บท 34
การไขข้อลึกลับอันน่ากลัว
1. (ก) โยฮันมีปฏิกิริยาอย่างไรเมื่อเห็นหญิงแพศยาคนสำคัญและสัตว์น่ากลัวที่นางนั่งอยู่ และเพราะเหตุใด? (ข) ชนจำพวกโยฮันในปัจจุบันมีปฏิกิริยาอย่างไรเมื่อเหตุการณ์ต่าง ๆ ปรากฏเป็นจริงตามนิมิตเชิงพยากรณ์นั้น?
โยฮันมีปฏิกิริยาอย่างไรเมื่อเห็นหญิงแพศยาคนสำคัญและสัตว์น่ากลัวที่นางขี่? ท่านเองตอบว่า “เมื่อข้าพเจ้าเห็นนางก็อัศจรรย์ใจยิ่งนัก.” (วิวรณ์ 17:6ข, ล.ม.) เพียงจินตนาการของมนุษย์คงไม่มีวันนึกเห็นภาพเช่นนั้นได้. กระนั้น ณ ที่นั่น ในถิ่นทุรกันดาร หญิงแพศยาที่เสื่อมทรามคนหนึ่งนั่งอยู่บนหลังสัตว์ร้ายสีแดงเข้มที่น่ากลัวตัวหนึ่ง! (วิวรณ์ 17:3) เช่นเดียวกัน ชนจำพวกโยฮันในทุกวันนี้ก็รู้สึกพิศวงยิ่งนักขณะที่เหตุการณ์ต่าง ๆ ปรากฏด้วยความสำเร็จเป็นจริงตามนิมิตเชิงพยากรณ์นั้น. หากผู้คนในโลกเห็นนิมิตนั้นได้ พวกเขาคงอุทานว่า ‘ไม่น่าเชื่อ!’ และผู้ปกครองของโลกจะกล่าวเช่นเดียวกันว่า ‘เป็นไปไม่ได้!’ แต่นิมิตนั้นกลายเป็นความจริงที่น่าตื่นตระหนกในสมัยของเรา. ประชาชนของพระเจ้าได้มีส่วนอย่างน่าทึ่งในความสำเร็จเป็นจริงของนิมิตนั้น และนั่นทำให้พวกเขามั่นใจว่าคำพยากรณ์นั้นจะดำเนินต่อไปจนถึงจุดสุดยอดที่น่าประหลาดใจ.
2. (ก) ในการสนองตอบความประหลาดใจของโยฮัน ทูตสวรรค์องค์นั้นบอกอะไรแก่ท่าน? (ข) ชนจำพวกโยฮันได้รับการเปิดเผยถึงสิ่งใด และการเปิดเผยนี้ได้ดำเนินไปโดยวิธีใด?
2 ทูตสวรรค์องค์นั้นสังเกตเห็นความประหลาดใจของโยฮัน. โยฮันบอกต่อไปว่า “ทูตสวรรค์องค์นั้นจึงพูดกับข้าพเจ้าว่า ‘ท่านอัศจรรย์ใจไปทำไม? ข้าพเจ้าจะบอกให้ท่านรู้ความลึกลับของผู้หญิงคนนั้นและของสัตว์ร้ายที่นางนั่งอยู่ซึ่งมีหัวเจ็ดหัวกับเขาสิบเขา.’” (วิวรณ์ 17:7, ล.ม.) บัดนี้ทูตสวรรค์องค์นั้นจะไขข้อลึกลับนั้น! ท่านอธิบายให้โยฮันที่ตาเบิกกว้างทราบถึงแง่มุมต่าง ๆ ของนิมิตนั้นและเหตุการณ์ที่น่าตื่นเต้นซึ่งกำลังจะปรากฏ. ในทำนองเดียวกัน ขณะรับใช้ภายใต้การชี้นำของทูตสวรรค์ในทุกวันนี้ ชนจำพวกโยฮันที่เฝ้าระวังได้รับการเปิดเผยให้เข้าใจคำพยากรณ์นั้น. “การตีความเป็นเรื่องของพระเจ้ามิใช่หรือ?” เช่นเดียวกับโยเซฟผู้ซื่อสัตย์ เราก็เชื่อเช่นนั้น. (เยเนซิศ 40:8, ล.ม.; เทียบกับดานิเอล 2:29, 30.) ประชาชนของพระเจ้าเสมือนอยู่กลางเวทีขณะที่พระยะโฮวาทรงอธิบายให้พวกเขาทราบถึงความหมายของนิมิตนั้นและผลกระทบที่นิมิตนั้นมีต่อชีวิตของพวกเขา. (บทเพลงสรรเสริญ 25:14) ตรงตามเวลาที่กำหนดทีเดียว พระองค์ทรงไขข้อลึกลับเกี่ยวกับผู้หญิงนั้นและเกี่ยวกับสัตว์ร้ายให้พวกเขาเข้าใจ.—บทเพลงสรรเสริญ 32:8.
