บท 28
การต่อสู้สัตว์ดุร้ายสองตัว
นิมิต 8—วิวรณ์ 13:1-18
เรื่อง: สัตว์ร้ายที่มีหัวเจ็ดหัว, สัตว์ร้ายที่มีเขาสองเขา, และรูปของสัตว์ร้ายนั้น
เวลาที่สำเร็จเป็นจริง: ตั้งแต่สมัยนิมโรดจนถึงความทุกข์ลำบากครั้งใหญ่
1, 2. (ก) โยฮันกล่าวอะไรเกี่ยวกับพญานาคนั้น? (ข) ด้วยภาษาเป็นนัย โยฮันพรรณนาอย่างไรถึงองค์การที่เห็นได้ด้วยตาซึ่งพญานาคนั้นใช้?
พญานาคใหญ่ถูกเหวี่ยงลงมาอยู่ที่แผ่นดินโลกแล้ว! การที่เราศึกษาพระธรรมวิวรณ์ทำให้เข้าใจกระจ่างว่า งูตัวนั้นและปิศาจบริวารของมันไม่มีทางจะได้กลับเข้าสู่สวรรค์อีกเลย. แต่เรายังไม่จบเรื่องกับผู้ซึ่ง “ถูกเรียกว่าพญามารและซาตานที่ชักนำทั้งโลกให้หลงผิด.” ต่อจากนั้นบันทึกให้รายละเอียดมากขึ้นเกี่ยวกับเครื่องมือที่ซาตานใช้ต่อสู้ ‘ผู้หญิงและพงศ์พันธุ์ของนาง.’ (วิวรณ์ 12:9, 17, ล.ม.) โยฮันพูดถึงพญานาคที่ปลิ้นปล้อนนี้ว่า “มันอยู่บนทรายชายทะเล.” (วิวรณ์ 13:1ก, ล.ม.) ฉะนั้น ให้เราหยุดตรวจสอบวิธีปฏิบัติการของพญานาคกัน.
2 สวรรค์สถานอันบริสุทธิ์จะไม่ถูกก่อกวนเนื่องจากการคงอยู่ของซาตานและบริวารของมันอีกต่อไป. วิญญาณชั่วเหล่านั้นถูกขับออกจากสวรรค์และถูกจำกัดให้อยู่บริเวณแผ่นดินโลก. ไม่มีข้อสงสัยว่า นี้เป็นสาเหตุที่กิจปฏิบัติเกี่ยวกับผีปิศาจเพิ่มทวีอย่างมากในปัจจุบัน. งูจอมเจ้าเล่ห์ตัวนี้ยังคงรักษาองค์การแห่งวิญญาณที่เสื่อมทรามเอาไว้. แต่มันใช้องค์การส่วนที่เห็นได้ด้วยตาเพื่อล่อมนุษย์ให้หลงด้วยไหม? โยฮันแจ้งแก่เราว่า “แล้วข้าพเจ้าก็เห็นสัตว์ร้ายตัวหนึ่งขึ้นมาจากทะเล มีเขาสิบเขากับหัวเจ็ดหัว ที่เขาสิบเขาของมันมีมงกุฎสวมอยู่ และบนหัวของมันมีชื่อต่าง ๆ ที่เป็นคำหมิ่นประมาทพระเจ้า. สัตว์ร้ายที่ข้าพเจ้าเห็นนั้นเหมือนเสือดาว แต่ตีนของมันดุจตีนหมี และปากของมันดุจปากสิงโต. พญานาคได้ให้สัตว์ร้ายนั้นมีฤทธิ์เดช บัลลังก์ และอำนาจใหญ่ยิ่ง.”—วิวรณ์ 13:1ข, 2, ล.ม.
3. (ก) ผู้พยากรณ์ดานิเอลได้เห็นสัตว์ดุร้ายอะไรในนิมิต? (ข) สัตว์ร่างมหึมาในดานิเอลบท 7 หมายถึงอะไร?
3 สัตว์ร้ายรูปร่างพิลึกตัวนี้เป็นอะไร? คัมภีร์ไบเบิลเองให้คำตอบ. ก่อนบาบิโลนล่มจมในปี 539 ก่อนสากลศักราช ดานิเอลผู้พยากรณ์ชาวยิวได้เห็นนิมิตเกี่ยวกับสัตว์ดุร้ายสองตัว. ที่ดานิเอล 7:2-8 (ฉบับแปลใหม่) ท่านพรรณนาสัตว์ร้ายสี่ตัวที่ขึ้นมาจากทะเล ตัวแรกเหมือนสิงโต, ตัวที่สองเหมือนหมี, ตัวที่สามเหมือนเสือดาว, และ “ดูเถิด สัตว์ตัวที่สี่มันร้ายกาจและเป็นที่น่ากลัวและแข็งแรงยิ่งนัก . . . มันมีเขาสิบเขา.” สัตว์ตัวนี้คล้ายกันมากกับสัตว์ร้ายที่โยฮันเห็นเมื่อประมาณปีสากลศักราช 96. สัตว์ร้ายตัวนั้นมีลักษณะเหมือนสิงโต, หมี, และเสือดาว, และมีสิบเขา. สัตว์ร่างมหึมาที่ดานิเอลได้เห็นหมายถึงอะไร? ท่านบอกเราว่า “สัตว์มหึมาทั้งสี่คือ กษัตริย์สี่พระองค์ซึ่งเกิดมาจากพิภพ.” (ดานิเอล 7:17, ฉบับแปลใหม่) ใช่ สัตว์เหล่านั้นแสดงถึง “กษัตริย์” หรืออำนาจทางการเมืองแห่งโลกนี้.
4. (ก) ในดานิเอลบท 8 แกะตัวผู้กับแพะผู้นั้นเป็นภาพแสดงถึงอะไร? (ข) เมื่อเขาใหญ่ของแพะผู้หักและถูกแทนที่ด้วยสี่เขา นั่นบ่งชี้ถึงสิ่งใด?
4 ในอีกนิมิตหนึ่ง ดานิเอลเห็นแกะตัวผู้มีสองเขาถูกแพะตัวผู้มีเขาใหญ่เขาหนึ่งพุ่งเข้าชนล้มลง. ทูตสวรรค์ฆับริเอลชี้แจงให้ท่านทราบว่านั่นมีความหมายอย่างไรดังนี้: “แกะ . . . คือ กษัตริย์ของคนมีเดียและคนเปอร์เซีย. และแพะผู้คือกษัตริย์ของกรีก.” ฆับริเอลพยากรณ์ต่อไปว่า เขาใหญ่ของแพะนั้นจะหักไปแล้วจะมีสี่เขาขึ้นมาแทน. เรื่องนี้เกิดขึ้นจริง ๆ อีกกว่า 200 ปีหลังจากนั้นเมื่ออะเล็กซานเดอร์มหาราชสิ้นพระชนม์ แล้วอาณาจักรของท่านถูกแบ่งเป็นสี่อาณาจักร ปกครองโดยนายพลของท่านสี่คน.—ดานิเอล 8:3-8, 20-25, ฉบับแปลใหม่.a
5. (ก) ความหมายอะไรบ้างที่คำภาษากรีกซึ่งแปลว่าสัตว์ร้ายถ่ายทอดออกมา? (ข) สัตว์ร้ายในวิวรณ์ 13:1, 2 พร้อมกับหัวทั้งเจ็ดของมันหมายถึงสิ่งใด?
5 ฉะนั้น เป็นที่กระจ่างว่า ผู้ประพันธ์คัมภีร์ไบเบิลโดยการดลใจถือว่าอำนาจทางการเมืองของโลกเป็นเสมือนสัตว์ร้าย. สัตว์ร้ายประเภทใด? นักเขียนคำวิจารณ์คนหนึ่งพูดถึงสัตว์ร้ายในวิวรณ์ 13:1, 2 ว่า “เดรัจฉาน” และเขากล่าวต่ออีกว่า “เรารับเอาความหมายทุกอย่างที่คำ θηρίον [เทริโอน, คำกรีกที่แปลว่า “สัตว์ร้าย”] ถ่ายทอดออกมา เช่น สัตว์พิลึกที่เหี้ยมโหด, เป็นภัย, น่าหวาดกลัว, จะกละ, ฯลฯ.”b นับว่าเป็นคำพรรณนาระบบการเมืองที่เปื้อนโลหิตได้อย่างเหมาะเจาะซึ่งซาตานใช้ครอบงำมนุษยชาติ! เจ็ดหัวของสัตว์ร้ายนี้หมายถึงหกมหาอำนาจที่เด่นของโลกตามประวัติศาสตร์ในคัมภีร์ไบเบิลมาจนถึงสมัยโยฮัน—ได้แก่อียิปต์, อัสซีเรีย, บาบิโลน, มิโด–เปอร์เซีย, กรีซ, และโรม—และได้มีการพยากรณ์ถึงมหาอำนาจที่เจ็ดซึ่งจะขึ้นมาภายหลัง.—เทียบกับวิวรณ์ 17:9, 10.
6. (ก) หัวทั้งเจ็ดของสัตว์ร้ายนั้นนำหน้าในด้านใด? (ข) พระยะโฮวาทรงใช้มหาอำนาจโรมอย่างไรในการลงโทษระบบยิวตามการพิพากษาของพระองค์ และชนคริสเตียนในกรุงเยรูซาเลมเป็นอย่างไร?
