พวกเขา “เฝ้าติดตามพระเมษโปดก”
“คนเหล่านี้เป็นคนที่เฝ้าติดตามพระเมษโปดกไม่ว่าพระองค์จะเสด็จไปที่ไหน.”—วิ. 14:4.
1. สาวกแท้ของพระเยซูรู้สึกอย่างไรในเรื่องการติดตามพระองค์?
หลังจากรับใช้มาได้ประมาณสองปีครึ่ง พระเยซู “สอนอยู่ในที่ชุมนุมชนในเมืองคาเปอร์นาอุม.” เพราะรู้สึกว่าสิ่งที่พระองค์ตรัสเป็นเรื่องน่าตกใจ “สาวกหลายคนจึงกลับไปหาสิ่งที่เคยละไว้เบื้องหลังและเลิกติดตามพระองค์.” เมื่อพระเยซูทรงถามอัครสาวก 12 คนว่าพวกเขาต้องการไปด้วยไหม ซีโมนเปโตรทูลตอบว่า “พระองค์เจ้าข้า พวกข้าพเจ้าจะไปหาผู้ใดเล่า? พระองค์ทรงมีถ้อยคำที่ให้ชีวิตนิรันดร์ พวกข้าพเจ้าเชื่อและรู้แล้วว่าพระองค์ทรงเป็นผู้บริสุทธิ์ของพระเจ้า.” (โย. 6:48, 59, 60, 66-69) สาวกแท้ของพระเยซูไม่เลิกติดตามพระองค์. หลังจากได้รับการเจิมด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ พวกเขาก็ยังคงยอมรับการชี้นำจากพระเยซูต่อไป.—กิจ. 16:7-10.
2. (ก) “ทาสสัตย์ซื่อและสุขุม” หรือ “คนรับใช้ที่ซื่อสัตย์” คือใคร? (ข) ทาสสัตย์ซื่อได้สร้างประวัติที่ดีอย่างไรในการ “ติดตามพระเมษโปดก”?
2 อาจกล่าวได้อย่างไรเกี่ยวกับคริสเตียนผู้ถูกเจิมในสมัยปัจจุบัน? ในคำพยากรณ์เกี่ยวกับ ‘สัญญาณที่บอกว่าพระองค์ประทับอยู่และเป็นช่วงสุดท้ายของยุค’ พระเยซูตรัสถึงกลุ่มเหล่าสาวกผู้ถูกเจิมด้วยพระวิญญาณบนแผ่นดินโลกโดยรวมว่าเป็น “ทาสสัตย์ซื่อและสุขุม” หรือ “คนรับใช้ที่ซื่อสัตย์.” (มัด. 24:3, 45; ลูกา 12:42) เมื่อพิจารณาทั้งกลุ่ม ชนชั้นทาสได้สร้างประวัติที่ดีเยี่ยมในการ “ติดตามพระเมษโปดกไม่ว่าพระองค์จะเสด็จไปที่ไหน.” (อ่านวิวรณ์ 14:4, 5.) สมาชิกของชนชั้นทาสรักษาตัวเป็นคนบริสุทธิ์ฝ่ายวิญญาณโดยที่พวกเขาไม่มีมลทินเนื่องจากการข้องแวะกับความเชื่อและกิจปฏิบัติของ “บาบิโลนใหญ่” จักรวรรดิโลกแห่งศาสนาเท็จ. (วิ. 17:5) ไม่มีคำมุสาด้านหลักคำสอน “จากปากพวกเขา” และพวกเขารักษาตัว “ปราศจากตำหนิ” จากโลกของซาตาน. (โย. 15:19) ในอนาคต ชนที่เหลือของผู้ถูกเจิมบนแผ่นดินโลก “จะตาม” พระเมษโปดกไปจนถึงในสวรรค์.—โย. 13:36.
3. เหตุใดจึงสำคัญที่เราจะไว้วางใจชนชั้นทาส?