3, 4. (ก) เอ็น. เอช. นอรร์ ได้ให้คำบรรยายสาธารณะเรื่องอะไรในปี 1942 และคำบรรยายนั้นระบุตัวสัตว์ร้ายสีแดงเข้มอย่างไร? (ข) เอ็น. เอช. นอรร์ พิจารณาถ้อยคำอะไรที่ทูตสวรรค์ได้กล่าวแก่โยฮัน?
3 ตั้งแต่วันที่ 18 ถึง 20 กันยายน 1942 ขณะที่สงครามโลกครั้งที่สองกำลังดุเดือด พยานพระยะโฮวาในสหรัฐได้จัดการประชุมใหญ่ “โลกใหม่ตามระบอบของพระเจ้า.” เมืองหลักคือเมืองคลีฟแลนด์ รัฐโอไฮโอ ถูกเชื่อมต่อกับเมืองอื่น ๆ กว่า 50 เมืองที่มีการประชุมภาคโดยทางโทรศัพท์ ด้วยยอดผู้เข้าร่วมการประชุม 129,699 คน. ในที่ซึ่งสถานการณ์ระหว่างสงครามอำนวยให้ การประชุมภาคโดยใช้ระเบียบวาระเดียวกันนี้ก็ได้จัดขึ้นในที่อื่น ๆ ของโลกด้วย. ในเวลานั้น ประชาชนของพระยะโฮวาหลายคนคาดว่า สงครามนั้นจะค่อย ๆ ทวีความรุนแรงขึ้นจนเป็นสงครามอาร์มาเก็ดดอนของพระเจ้า ดังนั้น หัวเรื่องคำบรรยายสาธารณะที่ว่า “สันติภาพ—จะคงทนถาวรได้ไหม?” เร้าความสนใจใคร่รู้ได้มาก. เอ็น. เอช. นอรร์ นายกคนใหม่ของสมาคมว็อชเทาเวอร์กล้าพูดเกี่ยวกับสันติภาพได้อย่างไรในเมื่อสิ่งตรงกันข้ามดูเหมือนจะเกิดแก่นานาชาติ?a เหตุผลก็คือชนจำพวกโยฮันกำลังเอาใจใส่พระคำเชิงพยากรณ์ของพระเจ้า “มากกว่าปกติ.”—เฮ็บราย 2:1, ล.ม.; 2 เปโตร 1:19.
4 คำบรรยายเรื่อง “สันติภาพ—จะคงทนถาวรได้ไหม?” ทำให้พระคำเชิงพยากรณ์นั้นกระจ่างในเรื่องใด? ด้วยการระบุอย่างชัดเจนว่าสัตว์ร้ายสีแดงเข้มในวิวรณ์ 17:3 เป็นสันนิบาตชาติ เอ็น. เอช. นอรร์ ได้อธิบายต่อไปถึงหนทางที่ไม่ราบรื่นของมันโดยอาศัยคำกล่าวที่ทูตสวรรค์กล่าวแก่โยฮันดังต่อไปนี้: “สัตว์ร้ายที่ท่านได้เห็นนั้นเคยเป็นอยู่เมื่อก่อน และไม่ได้เป็นอยู่ตอนนี้ แต่มันกำลังจะขึ้นมาจากขุมลึกนั้น และมันจะถูกทำลาย.”—วิวรณ์ 17:8ก, ล.ม.
5. (ก) ที่ว่า “สัตว์ร้าย . . . เคยเป็นอยู่เมื่อก่อน” และ “ไม่ได้เป็นอยู่ตอนนี้” นั้นเป็นอย่างไร? (ข) เอ็น. เอช. นอรร์ ตอบคำถามที่ว่า “สันนิบาตชาติจะยังคงอยู่ในขุมลึกนั้นไหม?” อย่างไร?