6 จริงอยู่ เคยมีมหาอำนาจอื่น ๆ ของโลกอีกในประวัติศาสตร์นอกจากเจ็ดมหาอำนาจนี้ เช่นเดียวกับสัตว์ร้ายที่โยฮันเห็นว่าประกอบด้วยร่างกายและมีเจ็ดหัวสิบเขา. กระนั้น เจ็ดหัวบ่งชี้ถึงเจ็ดมหาอำนาจสำคัญ ซึ่งแต่ละมหาอำนาจนั้นพอขึ้นมาแล้วก็นำหน้าในการกดขี่ประชาชนของพระเจ้า. ในปีสากลศักราช 33 ขณะที่จักรวรรดิโรมันขึ้นมาเรืองอำนาจ ซาตานใช้หัวของสัตว์ร้ายนั้นให้สังหารพระบุตรของพระเจ้า. เวลานั้นพระเจ้าทรงทอดทิ้งระบบของชาวยิวที่ขาดความเชื่อ แล้วต่อมาในปีสากลศักราช 70 พระองค์ปล่อยให้โรมลงโทษชาตินั้นตามการพิพากษาของพระองค์. น่ายินดีที่อิสราเอลแท้ของพระเจ้า คือประชาคมคริสเตียนผู้ถูกเจิม ได้รับคำเตือนล่วงหน้า และผู้คนในกรุงเยรูซาเลมและยูเดียพากันหนียังที่ปลอดภัยซึ่งเลยแม่น้ำยาระเดนไป.—มัดธาย 24:15, 16; ฆะลาเตีย 6:16.
7. (ก) อะไรสมควรเกิดขึ้นเมื่อช่วงอวสานของระบบนี้มาถึงและวันขององค์พระผู้เป็นเจ้าเริ่มต้น? (ข) อะไรที่ปรากฏว่าเป็นหัวที่เจ็ดของสัตว์ร้ายในวิวรณ์ 13:1, 2?
7 แต่พอในตอนปลายศตวรรษที่หนึ่ง หลายคนในประชาคมแรกนั้นได้ถอยห่างจากความจริง และข้าวสาลีซึ่งเปรียบได้กับคริสเตียนแท้ คือ “พลเมืองแห่งแผ่นดินของพระเจ้า” ก็ถูกวัชพืช หรือ “พลเมืองของผู้ชั่ว” ทำให้งันไปเสียเป็นส่วนใหญ่. แต่เมื่อถึงสมัยสุดท้ายแห่งระบบ คริสเตียนผู้ถูกเจิมได้ปรากฏตัวอีกครั้งหนึ่งฐานะเป็นกลุ่มที่จัดเป็นองค์การ. ระหว่างวันขององค์พระผู้เป็นเจ้า ผู้ชอบธรรมจะ ‘สว่างเจิดจ้าดุจดวงอาทิตย์.’ ฉะนั้น ประชาคมคริสเตียนถูกจัดเป็นระเบียบสำหรับการงาน. (มัดธาย 13:24-30, 36-43) พอถึงช่วงนี้ จักรวรรดิโรมันสิ้นไปแล้ว. จักรวรรดิบริเตนอันไพศาลพร้อมกับสหรัฐอเมริกาที่เกรียงไกรได้เป็นแกนนำบนเวทีของโลก. มหาอำนาจคู่นี้ปรากฏว่าเป็นหัวที่เจ็ดของสัตว์ร้าย.
8. ทำไมจึงไม่ควรเป็นเรื่องที่น่าตกใจที่เปรียบมหาอำนาจแองโกล-อเมริกันเป็นเหมือนสัตว์ร้าย?
8 เป็นเรื่องน่าตระหนกตกใจมิใช่หรือที่ระบุอำนาจปกครองฝ่ายการเมืองด้วยสัตว์ร้าย? นั่นคือสิ่งที่ผู้ต่อต้านบางคนได้อ้างในระหว่างสงครามโลกครั้งที่สอง เมื่อสถานภาพของพยานพระยะโฮวาทั้งในฐานะเป็นองค์การและเป็นรายบุคคลถูกฟ้องร้องในศาลสถิตยุติธรรมทั่วโลก. แต่ขอหยุดคิดสักนิด! ประเทศต่าง ๆ รับเอาสัตว์ดุร้ายหรือไม่ก็สัตว์ป่ามาเป็นสัญลักษณ์ของชาติมิใช่หรือ? ยกตัวอย่าง สิงโตเป็นของบริเตน นกอินทรีเป็นของสหรัฐอเมริกา และมังกรเป็นของจีน. ฉะนั้น ทำไมใคร ๆ จะคัดค้านหากผู้ประพันธ์คัมภีร์ไบเบิลศักดิ์สิทธิ์ใช้สัตว์ดุร้ายเป็นสัญลักษณ์ของมหาอำนาจทั้งหลายของโลก?
9. (ก) เพราะเหตุใดคนเราไม่ควรคัดค้านถ้อยแถลงของคัมภีร์ไบเบิลที่ว่าซาตานมอบอำนาจยิ่งใหญ่ของมันแก่สัตว์ร้ายนั้น? (ข) มีการพรรณนาถึงซาตานไว้อย่างไรในคัมภีร์ไบเบิล และมันครอบงำรัฐบาลต่าง ๆ อย่างไร?
9 ยิ่งกว่านั้น ทำไมใคร ๆ จะคัดค้านถ้อยแถลงของคัมภีร์ไบเบิลที่ว่าซาตานมอบอำนาจยิ่งใหญ่แก่สัตว์ร้ายนั้น? พระเจ้าทรงเป็นแหล่งกำเนิดคำกล่าวเช่นนั้น และเฉพาะพระพักตร์พระองค์ ‘ประเทศทั้งปวงเปรียบเหมือนน้ำหยดเดียวจากถัง และเท่ากับฝุ่นละออง.’ คงดีกว่าหากชนประเทศเหล่านั้นแสวงหาความโปรดปรานจากพระเจ้า แทนที่จะขุ่นเคืองต่อถ้อยคำเชิงพยากรณ์ของพระองค์ซึ่งพรรณนาถึงพวกเขา. (ยะซายา 40:15, 17; บทเพลงสรรเสริญ 2:10-12) ซาตานไม่ใช่บุคคลในเทพนิยายที่ถูกมอบหมายให้ทรมานวิญญาณคนตายในไฟนรก. ที่ทรมานดังกล่าวไม่มี. ในทางกลับกัน พระคัมภีร์พรรณนาถึงซาตานว่าเป็น “ทูตแห่งความสว่าง”—ผู้เชี่ยวชาญการหลอกลวงซึ่งใช้อิทธิพลอันทรงพลังในเรื่องต่าง ๆ ด้านการเมืองโดยทั่วไป.—2 โกรินโธ 11:3, 14, 15; เอเฟโซ 6:11-18.
10. (ก) ข้อเท็จจริงที่ว่ามีมงกุฎสวมอยู่บนเขาทั้งสิบนั้นมีความหมายแสดงถึงอะไร? (ข) เขาทั้งสิบและมงกุฎทั้งสิบนั้นเป็นภาพแสดงถึงสิ่งใด?
10 สัตว์ร้ายตัวนี้มีสิบเขาอยู่บนหัวทั้งเจ็ดของมัน. อาจเป็นได้ว่ามีสี่หัวที่แต่ละหัวมีหนึ่งเขา อีกสามหัวมีหัวละสองเขา. ยิ่งกว่านั้น มีมงกุฎสิบอันสวมเขาแต่ละอัน. ในพระธรรมดานิเอลมีพรรณนาถึงสัตว์ร้ายน่ากลัว และจำนวนเขาเหล่านั้นต้องตีความตามตัวอักษร. ตัวอย่างเช่น สองเขาของแกะตัวผู้หมายถึงจักรวรรดิที่ประกอบด้วยสองประเทศที่ร่วมมือกัน คือมีเดียกับเปอร์เซีย ในขณะที่สี่เขาของแพะตัวผู้หมายถึงสี่จักรวรรดิที่อยู่ในสมัยเดียวกัน ซึ่งเกิดจากจักรวรรดิกรีกภายใต้อะเล็กซานเดอร์มหาราช. (ดานิเอล 8:3, 8, 20-22) อย่างไรก็ดี เกี่ยวกับสัตว์ร้ายที่โยฮันเห็นนั้น จำนวนสิบเขาดูเหมือนมีความหมายเป็นนัย. (เทียบกับดานิเอล 7:24; วิวรณ์ 17:12.) จำนวนนี้หมายถึงความครบถ้วนแห่งรัฐเอกราชซึ่งประกอบกันเป็นองค์การทางการเมืองทั้งสิ้นของซาตาน. บรรดาเขาเหล่านั้นก้าวร้าวและรุกราน แต่ดังที่เจ็ดหัวนั้นบ่งชี้ตำแหน่งประมุขดำรงอยู่ในมหาอำนาจเดียวเท่านั้นในแต่ละคราว. ในทำนองเดียวกัน มงกุฎสิบอันแสดงว่ารัฐทั้งหลายที่เป็นเอกราชย่อมใช้อำนาจปกครองไปพร้อม ๆ กันกับมหาอำนาจที่ขึ้นมาในสมัยนั้น.
11. ข้อเท็จจริงที่ว่าสัตว์ร้ายนั้น “บนหัวของมันมีชื่อต่าง ๆ ที่เป็นคำหมิ่นประมาท” แสดงถึงอะไร?
