บท 11
นี่คือสมัยสุดท้าย!
1. เหตุใดหลายคนออกจะรู้สึกงงงันเมื่อพิจารณาเหตุการณ์ของโลก แต่จะพบคำอธิบายที่น่าเชื่อถือเกี่ยวกับเหตุการณ์ของโลกได้ที่ไหน?
โลกที่วุ่นวายของเรามาถึงจุดนี้ได้อย่างไร? เรากำลังบ่ายหน้าไปที่ไหนในอนาคต? คุณเคยถามเช่นนั้นไหม? หลายคนออกจะรู้สึกงงงันเมื่อพิจารณาสถานการณ์ของโลก. เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง เช่น สงคราม, โรคภัย, และอาชญากรรมทำให้ผู้คนสงสัยว่า อนาคตจะเป็นอย่างไร. พวกผู้นำของรัฐบาลเสนอความหวังให้ไม่มากนัก. อย่างไรก็ดี คำอธิบายที่น่าเชื่อถือเกี่ยวกับสมัยที่เต็มไปด้วยความทุกข์จะหาได้จากพระเจ้าในพระคำของพระองค์. อย่างน่าไว้วางใจ คัมภีร์ไบเบิลช่วยเราให้เห็นว่า เราอยู่ตรงไหนในกระแสของเวลา. พระคัมภีร์แสดงให้เราเห็นว่า เราอยู่ใน “สมัยสุดท้าย” ของระบบปัจจุบัน.—2 ติโมเธียว 3:1, ล.ม.
2. คำถามอะไรที่พวกสาวกได้ถามพระเยซู และพระองค์ทรงตอบอย่างไร?
2 ลองพิจารณาคำตอบที่พระเยซูทรงให้สำหรับคำถามซึ่งพวกสาวกได้ยกขึ้นมานั้นเป็นตัวอย่าง. สามวันก่อนพระเยซูสิ้นพระชนม์ พวกเขาทูลถามพระองค์ว่า “จะมีอะไรเป็นสัญลักษณ์แห่งการประทับของพระองค์และช่วงอวสานของระบบ?”a (มัดธาย 24:3, ล.ม.) ในการตอบ พระเยซูตรัสถึงเหตุการณ์และสถานการณ์เฉพาะของโลกซึ่งจะแสดงอย่างชัดเจนว่า ระบบที่ไม่เลื่อมใสพระเจ้านี้ได้เข้าสู่สมัยสุดท้าย.
3. เหตุใดสภาพการณ์บนแผ่นดินโลกยิ่งเลวลงเมื่อพระเยซูเริ่มปกครอง?
3 ดังที่แสดงให้เห็นในบทก่อน การบันทึกลำดับเวลาในคัมภีร์ไบเบิลนำไปสู่ข้อสรุปที่ว่า ราชอาณาจักรของพระเจ้าได้เริ่มปกครองแล้ว. แต่เป็นเช่นนั้นได้อย่างไร? สถานการณ์กลับเลวลง ไม่ดีขึ้นเลย. ที่จริง นี่เป็นข้อบ่งชี้ที่ชัดแจ้งว่า ราชอาณาจักรของพระเจ้าได้ เริ่มปกครองแล้ว. ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น? บทเพลงสรรเสริญ 110:2 แจ้งให้เราทราบว่า ระยะเวลาหนึ่งพระเยซูจะปกครอง ‘ในท่ามกลางศัตรูของพระองค์.’ ที่จริง ปฏิบัติการแรกของพระองค์ฐานะพระมหากษัตริย์ทางภาคสวรรค์ก็คือ เหวี่ยงซาตานกับทูตสวรรค์ที่เป็นผีปิศาจลงมายังบริเวณแผ่นดินโลก. (วิวรณ์ 12:9) ผลเป็นประการใด? ก็เป็นดังที่วิวรณ์ 12:12 (ล.ม.) ได้บอกไว้ล่วงหน้าว่า “วิบัติแก่แผ่นดินโลกและทะเล เพราะพญามารได้ลงมาถึงพวกเจ้าแล้ว มีความโกรธยิ่งนัก ด้วยรู้ว่ามันมีระยะเวลาอันสั้น.” บัดนี้เรามีชีวิตอยู่ใน “ระยะเวลาอันสั้น” นั้น.