5 “สัตว์ร้าย . . . เคยเป็นอยู่เมื่อก่อน.” ใช่แล้ว มันเคยเป็นอยู่ในฐานะสันนิบาตชาติตั้งแต่วันที่ 10 มกราคม 1920 เป็นต้นมา โดยมี 63 ชาติเข้าร่วมในเวลาใดเวลาหนึ่ง. แต่แล้ว ญี่ปุ่น, เยอรมนี, และอิตาลีก็ถอนตัว และอดีตสหภาพโซเวียตถูกปลดออกจากสันนิบาตชาติ. ในเดือนกันยายน 1939 ผู้เผด็จการนาซีของเยอรมนีเปิดฉากสงครามโลกครั้งที่สอง.b เมื่อไม่สามารถรักษาสันติภาพในโลก สันนิบาตชาติก็เสมือนกระโจนสู่ขุมลึกแห่งการอยู่นิ่งเฉย. ในปี 1942 มันจึงกลายเป็นสิ่งพ้นสมัย. ไม่ใช่ก่อนหน้านี้หรือในเวลาต่อมา แต่ในช่วงวิกฤตกาลนั้นทีเดียวที่พระยะโฮวาทรงอธิบายความหมายอันลึกซึ้งทั้งหมดของนิมิตนั้นแก่ประชาชนของพระองค์! ณ การประชุม “โลกใหม่ตามระบอบของพระเจ้า” เอ็น. เอช. นอรร์ แถลงสอดคล้องกับคำพยากรณ์นั้นได้ว่า “สัตว์ร้าย . . . ไม่ได้เป็นอยู่ตอนนี้.” ต่อจากนั้น ท่านถามว่า “สันนิบาตชาติจะยังคงอยู่ในขุมลึกนั้นไหม?” โดยยกวิวรณ์ 17:8 มากล่าว ท่านตอบว่า “การรวมตัวของนานาชาติแห่งโลกนี้จะปรากฏขึ้นอีกครั้งหนึ่ง.” แล้วก็เป็นเช่นนั้น เป็นการพิสูจน์ความถูกต้องแห่งพระคำเชิงพยากรณ์ของพระยะโฮวา!
การขึ้นจากขุมลึก
6. (ก) สัตว์ร้ายสีแดงเข้มขึ้นจากเหวเมื่อไร และมีชื่อใหม่อะไร? (ข) เหตุใดสหประชาชาตินั้นที่แท้แล้วก็เป็นสัตว์ร้ายสีแดงเข้มที่คืนชีพ?
6 สัตว์ร้ายสีแดงเข้มตัวนั้นได้ขึ้นจากขุมลึกจริง ๆ. ในวันที่ 26 มิถุนายน 1945 ด้วยการประโคมข่าวในนครซานฟรานซิสโก สหรัฐอเมริกา 50 ชาติลงคะแนนเสียงยอมรับกฎบัตรขององค์การสหประชาชาติ. องค์การนี้มีขึ้นเพื่อ “รักษาสันติภาพและความปลอดภัยระหว่างชาติ.” มีความคล้ายคลึงกันหลายประการระหว่างสันนิบาตชาติกับสหประชาชาติ. สารานุกรมเดอะ เวิลด์ บุ๊ก ให้ข้อสังเกตว่า “ในบางแง่ สหประชาชาติคล้ายคลึงกับสันนิบาตชาติซึ่งได้รับการจัดตั้งขึ้นภายหลังสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง . . . หลายชาติที่ก่อตั้งสหประชาชาติก็ได้ก่อตั้งสันนิบาตชาติด้วย. เช่นเดียวกับสันนิบาตชาติ สหประชาชาติได้รับการก่อตั้งขึ้นเพื่อช่วยรักษาสันติภาพระหว่างชาติทั้งหลาย. องค์กรหลักต่าง ๆ ของสหประชาชาติก็คล้ายคลึงกันมากกับของสันนิบาตชาติ.” ฉะนั้น ที่แท้แล้ว สหประชาชาติก็คือสัตว์ร้ายสีแดงเข้มที่คืนชีพนั่นเอง. สมาชิกทั้งสิ้นของสหประชาชาติซึ่งมีกว่า 190 ประเทศนั้นมีมากกว่าสมาชิกสันนิบาตชาติมากซึ่งมี 63 ประเทศ ทั้งยังมีหน้าที่รับผิดชอบกว้างใหญ่กว่าองค์การซึ่งเคยดำรงตำแหน่งมาก่อน.
7. (ก) พลโลกอัศจรรย์ใจด้วยความชื่นชมต่อสัตว์ร้ายสีแดงเข้มที่คืนชีพโดยวิธีใด? (ข) จุดมุ่งหมายอะไรได้หลุดไปจากสหประชาชาติ และเลขาธิการสหประชาชาติได้กล่าวอย่างไรเกี่ยวกับเรื่องนี้?