3 พระเยซูได้ทรงตั้งทาสสัตย์ซื่อและสุขุมไว้ให้ “ดูแลพวกคนรับใช้” ซึ่งก็คือสมาชิกแต่ละคนของชนชั้นทาส “เพื่อให้อาหารแก่พวกเขาในเวลาอันเหมาะ.” พระองค์ได้ทรงตั้งทาสไว้ “ให้ดูแลทรัพย์สมบัติทั้งหมดของ [พระองค์].” (มัด. 24:45-47) “ทรัพย์สมบัติ” เหล่านี้รวมถึง “ชนฝูงใหญ่” แห่ง “แกะอื่น” ซึ่งมีจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ด้วย. (วิ. 7:9; โย. 10:16) สมาชิกแต่ละคนของผู้ถูกเจิมและ “แกะอื่น” ควรไว้วางใจทาสสัตย์ซื่อที่ได้รับการแต่งตั้งไว้ให้ดูแลพวกเขามิใช่หรือ? มีหลายเหตุผลที่ชนชั้นทาสสมควรได้รับความไว้วางใจจากเรา. เหตุผลที่โดดเด่นสองประการได้แก่: (1) พระยะโฮวาทรงไว้วางใจชนชั้นทาส. (2) พระเยซูทรงไว้วางใจชนชั้นทาสด้วย. ให้เรามาตรวจสอบพยานหลักฐานที่ว่าทั้งพระยะโฮวาพระเจ้าและพระเยซูคริสต์ทรงมีความเชื่อมั่นเต็มเปี่ยมในทาสสัตย์ซื่อและสุขุม.
พระยะโฮวาทรงไว้วางใจทาสสัตย์ซื่อ
4. เหตุใดเรามั่นใจได้ในเรื่องอาหารฝ่ายวิญญาณที่ทาสสัตย์ซื่อและสุขุมจัดให้?
4 ขอให้พิจารณาว่าอะไรทำให้ทาสสัตย์ซื่อและสุขุมสามารถให้อาหารฝ่ายวิญญาณที่มีคุณค่าในเวลาอันเหมาะ. พระยะโฮวาตรัสว่า “เราจะแนะนำและสอนเจ้าถึงทางที่เจ้าควรจะเดินไป.” พระองค์ตรัสเพิ่มเติมอีกว่า “เราจะให้คำปรึกษาแก่เจ้าด้วยจับตาเจ้าอยู่.” (เพลง. 32:8, ฉบับ R73) แน่นอนทีเดียว พระยะโฮวาทรงชี้นำทาสสัตย์ซื่อ. ด้วยเหตุนั้น เรามั่นใจได้เต็มที่ในเรื่องความเข้าใจที่ลึกซึ้งในพระคัมภีร์และการชี้นำที่อาศัยพระคัมภีร์เป็นหลัก ที่เราได้รับจากทาสสัตย์ซื่อ.
5. อะไรแสดงว่าพระวิญญาณของพระเจ้าเสริมกำลังชนชั้นทาส?
5 นอกจากนั้น พระยะโฮวาทรงอวยพรชนชั้นทาสด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระองค์. แม้ว่าเรามองไม่เห็นพระวิญญาณของพระยะโฮวา แต่เราสามารถเห็นสิ่งที่พระวิญญาณก่อให้เกิดขึ้นในคนที่พระวิญญาณดำเนินกิจ. ขอให้นึกถึงสิ่งที่ทาสสัตย์ซื่อและสุขุมสามารถทำให้สำเร็จในการประกาศทั่วโลกเรื่องพระยะโฮวาพระเจ้า, พระบุตร, และราชอาณาจักร. ผู้นมัสการพระยะโฮวากำลังประกาศข่าวสารเรื่องราชอาณาจักรอย่างขันแข็งในกว่า 230 ดินแดนและหมู่เกาะ. นั่นเป็นหลักฐานที่มิอาจปฏิเสธได้มิใช่หรือว่าพระวิญญาณของพระเจ้าเสริมกำลังทาสสัตย์ซื่อ? (อ่านกิจการ 1:8.) ในการให้อาหารฝ่ายวิญญาณในเวลาอันเหมาะแก่ประชาชนของพระยะโฮวาตลอดทั่วโลก ชนชั้นทาสต้องตัดสินใจเรื่องสำคัญหลายเรื่อง. เมื่อตัดสินใจและดำเนินการในเรื่องต่าง ๆ ทาสสัตย์ซื่อแสดงความรัก, ความอ่อนโยน, และคุณลักษณะอื่น ๆ ของผลพระวิญญาณ.—กลา. 5:22, 23.