4. ลักษณะเด่นบางประการของสมัยสุดท้ายมีอะไรบ้าง และลักษณะเหล่านั้นบ่งชี้ถึงอะไร? (ดูกรอบ.)
4 ฉะนั้น จึงไม่น่าประหลาดใจ เมื่อมีการถามพระเยซูว่า อะไรจะเป็นสัญลักษณ์แห่งการประทับของพระองค์และช่วงอวสานของระบบสิ่งต่าง ๆ คำตอบของพระองค์จึงเป็นที่น่าคิด. ส่วนประกอบต่าง ๆ ของสัญลักษณ์ปรากฏในกรอบหน้า 102. ดังที่คุณเห็นได้ คริสเตียนอัครสาวกเปาโล, เปโตร, และโยฮันให้รายละเอียดแก่เราเพิ่มขึ้นอีกเกี่ยวกับสมัยสุดท้าย. จริงอยู่ ลักษณะเด่นส่วนใหญ่ของสัญลักษณ์และของสมัยสุดท้ายเกี่ยวข้องกับสถานการณ์ที่ก่อความทุกข์. กระนั้น ความสำเร็จของคำพยากรณ์เหล่านี้น่าจะทำให้เรามั่นใจว่า ระบบชั่วนี้ใกล้จะถึงจุดอวสานแล้ว. ขอให้เราตรวจสอบลักษณะสำคัญบางประการของสมัยสุดท้ายอย่างละเอียด.
ลักษณะเด่นของสมัยสุดท้าย
5, 6. คำพยากรณ์เกี่ยวกับสงครามและการกันดารอาหารได้สำเร็จเป็นจริงอย่างไร?
5 “ชาติจะลุกขึ้นต่อสู้ชาติและอาณาจักรต่อสู้อาณาจักร.” (มัดธาย 24:7, ล.ม.; วิวรณ์ 6:4) นักประพันธ์ชื่อเออร์เนสต์ เฮมิงเวย์เรียกสงครามโลกครั้งที่หนึ่งว่า “การสังหารที่ใหญ่โต, ทารุณเหี้ยมโหด, ดำเนินการผิดพลาดมากที่สุดเท่าที่เคยเกิดขึ้นบนแผ่นดินโลก.” ตามที่กล่าวในหนังสือโลกในเบ้าหลอม—1914-1919 (ภาษาอังกฤษ) นี่เป็น “ขอบเขตใหม่ของสงคราม เป็นสงครามเบ็ดเสร็จครั้งแรกในประสบการณ์ของมนุษยชาติ. ระยะเวลา, ความรุนแรง, และขนาดของสงครามนั้นเกินกว่าสิ่งใด ๆ ที่รู้จักกันมาก่อนหรือที่ทั่วไปจะคาดคิดกัน.” ต่อจากนั้นก็เกิดสงครามโลกครั้งที่สอง ซึ่งปรากฏว่าทำลายล้างยิ่งกว่าสงครามโลกครั้งที่หนึ่งมากนัก. ฮิวจ์ โทมัส ศาสตราจารย์วิชาประวัติศาสตร์กล่าวว่า “ศตวรรษที่ยี่สิบถูกครอบงำด้วยปืนกล, รถถัง, เครื่องบินทิ้งระเบิด บี-52, ลูกระเบิดปรมาณู และท้ายสุดก็ขีปนาวุธ. ศตวรรษนี้ได้ปรากฏเด่นด้วยสงครามที่นองเลือดและล้างผลาญทำลายยิ่งกว่าสงครามในยุคใดอื่น.” จริงอยู่ มีการพูดกันมากมายเรื่องการลดอาวุธภายหลังสงครามเย็นสิ้นสุดลง. กระนั้น รายงานหนึ่งกะประมาณว่า หลังจากลดอาวุธตามจำนวนที่เสนอ ยังคงมีหัวรบนิวเคลียร์ราว ๆ 10,000 ถึง 20,000 หัวเหลืออยู่ ซึ่งมีอำนาจในการทำลายมากกว่าอาวุธที่ใช้ระหว่างสงครามโลกครั้งที่สองถึง 900 เท่า.