7 ในตอนแรก มีการแสดงความหวังมากมายต่อสหประชาชาติ. สิ่งนี้สำเร็จเป็นจริงตามถ้อยคำของทูตสวรรค์ที่ว่า “เมื่อคนเหล่านั้นที่อยู่บนแผ่นดินโลกเห็นว่าสัตว์ร้ายนั้นเคยเป็นอยู่เมื่อก่อน และไม่ได้เป็นอยู่ตอนนี้ แต่ก็จะมาอีก พวกเขาจะประหลาดใจด้วยความนิยมชมชอบ แต่พวกเขาไม่มีชื่อเขียนไว้ในม้วนหนังสือแห่งชีวิตตั้งแต่การวางรากของโลก.” (วิวรณ์ 17:8ข, ล.ม.) พลโลกชื่นชมกับองค์การใหม่ที่ใหญ่โตนี้ ซึ่งดำเนินการจากสำนักงานใหญ่ที่โอ่อ่าซึ่งตั้งอยู่บนฝั่งแม่น้ำอีสต์ในนครนิวยอร์ก. แต่สันติภาพและความปลอดภัยแท้ได้หลุดไปจากสหประชาชาติ. สันติภาพของโลกธำรงอยู่ได้ในช่วงเวลาส่วนใหญ่ของศตวรรษที่ 20 เพียงเพราะการขู่ขวัญด้วย “การทำลายล้างกันซึ่งจะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน” และการแข่งขันกันทางด้านอาวุธได้เพิ่มพูนขึ้นอย่างมหาศาลอยู่เรื่อย ๆ. หลังจากความเพียรพยายามเกือบ 40 ปีโดยสหประชาชาติ ฮาเวียร์ เปเรส เดอ เควยาร์ ซึ่งตอนนั้นเป็นเลขาธิการสหประชาชาติกล่าวด้วยความเสียใจในปี 1985 ว่า “เรากำลังมีชีวิตอยู่ในอีกยุคหนึ่งของคนบ้าคลั่ง และเราไม่ทราบว่าจะทำอะไรกับเรื่องนี้.”
8, 9. (ก) เหตุใดสหประชาชาติจึงไม่มีคำตอบสำหรับปัญหาของโลก และในไม่ช้าจะเกิดอะไรขึ้นกับสหประชาชาติตามประกาศิตของพระเจ้า? (ข) เหตุใดผู้ก่อตั้งและผู้นิยมชมชอบสหประชาชาติจึงไม่มีชื่อของตนบันทึกใน “ม้วนหนังสือแห่งชีวิต” ของพระเจ้า? (ค) ราชอาณาจักรของพระยะโฮวาจะกระทำสิ่งใดให้สำเร็จ?
8 สหประชาชาติไม่มีคำตอบ. เพราะเหตุใด? เพราะผู้ประสาทชีวิตแก่มวลมนุษยชาติไม่ใช่ผู้ประสาทชีวิตแก่สหประชาชาติ. ช่วงชีวิตของมันจะสั้น เพราะตามประกาศิตของพระเจ้า “มันจะถูกทำลาย.” ผู้ก่อตั้งและผู้นิยมชมชอบสหประชาชาติไม่มีชื่อเขียนไว้ในม้วนหนังสือแห่งชีวิตของพระเจ้า. มนุษย์ผิดบาปที่ต้องตาย ซึ่งหลายคนในจำนวนนั้นเยาะเย้ยพระนามของพระเจ้า จะทำให้สำเร็จโดยทางสหประชาชาติได้อย่างไร ในสิ่งที่พระยะโฮวาพระเจ้าทรงประกาศว่าพระองค์จะทำให้สำเร็จ ไม่ใช่โดยมือมนุษย์ แต่โดยทางราชอาณาจักรของพระคริสต์ของพระองค์?—ดานิเอล 7:27; วิวรณ์ 11:15.