6, 7. พระยะโฮวาทรงไว้วางใจทาสสัตย์ซื่อถึงขนาดไหน?
6 เพื่อจะเข้าใจว่าพระยะโฮวาทรงไว้วางใจทาสสัตย์ซื่อขนาดไหน ขอให้ใคร่ครวญคำสัญญาที่พระองค์ทรงให้แก่สมาชิกของชนชั้นทาส. อัครสาวกเปาโลเขียนว่า “เสียงแตรจะดังขึ้นและคนตายจะถูกปลุกให้เป็นขึ้นมาสู่สภาพไม่รู้เน่าเปื่อย และเราจะถูกเปลี่ยน. เพราะกายนี้ซึ่งเน่าเปื่อยได้จะเปลี่ยนเป็นกายที่ไม่รู้เน่าเปื่อยและกายนี้ซึ่งตายได้จะเปลี่ยนเป็นกายที่ไม่มีวันตาย.” (1 โค. 15:52, 53) สาวกผู้ถูกเจิมของพระคริสต์ที่รับใช้พระเจ้าอย่างซื่อสัตย์และตายในกายมนุษย์ซึ่งเน่าเปื่อยได้ต่างก็ถูกปลุกให้เป็นขึ้นจากตายในสภาพที่ดียิ่งกว่ากายวิญญาณที่มีชีวิตนิรันดร์. พวกเขาได้รับกายที่ไม่มีวันตาย—มีชีวิตอมตะและไม่อาจทำลายได้. นอกจากนั้น พวกเขาได้รับกายที่ไม่เน่าเปื่อยและดูเหมือนว่าไม่ต้องอาศัยแหล่งพลังงานจากภายนอกเพื่อจะดำรงอยู่ได้เหมือนสิ่งทรงสร้างอื่น ๆ ที่เป็นกายเนื้อหนังและกายวิญญาณ. วิวรณ์ 4:4 พรรณนาคนเหล่านี้ที่ถูกปลุกให้เป็นขึ้นจากตายว่านั่งบนบัลลังก์พร้อมกับมีมงกุฎทองคำสวมที่ศีรษะ. เกียรติยศในฐานะกษัตริย์รอคอยคริสเตียนผู้ถูกเจิมอยู่. แต่ยังมีหลักฐานอื่นอีกที่แสดงว่าพระเจ้าทรงไว้วางใจผู้ถูกเจิม.
7 วิวรณ์ 19:7, 8 กล่าวว่า “ถึงเวลาอภิเษกสมรสของพระเมษโปดกแล้ว และเจ้าสาวของพระองค์ก็เตรียมตัวแล้ว. นางได้รับอนุญาตให้แต่งตัวด้วยผ้าลินินเนื้อดีที่สะอาดสดใส เพราะผ้าลินินเนื้อดีหมายถึงการกระทำอันชอบธรรมของเหล่าผู้บริสุทธิ์.” พระยะโฮวาทรงเลือกคริสเตียนผู้ถูกเจิมไว้แล้วให้เป็นเจ้าสาวในอนาคตของพระบุตร. สภาพไม่เน่าเปื่อย, สภาพไม่มีวันตาย, ฐานะกษัตริย์, ‘การอภิเษกสมรสกับพระเมษโปดก’—ช่างเป็นของประทานอันน่าเกรงขามจริง ๆ! ทั้งหมดนั้นเป็นหลักฐานอันน่าตื่นเต้นว่าพระเจ้าทรงมั่นใจเหล่าผู้ถูกเจิม ซึ่ง “เฝ้าติดตามพระเมษโปดกไม่ว่าพระองค์จะเสด็จไปที่ไหน.”
พระเยซูทรงไว้วางใจทาสสัตย์ซื่อ
8. พระเยซูทรงแสดงให้เห็นอย่างไรว่าพระองค์ทรงเชื่อมั่นเหล่าสาวกผู้ถูกเจิมด้วยพระวิญญาณ?