6 “จะมีการขาดแคลนอาหาร.” (มัดธาย 24:7; วิวรณ์ 6:5, 6, 8, ล.ม.) ตั้งแต่ปี 1914 เป็นต้นมามีการกันดารอาหารครั้งใหญ่อย่างน้อย 20 ครั้ง. ภูมิภาคที่ได้รับความเดือดร้อนรวมเอากรีซ, กัมพูชา, จีน, ซูดาน, โซมาเลีย, ไนจีเรีย, บังกลาเทศ, บุรุนดี, รวันดา, รัสเซีย, อินเดีย, และเอธิโอเปีย. แต่การกันดารอาหารมิได้เกิดขึ้นเนื่องจากการขาดอาหารเสมอไป. กลุ่มนักวิทยาศาสตร์และนักเศรษฐศาสตร์ด้านเกษตรกรรมลงความเห็นว่า “เสบียงอาหารของโลกไม่กี่ทศวรรษมานี้ได้เพิ่มขึ้นเร็วกว่าประชากรโลก. แต่เนื่องจากประชาชนอย่างน้อยที่สุด 800 ล้านคนยังคงอยู่ในสภาพยากจนข้นแค้น . . . พวกเขาไม่สามารถซื้ออาหารที่มีอุดมสมบูรณ์เพียงพอที่จะช่วยเขาหลุดพ้นจากทุโภชนาการแบบเรื้อรัง.” มีการเมืองเข้าไปพัวพันอยู่ด้วยในกรณีอื่น ๆ. ดร. อับเดลกาลีล เอลเมกกี แห่งมหาวิทยาลัยโตรอนโตอ้างถึงสองตัวอย่างซึ่งหลายพันคนอดอยากทั้ง ๆ ที่ประเทศของเขาส่งออกอาหารจำนวนมาก. รัฐบาลดูเหมือนเป็นห่วงการได้เงินตราต่างประเทศเพื่อเตรียมเงินทุนไว้ทำสงครามยิ่งกว่าการเลี้ยงดูพลเมืองของตน. ดร. เอลเมกกี สรุปว่าอย่างไร? บ่อยครั้ง การกันดารอาหารเป็น “เรื่องของการแบ่งสันปันส่วนและนโยบายของรัฐบาล.”
7. ความเป็นจริงเกี่ยวกับโรคระบาดในทุกวันนี้คืออะไร?
7 “โรคระบาด.” (ลูกา 21:11; วิวรณ์ 6:8, ล.ม.) ไข้หวัดใหญ่สเปนปี 1918-1919 ทำให้คนเสียชีวิตไปอย่างน้อย 21 ล้านคน. เอ. เอ. เฮอลิง เขียนไว้ในหนังสือโรคระบาดใหญ่ (ภาษาอังกฤษ) ว่า “ไม่เคยมีเลยในประวัติศาสตร์ที่โลกได้รับความเสียหายจากเพชฌฆาตที่สังหารคนมากมายได้รวดเร็วขนาดนั้น.” ปัจจุบัน โรคระบาดลุกลามไปทั่วอย่างไม่อาจควบคุมได้. แต่ละปี โรคมะเร็งสังหารห้าล้านคน, โรคท้องร่วงทำให้ทารกและเด็ก ๆ มากกว่าสามล้านคนเสียชีวิต และวัณโรคคร่าชีวิตสามล้านคน. โรคติดเชื้อทางเดินหายใจ ส่วนใหญ่เป็นโรคปอดบวม ทำให้เด็กอายุต่ำกว่าห้าขวบเสียชีวิต 3.5 ล้านคนทุกปี. และเป็นเรื่องน่าตกตะลึงที่ 2.5 พันล้านคน—ครึ่งหนึ่งของประชากรโลก—ทนทุกข์จากความเจ็บป่วยที่เกิดเนื่องด้วยน้ำไม่พอเพียงหรือปนเปื้อนและสุขอนามัยไม่ดีพอ. โรคเอดส์ที่ระบาดให้ข้อเตือนใจเพิ่มขึ้นอีกว่า มนุษย์ไม่สามารถกำจัดโรคระบาดให้สิ้นซากได้ แม้จะมีความก้าวหน้าทางการแพทย์อย่างใหญ่โตก็ตาม.