11 สัตว์ร้ายนั้น “บนหัวของมันมีชื่อต่าง ๆ ที่เป็นคำหมิ่นประมาท” คือคำกล่าวอ้างให้ตัวเอง ซึ่งแสดงถึงการเหยียดหยามพระยะโฮวาพระเจ้าและพระเยซูคริสต์อย่างยิ่ง. สัตว์ร้ายเคยใช้พระนามของพระเจ้าและของพระคริสต์เป็นเครื่องมือหลอกล่อเพื่อบรรลุจุดมุ่งหมายของมันทางการเมือง และมันร่วมมือกับศาสนาเท็จ กระทั่งปล่อยให้นักเทศน์นักบวชมีส่วนร่วมในกระบวนการทางการเมืองด้วยซ้ำ. ตัวอย่างเช่น สภาขุนนางในอังกฤษมีพวกบิชอปร่วมอยู่ด้วย. พวกคาร์ดินัลของนิกายคาทอลิกมีบทบาททางการเมืองอย่างโดดเด่นในฝรั่งเศสและอิตาลี, และไม่นานมานี้เอง พวกบาทหลวงรับเอาตำแหน่งทางการเมืองในประเทศแถบลาตินอเมริกา. รัฐบาลในบางประเทศได้พิมพ์คำขวัญทางศาสนา เช่น “เราวางใจในพระเจ้า” ลงบนธนบัตร และบนเงินเหรียญของเขา เขาอ้างว่า พระเจ้าโปรดปรานผู้ปกครองของเขา ตัวอย่างเช่น โดยกล่าวว่า คนเหล่านี้ได้รับการแต่งตั้ง “โดยพระกรุณาคุณของพระเจ้า.” โดยแท้แล้ว ทุกอย่างที่กล่าวมาเป็นการหมิ่นประมาททั้งนั้น เพราะเป็นความพยายามจะเอาพระเจ้าเข้าไปพัวพันในสังเวียนการเมืองแบบชาตินิยมอันสกปรกนั่นเอง.
12. (ก) การที่สัตว์ร้ายขึ้นมาจาก “ทะเล” มีความหมายอย่างไร และมันเริ่มโผล่ขึ้นมาเมื่อไร? (ข) ข้อเท็จจริงที่ว่าพญานาคให้อำนาจยิ่งใหญ่แก่สัตว์ร้ายโดยนัยนั้นบ่งชี้ถึงอะไร?
12 สัตว์ร้ายขึ้นมาจาก “ทะเล” ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ที่เหมาะเจาะของฝูงชนที่สับสนวุ่นวาย ซึ่งรัฐบาลของมนุษย์ได้ก่อตั้งขึ้นมา. (ยะซายา 17:12, 13) สัตว์ร้ายตัวนี้เริ่มโผล่ขึ้นจากทะเลแห่งมนุษยชาติที่วุ่นวายย้อนหลังไปในสมัยนิมโรด (ประมาณศตวรรษที่ 21 ก่อนสากลศักราช) เมื่อระบบหลังน้ำท่วมโลกซึ่งต่อต้านพระยะโฮวาปรากฏออกมาเป็นครั้งแรก. (เยเนซิศ 10:8-12; 11:1-9) แต่เฉพาะในวันขององค์พระผู้เป็นเจ้าเท่านั้นที่หัวสุดท้ายในเจ็ดหัวได้เปิดเผยตัวให้เห็นเต็มที่. ขอสังเกตด้วยว่า พญานาคนั่นเองได้ “ให้สัตว์ร้ายนั้นมีฤทธิ์เดช บัลลังก์ และอำนาจใหญ่ยิ่ง.” (เทียบกับลูกา 4:6.) สัตว์ร้ายเป็นผลงานการสร้างทางการเมืองของซาตานท่ามกลางมวลมนุษยชาติ. ซาตานเป็น “ผู้ครองโลกนี้” อย่างแท้จริง.—โยฮัน 12:31.
แผลที่ถูกฟันปางตาย
13. (ก) มหันตภัยอะไรได้จู่โจมสัตว์ร้ายนั้นในตอนแรก ๆ แห่งวันขององค์พระผู้เป็นเจ้า? (ข) สัตว์ร้ายนั้นเจ็บทั้งตัวอย่างไรในเมื่อมีหัวเดียวที่ได้รับบาดแผลปางตาย?
13 ตอนแรก ๆ แห่งวันขององค์พระผู้เป็นเจ้า มหันตภัยก็จู่โจมสัตว์ร้ายนั้น. โยฮันรายงานดังนี้: “แล้วข้าพเจ้าเห็นหัวของมันหัวหนึ่งเสมือนถูกฟันปางตาย แต่แผลที่ถูกฟันปางตายนั้นได้รับการรักษาหายแล้ว และคนทั้งโลกติดตามสัตว์ร้ายนั้นด้วยความนิยมชมชอบ.” (วิวรณ์ 13:3, ล.ม.) ข้อนี้บอกว่าหัวหนึ่งของสัตว์ร้ายได้รับบาดแผลปางตาย แต่ข้อ 12 บอกราวกับว่าสัตว์ร้ายนั้นเจ็บทั้งตัว. ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น? ก็หัวสัตว์ร้ายไม่ได้ขึ้นมาพร้อมกันทั้งหมด. แต่ละหัวต่างก็เวียนมาเป็นเจ้าปกครองเหนือมนุษยชาติ โดยเฉพาะเหนือประชาชนของพระเจ้า. (วิวรณ์ 17:10) ฉะนั้น เมื่อวันขององค์พระผู้เป็นเจ้าเริ่มขึ้น จึงมีหัวที่เจ็ดหัวเดียวแสดงตัวเป็นมหาอำนาจปกครองโลก. บาดแผลที่หัวซึ่งทำให้ตายนั้นยังความหายนะใหญ่หลวงแก่สัตว์ร้ายนั้นทั้งตัว.
14. บาดแผลปางตายนั้นถูกทำให้มีขึ้นเมื่อไร และนายทหารคนหนึ่งอธิบายอย่างไรถึงผลกระทบที่แผลนั้นมีต่อสัตว์ร้ายของซาตาน?
14 บาดแผลที่ทำให้ถึงตายนั้นมีขึ้นอย่างไร? ต่อมาเราทราบว่าสัตว์ร้ายถูกฟันด้วยดาบ และดาบเป็นสัญลักษณ์ของการทำสงคราม. แผลจากดาบที่สัตว์ร้ายได้รับในตอนต้น ๆ วันขององค์พระผู้เป็นเจ้าคงต้องเกี่ยวโยงกับสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ซึ่งได้ทำลายล้างและทำให้สัตว์ร้ายทางการเมืองของซาตานทรุดหนัก. (วิวรณ์ 6:4, 8; 13:14) โมริซ เชเนวัว นักประพันธ์ซึ่งเคยเป็นนายทหารระหว่างสงครามครั้งนั้น กล่าวถึงสงครามนั้นว่า “ทุกคนเห็นพ้องกันในการยอมรับว่า ในประวัติศาสตร์ทั้งสิ้นของมนุษยชาติ มีไม่กี่วันที่มีความสำคัญเหมือนวันที่ 2 สิงหาคม ปี 1914. ทีแรกก็ในยุโรปและต่อมาไม่นานมนุษย์เกือบทั้งโลกก็พบตัวเองกระโจนเข้าสู่เหตุการณ์อันน่ากลัวยิ่ง. กฎเกณฑ์ทั่วไป, ข้อตกลง, หลักศีลธรรม, สถาบันทั้งหลายต่างก็สะเทือนกันทั่ว ภายในคืนเดียว ทุกอย่างเป็นที่สงสัยอย่างยิ่ง. เหตุการณ์เป็นไปจนเกินจะรู้ได้ทั้งโดยการรู้สึกล่วงหน้าด้วยสัญชาตญาณและการคาดหมายอย่างมีเหตุผล. ใหญ่โต, ยุ่งเหยิง, น่าสะพรึงกลัว, เหตุการณ์นั้นยังคงลากพวกเราให้ตามไปกับมัน.”—โมริซ เชเนวัว, สมาชิกของ อะคาเดมี ฝรั่งเศส, ยกมากล่าวในหนังสือสัญญาความยิ่งใหญ่ (ภาษาอังกฤษ, 1968).
15. หัวที่เจ็ดของสัตว์ร้ายได้รับบาดแผลปางตายอย่างไร?
15 สำหรับหัวที่เจ็ดอันทรงอำนาจแห่งสัตว์ร้าย สงครามครั้งนั้นเป็นความหายนะอันใหญ่หลวงทีเดียว. บริเตนพร้อมกับชาติอื่น ๆ ในยุโรปสูญเสียคนหนุ่มไปด้วยจำนวนที่น่าช้ำใจ. ณ การสู้รบครั้งเดียว ที่ยุทธการแม่น้ำซอมม์ในปี 1916 มีผู้บาดเจ็บล้มตายที่เป็นชาวบริเตน 420,000 คน พร้อมด้วยชาวฝรั่งเศสประมาณ 194,000 คน และชาวเยอรมันราว ๆ 440,000 คน—มากกว่า 1,000,000 คนบาดเจ็บหรือล้มตาย! ในด้านเศรษฐกิจก็เช่นเดียวกัน บริเตน—และยุโรปทั้งหมด—พังย่อยยับ. จักรวรรดิบริเตนอันไพศาลถึงกับซวดเซ และไม่เคยฟื้นสู่สภาพเดิม. อันที่จริง สงครามคราวนั้น ซึ่งมี 28 ชาติใหญ่ ๆ เข้าร่วม ทำให้ทั้งโลกซวดเซราวกับถูกโจมตีปางตาย. เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 1979 หลังจากการปะทุของสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง 65 ปีพอดี หนังสือดิ อีคอนอมิสต์ แห่งลอนดอน อังกฤษ ให้ความคิดเห็นดังนี้: “ในปี 1914 โลกได้สูญเสียความเกี่ยวพันอันแนบแน่นต่อกัน ซึ่งตั้งแต่นั้นมาก็ไม่เคยหาทางให้ได้คืนมา.”