8 มีหลักฐานอะไรที่แสดงว่าพระเยซูทรงไว้วางใจเหล่าสาวกผู้ถูกเจิมด้วยพระวิญญาณอย่างยิ่ง? ในคืนสุดท้ายของชีวิตพระองค์บนแผ่นดินโลก พระเยซูทรงทำสัญญากับอัครสาวกที่ซื่อสัตย์ 11 คน. พระองค์ทรงบอกพวกเขาว่า “พวกเจ้าคือผู้ที่อยู่กับเราในยามที่เราถูกทดสอบ เราจะทำสัญญาเรื่องราชอาณาจักรกับพวกเจ้าอย่างที่พระบิดาได้ทรงทำสัญญากับเรา เพื่อเจ้าทั้งหลายจะได้กินและดื่มที่โต๊ะของเราในราชอาณาจักรของเรา และนั่งบัลลังก์พิพากษาอิสราเอลสิบสองตระกูล.” (ลูกา 22:28-30) สัญญาที่พระเยซูทรงทำในตอนนั้นกับอัครสาวก 11 คนจะขยายไปถึงคริสเตียนผู้ถูกเจิมทั้งหมด 144,000 คน. (ลูกา 12:32; วิ. 5:9, 10; 14:1) ถ้าพระเยซูไม่ไว้วางใจพวกเขา พระองค์จะทรงทำสัญญาที่หมายถึงการแบ่งอำนาจแห่งราชอาณาจักรของพระองค์ให้พวกเขาไหม?
9. “ทรัพย์สมบัติทั้งหมดของ [พระคริสต์]” มีอะไรบ้าง?
9 นอกจากนั้น พระเยซูคริสต์ได้แต่งตั้งทาสสัตย์ซื่อและสุขุม “ให้ดูแลทรัพย์สมบัติทั้งหมดของ [พระองค์]” ซึ่งก็คือผลประโยชน์ทั้งสิ้นบนแผ่นดินโลกของราชอาณาจักร. (มัด. 24:47) ส่วนหนึ่งที่รวมอยู่ในทรัพย์สมบัติเหล่านี้ได้แก่อาคารและอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่สำนักงานใหญ่ของพยานพระยะโฮวา, ที่สำนักงานสาขาในประเทศต่าง ๆ, และที่หอประชุมใหญ่และหอประชุมราชอาณาจักรตลอดทั่วโลก. ทรัพย์สมบัติดังกล่าวยังรวมถึงงานประกาศเรื่องราชอาณาจักรและงานทำให้คนเป็นสาวก. ใครล่ะจะมอบหมายคนที่เขาไม่ไว้วางใจให้ดูแลและใช้ทรัพย์สมบัติที่มีค่าของเขา?
10. อะไรแสดงว่าพระเยซูคริสต์ทรงอยู่กับเหล่าสาวกผู้ถูกเจิม?
10 ไม่นานก่อนเสด็จขึ้นสู่สวรรค์ พระเยซูผู้ถูกปลุกให้คืนพระชนม์ทรงปรากฏแก่เหล่าสาวกที่ซื่อสัตย์และสัญญากับพวกเขาว่า “เราจะอยู่กับพวกเจ้าเสมอจนถึงช่วงสุดท้ายของยุค.” (มัด. 28:20) พระเยซูทรงทำอย่างนั้นจริง ๆ ตามคำสัญญาของพระองค์ไหม? ในช่วง 15 ปีที่ผ่านไป จำนวนประชาคมของพยานพระยะโฮวาทั่วโลกเพิ่มขึ้นจากประมาณ 70,000 ประชาคมเป็นกว่า 100,000 ประชาคม—เพิ่มขึ้นกว่า 40 เปอร์เซ็นต์. และจำนวนสาวกใหม่ที่เพิ่มขึ้นเป็นอย่างไร? มีสาวกที่รับบัพติสมาเกือบ 4 ล้าน 5 แสนคนในช่วง 15 ปีที่ผ่านไป—เฉลี่ยแล้วมากกว่า 800 คนในแต่ละวัน. การเพิ่มทวีที่น่าทึ่งนี้เป็นหลักฐานที่ชัดเจนว่าพระคริสต์ทรงชี้นำเหล่าสาวกผู้ถูกเจิม ณ การประชุมประชาคมและกำลังสนับสนุนพวกเขาในงานทำให้คนเป็นสาวก.