8. ผู้คนแสดงให้เห็นอย่างไรว่าเป็น “คนรักเงิน”?
8 “คนจะ . . . รักเงินทอง.” (2 ติโมเธียว 3:2, ล.ม.) ในประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก ผู้คนดูเหมือนจะกระหายอย่างไม่รู้จักพอที่จะได้ความมั่งคั่งมากขึ้น. มักจะมีการวัด “ความสำเร็จ” โดยจำนวนเงินเดือนของคนเรา หรือจากสิ่งที่เขาครอบครอง. รองประธานสถาบันโฆษณาแห่งหนึ่งได้แถลงไว้ว่า “ลัทธิวัตถุนิยมจะยังคงเป็นพลังผลักดันอย่างหนึ่งในสังคมอเมริกัน . . . และนับวันจะเป็นพลังสำคัญยิ่งขึ้นในตลาดใหญ่อื่น ๆ อีกด้วย.” สภาพการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นในประเทศที่คุณอยู่ไหม?
9. อาจกล่าวได้อย่างไรเกี่ยวกับการไม่เชื่อฟังบิดามารดาที่บอกไว้ล่วงหน้า?
9 “ไม่เชื่อฟังคำบิดามารดา.” (2 ติโมเธียว 3:2) บิดามารดา, ครู, และคนอื่น ๆ ในสมัยปัจจุบันเห็นหลักฐานด้วยตนเองว่า เด็กหลายคนไม่มีความนับถือและไม่เชื่อฟัง. เด็กเหล่านี้บางคนมีปฏิกิริยาโต้ตอบต่อพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของบิดามารดาหรือไม่ก็เลียนแบบพฤติกรรมนั้น. เด็กจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ หมดความเชื่อถือและต่อต้านโรงเรียน, กฎหมาย, ศาสนา, และบิดามารดา. ครูผู้มีประสบการณ์คนหนึ่งกล่าวว่า “เป็นแนวโน้มที่พวกเขาดูเหมือนจะมีความนับถือน้อยมากไม่ว่าต่อสิ่งใด.” แต่เป็นที่น่ายินดี เด็กหลายคนที่เกรงกลัวพระเจ้าเป็นแบบอย่างที่ดีในด้านความประพฤติ.
10, 11. มีหลักฐานอะไรที่ว่า ผู้คนดุร้ายและขาดความรักใคร่ตามธรรมชาติ?
10 “ดุร้าย.” (2 ติโมเธียว 3:3) คำภาษากรีกที่ได้รับการแปลว่า “ดุร้าย” หมายถึง ‘ไม่เชื่อง, ขาดความเห็นอกเห็นใจและความรู้สึกเยี่ยงมนุษย์.’ คำพรรณนานี้เหมาะเพียงไรกับผู้ก่อความรุนแรงจำนวนมากในทุกวันนี้! บทบรรณาธิการหนึ่งกล่าวว่า “ชีวิตบอบช้ำเหลือเกิน เต็มไปด้วยความสยดสยองนองเลือดจนต้องใช้หัวใจที่หล่อด้วยเหล็กเมื่ออ่านข่าวประจำวัน.” หน่วยรักษาความปลอดภัยภายในอพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่งได้ให้ข้อสังเกตว่า เยาวชนหลายคนดูเหมือนจะไม่คำนึงถึงผลแห่งการกระทำของตน. เขากล่าวว่า “มีความคิดกันว่า ‘ฉันไม่รู้เกี่ยวกับพรุ่งนี้. ฉันจะเอาสิ่งที่ฉันต้องการวันนี้.’”