16. ระหว่างสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง สหรัฐแสดงให้เห็นอย่างไรว่าเป็นส่วนของมหาอำนาจคู่ของโลก?
16 ในเวลาเดียวกัน มหาสงคราม ตามที่เรียกในสมัยนั้น เปิดทางให้สหรัฐปรากฏขึ้นเด่นชัดในฐานะเป็นส่วนแห่งมหาอำนาจโลกแองโกล-อเมริกัน. ในปีต้น ๆ ของสงครามคราวนั้น ความคิดเห็นของคนทั่วไปไม่ให้สหรัฐร่วมในการต่อสู้. แต่ดังที่นักประวัติศาสตร์ เอสมี วิงฟิลด์-สเตรตฟอร์ดเขียนไว้ “มันเป็นปัญหาที่ว่า ในยามวิกฤตอย่างยิ่งนี้ บริเตนกับสหรัฐจะยอมละข้อโต้เถียงนานาประการของตนหรือไม่ด้วยการรับรู้ถึงความสามัคคีอันสูงส่งและความไว้เนื้อเชื่อใจกัน.” ดังที่เหตุการณ์ต่าง ๆ เกิดขึ้น สองประเทศจึงได้ทำเช่นนั้น. ในปี 1917 สหรัฐให้การสนับสนุนด้านทรัพยากรและกำลังคนเพื่อเสริมความพยายามในการสงครามของฝ่ายพันธมิตรที่ซวดเซ. ฉะนั้น หัวที่เจ็ดอันเป็นการรวมตัวของบริเตนกับสหรัฐจึงปรากฏเป็นฝ่ายมีชัย.
17. เกิดอะไรขึ้นกับระบบโลกของซาตานภายหลังสงครามนั้น?
17 โลกภายหลังสงครามนั้นต่างไปจากเดิมมาก. ระบบโลกของซาตานนั้นถึงแม้เสียหายยับเยินจากบาดแผลที่ทำให้ถึงตาย ก็ฟื้นตัวและมีพลังเข้มแข็งกว่าแต่ก่อน และจึงได้รับความนิยมชมชอบจากมนุษย์เนื่องจากพลังฟื้นตัวของมันนั้นเอง.
18. จะกล่าวได้อย่างไรว่า มนุษยชาติโดยทั่วไป “ติดตามสัตว์ร้ายนั้นด้วยความนิยมชมชอบ”?
18 นักประวัติศาสตร์ ชาลส์ แอล. มี จูเนียร์ เขียนว่า “การพังทลายของระบบเก่า [เนื่องจากสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง] จำต้องได้เข้ามาก่อนการแผ่ขยายระบบการปกครองตัวเอง การให้อิสรภาพแก่ชาติใหม่และชนชั้นต่าง ๆ การปลดปล่อยให้มีเสรีภาพและเอกราชแบบใหม่.” ที่นำหน้าในความเจริญเติบโตหลังสงครามครั้งนี้ได้แก่หัวที่เจ็ดของสัตว์ร้าย ซึ่งบัดนี้บาดแผลหายแล้ว พร้อมกับสหรัฐอเมริกาเข้ามามีบทบาทเด่น. มหาอำนาจคู่จึงนำหน้าในการสนับสนุนทั้งสันนิบาตชาติและสหประชาชาติ. พอมาในปี 2005 อำนาจทางการเมืองของสหรัฐได้นำหน้าชาติทั้งหลายที่มีการพัฒนามากกว่าในการสร้างมาตรฐานความเป็นอยู่ที่สูงขึ้น ในการต่อสู้โรคภัย และความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี. สหรัฐถึงกับได้ส่งมนุษย์ไปดวงจันทร์ 12 คน. ฉะนั้น จึงไม่น่าแปลกใจที่มนุษย์โดยทั่วไป “ติดตามสัตว์ร้ายนั้นด้วยความนิยมชมชอบ.”
19. (ก) มนุษยชาติยังได้ไปไกลกว่าความนิยมชมชอบสัตว์ร้ายนั้นอย่างไร? (ข) ใครมีอำนาจเหนืออาณาจักรทั้งปวงบนแผ่นดินโลกอย่างไม่มีใครโต้แย้ง และเรารู้ได้อย่างไร? (ค) ซาตานมอบอำนาจแก่สัตว์ร้ายอย่างไร พร้อมด้วยผลอย่างไรต่อผู้คนส่วนมาก?
19 มนุษยชาติยังได้ไปไกลเกินกว่าความนิยมชมชอบสัตว์ร้ายอีก ดังที่โยฮันกล่าวต่อไป: “ผู้คนนมัสการพญานาคนั้นเพราะมันให้อำนาจแก่สัตว์ร้าย และผู้คนนมัสการสัตว์ร้ายด้วยการพูดว่า ‘ใครจะเสมอเหมือนสัตว์ร้ายนี้? ใครจะสู้รบกับมันได้?’” (วิวรณ์ 13:4, ล.ม.) ขณะที่พระเยซูอยู่บนแผ่นดินโลก ซาตานอวดอ้างว่ามีอำนาจเหนืออาณาจักรทั้งปวงบนแผ่นดินโลก. พระเยซูไม่ทรงโต้แย้งในข้อนี้ ที่จริง พระองค์เองได้ตรัสว่าซาตานเป็นผู้ปกครองโลกและไม่ทรงยอมเข้าส่วนในการเมืองของสมัยนั้น. ต่อมา โยฮันได้เขียนเกี่ยวกับคริสเตียนแท้ว่าดังนี้: “เราทั้งหลายรู้ว่าเราบังเกิดจากพระเจ้า, และมนุษย์โลกทั้งสิ้นทอดตัวจมอยู่ในมารร้าย.” (1 โยฮัน 5:19; ลูกา 4:5-8; โยฮัน 6:15; 14:30) ซาตานมอบอำนาจแก่สัตว์ร้าย และมันทำเช่นนี้โดยอาศัยการนิยมชาติ. ด้วยเหตุนี้ แทนที่จะเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันโดยมีความรักเยี่ยงพระเจ้าเป็นสิ่งผูกพัน มนุษยชาติกลับแบ่งแยกกันโดยความหยิ่งทะนงในเผ่าพันธุ์, เชื้อชาติ, และประเทศชาติ. โดยแท้แล้ว ผู้คนส่วนใหญ่นมัสการส่วนของสัตว์ร้ายซึ่งมีอำนาจปกครองในดินแดนที่พวกเขาบังเอิญอาศัยอยู่. ดังนั้น สัตว์ร้ายทั้งตัวจึงได้รับความนิยมชมชอบและการนมัสการ.
20. (ก) ผู้คนนมัสการสัตว์ร้ายในความหมายเช่นไร? (ข) เพราะเหตุใดชนคริสเตียนซึ่งนมัสการพระยะโฮวาพระเจ้าจึงไม่เข้าส่วนในการนมัสการเช่นนั้นต่อสัตว์ร้าย และพวกเขาทำตามตัวอย่างของผู้ใด?
20 การนมัสการในแง่ไหน? ในแง่ของการจัดความรักชาติไว้สูงกว่าความรักต่อพระเจ้า. คนส่วนใหญ่รักแผ่นดินเกิด. ในฐานะพลเมืองดี คริสเตียนแท้ก็เช่นกัน นับถือผู้มีอำนาจปกครองและสัญลักษณ์ของประเทศที่เขาอาศัยอยู่ เชื่อฟังกฎหมายและส่งเสริมอย่างเต็มใจเพื่อความผาสุกของชุมชนและของเพื่อนบ้าน. (โรม 13:1-7; 1 เปโตร 2:13-17) แต่คริสเตียนไม่อาจให้ความศรัทธาอย่างไม่ลืมหูลืมตาแก่ประเทศเดียว อันเป็นการต่อต้านประเทศอื่นทั้งสิ้น. “ประเทศชาติของเรา ถูกหรือผิดก็ช่าง” หาใช่หลักคำสอนของคริสเตียน. ดังนั้น คริสเตียนผู้ซึ่งนมัสการพระยะโฮวาพระเจ้าไม่อาจร่วมในการถวายการนมัสการแสดงความรักชาติอย่างหยิ่งทะนงแก่ส่วนใด ๆ ของสัตว์ร้าย เพราะการทำเช่นนี้คงเท่ากับการนมัสการพญานาค—แหล่งอำนาจของสัตว์ร้าย. คริสเตียนไม่สามารถจะถามอย่างนิยมชมชอบว่า “ใครจะเสมอเหมือนสัตว์ร้าย?” แทนที่จะทำเช่นนั้น พวกเขาติดตามตัวอย่างของมิคาเอล—ซึ่งชื่อของท่านมีความหมายว่า “ใครจะเสมอเหมือนพระเจ้า?” ขณะเขาเชิดชูพระบรมเดชานุภาพของพระยะโฮวา. ณ เวลาที่พระเจ้ากำหนด มิคาเอลองค์นี้ คือพระเยซูคริสต์จะสู้รบกับสัตว์ร้ายและชนะมัน เหมือนคราวที่พระองค์มีชัยในการขับไล่ซาตานออกจากสวรรค์.—วิวรณ์ 12:7-9; 19:11, 19-21.