9 แท้จริงแล้ว สหประชาชาติเป็นสิ่งหมิ่นประมาทที่เลียนแบบราชอาณาจักรมาซีฮาของพระเจ้าโดยทางพระเยซูคริสต์ องค์สันติราช ซึ่งการปกครองของพระองค์นั้นจะไม่รู้สิ้นสุด. (ยะซายา 9:6, 7) แม้ว่าสหประชาชาติไกล่เกลี่ยให้มีสันติภาพได้ชั่วครั้งชั่วคราว ไม่ช้า สงครามก็จะปะทุขึ้นอีก. นี่เป็นลักษณะของมนุษย์ผิดบาป. “พวกเขาไม่มีชื่อเขียนไว้ในม้วนหนังสือแห่งชีวิตตั้งแต่การวางรากของโลก.” ราชอาณาจักรของพระยะโฮวาโดยทางพระคริสต์จะไม่เพียงก่อตั้งสันติภาพถาวรบนแผ่นดินโลกเท่านั้น แต่โดยอาศัยเครื่องบูชาไถ่ของพระเยซู จะปลุกผู้ที่ล่วงลับไปแล้วให้เป็นขึ้นมา ทั้งคนชอบธรรมและคนอธรรมซึ่งอยู่ในความทรงจำของพระเจ้า. (โยฮัน 5:28, 29; กิจการ 24:15) ทั้งนี้รวมถึงทุกคนที่ได้รักษาความมั่นคงแม้ถูกซาตานและพงศ์พันธุ์ของมันโจมตี และคนอื่น ๆ ซึ่งยังจะต้องแสดงตนเชื่อฟัง. เห็นได้ชัดว่า ม้วนหนังสือแห่งชีวิตของพระเจ้าจะไม่มีวันมีชื่อของผู้ติดตามบาบิโลนใหญ่ที่หัวแข็ง หรือชื่อของคนที่ยังคงนมัสการสัตว์ร้ายอยู่.—เอ็กโซโด 32:33; บทเพลงสรรเสริญ 86:8-10; โยฮัน 17:3; วิวรณ์ 16:2; 17:5.
สันติภาพและความปลอดภัย—ความหวังลม ๆ แล้ง ๆ
10, 11. (ก) สหประชาชาติประกาศอะไรในปี 1986 และมีการตอบรับอย่างไร? (ข) มี “กลุ่มศาสนา” กี่กลุ่มมารวมกัน ณ เมืองอัสซิซิ ประเทศอิตาลี เพื่ออธิษฐานขอสันติภาพ และพระเจ้าทรงตอบคำอธิษฐานเหล่านั้นไหม? จงอธิบาย.
10 ด้วยความพยายามจะค้ำจุนความหวังของมนุษยชาติ สหประชาชาติได้ประกาศปี 1986 เป็น “ปีสันติภาพสากล” โดยมีอรรถบทว่า “เพื่อปกป้องสันติภาพและอนาคตของมนุษยชาติ.” มีการเรียกร้องให้ชาติต่าง ๆ ที่สู้รบกันวางอาวุธ อย่างน้อยหนึ่งปี. พวกเขาตอบรับอย่างไร? ตามรายงานของสถาบันวิจัยสันติภาพระหว่างประเทศ มีผู้คนถึงห้าล้านคนถูกสังหารเนื่องจากสงครามในช่วงปี 1986 ปีเดียว! แม้ว่ามีการออกเหรียญพิเศษและแสตมป์ที่ระลึกอยู่บ้าง แต่ประเทศส่วนใหญ่ไม่ค่อยได้ทำอะไรมากนักในการติดตามอุดมการณ์เรื่องสันติภาพในปีนั้น. กระนั้น ศาสนาของโลก ซึ่งมักจะเป็นห่วงการมีความสัมพันธ์อันดีกับสหประชาชาติเสมอ เริ่มประกาศปีนั้นในแนวทางต่าง ๆ กัน. วันที่ 1 มกราคม 1986 สันตะปาปาจอห์น พอลที่สองยกย่องงานของสหประชาชาติ และอุทิศปีใหม่นั้นแก่สันติภาพ. และในวันที่ 27 ตุลาคม เขาได้รวบรวมผู้นำศาสนาของโลกหลายศาสนา ณ เมืองอัสซิซิ ประเทศอิตาลี เพื่ออธิษฐานขอสันติภาพ.