ชนชั้นทาสเป็นคนซื่อสัตย์และสุขุม
11, 12. ทาสสัตย์ซื่อพิสูจน์ตัวอย่างไรว่าซื่อสัตย์และสุขุม?
11 เนื่องจากพระยะโฮวาพระเจ้าและพระเยซูคริสต์ทรงไว้วางใจทาสสัตย์ซื่อและสุขุมอย่างเต็มที่ เราก็ควรไว้วางใจพวกเขาเหมือนกันมิใช่หรือ? ที่จริง ทาสสัตย์ซื่อพิสูจน์ตัวว่าพวกเขาซื่อสัตย์ในการทำงานที่ได้รับมอบหมาย. ตัวอย่างเช่น ได้มีการจัดพิมพ์วารสารหอสังเกตการณ์มานานถึง 130 ปี. การประชุมประชาคม, การประชุมหมวด, การประชุมภาคของพยานพระยะโฮวาช่วยเสริมสร้างความเชื่อของเราให้มั่นคง.
12 ทาสสัตย์ซื่อยังพิสูจน์ตัวด้วยในเรื่องความสุขุมโดยที่ไม่กระทำสิ่งใดอย่างไม่เจียมตัว, ล้ำหน้าพระยะโฮวา, หรือล้าหลัง เมื่อมีการชี้นำจากพระเจ้าอย่างชัดเจน. ตัวอย่างเช่น ในขณะที่ผู้นำศาสนาเท็จเห็นชอบโดยปริยายหรือยอมรับอย่างเปิดเผยว่าการกระทำที่เห็นแก่ตัวและไม่เลื่อมใสพระเจ้าของผู้คนในโลกเป็นเรื่องธรรมดา แต่ทาสสัตย์ซื่อเตือนให้ระวังหลุมพรางของระบบชั่วของซาตาน. ทาสสัตย์ซื่อสามารถให้คำเตือนที่สุขุมและเหมาะกับเวลาเพราะพระยะโฮวาพระเจ้าและพระเยซูคริสต์ทรงอวยพรพวกเขา. ทาสสัตย์ซื่อจึงสมควรได้รับความไว้วางใจจากเราอย่างเต็มที่. แต่เราจะแสดงให้เห็นได้โดยวิธีใดว่าเราไว้วางใจทาสสัตย์ซื่อและสุขุม?
“ไปด้วย” กับผู้ถูกเจิมขณะที่พวกเขาติดตามพระเมษโปดก
13. ตามคำพยากรณ์ของซะคาระยา เราสามารถแสดงความไว้วางใจทาสสัตย์ซื่อและสุขุมได้โดยวิธีใด?
13 หนังสือซะคาระยาในคัมภีร์ไบเบิลกล่าวถึง “สิบคน” ซึ่งเข้าไปหา “คนชาติยูดาย” และกล่าวว่า “เราจะไปด้วยท่าน.” (อ่านซะคาระยา 8:23.) “คนชาติยูดาย” ในที่นี้เป็นชนกลุ่มหนึ่ง. ในสมัยของเรา คนชาติยูดายนี้หมายถึงชนที่เหลือแห่งคริสเตียนผู้ถูกเจิมด้วยพระวิญญาณ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ “อิสราเอลของพระเจ้า.” (กลา. 6:16) “สิบคนแต่บรรดาภาษาประเทศเมืองทั้งปวง” หมายถึงชนฝูงใหญ่แห่งแกะอื่น. เช่นเดียวกับคริสเตียนผู้ถูกเจิมติดตามพระเยซูไปไม่ว่าพระองค์เสด็จไปที่ไหน ชนฝูงใหญ่ก็ “ไปด้วย” กับทาสสัตย์ซื่อและสุขุม. ชนฝูงใหญ่ไม่ควรอายที่จะแสดงตัวว่าเป็นสหายของ “ผู้มีส่วนร่วมในการถูกเรียกสู่สวรรค์.” (ฮีบรู 3:1) พระเยซูไม่ทรงอายที่จะเรียกผู้ถูกเจิมว่า “พี่น้อง.”—ฮีบรู 2:11.