ทำสงครามกับเหล่าผู้บริสุทธิ์
21. โยฮันพรรณนาอย่างไรถึงการที่ซาตานใช้สัตว์ร้ายนั้น?
21 ซาตานเจ้าเล่ห์มีแผนนานาสำหรับใช้สัตว์ร้ายเพื่อจุดมุ่งหมายของมัน. โยฮันชี้แจงว่า “และพญานาคให้มันมีปากที่พูดจาใหญ่โตและพูดคำหมิ่นประมาทพระเจ้า และให้มันมีอำนาจทำการสี่สิบสองเดือน. มันพูดคำหมิ่นประมาทพระเจ้า หมิ่นประมาทพระนามของพระองค์ ที่สถิตของพระองค์ซึ่งรวมทั้งผู้ที่อยู่ในสวรรค์. มันได้รับอนุญาตให้ทำสงครามกับเหล่าผู้บริสุทธิ์และชนะพวกเขา มันได้รับอำนาจเหนือทุกตระกูล ทุกชนชาติ ทุกภาษา และทุกประเทศ และคนทั้งปวงที่อยู่บนแผ่นดินโลกจะนมัสการมัน. ตั้งแต่การวางรากของโลก ไม่มีพวกเขาสักคนเดียวมีชื่อเขียนไว้ในม้วนหนังสือแห่งชีวิตของพระเมษโปดกซึ่งถูกปลงพระชนม์แล้ว.”—วิวรณ์ 13:5-8, ล.ม.
22. (ก) 42 เดือนนั้นหมายถึงช่วงเวลาใด? (ข) ระหว่าง 42 เดือนนั้น ชนคริสเตียนผู้ถูกเจิมถูก ‘เอาชนะ’ อย่างไร?
22 สี่สิบสองเดือนที่กล่าวไว้ที่นี่ปรากฏว่า เป็นเวลาเดียวกันกับสามปีครึ่งซึ่งเหล่าผู้บริสุทธิ์ถูกเบียดเบียนโดยเขาอันหนึ่งที่ขึ้นมาจากสัตว์ร้ายหนึ่งในสี่ตัวตามคำพยากรณ์ของดานิเอล. (ดานิเอล 7:23-25; ดูที่วิวรณ์ 11:1-4 ด้วย.) ดังนั้น ตั้งแต่ปลายปี 1914 จนถึงปี 1918 ขณะที่ชาติต่าง ๆ กำลังสู้รบกัน ฉีกเนื้อกันจริง ๆ เหมือนสัตว์ร้าย พลเมืองในชาติเหล่านั้นถูกบีบคั้นให้บูชาสัตว์ร้าย ให้มัวเมาศาสนาชาตินิยม กระทั่งให้พร้อมจะตายเพื่อประเทศของเขาด้วยซ้ำ. ความกดดันอย่างนี้ทำให้เกิดความยากลำบากแสนสาหัสแก่ชนผู้ถูกเจิมจำนวนมาก ซึ่งสำนึกว่าพวกเขาต้องเชื่อฟังพระยะโฮวาพระเจ้าและพระเยซูคริสต์ พระบุตรของพระเจ้ามากกว่า. (กิจการ 5:29) ความยากลำบากของเขามาถึงขีดสุดเมื่อเดือนมิถุนายน 1918 คราวที่พวกเขาถูก ‘เอาชนะ.’ ในประเทศสหรัฐ เจ้าหน้าที่คนสำคัญ ๆ และตัวแทนสมาคมว็อชเทาเวอร์ถูกจำคุกอย่างไม่เป็นธรรม และการประกาศอย่างมีระเบียบซึ่งพี่น้องคริสเตียนของเขาทำอยู่ก็ถูกขัดขวางอย่างหนัก. เนื่องจากสัตว์ร้ายมี “อำนาจเหนือทุกตระกูล ทุกชนชาติ ทุกภาษา และทุกประเทศ” มันจึงขัดขวางงานของพระเจ้าที่ทำอยู่ทั่วโลก.
23. (ก) “ม้วนหนังสือแห่งชีวิตของพระเมษโปดก” คืออะไร และอะไรที่มีการดำเนินงานตั้งแต่ปี 1918 เพื่อให้เสร็จสมบูรณ์? (ข) ทำไมชัยชนะใด ๆ ซึ่งองค์การที่ปรากฏแก่ตาของซาตานดูเหมือนมีเหนือ “เหล่าผู้บริสุทธิ์” นั้นจึงเป็นเพียงชัยชนะที่ไร้ค่า?
23 ทั้งนี้ดูเหมือนเป็นชัยชนะของซาตานและองค์การของมัน. แต่ก็ไม่ได้ให้ประโยชน์ยืนนานแก่พวกมัน เนื่องจากไม่มีใครเลยในองค์การของซาตานส่วนที่เห็นได้ด้วยตาที่มีชื่อเขียนไว้ใน “ม้วนหนังสือแห่งชีวิตของพระเมษโปดก.” กล่าวโดยนัยก็คือ ม้วนหนังสือนี้มีชื่อของผู้ที่จะปกครองกับพระเยซูในราชอาณาจักรฝ่ายสวรรค์. ชื่อแรก ๆ ถูกเขียนลงในม้วนหนังสือนี้ ณ วันเพนเทคอสต์ ปีสากลศักราช 33. และมีชื่ออีกมากมายถูกเพิ่มเข้าไปในม้วนหนังสือตลอดปีต่าง ๆ ตั้งแต่นั้น. นับแต่ปี 1918 การประทับตราทายาทราชอาณาจักรที่เหลืออยู่ในจำนวน 144,000 คนก็ดำเนินไปเกือบเสร็จสมบูรณ์อยู่แล้ว. ในไม่ช้า ชื่อของพวกเขาทั้งหมดจะถูกเขียนลงในม้วนหนังสือแห่งชีวิตของพระเมษโปดกอย่างที่ลบออกไม่ได้. ส่วนพวกต่อต้านซึ่งนมัสการสัตว์ร้ายนั้น จะไม่มีแม้แต่คนเดียวที่มีชื่อเขียนลงในม้วนหนังสือนั้น. ฉะนั้น ชัยชนะใด ๆ ที่คนเหล่านี้ดูเหมือนมีเหนือ “เหล่าผู้บริสุทธิ์” ก็เป็นชัยชนะที่ไร้ค่า เป็นเพียงชั่วคราว.
24. โยฮันเรียกคนที่ประกอบด้วยความเข้าใจให้ฟังอะไร และถ้อยคำที่ได้ยินนั้นหมายความอย่างไรสำหรับประชาชนของพระเจ้า?
24 บัดนี้โยฮันเรียกร้องคนที่ประกอบด้วยความเข้าใจให้ตั้งใจฟังให้ดี: “ถ้าใครมีหูก็ให้ฟังเถิด.” แล้วท่านกล่าวต่อไปว่า “ถ้าใครจะต้องเป็นเชลย เขาก็ไปเป็นเชลย. ถ้าใครจะฆ่าคนด้วยดาบ เขาก็ต้องถูกฆ่าด้วยดาบ. เพราะเหตุนี้แหละเหล่าผู้บริสุทธิ์จึงจำเป็นต้องมีความเพียรอดทนและความเชื่อ.” (วิวรณ์ 13:9, 10, ล.ม.) หลายปีก่อนหน้าปี 607 ก่อนสากลศักราช ยิระมะยาเขียนถ้อยคำคล้ายคลึงกันนี้เพื่อชี้ให้เห็นว่า ไม่มีการกลับคำพิพากษาของพระยะโฮวาต่อกรุงเยรูซาเลมที่ไม่ซื่อสัตย์. (ยิระมะยา 15:2; ดูที่ยิระมะยา 43:11; ซะคาระยา 11:9 ด้วย.) ในยามที่พระเยซูเผชิญความทุกข์หนัก พระองค์ทรงชี้ให้เห็นชัดว่าสาวกของพระองค์ต้องไม่ยอมอ่อนข้อเมื่อตรัสว่า “บรรดาผู้ถือดาบจะต้องพินาศด้วยดาบ.” (มัดธาย 26:52) คล้ายคลึงกัน เวลานี้ ในวันขององค์พระผู้เป็นเจ้า ประชาชนของพระเจ้าต้องยึดมั่นกับหลักการในคัมภีร์ไบเบิล. จะไม่มีทางหนีรอดขั้นสุดท้ายสำหรับคนที่ไม่กลับใจซึ่งนมัสการสัตว์ร้าย. เราทุกคนพึงต้องมีความเพียรอดทน พร้อมกับมีความเชื่ออย่างไม่คลอนแคลน เพื่อจะรอดผ่านการเคี่ยวเข็ญข่มเหงและความยากลำบากที่อยู่เบื้องหน้า.—เฮ็บราย 10:36-39; 11:6.