11 “ไม่มีความรักใคร่ตามธรรมชาติ.” (2 ติโมเธียว 3:3, ล.ม.) วลีนี้แปลมาจากคำภาษากรีกที่หมายความว่า “ไร้ความปรานี, โหดเหี้ยม” และแสดงถึง “การขาดความรักใคร่ตามธรรมชาติในครอบครัว.” (พจนานุกรมนานาชาติฉบับใหม่เกี่ยวกับเทววิทยาแห่งพันธสัญญาใหม่, ภาษาอังกฤษ) ถูกแล้ว บ่อยครั้งความรักใคร่ขาดหายไปในสภาพแวดล้อมที่ความรักน่าจะเฟื่องฟู นั่นคือบ้าน. รายงานเกี่ยวกับการทารุณต่อคู่สมรส, บุตร, และกระทั่งบิดามารดาผู้สูงอายุกลายเป็นเรื่องธรรมดาจนน่าวิตก. นักวิจัยคณะหนึ่งได้อรรถาธิบายไว้ว่า “ความรุนแรงของมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นการตบตี, การผลักไส, การใช้มีดแทงหรือการยิง เกิดขึ้นภายในวงครอบครัวบ่อยยิ่งกว่าที่อื่นใดในสังคมของเรา.”
12. เหตุใดจึงกล่าวได้ว่า ผู้คนถือศาสนาแต่เปลือกนอกเท่านั้น?
12 “ถือศาสนาแต่เปลือกนอก ส่วนแก่นแท้ของศาสนาเขาไม่ยอมรับ.” (2 ติโมเธียว 3:5, ฉบับแปลใหม่) คัมภีร์ไบเบิลมีพลังที่จะเปลี่ยนชีวิตของผู้คนให้ดีขึ้น. (เอเฟโซ 4:22-24) กระนั้น หลายคนในทุกวันนี้ใช้ศาสนาเป็นเครื่องบังหน้า ซึ่งเบื้องหลังพวกเขากระทำกิจที่ไม่ชอบธรรมซึ่งพระเจ้าไม่พอพระทัย. การพูดโกหก, การลักขโมย, และการประพฤติผิดทางเพศบ่อยครั้งได้รับการมองข้ามจากพวกผู้นำทางศาสนา. หลายศาสนาเทศน์เรื่องความรักแต่สนับสนุนการสู้รบ. บรรณาธิการคนหนึ่งให้ข้อสังเกตในวารสารอินเดีย ทูเดย์ ว่า “ในนามของพระผู้สร้างองค์สูงสุด มนุษย์ได้กระทำความชั่วร้ายที่น่าขยะแขยงที่สุดต่อเพื่อนมนุษย์.” ที่จริง การสู้รบนองเลือดมากที่สุดสองครั้งไม่นานมานี้—สงครามโลกครั้งที่หนึ่งและครั้งที่สอง—ระเบิดขึ้นในใจกลางคริสต์ศาสนจักร.
13. มีหลักฐานอะไรที่แสดงว่า แผ่นดินโลกกำลังถูกทำลาย?
13 “ทำลายแผ่นดิน.” (วิวรณ์ 11:18, ล.ม.) นักวิทยาศาสตร์มากกว่า 1,600 คน รวมทั้งผู้ชนะรางวัลโนเบล 104 คนจากทั่วโลกได้ลงนามรับรองคำเตือนที่ประกาศโดยสหภาพนักวิทยาศาสตร์ผู้ห่วงใย (ยูซีเอส) ซึ่งแถลงว่า “มนุษย์กับโลกธรรมชาติกำลังจะปะทะกัน . . . มีเวลาเหลืออยู่ไม่กี่ทศวรรษก่อนที่โอกาสในการปัดป้องภัยที่คุกคามอยู่นี้จะหมดไป.” รายงานนั้นกล่าวว่า กิจปฏิบัติของมนุษย์ที่คุกคามชีวิต “อาจทำให้โลกเปลี่ยนแปลงถึงขนาดที่จะไม่สามารถค้ำจุนชีวิตในลักษณะที่เรารู้จัก.” การทำให้โอโซนหมดไป, ภาวะมลพิษในน้ำ, การตัดไม้ทำลายป่า, การสูญเสียความอุดมสมบูรณ์ของดิน, และการสูญพันธุ์ของสัตว์และพืชนานาพันธุ์ได้รับการอ้างถึงว่าเป็นปัญหาเร่งด่วนที่ต้องจัดการ. ยูซีเอส บอกว่า “การทำลายสายใยแห่งชีวิตที่พึ่งพาอาศัยกันอาจก่อให้เกิดผลกระทบกว้างขวาง รวมทั้งการพังทลายของระบบชีวภาพซึ่งความเป็นไปของระบบนั้นเราไม่เข้าใจอย่างครบถ้วน.”