11 พระเจ้าทรงตอบคำอธิษฐานขอสันติภาพเหล่านั้นไหม? ผู้นำทางศาสนาเหล่านั้นอธิษฐานถึงพระเจ้าองค์ใดกันล่ะ? หากคุณถามพวกเขา แต่ละกลุ่มจะให้คำตอบต่างกันไป. มีเทพเจ้านับล้านที่สามารถสดับฟังและตอบคำวิงวอนซึ่งทำในหลายวิธีต่าง ๆ กันไหม? ผู้ที่เข้าร่วมหลายคนนมัสการตรีเอกานุภาพของคริสต์ศาสนจักร.c ชาวฮินดู, และศาสนิกชนอื่น ๆ กล่าวคำอธิษฐานถึงเทพเจ้ามากมายนับไม่ถ้วน. ทั้งหมด มี “กลุ่มศาสนา” 12 กลุ่มมาชุมนุมกัน ซึ่งมีบุคคลที่มีชื่อเสียงเป็นตัวแทน เช่น อาร์ชบิชอปแองกลิกันแห่งแคนเทอร์เบอรี, ดาไลลามะของพุทธศาสนา, เจ้าคณะออร์โทด็อกซ์ของรัสเซีย, ประธานสมาคมวิหารชินโตของกรุงโตเกียว, นักวิญญาณนิยมชาวแอฟริกา และอินเดียนแดงสองคนที่ประดับศีรษะด้วยขนนก. นับเป็นกลุ่มที่มีสีสัน อย่างน้อยก็ทำให้การถ่ายทอดทางโทรทัศน์เป็นที่ตื่นตาตื่นใจ. มีอยู่กลุ่มหนึ่งอธิษฐานติดต่อกันนาน 12 ชั่วโมงในหนึ่งครั้ง. (เทียบกับลูกา 20:45-47.) แต่มีคำอธิษฐานใดในคำอธิษฐานเหล่านั้นไปไกลกว่าเมฆฝนที่ลอยตัวเหนือการชุมนุมครั้งนั้นไหม? ไม่ เนื่องจากเหตุผลต่อไปนี้:
12. ด้วยเหตุผลอะไรบ้างที่พระเจ้าไม่ทรงตอบคำอธิษฐานขอสันติภาพของผู้นำด้านศาสนาของโลก?
12 ต่างกันกับคนที่ “ดำเนินในพระนามของพระยะโฮวา” ไม่มีสักคนเดียวในนักศาสนาเหล่านั้นอธิษฐานถึงพระยะโฮวาพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่ ซึ่งพระนามของพระองค์ปรากฏประมาณ 7,000 ครั้งในคัมภีร์ไบเบิลฉบับดั้งเดิม. (มีคา 4:5, ล.ม.; ยะซายา 42:8, 12)d ในฐานะเป็นกลุ่ม พวกเขาไม่ได้เข้าเฝ้าพระเจ้าในพระนามของพระเยซู พวกเขาส่วนใหญ่ไม่เชื่อในพระเยซูคริสต์เสียด้วยซ้ำ. (โยฮัน 14:13; 15:16) ไม่มีใครเลยในพวกเขาที่ทำตามพระทัยประสงค์ของพระเจ้าสำหรับสมัยของเรา คือการประกาศไปทั่วโลกถึงเรื่องราชอาณาจักรของพระเจ้าที่กำลังจะมีมา—ไม่ใช่สหประชาชาติ—ว่าเป็นความหวังแท้ของมนุษยชาติ. (มัดธาย 7:21-23; 24:14; มาระโก 13:10) ส่วนใหญ่แล้ว องค์การทางศาสนาของพวกเขามีส่วนพัวพันในสงครามนองเลือดในประวัติศาสตร์ รวมทั้งสงครามโลกทั้งสองครั้งในศตวรรษที่ 20. พระเจ้าตรัสแก่คนเช่นนั้นว่า “เมื่อเจ้าอธิษฐานมากมายหลายหน, เราจะไม่ฟัง: ด้วยมือของพวกเจ้าเปรอะเปื้อนไปด้วยโลหิต.”—ยะซายา 1:15; 59:1-3.
13. (ก) เหตุใดการที่ผู้นำทางศาสนาของโลกจับมือกับสหประชาชาติในการเรียกร้องให้มีสันติภาพจึงมีความหมายสำคัญ? (ข) เสียงร้องหาสันติภาพจะบรรลุจุดสุดยอดในคราวสุดยอดอะไรที่พระเจ้าตรัสไว้ล่วงหน้า?
13 นอกจากนี้ ที่ผู้นำทางศาสนาของโลกจับมือกับสหประชาชาติในการเรียกร้องสันติภาพในเวลานี้มีความหมายลึกล้ำ. พวกเขาต้องการมีอิทธิพลเหนือสหประชาชาติเพื่อประโยชน์ของตนเอง โดยเฉพาะในปัจจุบันนี้ซึ่งศาสนิกชนจำนวนมากของพวกเขากำลังละทิ้งศาสนา. เช่นเดียวกับผู้นำที่ไม่ซื่อสัตย์ในอิสราเอลโบราณ พวกเขาร้องเสียงดังว่า “เป็นสุข ๆ เถิด, เมื่อไม่มีความสุขเลย.” (ยิระมะยา 6:14) ไม่ต้องสงสัย เสียงร้องหาสันติภาพของพวกเขาจะดำเนินต่อไป เพิ่มการสนับสนุนแก่จุดสุดยอดซึ่งอัครสาวกเปาโลพยากรณ์พาดพิงถึงว่า “วันของพระยะโฮวาจะมาเหมือนขโมยทีเดียวที่มาในเวลากลางคืน. เมื่อไรก็ตามที่พวกเขากล่าวว่า ‘สันติภาพและความปลอดภัย!’ แล้วความพินาศโดยฉับพลันก็จะมาถึงเขาทันที เหมือนความเจ็บปวดมาถึงหญิงมีครรภ์; และเขาจะไม่มีทางหนีให้พ้น.”—1 เธซะโลนิเก 5:2, 3, ล.ม.