14. เราจะสนับสนุนพี่น้องของพระคริสต์อย่างภักดีได้โดยวิธีใด?
14 พระเยซูคริสต์ทรงถือว่าการสนับสนุนพี่น้องของพระองค์อย่างภักดีเป็นการสนับสนุนพระองค์. (อ่านมัดธาย 25:40.) ถ้าอย่างนั้น คนที่มีความหวังบนแผ่นดินโลกจะสนับสนุนพี่น้องผู้ถูกเจิมด้วยพระวิญญาณของพระคริสต์ได้โดยวิธีใด? วิธีสนับสนุนที่สำคัญก็คือโดยช่วยพวกเขาในงานประกาศเรื่องราชอาณาจักร. (มัด. 24:14; โย. 14:12) ในขณะที่จำนวนผู้ถูกเจิมบนแผ่นดินโลกลดลงในช่วงหลายทศวรรษ จำนวนแกะอื่นได้เพิ่มขึ้น. เมื่อคนที่มีความหวังบนแผ่นดินโลกร่วมในงานประกาศ และถ้าเป็นไปได้ก็รับใช้เป็นผู้เผยแพร่เต็มเวลา พวกเขาสนับสนุนชนผู้ถูกเจิมด้วยพระวิญญาณในการทำงานที่ได้รับมอบหมายให้สำเร็จด้วยการทำให้คนเป็นสาวก. (มัด. 28:19, 20) นอกจากนั้น ไม่ควรมองข้ามโอกาสต่าง ๆ ที่จะสนับสนุนงานนี้ด้วยการบริจาคซึ่งทำได้หลายวิธี.
15. คริสเตียนแต่ละคนควรแสดงปฏิกิริยาอย่างไรต่ออาหารฝ่ายวิญญาณตามเวลาอันเหมาะจากทาสสัตย์ซื่อและการตัดสินต่าง ๆ เกี่ยวกับองค์การซึ่งมาจากทาสสัตย์ซื่อ?
15 ในฐานะคริสเตียนคนหนึ่ง เรามีทัศนะอย่างไรต่ออาหารฝ่ายวิญญาณตามเวลาอันเหมาะที่ทาสสัตย์ซื่อแจกจ่ายให้ทางสรรพหนังสือที่อาศัยคัมภีร์ไบเบิลเป็นหลักและโดยทางการประชุมต่าง ๆ ของคริสเตียน? เรารับเอาการจัดเตรียมเหล่านั้นด้วยความขอบพระคุณและพร้อมจะใช้สิ่งที่เราเรียนรู้ไหม? เราแสดงปฏิกิริยาอย่างไรต่อการตัดสินต่าง ๆ ขององค์การที่มาจากทาสสัตย์ซื่อ? การที่เราพร้อมจะเชื่อฟังการชี้นำนั้นเป็นหลักฐานว่าเรามีความเชื่อในวิธีที่พระยะโฮวาทรงชี้นำเรา.—ยโก. 3:17.
16. เหตุใดคริสเตียนทุกคนควรฟังพี่น้องของพระคริสต์?
16 พระเยซูตรัสว่า “แกะของเราย่อมฟังเสียงของเรา เรารู้จักแกะเหล่านั้นและแกะเหล่านั้นก็ตามเรา.” (โย. 10:27) เป็นอย่างนั้นจริง ๆ กับคริสเตียนผู้ถูกเจิม. จะว่าอย่างไรสำหรับคนที่ “ไปด้วย” กับพวกเขา? คนเหล่านั้นต้องฟังพระเยซู. พวกเขาต้องฟังพี่น้องของพระองค์ด้วย. อันที่จริง พี่น้องของพระคริสต์ได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่รับผิดชอบสำคัญในการดูแลสวัสดิภาพฝ่ายวิญญาณของประชาชนของพระเจ้า. การฟังเสียงพี่น้องของพระคริสต์หมายถึงอะไร?
17. การฟังชนชั้นทาสหมายถึงอะไร?