สัตว์ร้ายสองเขา
25. (ก) โยฮันพรรณนาถึงสัตว์ร้ายโดยนัยอีกตัวหนึ่งอย่างไรซึ่งปรากฏขึ้นบนเวทีโลก? (ข) สองเขาของสัตว์ร้ายตัวใหม่นี้และการที่มันขึ้นมาจากแผ่นดินบ่งชี้ถึงสิ่งใด?
25 แต่บัดนี้สัตว์ร้ายอีกตัวหนึ่งปรากฏขึ้นบนเวทีโลก. โยฮันแจ้งดังนี้: “ข้าพเจ้าเห็นสัตว์ร้ายอีกตัวหนึ่งขึ้นมาจากแผ่นดิน มันมีเขาสองเขาเหมือนลูกแกะ แต่มันเริ่มพูดเหมือนพญานาค. มันแสดงอำนาจทั้งสิ้นของสัตว์ร้ายตัวแรกต่อหน้าสัตว์ร้ายตัวแรกนั้น. มันทำให้แผ่นดินโลกและคนเหล่านั้นที่อยู่บนแผ่นดินโลกนมัสการสัตว์ร้ายตัวแรกซึ่งแผลที่ถูกฟันปางตายนั้นได้รับการรักษาหายแล้ว. มันทำการอัศจรรย์ที่ยิ่งใหญ่ถึงขนาดที่ทำให้มีไฟตกจากฟ้าลงมายังแผ่นดินโลกต่อหน้าคนทั้งหลาย.” (วิวรณ์ 13:11-13, ล.ม.) สัตว์ร้ายตัวนี้มีสองเขา ซึ่งบ่งชี้ถึงการร่วมมือของสองอำนาจทางการเมือง. และมันได้รับการพรรณนาว่าขึ้นมาจากแผ่นดิน ไม่ใช่จากทะเล. ดังนั้น มันขึ้นมาจากระบบซึ่งซาตานจัดตั้งขึ้นแล้วทางแผ่นดินโลก. มันต้องเป็นมหาอำนาจที่ดำรงอยู่แล้วซึ่งรับบทบาทสำคัญระหว่างวันขององค์พระผู้เป็นเจ้า.
26. (ก) สัตว์ร้ายสองเขานี้คืออะไร และมันเกี่ยวข้องอย่างไรกับสัตว์ร้ายตัวแรก? (ข) เขาของสัตว์ร้ายสองเขาเหมือนเขาลูกแกะอย่างไร และมันเป็น “เหมือนพญานาค” อย่างไรเมื่อมันพูด? (ค) แท้จริงแล้วผู้คนที่นิยมชาติกำลังนมัสการอะไร และมีการเปรียบลัทธิชาตินิยมเหมือนอะไร? (ดูเชิงอรรถ.)
26 มันจะเป็นอะไรได้ล่ะ? มหาอำนาจแองโกล-อเมริกัน—อันเดียวกันกับหัวที่เจ็ดของสัตว์ร้ายตัวแรกแต่ในบทบาทพิเศษ! การจัดมันไว้โดด ๆ ในนิมิตเสมือนสัตว์ร้ายที่แยกไว้ต่างหากนั้นจึงช่วยให้เราเห็นชัดยิ่งขึ้นว่าสัตว์ร้ายนี้ดำเนินการอย่างเป็นเอกเทศอย่างไรบนเวทีโลก. สัตว์ร้ายสองเขาโดยนัยนี้ประกอบด้วยสองมหาอำนาจทางการเมืองร่วมสมัยซึ่งต่างเป็นเอกราช แต่ร่วมมือกัน. สองเขาของสัตว์ตัวนี้ที่ “เหมือนลูกแกะ” ส่อว่ามันแสดงท่าทางอ่อนโยนและไม่เป็นอันตราย พร้อมด้วยรูปแบบการปกครองที่ไม่คร่ำครึซึ่งทั้งโลกน่าจะเปลี่ยนตาม. แต่มันพูดจา “เหมือนพญานาค” ด้วยเหตุที่มันใช้ความกดดัน ข่มขู่ และแม้แต่ใช้ความรุนแรงโดยตรงในที่ใดก็ตามซึ่งแบบการปกครองของมันไม่เป็นที่ยอมรับ. มันไม่เคยส่งเสริมการอ่อนน้อมต่อราชอาณาจักรของพระเจ้าภายใต้การปกครองของพระเมษโปดก แต่ในทางกลับกัน มีแต่ส่งเสริมผลประโยชน์ของซาตาน พญานาคใหญ่. มันสนับสนุนการแบ่งแยกในทางชาตินิยมและการเกลียดชังกันซึ่งที่แท้เป็นการนมัสการสัตว์ร้ายตัวแรก.c
27. (ก) เจตคติแบบใดของสัตว์ร้ายสองเขามีบ่งชี้ไว้โดยข้อเท็จจริงที่ว่า มันบันดาลไฟลงมาจากสวรรค์? (ข) ผู้คนมากมายมองดูคู่เทียบสมัยปัจจุบันของสัตว์ร้ายสองเขานี้อย่างไร?
27 สัตว์ร้ายสองเขาตัวนี้ทำการอัศจรรย์ที่ยิ่งใหญ่ถึงขนาดที่ทำให้มีไฟตกจากฟ้า. (เทียบกับมัดธาย 7:21-23.) การอัศจรรย์อย่างหลังนี้ทำให้เรานึกถึงเอลียา ผู้พยากรณ์ของพระเจ้าในสมัยโบราณซึ่งได้ท้าพวกผู้ทำนายฝ่ายพระบาละ. เมื่อเอลียาได้เรียกไฟตกจากฟ้าสวรรค์ในพระนามยะโฮวาได้สำเร็จ ก็เป็นการพิสูจน์โดยไม่มีข้อกังขาว่า ท่านคือผู้พยากรณ์แท้และพวกที่อยู่ฝ่ายบาละเป็นผู้ทำนายเท็จ. (1 กษัตริย์ 18:21-40) เช่นเดียวกับพวกทำนายเท็จฝ่ายพระบาละ สัตว์ร้ายสองเขาคิดว่าตัวเองมีหลักฐานเพียงพอจะเชื่อถือได้ว่าเป็นผู้พยากรณ์. (วิวรณ์ 13:14, 15; 19:20) มันอ้างสิทธิ์ว่าได้พิชิตกองกำลังชั่วร้ายในสงครามโลกสองครั้ง และได้ชัยชนะเหนือลัทธิคอมมิวนิสต์ซึ่งเรียกกันว่าไม่เชื่อพระเจ้า! ที่จริง ผู้คนมากมายถือว่าคู่เทียบสมัยปัจจุบันของสัตว์ร้ายสองเขานี้เป็นผู้พิทักษ์สิทธิเสรีภาพและเป็นแหล่งแห่งสิ่งดี ๆ ด้านวัตถุปัจจัย.
รูปของสัตว์ร้าย
28. โยฮันแสดงอย่างไรว่าสัตว์ร้ายสองเขาไม่ใช่ไร้พิษภัยดังที่เขาของมันซึ่งคล้ายเขาแกะอาจแสดงให้เห็น?
28 สัตว์ร้ายสองเขาตัวนี้ไร้พิษภัยอย่างที่เขาของมันซึ่งคล้ายเขาแกะแสดงให้เห็นนั้นไหม? โยฮันกล่าวต่อไปว่า “มันชักนำคนเหล่านั้นที่อยู่บนแผ่นดินโลกให้หลงผิดด้วยการอัศจรรย์ต่าง ๆ ที่มันได้รับอนุญาตให้ทำต่อหน้าสัตว์ร้ายนั้น ขณะที่มันบอกคนเหล่านั้นที่อยู่บนแผ่นดินโลกให้ทำรูปของสัตว์ร้ายที่ถูกฟันด้วยดาบแต่ฟื้นตัวแล้ว. มันได้รับอนุญาตให้ใส่ลมหายใจให้รูปของสัตว์ร้าย เพื่อรูปของสัตว์ร้ายนั้นจะทั้งพูดและทำให้คนทั้งปวงที่ไม่ยอมนมัสการรูปของสัตว์ร้ายถูกฆ่าเสีย.”—วิวรณ์ 13:14, 15, ล.ม.
29. (ก) อะไรคือวัตถุประสงค์ของรูปของสัตว์ร้าย และรูปนี้ถูกสร้างขึ้นเมื่อไร? (ข) ทำไมรูปของสัตว์ร้ายนี้จึงไม่ใช่รูปปั้นไร้ชีวิต?
29 “รูปของสัตว์ร้าย” คืออะไร และอะไรคือวัตถุประสงค์ของรูปนั้น? วัตถุประสงค์คือเพื่อส่งเสริมการนมัสการสัตว์ร้ายเจ็ดหัวซึ่งมันก็เป็นรูปหนึ่งของสัตว์ร้าย และที่จริงด้วยวิธีนี้ก็เพื่อสัตว์ร้ายจะคงอยู่ตลอดกาลนั่นเอง. รูปนี้ถูกประกอบขึ้นหลังจากสัตว์ร้ายเจ็ดหัวฟื้นจากบาดแผลดาบ นั่นคือภายหลังสงครามโลกครั้งที่หนึ่งได้สงบลง. มันไม่ใช่รูปที่ไร้ชีวิต ดังที่นะบูคัดเนซัรตั้งไว้ ณ ที่ราบดูรา. (ดานิเอล 3:1) สัตว์ร้ายสองเขาให้ลมหายใจแก่รูปเพื่อมันจะมีชีวิตได้และแสดงบทบาทในประวัติศาสตร์ของโลก.