14. เสียงร้องว่า “สันติภาพและความปลอดภัย!” นั้นอาจออกมาในรูปแบบใด และคนเราจะหลีกเลี่ยงการถูกชักนำให้หลงด้วยเสียงร้องนั้นได้อย่างไร?
14 ไม่กี่ปีมานี้ พวกนักการเมืองได้ใช้วลี “สันติภาพและความปลอดภัย” เพื่อพรรณนาถึงแผนการต่าง ๆ ของมนุษย์. การที่พวกผู้นำของโลกพยายามทำเช่นนี้ทำให้ 1 เธซะโลนิเก 5:3 เริ่มสำเร็จเป็นจริงแล้วไหม? หรือเปาโลกำลังพาดพิงถึงเหตุการณ์หนึ่งโดยเฉพาะซึ่งมีขอบข่ายใหญ่โตจนเป็นที่สนใจของคนทั้งโลก? เนื่องจากคำพยากรณ์ในคัมภีร์ไบเบิลมักจะเข้าใจได้อย่างกระจ่างชัดต่อเมื่อคำพยากรณ์นั้นสำเร็จเป็นจริงแล้วหรือไม่ก็กำลังสำเร็จเป็นจริง เราจึงต้องคอยดูกันต่อไป. ในระหว่างนี้ คริสเตียนรู้ว่าไม่ว่าชาติต่าง ๆ อาจดูเหมือนบรรลุสันติภาพและความปลอดภัยเช่นไรก็ตาม โดยพื้นฐานแล้วจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง. ความเห็นแก่ตัว, ความเกลียดชัง, อาชญากรรม, ครอบครัวแตกสลาย, การผิดศีลธรรม, ความเจ็บป่วย, ความเศร้าโศก, และความตายจะยังคงมีอยู่. นี่คือเหตุผลที่ว่าไม่มีเสียงร้องว่า “สันติภาพและความปลอดภัย” ใด ๆ อาจทำให้คุณ เข้าใจผิดได้ ถ้าคุณยังคงตื่นตัวต่อความหมายของเหตุการณ์ต่าง ๆ ในโลก และเชื่อฟังคำเตือนเชิงพยากรณ์ในพระคำของพระเจ้า.—มาระโก 13:32-37; ลูกา 21:34-36.
[เชิงอรรถ]
a เจ. เอฟ. รัทเทอร์ฟอร์ด เสียชีวิตเมื่อวันที่ 8 มกราคม 1942 และเอ็น. เอช. นอรร์ เป็นนายกสมาคมว็อชเทาเวอร์สืบต่อจากท่าน.
b เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 1940 เยอรมนี, อิตาลี, ญี่ปุ่น และฮังการี ได้ลงนามเพื่อตั้ง “สันนิบาตระหว่างประเทศขึ้นใหม่” อีกสี่วันหลังจากนั้นก็ได้มีการกระจายเสียงการทำพิธีมิสซาและการอธิษฐานของวาติกันเพื่อสันติภาพทางศาสนาและเพื่อการจัดระเบียบสิ่งต่าง ๆ ขึ้นใหม่. “สันนิบาตใหม่” นั้นไม่เคยบรรลุผลสำเร็จใด ๆ เลย.
c แนวคิดเรื่องตรีเอกานุภาพนั้นมาจากบาบิโลนโบราณ ซึ่งมีการนมัสการสุริยเทพชามัช, จันทราเทพซิน, และดาราเทพอิชทาร์ในฐานะเทพเจ้าที่มีสามภาค. อียิปต์ติดตามรูปแบบเดียวกันนี้ ด้วยการนมัสการเทพเจ้าโอซิริส, ไอซิส, และโฮรัส. มีการแสดงภาพของอัสเชอร์ อัครเทพของอัสซีเรีย ว่ามีสามเศียร. รูปจำลองซึ่งติดตามรูปแบบเดียวกันนี้จะพบได้ในโบสถ์คาทอลิก ซึ่งแสดงภาพของพระเจ้าว่ามีสามเศียร.
d พจนานุกรมเว็บสเตอร์ส เทิร์ด นิว อินเตอร์เนชันแนล ปี 1993 ให้คำจำกัดความถึงพระยะโฮวาพระเจ้าว่า “พระผู้เป็นเจ้าองค์สูงสุดซึ่งเป็นที่ยอมรับและพระผู้เป็นเจ้าเพียงองค์เดียวที่พวกพยานพระยะโฮวานมัสการ.”