17 ทาสสัตย์ซื่อและสุขุมในปัจจุบันมีตัวแทนคือคณะกรรมการปกครอง ซึ่งนำหน้าและประสานงานการประกาศเรื่องราชอาณาจักรทั่วโลก. สมาชิกคณะกรรมการปกครองประกอบด้วยผู้ปกครองที่เป็นผู้ถูกเจิมด้วยพระวิญญาณที่มีประสบการณ์. นับว่าเหมาะเป็นพิเศษที่จะเรียกพวกเขาว่าเป็น “ผู้ที่นำหน้า” ในหมู่พวกเรา. (ฮีบรู 13:7) ในการดูแลผู้ประกาศทั่วโลกเกือบ 7,000,000 คนในกว่า 100,000 ประชาคม ผู้ดูแลที่เป็นผู้ถูกเจิมเหล่านี้มี ‘งานขององค์พระผู้เป็นเจ้ามากมายที่ต้องทำ.’ (1 โค. 15:58) การฟังชนชั้นทาสหมายถึงการให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่กับคณะกรรมการปกครอง.
คนที่ฟังทาสสัตย์ซื่อได้รับพระพร
18, 19. (ก) คนที่ฟังทาสสัตย์ซื่อและสุขุมได้รับพระพรอย่างไร? (ข) เราควรตั้งใจไว้ว่าจะทำอะไร?
18 ตั้งแต่ได้รับการแต่งตั้ง ทาสสัตย์ซื่อและสุขุมได้ “ชักนำคนมากหลายให้กลับมาถึงความชอบธรรม.” (ดานิ. 12:3) คนเหล่านี้รวมถึงคนที่มีความหวังจะรอดชีวิตเมื่อพระเจ้าทรงทำลายระบบปัจจุบันอันชั่วช้านี้. การมีฐานะชอบธรรมเฉพาะพระพักตร์พระเจ้านับเป็นพระพรอย่างยิ่งจริง ๆ!
19 ในอนาคต เมื่อ ‘เมืองบริสุทธิ์ คือเยรูซาเลมใหม่ [ซึ่งประกอบด้วยชน 144,000 คน] ลงมาจากสวรรค์และมาจากพระเจ้า เตรียมพร้อมแล้วดุจเจ้าสาวที่แต่งตัวไว้สำหรับเจ้าบ่าว’ คนที่ฟังเสียงทาสสัตย์ซื่อจะประสบกับอะไร? คัมภีร์ไบเบิลกล่าวว่า “พระเจ้าจะทรงอยู่กับพวกเขา. พระองค์จะทรงเช็ดน้ำตาทุกหยดจากตาพวกเขา ความตายจะไม่มีอีกเลย ความโศกเศร้าหรือเสียงร้องไห้เสียใจหรือความเจ็บปวดจะไม่มีอีกเลย. สิ่งที่เคยมีอยู่นั้นผ่านพ้นไปแล้ว.” (วิ. 21:2-4) ดังนั้น เรามีเหตุผลทุกประการที่จะฟังพระคริสต์และพี่น้องของพระองค์ผู้ถูกเจิมด้วยพระวิญญาณซึ่งเป็นผู้ที่เราไว้วางใจได้.
คุณได้เรียนรู้อะไรบ้าง?
• มีหลักฐานอะไรที่แสดงว่าพระยะโฮวาทรงไว้วางใจทาสสัตย์ซื่อและสุขุม?
• อะไรแสดงว่าพระเยซูคริสต์ทรงไว้วางใจชนชั้นทาสอย่างเต็มที่?
• เหตุใดคนรับใช้ที่ซื่อสัตย์จึงสมควรได้รับความไว้วางใจจากเรา?
• เราแสดงโดยวิธีใดว่าเราไว้วางใจทาสสัตย์ซื่อ?
[ภาพหน้า 25]
คุณรู้ไหมว่าพระยะโฮวาทรงเลือกใครเป็นเจ้าสาวในอนาคตให้พระบุตร?
[ภาพหน้า 26]
พระเยซูคริสต์ทรงมอบหมายทาสสัตย์ซื่อและสุขุมให้ดูแล “ทรัพย์สมบัติ” ของพระองค์
[ภาพหน้า 27]
เมื่อเราร่วมในงานประกาศ เราสนับสนุนชนผู้ถูกเจิมด้วยพระวิญญาณ