14. คุณจะพิสูจน์ได้อย่างไรว่า มัดธาย 24:14 สำเร็จเป็นจริงในสมัยของเรา?
14 “ข่าวดีแห่งราชอาณาจักรนี้จะได้รับการประกาศทั่วทั้งแผ่นดินโลกที่มีคนอาศัยอยู่.” (มัดธาย 24:14, ล.ม.) พระเยซูทรงบอกล่วงหน้าว่า ข่าวดีเรื่องราชอาณาจักรจะได้รับการประกาศทั่วแผ่นดินโลกเพื่อให้คำพยานแก่ทุกชาติ. โดยความช่วยเหลือและพระพรจากพระเจ้า พยานพระยะโฮวาหลายล้านคนอุทิศเวลาหลายพันล้านชั่วโมงให้กับงานประกาศและการทำให้คนเป็นสาวก. (มัดธาย 28:19, 20) ถูกแล้ว พยานฯ ตระหนักว่า พวกเขาจะมีความผิดฐานทำให้เลือดตกหากเขาไม่ประกาศข่าวดี. (ยะเอศเคล 3:18, 19) แต่พวกเขาปีติยินดีที่แต่ละปีผู้คนนับหมื่นนับแสนตอบรับข่าวสารเรื่องราชอาณาจักรด้วยความขอบคุณและแสดงจุดยืนฐานะคริสเตียนแท้ กล่าวคือฐานะพยานพระยะโฮวา. เป็นสิทธิพิเศษอันประมาณค่ามิได้ที่จะรับใช้พระยะโฮวาและโดยวิธีนี้จึงเผยแพร่ความรู้ของพระเจ้า. และหลังจากข่าวดีได้รับการประกาศทั่วทั้งแผ่นดินโลกที่มีคนอาศัยอยู่แล้ว อวสานของระบบชั่วนี้ก็จะมาถึง.
จงตอบรับต่อหลักฐาน
15. ระบบชั่วในปัจจุบันจะสิ้นสุดอย่างไร?
15 ระบบนี้จะจบสิ้นอย่างไร? คัมภีร์ไบเบิลบอกล่วงหน้าถึง “ความทุกข์ลำบากใหญ่” ซึ่งจะเริ่มด้วยการที่ส่วนสำคัญด้านการเมืองของโลกนี้จู่โจม “บาบูโลนใหญ่” จักรวรรดิโลกแห่งศาสนาเท็จ. (มัดธาย 24:21; วิวรณ์ 17:5, 16) พระเยซูตรัสว่าระหว่างช่วงเวลานั้น ‘ดวงอาทิตย์จะมืดไป, และดวงจันทร์จะไม่ส่องสว่าง, ดวงดาวทั้งปวงจะตกจากฟ้า, และบรรดาสิ่งซึ่งมีอำนาจในท้องฟ้าจะสะเทือนสะท้านหวั่นไหว.’ (มัดธาย 24:29) ข้อนี้อาจหมายความถึงปรากฏการณ์บนท้องฟ้าจริง ๆ ตามตัวอักษร. จะอย่างไรก็ตาม บุคคลที่โดดเด่นในโลกศาสนาจะถูกเปิดโปงและถูกกำจัดออกไป. ต่อจากนั้นซาตาน ที่ถูกเรียกว่า “โฆฆแห่งแผ่นดินมาโฆฆ” จะใช้มนุษย์ที่เสื่อมทรามโจมตีอย่างสุดกำลังต่อไพร่พลของพระยะโฮวา. แต่ซาตานจะไม่ประสบผลสำเร็จ เพราะพระเจ้าจะทรงช่วยเหลือพวกเขา. (ยะเอศเคล 38:1, 2, 14-23) “ความทุกข์ลำบากครั้งใหญ่” จะถึงจุดสุดยอดในอาร์มาเก็ดดอน “สงครามแห่งวันใหญ่ของพระเจ้าองค์ทรงฤทธานุภาพทุกประการ.” สงครามนั้นจะกำจัดร่องรอยสุดท้ายทุกอย่างแห่งองค์การของซาตานทางแผ่นดินโลก และเปิดทางไว้เพื่อพระพรอันไม่รู้สิ้นสุดจะหลั่งไหลมาสู่มนุษยชาติที่รอดชีวิต.—วิวรณ์ 7:9, 14; 11:15; 16:14, 16; 21:3, 4, ล.ม.