30, 31. (ก) ข้อเท็จจริงตามประวัติศาสตร์ระบุว่ารูปนี้เป็นอะไร? (ข) มีใครถูกฆ่าบ้างไหมเนื่องจากไม่ยอมนมัสการรูปนี้? จงอธิบาย.
30 เหตุการณ์ตามประวัติศาสตร์ระบุว่า รูปนี้เป็นองค์การที่ได้รับการเสนอ การส่งเสริม และการสนับสนุนโดยบริเตนและสหรัฐ และเป็นที่รู้จักกันทีแรกว่าเป็นสันนิบาตชาติ. ต่อมา ในวิวรณ์บท 17 รูปนี้จะปรากฏด้วยสัญลักษณ์ที่แตกต่างออกไป นั่นคือในรูปลักษณ์ของสัตว์ร้ายสีแดงเข้มที่มีชีวิตหายใจอยู่ ซึ่งดำรงอยู่อย่างอิสระ. องค์การนานาชาตินี้ “พูด” ด้วยการพูดนั้นมันอวดอ้างว่าเป็นองค์การเดียวเท่านั้นที่สามารถนำสันติภาพและความมั่นคงปลอดภัยมาสู่มนุษยชาติได้. แต่ในความเป็นจริง มันได้กลายเป็นเวทีอภิปรายให้ชาติสมาชิกกล่าวประณามและโจมตีกัน. มันพูดจาข่มขู่ชาติหรือกลุ่มชนใด ๆ ที่ไม่ยอมก้มหัวให้กับอำนาจของมันด้วยการขับออกนอกวง. ชาติที่ไม่ปฏิบัติตามความคิดของสันนิบาตชาติถูกองค์การนี้ขับไล่จริง ๆ. เมื่อความทุกข์ลำบากครั้งใหญ่เริ่มขึ้นโดยฉับพลัน “เขา” ทางทหารของรูปของสัตว์ร้ายนี้จะปฏิบัติบทบาทแห่งการทำลายล้าง.—วิวรณ์ 7:14; 17:8, 16.
31 ตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่สอง รูปของสัตว์ร้ายซึ่งในตอนนี้แสดงออกเป็นองค์การสหประชาชาติ ได้สังหารผู้คนไปแล้วจริง ๆ. ยกตัวอย่าง ในปี 1950 กองกำลังสหประชาชาติเข้าสู่สงครามระหว่างเกาหลีเหนือกับเกาหลีใต้. ทหารสหประชาชาติร่วมกับเกาหลีใต้ได้ฆ่าชาวเกาหลีเหนือและคนจีน ประมาณ 1,420,000 คน. คล้ายคลึงกัน ตั้งแต่ปี 1960 ถึง 1964 กองทัพสหประชาชาติเข้าไปปฏิบัติการในคองโก (กินซาซา). ยิ่งกว่านั้น ผู้นำของโลก รวมทั้งสันตะปาปา พอลที่หก และจอห์น พอลที่สองยังคงยืนยันต่อไปว่า รูปนี้เป็นความหวังสุดท้ายและดีเยี่ยมของมนุษย์เพื่อจะมีสันติภาพ. ถ้ามนุษย์ไม่ปฏิบัติรูปนี้ สันตะปาปาสององค์นี้ยืนยันว่า เผ่าพันธุ์มนุษย์จะทำลายตัวเอง. ดังนั้น โดยนัยแล้ว พวกเขาเป็นต้นเหตุให้มวลมนุษย์ที่ไม่ยอมดำเนินไปพร้อมกับรูปและนมัสการรูปนั้นต้องถูกฆ่า.—พระบัญญัติ 5:8, 9.
เครื่องหมายของสัตว์ร้าย
32. โยฮันพรรณนาอย่างไรถึงการที่ซาตานชักนำส่วนการเมืองขององค์การของมันซึ่งปรากฏแก่ตาให้ก่อความยากลำบากแก่พงศ์พันธุ์ที่เหลืออยู่ของผู้หญิงของพระเจ้า?
32 ครั้นบัดนี้โยฮันเห็นวิธีที่ซาตานชักนำส่วนทางการเมืองขององค์การของมันที่ปรากฏแก่ตาทางแผ่นดินโลกให้ก่อความยากลำบากถึงขีดสุดแก่พงศ์พันธุ์ที่เหลืออยู่ของผู้หญิงของพระเจ้า. (เยเนซิศ 3:15) ท่านจึงหันมาพรรณนาถึงตัว “สัตว์ร้าย” นั้นดังนี้: “มันบังคับคนทั้งปวงทั้งผู้ใหญ่ผู้น้อย คนร่ำรวยและยากจน คนที่เป็นไทและเป็นทาส ให้รับเครื่องหมายที่มือขวาและบนหน้าผากของพวกเขา และไม่ให้ใครซื้อหรือขายได้นอกจากคนที่มีเครื่องหมายนั้น คือชื่อของสัตว์ร้ายหรือเลขที่เป็นชื่อของมัน. นี่เป็นเรื่องที่ต้องใช้สติปัญญา นั่นคือ ให้คนที่ฉลาดคำนวณเลขของสัตว์ร้ายนั้น เพราะนั่นเป็นเลขของมนุษย์และเลขของมันคือหกร้อยหกสิบหก.”—วิวรณ์ 13:16-18, ล.ม.
33. (ก) ชื่อของสัตว์ร้ายนั้นคืออะไร? (ข) เลขหกเกี่ยวข้องกับอะไร? จงอธิบาย.
33 สัตย์ร้ายนี้มีชื่อ และชื่อนี้เป็นตัวเลข: 666. เลขหกเกี่ยวข้องกับศัตรูของพระยะโฮวา. ชายชาวฟะลิศติมคนหนึ่งแห่งพวกระฟาอิม เป็น “คนรูปร่างสูงมาก” และ “มือมีหกนิ้ว เท้ามีหกนิ้ว.” (1 โครนิกา 20:6) กษัตริย์นะบูคัดเนซัรสร้างรูปเคารพทองคำกว้างหกศอก สูงหกสิบศอก เพื่อทำให้ข้าราชการฝ่ายการเมืองร่วมนมัสการเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน. เมื่อผู้รับใช้ของพระเจ้าไม่ยอมนมัสการรูปปั้นทองคำ กษัตริย์ก็บัญชาให้จับพวกเขาโยนลงในเตาไฟใหญ่ร้อนจัด. (ดานิเอล 3:1-23) เลขหกเป็นจำนวนต่ำกว่าเลขเจ็ดซึ่งแสดงถึงความครบถ้วนตามแง่คิดของพระเจ้า. ฉะนั้น เลขหกสามตัวจึงแสดงถึงความบกพร่องอย่างร้ายแรง.
34. (ก) ข้อเท็จจริงที่ว่าเลขของสัตว์ร้ายนั้น “เป็นเลขของมนุษย์” นั้นแสดงถึงอะไร? (ข) ทำไมเลข 666 จึงเป็นชื่อที่เหมาะสมสำหรับระบบทางการเมืองแห่งโลกของซาตาน?
34 ชื่อย่อมระบุตัวบุคคล. ดังนั้น เลขนี้ระบุตัวสัตว์ร้ายโดยวิธีใด? โยฮันบอกว่า “นั่นเป็นเลขของมนุษย์” ไม่ใช่ของบุคคลวิญญาณ ฉะนั้น ชื่อนี้จึงช่วยยืนยันว่าสัตว์ร้ายนั้นเป็นฝ่ายแผ่นดินโลก เป็นสัญลักษณ์ถึงการปกครองของมนุษย์. เลขหกเป็นจำนวนต่ำกว่าเลขเจ็ดฉันใด เลข 666—เลขหกสามตัว—จึงเป็นชื่อที่เหมาะเจาะกับระบบทางการเมืองอันมหึมาของโลกซึ่งล้มเหลวอย่างน่าอนาถที่ไม่อาจบรรลุมาตรฐานของพระเจ้าในเรื่องความสมบูรณ์ฉันนั้น. สัตว์ร้ายทางการเมืองของโลกปกครองสูงสุดภายใต้เลขชื่อ 666 ในขณะที่การเมืองซึ่งมีอำนาจมาก ศาสนาซึ่งมีอิทธิพล และธุรกิจการค้าที่ใหญ่โต ต่างทำให้สัตว์ร้ายนั้นปฏิบัติการเป็นผู้กดขี่มนุษยชาติและเป็นผู้ข่มเหงประชาชนของพระเจ้าต่อ ๆ ไป.
35. การได้รับเครื่องหมายที่มีชื่อสัตว์ร้ายบนหน้าผากและที่มือขวาหมายความอย่างไร?
