกของความทุกข์ลำบากใหญ่จะถูกทำให้สั้นลง? (ข) “สัญญาณบอกเหตุการณ์เกี่ยวกับบุตรมนุษย์” จะหมายถึงอะไรสำหรับประชาชนของพระยะโฮวา?
14 พระเยซูตรัสว่าวันแห่งความทุกข์ลำบากนั้นจะถูกทำให้สั้นลง “เพราะทรงเห็นแก่เหล่าผู้ถูกเลือก” ซึ่งก็คือชนที่เหลือแห่งคริสเตียนผู้ถูกเจิมที่ยังคงอยู่บนแผ่นดินโลก. (มัด. 24:22) พระยะโฮวาจะไม่ยอมให้การทำลายศาสนาเท็จนี้มากวาดล้างคริสเตียนผู้ถูกเจิมและแกะอื่นสหายของพวกเขา. พระเยซูตรัสเสริมอีกว่า “หลังจากช่วงเวลาแห่งความทุกข์ลำบากนั้น” จะมีสัญญาณบอกเหตุที่ดวงอาทิตย์, ดวงจันทร์, และดวงดาว “ครั้นแล้วสัญญาณบอกเหตุการณ์เกี่ยวกับบุตรมนุษย์จะปรากฏในท้องฟ้า.” เหตุการณ์นี้จะทำให้ชาติต่าง ๆ บนแผ่นดินโลก “ร่ำไห้ตีอกชกหัว.” แต่เหล่าผู้ถูกเจิมจะไม่ทำอย่างนั้น เพราะพวกเขามีความหวังที่จะไปสวรรค์ ส่วนสหายของพวกเขามีความหวังจะอยู่บนแผ่นดินโลก. พวกเขาจะ ‘ยืดตัวตรงและเงยหน้าขึ้นเพราะพวกเขาใกล้จะได้รับการช่วยให้รอดแล้ว.’—มัด. 24:29, 30; ลูกา 21:25-28
15. พระคริสต์จะทำอะไรเมื่อพระองค์เสด็จมา?
15 ก่อนจะทำให้ชัยชนะของพระองค์ครบถ้วน บุตรมนุษย์จะมาในความหมายอีกอย่างหนึ่ง. พระองค์ทรงพยากรณ์ว่า “เมื่อบุตรมนุษย์มาในฐานะที่มีเกียรติอันรุ่งโรจน์พร้อมกับทูตสวรรค์ทั้งปวง ท่านจะนั่งบนบัลลังก์อันรุ่งโรจน์ของท่าน. และชาติทั้งปวงจะถูกรวบรวมมาอยู่ต่อหน้าท่าน และท่านจะแยกผู้คนออกจากกันเหมือนผู้เลี้ยงแกะแยกแกะออกจากแพะ. แล้วท่านจะให้แกะอยู่ด้านขวามือของท่าน แต่ให้แพะอยู่ด้านซ้ายมือ.” (มัด. 25:31-33) นี่หมายถึงการมาของพระคริสต์ในฐานะผู้พิพากษาที่แยกประชาชนจาก “ชาติทั้งปวง” ออกเป็นสองกลุ่ม: “แกะ” คือคนที่สนับสนุนพี่น้องฝ่ายวิญญาณของพระองค์อย่างแข็งขัน (คริสเตียนผู้ถูกเจิมบนแผ่นดินโลก) และ “แพะ” คือคน “ที่ไม่เชื่อฟังข่าวดีเรื่องพระเยซูเจ้าของเรา.” (2 เทส. 1:7, 8) แกะที่ถูกพรรณนาว่าเป็น “เหล่าผู้ชอบธรรม” จะได้รับ “ชีวิตนิรันดร์” และแพะ “จะถูกทำลายชั่วนิรันดร์.”—มัด. 25:34, 40, 41, 45, 46
พระเยซูทรงทำให้ชัยชนะของพระองค์ครบถ้วน
16. พระคริสต์ผู้นำของเราจะทำให้ชัยชนะของพระองค์ครบถ้วนอย่างไร?
16 เมื่อผู้ที่จะเป็นกษัตริย์และปุโรหิตร่วมกับพระองค์ถูกประทับตราจนครบจำนวนและผู้ที่ถูกระบุตัวว่าเป็นแกะอยู่ด้านขวาพระหัตถ์ของพระองค์เพื่อจะได้รับความรอดแล้ว พระคริสต์ก็ทรงสามารถดำเนินการต่อไปเพื่อ “ทำให้ชัยชนะของพระองค์ครบถ้วน.” (วิ. 5:9, 10; 6:2) ในฐานะผู้นำกองทัพแห่งเหล่าทูตสวรรค์ที่ทรงฤทธิ์ และแน่นอนว่าต้องรวมถึงพี่น้องของพระองค์ที่ถูกปลุกให้เป็นขึ้นจากตายด้วย พระเยซูจะทำลายระบบทั้งสิ้นของซาตานทั้งทางการเมือง, การทหาร, และการค้าบนแผ่นดินโลก. (วิ. 2:26, 27; 19:11-21) พระคริสต์จะทำให้ชัยชนะของพระองค์ครบถ้วนเมื่อทรงทำลายระบบชั่วของซาตาน. แล้วพระองค์จะจับซาตานและพวกปิศาจขังไว้ในขุมลึกเป็นเวลาหนึ่งพันปี.—วิ. 20:1-3
17. พระคริสต์จะนำแกะอื่นไปสู่อะไรในช่วงรัชสมัยพันปี และเราควรตั้งใจแน่วแน่จะทำอะไร?
17 เมื่อกล่าวถึง “ชนฝูงใหญ่” แห่งแกะอื่นที่จะรอดชีวิตผ่านความทุกข์ลำบากใหญ่ อัครสาวกโยฮันพยากรณ์ว่า “พระเมษโปดกซึ่งอยู่ตรงกลางราชบัลลังก์นั้นจะทรงเลี้ยงดูพวกเขา และจะทรงนำพวกเขาไปยังน้ำพุทั้งหลายที่มีน้ำแห่งชีวิต.” (วิ. 7:9, 17) ใช่แล้ว ตลอดรัชสมัยพันปีพระคริสต์จะนำแกะอื่นที่ฟังเสียงของพระองค์อย่างแท้จริงต่อ ๆ ไป และจะนำพวกเขาไปสู่ชีวิตนิรันดร์. (อ่านโยฮัน 10:16, 26-28) ขอให้เราติดตามกษัตริย์ผู้นำของเราต่อ ๆ ไปอย่างซื่อสัตย์ ตั้งแต่บัดนี้และจนกระทั่งเข้าสู่โลกใหม่ที่พระยะโฮวาทรงสัญญา!
เพื่อทบทวน
• พระคริสต์ทรงปฏิบัติการอะไรหลังจากขึ้นครองราชย์?
• พระคริสต์กำลังใช้ใครเพื่อนำประชาคม?
• พระคริสต์ผู้นำของเราจะมาในความหมายใดบ้าง?
• พระคริสต์จะนำเราต่อ ๆ ไปอย่างไรในโลกใหม่?
[ภาพหน้า 29]
การทำลายระบบชั่วของซาตานจะทำให้การประทับของพระคริสต์ปรากฏชัด