16. เราทราบอย่างไรว่า ลักษณะเด่นที่พยากรณ์ไว้เกี่ยวกับสมัยสุดท้ายหมายถึงสมัยของเรา?
16 เมื่อดูทีละอย่าง ลักษณะเด่นบางประการในคำพยากรณ์ที่พรรณนาถึงสมัยสุดท้ายนั้นอาจดูเหมือนว่านำมาใช้ได้กับช่วงเวลาอื่นในประวัติศาสตร์. แต่เมื่อรวมกันแล้ว หลักฐานต่าง ๆ ที่พยากรณ์ไว้ชี้ชัดถึงสมัยของเรา. เพื่อเป็นตัวอย่าง: เส้นที่ประกอบกันเป็นลายนิ้วมือของคนเราทำให้เกิดรูปแบบซึ่งจะเป็นของบุคคลอื่นใดไม่ได้. ในทำนองคล้ายกัน สมัยสุดท้ายมีลักษณะที่โดดเด่นหรือเหตุการณ์ในรูปแบบของสมัยนั้นเอง. ลักษณะเด่นเหล่านี้ประกอบกันเป็น “ลายนิ้วมือ” ซึ่งจะเป็นของระยะเวลาอื่นใดไม่ได้. เมื่อพิจารณาพร้อมกับข้อบ่งชี้ในคัมภีร์ไบเบิลที่ว่าราชอาณาจักรของพระเจ้าทางภาคสวรรค์ปกครองอยู่ในขณะนี้ หลักฐานจัดให้มีรากฐานที่แน่นหนาในการลงความเห็นว่า นี่คือสมัยสุดท้ายจริง ๆ. นอกจากนี้ มีข้อพิสูจน์ชัดเจนตามหลักพระคัมภีร์ที่ว่า ระบบชั่วในปัจจุบันจะถูกทำลายในไม่ช้า.
17. การรู้ว่านี่คือสมัยสุดท้ายควรกระตุ้นเราให้ทำอะไร?
17 คุณจะมีปฏิกิริยาอย่างไรต่อหลักฐานที่ว่า นี่คือสมัยสุดท้าย? ขอพิจารณาเรื่องนี้: หากพายุที่ก่อความเสียหายรุนแรงกำลังจะมา เราย่อมใช้มาตรการป้องกันโดยไม่ชักช้า. ดังนั้น สิ่งที่คัมภีร์ไบเบิลบอกล่วงหน้าเรื่องระบบปัจจุบันน่าจะกระตุ้นเราให้ลงมือปฏิบัติ. (มัดธาย 16:1-3) เราเห็นได้อย่างชัดแจ้งแล้วว่า เรามีชีวิตอยู่ในสมัยสุดท้ายแห่งระบบของโลกนี้. เรื่องนี้น่าจะกระตุ้นเราให้ทำการปรับเปลี่ยนใด ๆ ที่จำเป็นเพื่อได้รับความพอพระทัยจากพระเจ้า. (2 เปโตร 3:3, 10-12) โดยตรัสถึงพระองค์เองฐานะตัวแทนสำหรับความรอด พระเยซูประกาศคำเตือนอันเร่งด่วนว่า “จงเอาใจใส่ตัวเอง เพื่อว่าหัวใจของเจ้าจะไม่เพียบลงด้วยการกินมากเกินไปและการดื่มจัดและความกระวนกระวายในเรื่องชีวิต และโดยไม่ทันรู้ตัววันนั้นจะมาถึงเจ้าอย่างกะทันหันดุจบ่วงแร้ว. เพราะวันนั้นจะมาถึงคนทั้งปวงที่อาศัยอยู่บนพื้นแผ่นดินโลกทั้งสิ้น. เหตุฉะนั้น จงตื่นตัว เฝ้าวิงวอนอยู่ตลอดเวลา เพื่อเจ้าจะประสบผลสำเร็จในการหนีพ้นเหตุการณ์ทั้งปวงเหล่านี้ซึ่งถูกกำหนดไว้ว่าจะเกิดขึ้น และในการยืนอยู่ต่อหน้าบุตรมนุษย์.”—ลูกา 21:34-36, ล.ม.