[กรอบหน้า 250]
“สันติภาพ” จอมปลอม
แม้ว่าปี 1986 ได้รับการประกาศโดยสหประชาชาติให้เป็นปีแห่งสันติภาพสากล แต่การแข่งขันด้านอาวุธยุทโธปกรณ์ก็ทวีขึ้น. หนังสือการใช้จ่ายทั่วโลกทางการทหารและสังคม 1986 (ภาษาอังกฤษ) ให้รายละเอียดดังต่อไปนี้:
ในปี 1986 การใช้จ่ายทางทหารสูงถึงกว่า 22.5 ล้านล้านบาท.
การใช้จ่ายทางทหารของโลกในหนึ่งชั่วโมงเพียงพอจะทำให้ 3.5 ล้านคนซึ่งได้ตายในแต่ละปีเนื่องจากการติดเชื้อโรคที่น่าจะป้องกันได้พ้นจากโรคนั้น.
ทั่วโลก หนึ่งในห้าคนมีชีวิตอยู่ด้วยความทุกข์ทรมานเนื่องจากความหิวโหย. ผู้คนที่อดอยากเหล่านั้นทั้งหมดอาจได้รับการเลี้ยงดูตลอดหนึ่งปีด้วยค่าใช้จ่ายที่โลกได้ใช้ไปเพื่อกำลังรบภายในสองวัน.
พลังระเบิดของอาวุธนิวเคลียร์ที่โลกได้เก็บสะสมไว้นั้นมีความรุนแรงมากกว่าการระเบิดที่เชอร์โนบิลถึง 160,000,000 เท่า.
ระเบิดนิวเคลียร์หนึ่งลูกสามารถปล่อยออกไปโดยมีพลังระเบิดรุนแรงกว่าระเบิดที่ทิ้งที่เมืองฮิโรชิมาในปี 1945 ถึง 500 เท่า.
คลังแสงนิวเคลียร์เคยมีประสิทธิภาพมากกว่าระเบิดที่ทิ้งที่เมืองฮิโรชิมารวมกันหนึ่งล้านเท่า. คลังแสงนิวเคลียร์เหล่านั้นมีพลังระเบิดเป็น 2,700 เท่าของระเบิดที่ทิ้งในสงครามโลกครั้งที่สอง คราวที่มีถึง 38 ล้านคนเสียชีวิต.
สงครามต่าง ๆ ได้เกิดถี่ขึ้นและทำให้คนตายมากขึ้น. ยอดผู้ตายในสงครามมี 4.4 ล้านคนในศตวรรษที่ 18, 8.3 ล้านคนในศตวรรษที่ 19, 98.8 ล้านคนในช่วง 86 ปีแรกของศตวรรษที่ 20. ตั้งแต่ศตวรรษที่ 18 จำนวนผู้ตายในสงครามได้เพิ่มขึ้นเร็วกว่าการเพิ่มจำนวนประชากรโลกถึงหกเท่า. สงครามแต่ละครั้งในศตวรรษที่ 20 มีคนตายเป็นสิบเท่าของสงครามที่เกิดในศตวรรษที่ 19.
[ภาพหน้า 247]
ดังพยากรณ์ไว้เกี่ยวกับสัตว์ร้ายสีแดงเข้ม สันนิบาตชาติได้ตกสู่ขุมลึกในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองแต่ก็ถูกทำให้ฟื้นขึ้นมาอีกเป็นสหประชาชาติ
[ภาพหน้า 249]
ในการสนับสนุน “ปีแห่งสันติภาพ” ของสหประชาชาติ ตัวแทนจากศาสนาต่าง ๆ ในโลกได้เสนอคำอธิษฐานแบบผสมผเสกันที่เมืองอัสซิซิ ประเทศอิตาลี แต่ไม่มีใครสักคนในพวกเขาอธิษฐานถึงพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่ พระยะโฮวา