35 การได้รับเครื่องหมายมีชื่อของสัตว์ร้ายไว้ที่หน้าผากหรือที่มือขวานั้นหมายความอย่างไร? เมื่อพระยะโฮวาประทานกฎหมายแก่ชาติอิสราเอล พระองค์ทรงกำชับพวกเขาว่า “เจ้าทั้งหลายจงจำถ้อยคำเหล่านี้ไว้ในจิตใจของเจ้า; จงผูกพันไว้ที่มือของเจ้าเป็นของสำคัญ, และจงจารึกไว้ที่หว่างคิ้วของเจ้า.” (พระบัญญัติ 11:18) ข้อนี้หมายความว่า ชาวอิสราเอลต้องคำนึงถึงกฎหมายตลอดเวลา เพื่อกฎหมายนั้นจะมีผลกระทบต่อการกระทำและความคิดของเขา. พวกผู้ถูกเจิมจำนวน 144,000 คนได้รับการกล่าวถึงว่ามีพระนามของพระบิดาและของพระเยซูจารึกบนหน้าผากของเขา. ทั้งนี้เป็นการระบุตัวพวกเขาว่าเป็นของพระยะโฮวาพระเจ้าและพระเยซูคริสต์. (วิวรณ์ 14:1) ในการเลียนแบบ ซาตานใช้เครื่องหมายแบบผีปิศาจของสัตว์ร้าย. ใครก็ตามที่ทำกิจกรรมประจำวันเช่นการซื้อการขายก็ถูกกดดันให้ทำสิ่งต่าง ๆ ในแบบที่สัตว์ร้ายทำ ตัวอย่างเช่น วันเฉลิมฉลองต่าง ๆ เป็นต้น. พวกเขาถูกคาดหมายให้นมัสการสัตว์ร้าย ยอมให้มันควบคุมชีวิตของเขา เพื่อจะรับเครื่องหมายของมัน.
36. คนที่ไม่ยอมรับเอาเครื่องหมายของสัตว์ร้ายประสบปัญหาอะไรบ้าง?
36 ผู้ที่ไม่ยอมรับเครื่องหมายของสัตว์ร้ายประสบปัญหาอยู่เรื่อย. ยกตัวอย่าง เริ่มในทศวรรษ 1930 คนเหล่านี้ต้องสู้คดีในศาลหลายครั้ง และอดทนต่อการกลุ้มรุมทำร้ายอย่างทารุณและการข่มเหงอื่น ๆ. ในประเทศที่ปกครองแบบเผด็จการ พวกเขาถูกส่งไปอยู่ค่ายกักกัน ที่ซึ่งหลายคนเสียชีวิต. ตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่สอง คนหนุ่มนับไม่ถ้วนได้ทนการติดคุกนานหลายปี บางคนถึงกับถูกทรมานและถูกฆ่า เนื่องจากพวกเขาไม่ยอมอะลุ่มอล่วยในเรื่องความเป็นกลางของคริสเตียน. ในประเทศอื่น ๆ คริสเตียนไม่สามารถซื้อหรือขายอะไรได้เลย บางคนไม่อาจเป็นเจ้าของทรัพย์สินได้; บางคนถูกข่มขืน ถูกฆาตกรรม หรือถูกขับไล่ออกไปจากถิ่นที่อยู่ของตน. เพราะอะไร? ก็เพราะด้วยสติรู้สึกผิดชอบที่ดี พวกเขาไม่ยอมซื้อบัตรพรรคการเมือง.d—โยฮัน 17:16.
37, 38. (ก) ทำไมโลกจึงเป็นสถานที่ที่ยากลำบากสำหรับคนที่ไม่ยอมมีเครื่องหมายของสัตว์ร้าย? (ข) ใครที่รักษาความซื่อสัตว์มั่นคงอยู่เสมอ และพวกเขาตั้งใจแน่วแน่จะทำอะไร?
37 ในบางภูมิภาคของแผ่นดินโลก ศาสนาฝังรากลึกในชีวิตชุมชน จนใครก็ตามซึ่งตั้งมั่นในความจริงของคัมภีร์ไบเบิลก็มักจะถูกครอบครัวและคนที่เคยเป็นมิตรขับออกจากแวดวง. ต้องมีความเชื่ออย่างแรงกล้าเพื่อจะทนทานได้. (มัดธาย 10:36-38; 17:22) ในโลกซึ่งผู้คนส่วนใหญ่บูชาความมั่งคั่งด้านวัตถุ และการทุจริตมีอยู่ดาษดื่น บ่อยครั้ง คริสเตียนแท้ต้องวางใจในพระยะโฮวาอย่างเต็มเปี่ยมว่า พระองค์จะทรงอุ้มชูเขาขณะที่มุ่งติดตามแนวทางอันชอบธรรม. (บทเพลงสรรเสริญ 11:7; เฮ็บราย 13:18) ในโลกที่จมอยู่ในกระแสการผิดศีลธรรม จำต้องมีความเด็ดเดี่ยวแน่วแน่ เพื่อจะรักษาตัวให้สะอาดและบริสุทธิ์. คริสเตียนที่ล้มป่วยมักถูกแพทย์และพยาบาลกดดันอยู่เนือง ๆ ให้ฝ่าฝืนกฎหมายของพระเจ้าที่ว่าด้วยความศักดิ์สิทธิ์ของเลือด คริสเตียนถึงกับต้องขืนคำสั่งศาลซึ่งขัดกับความเชื่อของตน. (กิจการ 15:28, 29; 1 เปโตร 4:3, 4) และในยุคสมัยนี้ที่การว่างงานเพิ่มขึ้น จึงกลายเป็นการยากมากขึ้นที่คริสเตียนแท้จะหลีกเลี่ยงงานซึ่งจะหมายถึงการอะลุ่มอล่วยความซื่อสัตย์มั่นคงของเขาเฉพาะพระพักตร์พระเจ้า.—มีคา 4:3, 5.
38 ใช่แล้ว โลกนี้เป็นสถานที่ที่ยากลำบากสำหรับคนที่ไม่มีเครื่องหมายของสัตว์ร้าย. เป็นการแสดงให้เห็นเด่นชัดถึงฤทธิ์อำนาจและพระพรของพระยะโฮวา ที่ชนที่เหลือแห่งพงศ์พันธุ์ของผู้หญิงและชนฝูงใหญ่กว่าหกล้านคนกำลังรักษาความซื่อสัตย์มั่นคง ทั้ง ๆ ที่มีความกดดันสารพัดเพื่อให้ละเมิดกฎหมายของพระเจ้า. (วิวรณ์ 7:9) ขอให้พวกเราทุกคนตลอดทั่วโลกพร้อมเพรียงกันยกย่องสรรเสริญพระยะโฮวาและแนวทางที่ชอบธรรมของพระองค์ต่อ ๆ ไป ขณะเราไม่ยอมรับเครื่องหมายของสัตว์ร้าย.—บทเพลงสรรเสริญ 34:1-3.
[เชิงอรรถ]
a เพื่อจะได้รายละเอียดมากขึ้น โปรดดูที่หน้า 165-179 ของหนังสือ “จงเอาใจใส่คำพยากรณ์ของดานิเอล!” จัดพิมพ์โดยพยานพระยะโฮวา.
b หนังสือการแปลความหมายของวิวรณ์ของโยฮัน โดย อาร์. ซี. เอช. เลนสกี, หน้า 390–391.
c นักวิจารณ์หลายคนได้สังเกตว่า ในความเป็นจริงแล้ว ลัทธิชาตินิยมเป็นศาสนาหนึ่ง. ฉะนั้น อันที่จริงแล้ว ผู้คนซึ่งเป็นนักชาตินิยมจึงกำลังนมัสการส่วนนั้นของสัตว์ร้ายซึ่งประเทศที่เขาอาศัยอยู่นั้นเป็นตัวแทนของมัน. เกี่ยวกับลัทธิชาตินิยมในประเทศสหรัฐนั้น เราอ่านว่า “ลัทธิชาตินิยม เมื่อถือว่าเป็นศาสนานั้น มีหลายอย่างเหมือนระบบศาสนาใหญ่ ๆ อื่นอีกในอดีต . . . นักชาตินิยมทางศาสนาสมัยใหม่สำนึกถึงการที่เขาพึ่งอาศัยพระประจำชาติของเขา. เขารู้สึกถึงความต้องการความช่วยเหลือจากกำลังอำนาจของพระนั้น. เขาถือว่าพระนั้นเป็นแหล่งแห่งความสมบูรณ์พร้อมและความสุขของเขา. ในความหมายทางศาสนา เขาอ่อนน้อมต่อพระนั้น. . . . มีการถือว่าชาติเป็นอยู่ตลอดกาล และความตายของลูก ๆ ที่ซื่อสัตย์ทั้งหลายของชาติก็เพียงเพื่อทำให้เป็นการเพิ่มเกียรติยศชื่อเสียงอันไม่มีวันตายของชาติเท่านั้น.”—คาร์ลตัน เจ. เอฟ. เฮย์ส ดังคำพูดที่ยกมากล่าวหน้า 359 ของหนังสือสิ่งที่ชาวอเมริกันเชื่อถือและวิธีที่เขานมัสการ, โดย เจ. พอล วิลเลียมส์.
d เพื่อเป็นตัวอย่าง โปรดดูในหอสังเกตการณ์ (ภาษาอังกฤษ) ฉบับ 1 กันยายน 1971 หน้า 520; 15 มิถุนายน 1974 หน้า 373; 1 มิถุนายน 1979 หน้า 20; 15 พฤษภาคม 1980 หน้า 10; หอสังเกตการณ์ (ภาษาไทย) 15 พฤศจิกายน 1975 หน้า 689; 15 สิงหาคม 1979 หน้า 23.
[ภาพหน้า 195]
มันได้รับอนุญาตให้ใส่ลมหายใจให้รูปของสัตว์ร้าย