[เชิงอรรถ]
a คัมภีร์ไบเบิลบางฉบับใช้คำ “โลก” แทน “ระบบ.” พจนานุกรมอธิบายคำในพันธสัญญาใหม่ (ภาษาอังกฤษ) ของ ดับเบิลยู. อี. ไวน์ กล่าวว่า คำภาษากรีกไอโอน, “หมายถึงช่วงของระยะเวลาต่อเนื่องที่ไม่มีกำหนด หรือเวลาที่ถูกมองว่าเกี่ยวข้องกับสิ่งที่เกิดขึ้นในยุคนั้น.” พจนานุกรมคำศัพท์ภาษากรีกและอังกฤษสำหรับพันธสัญญาใหม่ (ภาษาอังกฤษ) ของพาร์กเฮิร์สต์ (หน้า 17) รวมเอาคำ “ระบบ” เข้าไว้ในการพิจารณาการใช้คำไอโอเนซ (พหูพจน์) ที่เฮ็บราย 1:2. ดังนั้น การแปลว่า “ระบบ” จึงสอดคล้องกับข้อความในต้นฉบับภาษากรีก.
ทดสอบความรู้ของคุณ
คัมภีร์ไบเบิลได้บอกล่วงหน้าไว้อย่างไรเกี่ยวกับเหตุการณ์ของโลก
ในตอนเริ่มต้นแห่งการปกครองของพระคริสต์?
ลักษณะเด่นของสมัยสุดท้ายมีอะไรบ้าง?
อะไรทำให้คุณมั่นใจว่า นี่คือสมัยสุดท้าย?
[กรอบสี่เหลี่ยมหน้า 102]
ลักษณะเด่นบางประการของสมัยสุดท้าย
• การสู้รบที่ไม่เคยมีมาก่อน.—มัดธาย 24:7; วิวรณ์ 6:4.
• การกันดารอาหาร.—มัดธาย 24:7; วิวรณ์ 6:5, 6, 8.
• โรคระบาด.—ลูกา 21:11; วิวรณ์ 6:8.
• การละเลยกฎหมายทวีขึ้น.—มัดธาย 24:12.
• การทำลายแผ่นดินโลก.—วิวรณ์ 11:18.
• แผ่นดินไหว.—มัดธาย 24:7.
• วิกฤตกาลซึ่งยากที่จะรับมือได้.—2 ติโมเธียว 3:1
• การรักเงินมากเกินไป.—2 ติโมเธียว 3:2.
• การไม่เชื่อฟังบิดามารดา.—2 ติโมเธียว 3:2.
• การขาดความรักใคร่ตามธรรมชาติ.—2 ติโมเธียว 3:3.
• การรักการสนุกสนานยิ่งกว่าพระเจ้า.—2 ติโมเธียว 3:4.
• การขาดการรู้จักบังคับตน.—2 ติโมเธียว 3:3.
• การไม่รักความดี.—2 ติโมเธียว 3:3.
• การไม่สังเกตอันตรายที่กำลังจะมาถึง.—มัดธาย 24:39.
• คนเยาะเย้ยปฏิเสธข้อพิสูจน์เกี่ยวกับสมัยสุดท้าย.—2 เปโตร 3:3, 4.
• การประกาศเรื่องราชอาณาจักรของพระเจ้าทั่วโลก.—มัดธาย 24:14.
[รูปภาพเต็มหน้า 101]